==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 
FAQ#14 ----- update 26/4/10

พี่นกค่ะ หนูอยากทราบว่าตำแหน่ง Field service representative 1. ทำงานอะไรบ้าง 2. Scope โดยเป็นยังไง 3. ไม่ได้จบเคมีมาจะทำได้มั้ยคะ 4. Baroid product นี่เป็นยังไงคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

1. ทำงานอะไรบ้าง

คิดว่าคงเป็นประมาณผู้ประสานงานระหว่างวิศวกรน้ำโคลน (mud engineer) กับ ลูกค้าซึ่งก็วิศวกรที่ได้รับมอบหมายของบ.น้ำมัน ในงานทั่วๆไปก็เหมือนกับ account cooperator ในทางงานโฆษณาเขาก็เรียกว่า AE (account executive) พูดง่ายๆคือคนทำงาน(วิศวกร creative art ฯลฯ) มักจะไม่พูดภาษาเดียวกับลูกค้า เพราะว่าลักษณะนิสัยที่มุ่งแต่เนื้องาน ใช้ภาษาเทคนิค หรือ สภาพงานที่อยู่ไกล (เช่นงานนอกชายฝั่ง) จึงต้องมีตัวกลางที่รู้เนื้องานหน้างาน รู้เทคนิคพอควร วิเคราะห์ข้อมูล แก้ปัญหาทางเทคนิคเบื้องต้นได้ อยู่ใกล้ลูกค้า ไปสื่อสาร ประชุม ปรึกษาหารือ คลุกคลีตีโมงตีกบตีกอฟล์ กับลูกค้าได้ มองภาพกว้าง คล่องแคล่ว ตำแหน่งนี้มักจะเอาจากคนในงานสนามนั่นแหละที่มีหน่วยก้าน พูดจาเข้าหูคน บุคคลิกดี มีมนุษยสัมพันธ์ ฯลฯ และข้อสำคัญอยากกลับฝั่งไปทำงานออฟฟิต แต่พอหลังๆท่าจะหายาก หรือพัฒนาคนไม่ทัน ก็เลยต้องรับคนนอกมาทำ

2. Scope โดยเป็นยังไง

ตอบไปแล้วกับข้อ 1

3. ไม่ได้จบเคมีมาจะทำได้มั้ยคะ

ได้ซิครับ (ผมจบไฟฟ้ากำลังมาก็ยังทำอยู่นี่ไง ถึงจะไม่ใช่ตำแหน่งนี้ แต่ก็เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำโคลนนี่แหละ)

4. Baroid product นี่เป็นยังไงคะ

เป็นแผนกหนึ่งของขาใหญ่ Halliburton (เข้าเว็บไปดูได้เลยครับ) ซึ่งผลิตและให้บริการน้ำโคลนในงานขุดเจาะและสำรวจปิโตรฯ ถ้าคิดนึกไม่ออกว่าน้ำโคลนมันคืออะไรก็ลองอ่านบทที่ 2 ในห้องสมุดผมดูก็ได้ครับ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=26-05-2009&group=6&gblog=29 หรือไปอ่านในตอนที่ผมเขียนเรื่องวิธีการขุดหลุมก็ได้ครับว่าน้ำโคลนมันเอาไปใช้ในกระบวนการไหนของการขุด



ตอนนี้ผมได้รับการติดต่อจากบริษัทใหญ่บริษัทนึงครับ ในตำแหน่ง Well Site Manager ครับ ไม่ทราบว่า ตำแหน่งนี้คือ DSM รึป่าวครับ แล้วผมควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดีครับ แล้วเงินเดือนที่เค้าจะให้ผมเนี่ยรวมกับค่าลง offshore รึป่าวครับ พี่นกช่วยอธิบายนิดนึงครับ ผมไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้จริงๆครับ

ผมมีประสบการณ์ด้านอื่นๆมา 3 ปี + ประสบการณ์ด้านออกแบบ Wellhead (Design Engineer) มา2 ปีครับแต่ work in office เป็นหลักน่ะครับ ลงไป Rig บ้างในบางครั้งครับ โดยลูกค้ารายใหญ่สุดในไทยก็คือบริษัทที่ผมกำลังจะไปสัมภาษณ์นี่แหละครับ


ตำแหน่งนี้คือ DSM รึป่าวครับ ใช่ครับ แต่คงเป็น trainee ไปก่อน (และผมว่าผมรู้ว่าเป็นบ.อะไรด้วย) ซึ่งก็คือ DSM trainee นั่นเอง หาอ่านเรื่องราวของ DSM ได้จาก FAQ และมีคำสัมภาษณ์ตำแหน่งนี้ของบ.นี้ ในบล๊อกด้วย //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=03-01-2010&group=6&gblog=47

ผมควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดีครับ เนื่องจากผมรู้ว่าเป็นบ.อะไร ผมคิดว่าคุณไปเรียกเงินเดือนอะไรไม่ได้หรอกครับ เขาให้เท่าไรก็เอา แต่ผมว่าคุ้มแน่นอนครับเทียบกับโอกาสชีวิต ประสบการณ์ และ รายได้ในวันข้างหน้า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งในฝันของหลายๆคนที่อยากทำงานสนาม แต่บอกก่อนนะว่าฝึกกันโหดทีเดียว

เงินเดือนที่เค้าจะให้ผมเนี่ยรวมกับค่าลง offshore รึป่าวครับ ปกติจะไม่รวมครับ ลง offshore ได้ต่างหากอีก



ช่วยเปรียบมวยระหว่าง mud and cementing engineer หน่อยครับ

ถามมาแบบนี้แปลว่าต้องรู้จักเจ้าสองคนนี้พอสมควรแล้วซิครับว่านัยสองคนนี้ทำงานอะไรยังไง ผมไม่รู้ว่าจะเปรียบมวยในมุมไหนดี

รายได้ - พอๆกันครับ
งานหนัก - พอๆกันอีก
ตารางการทำงาน (work load) - ก็พอๆกันอีก
โอกาสก้าวหน้า เป็นใหญ่เป็นโต ในสายงานตัวเอง - พอๆกัน
โอกาสแถออกไปทำงานอย่างอื่นในขบวนการขุดเจาะ - mud eng จะมีภาษีดีกว่า เพราะ น้ำโคลนนั้น เข้าไปเกี่ยวข้อง และมีผลกระทบ กับกระบวนการขุดทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มขุดจนถึงผลิตปิโตรฯ ดังนั้น Mud eng จะรอบรู้วงจรชีวิตของหลุมมากกว่า ดังนั้น ถ้าเบื่อๆ ก็ออกไปทำอย่างอื่นในวงการได้ง่ายกว่าเพราะรู้มากกว่านั่นเอง cement eng เกี่ยวข้องกับหลุมในช่วงสั้นๆเท่านั้นครับ
โอกาสโดนลูกค้า(บ.น้ำมัน)ด่า - mud eng มีโอกาสโดนมากกว่า ไม่ใช่เพราะงานยากกว่า แต่เพราะไปเกี่ยวข้องกับวงจรชีวิตของหลุมมากกว่านานกว่า ก็ต้องมีโอกาสให้ได้รับพรจากลูกค้าได้ถี่กว่า (ฮ่า)
คุณสมบัติแรกเข้า - ก็คล้ายๆกัน โดยมากเป็นเครื่องกล กับ เคมี แต่สาขาอื่นก็มีให้เห็นประปราย
แฟนสวย ? - ผมว่า พอๆกันอีกนั่นแหละครับ

ผมไม่รู้จะเปรียบแง่ไหนแล้วครับ นึกไม่ออก ถามมาเป็นเรื่องๆดีกว่าไหมครับ



แฟนตอนนี้เรียนจบวิศวะ xxx ค่ะ แต่เค้าตัวผอมมากเลยสูง 175 แต่น้ำหนักแค่ 52 เองค่ะ จะมีปัญญามั้ยคะ ปล. ไม่มีโรคประจำตัว อาหารบนแท่นดีมั้ยคะ

แหม แบบนี้ไม่ใช่แค่แฟนแล้วมั่งเนี่ย ดีใจแทนแฟนจัง ยังงี้รักตายเลย :)

เข้าเรื่องๆ

จะมีปัญญามั้ยคะ (เข้าใจว่าจะถามว่ามีปัญหาไหม เพราะ ปัญญาคงมีแน่ไม่งั้นไม่จบวิศวะxxx) ไม่มีปัญหาครับ ทำๆไปเดี๋ยวอึ๋มเอง ตอนผมเริ่มทำตอนจบ สูง 176.5 หนัก 60 โล ตอนนี้สูงเท่าเดิม แต่ 86 โล เพิ่งลดเหลือ 76 เมื่อไม่นานมานี้

อาหารบนแท่นดีมั้ยคะ - สุดยอดๆ ถึงไม่ระดับเหลาก็ระดับภัตตาคารล่ะครับ สบายใจได้ (หมายถึงแท่นในอ่าวฯนะครับ แต่ถ้าแท่นที่อื่น เช่นแท่นบก หรือ ทะเลอื่นก็ว่ากันไปตามความขี้เหนียวของบ.น้ำมัน)

