Group Blog
 
All blogs
 

บันทึก Doujinshis Festival ณ The Malls บางกะปิ ....

Doujinshi Festival เป็นงานที่ฉันเฝ้ารอคอยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แม้ว่าปีนี้จะมีงาน events หลายงานที่ให้ตักตวง doujinshis เยอะแล้วมาทั้งปี แต่ก็ยังมี Doujin ที่อยากอ่านอีก ความจริงแล้ว Doujin นี่มันก็เหมือนสารเสพติด เมื่อได้อ่านแล้ว อยากอ่านอีกเรื่อยๆ เหมือนไม่พอสักที แต่ละเล่มก็บางๆ น้อยๆ ยิ่งงานดีๆ ยิ่งหายากส์ น่ะ...

ความจริงงานนี้มี Doujin ที่อยากได้อยู่มากๆ อยู่หลาย Circle จากที่ดูเขา Preview กันใน net มา แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว มีงานที่ตัดสินใจซื้อน้อยมากจนน่าใจหาย(เอง) เอาล่ะ เริ่มเรื่องจากการพยายามไปให้ถึงสถานที่จัดงานให้ได้ก่อนดีกว่า เจ้าเดอะมอลล์ บางกะปินั้น เกิดมายังไม่เคยไปเลย แต่หลังจากที่ไปหลงทางด้วยรถเมล์ในมาเลเซียแทบจะเรียกว่าเขย่าขวัญแล้ว ทำให้ฉันคิดว่า แค่ประเทศไทยของเรานี้ ฉันคงจะไม่มีทางหลงทางแบบจนตรอกแบบนั้นอีก ด้วยความประมาทแบบนี้ พอเข้า website ของ Negibose แล้ว ก็เชคเวลาเริ่มงาน และบูธ ที่เล็งไว้อีกเล็กน้อย ฉันก็พร้อมที่จะไปลุย เดอะมอลล์บางกะปิ ดูแผนที่กรุงเทพฯแล้ว ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะต่อรถยังไงให้ไปถึงงานโดยใช้เวลาเดินทางให้น้อยที่สุด แม้แต่ 1843 ก็ยังเพิ่งพาไม่ได้ ตกลงก็ลุยไปมืดๆ เหมือนเดิม กว่าจะไปถึงเดอะมอลล์ ก็ปาเข้าไปเกือบๆ บ่ายโมงพอดี

และความประมาทของฉัน ก็ออกฤทธิ์อีกครั้ง เดอะมอลล์ บางกะปิใหญ่โตกว้างขวางกว่าที่ฉันคิดมาก แม้พยายามเดินวนแทบทั่วทั้งห้าง จนก็ยังไม่เห็นวี่แววของงาน แต่เดิมนั้น เวลาไปงานแบบนี้ เรามักจะเห็นพวกคอสเพลย์เดินกันปะปราย และฉันก็จะอาศัยเดินตามไปให้ถึงงานนั้น แต่งานนี้ไม่เห็นเลยสักคน! เดินวนเวียนในห้างอยู่นาน ก็เริ่มหวั่นไหว .... เอ๊ะ... หรือเราจะจำวันผิด ? ความจริงแล้วเขามีงานวันอาทิตย์แค่วันเดียว ? หรือว่าเราไปผิดห้าง ? ขณะที่กำลังคิดจะเลิกล้มความคิดกลับไปชอปปิ้งอย่างเดียวอยู่นั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้เดินขึ้นไปชั้นบนสุด ที่เป็นโรงหนัง SF ก็ที่นั่นแหละ ฉันจึงเห็นว่า มุมหนึ่ง ที่เขากั้นฉากไว้ เป็นที่จัดงาน Doujinshi Festival

โอ.... มิน่า ถึงหลงตาไปบ่อย หน้างาน จืดชืดซะไม่มี มีแค่ป้ายหน้างานเล็กๆ กับบริเวณจัดงานโล่งๆ ไม่เตะตาเอาเสียเลย เอาล่ะ ยังไงก็มาถึงแล้ว มาเข้าไปในงานกันเถอะ หลังจ่ายค่าเข้างาน 50 บาท พร้อมปั๊มเข้างาน (ที่หลังมือฉันยังเป็นรอยไม่หายเลยนะนี่) ก็เข้าไปในงานได้ งานบริเวณกว้างขวางมาก กั้นไว้เป็นสัดส่วนหลบสายตาคนภายนอกได้ดี (ไม่ได้ประชดนะ) แต่... ทำให้งานดูโหรงเหรงอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งบูธของบริษัทที่เชิญมา คนเฝ้าแทบจะนั่งหลับเลย โดยเฉพาะบูธ Deleter ที่ดูจะวังเวงยิ่งนัก ความจริงก็ตั้งใจจะซื้อเครื่องเขียนติดมือบ้างนะ แต่.... เห็นมีแต่หัวปากการจุ่มหมึก กระดาษและสกรีนโทน ก็ไม่รู้ตอนนี้ยังจะมีใครใช้สกรีนโทนมือกันอีกบ้าง เมื่อส่วนใหญ่จะเข้าไปตกแต่งภาพกันในคอมพ์ซะแล้ว ส่วนกระดาษนั้น อยากไปลองเล่นอยู่หรอก แต่มาคิดดูอีกที ฉันก็ไม่ได้วาดอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การจะซื้อกระดาษอย่างดีมาแค่วาดเล่น มันก็เสียดายกระดาษมากกว่าเสียดายเงินเสียอีก (ในความคิดส่วนตัว) จากการเดินดูบูธต่างๆเร็วๆ ก็มาถึงเหล่าบูธ Circle ต่างๆที่ฉันหวัง Doujin ได้แล้ว งานนี้มีทั้งบูธงานที่เป็น Doujin ทำเองและมีสินค้าจากญี่ปุ่นที่นำมาขาย มี Doujin น่าสนใจหลายเล่มเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันมีนโยบายสนับสนุนนักทำ Doujin ไทย เลยตัดใจไม่ซื้อ Doujin ญี่ปุ่น (แต่ถ้ามี Circle ที่คลั่งไคล้อาจจะซื้อ แต่น่าเสียดาย ไม่มีเลย

Doujin ส่วนใหญ่เป็น Doujin reprinted เสียมากกว่าครึ่ง และ Doujin ที่สามารถดึงเงินจากกระเป๋าฉันได้ก็น้อยจนน่าใจหาย เสียใจนะ อุตส่าห์อดมื้อกินมื้อในมาเลเซียเพื่อจะมาซื้อ Doujin เพราะเห็น Preview คิดว่าตัวเองคงจะซื้อเยอะ แต่เอาเข้าจริงๆ ซื้อมาได้แค่ 8 เล่ม เกณฑ์ในการซื้อ Doujin ของฉันก็มีแค่ เนื้อเรื่องดี (ไม่นิยมแก๊ก ยกเว้นแต่คุณจะแก๊กสุดยอด หรืองานภาพโดดเด่นจริงๆ) และการเล่าเรื่องด้วยภาพดี และเป็น Doujin เรื่องที่สนใจอยู่ ก็มองหาแต่ Doujin Death Note, Final Fantasy VII และ Fullmetal Alchemist พวกโดของ FMA ก็เยอะอยู่หรอก แต่เรื่องการเล่าเรื่องด้วยภาพไม่ค่อยถูกใจ และที่ภาพถูกใจ ดันเป็น Hydre/Ed เสียฉิบ ! หลังจากดูด file movie FMA 600 กว่า MB แล้วเปิดดูไม่ได้ ทำให้ฉันพยาบาทภาค movie ชอบกล (.... แต่ถ้าคุณมาเป็นฉันที่ต้องมานั่ง load file 600s MB ด้วยเครื่องของที่ทำงาน คุณน่าจะรู้ว่ามันระทึกใจแค่ไหน แล้วสุดท้าย เปิด file ไม่ได้ คุณจะแค้นขนาดไหน) แต่ในที่สุดก็ตัดใจซื้อ FMA มาได้ 1 เล่ม ของ Circle Synderella ความจริงนะ ซื้อเพราะเป็นแฟนคุณ Lul มาตั้งแต่ ACHO แล้วล่ะ งานของคุณ Lul ฉันเก็บเป็นแฟ้มเลย ความจริงอยากได้โด LOTR ของคุณ Lul ด้วย แต่ไม่เห็นเลย ส่วน HP เฮ้อ.... ไม่นิยมโดของเรื่องนี้น่ะ (เป็นเรื่องแรกที่ไม่คิด Y ด้วย ประหลาดมาก หัวเราะ) ดีใจที่คุณ Lul คิดว่าภาคมังงะสนุกกว่าอนิเม แล้วชอบคู่ Roy/Ed อ่า... พูดแบบไม่กลัวแฟน FMA anime เหยียบ หลังๆมานี่ ฉันชักหมั่นไส้เจ้า Edo เหลือเกิน ว่าเจ้า Kira ณ Gundum Seed สำออยน่าหมั่นไส้แล้ว แต่พอมาเจอเจ้า Ed นี่ ชักรู้สึกว่า Kira ช่างแมนเหลือเกินไปซะแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่า FMA มันชวนจิ้นสำหรับสาว Y เหลือเกิน คงเลิกดูสักที

