Group Blog
 
All blogs
 

^o^ Thanks for Hits : Fanart : My dear Yoshiki

Edit : link Yoshiki's blog


ไม่ค่อยโลภมาก up ทีละหลายเรื่อง

หลังจากฝ่าฟันมรสุมชีวิต ในที่สุดเราก็ทำภาพฉลอง 30,000hits ให้ blog ที่เงียบๆ จนได้ยินเสียงหญ้างอก blog นี้ได้สำเร็จ 1 ภาพ! เย้!!!!!!


ภาพหลักฐาน

สำหรับคุณ Kurai ค่ะขอบคุณที่แวะมาให้ comment บ่อยๆ ทำให้เรารู้ว่า ยังมีคนอ่านนะ ไม่ได้ใกล้บ้านั่งพล่ามคนเดียว (เออ....แต่ก็เกือบๆ แล้ว เหลืออีกมิลเดียว)



Click ที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่บ๊ะล่ะเฮิ่มค่ะ แบบว่า....ใจถึงมาก ถึงกล้าเปิดเผยความชุ่ยของผู้วาด (^o^) ฝากไว้ที่ website Deviantart นะคะ ไหนๆ ก็เป็นสมาชิกแล้ว ช่วยใช้บริการหน่อย

แม้ว่าจะซื้อ G-pen มาแล้ว แต่เก็บไว้บูชางั้นเองแหละค่ะ เพราะว่าภาพที่เราวาด วาดๆ ลบๆ พอวาดเสร็จ กระดาษเน่าพอดี ถ้าลงหมึก หมึกจะแตกสานซ่านไปบนกระดาษ เน่าหนักกว่าเก่าอีก จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้เล่น G-pen ซะที อดซะท้อนสะท้านใจไม่ได้เมื่อไปเห็นท่านนักทำโดจินทั้งหลายวาดรูป หูย.... จากการแอบสโตกค์ในมุมมืด ทำให้ทราบว่า แต่ละท่าน วาดรูปได้แม่นมาก คือ วาดแล้ววาดเลย ไม่ต้องร่างเส้นอลังการณ์ดาวล้านดวง ลงเส้นได้คมชัด งานสะอาด ไม่ว่าจะลงปากกาหรือแค่เส้นร่างดินสอ เส้นก็คมพอกัน ยางลบแทบจะหมดความหมาย เมื่อไหร่เราจะวาดได้อย่างนั้นบ้างนะ อาจจะเป็นเพราะใจโลเล บางทีวาดไปวาดมา แก้อยู่นั่นแหละ ขนาด final sketch ลงหมึกแล้ว ยังแอบแก้อีก ไม่เน่ายังไงไหว ภาพที่ลงใน blog นี้ แค่ร่าง ก็ 4 ชั่วโมงเข้าไปแล้วค่ะ (=_=):

เรื่องสีอีก ตอนนี้นอนเอาคอมพ์ก่ายหน้าผากว่า ลงสียังไงให้สีสรรคมชัดกะเขาบ้าง วาดเสร็จแล้วเข้า Photoshop ปรับสีแล้ว สียังตุ่นๆอยู่เลย แอบไปสโตกร์ blog นักวาดท่านอื่น เห็นบอกว่าปรับโดยใช้ Hue/Saturation ยังไงก็ขอพัฒนาฝีมือตัวเองเรื่อยๆ (ตราบเท่าที่ยังมีไฟอยู่ ^^”)

ในงาน Festa Japan + Comic Party3 เยี่ยมบูธของ Comic Season + Fast book แล้ว เค้าเอาใบเสนอราคาพิมพ์หนังสือให้ดู เออ.... น่าสนใจดีเหมือนกันนะ ชักอยากทำโด ทำสัก 50 เล่มจะขายหมดไหมนี่ ? [>_>] แต่มันคงเป็นวิมานในอากาศไปเหมือนเดิม ตราบใดที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

***

แหล่งแรงบันดาลใจ

ขอบไล่ดู Fanart ของญี่ปุ่น ดูทีไรมีไฟวาดรูปทุกที เลือกพวกที่ไม่ใช่งานเทพ เพราะงานเทพดูแล้วจะหมดไฟมากกว่ามีไฟ (^^) ส่วนใหญ่แล้วงานเค้าไม่ได้สวยเนี้ยบ แต่ดูมีอิสระ สนุก และมีไอเดียเก๋ๆ แปลกๆ ใหม่ๆให้เราอยู่เรื่อย ขุดไปขุดมา ไปโผล่ web fanart D.Gray Man ซะอย่างงั้น

เฮ้ย.....ทำไม Ravi / Kanda มันเยอะนักฟร้าย..... จินตนาการสูงส่ง แถมวาดสวยๆ กันทั้งนั้น ดูมากๆ แล้วเกิดอาการเบี่ยงเบน เบี่ยงเบนจาก Kanda/Alen ไปเป็น Ravi/Kanda เพราะมันน่าร้าก แมวเหมียวขี้โมโหกับกระต่ายจอมซน เข้ากันดีจัง

สรุปแล้ว เกิดไฟในการวาด Ravi, Kanda และ Alen และหิวโด D.Gray man โฮก.....

***


ได้ใกล้ชิด Idol ในดวงใจแล้ว (เฟร้ย!)

ในที่สุดชายโย ยอดขวัญใจเราก็เปิด Blog กะเค้าเหมือนกัน หลังจากปล่อยให้แฟนๆ ตีรันฟันแทง เอ้ย.... ถกกันว่า ใช่ Yoshiki ตัวจริงหรือเปล่าหว่า .... ??! แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนโรคจิตเยอะ ชอบแอบอ้างตัวเองเป็นดาราดัง จด web domain ชื่อคนดัง มาเปิด web สวมรอยเป็นคนดังซะอย่างงั้น

แต่จากที่เราตรวจสอบเองแล้ว คือ เจ้า blog นี้มัน link ไป //www.yoshiki.net ซึ่งเป็นของชายโยจริงๆ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ web yoshiki.net มัน link ไป blog นั้นด้วย อ่า.... อย่างน้อยก็มั่นใจได้เปลาะหนึ่งว่า มันมีสายสัมพันธ์กันจริงๆ แต่ตัวจริงแท้ชนิดทองไม่ลอกหรือเปล่า ไม่ขอยืนยัน ^^”

เด็กรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยมีใครรู้จัก Yoshiki แล้วมั้ง เพราะข่าวว่า ตอน Diru ไป Tour ที่อเมริกาใน Concert หนึ่ง ชายโยเธอไปดูเด็กเก่าเธอด้วย พวกแฟนๆ ที่ไปดูคอนเสริ์ทไม่ค่อยมีคนสนใจเธอเลย

ใครอยากคุยกับชายโย (ที่ยังคงติสต์แตกเหมือนเดิม) เชิญได้ที่ Yoshiki's blog ได้เลยนะคะ ส่วนฉันของ add link และสโตกร์ต่อไปค่า




 

Create Date : 08 กันยายน 2549    
Last Update : 14 กันยายน 2549 16:48:58 น.
Counter : 814 Pageviews.  

Japan Festa + Comic Party 3 : Day 2nd

ตั้งใจจะออกจากบ้านแต่เช้าแต่เผอิญว่า ติดสารคดีบันทึกโลก ตอนกษัตริย์กุสต๊าฟที่ 3 แห่งสวีเดนซะก่อน เลยไปเกือบเที่ยงอีกตามเคย

วันนี้คนดูบางตากว่าเมื่อวานเยอะ แต่บูธดูเยอะกว่าเมื่อวาน จัดโต๊ะแปลกดี แต่นับว่าใช้พื้นที่คุ้มค่า ^^” บาง Circle บอกว่ามาวันเดียว แต่วันนี้ก็มาอีก ตกลงเหมือนจะได้เปิดกันทั้ง 2 วัน ? แต่ก็มี Circle ใหม่มาเปิดบูธ ดูๆแล้วไม่มีโดจินถูกตาถูกใจ เดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ แม้บาง Circle เค้าจะลดราคาโดจินให้เราตั้ง 20.- (เพราะคงรำคาญมาเดินวนอยู่นั่นแหละ) แต่ก็ไม่ได้ซื้อ ^^; วันนี้ไม่ค่อยงกแฮะ เหตุผลที่ไม่ซื้อ.... ง่า.... ครือ เราอยากให้ผู้ผลิตโดจินใส่ใจกับคุณภาพของเนื้องานมากกว่านี้นิ๊ดนึง แบ๊บว่า.....................=(>.<)=................................. เฮ้ย..... ไม่พูดตอนนี้ดีกว่า อ้อ....บูธของ Fast Book มีต้นฉบับโดจินมาโชว์ด้วย ไปยืนพลิกๆ ดูแล้วถึงแจ้งว่า งานเค้าสะอาดมาก เส้นคม ถมดำเนี้ยบ ระลึกชาติถึงสมัยเรายังเขียนการ์ตูนแล้วละอายใจมาก งานเน่าสนิท ลิคควิคเปเปอร์บาน ถมดำเลอะเทอะ กระดำกระด่างไปทั้งต้นฉบับ (=_=)”