เอาว่า มาเหอะครับ ไม่ได้เอาวิศวปิโตรมาแบกหามอะไรนี่นา



อยากทราบข้อมูลว่า I/E Engineer คือวิศวกรไฟฟ้า

- ที่ทำงานแบบไหน เกี่ยวกับอะไรครับ - ผมไม่ทราบจริงๆว่า I/E ของบ.ที่คุณฝึกงานมันย่อมาจากอะไร แต่ล่ะบ.ก็ย่อไม่เหมือนกัน ถ้าเอาแบบสากลๆ IE น่าจะหมายถึง Instrument Engineer แปลเป็นไทยว่า วิศวกรเครื่องมือวัดคุมซื่งเป็นแผนกย่อยของ Control engineering (วิศวกรระบบควบคุม) ซึ่งก็ย่อยออกมาจากวิศวกรไฟฟ้าอีกที แต่เขาไม่เขียน I/E เขาเขียน IE แต่พอคุณเขียนแบบนี้ผมก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นตัวย่อของบ.ที่คุณฝึกงานอยู่

ถ้าหมายถึง Instrument Engineer จริงๆ นั่นก็คือวิศวกรที่ดูแล วิเคาระห์ เลือกใช้งาน ติดตั้ง บำรุงรักษา ออกแบบ ฯลฯ เครื่องมือวัดคุมทุกประเภท ง่ายๆก็ปรอทวัดอุณหภูมิไปยันระบบวัดคุมระยะไกลอัตโนมัติไฮเทคอย่าง SCADA

- ได้ทำงาน offshore รึป่าวครับ - มีครับ แต่คงจะต้องลงไปเป็นพวกแนวๆติดตั้ง หรือ บำรุงรักษา งานเครื่องมือพวกนี้ส่วนมากอยู่บนแท่นผลิตน่ะครับ ทั้งแบบแท่นที่มีคนและไม่มีคน (พักบนแท่นผลิตแบบมีคนแล้วไปเช้าเย็นกลับโดยเรือ)

- แล้วมันเหมือนหรือต่างจาก I/E maintenance Engnieer ยังไงครับ - ต่างกันตรงหน้าที่มังครับ กลุ่มนึงก็ออกแบบ กลุ่มนึงติดตั้ง พวกที่คุณว่าก็คงลงไปซ่อมบำรุงรักษาตามระยะเวลา หรือ ตอนมันเจ๊ง

- ใน Chevron แผนกที่เกี่ยวข้องมั้ยครับ - มีครับ อบู่ในส่วนที่เรียกว่า Surface facility engineering ครับ ลองอ่านใน FAQ หรือ ห้องสมุดในเว็บ คงพอได้แนวๆบ้าง ผมก็ไม่ทราบมากเพราะผมอยู่แท่นขุด

- แล้วก็พวกระบบ SCADA ใน platform เป็นงานของวิศวกรอะไรครับ I/E รึป่าว?- ถ้าผมเดาว่า I/E ที่คุณว่าคือ Instrument engineer มันก็ใช่ล่ะครับ

- ตอนนี้ผมฝึกงานของบ.service เล็กๆ ในแผนกนี้อยู่ แต่งานไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่เลย เล่นคอม packing ของ, checkของ, อ่าน Work package อ่ะคับ ไปฟังพวกพี่เค้าคุยงานกะลูกค้าบ้าง แต่ส่วนใหญ่พวกพี่ๆที่แผนกเค้าจะทำงานกันเองมากกว่า ผมได้แต่ดูและศึกษาอ่ะครับ ว่างเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยว่าจะขอย้ายไปอยู่แผนก maintence (เป็นช่างไฟ) ที่ส่วนมากเค้าจะซ่อมพวกเครื่องหินเจียร ตัดเหล็ก GEN อะไรแบบนี้อ่ะครับ ซ่อมทุกอย่างในโรงงานไม่ค่อยเกี่ยวกับงาน I/E ที่ผมอยู่ตอนนี้เท่าไหร่อ่ะคับ แต่มันได้ลงมือทำงานจริงๆ พี่นกว่าเป็นอย่างไรครับ หรือผมควรอยู่แผนก I/E นี้ต่อไป คือ ผมวางแผนว่าจะศึกษาข้อมูลตอนฝึกงานนี้แหละอย่างเต็มที่ เพื่อเอาข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้ไปต่อยอดตอนสมัครงานที่ Chevron ตอนจบปี 4 อ่ะคับ ดังนั้นผมควรจะไปอยู่ maintenence หรือว่า I/E Engineer ดีครับ? ลืมบอกครับ! บ.ที่ผมฝึกงานตอนนี้ส่วนมากจะ service ให้ chevron, pearl oil, PTTEP อ่ะครับ พี่ๆก็ลง offshore กันเหมือนกันไปทำ service ให้ลูกค้า

คือผมยังใหม่อยู่อะครับในวงการนี้กำลีงศึกษาหาลู่ทางจะไปทำงานที่ Chevron อ่ะคับ ถ้าพี่นกมีคำแนะนำเพิ่มเติมอะไรบอกได้นะครับจะทำเต็มที่ เพราะเหลืออีกปีเดียวเองชีวิตในมหาวิทยาลัย อยากศึกษาหาควรรู้ให้พร้อมก่อนจบอ่ะคับ


... แต่มันได้ลงมือทำงานจริงๆ พี่นกว่าเป็นอย่างไรครับ หรือผมควรอยู่แผนก I/E นี้ต่อไป - ผมว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ที่ได้ทำงานเยอะๆ ไม่ว่างานอะไรเป็นทุนให้คุณในอนาคตทั้งนั้นครับ

ผมควรจะไปอยู่ maintenence หรือว่า I/E Engineer ดีครับ? - ตอนนี้เป็นช่วงฝึกงาน ดูว่าตรงไหนมีอะไรให้เราทำ ไปตรงนั้นเลยครับ อย่าไปเกี่ยงงอนเลยครับ

โชคดีนะครับ



ตอนนี้ผมเป็น Services Techinician อยู่ที่ BJT (BJ tubular - พี่นก) ได้ประมาณปีกว่าๆแล้วครับ รับผิดชอบด้าน Tong และ SALVO Operator ผมจบวิศวคอมมา สามารถเขียนและสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผมมองงาน Field Engineer ไว้ อย่างเช่นที่ Baker Oil Tool หรือ SBJ ไม่ทราบว่าพี่จะพอบอกถึงความเป็นไปได้ หรือมีคำแนะนำด้านอื่นๆให้ผมไหมครับ

แนะนำเลยครับว่า ไปได้ไปเลยครับ ถ้าเลือกได้เลือก SBJ ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะเป็น BJS ซึ่งคือ BJ Service ถ้าไม่ได้ค่อยไป BOT - Baker oil tool เพราะว่า BJS จะทำเรื่องปั๊มเรื่องซีเมนต์ BOT จะเป็นเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น BJ ก็โดน Baker ซื้อไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ BJ ก็เป็น Baker นั่นแหละครับ สักพักหนึ่ง(ปีนึงมัง)ขบวนการกลืนกิน เอ๊ย ควบรวมก็คงเข้าที่เข้าทางเป็น Baker ไปโดยสมบูรณ์ หรืออีกนัยหนึ่ง อยู่ที่ BJT ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เป็น Baker ไปเอง (ฮ่า)

ผมก็ไม่ทราบว่าภายใน Baker เขามีนโยบายโอนถ่ายขอย้ายข้ามสายงานกันอย่างไร งั้นก็อย่าหวังน้ำบ่อหน้าเลยครับ ลองสมัครหรือเสนอตัวไปที่ BJS ดู เผื่อจะได้ ถ้าไม่ได้ ข้ามไปสมัครที่ BOT ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะผมมองว่า BJT มัน low tech และ labour intensive product พูดง่ายๆคือ ใช้เทคโนฯต่ำและเน้นแรงงาน คุณมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า แข่งขันสูง เอาราคาเข้าฟัน ดังนั้นภายในองค์ก็ต้องลดต้นทุน อย่างนี้คนในหน่วยงานในองค์กรอยู่ลำบาก สู้ไปทำในส่วนที่เทคโนฯสูงๆขายสมองมากกว่าขายแรงงาน ขึ้นราคาสินค้าและบริการได้ คู่แข่งน้อยราย ซึ่งก็คือ BJS หรือ BOT ตามลำดับ

... ออกตัวตามเคยว่า ความเห็นผมล้วนๆครับ อาจจะผิดก็ได้ ... พี่นก



เพิ่งเรียนจบ Chemical Engineer ที่ xxxx เกรด 3.15 สมัคร worleyparsons ในตำแหน่ง Graduate Process Engineer

worleyparsons ส่งเมลมาให้นัดสัมภาษณ์คะ
1. อยากสอบถามว่าคำถามในการสัมภาษณ์ที่ worleyparsons มีอะไรบ้างคะ แล้วควรตอบยังไงถึงจะดี และภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์คือ อังกฤษหรือเปล่าคะ
2. อยากสอบถามเรื่องเงินเดือนที่ต้องใส่ด้วยคะ


ออกตัวก่อนแลยครับว่า ผมไม่ค่อยรู้จัก worleyparsons จริงๆครับ รู้แต่ว่าเป็น offshore engineering เท่านั้น ผมอยู่มาทางฝั่งขุดเจาะมากกว่า บ.นี้ออกแนวๆออกแบบ ซื้อ สร้าง ประกอบ แท่นผลิต หรือ ซ่อมแซมแท่นอะไรประมาณนั้นน่ะครับ