หลังจากนั้นก็ไปคว้าโดที่บูธของ Insei และ RPG ได้ เมลโล/เนียร์ของคุณ Es มาเรียบร้อยแล้ว ชอบงานของคุณ Es จัง รู้สึกว่า ในจำนวนหน้าจำกัดแค่นี้ คุณ Es เล่าเรื่องได้ลงตัวพอดี การแบ่งช่องก็ดี ดูเป็นมืออาชีพมากเลย ผลงานของ Circle Insei นี่ คนอื่นๆก็คุณภาพเหมือนกันนะคะ ยังซื้อ Mases/Roy มา ทั้งๆที่ไม่ใช่แฟนคู่นี้เลย เพียงแต่ยังไม่ใช่เรื่องที่สนใจเท่านั้น ส่วน RPG ซื้อเพราะเป็นแฟนของคุณ Monto น่ะ เก็บทุกอย่างที่คุณ Monto วาด (เช่นเดียวกับคุณ Lul) คุณ Monto จำเราไม่ได้ล่ะ ก็แน่ล่ะสิ เจอกันไม่กี่ครั้งจะจำได้ยังไง ส่วนโด FF นั้น เล็งของ ROTH ไว้ เสียดาย คลอดไม่ทัน ต้องไปอีกวันคือวันอาทิตย์ถึงจะได้ ฉันก็ไม่ได้ไปเสียด้วย อืมม์... แต่ก็ได้งานของคุณ Eguana มา

หลังจากเดินวนงานจนเมื่อยไปหมด ก็ดูท่าจะไม่ได้อะไรมากกว่านี้แล้ว ก็เลยตัดสินใจไปเดินดูวงแหวนรอบนอกบ้าง มีโดจากญี่ปุ่นมาขายด้วย ราคาเมื่อเทียบกับโดไทย เห็นว่า น่าจะพอๆกัน แต่โดไทยยังไม่มีเล่มไหนทะลุ 200 บาท ไปค้นๆดู ไม่มี Circle โปรด ถือว่า ซื้อมาก็อ่านไม่ได้ สนับสนุนนักทำโดไทยดีกว่า เลยไม่ได้มาสักเล่ม แต่พวกที่ Kinokuniya ขนมาร่วมด้วยช่วยขายนั้น น่าสนมากนะคะ แต่ ถึงจะลด 10% ก็ไม่ทำให้ฉันยอมควักกระเป๋าเลย เพราะมัวแต่เจ็บใจว่า พวก Art books นั้น ที่ Kino ในตึก Pretonas นั้นถูกกว่าราวๆ 200 บาทขึ้นไปทั้งนั้น เล่าหน่อยว่า ไปตึก Pretonas ที่มาเลเซียมา Art books ใน Kino กดเครื่องคิดเลขแล้ว ไม่มีเล่มไหนเกินพันเลย อ่า... ทำไมหว่า ? หรือว่าค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับริงกิตแล้วมันถูกกว่าไทย ?? แล้ววงการณ์การ์ตูนท้องถิ่น ดูท่าจะเป็นน้ำเป็นเนื้อมากกว่าไทยด้วย อื้มม์... เก็บไว้เล่าเวลาว่างกว่านี้ดีกว่า ไปได้ข้อมูลมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน

เมื่อไม่มีอะไรอีก ก็ตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า แต่หลังจากไปงาน Doujin มาทีไหน รู้สึกเหมือนมีไฟอยากวาดการ์ตูนทุกทีเลยนะคะ เลยแวะร้านเครื่องเขียน ตั้งใจว่า จะจริงจังกับการวาดรูป เลิกทีกับกระดาษ A4 Dubble A ความจริงมันสะดวกดีนะ วาดกับกระดาษถ่ายเอกสาร เสียแต่ว่า มันชอบกระจายหายไป รกห้องอีก ในที่สุดก็ซื้อสมุดsketch มา 1 เล่ม ต่อไปจะวาดในนี้แหละนะ แต่จะทำได้สักกี่น้ำเชียว ? ที่ชอบวาดใส่กระดาษถ่ายเอกสาร เพราะวาดเสีย ก็จะขยำทิ้งเลย ติสต์ดี

กลับมาทีไร ไฟอยากทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันลุกท่วมทุกที


ไฟลุกพรึ่บพรั่บ (ไม่ใช่เผางาน) เหมือนจะทำได้ทุกอย่าง


แต่ผ่านไปไม่ถึง 1 ชม. ไฟมอดซะอย่างงั้น...


ส่วนใหญ่จะเกิดอาการความจำเสื่อมดื้อๆ ประมาณว่า เอ่อ... แล้วช่องต่อไป จะทำอะไรต่อล่ะนี่ ลืมไปแร้ววว์


สุดท้ายก็อย่างเดิม


เออน่า... สุดท้ายก็กลับมานั่งวาดเนียร์กับเมลโลสไตล์โชตะสักหน่อย เห็นเขาวาดน่ารักกันจัง

เนียร์โชตะขึ้นที่สุด


ส่วนเมลโล โชไม่ค่อยขึ้น


ได้สมุด sketch book ใหม่มา วาดเมลโลเป็นรูปแรก หวังว่าคงจะไปตลอดรอดฝั่ง


ส่วนรูปที่ 2 ก็คู่ขวัญ(แห้ว) วันเดียวได้ 2 รูป ไม่เค้ย ไม่เคยขยันขนาดนี้ ??!!


แล้วก็กลับบ้านเอาราวๆ 4 โมงครึ่ง ถือว่า เป็น event ที่ฉันอยู่ร่วมงานด้วยนานที่สุด แม้จะเจ็บใจชอบกลที่ลืมเอากล้องไป จบ report จืดๆ แต่เพียงเท่านี้




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2548    
Last Update : 21 ธันวาคม 2548 12:59:17 น.
Counter : 850 Pageviews.  

Death Note. page 89 + 90

จากเมืองไทยไป 6 วัน 7 คืน เหมือนจากไปสัก 60 วันเลยล่ะ ที่โน่นไม่มีข่าวสารบ้านเมืองอันใดเกี่ยวกับเมืองไทยให้ได้รู้เห็นเล้ย แต่พอข่าวเด็กไทยเป็นไข้หวัดนกตาย ดันเป็นข่าวซะฉิบ ส่วนข่าวซีเกมส์ บ้านเขาไม่เห็นให้ความสำคัญเลย ข่าวกีฬาที่ใหญ่ที่สุด กลับเป็นสาวปีนังที่ไปได้แชมเปี้ยนโลกสวอช ข่าวใหญ่ชนิดกลบข่าวซีเกมส์มิด
สิ่งที่กลับมาเมืองไทยแล้วผิดหวังสุดๆคือ Narnia ยังไม่เข้าฉายในไทย .... ที่มาเลเซียแทบจะเป็น Narnia Fever ทั้งทีวี ป้ายโฆษณา หนังสือ สินค้าเกี่ยวกับหนังเบ่งบานเต็มเมือง เรียกว่ายั่วใจคอหนังแฟนตาซีอย่างฉันสุดๆ เกือบไปแล้วที่จะไปนั่งดูในมาเลเซีย ค่าดูหนังเค้า 100 RM ก็พอๆกับเมืองไทย อย่าว่าแต่มาเลเซียเลย ช่อง CNN ยังพูดถึงแต่ Narnia ที่โน่นเขา rate ให้เป็นหนังเกรด A เลยนะ แต่พอกลับมาเมืองไทย กลายเป็นว่าเรากำลังโหมทำหน้าหนังให้ King Kong ไม่ได้เกลียดคิงคองนะ ดูแน่นอนเพราะ Peter Jackson แต่การให้ความสำคัญกับหนังเรื่องไหนก่อนหลังนี่ มันบ่งบอกรสนิยมและทัศนคติของพลเมืองในประเทศนั้นๆได้เหมือนกัน

พอเท้าแตะแผ่นดินไทย สิ่งที่อยากทำมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือ อ่าน Death Note ตอนต่อไป และวิ่งไปดูหนัง Narnia เอาล่ะ แม้ว่าจะผิดหวังกับ Narnia แต่ก็ไม่ผิดหวังกับ Death Note แม้จะเก่าร้างรา แต่ก็ขอเริ่มที่ตอนที่ 90 ก่อนละกัน