เจอคุณ Eguana กำลังนั่งวาดรูปอยู่พอดี จากการเดินผ่านไปมาหลายรอบ คาดว่าเสร็จงานนี้คุณ Eguana คงได้ภาพใหม่ๆ อีกหลายภาพ ถ้ามีโอกาสช่วย up ขึ้น blog ให้ชมบ้างนะคะ (^o^) ในที่สุดก็ใจกล้าขอเข้าไปถ่ายรูป ไม่ใช่แอบถ่ายน้า!!! ภาพที่กำลังวาด คาดว่าเป็นภาพ Riku และ Sora กำลังแข่งกันเก็บมะพร้าว Riku กำลังขย่มต้นมะพร้าว ส่วน Sora กำลังตั้งท่าปีนต้นไปปลิดลูกมะพร้าว ? ::::^^:::: เอ่อ....คงไม่ใช่หรอก คิดเอาเองทั้งนั้น ไม่กล้าจ้องนาน


เส้นคมมากค่ะ ขนาดแค่เส้นดินสอ ลายเส้นสะอาดมากๆ

ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะไปดูงาน Meeting ของห้องการ์ตูน board Pantip.com ดีหรือไม่ เพราะเผอิญมาจัดวันนี้แถวๆ สยามนี้เอง แต่ก่อนไปก็แวะเวทีของฝั่ง West stage ของ GMM, EMI, Negibose …etc. (สปอนเซอร์แยะจัด จำไม่ไหว) ก่อน เจอน้องๆ กำลังประกวด Karaoke กันพอดีเลย ร้องดีกันทั้งนั้น เพียงแต่ดีมากดีน้อยเท่านั้น ที่แน่ๆ ไม่มีสาหร่ายติดเต็มหัวแน่นอน ^^ น้องคนหนึ่ง Cos’ Kingdom Heart ในชุดของพวก Organization XIII มาร้องเพลง Aurevior ของ Malice Mizer แหม....เนียนดี อ่ะ! กรี๊ดดดดดดดดดดด........ กำลัง so sad กับเรื่อง Diru มาเจอ Malice Mizer ปลอบใจ ไม่ได้ฟังเพลงนี้มาตั้ง 5 ปีแล้วนา เลยแหมะอยู่เวทีนั้นซะเลย น้องเค้าร้องเพลงไปมี effect ฉีดน้ำไปด้วย ::^^:: อากาศมันร้อนมากกกก ตอนจบสัมภาษณ์เล็กน้อย น้องเค้าบอกว่าชอบ Mana-sama ด้วยล่ะ กรี๊ดดดดดดดดดด!!!! หายากมากที่จะมีชายหนุ่มชอบ Mana-sama ชอบคนเดียวกันเลยค่ะน้อง ไม่รู้ป่านนี้เจ๊ Mana จะเป็นไงบ้างที่ยุโรป ได้ข่าวว่าไปได้สวยนิ


ณ เวทีประกวดร้องเพลง G ที่ปลอมเป็นสมาชิก Organization XIII กำลังร้องเพลง Au revior จ้า

จากนั้นก็เป็น Girl Power เสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งร้องทั้งเต้นน่ารักดี ก็เพิ่งรู้ว่าหนุ่มๆ ผู้ชมเป็นแฟน idol ทั้งหลายจริงๆ แหม๊.... ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้อง ท่าเต้น ทุกท่านแม่นซะยิ่งกว่านักร้องบนเวทีซะอีก


กำลังร้องเพลงของ Morning Musume ค่ะ (วงนี้ยาวนานมากเลยนะนี่)


กว่าจะรู้ตัวก็บ่าย 2 โมงซะแล้ว กว่าจะไปทำธุระที่ Siam Discovery แล้วกลับมากินข้าว ไปนั่งชมงานที่ร้าน Swenzen ชั้น 2 ที่เดิม แปลกเนอะ คนแน่นมาก แต่ฉันก็ได้ที่ดีซะอย่างงั้น คนที่ไปนั่งกินไอติมที่ Swenzen เม้าท์งานข้างล่างอย่างเมามันส์มาก ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าข้างล่างเกิดอะไรขึ้น ? แน่นอน... แม้แต่พนักงานในร้านก็ยังไม่รู้เลยว่างานอะไร (=_=)a ถ้าไม่ติดว่าเจอคน Cos’ Mana-sama คงไม่รีบถลาแล่นลงไปที่ลาน MBK อีกรอบ


ถ่ายจาก Swenzen อีกครั้ง


น่าจะเป็น Cos' J-rock นะ แต่จำไม่ได้ว่าวงอะไร

ลืมไป เวทีฝั่ง Tokyu ก็มี Cover J-rock เล็กน้อย พอดีมาช้า ไม่รู้ว่าเค้า Cover วงอะไรบ้าง ได้ยินแว่วๆ ก็แค่ L’arc-en-ciel จากนั้นก็เป็น Cover Boy Bands เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จัก Moss วง Cover Johnny’s ทั้งหลาย แฟนเพียบเลยนะนี่


ถ้าจำไม่ผิด รูปนี้วง Moss นะ

เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก 15.30 น. ได้เวลา Makoto มาแล้ววววว์.... คนก็ฮือกันไปที่เวที ฉันก็ไปด้วย ไปถึงคนก็มืดฟ้ามัวดินแล้ว พอคนมากๆเข้า คนที่ผ่านไปผ่านมาก็มาช่วยมุงด้วย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งเหล่าแม่บ้าน MBK คนเบียดเสียดยัดเหยียดอากาศร้อนแทบจะเป็นลมบ้าหมู ใครก็อยากเข้าไปให้เห็นชัดๆ เพราะสถานการณ์ตอนนั้นมันเห็นแต่หัวคนมากกว่าเวทีซะแล้ว ผู้ดำเนินรายการต้องขอร้องไม่ให้เบียดเข้ามา ข้างหน้าจะแบนอยู่แล้ว รออยู่ประมาณ 10 กว่านาที แต่นานเหมือนเป็นชั่วโมง ไม่เคยมีครั้งไหนที่อยากงัดพีธีกรออกจากเวทีมากขนาดนี้ ร้อนก็ร้อน คนก็เบียด แต่คุณเธอพูดเสียงแหลมปรี๊ดสั่นประสาทอยู่นั่นแหละ


คนเยอะจริงๆ


Dir en grey วงนี้จำได้ดีไม่มีพลาด!


เจอแล้ว Mana-sama ที่เรามองหาตั้งแต่บนร้าน Swenzen


Totchi หรือ Miyabi นะ ?


เมื่อลาร่า คอร์ฟมาเจอหน่วยสวาท (เอ่อ... Cos' มาจากเรื่องอะไร ไม่ Get เลยจ้ะ) ดูเข้ากันมากๆ เลย เสียดายสิ่งแวดล้อมไม่เข้ากับองค์ประกอบ ฉันเลยตัดภาพได้แค่นี้



ในที่สุด Makoto มาแร้วววว์..... (โอย....มองไม่ค่อยเห็นเลยเฟร้ย) “เฮ้ย! หล่อว่ะ”.... เสียอุทานของแม่บ้าน MBK ส่วนสาวๆ ก็ “น่ารักจัง น่ารักสุดยอด !!!” กรี๊ดจนขี้หูเต้น ก็น่ารักจริงๆ ค่ะ ผิวขวาสวย ผอมบางแต่ไม่บอบบาง เวลายิ้มน่ารักมากๆ ไม่มีมุมที่จะไม่ photogenic เลย ขนาดว่าฉันยกกล้องขึ้นไปถ่ายสุ่มๆ เพราะมองไม่ค่อยเห็น ยังไม่เห็น Makoto มีมุมหลุดเลย


ร้องไปประมาณ 3-4 เพลง รู้จักแต่เพลงเดียว Tsubasa


ได้ท่านี้เยอะมาก เพราะเป็นมุมเดียวที่ฉันถ่ายได้ ถ้าเดินออกจากจุดนี้ก็จะไม่เห็นแล้ว

ร้องไป 4 – 5 เพลงค่ะ ประมาณ 30 นาทีจบ ตอนแรกที่พิธีกรประกาศว่า 1 ชม.ยังต๊กใจเลยว่า จะเผื่อฟรีขนาดนั้นเลยเหรอ ^^: ตอนร้องไปสัก 3 เพลงมีคนเดินออกเยอะ แต่ละคนเหงื่อท่วมยังกะโดนสาดน้ำ คาดว่าคงทนร้อนทนเบียดไม่ไหวแล้ว พวกหลังๆ เลยถือโอกาสเบียดไปข้างหน้าได้บ้าง


วงแขนขาวเนียนสุดยอด!!


กดชัตเตอร์เรื่อยเปื่อยฮะ


นะ...น่ารัก มุมนี้เห็นแล้วนึกถึง Hyde สมัยหนุ่มๆ


ดูดีทุกมุม


ว้าว! มองมาทางนี้ด้วย


มีแต่มุมด้านข้างนะ


ใส่เสื้อแขนกุดแบบนี้ เอาไว้เป็นนายแบบวาด Mello ดีกว่า


เหนื่อยนะ ช่วยร้องหน่อยสิคร้าบบบบบ!!!