1. อยากสอบถามว่าคำถามในการสัมภาษณ์ที่ worleyparsons มีอะไรบ้างคะ แล้วควรตอบยังไงถึงจะดี - ไม่มีแหล่งข้อมูลเลยครับ คุณจะเป็นคนแรกที่เข้าไปจดจำมาแบ่งปันกัน (อิอิ) อย่าลืมจำมาเยอะๆนะครับ

และภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์คือ อังกฤษหรือเปล่าคะ - ก็คงแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสัก 5-10 นาทีล่ะครับ แล้วที่เหลือก็ไทยๆ ยกเว้นจะมีฝรั่งมานั่งถาม แต่ผมว่าน่าจะเป็นรอบ 2 นะ รอบแรกน่าจะชิวๆ ไทยๆ

2. อยากสอบถามเรื่องเงินเดือนที่ต้องใส่ด้วยคะ - นี่ก็ไม่ทราบอีกครับ เผลอๆคุณอาจจะทราบดีกว่าผมอีกว่าเดี๋ยวนี้น้องๆจบใหม่เรียกค่าตัวกันเท่าไร แต่ 3.15 นี่ก็หรูนะ ม.ก็ดี (ชมกันเอง อิอิ) เงินเดือนไม่น่าขี้เหร่

ได้ความว่าไง ก็อย่าลืมเอามาแบ่งปันกันมั่งนะครับ ... พี่นก



เรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมเครื่องกล ช่วงประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมาผมได้ตระเวณสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ ในสงขลาเกือบทั้งหมด แต่ก็มีโทรมาสัมภาษณ์บ้างแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนรู้สึกว่าจะหมดหนทาง ก็เลยคิดว่าจะเรียนต่อปริญญาโท สาขา offshore engineering ของมหาลัย kmutt เรื่องที่อยากจะถามพี่ก็คือ ตอนนี้ผมยังลังเลที่จะเรียนต่ออยู่อ่ะครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดเรียนไปแล้วจะมีโอกาสได้ทำงานในด้านนี้หรือเปล่า
จึงอยากขอคำแนะนำจากพี่นกหน่อยนะครับ //www.ce.kmutt.ac.th/peprogram/offshore%20Engineering.html


จำได้ว่าเคยตอบเรื่องหลักสูตรนี้ไปแล้วใน FAQ แต่จำไม่ได้ว่า FAQ ที่เท่าไร คุณลองพยายามกลับไปคุ้ยๆดูก็ดี เผื่อจะได้ความเห็นเพิ่มเติม เอาโดยรวมๆย่อๆก็คือหลักสูตรนี้ออกแบบมาสำหรับงานทั้งบนผิวดิน และ ใต้ผิวดิน (surface and subsurface) ในทางการทำงานจริงๆ surface และ subsurface จะแยกแผนกกันชัดเจนเลยครับ เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกันคนล่ะแนว แต่พื้นฐานเดียวกัน ผมก็เข้าใจคนร่างหลักสูตรน่ะครับว่าต้องการคลุมตลาดให้มากที่สุด เพื่อจุดคุ้มทุนในการทำธุรกิจ เนื่องจากคนสรใจยังน้อยอยู่ เอาว่ารวมๆผมว่าหลักสูตรนี้ตรงเป้าตรงประเด็นสำหรับทำงานนอกชายฝั่งทั้งบนดินและใต้ดิน

"ยังลังเลที่จะเรียนต่ออยู่อ่ะครับ" - ถ้าคุณมีเวลาและทรัพยากรพร้อม ผมแนะนำให้เรียนครับ จะเพิ่มโอกาสในการได้งานขึ้นมากเลยครับ แต่เกรดต้องสวยๆดีๆด้วยนะครับ ไม่งั้นก็แข่งกับใครไม่ได้อยู่ดี เดี๋ยวนี้หลายม.ผลิตออกมาเยอะ

"เรียนไปแล้วจะมีโอกาสได้ทำงานในด้านนี้หรือเปล่า" ผมใช้คำว่าเพิ่มโอกาสที่จะได้มากกว่าครับ

ขอให้โชคดีนะครับ ขยันๆเกรดดีๆอีก 2-3 ปีมีสิทธิ์เจอกันครับ



ผมจบจาก Drilling school มาครับและมีวุฒิวิศวะเครื่องกลจาก xxx มา แต่ GPA ค่อนข้างน้อยครับ 2.35 เอง ภาษาอังกฤษได้ TOIC 815 ตอนนี้หางานมากว่า 4 เดือนแล้ว ส่ง CV ไปเกือบทุกบริษัทแล้ว ได้สัมภาษณ์ 2 ที่ คือ Chevron ตำแหน่ง Technical Support กับ DJ Oilfield ตำแหน่ง Insepector ที่แรกไม่ได้น่าจะเพราะว่า GPA น้อยไป (under qualify) ที่หลังก็กลายเป็นว่า over qualify อีก ผมกลุ้มใจมากครับ อยากทำงานสายนี้มาก แต่โอกาสมายากเหลือเกิน ผมคิดว่าผมจะหาทางไปทำงานที่ฝางของกรมเชื้อเพลิงพลังงานทหารเพื่อเพิ่มประสบการณ์ภาคสนามให้มากขึ้นจะได้มีโอกาสมากกว่านี้ พื่มีคำแนะนำยังไงบ้างครับ ตำแหน่งอะไรผมก็เอาครับไม่เลือก ขอแค่ได้เริ่มทำงานก่อนแล้วค่อยไต่เต้าทีหลัง รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ

ผมแนะนำอย่างนี้ครับว่าทำอะไรก็ได้ ไปก่อน เช่นที่ฝาง หาประสบการณ์ การเรียนต่อแล้วไม่ได้งานเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่คุณก็ไม่ควรจะแปลกใจ แล้วคุณก็วิเคราะห์สาเหตุได้ค่อนข้างตรง ถ้าคุณจะสมัคร บ.service ก็ควรจะเอาวุฒิที่เหมาะสมไปสมัคร อย่าเกินอย่าขาด เราไม่ได้โกหกแต่เราเอาที่เหมาะสมไปใช้ บ. service กลัวอย่างนึงในการับคนที่ over qualify เพราะมาอยู่ไม่นาน เสียเวลาและเงินฝึกงานให้แล้วก็ไปอยู่บ.อื่นโดยเฉพาะไปบ.น้ำมัน

อดทนครับ ผมไม่มีอะไรแนะนำได้ดีกว่านี้ ความเสี่ยงตรงนี้มันมีตลอดเวลา งานน้อยคนเยอะ คนที่อดทนและไม่เลือกงาน จะเป็นคนที่ได้งานในตอนจบ การพยายามหางานเป็นหนังเรื่องยาว ต้องดูกันตอนจบ และ ไม่ใช่ว่าจบ drilling school และการันตีว่าต้องได้งาน ... นะครับ อดทนนิด ไปฝาง สูดอากาศดีๆทำงานชิวๆ เผลอๆคุณอาจจะติดใจที่นั่นก็ได้ครับ (เพื่อนผมไปอยู่นั่นได้สาวเหนือเป็นแฟนปักหลักสร้างครอบครัวไปเลยก็มี อิอิ) ... พี่นก



ผมนั่งอ่านบล็อกพี่ทุกวันก็ยิ่งอยากทำงานสายนี้ และบล็อกของพี่ก็เป็นประโยชน์กับคนอีกหลายคนที่ต้องการมาทำงานสายนี้ วันนี้ผมมีเรื่องที่จะมาปรึกษาพี่ ดังนี้ครับ

ปัจจุบันผมทำงานอยู่บริษัท xxx ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผมทำมาได้เกือบจะครบ 3 ปีแล้ว ในตำแหน่งวิศวกรไฟฟ้า ซึ่งผมได้ไปสมัครงานในสาย oil & gas หลายบริษัท ซึ่งก็เงียบไป ผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะคุณสมบัติผมไม่ตรงกับความต้องการ ผมจึงมีความคิดว่า ผมจะไปสมัคร Drilling School เพื่อเข้ารับการอบรมที่นั่น เพื่อที่จะได้มีความรู้กับงานทางสายงาน oil & gas และ ถ้าผมได้รับคัดเลือกได้ไปอบรมนี้ ผมจะลาออกจากงานปัจจุบัน และไปอบรม และพออบรมเสร็จผมก็จะได้มีพื้นฐาน มีความรู้เบื่องต้น และมี Certificate หลังจากอบรมเสร็จ ผมก็จะไปหาสมัครงานทางสาย oil & gas ซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีเปอร์เซ็นต์ได้มากกว่าเดิม

พี่คิดว่าแผนที่ผมคิดไว้เป็นอย่างไรบ้าง ควรทำตามแผนที่วางไว้นี้หรือไม่ครับ โปรดขอคำแนะนำด้วย


ผมดู CV แล้วนะครับ ขอตอบตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า ที่ไม่มีบ.ในสายงาน oil n gas ติดต่อกลับมาเป็นเพราะว่า เกรดน้อยไป สถาบันที่จบก็ยังใหม่ในตลาดแรงงานวิศวกรรม(ผมทราบดีว่าเด็กจากที่นั่นเก่งกันทุกคน แต่ต้องทำใจครับ เพราะชื่อเสียงสถาบันก็มีส่วน) ตาม CV คุณมีจุดแข็งอยู่อยู่อย่างนึงคือ เป็น site eng มาก่อน ซึ่งก็เทียบได้กับ field eng ของพวกเรา ซึ่งก็บอกได้กลายๆว่าคุณทำงานกลางแจ้งไหว พอมีน้ำอดน้ำทน วศบ.ไฟฟ้าที่คุณจบมาก็ไม่ตรงเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องหลัก เพราะผมเองก็วศบ.ไฟฟ้ากำลัง ประกอบกับวงการเรามันสวยเลือกได้ ทำให้เราต้องเพิ่มความน่าสนใจในคุณสมบัติเรามาขึ้นๆ ทางนึงที่พอทำได้คือ เพิ่มเติมวุฒิ และ พัฒนาภาษาอังกฤษหรือแม้แต่ภาษาที่ 3 เช่น จีนกลาง