Death Note page. 89 "Focal Point"

ฉบับนี้ Death Note ฉลองครบรอบ 2 ปี เลยได้ปกของ Jump ด้วย แอบหวังเล็กๆว่า จะเป็นภาพสีทั้งตอน แต่ได้แค่ 2 หน้า เอาเหอะ แค่นี้ก็สวยพอแล้ว

เนียร์วิเคราะห์สถานการณ์ได้ว่า คิโยมิ ทาคาดะได้ติดต่อกับคิระหรือผู้ใช้เดธโน้ตแล้ว เพราะเธอยังคงถ่ายทอดสาสน์จากคิระได้อย่างสม่ำเสมอราวกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงชำรุด (ทั้งๆที่ตอนที่แล้วบังอาจไปออกความเห็นกับคิระ) เนียร์ตัดสินใจเดินทางไปญี่ปุ่นโดยขอให้เลสเตอร์เดินทางกลับมารับที่นิวยอร์ค เพราะน้องเนียร์นั่งเครื่องบินเองไม่เป็น

ทางฝ่ายญี่ปุ่นนั้น มิสะ อามาเนะหวนกลับคืนสู่วงการณ์อีกครั้ง โดยจะปรากฎตัวในงานขาว-แดงของ NHK เอ้ย... NHN ที่งานปีนี้มีคิโยมิ คาทาดะเป็นพิธีกร (ไลท์สุดยอดขุนแผน ภริยากับกิ๊กสามารถร่วมงานกันได้ ? ) การที่ให้มิสะกลับคืนสู่วงการณ์ เพราะไลท์ต้องการให้โมงิ ที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการของมิสะ ได้แฝงตัวเข้าไปใน NHN ได้ นอกจากจะใช้บังหน้าว่าเข้าไปสืบข่าวคิระจากคิโยมิแล้ว ยังเป็นการเข้าไปสืบหาพวก SPK ที่ไลท์คาดว่า ต้องหาทางเข้าใกล้ชิดคิโยมิอย่างแน่นอนอีกด้วย

ก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละ ไอซาว่า แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ไอซาว่าก็ยังไม่เลิกจับตามองไลท์ แม้ว่าความคิดของไอซาว่าจะวกวนไปมาหาข้อสรุปไม่ได้ว่าไลท์คือคิระดังที่เนียร์กล่าวหาหรือไม่ เพราะอย่างน้อย ไอซาว่าก็รู้ว่าเดธโน้ตที่ NPA เก็บรักษาอยู่ เก็บไว้อย่างดี ไม่มีทางที่ใครจะเอาออกไปใช้ได้แน่ ส่วนไลท์ไม่หวั่นแม้วันมามาก เอ้ย... ไม่หวั่นแม้จะถูกไอซาว่าจับตาดู เพราะเป้าหมายใหญ่คือเนียร์ต่างหากที่ไลท์ต้องการกำจัดก่อน ทันใดนั้น เนียร์ก็ติดต่อมา เนียร์ประกาศแก่ไลท์ว่า ได้เดินทางมาปักหลักสืบสวนคดีคิระในญี่ปุ่นแล้ว ทั้งไลท์และเนียร์ต่างรู้ดีว่า การสืบคดีคิระ ต้องเริ่มจากทาคาดะ คิโยมิ ไลท์ชิงประกาศว่า เขาได้ติดต่อกับคิโยมิได้เป็นการส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เท่ากับเป็นการประกาศยอมรับกลายๆว่า เขา ซึ่งคือ L คือ ยางามิ ไลท์ ถ้าไลท์คือคิระ ย่อมจะไม่ยอมบอกข้อมูลนี้ ใช่หรือไม่ ? การประกาศของไลท์ไม่ใช่มุ่งหวังผลจากเนียร์ เพราะไลท์รู้ดีว่า เนียร์ย่อมสรุปไปแล้วว่า ยางามิ ไลท์ คือ L และคือ คิระ แต่การเปิดตัวเช่นนี้ เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือจากทีม NPA มากกว่า เนียร์เองก็อ่านแผนไลท์ออก และรู้แน่ว่าไลท์คงสามารถปกปิดหลักฐานทุกอย่างได้แน่ ถึงได้กล้าเปิดเผยตัวขนาดนี้ เนียร์จึงจำเป็นต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าไปหา โดยบอกข้อมูลแก่ไลท์เกี่ยวกับทีม SPK รวมทั้งเนียร์มีแค่ 4 คน ทั้ง 4 คนนั้น มีไอซาว่าและโมงิเห็นหน้าเรียบร้อยแล้ว ถ้าไอซาว่าและโมงิเห็นแล้วจะเอาไปบอกไลท์ก็ได้ ไม่เป็นไร และหวังว่า เขาและไลท์คงจะได้ร่วมมือและพบปะกันแบบเผชิญหน้าเร็วๆนี้ โดยไลท์ได้แต่กัดฟันกรอดๆ รับคำตามมารยาท


เทียบกับไลท์แล้ว เนียร์หน้ากลมป๊อกเลย เห็นชัดว่าเด็กกว่าเยอะ

ไลท์ตระหนักดีว่า นี่คือการท้าทายจากเนียร์ คือการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เหมือนเมื่อครั้งที่ L (แพนด้า) เคยท้าทายเขามาแล้ว แม้จะปราศจาก L แต่ยังมีผู้สืบทอดมาแทนที่ ไลท์ก็รับคำท้าพร้อมความมั่นใจว่า ในที่สุดแล้ว ผู้ชนะ ย่อมเป็นเขาอีกเช่นเคย

หมู่นี้คิดถึง L บ่อยแฮะ

My Cup of tea for ch. 89

ตรงที่ไอซาว่าคิดฉันไม่ได้ลงรายละเอียดเลย เพราะตามอ่านมาหลายตอนแล้ว ไอซาว่าคิดวนไปวนมาแล้วก็ตัดบทให้ตัวเองดื้อๆ แต่ยังไม่ลงทุนทำอะไรพิสูจน์สักที นอกจากนั่งมอง แต่ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้วสำหรับสติปัญญาระดับไอซาว่า ที่ในภาค 1 ไม่เคยต้องคิดอะไรยาวๆ แบบนี้ เอ.... มาคิดๆดู ในภาค 1 พี่แกรับบทโจ๊กแข่งกับมัตสุดะอยู่นี่นะ ไม่เคยต้องเปลืองสมองอย่างนี้ ใครจะคิดล่ะว่าต้องมารับบทหนักในภาค 2 แต่ถ้ามองจากความคิดของไอซาว่า ก็ยังไม่เห็นทางสว่างอยู่ดี สรุปแล้วทั้งไอซาว่า โมงิ และอิดะก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากนั่งมอง อืมม์.... บางทีก็คิดนะ ถ้าฉันเป็นไลท์ ฉันจะกำจัดพวกทีมเก่านี่ทิ้งซะ โดยให้ตายโดยอุบัติเหตุ แล้วหาทีมใหม่ที่จงรักภักดีกับคิระมาเป็นลูกน้องแทนท่าจะดี จากที่ตักเอามิคามิกับคิโยมิมาได้ง่ายๆ ทำให้คิดว่า ไลท์ก็คงจะสามารถหาลูกน้องที่จะช่วยปกปิดเรื่องการใช้เดธโน้ตของไลท์ได้ไม่ยาก ถึงเนียร์จะสงสัยแล้วไงล่ะ ? ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็น case อุบัติเหตุ มันก็พิสูจน์ยากว่าเป็นฝีมือของคิระหรือว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ

บทสนทนาระหว่างไลท์และเนียร์ ฉันใช้เวลานานพอดูกว่าจะเข้าใจว่า ทำไมเนียร์และไลท์ถึงพูดแบบนั้น โดยเฉพาะกว่าจะเข้าใจว่าทำไมไลท์ถึงได้กัดฟันกรอดๆเวลาพูดกับเนียร์ .... ล้ำลึกค่ะ ล้ำลึกทั้งคู่เลย กว่าสติปัญญาเราจะเท่าทันอ.โฮบะ ที่เนียร์พูดแบบนั้น เท่ากับปิดทางที่ไลท์จะฆ่าทีม SPK โดยไม่ทำให้ตัวเองเป็นผู้ต้องสงสัยโดยไอซาว่า โมงิ และอิดะ ถ้าไลท์เห็นหน้าทีม SPK แล้ว ทีม SPK ตายกัน ก็แสดงว่าไลท์คือคิระ แน่นอน ไลท์ย่อมลงมือไม่ได้แน่ๆ

ว่าไปแล้ว เดธโน้ตนี่ก็เหมือนการเล่นโกะนะ มีการหลอกล่อ แผนลวง ปิดทางหมาก ล้อมทาง ขึ้นอยู่ว่า ใครจะมองหาทางออกเพื่อไปถึงชัยชนะให้ได้มากที่สุด แต่บทสรุปของภาค 1 นั้น..... L พลาดเพราะกล้าเสี่ยงมากเกินไป.....