กว่าจะกลับบ้านก็ 5 โมงเย็นกว่าๆ เหนื่อยมากๆ แต่ก็สนุกมากทั้ง 2 วัน แต่จะให้ดี ช่วยจัดแยกกันจะดีกว่าค่ะ เพราะดูเหมือนงาน Comic มันจะด้อยๆ ลงไปยังไงก็ไม่รู้ คนส่วนใหญ่ก็สนใจเวทีมากกว่าอย่างอื่น (รวมทั้งฉันด้วย ...แฮ่)


ผู้ได้รับรางวัลร้องเพลง Karaoke ค่ะ (ฮึ่ม ! เจ้าเรียวตะ!!)

ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ ทุกท่านที่ให้ถ่ายรูปนะคะ




 

Create Date : 06 กันยายน 2549    
Last Update : 6 กันยายน 2549 12:28:48 น.
Counter : 1048 Pageviews.  

Japan Festa + Comic Party ณ ลาน MBK : Day 1st

มาช้ายังดีกว่าไม่มา ^^" รายงานนี้ไม่เน้นถ่ายเจาะ Cosplay นะคะ เอาบรรยากาศงานมาแค่นั้น

ไม่รู้เลยว่าเป็น 2 งานจัดร่วมกัน เพราะเราเล็งแต่งาน Comic Party โดยงาน Japan Festa นั้น จัดโดย Mainichi ที่จัดงานเกี่ยวกับ Japan ๆ พวกนี้ทุกต้นเดือนอยู่แล้ว ส่วนงาน Comic Party จัดโดย Negibose เจ้าเก่า ฉันจัดเป็นงานใหญ่ของชาวโอตาคุทุกปี การมาจัด 2 งานร่วมกัน งานย่อมน่าจะดีขึ้น ใหญ่ขึ้น (แหงล่ะ) แต่เมื่อมองสถานที่ เฮ้ย... ลานหน้ามาบุญครองฝั่งTokyu ติ๊ดเดียว แถมอากาศร้อนแล่บอีกต่างหาก นึกถึงงาน Comic Party ที่เคยจัด มักจัดใน hall ไม่ให้แดดและลมลามเลียผิวสวยๆ ของเหล่า cosplay และโอตาคุเลยสักครั้ง ?! ช่วงก่อนหน้าจัดงาน อากาศแปรปรวน ฝนตกบ่อยเสียด้วย ฉันก็เป็นห่วงว่า เออ.... จะได้เล่นน้ำฝนกันอีกหรือเปล่านี่ ?! แต่ปาฏิหาริย์มีจริง เพราะ 2 วันที่จัดงาน อากาศดี แดดเปรี้ยงจนฉันแทบเป็นหมู 2 แดด ไม่รู้ทีมจัดงานหมดตระไคร้ไปกี่ต้น ?

Day 1st


เวทีฝั่ง Tokyu คนแน่นตลอด

บอกแล้วว่าไปวันแรก วัตถุประสงค์หลักของเราคือ Shopping Doujinshi เมื่อแอบดูแผนผังงานที่ Negibose แล้ว Circle มาร่วมงานเยอะพอใช้ แต่จากการติดตามข่าว ไม่ยักกะได้ข่าวว่า มี Circle ไหนออกโดจินใหม่ อาจจะติดสอบกันเยอะ ไม่เป็นไร เราไปตามเก็บ Doujin ที่พลาดไปดีกว่า หรือเผื่อจะมีงานประเภทกรุงแตกมารีพริ๊นท์ให้เก็บ

ไปถึงงานเอาเกือบบ่ายโมงเพราะรถติดมาก ไม่รู้วันเสาร์แถวนั้นรถติดมากอยู่แล้วหรือเพราะอิทธิฤทธิ์ของงานกันแน่ เพราะคนมืดฟ้ามัวดิน งานตั้งแถวยาวจากฝั่ง Tokyu ยาวไปจนถึงประตูกลางของมาบุญครองเลย กว่าจะเดินทะลุทะลวงทั่วงานเบียดเสียดยัดเยียดมาก ถ้าเริ่มเดินจากฝั่ง Tokyu ก็ต้องผ่านบูญเหล่าสปอนเซอร์กันก่อน มีจิปาถะที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีบูธชุดชั้นใน Waco ด้วย ^^” ส่วนบูธที่น่าสนใจ แต่กลับไม่น่าสนใจเสียอย่างนั้นก็บูธ ITV Asian Series ที่เจ้าหน้าที่ประจำบูธกำลังนั่งตบยุ่งอย่างเมามันส์อยู่ เอ๊ย.... เปิด Trailer ละครญี่ปุ่นให้ดูเรื่อยเปื่อย เงียบๆ เซ็ง ๆ ทั้งๆที่ละครน่าดูมาก แต่จนท.กลับไม่ประชาสัมพันธ์เรียกเล่นเกมส์หรือแจกโปสการ์ดอะไรเลย มิน่า... ได้ละครญี่ปุ่นดีๆ มาเยอะ กลับแป๊กมาตลอดซะอย่างงั้น ไม่มีกล่องรับความคิดเห็น ถ้ามีจะเข้าไปเขียนซะหน่อยว่า “ช่วยเปิดเพลง OP และ ED ให้จบสักครั้งจะได้ไหม ? อะไรจะงกนักฟ่ะ ? สปอนเซ่อร์ก็ไม่ค่อยมีแท้ๆ” หรือ “ทั้งละครและอนิเมญี่ปุ่น จะตัดทำแป๊ะอะไรฟ่ะ ? สปอนเซ่อร์ก็ไม่ค่อยมีแท้ๆ เวลาเหลือบาน” เฮ้ย!


จาก D.Gray Man ทรงผมน้องเค้าได้ใจมาก

เบียดคนหลุดบูธสปอนเซอร์มาได้ ก็จะมีบูธขาย CD ทั้งมือ 1 และมือ 2 Doujinshi ทั้งไทยและญี่ปุ่น ไม่มี Doujin ออกใหม่จริงๆ ด้วย (T[]T) แวะบูธ Kingdom Ultimate จดๆ จ้องๆ Doujin แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ซื้อเลยสักเล่ม เพราะมีอยู่แล้วและเป็นโดที่ฉันเข้าไม่ถึง ที่เข้าไม่ถึง ไม่ใช่เพราะคนมุงบูธเยอะ แต่เข้าไม่ถึงเนื้อเรื่องย่ะ ^^” ง่า.... ไม่แน่ใจว่าใคร ลายเส้นคุ้นๆ แต่นึกชื่อไม่ออก นั่งวาดรูป อยากขอ Tsukebu จัง แต่ไม่กล้า ไม่ได้ซื้อโดสักเล่ม แต่ขอ Tsukebu เค้าจะให้ไหม๊น้า..... ยืนจดจ้องอยู่นานเดี๋ยวเขาจะนึกว่าเป็นโรคจิต เลยเผ่นออกมาก่อน เดินไปเดินมา แล้วก็เดินไปเดินมาจนเมื่อย ได้โดมา 4 เล่ม ขนาดที่ว่าไม่มีโดออกใหม่นะนั่น ^^” ถือว่าทะลุเป้า(จนกระเป๋าฉีก) ตลกตัวเองตอนซื้อโดเจ้าหนึ่ง เข้าลดให้ตั้ง 5 บาทแน่ะ อู้ย...ฉันขอบใจเขาซะยกใหญ่ ไม่ค่อยงกเลยฉัน ตกลงคนซื้อเลยขอบคุณคนขายซะเลย

กลุ่มนี้คิดว่า Cos Bleach แต่คิดอีกทีไม่น่าใช่ ลืมถามน้องเค้าไปเลย

หลุดจากโซนโดจินก็เป็นอาหารการกินแบบญี่ปุ่น ไม่ถึงกับมานั่งแล่ปลาไททำซูชิ แต่เป็นขมนของกินง่ายๆ มากกว่า ไม่ยักกะมีใครเอาปลาไทไส้ถั่วแดงหรือน้ำแข็งไสหน้าถั่วแดงมาขาย อยากกิน (ไม่รู้หน้าเซนทรัลลาดพร้าวยังขายอยู่หรือเปล่านะ ?) ต่อจากนั้นก็เป็นโซนลับ เอ้ย! West Stage (อีกเวทีเป็น South Stage เวทีหลัก) กำลังแข่งเต้นเพลง Hot Summer ของ Takky & Tsubasa อยู่พอดี ดูอยู่หลายคู่ แต่ชอบคู่สาวน้อย 2 คนที่มาแบบ Dance อย่างเดียว คู่นั้นเต้นน่ารักมากแบบสาวน้อยชายหาด ในขณะที่ทีมอื่นมาแบบลิปซิงค์ ก็ไม่รู้ได้รางวัลหรือเปล่า เพราะทีมอื่นกองเชียร์เค้าก็เยอะมาก กรี๊ดกันสนั่นหวั่นไหว กรรมการอาจหวั่นไหว ฟังอยู่ได้ 5 ทีมก็ชิ่งไปเวทีฝั่ง Tokyu ดีกว่า อยู่ดูนานๆ เดี๋ยวจะคืนนี้ Oh Summer จะตามไปหลอกหลอน