ร่ายมายาว ฟันธงเลยดีกว่า สิ่งที่คุณควรทำ(ถ้าอยากเข้าวงการ)คือ

1. เรียนต่อเลยครับ มีหลายหลักสูตรในหลายสถาบัน ทั้งแบบเป็นหลักสูตรสั้นๆเช่น drilling school หรือ เป็นป.โทฯไปเลย ผมแนะนำว่าไหนๆก็ไหนๆ ต่อโทฯไปเลยดีกว่าครับ อย่าลืมสำรวจกระเป๋าตังค์ดูด้วยนะครับ มีหลายราคาให้เลือก

2. เรียนภาษาอังกฤษ แล้วสอบ TOEIC ให้ได้สัก 800+ ระบุคะแนนไว้ใน CV ด้วย

3. เนื่องจากตอนนี้จีนมาแรงมากๆ ทั้ง บ.น้ำมัน บ. service บ.แท่น มาแรงมากๆจริงครับ ถ้าคุณพูดอ่านเขียนจีนกลางได้ + กับวุฒิป.โทฯดีๆ เกรดสวยๆ อีกสักใบ ผมว่าคุณสมัครทำกับบ.จีนได้เลย เป็นจุดตั้งต้นที่ดี แต่ถ้าไม่ชอบบ.จีน ก็ถือว่าเข้าไปเป็นบันได้ก็ได้ แล้ว 2-3 ปี ค่อยขยับๆไปบ.ไทยหรือฝรั่ง แม้จะไปทำบ.ฝรั่งภาษาจีนกลางที่คุณเรียนมาไม่เสียเปล่าแน่นอนครับ บ.ฝรั่งพวกนี้ชอบที่จะทำมาหากันกับบ.จีนหรือแม้แต่ส่งพนักงานไปทำงานในจีน

ลองสอบถามจากหลายๆแหล่งดูนะครับ ที่ว่ามาก็ความคิดส่วนตัวผมล้วนๆ อ้อ ถ้าจะไปทางหลักสูตรระยะสั้น อยากให้ส่งชื่อหลักสูตร ชื่อสถาบันให้ผมดูนิดนึง เพราะมีพวกสถาบันที่ไม่น่าเชื่อถือแทรกตัวอยู่ในวงการฯเรา ไม่อยากให้ไปเสียตังค์แล้วไม่ได้อะไรกลับมา ...

โชคดีนะครับ ... พี่นก



รู้จัก FIRCROFT รึป่าวครับ เข้าบอกว่าเข้าเป็น Contract ของ เซฟร่อน คือว่าผมจะไปในตำแหน่ง Technologist (FE) แต่แบบสัญญาปีต่อปีนะครับ ผมเลยอยากทราบ ขอบเขตของงานในตำแหน่งที่ว่าครับ แต่ก็พอจะรู้ขอบเขตในเบื้องต้นมาบ้าง (เดียวจะแนบลิ้งค์ไว้ให้นะครับ) แต่อยากรู้ในส่วนของงานที่สำคัญ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวไปสัมภาษณ์ได้ถูก ความก้าวหน้า แล้วถ้าเราทำงานเข้าตา จะมีโอกาศได้บรรจุ หรือไปอยู่ที่ เซปร่อน รึป่าวครับ //th.jobsdb.com/TH/TH/Search/JobAdSingleDetail?jobsIdList=300003000033756&IsInPopupPage=true&JsonData=null&Webflow=MainPage&popupChildWindowId=3

ถูกต้องครับที่ว่าเป็น contract ของ CV ซึ่งแปลง่ายๆว่าเป็นผู้รับเหมานั่นแหละครับ โดยธรรมชาติแล้วบ.ผู้รับเหมาจะมีลูกจ้างประจำอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ถ้ามีงานที่ชนะประมูลมาเป็นช่วงๆที่ไม่ใช่งานระยะยาวเช่น 1-2 ปี ก็จะใช้วิธีรับคนชั่วคราวเป็นอย่างงานที่ประกาศนี่แหละครับ พอหมดเสร็จงานที่ประมูลมาได้ก็จะได้ไม่ต้องแบกภาระคนไว้อยู่ในบัญชีลูกจ้างที่ต้องจ่ายเงินเดือนตลอด แถมยังต้องจ่ายสวัสดิการและพูกพันกันตามกม.แรงงานอีกต่างหาก ดังนั้นการรับคนสัญญาเป็นปีๆไปก็เป็นทางออกที่ดีอย่างหนึ่ง

คราวนี้ในสายตาลูกจ้างอย่างเราๆ มันดีไม่ดียังไง อย่างแรกที่ดีคือ ได้งานทำเร็วดี ไม่ต้องเข้าไปเป็นลูกจ้างแล้วรอมีงาน ได้ประสบการณ์เร็วดี ดีอย่างที่สองคือ โดยมากเงินเดือนจะดีกว่าาลูกจ้างประจำ ก็แหง๋ล่ะครับ ความมั่นคงน้อยกว่านี่ครับ ยกเว้นแต่จะเป็นงานพื้นๆที่ใครๆก็ทำได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็เงินเดือนก็น้อยกว่าลูกจ้างประจำที่ทำงานอย่างเดียวกัน

ที่ไม่ดีก็เห็นชัดๆคือความมั่นคง เป็นไปตามสัญญาปีต่อปี งานที่ประมูลมาเสร็จก็จบกัน แล้วทางไปล่ะ มี 2 ทาง ถ้าเข้าตากรรมการคือบ.นี้ และเขามีรับคนเพิ่ม คุณก็ได้รับพิจารณาก่อน เป็นลูกจ้างประจำ ทางที่สองที่เป็นไปได้แต่โอกาสค่อนข้างน้อยกว่า คือ CV เห็นว่าคุณทำงานดี แล้วก็จ้างคุณตรงเลยเมื่อคุณหมดสัญญากับบ.นี้ แต่ที่มีโอกาสมากกว่าสองทางแรกคือ เมื่อคุณเข้าไปทำงานแล้ว คุณก็จะรู้จักคนในระบบการทำงานมากขึ้น ได้ขยับขยายไปทำอย่างอื่นที่ใช่ที่ชอบได้ตรงความต้องการมากขึ้น หรือแม้แต่สมัครงานตรงไปกับ CV ก็เป็นได้สูงกว่า เพราะมีงานที่กำลังทำอ้างอิงอยู่แล้ว

คราวนี้มาดูเรื่องตัวงาน งานนี้เป็นส่วนที่เรียกว่า surface facility พูดง่ายๆคือ ออกแบบ ซื้อของ สร้าง ซ่อมแซม ติดตั้ง แท่นผลิต (platform) ไม่ใช่ส่วน subsurface อย่างผม ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยทราบเรื่องงาน surface facility หรอกครับ



มีเรื่องจะรบกวนสอบถามอีกแล้วอ่ะคะ คือ อยากทราบว่าตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละบุคคลบนแท่นประกอบไปด้วยฝ่ายอะไรบ้างคะ ชื่อตำแหน่งที่ใช้เรียกคืออะไรคบ้าง แล้วแต่ละฝ่ายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กี่คน และมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไรบ้างคะ

คำถามนี้มาจากรายการทีวีรายการนึงที่ผมขออุ๊บชื่อรายการไว้ เป็นเรื่องที่ผมอยากจะเม้าส์มานานแล้ว ผลัดมานานหลายผลัดเต็มที วันนี้โดนถามเลยผลัดต่อไม่ได้ แฮ่ๆ ....

เอางี้ครับ นึกๆถึงว่าแท่นเจาะเป็นงานสร้างบ้านสักหลัง หรือ วงดนตรีคลาสิกสักวง ก็ได้ครับ เอากันที่ตรงเบื้องหน้าส่วนงานเลยนะครับ ไม่นับว่าก่อนจะออกมาเป็นแบบบ้านหรือคลอดเป็นโน้ตดนตรีเป็นมายังไง เอาว่า มองเข้าไปเห็นคนกำลังสร้างบ้าน หรือวงดนตรีกำลังบรรเลง

ดูรูปประกอบนะครับ ดูที่วงกลมรูปแท่นที่มีลูกศรเส้นประชี้นะครับ ตำแหน่งที่ชี้มายังรูปแท่นหมายถึงตำแหน่งนั้นอยู่บนแท่น ที่ไม่มีลูกศรชี้ไปที่แท่น คือตำแหน่งที่ลุยถั่วอยู่บนฝั่ง