เมลโลกำลังทำอะไรอยู่น้า......

Death Note page. 90 "Advance Notice"

ไลท์รับคำท้าอย่างมั่นใจในชัยชนะ

ไลท์รับคำท้าในการออกไปเผชิญหน้ากับกับเนียร์ (แน่นอนสิ เพราะไลท์ไม่มีอะไรจะต้องเสี่ยงนี่ ?) แต่ทีม NPA ทุกคนต่างงุนงงกับพฤติกรรมของเนียร์ แม้แต่ไอซาว่าเอง ก็งุนงงมาก เพราะถ้าเนียร์เชื่อว่า L คือ คิระ แล้วการโผล่หน้ามาให้เห็น แม้จะเป็นการทุ่มตัวเพื่อจับไลท์ให้ได้ในฐานะคิระ ไม่เสี่ยงเกินไปหรอกหรือ ? ส่วนไลท์นั้น ยังคงทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์อย่างสบายใจต่อไป เพราะยังไงก็ถือไพ่เหนือกว่านิ ?


อุปกรณ์ประกอบการอธิบายแผนการของเนียร์

ฝ่ายเนียร์นั้น วิเคราะห์แผนการณ์ให้เลสเตอร์ เจอวานีและริดเดอร์ฟังด้วยตุ๊กตาสั่งทำพิเศษเพื่ออธิบายแผนการณ์ (จะว่าน่ารักก็กระไรอยู่ ^^") เนียร์ในตอนนี้ ได้ข้อสรุป 99.9999% (โอ้โห.... ทศนิยม 4 ตำแหน่ง .... ความเชื่อมั่นสูงมาก) ขาดแต่การจับตัวให้ได้หลักฐานคาหนังคาเขาเท่านั้น แน่นอนคดีนี้ไม่มีทางปิดได้ ถ้าไม่ได้จับตัวขณะที่กระทำความผิดอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ เนียร์รู้ว่าทั้ง L คือ ไลท์ และคือคิระ ได้ติดต่อกับคิโยมิ และมีคิโยมิเป็นผู้ส่งสาสน์ระหว่างไลท์และมิคามิ โดยที่ไลท์ไม่ต้องติดต่อโดยตรงกับมิคามิ ที่เนียร์ให้นามสมมุติว่า X-คิระ อาจจะมีวิธีการยุติคดีคิระอย่างง่ายๆ คือ ฆ่าไลท์และ X-คิระผู้ต้องสงสัยทิ้งเสีย แล้วค่อยหาหลักฐานสนับสนุนทีหลัง แต่แน่นอนว่า จะแค่ทำให้การฆ่าหยุดชะงักเท่านั้น แต่เดธโน้ตยังอยู่ ก็อาจจะมี X - Y - Z .... คิระเกิดขึ้นเรื่อยๆ สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไป ถึงอย่างไรก็ตาม เนียร์ยังไม่คิดจะตัดปัญหาด้วยวิธีฆ่าตัดตอนอย่างเด็ดขาด เพราะในฐานะผู้สืบทอดของ L และสืบสานเจตนารมณ์ของ L รู้ดีว่า L (แพนด้า) ย่อมไม่มีวันใช้วิธีอย่างนั้นแน่นอน เพราะถ้าทำอย่างนั้น ย่อมถือว่าเป็นการพ่ายแพ้ 100% มีเพียงวิธีเดียว คือ ต้องจับในขณะที่เขียนชื่อคนลงในเดธโน้ตเท่านั้น ในตอนนี้ เนียร์คือก้างขวางคอชิ้นโตของคิระ แม้จะมีเมลโล แต่ว่า เมลโลนั้น โดนคิระจัดการให้เป็นอาชญากรด้วยคดีฆ่าผบ.ตำรวจญี่ปุ่น และยางามิ โชอิจิโร่ เคลื่อนไหวลำบากไปแล้ว และเมลโลก็สูญเสียชื่อให้กับคิระไป การฆ่าเมลโล เพียงแค่คิระใช้สาวกจัดการ ก็น่าจะเพียงพอ (เมลโลกล้วยขนาดนั้นเชียวเรอะ ? O_o) ส่วนพวก NPA และ SPK ก็กำจัดได้ไม่ยาก เหยื่อล่อที่ดีที่สุด คือ เนียร์เอง เนียร์ต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อกดดันให้ไลท์เขียนชื่อของเนียร์ลงไปด้วยตัวเองเพื่อเป็นหลักฐานให้ได้ แต่ด้วยวิธีใดนั้น น้องเนียร์ขอคิดก่อน เหตุการณ์ฉะเพาะหน้าในตอนนี้ คือต้องหาตัว X-คิระให้ได้เสียก่อน

เพื่อศักดิ์ศรีของ L เนียร์ยอมตาย!!!

ไลท์ครุ่นคิดหาวิธีที่จะกำจัดเนียร์ให้ได้ และคิดถึงความเป็นไปได้ว่าเนียร์อาจจะใช้แผนฆ่าตัดตอนเขาก็ได้ แต่แวบหนึ่ง ไลท์คิดว่า ถ้าเป็น L คงไม่มีวันใช้วิธีนี้ (รู้ดีเชียวนะยะ) แล้วเนียร์ผู้สืบทอดของ L จะใช้วิธีนี้หรือ ? แต่เนียร์ไม่ใช่ L เพราะฉะนั้น ความเป็นไปได้ที่เนียร์จะฆ่าเขาก็ยังมีอยู่ ไลท์ต้องเตรียมแผนรับมือไว้อย่างดี

L ยังตามหลอกหลอนไลท์ต่อไป...

ไลท์ทำทีเป็นออกเดทกับคิโยมิ ซึ่งในตอนนี้ทีม NPA กลับติดแต่เครื่องดักฟัง ไม่ยอมติดกล้องเสียอย่างนั้น ซึ่งก็หวานหมูไลท์ปากก็คุยไป มือก็จัดการเขียนโน้ตให้คิโยมิทำตามคำสั่งไป ไลท์เตือนถึงเรื่อง SPK ที่จะเข้ามาสืบคดีคิระ และใจความสำคัญคือ ไลท์เปิดเผยความลับของเดธโน้ตคือ ผู้ที่ถูกเขียนชื่อลงไปบทเดธโน้ตนั้นจะตาย และขอให้คิโยมิรับหน้าที่นี้ไปในระหว่างนี้ โดยไลท์จะให้มิคามิส่งกระดาษเปล่า ซึ่งก็คือกระดาษเดธโน้ตมาให้คิโยมิ ส่วนมิคามินั้น ไลท์ให้ทำเดธโน้ตปลอมขึ้นมาและให้เขียนชื่ออาชญากรที่ถูกพิพากษาเช่นเดียวกับที่คิโยมิเขียน

มิคามิได้รับแผนการจากไลท์ผ่านคิโยมิ แม้จะสงสัยเล็กน้อย แต่ว่า มิคามิกลับก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของพระเจ้าโดยไม่ยอมคิดอะไร (ทำไมไลท์โชคดีอย่างนี้ฟ่ะ ?)

อุตส่าห์เรียนจบมาซะสูง เห็นว่าเฉลียวฉลาด แต่กลับไม่ยอมคิดอะไร ... ทำไมงมงายอย่างนี้ว้า ?

ไลท์คิดจะทำอะไรต่อไป ? วางแผนรับมือเนียร์อย่างไร ? เมลโลหายไปไหน ? เนียร์จะวางแผนอย่างไรให้ไลท์ฆ่าตนเองโดยสามารถใช้เป็นหลักฐานเพื่อจับกุมไลท์ได้ ?
อีก 2 อาทิตย์โน่นค่ะ เพราะอ.โฮบะขอหยุดพักหาข้อมูลก่อน ทำไมหมู่นี้หยุดบ่อยจัง สงสัยไปนอนคิดแผนให้น้องเนียร์ ดูท่าแผนของไลท์จะ WORK อยู่ฝ่ายเดียว...