ไกลไปหน่อย ช่วงนั้นคนมุงเยอะ แดดก็ร้อนอ่ะ

เวทีฝั่ง Tokyu กำลังร้องฉ่า นอกจากแสงอาทิตย์ที่ร้อนเปรี้ยงแล้ว วง Cover Boy & Girl bands กำลังวาดลวดลายกันไฟแล่บ แต่เรียกเสียงฮือมากที่สุด ก็วง 5 หนุ่มน้อยที่ Cover วง Burry Koubou ที่เต้นเวทีแทบพัง โห....น้องเอ๋ย อนาคตพี่ๆ ทิฟฟานี่ หรือ อัลคาซ่าร์หนาวแน่ แต่เต้นสนุกจริงๆ แอบเชียร์ด้วยแหละ ^o^ แต่เสียใจ ไม่มี Cover วงดนตรี


เอ่อ... จำไม่ได้อีกเช่นกันว่าวงอะไร

เวทีฝั่ง Tokyu คนเยอะมาก แถมเวทีก็เตี้ย มองบนเวทีไม่ค่อยเห็นอะไรเลยนอกจากหัวคนผลุบๆ โผล่ๆ แถมเป็นด้านประตูเข้าออกห้างด้วย คนเดินพลุกพล่านมาก ไม่ดีเลย พรุ่งนี้ Makoto มา หมอนี่แฟนคลับเยอะซะด้วย แอบเป็นกังวลเล็กๆ ว่า เวทีจะไหวไหมนี่ ?


มีเปิดโหวต Cover ในดวงใจท่านผู้ชม แปะรูปวง Cover และวงต้นแบบเรียบร้อย


วงที่เรียกเสียงฮือฮาสุดๆ จากผู้ชม

กลับบ้านตอน 5 โมงเย็น ก่อนกลับแวะไปเวทีด้าน West Stage เพื่อดูว่าใครได้รางวัลมั่ง ปรากฏว่าเค้าประกาศรางวัลกันไปเสร็จแล้ว แต่เวทีกำลังเริ่มประมูลของเกี่ยวกับการ์ตูนโดย Negibose อยู่ ที่เห็นเอามาวาง ไม่รู้ว่า rare items จริงหรือเปล่า ? แต่คนวังเวงน่าดู ทั้งทีมงานรวมฉันด้วยก็ไม่ถึง 10 คน เรียกแขกยังไงก็ไม่เพิ่มขึ้นมา ก็เริ่มประมูลกันไปอย่างงั้น ไม่รู้ประมูลกันเองหรือเปล่า? เพราะดูกันเอ๊ง กันเองมาก ขณะที่ประมูลกันมาถึงชิ้นที่ 4 – 5 เป็นโปสเตอร์ Fullmetal Alchemist คนเคาะบนเวทีเริ่มเหล่ๆ พวกมายืนดูน้ำลายยืดเฉยๆ แบบฉันปิ๊งๆๆๆ บ่อย ฉันก็ไม่มีแผน bids เพราะไม่มี item ไหนที่จะยอมตายถวายเงินเพื่อให้ได้มา ด้วยความเกรงใจ เลยรีบเผ่นออกจากเวทีประมูลกลับบ้านไปเลย ^^” อ้อ... item ที่เห็น ก็เป็นพวกตุ๊กตา Haruhi, Gundum Seed, โปสเตอร์ Fullmetal Alchemist และ Boy’s love สวยๆ พอสมควร ไม่รู้ตอนนั้น Negibose จะคิดได้หรือเปล่าว่า คิดถูกหรือคิดผิดที่มาจัดงานร่วมกับ Mainichi ?


บูธของ Fast Book พร้อมรับสมัคร Circle งาน Doujin ของงาน Comic Season

ไม่ได้อยู่ในงานตลอดหรอก เพราะไปนั่งกินไอติม Swenzen ที่ชั้น 2 ชมงาน มุมดีมากๆ เลย เพราะตรงบริเวณลานประตูกลางที่พวก Cosplay มาโพสต์ท่าถ่ายรูปกันพอดี

แอบถ่ายจาก Swenzen


สาวลาล่า คอร์ฟที่ถูกยิงด้วยแสงแฟลชมากที่สุด

วันนี้น่าจะกลับบ้านนอนหลับอย่างเป็นสุข ถ้าไม่เผอิญไปเปิดเจอรายการ “เก็บตก” ที่ช่อง 3 ฮือ.... วันเดียวกันนั้น เค้ามีประกวด Cover วง Dir en grey ที่ Siam Discovery พระเจ้าช่วยน้อง Kyo! ฟังหนแรกนึกว่าหูฝาดเป็น L’arc-en-ciel วงอย่าง Diru มีใครใจกล้าเป็นเจ้าภาพจัดประกวด Cover วงเดียวเดี่ยวๆ ฟ่ะ ?! แต่เห็นนักร้องนำร้องอย่างเข้าไส้แล้วประกอบกับประกวด Cosplay Diru แล้ว ใช่แน่ๆ หูตูไม่ฝาก Diru จริงๆ กรี๊ดดดดดดดดดดด...... เป็นไปได้ไง ชั้นตกข่าว อย่างแรงงงงงง! (T_T) มิน่าเล่า เดินๆ งานที่ MBK วันนี้ไม่ค่อยเจอพวก Cos J-rock เลยทั้งๆ ที่ปกติหนาตาพอดู ก็รู้สึกหงุดหงิดกับคำบรรยายของเจ๊กาละแมร์ ปากส้วมจริงๆ ไม่เข้าใจอะไรเล้ย ! แซวได้ผิดกาลเทศะเป็นที่สุด แต่มันก็แสดงให้รู้ว่า เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับ Visual rock, Glam Rock, Metal Gothic, Metal Rock, Speed Metal หรืออะไรจำพวกนี้สักกะติ๊ด และไม่เคยขวนขวายอยากรู้ มันยากนักหรือไง ? Google ก็ใช้ไม่เป็นเหรอ ? หรือมันอาศัยอยู่กันคนละมิติ แค่มาเหลื่อมซ้อนทับกันเฉยๆ คนอีกจำพวกจึงไม่เคยเข้าถึง ไม่เคยเข้าใจวงการณ์นี้เลย ??!



Soooooo Sad …. พรุ่งนี้ตั้งใจจะไปดู Makoto ล่ะกัน อย่างน้อยมันก็ J-rock ละว้า..... แม้จะเป็น Pop – rock ก็เถอะ

ปล. ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะค้า
ปล. คืนนั้นได้ดู MV Oh Summer พอดี เกทมุขแอปเปิ้ล ส้ม กล้วยแล้วล่ะ




 

Create Date : 05 กันยายน 2549    
Last Update : 5 กันยายน 2549 17:46:01 น.
Counter : 945 Pageviews.  

Yaoi – Doujinshi – ในมุมมองของ Keiko Takemiya นักเขียนรุ่นบุกเบิก

ความอยากเขียนเรื่องนี้ เริ่มจากหลังจากอ่าน Crystal Lord Opera ของ อ. Keiko Takemiya นักเขียนคนโปรดมาแต่อ้อนแต่ออก งานของอ. Takemiya นั้นประทับใจฉันมาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้นหรือเรื่องยาว แต่หลังยุคลิขสิทธิ์เฟื่องฟู เรากลับไม่ค่อยเห็นงานของอ. Takemiya ออกมาให้อ่านสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเรื่องของอ. Takemiya ออกแนว Sci-Fi มืดมน เจาะกลุ่มผู้อ่านหญิงวัยรุ่นตอนปลาย หรือพวกที่ไม่ได้มองโลกสดใส อาจารย์แกให้ concept ของงานตัวเองไว้ว่า สำหรับสาวๆ ที่หนีจากความจำเจ ไม่รู้จะอ่านอะไรดี ^^; คงไม่ค่อยถูกตลาดบ้านเรา

เอาล่ะ เมื่อคิดถึงงานเก่าๆ ของอ. Takemiya ก็เลยต้องใช้ Power of search engine หาข้อมูลของอาจารย์สักหน่อย ก็เลยได้พบกับบทสัมภาษณ์น่าสนใจของจาก website นี้ค่ะ

Interview with Keiko Takemiya

เนื่องจากว่า ฉันไม่ต้องการแปลทั้งหมด ขอยกมาเพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นของเราก็แล้วกัน

ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง (เกริ่นนานจริงวุ้ย) ขอแนะนำอ. Keiko Takemiya สักเล็กน้อยนะคะ เพราะถ้าใครเกิดไม่ทันอ่านการ์ตูนลิขสิทธิ์สมัยยอดธิดาหรือมิตรไมตรี ก็ยากที่จะรู้จักอ. Takemiya งานของอาจารย์จะเป็นแนว Sci-Fi, Fantasy จนไปถึงประวัติศาสตร์ ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า อาจารย์ยังมีความสามารถเขียนกลอนด้วย


อ. Keiko Takemiya (สวยอย่างที่คิดไว้ไหม ?)