สร้างบ้านก็ต้องมีคนอย่างน้อย 3 ส่วนใช่ไหมครับ

1. เจ้าของบ้าน หรือ ตัวแทนเจ้าของบ้าน ที่มายืนเฝ้ากำกับการสร้างบ้านให้เป็นไปตามแบบบ้านที่จะสร้าง บนแท่นเราจะเรียกคนๆนี้ว่า (oil) Company representative ชื่อเรียกก็ต่างกันไปแต่ล่ะบ. เช่น DSV (drill site supervisor), DSM (drill site manager), Co-man (company man) เป็นต้น เทียบกับ วงดนตรีก็วาทยากร (conductor) วาทยากรเล่นเครื่องดนตรีไม่ได้ทุกชิ้นก็จริงแต่เขารู้ว่าจะคุมทั้งวงให้เล่นออกไปได้อย่างดีที่สุด หรือ เรียกง่ายๆว่า เป็นวิศวกรผู้คุมงานก่อสร้างบ้านนั่นเอง วิศวกรคุมงานทำเองไม่ได้ไม่เป็นทุกอย่างก็จริงแต่เขารู้ว่างานมันควรจะทำอย่างไรและเป็นอย่างไร โดยมากวิศวกรคุมงานจะผ่านงานบนแท่นมาเกือบทุกต่ำแหน่ง ไม่ก็ตำแหน่งสำคัญๆ ไม่งั้นคุมเสือสิงห์กระทิงแรดไม่ได้ โดนแหกเนตรนั่นแหละครับ

ดูในรูปประกอบนะครับ จะมีเส้นประอีกเส้นชี้มาเขียนว่า drilling engineer ซึ่งผมอยากจะเรียกว่า well site drilling engineer มากกว่า เพราะมาอยู่หน้างาน คนนี้ทำอะไรล่ะ เป็นแผนกมันสมองที่หน้างานไงครับ ขณะที่ Company representative ประสานงา เอ๊บประสานงาน รบราไล่จี้ไล่บี้บดให้ทุกคนบทแท่นเล่นบทที่ตัวเองได้รับอย่างถูกต้อง well site drilling engineer จะเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ หาจุดที่สามารถปรับปรุง กันข้อผิดพลาด ทำให้ดีขึ้น เร็วขึ้น ด้วยราคาที่ถูกลง รวมไปถึงทำรายงานประจำวัน ประจำหลุม ฯลฯ Company representative ไม่มีเวลามาทำตรงนี้หรอกครับ ต้องอาศัยอีกคนนึงมาคอยเป็นฝ่ายบุ่นหน้างาน

คนๆนี้เมื่อรู้ว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ สักพักก็จะมีสองทางให้เลือก คือไปทำตำแหน่งต่างๆบนแท่นแล้วไปเป็น Company representative หรือไม่ก็กลับฝั่งไปเป็น drilling engineer วางแผนการขุดเจาะ เพราะจะได้ไม่วางแผนขุด ออกแบบหลุมพิเรนๆแบบที่คนหน้างาน เอาแบบหลุมมาดูแล้ว กลิ้งไปแปดตลบ สวนกลับฝั่งไปว่า "เอ็งมาขุดเองล่ะกัน(โว้ย)"

อีกตำแหน่งนึงคือ well site geologist (นักธรณีประจำแท่น) ซึ่งจะต้องไปอยู่ประจำบนแท่น เพราะแม้ว่าทิศทางของหลุมนั้นถูกวางไว้แล้วในแผนงานขุด แต่ในความเป็นจริง ที่วางแผนไว้อาจจะต้องมีการปรับแต่งหรือแม้แต่เปลี่ยนทิศทาง หยุดขุด ตื้นกว่าแผน หรือ ขุดต่อลึกกว่าแผนที่วางไว้ (ซึ่งตรงนี้จะต่างจากงานสร้างบ้าน หรือ วงดนตรี) หรือยืนยันว่าที่บรรจงขุดมาถูกต้องแล้ว โดยดูจากเศษหินที่ขุดขึ้นมาว่าตรงกับที่คาดไว้ไหม เพราะบางทีก็ไม่ได้เป็นดังคาด ก็ต้องปรับ ไม่ใช่ดันทุรังขุดทิศทางตามแผนท่าเดียว จะว่าไปก็เหมือนๆ navigator ในการขับรถแข่งแรลลี่น่ะครับ ถึงแม้ว่าจะมีเส้นทางบอกมาแล้วว่าจะไปทางไหนๆ แต่เอาเข้าจริงๆ อ้าว ไหนว่าตรงนี้มีสะพาน มาถึงจริงๆเจือกไม่มี หรือ ในแผนที่บอกว่าน้ำตื้นขับลุยได้ พอมาถึง ฮ่วย ขืนลงไปก็มิดหลังคา navigator ก็ต้องไปปรับแต่งทิศทางเอาข้างหน้า well site geologist ก็ออกแนวๆนี้แหละครับ

และแน่นอนที่สุดครับ นักธรณีเป็นมันสมองสำคัญที่จะดูดดมหาร่องรอยน้ำมัน จึงต้องเป็นคนของบ.น้ำมันเจ้าของหลุมแน่นอนครับ ถ้าเปรียบนักธรณีเป็น navigator และ drilling engineer เป็น คนขับรถ คงพอนึกออกนะครับว่า พวกเราสองคนรักกันปานจะกลืนแค่ไหน (ฮ่า) ....

2. งานสร้างบ้านก็ต้องมีผู้รับเหมาหลักใช่ป่ะ ของเราจะเรียก Drilling contractor หรือ บ.แท่นนั่นเอง บ.นี้จะเป็นเจ้าของแท่น มีคนงานที่สังกัดบ.แท่นเพื่อที่จะทำให้แท่นมันทำงานขุดได้ มีตำแหน่งหลักๆคือ (ดูรูปประกอบ)

2.1 Tool pusher แปลตรงตัวว่าคนผลักเครื่องมือ มันก็ตลกเนอะ จริงๆแล้วก็คือหัวหน้าใหญ่ที่คุมคนของบ.แท่นทั้งหมด ทำงานกะกลางวัน อีกคนจะทำกะกลางคืนเรียกว่า Tour pusher ไม่ได้อ่านว่า "ทัวร์พูชเชอร์" นะครับ อ่านว่า "ทาวพุชเชอร์" แล้วก็ไม่ได้แปลว่าคนผลักการท่องเที่ยว หรือ รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (ฮ่า)

2.2 Driller แปลตรงๆว่า คนขุด ก็คือคนที่คุมเครื่องปั่นจั่นนั่นเองครับ นึกถึงปั่นจั่นตอกเสาเข็มงานสร้างตึกก็ได้ครับ คนขับปั่นจั่นนั่นแหละครับ เราเรียก Driller

2.3 Dirrickman ถ้าอ่านบล๊อกผมเรื่องสวนสัตว์บนแท่นจะอ๋อกับชื่อนี้ มีบอกละเอียดเลย คร่าวๆก็คืนผู้ช่วย Driller อยู่บนยอดปั่นจั่น คอยประคองเก็บท่อขุดที่ Driller ใช้ปั่นจั่นสาวขึ้นสาวลง ให้พิงอยู่กับตัวปั่นจั่น

2.4 Rotary helper เป็นคำที่หรูดี ทั่วๆไปเราเรียกว่า Roughsneck อ่านว่า "รัฟสเน็ค" ก็คือผู้ช่วย Driller ที่อยู่ข้างล่าง คอยต่อก้านหรือถอดก้าน ถ้าอ่านบล๊อกของผมเรื่องขุดปิโตรฯกันยังไงจะเข้าใจดี มีคลิปประกอบด้วยว่า roughsneck ทำงานอย่างไร จริงๆแล้วก็กรรมกรประจำปั่นจั่นแหละครับ

2.5 Roughabout อ่านว่า "รัฟอเบาท์" กรรมกรแบกหามทั่วไปดีๆนี่เองครับ

2.6 นอกจากนี้แล้วก็ยังมีตำแหน่งพื้นๆทั่วไป เช่น ช่างไฟ + ผู้ช่วย ช่างกล + ผู้ช่วย ช่างสี (แท่นมันมีงานซ่อมแซมตลอดแหละครับ) วิศวกรแท่น วิศวกรเรือ (กรณีที่แท่นขับเคลื่อนหรือโดนลากจูง) ฯลฯ

3. มีเจ้าของบ้าน มีผู้รับเหมาหลักแล้ว ยังขาดอะไรอีกล่ะ ผู้รับเหมาสร้างบ้านก็ถนัดแต่งานโครงสร้างใช่ป่ะ งานละเอียด หรือ งานเฉพาะอื่นๆผู้รับเหมาหลักทำไม่ได้ เช่น จัดสวน ตกแต่งภายใน เดินสายระบบ ไฟฟ้า น้ำใช้ น้ำทิ้ง ระบบปรับอากาศ ลิฟท์ สัญญานกันขโมย เฟอร์นิเจอร์บิวอิน ฯลฯ บนแท่นเราเรียกบ.กลุ่มที่ให้บริการพวกนี้ว่า service companies ดูในแผนภาพข้างบนจะเห็นว่ามีเยอะมากๆ ผมคงไม่สามารถอธิบายได้หมดว่าแต่ล่ะบ.แต่ล่ะคนทำอะไร เพราะมันจะลงลึกไปถึงขบวนการขุดเจาะซึ่งจะเกินบริบทคำถาม ถ้าอยากรู้จริงๆคงต้องมาคุยกันยาว ผมต้องสอนให้คุณรู้ว่าเราขุดหลุมยังไง จึงจะเข้าใจงานของ service companies ต่างๆบนแท่นฯ

คนของบ. services จะมีทั้งระดับวิศวกร และ ช่างเทคนิค ซึ่งก็รวมไปถึงงานพื้นๆเช่น บ.ให้บริการ catering หรือ ปากท้องนี่แหละสำคัญ พูดง่ายๆ ก็งานครัว ทำอาหาร ซักผ้าผ่อน ทำความสะอาดห้อง ฯลฯ พนักงานวิทยุ พยาบาลสนาม (paramedic)

เอาล่ะ น่าจะหมดแล้ว(โดยคร่าวๆ) สนใจสงสัยใครรู้ตำแหน่งใดเป็นพิเศษก็กุ๊บกิ๊บหลังไมค์ หรือ อีเมล์มากันได้อีกเรื่อยๆนะครับ ...