My two cents....
หมู่นี้ L (แพนด้า) แว่บมาบ่อยนะ ว่ามั้ย ? ฮือ.... ทำให้คิดถึง L ขึ้นมาอีก อุตส่าห์ทำใจได้แล้วเชียว อ.โฮบะขา...... เอา L กลับมาเถอะค่ะ อาจารย์ก็คิดถึง L ไม่ใช่เหรอคะ ? แต่นะ.... รู้สึกอ.โอบาตะวาด L ได้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น และหน้าเข้มกว่าเดิมนะ เพราะอิมเมจของ L ออกจะเอ๋อๆ น่ารักๆ แต่หลังๆ โผล่มางี้เข้มเชียว ยิ่งภาพลอยหลังน้องเนียร์นี่ หน้ากลัวเชียว L น่ะ ตายไปแล้ว คงจะแก่เท่าไลท์ไม่ได้หรอก ความจริงแล้วอาจารย์น่าจะวาด L ให้น่ารักเท่าเนียร์น่าจะถูก แล้วเนียร์นี่หน้าตา นับวันยิ่งเหมือน L ไปทุกที อ.โฮบะนี่น่าจะเฉลยสักทีว่า L เมลโล และเนียร์ มีความสัมพันธ์กันแบบไหน นอกจากเป็นนักเรียนร่วมสถาบัน Wammy ? (ชื่อดูน่ารักไปหน่อยหรือเปล่าสำหรับโรงเรียนเด็กอัจริยะ ? ^^;) คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้ง 3 คน หน้าตาเหมือนกันราวกับโขกกันออกมาอย่างตั้งใจ

พูดถึงเนียร์แล้ว หลังๆนี่ชักได้ใจไปเยอะ บทเยอะเสียจนอดคิดไม่ได้ว่า แล้วเมลโลจะได้ออกโรงตอนไหนล่ะนี่ ? ตอนนี้กลายเป็นว่า เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างเนียร์กับไลท์ไปเสียแล้ว แล้วเอาเมลโลไปไว้ไหน (>_<) ตอนน้องเนียร์บอกว่า สุดท้ายแล้ว เขาต้องเอาชีวิตตัวเองเป็นเครื่องสังเวยในการจับคิระให้ได้ ฟังแล้วก็ใจหาย แสดงว่า เนียร์ทุ่มสุดตัวจริงๆ สำหรับเด็กที่ขี้กลัวอย่างเนียร์ ไม่ยอมออกไปพบปะใคร หรือนั่งเครื่องบินตัวคนเดียวไม่เป็น การเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกนี่ มันเป็นที่สุดของชีวิต ภาพที่ L ล้มลงไปยังติดตาอยู่ แล้วนี่จะมาเป็นเนียร์อีกคน (หรือว่าจะเป็นเมลโลก็ตาม) คิดว่ามันมากเกินไปสำหรับซีรีส์นี้หรือเปล่า ? ภาคนี้คงใกล้ถึงที่สุดจริงๆแล้วล่ะ น้องเนียร์เธอเริ่มจะดับเครื่องชนแล้ว สุดท้ายแล้ว เมลโลจะยอมเข้ามาช่วยเนียร์หรือเปล่า ? น้องเนียร์เธอก็ว่าอยู่นั่นแหละว่า เมลโลเคลื่อนไหวโดยใช้แต่อารมณ์ (รู้จักกันดีมากเลยนะ ^_^) ถ้าเมลโลรู้ว่าเนียร์วางแผนจะตาย เมลโลจะคิดยังไง ? จะยอมลดทิฐิหรือเปล่า ? ยังไงก็คงไม่ยอมให้เนียร์ตายใช่ม่ะ ? ......

ส่วนไลท์ อืมม์.... ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กับมิสะก็ดูเหมือนราบรื่นดี กับทาคาดะก็เหมือนกัน แต่บ่นๆ NPA หน่อยเถอะ ในเมื่อสามารถกำหนดสถานที่ออกเดทได้ ทำไมไม่ติดกล้องฟ่ะ ? จะมามัวเกรงใจไปทำไม ?

เออ... เพิ่งนึกขึ้นมาได้ .... ลุคหายไปไหน ???!!! ไม่เห็นมา 2 ตอนแล้วนะ ?




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2548    
Last Update : 13 ธันวาคม 2548 8:37:34 น.
Counter : 2924 Pageviews.  

====Take a Break for a Week ====

งด update blog 1 อาทิตย์ค่ะ เพราะไม่อยู่ประเทศไทย แล้วก็ไม่เอา Notebook ไปด้วยค่ะ รุ่นล้านปีแสง หนักเหมือนแบกกระสอบข้าวสาร ไม่เอาไปด้วยดีกว่า ไปทำงานต่างประเทศก็ทุลักทุเลอยู่แล้ว การ update blog ตามเนตคาเฟ่ต่างประเทศ ก็ทุลักทุเลไม่แพ้กัน

ด้วยประการฉะนี้ ก็ของด 1 สัปดาห์ ส่วน summary ของ DN 89 ก็ยกยอดไปรวมกับ DN 90 ก็แล้วกันค่ะ ใครเบื่อที่จะรอ ก็ไปที่ blog ของคุณ Kurai นะคะ สนุกเหมือนอ่านเดธโน้ตภาคนิยายเลย

แต่อย่างไรก็ตาม DN 89 raw ออกแล้วค่ะ ออกรวดเร็วทันใจดีจังพักนี้ ตอนที่ 89 นี้ เป็นการเฉลิมฉลอง Death Note ครบรอบตีพิมพ์ได้ 2 ปีค่ะ โอ้....เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก... 2 ปีแล้วสินะ อ.โอบาตะ ทาเคชิจึงได้เฉลิมฉลองด้วยภาพสีเปิดเรื่อง .... 2 หน้า ..... หนูนึกว่า จะเป็นภาพสีทั้งตอนอีกนะคะ อ.โอบาตะ เอาค่ะ บ่นมากไปใย เชิญทัศนากันตามอัธยาศัย รู้สึกตอนนี้อ.โอบาตะจะเน้นสีสรรสดใสเป็นพิเศษ

อ.โอบาตะเลิกลำเอียงแล้ว จับน้องเนียร์ไปเข้าคอร์สไดเอทและสระเซทผมใหม่ ออกมาหุ่นดีผมไม่เป็นก้อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว


รู้สึกว่า อ.โอบาตะเคยบอกว่า theme สีหลักของไลท์คือ สีอ่อนๆ จางๆ แต่เราว่า Theme สีหลักของไลท์คือสีม่วงมากกว่า เข้ากั๊น เข้ากัน เพราะฉะนั้น ลุคถึงต้องตัวสีม่วงไง ?

=================================

Fanarts Dump

ความจริงแล้ว ไม่อย๊าก ไม่อยากสุดๆ ที่จะลง fanart คู่กับงานของอ.โอบาตะ แต่ มันหาจังหวะลงไม่ได้สักที ไหนๆก็ไหนๆ upload รูปแล้ว เลยมาเทกระจาดกันสักทีก็แล้วกัน คราวนี้ทำเป็นไอคอนเล็กๆเพื่อให้ท่านไม่ต้อง load นรก เลือกชมตามอัธยาศัย


ทำไมรูปมันมืดๆก็ไม่รู้ รัศมีของ L พยายามใช้คอมพ์ทำ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องมานั่งวาดมือในที่สุด อันนี้อิทธิพลจาก fanart ญี่ปุ่นค่ะ เห็นเขาวาด L ใส่แว่นน่ารักเชียะ ลองทำมั่ง


หวุดหวิดจะเป็น Junk มาหลายหนรูปนี้ แต่รอดออกมาได้ อยากให้ไลท์ดูเหมือนเทวดาที่มือเปื้อนเลือด แต่ไม่ค่อย work เท่าไร่


ผิด concept ไปหมื่นลี้ อยากให้มีลมพลัดผม L พริ้วๆ เหมือน L เดินอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย เศร้าๆ เหงาๆ ..เฮ้อ...แต่ก็ชอบภาพนี้มากนะ


อยากให้ภาพนี้ออกโทนสีม่วงแรงๆ แต่แรงจัดเกินไปหน่อย ดูฉูดฉาดไป


พอจะฉุดขึ้นมาจาก Junk ได้ .... ลงสีง่ายๆไปซะ


มีคนเคยว่า ทำไมฉันไม่วาดผู้หญิงมั่งเลย ก็วาดแล้วไง .... ฉันว่า เดี๋ยวนี้พวกผู้ชาย วาดเด็กผู้หญิงน่ารักๆ หน้าตาไร้เดียงสาได้เก่งกว่าพวกผู้หญิงเสียอีก เมื่อก่อนใครวาดแบบนั้น โดนเพื่อนล้อว่าเป็นกระเทยแย่เลย โลกมันกลับตาลปัตรเสียแล้ว


เห็น website ญี่ปุ่นเล่นกันแยะเชียว แบบนี้ ... น้องเนียร์เธอน่ารักออกจะเคะอยู่แล้ว




ฉุดมาจาก Junk คิดว่า น้องเนียร์ถ้าเอาน้ำราดหัว ผมเรียบๆ ก็คงจะน่ารักดี


ให้เมลโลช่วยอาบให้นะคะ


เมลโลเปล่งรังสีคอสโม่


มีอยู่ช่วงหนึ่ง จะบ้างานของ Houseki มาก ก็เลยลองวาดเนียร์สไตล์ Houseki ดูสักรูป แต่ใจไม่กล้าพอ ความจริง เนียร์ยืนพิงกระจก แล้วฝนตกด้านนอกจะ เห็นป่ะ เป็น feel ตอนเนียร์แอบมองตอนที่เมลโลเดินจากไปในวันฝนตก (จำกันได้ไหม ?)