ผลงานเด่นๆ ของ อ. Takemiya จาก Animenewsnetwork

อ.เริ่มเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่ปี 1968 (กรี๊ด!!! ฉันยังเป็นวุ้นอยู่เลย!?) ผลงานเด่นๆ มากมาย คือ ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ระดับ Professor ในมหาวิทยาลัย Kyoto Seika ในสาขา Manga Program ตั้งแต่ปี 2000 ผลงานล่าสุดคือ A Horse Traveling Time

ในราวๆ จะเรียกว่าในยุคสมัยนั้น ปี 1978 เรื่องความรักในแนว Homosexualไม่ใช่เรื่องต้องห้าม คงต้องบอกว่าในญี่ปุ่นแหละนะ(แต่คงไม่ส่งเสริมให้ใครทำ ?) การ์ตูนแนว Boy’s love ก็เริ่มเฟื่องฟูมาแต่นั้น รวมทั้งผลงานของอาจารย์ KT ด้วย ว่ากันว่า อาจารย์คือผู้เปิดศักราชการ์ตูน Homosexual ในปัจจุบันในผลงานชื่อ Kaze to Ki no Uta [The song of the Wind and trees] เป็นผลงานการ์ตูน YAOI ขั้นคลาสิกมาจนถึงทุกวันนี้ (แต่ฉันไม่เคยอ่านอ่ะ T_T) ก็เป็นอันหมดข้อสงสัยว่าหนุ่มๆ ของอาจารย์ที่พัวพันกันอยู่ มัน Y หรือไม่ Y (ฮา)


ภาพประกอบ Kaze to ki no uta

ส่วนตัวฉันก็เริ่มรู้จักอาจารย์จากเรื่อง “สุสานฟาโรห์” ของยอดธิดาค่ะ จำชื่อพระเอกกับนายเอกไม่ได้แล้ว แต่จำชื่อน้องนายเอกได้แม่น “ไนท์เคลียร์” เพราะชื่อเพราะและแปลกดี ^o^ จากนั้นก็เรื่อง Terra E เพราะเป็นอนิเมดัง (ขึ้นหิ้งคลาสิกเช่นกัน) เคยฉายช่อง 3 ด้วย เป็นแนว Sci-Fi Fantasy ที่นึกถึงก็ประทับใจทุกครั้ง


ฉบับภาษาไทย เป็นของ สนพ.มิตรไมตรี

การเขียนการ์ตูนแนว Homosexual ในสมัยนั้น เน้นหนักในเรื่องทางจิตวิทยา การที่อ. KT เลือกที่จะเขียนการ์ตูนแนว Homo นั้น อาจารย์ให้เหตุผลว่า

ด้วยแนว Boy’s love จึงทำให้เราสามารถแสดงออกได้ถึงบุคลิกภาพ 2 เพศ (ความเป็นหญิงและชาย) ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในมนุษย์

เด็กหนุ่มพวกนั้นก็สามารถเป็นตัวแทนได้ทั้ง 2 เพศในหนึ่งเดียว เพื่อที่เราจะนำมาถกกันในเรื่องของความรักและ sex ถ้าความสัมพันธ์ของความรักและ sex แสดงออกได้ผ่านความรักของชายและหญิงได้ ก็สามารถหลีกเลี่ยงการเน้นในเรื่องเพศได้ แต่เราสามารถถกกันถกกันเกี่ยวกับปัญหาที่นอกเหนือจากข้อจำกัดในเรื่องเพศใน Boy’s love ได้ เช่นเดียวกับในกรณีความรักหญิงชาย เป็นเรื่องยากที่จะมาคุยกันเรื่องบุคลิกภาพ 2 เพศเนื่องจากในความเป็นจริงนั้นผลลัพธ์ของความรัก คือการให้กำเนิดชีวิตใหม่นั่นเอง


แปลเป็นไทยเป็นไทยอีกที ความจริงฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง บุคลิกภาพ 2 เพศที่ฉันแปลมาจาก Dual personality ที่อาจารย์เน้นหนักหนาได้สักเท่าไหร่ แต่สรุปความได้ว่า มีบางเรื่องที่ไม่สามารถแสดงออกโดยใช้ความรักของหญิงชายเป็นพื้นฐาน เพราะปลายทางของความรักหญิงชายตามสัญชาติญาณ คือการให้กำเนิดชีวิตใหม่ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า ความต้องการสืบพันธุ์คือความต้องการสืบทอด DNA ซึ่งเป็นสัญชาติญาณพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต เพราะฉะนั้นความรักระหว่างที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากสัญชาติญาณสืบพันธุ์มากกว่า (แกเรียกว่า Monkey’s genes ^^”)


Andromedra's Story อีกผลงานคลาสิกทั้ง Anime และ Manga

ในความเห็นของเรื่อง YAOI อาจารย์นั้น อาจารย์บอกว่า

แต่เดิมนั้น มันเป็นแค่เรื่องสนุก งานอดิเรก การวาดเน้นฉาก sexy และยั่วยวนจาก manga ดังนั้น YAOI หมายถึง ไม่มีแก่นของเรื่อง (Climax) ไม่มีบทสรุป และไม่มีความหมาย


ที่อ. TK พูดคือเรื่องจริงอย่างยิ่งนะคะ เพราะถ้าใครเป็นพวกสาวก Homo รุ่นดึกดำบรรพ์ เราจะทราบกันดีว่า YAOI หมายถึงการ์ตูน SEX ล้วนๆ มีรากศัพท์มาจากคำภาษาญี่ปุ่น 4 คำ จำไม่ได้แล้วว่าคือคำอะไร แค่ความหมายของมันทั้งหมด ตามที่อ. TK บอกแหละค่ะ สมัยนั้นบอกใครว่าชอบอ่าน YAOI ก็แสดงว่าคุณลามกใช้ได้เลย ^^” (พอๆ กับคำว่า Hentai) กว่าฉันจะปรับตัวยอมรับคำว่า YAOI ได้และมองคำว่า Homo สูญพันธุ์อย่างตาละห้อย ก็ใช้เวลานานพอดู โธ่.... ยังฝังใจว่า YAOI คือลามก เอะอะก็จะประกอบกิจกรรมต่ำกว่าสะดือกันอย่างเดียว ฉันไม่ได้เป็นคนลามกนี่นะ ฉันคิดว่าความรักในเพศเดียวกัน เป็นสิ่งสวยงาม คือความรักที่เอาชนะธรรมชาติ ใครที่หน้าด้านหน้าทนรักกันโดยไม่แคร์สังคมและกฎของธรรมชาติ น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง (แม้ในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่สวยงามอย่างง้าน)


ฉบับภาษาไทย "ศึกชิงบัลลังค์เลือด" ของสนพ.ยอดธิดา สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ แต่ฉันเก็บได้ไม่ครบอ่ะ (T{}T)

อาจารย์ยังมองต่อไปว่า

หลังจากนั้นไม่นานนัก แนว YAOI เริ่มเป็นที่นิยมใน Doujinshi ดังนั้น YAOI จึงหมายถึง Parody (เรื่องเขียนล้อ) ไม่นานนัก เราก็เห็นพวกตัวละครใน Doujinshi แล้วพวก YAOI ก็กลายเป็นแบบ Parody เพราะนั่นเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่พวกกลุ่มนักเขียนการ์ตูนมือสมัครเล่นจะสนุกได้โดยไม่ต้องเสียเวลาหรือสร้างตัวละครของตัวเอง แล้วก็ ขายการ์ตูนง่ายด้วย


อ่านแล้วก็ไม่รู้ว่าอาจารย์มองยังไงกับเรื่องนี้ในฐานะคนสร้างสรรค์ตัวละคร แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาต่อยอดหรืออาศัยความคิดนี้ไป ไม่ใช่คนทำโดขาย ก็เลยบอกไม่ได้ว่าขายง่ายจริงเหมือนที่อาจารย์ว่าหรือเปล่า ? คงเอาไปเทียบกับวงการณ์การ์ตูนญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ในไทย ฉันตัดสินใจซื้อโดง่ายกว่าซื้อการ์ตูนลิขสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ทั้งๆที่ราคาแพงกว่าอย่างน้อย 3 เท่า ขอให้ทำถึงเถอะ ฉันซื้อ!