พอจะมีโอกาสได้สัมผัสเกี่ยวกับน้ำมันบ้าง แต่เรื่องขุดเจาะนี่ไม่รู้เลยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพ่อน้องเฟิร์นพอจะทราบไหมคะว่า คนที่เป็นเจ้าของที่ดินมีบ่อน้ำมันอยู่ เวลาที่ให้บริษัทน้ำมันสัมปทาน เขาได้ค่าตอบแทนอย่างไรคะ อย่างเช่น เชฟรอนจะให้ 8/1 แกนลอนค่ะ (หมายถึงถ้าดูดน้ำมันมาได้ 8 แกนลอน เจ้าของที่ดินจะได้ 1 แกนลอนค่ะ) ไม่รู้ว่าจากประสบการณ์ของคุณพ่อน้องเฟิร์นพอจะทราบบ้างไหมคะ ว่าคนอื่น ๆ ได้รับผลประโยชน์แบบไหนกันบ้าง ถ้าหากคุณพ่อน้องเฟิร์นทราบ รบกวนบอกกันบ้างนะคะ จะได้เปรียบเทียบดูค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

วันนี้มีโอกาสได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับ "เมื่อไหร่น้ำมันจะหมด" จากกระทู้ที่เวบพันทิป เห็นด้วยกับความคิดของคุณค่ะ เท่าที่ยีนส์ทราบจากบริษัทที่ขุดเจาะน้ำมันที่ West Texas บอกว่าประมาณห้าสิบปีค่ะ แต่เขาไม่ยอมฟันธงแน่นอน เป็นเพียงการกะประมาณนะคะ

จะว่าไปแล้วในแต่ละเดือนทางบริษัทน้ำมันส่วนใหญ่จะไม่ดูดน้ำมันที่เวสเท็กซัสออกมาเยอะ คิดว่าน่าจะมีการเตรียมแผนการกักตุนเอาไว้ บางเดือนก็ขุด บางเดือนก็หยุดเสียอย่างนั้น เป็นอะไรที่ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยค่ะ เบื้องลึกเบื้องหลังก็ไม่ค่อยรู้เลยค่ะ อาศัยศึกษาจากคนรักไปด้วยค่ะ


ตัดคำถามนี้บางตอนจาก "ไม่อยากให้เกิดขึ้นแค่ไหน มันก็เกิดขึ้นจนได้ครับ ... ยักษ์ล้ม ... คราวนี้ที่อ่าวเม็กซิโก ..." เอามาแค่ส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์ มาแบ่งกันที่นี่ ฉบับเต็ม ไปตามอ่านเอาที่ลิงค์ก็แล้วกันครับ

... ส่วนเรื่องผลประโยชน์ของเจ้าของผืนดินที่มีน้ำมันหรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นนั้นจะได้จากผู้รัปสัมประทานนั้นจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ขึ้นกับกฏหมายของแต่ล่ะประเทศครับ ว่ากม.เขากำหนดไว้อย่างไร เช่น กม.ไทยเราให้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของแค่ผิวดิน ไม่รวมถึงของที่อยู่ใต้ดินและที่หล่นจากฟ้า นั่นหมายถึง ถ้าใครจะบินผ่านน่านฟ้าเหนือโฉนด หรือ ใครจะขุดรถไฟฟ้าใต้ดินผ่านใต้โฉนดเรา ก็ไม่ต้องขออณุญาติเรา

นั่นหมายความว่า แร่ธาตุ น้ำมัน ฯลฯ หรือ อุกกาบาตเพรชจะตกลงมาในโฉนดเรา ก็ไม่ใช่ของเรา ตามกม.ไทยนะครับ ส่วนประเทศอื่นก็ว่ากันไป ผมก็ไม่ทราบจริงๆ

คราวนี้ บ.ที่ได้รับสัมประทานจากรัฐไทย เขาได้รับสิทธิ์ในการเอาแร่ธาตุน้ำมันฯลฯใต้ดินในพื้นที่เท่านั้นเท่านี้ตามพิกัดบนผิวดิน เขาได้แค่นั้นครับ มันก็ลักลั่นกันจริงไหมครับ เราถือโฉนดกุมสิทธิบนผิวดิน แต่บ.เขาถือสิทธิในของที่อยู่ใต้ดิน ทำไงดีล่ะครับทีนี้ เพราะถ้าบ.ไม่สามารถเอาแท่นมาวางบนผิวดินได้ ก็แปลว่าบ.ไม่สามารถเอาแร่ธาตุ(กรณีเหมือง)หรือน้ำมันขึ้นมาได้ตามสิทธิ

รัฐไทยบอกว่า บ.ที่ได้สัมประทานต้องไปตกลงเจ้าของโฉนดผิวดินเอาเอง จะซื้อขาด จะเช่าแบบจ่ายค่าเช่าคงที่ หรือ ค่าเช่าแปรตามมูลค่า หรือ บริมาณแร่ธาตุน้ำมันที่เอาขึ้นมาได้ (ราคากับปริมาณไม่เหมือนกันนะครับ) คราวนี้ก็ happy ending สำหรับบ.ที่ได้สัมประทาน เพราะเขามีทีมเทคนิค(ที่จะรู้ว่า มีแร่ธาตุน้ำมัน มากน้อยแค่ไหน กี่ปีหมด) ทีมกม.(ที่จะผลักภาระรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมและพันธะรับผิดทั้งหมดทั้งทางตรงและอ้อม) และมีทีมทำสัญญา(ที่จะรู้ว่าราคาของที่จะเอาขึ้นมาเท่าไร อนาคตราคาจะเป็นไง) บ.ก็จะรู้ว่าต้องทำสัญญาอะไรยังไงแบบไหนทึงจะได้ผลประโยชน์สูงสุด

คราวนี้เห็นภาพตาสีตาสายายมียายมาที่เป็นเจ้าของโฉนดที่มีน้ำมันอยู่ใต้ถุนบ้านไหมครับ เอาอะไรมาให้ก็เซ็นต์ๆ ป้าค่ะป้าขา ลุงค่ะลุงขา นี่ได้ตั้งเยอะแน่ะ นะค่ะ หนูว่าไม่น่าได้มากไปกว่านี้แล้วล่ะคะ ... มันก็จะออกมารูปนี้แหละ ถ้าดันเป็นคนมีการศึกษาหน่อย ก็ค่อยยังชั่ว สมน้ำสมเนื้อกัน ไม่ก็ต้องรวมตัวกันขึ้นราคา อะไรยังไงก็ว่ากันไป ในบางประเทศ ผมเข้าใจว่าเขามีกม.เฉพาะเรื่องนี้ว่าต้องทำสัญญากันแบบไหนอย่างไรเป็นขั้นต่ำ เพื่อไม่ให้บ.ที่ได้สัมประทานเอาเปรียบเกินไป เพราะว่ามีความรู้และความพร้อมมากกว่าเจ้าของพื้นที่ดินที่โดยมาก็ชาวไร่ชาวนาชาวบ้านธรรมดาๆ (ซึ่งประเทศที่ว่ายังไม่ใช่ประเทศไทย)

สรุปอีกที เรื่องนี้ของบ้านเรา ยังเป็นเรื่องของเอกชน 2 คน (คนหนึ่งตัวโต คนหนึ่งตัวเล็ก) ตกลงกันเอง จะเอาแบบไหนก็ได้ครับ

ส่วนเรื่องที่หยุดๆดูดๆนั่น ตอนแรกๆผมก็งงๆ ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ ตรรกะก็ง่ายๆครับ ขึ้นอยู่กับไม่กี่อย่าง ต้นทุนคงที่ที่ลงไปแล้ว เช่นค่าขุดหลุม ฯลฯ ต้นทุนแปรผัน เช่น ค่ารถขนน้ำมันไปขาย ค่าไฟฟ้าปั๊ม และสุดท้ายก็ราคาขาย ถ้าได้คุ้มเขาก็ดูดเอาขึ้นมาขาย ถ้าไม่คุ้มเขาก็เก็บเอาไว้ก่อน ของมันไม่เน่าไม่เสียนี่ครับ ยกเว้นบ.ร้อนเงิน หรือ อยากได้เงินไปทำโครงการอื่นหรือลงทุนขุดต่อที่อื่นที่น่าจะได้มากกว่า ก็ยอมขายแม้ราคายังไม่ดีพอ แต่ได้เงินสดมาวันนี้เอาไปลงทุนต่อดีกว่า วิธีคิดก็ออกๆมาแนวนี้แหละครับ ถึงได้เห็นดูดๆหยุดๆ แต่ล่ะบ.ก็ดูดๆหยุดๆไม่ตรงกัน ขึ้นกับเงื่อนไขและความจำเป็นของแต่ล่ะบ.




ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไปต่อปริญญาโทด้าน Petroleum Engineering ที่อเมริกาค่ะ ตอนนี้เลยกำลังง่วนเรื่องเตรียมตัวสอบ GRE กับเขียน SOP

ทีนี้เท่าที่ลองค้นหาดู พอจะเจอมหาวิทยาลัยที่เก่งๆด้านนี้อยู่สามที่ คือ Texas A&M, Texas at Austin และ Colorado School of Mines ซึ่งเข้าใจว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านนี้ค่อนข้างมาก แต่น่าจะเข้ายากอยู่เอาการ (รึเปล่าคะ?)

ไม่ทราบว่าคุณพ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทรจะพอช่วยแนะนำมหาวิทยาลัยอื่นๆในอเมริกาที่เปิดในสาขานี้ แล้วมีความเป็นไปได้ที่จะรับเข้าศึกษาสูงๆหน่อยแต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับของตลาด(แรงงาน) ได้หรือไม่คะ

แล้วตลาดในเมืองไทย มีความเป็นได้มากน้อยแค่ไหนคะที่บริษัทจะรับคนที่จบปริญญาโทมาแต่ประสบการณ์โดยตรง(คือทำงานบนแท่นขุดหรือด้านน้ำมันโดยตรง)เป็นศูนย์ การเรียนปริญญาโทเพิ่มนั้น เป็นค่าการเพิ่มโอกาสให้เท่านั้น ใช่หรือไม่คะ แต่เอาจริงๆทางบริษัทก็อาจจะสนใจคนที่มีประสบการณ์โดยตรงมากกว่า รึเปล่าคะ


เป็นประเด็นที่น่าสนใจครับผมขอไล่ตอบไปทีล่ะประเด็นเลยนะครับ

เรื่องม.ที่คุณว่ามา 3 ที่นั่นระดับต้นๆของโลกเชียวครับ แต่อะนะ ไม่มีอะไรง่ายหรอกครับ ระดับนั้น ถ้าจบที่นั่นโอกาสได้งานเกือบ 100% แน่ครับ ที่นั่งทำงานข้างๆผมทุกวันนี้ก็เด็กทุนจบโทฯ PE Texas at Austin

แต่ที่ไม่น่ามองข้ามซึ่งก็ระดับยอดฝีมือเหมือนกันก็คือ Stanford University (CA) - University of Oklahoma - University of Tulsa (OK) นี่ผมไม่มีมาตราฐานอะไรมาวัดหรอกนะครับ ผมว่าเอาตามที่คุยๆกับคนเก่งๆในวงการว่าจบใครจบที่ไหนมาบ้าง นอกจาก 3 ที่ๆคุณว่ามา ผมก็ได้ยินอีก 3 ม.ที่ผมให้เพิ่มนี่แหละครับ

ลองเข้าไปดูที่ //www.spe.org ... SPE เป็นสถาบันกลางที่เป็นที่เชื่อถือของคนในวงการ เทียบได้กับ IEEE ของทางวิศวกรรมไฟฟ้า มีงานวิจัยดีๆมากมาย คงดาวน์โหลดได้เฉพาะสมาชิก ผมไม่ได้ให้ไปอ่างงานวิจัย แต่อยากให้ลองหาส่วนที่เป็นประวัติย่อของผู้ทำงานวิจัยต่างๆ เอาปากกาสีไฮไลท์ม.ต่างๆที่คนพวกนี้จบ ก็คงพอรู้ได้ว่าพวกเก่งๆเป็นที่ยอมรับกันจบจากที่ไหนเป็นส่วนใหญ่

ตรงนี้เราไม่ได้มองหาว่า สำนักโพลจัดอันดับม.ไหนเป็นที่หนึ่ง สอง สาม ซึ่งผมเชื่อว่าคุณคง google ดูลำดับการจัดอันดับแล้ว ซึ่งมีของ newsweek และ time แต่ปัญหาคือมันเข้ายาก (ของดีก็งี้) คำถามเลยมาเป็นว่า แล้วที่ไหนไม่ยาก พอลุ้น แต่ก็เป็นที่ยอมรับ คำตอบนี้ไม่มีใครจัดอันดับให้นอกจากเราทำการบ้านเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือมาถามคนในวงการฯ ผมก็แนะนำอย่างที่ว่านั่นแหละครับ ไปไล่ดูงานวิจัยในเว็บ จดมาว่าใครจบที่ไหน อย่าลืมดูเรื่องอายุคนทำวิจัยด้วยนะครับ ว่าจบมานานหรือยัง ถ้าแก่ๆแปลว่าจบมานานแล้ว

อีกวิธีนึงคือ SPE มีวารสารวิชาการ ส่งถึงสมาชิกทุกเดือน ในนั้นก็จะมีบทความงานวิจัย ซึ่งก็จะมีประวัติย่อของเจ้าของบทความและงานวิจัยแนบไว้ด้วย ส่งที่อยู่คุณมาซิครับ ผมจะยัดใส่กล่องไปให้ ค่าส่งฟรีครับ เอาไฮไลท์ขีดๆ จดๆไว้ว่าที่ไหนใครจบมากที่สุด ก็คงพอได้คำตอบ

ประเด็นต่อมาคือ จบโทฯ ไม่มีประสบการณ์ตรงบนแท่น กับ ประสบการณ์ตรงบนแท่น แบบไหนบ.ชอบกว่ากัน ... คืองี้ครับ ขึ้นกับว่าบ.จะเอาคนๆนั้นไปทำอะไรครับ งานในวงการมันไม่ได้มีแต่เฉพาะบนแท่นนี่ครับ จบ.โทฯปิโตรฯก็สามารถทำงานในสนง.ได้ เป็นฝ่ายบุ๋นไป แต่ถ้าคุณมุ่งรักอยากจะไปตากแดดตากลมบนแท่น ก็อาจจะยากหน่อยในตอนเริ่มต้น เพราะบ.คงอยากได้คนหนุ่มสาวที่มีประสบการณ์ตรงมากกว่า แต่ใช่ว่าจะไม่มีทาง อย่างคุณ ถ้าจบโทฯเกรดดีๆม.ดีๆจากที่โน้น คุณก็ทำอะไรในสนง.ไปก่อนก็ได้นี่ครับ ถ้ายังอยากจะไปอ้างว้างเอกาบนนั้นก็ค่อยอาสาไปทีหลัง แต่ในสายตาผมนะ ผมว่าจบโทฯปิโตรแล้วเอาลงไปบนแท่น มันเสียของครับ แบบนั้นวิศวกรอะไรๆเกรดธรรมดาๆก็ทำได้ เอามาใช้ประโยชน์บนฝั่งแล้วลงไปตรวจงาน ทำงานเป็นพักๆดีกว่า แต่นั่นแหละคนอื่นอาจจะไม่คิดแบบผมก็ได้

ต่อมาเรื่อง ... "การเรียนปริญญาโทเพิ่มนั้น เป็นค่าการเพิ่มโอกาสให้เท่านั้น ใช่หรือไม่คะ แต่เอาจริงๆทางบริษัทก็อาจจะสนใจคนที่มีประสบการณ์โดยตรงมากกว่า" คืองี้ ส่วนหนึ่งผมตอบไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปทำอะไร คราวนี้มีอีกประเด็นนึง คือความเร่งด่วนในการใช้งาน และ ศักยภาพในการพัฒนาต่อในสายงาน คนจบโทฯมีภาษีดีกว่า แต่เสียเวลาฝึกมากกว่า คนมีประสบการณ์ก็เหมือนบะหมี่สำเร็จรูป พร้อมกินเร็วดี แต่ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่านั้น ขึ้นกับว่าเขามองตำแหน่งนั้นๆแบบไหน แบบใช้งานมันไปวันๆหรือกะว่าตำแหน่งนั้นจะให้โตไปพร้อมกับบ.

โดยรวมๆแล้วอย่างที่คุณว่ามานั่นแหละ เป็นแค่การเพิ่มโอกาสเฉยๆ จะเพิ่มได้มากได้น้อยก็ขึ้นกับผลการเรียน ชื่อเสียงม.ที่จบ และงานวิจัยที่ทำ (หลายคนได้งานเลยก็เพราะไปจับงานวิจัยที่บ.ต่างๆต้องการและสนับสนุน จบมาก็ทำต่อกับบ.ที่ให้ทุนไปเลย)

ครบทุกประเด็นพอดี ... ขอให้โชคดีได้เข้าเรียนในที่ๆคุณอยากได้เรียนนะครับ



ผมเพิ่งจบเครื่องกล มช. ตอนนี้ได้เข้าทำงานตำแหน่ง Facility Engineer ของ Chevron เริ่มงานวันที่ 1 มิถุนานี้ครับ แต่เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาผมได้สัมภาษณ์ผ่าน Skype กับบริษัท Baker Hughes สิ่งที่ผมสงสัยก็คือถ้าผมอยากจะอยู่ในวงการนี้ไปนาน ๆ ผมควรจะตั้งใจไปในทาง Filed Engineer จะได้ประสบการณ์มากกว่ารึเปล่าครับ ในความคิดเห็นของพี่นก Service กับ Oil Company อันไหนจะเป็นประโยชน์กับเรามากที่สุดอ่ะครับ ขอความคิดเห็นด้วยครับ

ตอบไงดีล่ะ ลางเนื้อชอบลางยาน่ะครับ งานนอกชายฝั่งมันแบ่งเป็น surface กับ subsurface งาน Facility มันเป็น surface คือเหนือพื้นทะเลขึ้นมา (รวมที่อยู่ใต้น้ำด้วย) ทั้งงาน surface กับ subsurface มีทั้งงานสนาม (field) และงานออฟฟิตนะครับ คุณต้องเลือก 3 อย่างตอนนี้ 1.งานสนาม หรือ งานออฟฟิต 2. งาน surface หรือ subsurface 3. Service หรือ Oil Company