ถาม : ทำไมเส้นถึงเน่าไม่เลิก ไม่คิดจะตัดเส้นดีๆ เหมือนชาวบ้านเขาเรอะ ?
ตอบ : ขี้เกียจอ่ะ (เหตุผลดีมาก)
ถาม : ทำไมไม่เอางานไปแปะตามบอร์ดสาธารณะให้ชาวบ้านเขาวิจารณ์กันบ้าง ?
ตอบ : แปะแล้ววังเวงอ่ะ เลยไม่แปะดีกว่า ความจริงก็รู้ๆตัวอยู่ว่างานตัวเองมัน...ขนาดไหน ? แปะ blog ตัวเองนี่ ดีกว่าแปะฝาห้องนอนหน่อยนึง

ใครใจดีก็ให้คอมเมนท์บ้างนะคะ ....please....


ป.ล. เปลี่ยนสโลแกนค่ะ เอาไว้หาที่เข้าท่ากว่านี้ก่อนนะคะ เพราะใช้สโลแกนนี้ เหมือน blog นี้จะเปี่ยมด้วยสาระเลย
ป.ล. วันที่ 1 ธ.ค. ลือกันให้แซ่ดเลยจะกวาดล้าง website Y เฮ้อ... ลามมาถึง blog ฉันไหมนี่ ?




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2548    
Last Update : 2 ธันวาคม 2548 15:23:58 น.
Counter : 1923 Pageviews.  

Harry Potter and the Goblet of Fire : Movie review + Fan Art

คำเตือน : blog นี้อาจจะ load นานหน่อย เพราะไม่ได้ทำ icon รูปภาพ ค่ะ

ในที่สุด ก็ได้ดู Harry Potter ภาค 4 แล้วล่ะ ตอนแรกก็นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปดูด้วยกัน ไม่ว่างกันอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่ดูอาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าต้องไปมาเลเซีย กว่าจะกลับมา เดี๋ยวอดดูกันพอดี ก็ไม่ใช่ว่าเป็นสาวก HP หรอกนะ มีก็อ่านไม่มีก็ขอยืมอ่าน เคยควักตังส์ซื้ออ่านอยู่เล่มเดียว แต่ด้วยความเป็นคอหนังแฟนตาซี เมื่อมีหนังแนวนี้มา ก็ต้องดูสิ ภาค 1 - 2 บอกตรงๆว่า ไม่ค่อยประทับใจ มันกลายเป็นหนังเด็กธรรมดาๆยังไงก็ไม่รู้ ภาค 3 นี่พอใช้ได้ แต่ถ้าจะนับความทรงจำเกี่ยวกับหนัง HP มันไม่ค่อยมีอะไรให้ประทับใจจดจำได้สักเท่าไหร่ แต่สำหรับภาค 4 นี้ นับว่า ประทับใจมาก


กำลังคิดว่าเราต้องสายตาเอียงแน่ๆ ทำไมแฮร์รี่ตัวเอียง ครั้งนี้วาดจาก image ของ Daniel Radcliffe แหม...ถ้ามีเวลาจะถล่มด้วยเลือดและรอยแผลซะหน่อย

อาจจะเป็นเพราะอ่านเล่ม 4 ทิ้งไว้นานแล้ว จนจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ ก็อาจจะจำได้เท่ากับที่ผู้กำกับและคนเขียนบทเอามาให้ดูนั่นแหละ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยเชื่อมโยงเนื้อเรื่องในหนังสือ ที่บ่นๆกันว่าหายไป ฉันก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่า ภาคนี้เล่าเรื่องได้ใจความหลักดี และมีความเป็นภาพยนต์อย่างเต็มเปี่ยม ในเรื่องมุมกล้อง โทนของเรื่อง แสงเงาที่ออกจะมืดๆ ทึมๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้งานเต้นรำโดดเด่นสว่างไส่วอบอุ่นมาก

บรรยากาศโดยรวมของเรื่อง มืดมนจะอึดอัดมาก เหมือนกับมีความชั่วร้ายซ่อนอยู่ทุกอณูของโลกพ่อมด เปิดเรื่องมาหัวกะโหลกและรูปปั้นน่าขนลุกได้ใจมาก (แต่สวย) ในเรื่องจะมีตอนที่สว่างสดใสน้อยมาก ส่วนของ Daniel Radcliffe ฉันว่าเขาพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นในด้านการแสดง เรามองเห็นความหวาดหวั่นในตัวของแฮร์รี่และความเป็นวีรบุรุษจำเป็นจำยอม กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้ดีทีเดียว ส่วนรอนเสมอตัวค่ะ บทชักใกล้ตัวประกอบในภาคนี้

รอนหน้าบูดซะอย่างนั้น ... แต่สงสัยว่า ในหนัง ทำไมฝาแฝดวินลีสย์มานั่งเรียนห้องเดียวกับน้องชายล่ะ ?

ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ แทบจะกลายเป็นตัวประกอบไปเลย ภาคนี้ในหนังไม่ค่อยมีตอนให้เธอแสดงสติปัญญาซะเท่าไหร่ น่าเสียดายฉากงานเต้นรำ เฮอร์ไมโอนี่เธอสวยมาตลอด สวยมาแต่แรก ฉากงานเต้นรำที่คนดูควรจะได้ตื่นตะลึงกับความสวยของเธอไปพร้อมๆกับนักเรียนฮอร์ตเวอร์ต เลยน้อยไปซะอย่างงั้น ยังจำได้ถึงตอนที่อ่าน เฮอร์ไมโอนี่จะสวยซะจนใครจำแทบไม่ได้ เรียกว่า เป็นตอนที่เธอจะสลัดคราบลูกเป็ดขี้เหร่มาเป็นหงส์สวยสง่าก็ตอนนี้แหละ เสียดายค่ะ แต่แฟนๆ Emma Watson คงไม่บ่นอะไร

เฮอร์มี่สวยอยู่แล้ว (ในหนัง) เธอจะสวยอีก ก็ไม่ทำให้ฉันตื่นเต้นสักเท่าไหร่

แล้วก็ดัมบิลดอร์ ฉันชอบดัมบิลดอร์คนใหม่นี้จัง ดูแข็งขัน มีชีวิตชีวา น่าเกรงขามสมกับที่ Lord Voldemort เกรงกลัว ตอนที่เรียกชื่อแฮร์รี่ด้วยเสียงเฉียบขาด ฉันยังอดสะดุ้งตามแฮร์รี่ไปไม่ได้เลย ดัมบิลดอร์นี่ก็ดุเป็นเหมือนกันนะ

ที่สำคัญอีกอย่าง ฉันชอบโรงเรียนฮอร์ตวอร์ตในภาคนี้จัง ภาพแสดงให้เห็นภาพในมุมต่างๆ ที่ล้วนแต่ดูยิ่งใหญ่ มีเสน่ห์ลึกลับ สมกับเป็นโรงเรียนสำหรับพ่อมดแม่มดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อบอวลไปด้วยบรรยากาศเวทมนต์ ที่ชอบมาก มีใครสังเกตุเห็นพรมแขวนฝาผนังในห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์บ้างไหม ? เป็นพรมเล่าเรื่องยูนิคอร์น สวยมากๆๆๆๆๆ และดูขลังมากๆ เพิ่มความหรูหรา ความขลัง ให้กับปราสาทหลังนี้ขึ้นมาทันตาเห็นเลย
ส่วนการเคสติ้งตัวละคร ก็ไม่คิดมากแล้วค่ะ หนังชุดนี้ ไม่เคยเคสติ้งตัวละครได้ภาพลักษณ์ของหนังสือสักที ไอ้ที่หน้าตาดี กลับพวกหน้าตาไม่ดีมาเล่น ส่วนพวกหน้าตาไม่ดี ดันหาคนสวยๆหล่อๆมาเล่น แถมตัวตัวละครหลัก เซ็นต์สัญญาจนจบซีรีส์เรียบร้อยแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็จินนี่นี่แหละ ใครอ่านเล่ม 6 แล้วก็น่าจะรู้ว่าเธอคนนี้แหละ คือรักแท้ของแฮร์รี่ หมายความว่า เธอคือนางเอกของเรื่องนั่นเอง นั่นทำให้หลายๆคนไม่ค่อยเห็นด้วย ทำใจลำบากที่จะให้จินนี่หน้าอย่างในหนังมาคู่กับแฮร์รี่ (ที่ในหนังสือก็ไม่ได้หล่อ) ในหนังสือ จินนี่เธอเป็นสาวสวย พราวเสน่ห์ แสนป๊อบปูล่าในหมู่นักเรียนชายเชียวนา แล้ว Bonnie Wright ที่เล่นเป็นจินนี่จะสวยทันในภาค 6 หรือเปล่านี่ ? ไม่รู้ Bonie ที่เล่นเป็นจินนี่จะส้มหล่นได้เป็นนางเอกของเรื่องในที่สุด หรือถูกเขี่ยทิ้งเพื่อหาสาวสวยกว่านั้นมาเคียงข้างแฮร์รี่หรือเปล่า ?!