แต่อาจารย์ก็ไม่ได้มองเรื่องนี้ในแง่ร้ายซะทีเดียวนะคะ ออกเป็นผู้ใหญ่มองดูเด็กอย่างเห็นใจมากกว่า อาจารย์ไม่คิดว่าพวกมานั่งทำโดจิน คงไม่ได้มาทำเพื่อการค้าหรอกนะ (?) เพราะอาจารย์พูดว่า

ในกรณีนี้ การขายได้ง่ายไม่ได้หมายความว่าทำเงินด้วยนะคะ แต่หมายความว่า พวกเขาสามารถแบ่งปันจินตนาที่พวกเขาสร้างขึ้นมาได้ การขายได้มากๆ ก็หมายความความมีคนจำนวนมากมีจินตนาการร่วมกัน ตามธรรมดาแล้วหมายถึง “Ukeru – เข้าถึง” ค่ะ


ในความเห็นของอาจารย์เกี่ยวกับพวกการ์ตูน Boy’s love นอกเหนือจาก JUNE นิตยสารการ์ตูนที่อาจารย์ทำอยู่นั้น นั้น อาจารย์มีความเห็นว่า

เป็นเรื่องความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวธรรมดา เพียงแต่บทบาทของหญิงสาวถูกแทนที่ด้วยเด็กหนุ่มเท่านันเอง ซึ่งใครเล่นบทเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวก็เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว


ฉันเห็นด้วยมากเลย บางทีก็ไม่รู้ว่ามันจะ Y ไปทำไม ในเมื่อนายเอกแต๋วแตกขนาดนั้น ฮือ.... ในความหมายของฉันคือ อยากอ่านการ์ตูน Y ที่มันเป็นผู้ชายจริงๆ ถ้าจะเดินเรื่องแบบนั้น สู้ไปอ่านการ์ตูนชายหญิงปกติดีกว่า ฉันไม่ได้ Y จนหน้ามืดเห็นผู้ชาย 2 คนยืนคู่กันก็จิ้นไปนู่นแล้วนะ มันต้องมี Chemistry ต่อกันบ้าง แต่ถ้ากวาดตามองไปในวงการณ์ Doujinshi ในปัจจุบัน เค้าไม่ต้องพึ่งพา Chemistry กันแล้ว ประมาณว่า ชอบตัวละครตัวไหน ก็จับคู่กันได้เลย บางตัว หน้ามันแทบไม่มองกัน แทบจะไม่มีบทพูดกันด้วยซ้ำ เรื่อง Original ก็ยังอุตส่าห์มี Doujinshi ออกมาจนได้ แถมยังสนุกเป็นบ้า ^^”

ส่วนการ์ตูนผู้หญิงทั้งหลายนั้นอาจารย์ให้ความเห็นว่าแม้จะเป็นเรื่องความรักระหว่างชายหญิงแบบปกติ แต่ยังแสดงออกถึงความปรารถนาของสาวๆ อยู่ดี โดยพวกผู้หญิงก็ยังคงรักผู้ชายที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่ในสายตาของฉันวงการณ์การ์ตูนผู้หญิงนับวันจะถอยหลังลงคลองยังไงก็ไม่รู้ เมื่อก่อนเรายังมีการ์ตูนหลากหลายให้อ่าน แต่ปัจจุบัน มีแค่แนว Drama, Fantasy หรือไม่ก็ Comedy ให้อ่าน ในขณะที่สมัยก่อน ยังมีแนว Horror หรือแนวกีฬาให้อ่านกันเลย

เกี่ยวกับ YAOI ในปัจจุบันนั้น อาจารย์มีความเห็นว่า

คงจะอยู่ต่อไปอีกสักพัก แต่ไม่นานนักเพราะคนจะเริ่มเบื่อและจะหยุดไปเอง เหตุผลของอาจารย์คือ ขนาด TV ยังมีละคร YAOI ให้ดูเลย ช่อง NHK ซะด้วย แถมการ์ตูน YAOI ยังกลายเป็นเรื่องทางการค้าไปแล้ว ก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องไปทำ YAOI doujinshi ในขณะที่เราสามารถซื้อการ์ตูน YAOI ตามท้องตลาดทั่วไปได้แล้ว


เรื่องนี้อาจารย์พูดไว้ตั้งแต่ปี 2003 ค่ะ มันก็ใช่ ปัจจุบันเรามีการ์ตูน YAOI อ่านกันมากขึ้น เรียกว่าเกลื่อนกลาดบนแผง หาซื้อกันได้ทั่วไป ไม่ต้องหาอ่านกันตามใต้ดินหรือต้องกระเสือกกระสนสั่งกันเองจากญี่ปุ่น แล้วยังต้องกระเสือกกระสนไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อเอามาอ่านพวกการ์ตูนที่สั่งมาจากญี่ปุ่น (ฮา) เรียกว่าสมัยก่อนกว่าจะได้อ่าน YAOI สักเล่ม ลำบากกันมาก แต่ฉันคิดว่า การ์ตูน YAOI จะอยู่หรือจะไปขึ้นอยู่กับคุณภาพมากกว่า ระยะรุ่งเรือง อาจจะมีคนเข้ามาอ่านตามแฟชั่นมาก แบบเห็นเพื่อนอ่าน หรือเพื่อนยัดเหยียดให้อ่าน อ่านตามเพื่อนไม่งั้นตกรถไฟ (เทร์น ^^;) คนกลุ่มนี้ก็คงไม่ใช่แฟนพื้นฐานของ YAOI หรอกค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ชอบอ่านเพราะชอบจริงๆ คงมีอยู่ การอ่าน YAOI มันก็เหมือนเป็นเกย์นั่นแหละค่ะ ถ้าไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่ ยังไงคุณก็ทนจูบไซ้เพศเดียวกันไม่ได้ตลอดหรอก (ฮา)

ที่เหลือนอกนั้น อาจารย์มีความเห็นในเรื่องวงการณ์การ์ตูนญี่ปุ่นในปัจจุบัน อาจารย์บอกว่า สมัยอาจารย์ยังเป็นแค่นักอ่านน่ะ การ์ตูนผู้หญิงเหมือนๆ กันไปหมด แทบจะไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเลย แต่สมัยนี้เด็กผู้หญิงเริ่มไปอ่านการ์ตูนผู้ชายมากขึ้น ทำให้การ์ตูนผู้ชายเริ่มมีการแสดงความรู้สึกอ่อนไหวเอาใจเด็กผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นด้วย อาจารย์เห็นว่าการ์ตูนสำหรับผู้ชายและผู้หญิงเริ่มมีอิทธิพลต่อกัน ทุกวันนี้มีนักเขียนการ์ตูนผู้หญิงหลายคนเขียนการ์ตูนลงในนิตยสารเด็กผู้ชาย ด้วย แต่ยังไม่ปรากฏหนุ่มไหนเจาะไข่แดงมาเขียนการ์ตูนแบบผู้หญิงๆ ให้ผู้หญิงอ่าน

ก็จริงของอาจารย์แหละค่ะ ใครที่อ่านการ์ตูนมาแต่โบร่ำโบราณ ก็จะรู้ว่า การ์ตูนผู้ชายน่ะ เมื่อก่อนเอะอะอะไรก็กล้ามแตกไว้ก่อน จะมาทำซึ้งกันน่ะ ไม่ใช่ไม่มีเลย แต่ยากส์! (ขนาดซึ้งยังแก๊กไม่เลิก) แต่การ์ตูนผู้ชายสมัยนี้ บางเรื่องพระเอกของเราคิดมาก อ่อนไหวมากกว่าการ์ตูนผู้หญิงเสียอีก แถมมิตรภาพลูกผู้ชาย ซาบซึ้งซะไม่มี (^^) การที่การ์ตูนผู้ชายมีวิวัฒนาการมาจนถึงขั้นนี้ได้ จะว่านักเขียนการ์ตูนรุ่นหลังๆ มีมุมมองลูกผู้ชายต่างไป ประเภท “หรือผู้ชายเสียใจไม่เป็น ?” และพวกสนพ.คงตระหนักได้ว่า มีกลุ่มแฟนผู้หญิงที่อ่านการ์ตูนผู้ชายเยอะมากในปัจจุบัน เลยไฟเขียวให้ไม่จำเป็นให้ตัวละครในการ์ตูนผู้ชายเก๊กแมนขายเท่อยู่ตลอดเวลาก็ได้ ส่วนการ์ตูนผู้หญิง ก็คงตระหนักดีกว่า ผู้หญิงในปัจจุบันเข้มแข็งมากขึ้น จึงปรับเปลี่ยนเรื่องให้แสดง Girl Power มากขึ้น แต่ก็น่าเศร้าใจว่า ไม่ว่าเธอจะเข้มแข็ง ก๋ากั่น ขนาดไหน สุดท้ายปลายทางของเรื่อง เธอก็แค่ได้ลงเอยกับผู้ชายดีๆสักคนเท่านั้น


การ์ตูนบ้านเรานั้น กลับเห็นว่าวงการณ์การ์ตูนบนดินไทยล้มลุกคลุกคลานน่าดู สมัยฉันยังฝันเฟื่องอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ยังมีความหวังกว่าทุกวันนี้ ส่วนวงการณ์ YAOI ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่จำเป็นต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่เพื่อหาวัตถุดิบ เข้มงวดเรื่องสมาชิกและกฎระเบียบจนเหมือนสมาคมลับอะไรสักอย่าง ในปัจจุบันมีการ์ตูน YAOI ให้อ่านเหลือเฟือและมีโดจิน Y ฝีมือดีให้ shop แม้จะราคาแพงเลือดสาด แต่มันยุ่งยากน้อยกว่าการที่คุณต้องไปสมัครกลุ่ม Circle สอบสัมภาษณ์ เสียค่าสมาชิก และปฏิญาณตนตามกฎเหล็กจิปาถะ ไม่ต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ หรือนั่งสร้างเครือข่าย Pen Pal เพื่ออ้อนวอนของ Xerox งาน หรือแลกเปลี่ยนงานของนักเขียนโดจินที่หายากกัน นี่ไม่ได้ลำบากนะคะ เพราะยังไงก็คิดว่า มันสนุกและภูมิใจมาก กับการได้งานของใครมาสักชิ้น ทุกวันนี้พวก Illustrations และ Doujinshi ทั้งหลายฉันยังเก็บอย่างดี ให้คุ้มกับความลำบากที่กว่าจะได้มา

