ในงาน Festa Japan + Comic Party3 เยี่ยมบูธของ Comic Season + Fast book แล้ว เค้าเอาใบเสนอราคาพิมพ์หนังสือให้ดู เออ.... น่าสนใจดีเหมือนกันนะ ชักอยากทำโด ทำสัก 50 เล่มจะขายหมดไหมนี่ ? [>_>] แต่มันคงเป็นวิมานในอากาศไปเหมือนเดิม ตราบใดที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
***
แหล่งแรงบันดาลใจ
ขอบไล่ดู Fanart ของญี่ปุ่น ดูทีไรมีไฟวาดรูปทุกที เลือกพวกที่ไม่ใช่งานเทพ เพราะงานเทพดูแล้วจะหมดไฟมากกว่ามีไฟ (^^) ส่วนใหญ่แล้วงานเค้าไม่ได้สวยเนี้ยบ แต่ดูมีอิสระ สนุก และมีไอเดียเก๋ๆ แปลกๆ ใหม่ๆให้เราอยู่เรื่อย ขุดไปขุดมา ไปโผล่ web fanart D.Gray Man ซะอย่างงั้น
เฮ้ย.....ทำไม Ravi / Kanda มันเยอะนักฟร้าย..... จินตนาการสูงส่ง แถมวาดสวยๆ กันทั้งนั้น ดูมากๆ แล้วเกิดอาการเบี่ยงเบน เบี่ยงเบนจาก Kanda/Alen ไปเป็น Ravi/Kanda เพราะมันน่าร้าก แมวเหมียวขี้โมโหกับกระต่ายจอมซน เข้ากันดีจัง
สรุปแล้ว เกิดไฟในการวาด Ravi, Kanda และ Alen และหิวโด D.Gray man โฮก.....
***
ได้ใกล้ชิด Idol ในดวงใจแล้ว (เฟร้ย!)
ในที่สุดชายโย ยอดขวัญใจเราก็เปิด Blog กะเค้าเหมือนกัน หลังจากปล่อยให้แฟนๆ ตีรันฟันแทง เอ้ย.... ถกกันว่า ใช่ Yoshiki ตัวจริงหรือเปล่าหว่า .... ??! แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนโรคจิตเยอะ ชอบแอบอ้างตัวเองเป็นดาราดัง จด web domain ชื่อคนดัง มาเปิด web สวมรอยเป็นคนดังซะอย่างงั้น
แต่จากที่เราตรวจสอบเองแล้ว คือ เจ้า blog นี้มัน link ไป //www.yoshiki.net ซึ่งเป็นของชายโยจริงๆ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ web yoshiki.net มัน link ไป blog นั้นด้วย อ่า.... อย่างน้อยก็มั่นใจได้เปลาะหนึ่งว่า มันมีสายสัมพันธ์กันจริงๆ แต่ตัวจริงแท้ชนิดทองไม่ลอกหรือเปล่า ไม่ขอยืนยัน ^^
เด็กรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยมีใครรู้จัก Yoshiki แล้วมั้ง เพราะข่าวว่า ตอน Diru ไป Tour ที่อเมริกาใน Concert หนึ่ง ชายโยเธอไปดูเด็กเก่าเธอด้วย พวกแฟนๆ ที่ไปดูคอนเสริ์ทไม่ค่อยมีคนสนใจเธอเลย
ใครอยากคุยกับชายโย (ที่ยังคงติสต์แตกเหมือนเดิม) เชิญได้ที่ Yoshiki's blog ได้เลยนะคะ ส่วนฉันของ add link และสโตกร์ต่อไปค่า
อ.เริ่มเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่ปี 1968 (กรี๊ด!!! ฉันยังเป็นวุ้นอยู่เลย!?) ผลงานเด่นๆ มากมาย คือ ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ระดับ Professor ในมหาวิทยาลัย Kyoto Seika ในสาขา Manga Program ตั้งแต่ปี 2000 ผลงานล่าสุดคือ A Horse Traveling Time
ในราวๆ จะเรียกว่าในยุคสมัยนั้น ปี 1978 เรื่องความรักในแนว Homosexualไม่ใช่เรื่องต้องห้าม คงต้องบอกว่าในญี่ปุ่นแหละนะ(แต่คงไม่ส่งเสริมให้ใครทำ ?) การ์ตูนแนว Boys love ก็เริ่มเฟื่องฟูมาแต่นั้น รวมทั้งผลงานของอาจารย์ KT ด้วย ว่ากันว่า อาจารย์คือผู้เปิดศักราชการ์ตูน Homosexual ในปัจจุบันในผลงานชื่อ Kaze to Ki no Uta [The song of the Wind and trees] เป็นผลงานการ์ตูน YAOI ขั้นคลาสิกมาจนถึงทุกวันนี้ (แต่ฉันไม่เคยอ่านอ่ะ T_T) ก็เป็นอันหมดข้อสงสัยว่าหนุ่มๆ ของอาจารย์ที่พัวพันกันอยู่ มัน Y หรือไม่ Y (ฮา)
ภาพประกอบ Kaze to ki no uta
ส่วนตัวฉันก็เริ่มรู้จักอาจารย์จากเรื่อง สุสานฟาโรห์ ของยอดธิดาค่ะ จำชื่อพระเอกกับนายเอกไม่ได้แล้ว แต่จำชื่อน้องนายเอกได้แม่น ไนท์เคลียร์ เพราะชื่อเพราะและแปลกดี ^o^ จากนั้นก็เรื่อง Terra E เพราะเป็นอนิเมดัง (ขึ้นหิ้งคลาสิกเช่นกัน) เคยฉายช่อง 3 ด้วย เป็นแนว Sci-Fi Fantasy ที่นึกถึงก็ประทับใจทุกครั้ง
ฉบับภาษาไทย เป็นของ สนพ.มิตรไมตรี
การเขียนการ์ตูนแนว Homosexual ในสมัยนั้น เน้นหนักในเรื่องทางจิตวิทยา การที่อ. KT เลือกที่จะเขียนการ์ตูนแนว Homo นั้น อาจารย์ให้เหตุผลว่า
ด้วยแนว Boys love จึงทำให้เราสามารถแสดงออกได้ถึงบุคลิกภาพ 2 เพศ (ความเป็นหญิงและชาย) ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในมนุษย์
เด็กหนุ่มพวกนั้นก็สามารถเป็นตัวแทนได้ทั้ง 2 เพศในหนึ่งเดียว เพื่อที่เราจะนำมาถกกันในเรื่องของความรักและ sex ถ้าความสัมพันธ์ของความรักและ sex แสดงออกได้ผ่านความรักของชายและหญิงได้ ก็สามารถหลีกเลี่ยงการเน้นในเรื่องเพศได้ แต่เราสามารถถกกันถกกันเกี่ยวกับปัญหาที่นอกเหนือจากข้อจำกัดในเรื่องเพศใน Boys love ได้ เช่นเดียวกับในกรณีความรักหญิงชาย เป็นเรื่องยากที่จะมาคุยกันเรื่องบุคลิกภาพ 2 เพศเนื่องจากในความเป็นจริงนั้นผลลัพธ์ของความรัก คือการให้กำเนิดชีวิตใหม่นั่นเอง