ว่าแต่หนัง ส่วนตัวเรา ดันวาดครัมหล่อซะอย่างงั้น (เรอะ ?!)

อีกนิด..... เฟลอร์นี่..... หาสวยกว่านี้มาเล่นไม่ได้แล้วเหรอ ??! ส่วนโช ดูภาพเคลื่อนไหวแล้วเธอดูดีขึ้นมาหน่อย ก็ไม่ได้เป็นคนสวยน่ารักมากจนสอยหนุ่มดังของฮอร์ตวอร์ตมาครองถึง 2 คน แต่ก็น่ารักพอจะควงไปงานได้

เซดริก หนุ่มคนนี้หนังใช้ได้คุ้มมากในภาคนี้ บางมุมก็หล่อ บางมุมก็ธรรมดา แต่โดยรวมแล้ว เหมาะกับแฮร์รี่ที่สุดเลย

อีกเรื่องดูแล้วหงุดหงิดทุกที คือ คอสตูมดีไซน์ ใครอ่านในหนังสือก็จะรู้ว่า แฟชั่นของพวกพ่อมดแม่มดกับพวกมักเกิ้ลจะต่างกันมาก แต่ในหนัง กับแต่งตัวอย่างเดียวกันไปซะอย่างนั้น แยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นมักเกิ้ล ใครเป็นพ่อมดแม่มด แทนที่จะเล่นสนุกกับคอสตูมดีไซน์ได้เยอะแยะ หนังกลับทิ้งประเด็นนี้มาทุกภาค เราคงอดดูมุขเปิ่นๆเรื่องการแต่งตัวของพวกพ่อมดแม่มดเมื่อพยายามจะปลอมเป็นมักเกิ้ลกันเสียแล้ว โดยเฉพาะเวลาดัมบิลดอร์ใส่สูทแบบมักเกิ้ล ....

ย้อนกลับมาดูพวก Trailer ที่โรงหนังฉายให้ดูเสียหน่อย

ที่เห็นน่าดูสุดๆก็ Narnia นี่แหละ เป็นหนังสือในดวงใจเลยนะ อีกเล่มก็คือ ชุดสัตว์ประหลาดในบ่อทราย ก็นาร์เนียนี่แหละ ทำให้สมัยอยู่ประถมฉันต้องติดหนึบไปนั่งอ่านนาร์เนียที่ห้องสมุดทุกเที่ยงและเย็น ยังคิดว่าอยากกินขนมที่ราชินีน้ำแข็งให้เด็กๆกินเลยนะ บรรยายเสียน่าอร่อย ภาพหนัง Trailer ที่เอามาให้ดู ช่างยิ่งใหญ่อลังการณ์ไม่แพ้ Lord of the Ring ออกแนวเครียดๆซะด้วย ภาพสงครามและเด็กๆดูจริงจังมากเกินกว่าจะเป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือสำหรับเด็กเล็ก แต่ก็ยังอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นพวกสัตว์ต่างๆพูดจ้อในหนัง ไม่พลาดค่ะ เรื่องนี้ ต้องดูให้ได้

ส่วนอีกเรื่อง ก็ King Kong โดยผู้กำกับมือทอง Peter Jackson ใครๆก็อยากจะดูว่า หลังจากประสบความสำเร็จกับ LORT แล้ว PJ จะเสนออะไรให้กับผู้ชมต่อไป และจะยังรักษามาตรฐานระดับ LOTR อยู่ไหม ? แต่จาก Trailer ที่ดู นอกจาก CG ที่ตื่นตาตื่นใจ แนบเนียนไร้รอยต่อแล้ว ยังหาสาระอะไรไม่ได้นอกจากกิ้งก่ากัดกะลิง ดูภาพแล้วมันอดขำไม่ได้จริงๆ ทำให้นึกถึง Jurassick Park อีกต่างหาก (ฉากไดโนเสาร์กัดกัน ก็ช่างเหมือนจิ้งจกกัดกัน ขำๆ โหดๆ) แต่ใครจะพลาดล่ะ .....




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2548 8:40:03 น.
Counter : 1638 Pageviews.  

Death Note page. 88 .... Coversation ....


ตอนนี้ไม่ยักกะมีหน้าเปิดแฮะ หลังๆนี่อ.โอบาตะไม่ค่อยทำหน้าเปิดเลย

ทาคาดะ คิโยมิหลังจากไปพบกับไลท์แล้ว วันต่อมา หล่อนก็ยังทำหน้าที่เป็นโฆษกของคิระเช่นเคย แต่ครั้งนี้ หลังจากที่แถลงสาสน์จากคิระ ที่ประกาศจะลงโทษผู้ที่เคยทำผิดในอดีตด้วย หล่อนก็ได้เพิ่มเติมความเห็นของไลท์ลงไปในกรณีที่ว่า พวกตำรวจควรจะทำอย่างไรต่อไป มิคามิที่นั่งดูการทำงานของทาคาดะอยู่ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันใดว่า ผู้หญิงอย่างทาคาดะที่เขารู้จักดีไม่น่าจะแสดงความคิดเห็นแบบนี้ออกมาได้ มิคามิคิดว่า ผู้ที่สามารถที่จะแสดงความเห็นเช่นนี้ได้ อาจจะเป็นคิระ (ทำไมไม่มีใครเชื่อหัวทาคาดะว่าอาจคิดเองบ้างเลย หรือเธอจะเป็นสาวสวย ฉลาดแต่ในตำราอย่างที่เนียร์กัดมา ?)

ฝ่ายเนียร์ที่ส่งเลสเตอร์เข้าไปสืบข่าวในญี่ปุ่น ก็ยังไม่ได้ข้อมูลเป็นชิ้นอันนัก และเนียร์ก็ฉุกคิดเช่นกันว่า ทาคาดะผู้หญิงโง่เง่าอย่างนั้น ไม่น่าจะมีความเห็นของตัวเองเพิ่มเติมลงไปได้ ประกอบกับเลสเตอร์รายงานว่า ทาคาดะได้พบปะกับคนคนหนึ่งอย่างลับๆ แม้แต่บอดี้การ์ดของหล่อนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รู้ว่าเป็นใคร เนียร์ยิ่งสงสัยมากขึ้น ส่งให้เลสเตอร์พยายามสืบให้ได้ว่า บุคคลผู้นั้นคือใคร ? ส่วนเจอวานี ริดเดอร์และเมลโล คาดว่ากำลังโล้สำเภาไปญี่ปุ่น ป่านนี้ยังไม่ถึง

เนียร์จ้องหน้าเป็ดเพื่อขอความเห็น ??

ทาคาดะเมื่อเสร็จงานแล้ว ก็ไปพบกับไลท์ ไลท์ถึงกับดึงทาคาดะเข้าไปกอดอย่างรักใคร่ ทาคาดะที่ตอนนี้เหมือนจะพ่ายต่อเสน่ห์ของไลท์อย่างราบคาบเสียแล้ว ระหว่างนั้น มิคามิได้โทรเข้ามาหาทาคาดะ ได้แสดงตัวว่าเป็นคิระโดยการฆ่าโฆษกที่กำลังออกอากาศอยู่ของซากุระทีวีให้ดู ไลท์แสดงตนขอเข้าเจรจากับคิระทันที และเปิดเผยตัวเองกับมิคามิว่า เขาคือคิระ

มิคามิจะตาสว่างหรือไม่ถ้ารู้ว่า พระเจ้าของเขาน่ะ มันก็แค่มี Death Note อย่างที่เขามีเท่านั้น แถมไม่มีดวงตายมฑูตอีกต่างหาก ยึดอำนาจมันเล้ย!!