ภาพทั้งหลายมาจาก : //www.shoujo-manga.net/autrici/takemiya/

***

Comic Party 3

วันที่ 2 - 3 กันยายน 2549 นี้ สงสัยจะฤกษ์ดี มีงานชนกันเปรี้ยงๆๆๆ หลายงาน งาน Comic Party 3 ด้วย ปีนี้จัดโดยมีสปอนเซอร์ทั้ง Mainichi และ MBK ไม่รู้ว่าเก็บตังส์ค่าเข้างานเหมือนทุกปีหรือเปล่า ? แต่ติดใจตรงสถานที่ ตรงลาน MBK มันไม่มีหลังคานา ฝนตกขึ้นมาจะทำยังไง ? ยิ่งตอนนี้อากาศไม่เป็นใจด้วย กลัวต้องวิ่งหลบฝนกันจ้าล่ะหวั่น คราวที่แล้วไม่สบายด้วย หลังจากจ้องๆ ดู Circle ทั้งหลายที่มาเปิดบูธ คิดว่าจะไปวันเสาร์ล่ะ ไม่รู้จะติดงานหรือเปล่า ? แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปวันเสาร์ งานหลักของการไปงาน Comic event ของเราคือ shop Doujin นี่นะ

ตรวจดู Circle ที่จะไปเปิดบูธในงานได้ที่ website Negibose นะคะ

***

ข่าวย่อย

- กรี๊ด!!!!!!!!! .... ในที่สุดภาค manga ของ Evangalion ก็มาถึงตอนของ Kaoru แว้วววว์..... น่ารักบาดตา เท่บาดใจที่สุด ง่า.... แต่ก็ใกล้ถึงตอนที่ปวดใจที่สุดแล้ว แง๊! ไม่นะ เปลี่ยนบทไม่ได้เหยอ ?!

ฉบับภาษาไทยโดย SIC ออกถึงไหนแล้วเนี่ย ?!


- Thumb disk เจ๊งซะแล้ว เฮ้อ....

- เป็นไรไม่รู้ ปวดต้นคอมาก ปวดมากว่าอาทิตย์ แต่วันนี้เงยหน้าแทบไม่ได้




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2549    
Last Update : 31 สิงหาคม 2549 17:41:03 น.
Counter : 4486 Pageviews.  

บอกเล่าเก้าสิบ= ฆาตกรระดับ 7, Crystal Lord Opera, etc.

Edit : 25/08/49

กลับบ้านไปหนนี้ ไม่ค่อยได้อ่านอะไรเลย เพราะรู้สึกว่า ใช้เวลาจ่อมกับหนังสือมากเกินไปซะแล้วเพื่อนฝูงญาติพี่น้องกลับบ้านทั้งที ไม่ค่อยได้เจอเลย เลยเพลาๆ การอ่านลงบ้าง นี่ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เช่าหนังสือมาทั้งหมด แต่ดันอ่านไม่หมดซะอย่างงั้น

ฆาตกรรมระดับ 7

โดย มิยูกิ มิยาเบะ



เล่าเรื่องชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ประมาณว่าความจำเสื่อม ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? แล้วสิ่งแวดล้อมที่น่าขนลุกนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ตัวพันกับตัวเองไหม ? การสืบค้นหาตัวตนของเขาและเธอพาไปสู่คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ

อ่ะ ที่เขียนๆ มาก็แค่เรื่องย่อแปะติดกับตัวหนังสือ แต่ความจริงแล้วในเนื้อหาของหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนนี้ สามารถแยกย่อยออกเป็นนิยายนักสืบ 2 เรื่องได้สบายๆ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันก็ได้ด้วยแน่ะ (O_o)! เรื่องของชายหญิงคู่หนึ่งที่ความจำเสื่อม กับเรื่องแม่ม่ายสาวลูกติดที่สืบหาตัวเด็กสาวที่หายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย จะว่าเรื่องทั้งสองทำให้เนื้อเรื่องไม่กลมกลืนกัน หรือจะว่าเป็นการดำเนินเรื่องแบบแปลกใหม่ดีนะ ? แต่ทั้งสองคดีก็มุ่งไปหาสถานที่เกิดเหตุเดียวกันและมีตัวละครเกี่ยวพันกันหนึ่งตัว

หลังๆมานี่ฉันชอบอ่านนิยายนักสืบจากญี่ปุ่นมากเลยล่ะ เป็นเพราะว่าการวางเรื่องที่ให้ความรู้สึกลึกลับและให้ข้อมูลผู้ต้องสงสัยอย่างยุติธรรมกับคนอ่าน (คิดว่านะ ^^”) เคยเอานิยายนักสืบของเจ้าแม่นวนิยายนักสืบ อการ์ธา คริสตี้มาอ่าน แต่พออ่านเรื่องนั้นจบแล้ว กลับรู้สึกแย่กับนิยายนักสืบแนวนั้นมากๆ เหมือนนักเขียนเขาจะถีบคนอ่านออกไปแค่ผู้ชม การให้ข้อมูลของคดีมีกั๊กไว้หักมุมตอนจบ จำได้ว่าเรื่องที่อ่านนั้น ปูพื้นผู้ต้องสงสัยทั้งหมดมา แต่ตอนจบกลับหักมุมว่า ฆาตกรคือคนวงนอกที่แทบจะไม่ได้โผล่เข้ามาในเรื่องซะฉิบ! หลังจากนั้นก็ร้างราจากนิยายนักสืบมาเสียนาน มาจับอีกทีก็เริ่มอ่านคินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนาทั้งหลายนี่แหละ บางตอนนา ก็หมั่นไส้คนเขียนเหมือนกันแหละ นิยายนักสืบเขาต้องโชว์ตัวนักสืบเป็นตัวเอกว่าทำอะไรไปบ้าง แต่คินดะอิจินี่เหมือนกับว่า พวกตัวละครจะคลี่คลายปมปริศนาเองมากกว่า ในขณะที่ตัวคินดะอิจิเหมือนเป็นตัวแทนคนอ่าน คอยสรุปและปะติดปะต่อข้อมูลต่างเข้าด้วยกันให้เราดู ซึ่งก็แตกต่างจากนิยายนักสืบจากฝั่งตะวันตกมาก

เรื่องนี้จะไม่วิจารณ์เนื้อเรื่อง เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน spoil เอามันส์กันทั้งเรื่อง แต่ขอบอกว่า ตอนต้นเรื่องอืดมาก เกือบตัดใจไม่อ่านไปหลายรอบ พอกลางเรื่องเริ่มจับประเด็นตั้งตัวได้ (ทั้งตัวละครและคนอ่าน งงว่าตูกำลังเผชิญสถานการณ์อะไรอยู่นี่ ?) ก็จะเริ่มสนุก คดียุ่งยากแต่ไขง่ายไปนิ๊ด ... ไม่รู้เพราะคนแปลแปลดีหรือธรรมชาติของนิยายญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ? เพราะบรรยายบรรยากาศได้และที่สำคัญ บรรยายตัวละครได้หล่อสวยโดยไม่เว่อร์เกินไปนัก (^^)

Crystal Lord Opera by Keiko Takemiya

งานของนักเขียนการ์ตูนคนโปรดของฉัน ขึ้นหิ้งงานคลาสิกเป็นที่ฮือฮาในต่างประเทศมาก แต่ในไทย ไม่รู้มีแฟนเยอะขนาดไหน ?



จำชื่อภาษาไทยไม่ได้ การ์ตูนจากค่ายบูรพัฒน์ที่ออกถึงเล่ม 4 แล้ว และมีแววว่าจะหาอ่านต่อไม่ได้ ที่หยิบเรื่องนี้มา เพราะว่าเป็นนักเขียนคนโปรด นอกจาก Yuki Kaori ที่เคยได้รับฉายาการ์ตูนว่า “โรคจิต ไม่ผิดศีลธรรม ก็แอบ Y” ก็มีนักเขียนคนนี้อีกคนนี่แหละ ที่แอบ Y ได้วาบหวามมาตลอด
ถ้าไม่สังเกต คุณจะไม่เห็น ถ้าไม่พินิจคุณจะจับไม่ได้ (หัวเราะ)

คราวนี้อาจารย์ให้ตัวเอกเป็นเด็กผู้หญิงแฮะ แต่ยังแก่นกะโหลกเหมือนเด็กผู้ชายอยู่ดี หวังว่าอาจารย์คงไม่หักมุมเหมือนเรื่องแล้วๆมาของอาจารย์นะ (หุ...หุ... เด็กผู้ชายกลายเป็นเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงกลายเป็นเด็กผู้ชาย) เรื่องราวของเด็กสาวชื่อ อันโตจิน ที่ไม่ทราบกำเนิดที่มาอย่างแน่ชัด มีพลังจิตกล้าแข็ง และมีรอยสักรูปดอกโบตั๋นแดงที่หน้าอก จะปรากฏเมื่อร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้นเท่านั้น ส่วนพระเอกนั้น.... กำลังอุลุงตุนังกันอยู่ค่ะ เรื่องของอาจารย์นี่ไว้ใจไม่ได้ว่าใครเป็นพระเอก เพราะอาจจะต้องถกกันยาวกว่ากัปตันแจ๊ค สแปร์โร Vs. วิล เทอร์เนอร์ เลยต้องดูกันนานๆ แต่ตอนนี้ขอเชียร์ท่านเจงขิสข่านไปก่อนก็แล้วกัน แม้ว่าท่านข่านจะมีเมียแล้วและรักเมียมากก็ตาม (-__-)” แค่เล่ม 4 เนื้อเรื่องก็ตั้งท่าจะออกทะเลซะแล้ว คาดว่าคงเป็นเรื่อง(ลาก)ยาวอีกเรื่องของอาจารย์แน่ๆ

ชื่อของอาจารย์ ..... รับประกันว่า ตัวละครแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมชาติ พร้อมที่จะหักหลังคนอ่าน และถูกใจคอซาดิสม์ เสมอค่า

เมื่อคุณหญิงจอมแก่นแต่งงานภาค 2 เล่ม 1

อย่าตัดสินการ์ตูนทั้งซีรีสย์ด้วยการ์ตูนเพียงเล่มเดียว ?!