เมื่อมิคามิต้องการหลักฐาน ไลท์บอกถึงจดหมาย 5 หน้ากระดาษที่ส่งให้มิคามิได้ ในที่สุดมิคามิก็ได้พบพระเจ้าของเขาแล้ว ! ฝ่ายทาคาดะ ไลท์ก็บอกเธอไปอย่างง่ายๆว่า เขาคือคิระนั่นเอง และชักชวนให้ทาคาดะเข้าร่วมอุดมการณ์เคียงข้างเขา ซึ่งทาคาดะก็ปลาบปลื้มเสียเหลือเกิน ยอมรับข้อเสนอและร่วมมืออย่างซาบซึ้งใจ

บอกไปง่ายๆซะอย่างงั้น ถ้าไม่มั่นใจในเสน่ห์มัดใจหญิงสุดฤทธิ์ คงคิดว่าทาคาดะไร้สมองสุดขีด ไม่ว่ายังไงก็ไม่ทรยศ

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้สายตาของ NPA แต่ไม่มีผู้ใดทราบถึงบทสนทนาอันสำคัญยิ่งนี้ เพราะไม่มีการติดตั้งเครื่องดักฟังในห้อง ตามคำขอร้องของไลท์ (-__-)"

My cup of tea.

อยากอ่าน Hikaru no Go ภาค 2 แล้วง่ะ

อ้าว .... เอ้ย! ไม่ใช่สิ แสดงความเห็นเกี่ยวกับตอนนี้สิ !

ทำไมไลท์มันเฮงแบบนี้ก็ไม่รุ รู้สึกมานานแล้วว่า ไลท์มักจะมีโชคช่วยนิดๆ (นิดเหรอ ??!!) อยู่เสมอ เหมือนอย่าง เช่น ตอนมิโซระ นาโอมิ ไลท์โชคดีที่ไปเจอตัวเธอพอดีก่อนที่เธอจะไปเข้าพบพ่อของไลท์ หรือมิสะที่มียมฑูตหลงรักจนยอมตายแทนได้ และมิสะก็หลงไลท์หัวปักหัวปำ ส่วนทาคาดะ ชักจะเชื่อตามเนียร์แล้วว่า เธอไม่ฉลาด ขนาดมิคามิยังไม่เชื่อเลยว่าเธอจะคิดอะไรเองเป็น ? ตัวละครผู้หญิงในเรื่องก็ออกจะไม่ค่อยฉลาดกันทั้งนั้นเล้ย... หรือมองโลกในแง่ดี ไลท์ก็คงเลือกคบแต่ผู้หญิงไม่ฉลาด

แต่ทาคาดะนี่ อืมม์..... ถ้าไลท์ไม่เสน่ห์รุนแรงมาก ก็คงความหลังครั้งเก่าคงซาบซึ้งมากพร้อมจะปะทุทุกขณะ ของให้ไลท์ทอดสะพานมาเหอะ หล่อนก็พร้อมที่จะวิ่งข้ามไปหา แม้จะมีต้นงิ้วขวางหน้า ก็คิดดู ผู้หญิงที่รู้เต็มอกว่าไลท์มีเมียแล้ว แถมทิ้งเราไปตั้ง 4 ปีไม่เคยส่งติดต่อมาหา จู่ๆมาขอพบเพราะเราเกิดเป็นคนสำคัญขึ้นมา แบบนี้มันเห็นเจตนาปีกทองชัดๆ แต่ทาคาดะยังซาบซึ้งได้ เห็นแล้วหงุดหงิดจริงๆ แต่ถ้าไม่คิดมากกับเนื้อเรื่อง คงดูท่าว่า อ.โฮบะคงจะรวดรัดมากจริงๆ จุดประสงค์ของการเติมทาคาดะและมิคามิก็เพื่อให้ไลท์มีพรรคพวกที่มีสมองขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่มีแต่พวก NPA และลุคหรือมิสะที่ไม่ค่อยมีความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ แค่ 2 ตอนปูพื้นองค์กรคิระก็พอเนอะ อ.โฮบะ กลับเข้าเนื้อเรื่องเสียที

จะว่าไปแล้วเหมือนไลท์ทำอะไรก็สะดวกราบรื่น โชคดีและมีดวงอยู่เรื่อย ไลท์โชคดีขนาดไหนที่ทายาทของ L ที่ร้ายกาจด้วยกันทั้งคู่ ดันไม่ยอมทำงานร่วมกัน (ทำไมมันไม่รักกันเหมือนพวก Elric ฮะ ?!) ส่วนเนียร์กับเมลโล กว่าจะได้ข้อมูลอะไรมาสักชิ้น เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ข้อมูลเก่าของ L ยังไม่เหลือให้เนียร์กับเมลโลเลย กว่าเนียร์กับเมลโลจะมาถึงจุดที่รู้ว่ามีเดธโน้ต และโจมตีไลท์ได้ ใช้เวลาถึง 4 ปี ซึ่งอณาจักรของคิระก็เติบโตจนยากจะควบคุมแล้ว

เมื่อก่อนเคยสงสัยว่า ทำไมภาค 2 ถึงต้องเริ่มเรื่องหลังจากความตายของ L ไปแล้ว 4 ปี เพื่อให้เนียร์และเมลโลเติบโตขึ้น ? ก็ใช่นะ.... แต่สามารถเริ่มเรื่องได้ตอนนั้นด้วยการเปิดตัวให้เนียร์และเมลโลอายุ 17 - 18 ได้ไม่ใช่เหรอ ? คือ ณ เวลาที่ L ตาย เนียร์และเมลโลก็ 17 ปีแล้ว ทำไมต้องเปิดตัวที่อายุ 12 ปี ..... ตอนนี้เราคิดว่า ช่วง 4 ปีนั้น เป็นเวลาที่อ.โฮบะให้ไลท์มากกว่า เพื่อให้อณาจักรของคิระเติบโตขึ้นจนมีผู้ภักดีทั่วโลก เมื่อไลท์ถูกจับได้ คงจะเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ ผู้คนทั่วโลกต่างออกมาปกป้องคิระ คิระอาจจะรอดพ้นโทษเพราะคนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับอุดมการณ์ของคิระ แล้วตอนนั้น คิระหรือจะเป็นฝ่ายผิด ??!


เล็กๆน้อยๆ

คือว่า ฉันติดนิสัยมาตั้งแต่อยู่เชียงใหม่แล้วว่า ไม่เคยซื้อการ์ตูนเต็มราคาสักที เพราะมีร้านเจ้าประจำที่ซื้อกันอยู่ลด 10% โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก คือร้านหน้าสถานีรถไฟ กับร้านหน้าโรงเรียนยุพราช
พอมาอยู่กรุงเทพแล้ว ก็หาร้านที่มันขายลดเหมือนกัน เพราะไม่ได้ซื้อการ์ตูนบ่อย นานๆซื้อทีหลายๆเล่ม ไกลหน่อยก็คุ้มค่ารถไปซื้อ
ก็เลยขอสรุปร้านที่ไปซื้อมาดังนี้ เผื่อใครจะสนใจบ้าง แต่ไม่บอกชื่อเต็มร้านนะ เพราะไม่ได้เปอร์เซนต์


1. ร้านอาเจ๊ที่มาบุญครอง เล่ม 40 บาท เจ๊ขาย 35 บาท
2. ร้านที่เซนทรัล ทั้งพระราม 2 และลาดพร้าว เล่ม 40 บาท ขาย 36 บาท ที่พระราม 2 ซื้อ 99 บาท สะสมแต้มได้ ครบ 10 แต้ม ได้การ์ตูน 1 เล่ม
3. เดอะมอลล์ เล่ม 40 บาท ขาย 38 บาท แต่มีข้อดีตรงที่ หน้าร้านขายโปสเตอร์และจิ๊กซอว์การ์ตูนราคาถูก นี่ก็เพิ่งสอยจิ๊กซอว์เดธโน้ตรูป L มาต่อเล่น ทั้งๆที่ไม่ใช่คนชอบต่อจิ๊กซอว์นะนี่




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2548 8:42:42 น.
Counter : 756 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

Pride
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฮู้.... กว่าจะใช้ blog เป็น (คิดว่านะ) ต่อไปนี้ จะพยายาม update เรื่อยๆก็แล้วกัน ส่วนเนื้อหา .... คาดว่าจะจับฉ่าย ส่วนของ Let's talk ก็เรื่องสัพเพเหระ , secret window ก็จะเป็นเอ่อ.... อะไรที่มัน Y หรือ Homo นะ เพราะชอบอ่านการ์ตูน Y นิ เพราะฉะนั้น ไม่ชอบอย่า click เข้าไป ส่วน comic talk ก็เป็นการ์ตูนที่กำลังอิน หรือกำลังอ่านอยู่ค่ะ
Friends' blogs
[Add Pride's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.