แต่..... เล่มเปิดตัวภาค 2 ของซีรีสย์สุดฮิตครั้งอดีต ไม่สามารถเรียกความประทับใจแบบเดิมๆ กลับมาได้ แต่ยังเคารพในการเขียนเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ เรียงลำดับเวลาตามใจฉัน มีการระลึกชาติกันบ่อยๆ และคงความวุ่นวายและความเข้าใจผิดหรือเข้าใจไปเองของตัวละครไว้อย่างครบครัน

ตัวหนังสือเยอะโคตร ส่วนตัวแล้วคิดว่าฟุ่มเฟือยไปด้วยซ้ำไป พูดกันจั๊ง จบเล่มหนึ่งแล้วยังไม่รู้เลยว่าการ์ตูนเล่มนี้กำลังจะทำอะไร และไปทางไหน ? อะไรจะเกิดขึ้น ?

ตอนจบภาคที่ 1 ทิ้งปริศนาคาใจไว้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องท่านโยชิโนะและพ่อบ้านของทากะ อากิระพระเอกของเรื่อง แต่.... ใครที่หวังว่าจะได้พบท่านโยชิโนะสุดหล่อจากภาค 1 ร้องเพลงรอกันไปก่อนได้เลยนะคะ ท่าทางจะโผล่ยาก แม้ท่านจักรพรรดิสุดหล่อ ยังโผล่มาทักทายแค่ภาพในความทรงจำช่องเดียว -__-“

ก็ไม่แปลกใจที่ตอนมีข่าวว่าจะออกภาค 2 เล่ม 1 ฮือฮากันมาก แต่พอเล่มวางแผงแล้ว กลับเงียบกันซะอย่างนั้น

ที่เอามาอ่านนอกที่เหลือ

- โคนันยอดนักสืบจิ๋ว ที่มันขยันประสบเรื่องคอขาดบาดตายกันทุกตอน เคยนับกันหรือเปล่าว่าเรื่องโคนันนี่ คนตายกี่ร้อยศพเข้าไปแล้ว ? แต่ก็ยินดีด้วยค่ะที่โคนันมียอดขายทั่วโลกถึงร้อยล้านเล่มแล้ว! ตั้งแต่อ่านโดคุณ Eguana เยอะๆ เนี่ย... ฉันชักรู้สึกหลอนว่าโคนันเป็นโซระไปทุกทีแล้วนะนี่ (หรือกลับกัน เห็นโซระเป็นโคนัน)

- การ์ตูนกระจุกกระจิกอีกเล็กน้อย อ่านไม่ทัน จำไม่ได้ซะแล้ว

***


เปลี่ยนไปเรื่องปัญหาชีวิต

ตอนที่ไปอบรมภาษาอังกฤษ 2 อาทิตย์เต็มๆ โดยไม่กลับเข้า Office เลย ได้คุยกับรุ่นพี่ที่ไปอบรมด้วยกันบ่นๆว่า ออกมานานขนาดนี้ ไม่รู้กลับไปโต๊ะทำงานยังจะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ? รายการเลื่อยขาเก้าอี้คุกรุ่นกันอยู่ ตอนนั้นยังเฮฮาว่าเป็นเรื่องตลก ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำถึงขนาดนั้น


มาถึงวันนี้ ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริง มีคนกล้าทำจริง โดนเข้ากับตัว หลังจากกลับบ้านต่างจังหวัดกลับเข้ากรุงฯมาก็ไปอบรมต่อ ไม่ได้เข้า Office ทั้งอาทิตย์ กลับเข้าไป โอ้! แม่เจ้า.... ฟ้องกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนได้หรือเปล่า ? โต๊ะทำงานยังอยู่แต่แบบบรรยากาศมาคุ สมบัติโดยรอบโดนโยกย้ายถ่ายเทหายไปไหนก็ไม่รู้ ที่สำคัญ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานประจำ โดนเล่นแร่แปรสภาพ กลายเป็นคอมพ์ดึกดำบรรพ์ เก่าเก็บ 3 วันดี 4 วันไข้ไปได้อย่างไร ? โมโหจี๊ดว่า... ถ้าจะเอาคอมพ์เราไป บอกเราสักนิดก็ยังดี เพราะจะได้ back up ข้อมูลไว้ คอมพ์เราไม่หวงอยู่แล้ว ยังไงก็ยอมรับสภาพ เพราะของหลวง ไม่ใช่ของเรา เขาจะเอา Window 3.1 มาให้เราใช้แทน เราก็จะแย้งอะไรได้ ? แต่ไม่น่าแทงกันข้างหลังแบบนี้เลย ตอนนี้เลยมีภาระว่า ต้องตามล่าคอมพ์ตัวเดิมที่ใช้ และ back up งานกลับมาให้ได้ แม้จะบอกตัวเองเสมอว่า “ที่ทำงานคือสนามรบ” แต่แพ้บ่อยๆ ก็เซ็งนะ ก็คู่ต่อสู้เป็นไดโนเสาร์กันทั้งนั้น พาลเบื่องาน เบื่อที่ทำงาน ก็เข้าใจว่า ทำไมราชการไทยมันไร้ประสิทธิภาพ ก็ยึดติกันแต่ระบบเจ้าคนนายคนกันแบบนี้ เขาไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าเรา แต่เล่นเลยเถิดเป็นถึงเจ้าชีวิตเราด้วย เรื่องเคารพสิทธิส่วนบุคคลนี่ คงไม่เคยอยู่ในสมอง



ต่อไปคงไม่ค่อยได้ online แล้วนา แล้วแต่โอกาสว่าจะเกาะคอมพ์ได้มากขนาดไหน หรือไปแย่งเก้าอี้ดนตรีที่ net café ได้หรือเปล่า ? แง๊....จะขายคอมพ์ตัวนี้ซื้อ Notebook ก็เสียดาย อุตส่าห์เลือกสเปคแรงสาด ใช้ได้แค่ปีเดียว จะขายก็เสียดายมากๆ

ป.ล ขอบคุณมากค่ะสำหรับ 30,000 Hit ที่ทะลุไปแล้ว รับรองว่า มี Request ของคุณ Preme และ Kurai แน่นอนค่ะ


ภาพสำหรับคุณ Kurai ยังไม่มีเวลาตัดเส้น ลงสีเลยค่ะ

ร่างเสร็จแล้วค่า สำหรับคุณ Preme ขอขอบคุณ Doujinshi Akihika และ HikaAki ทุกเล่มเลยที่มีแบบชุดยูกาตะของหนุ่มๆ ให้ดู อาจจะเพี้ยนๆ แต่ทำดีที่สุดแล้วค่า แล้วจะรีบตัดเส้นลงสีนะคะ


ทำให้สุดใจเลยค่ะ เพราะเป็นการฉลองฮิตครั้งสุดท้ายแล้ว ส่วนคุณ Clint คนที่บังเอิญผ่านมา เราว่าจะเขียนเรื่องการ์ตูน Yaoi ให้คุณ แต่ไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาอ่านหรือเปล่านี่สิ




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2549    
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 17:29:14 น.
Counter : 1141 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

Pride
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฮู้.... กว่าจะใช้ blog เป็น (คิดว่านะ) ต่อไปนี้ จะพยายาม update เรื่อยๆก็แล้วกัน ส่วนเนื้อหา .... คาดว่าจะจับฉ่าย ส่วนของ Let's talk ก็เรื่องสัพเพเหระ , secret window ก็จะเป็นเอ่อ.... อะไรที่มัน Y หรือ Homo นะ เพราะชอบอ่านการ์ตูน Y นิ เพราะฉะนั้น ไม่ชอบอย่า click เข้าไป ส่วน comic talk ก็เป็นการ์ตูนที่กำลังอิน หรือกำลังอ่านอยู่ค่ะ
Friends' blogs
[Add Pride's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.