1. เพิ่งจบอย่างคุณเข้าออฟฟิตไปก็เฉาตายซิครับ ขยับแข้งขยับขาหน่อยเป็นไร make money หน่อย ฟงแฟนก็คงยังไม่มีจริงจัง ชิวๆ มางานสนามดีกว่าครับ

2. จะทำงานใต้ดินหรือบนดิน อันนี้รุ่งได้ทั้งสองอย่างแหละครับ งานใต้ดินใช้จินตนาการมากหน่อย เพราะมันมองไม่เห็นแต่ก็ท้าทายดี งานบนดินจับต้องได้ก็สนุกไปอีกแบบ

3. Service compamy เป็นผู้รับเหมา เป็น specialist แล้วแต่ว่าจะ service อะไร ส่วน Oil Company เป็นเจ้าของเงิน จ้าง Service compamy แล้วไปคุมเขาทำงานอีกที ธรรมชาติงานเหมือนกับคุณเป็นลูกจ้างของบ.เจ้าของโครงการคอนโดฯ กับเป็นคนของบ.ที่เจ้าของคอนโดฯจ้างมาติดตั้งลิฟท์ ติดตั้งงานระบบ หรือ จ้างมาก่อสร้างคอนโดฯนั่นแหละครับ ข้อดีข้อด้อยของทั้งสองอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วครับ ไม่มีตรงไหนที่มีแต่ข้อดีหรอกครับ ถ้าถามใจผมชอบที่จะเริ่มจาก service ก่อนพอเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งหรือ 2-3 ด้าน แล้วค่อยมาอยู่กับ Oil company เพราะจะได้เข้าใจกลไกทั้งสองด้านของเหรียญ คือโดนโขกจิกสับเอง แล้วมาคุมเขา มันก็จะได้ครบสูตร รู้เท่าทั้น และเข้าอกเข้าใจได้ทั้งสองฝ่าย เรื่องอื่นๆที่เรายังขาดไปก็มาเรียนรู้เอาทีหลังได้ แต่ก็ต้องเริ่มต้นกับ บ. service ที่น่าเชื่อถือของวงการฯและ service นั้นก็ต้องเป็น service ที่สำคัญและ technology driven / base ด้วยนะครับ ไม่ใช่ service พวก low tech ... Baker Hughes เป็นบ.ที่น่าเชื่อถือของวงการครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเอาคุณไปทำ service อะไร เพราะบ.นี้ทำทั้ง low tech และ hi tech

ถ้าเอาชัวร์ play save ผมว่าเอา Facility Engineer ของ Chevron ไว้ก่อนก็ดีครับ บ.ใหญ่โตมั่นคง เงินเดือนน้อยหน่อย(เมื่อเทียบกับบ. service) แต่มันก็ไปของมันเรื่อยๆ งานไม่กดดันมากเท่าไร ถ้าอยากไป subsurface ก็ค่อยไปเรียนต่อ หรือขอย้ายภายในเอาทีหลัง ... โชคดีนะครับ



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11 FAQ #12 FAQ #13 FAQ #14 FAQ #15 FAQ #16 FAQ #17 FAQ #18 FAQ #19


ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว


Create Date : 18 มีนาคม 2553
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:46:24 น. 36 comments
Counter : 3798 Pageviews.

 
ขอบคุณนะคะพี่นก

เมื่อกี้หนูก็ไปอ่านเรื่องน้ำโคลนหน่อยนึงแล้ว
น้ำโคลนก็น่าจะเหมือนเป็นน้ำหล่อเย็นของหัวเจาะนั่นเอง
Mud engineer ต้องตรวจสอบคุณภาพน้ำโคลนแบบ Daily
แล้วส่ง Report ให้ DSM

DSM นี่คือใครกันคะพี่นก


โดย: Peterpan IP: 117.47.190.141 วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:23:00:59 น.  

 
ตอบคุณ perterpan - DSM คือ Drill Site Manager หรือ DSV Drilling Supervisor หรือ Company Man

นี่ครับ ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้แล้วใน FAQ#13 ตามลิงค์ไปเลยครับ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=30-01-2010&group=6&gblog=50


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:23:46:14 น.  

 
อืม
เข้าใจแล้วค่ะ
พี่นก หนูเอา Job detail ของ Field service repersentative ที่หนูสมัครงานไป มาให้พี่ดู หนูอ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ รบกวนคนหน้างานอธิบายให้ด้วยนะคะ
"Under general supervision, provides well site service to customers of the Baroid product service line. Utilizes knowledge of company products and services in conjunction with experience in completion fluid technology to optimize service quality. Complies with health, safety and environmental regulations in all aspects of job performance. Based on the results of routine and specialized testing, provides technical guidance required to achieve maximum completion fluid performance in a cost-effective manner. Ensures that an adequate inventory of palletized and bulk products are available at the rig site, based on the completion fluid program and anticipated conditions. Tracks material usage and maintains record of same for inventory and billing purposes. Maintains good working relationship with operator's representative and rig personnel. Skills are typically acquired through completing a minimum of 10 weeks of formal training in colloidal and general chemistry, volume and hydraulics calculations, and routine and specialized testing."


โดย: Peterpan IP: 114.128.28.27 วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:23:32:30 น.  

 
ตอบคุณ perterpan - ตอนแรกผมเข้าใจอย่าที่อธิบายไป แต่พอมาอ่าน Job Details แล้งชักงงๆ มันออกๆจะไปทาง field engineer ชอบกลๆ ผมขอเวลาหาข้อมูลก่อนนะ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องถัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:20:16:08 น.  

 
I believe this job is mud engineer(That's what I think from the email they send to me). Too bad that I don't work in this service line. If the process is same as wireline, you will have writing exam on
1. basic science
-physics
2.general knowledge on mech, elec and computer.
3. english
-translate english to thai, thai to english.
I cannot remember that are there IQ test or not.
After that you will have the interview exam. In my time, I have interview with only wireline technical manager. If I can contect my friend in HR, I will ask them for you.


โดย: Trainee in Fort worth training center IP: 12.53.80.246 วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:12:11:08 น.  

 
ตอบคุณ perterpan - ผมยังไม่เจอเพื่อนผมเลย แต่ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณ Trainee in Fort worth training center ว่าน่าจะเป็น field engineer ครับ

แล้วก็ขอบคุณ คุณ Trainee in Fort worth training center นะครับ เมื่อไร train เสร็จ คงได้กลับมาช่วยกันทำงานที่อ่าวฯนะครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:14:10:41 น.  

 
ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ


โดย: Peterpan IP: 114.128.25.10 วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:20:40:40 น.  

 
พอดีไม่ค่อยเกี่ยวกับทางด้านนี้ เท่าไร แต่อยากจะบอกว่า บลอกนี้ มีประโยชน์มากครับ แก่คนที่สนใจด้านนี้ มากมาย ถ้าเมืองไทย มีคนอย่าง พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร เสียสละ อย่างนี้ มากๆ ผมว่า ประเทศไทย เจริญ กว่านี้ แน่ๆครับ
ขอบคุณนะครับ สำหรับสิ่งดีๆ ให้ทุกคน


โดย: เทียนฟู คนไอที(ผ่านมาเจอ) IP: 60.255.51.18 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:22:56:47 น.  

 
ตอบคุณ เทียนฟู คนไอที(ผ่านมาเจอ) - ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมครับ ผมแค่นึกถึงตัวเองตอนที่ต้องการคำตอบสำหรับคำถามมากมาย แต่ไม่รู้จะหาได้จากไหน ลองผิดลองถูก วันนี้พอรู้คำตอบบ้าง (แต่อาจจะไม่ถูกทั้งหมด) ก็เลยอยากเอามาแบ่งปันกันเท่านั้นเองครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:16:04:14 น.  

 
เรียน พีนก

ผมทำงานบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง Offshore และ Onshore ผมติดตาม blog พี่นกมานานหลายปี ชอบ blog และ หนังสือที่ upload มากครับๆ ที่ผ่านมาผมยังไม่มีโอกาศได้ปรึกษาพี่ แต่พอดีว่าผมจะต้องสัมภาษณ์งานกับ บริษัทชื่ิอ Stuart Wright ที่ Singapore ตำแหน่ง Well Engineer ผมจึงขอรบกวนพี่นกช่วยประพิจารณาข้อมูลบริษัทจาก Link นี้ครับ //www.stuartwright.com.sg/

ผมขอปรึกษาพี่ดังนี้ครับ

1. บริษัทนี้ในวงการขุดน้ำมัน บริษัทนี้จัดว่าเป็น Service company รึป่าวครับ บริษัทนี้จิงๆแล้ว น่าจะInvolve งานในส่วนไหนบ้างครับ

2. ผมไม่เชี่ยวชาญด้าน well engineer ผมจึงอยากรบกวนพี่ช่วยประเมินว่า Technologies, Programes กับ Courses (ผมคาดว่านี่เป็นธุรกิจหลักของเค้า) ของเค้า ok รึป่าวครับ (เทียบกับบริษัทใหญ่ๆก้อได้ครับ)

ขอบคุณมากครับบ


โดย: Micheal Buble IP: 210.24.106.128 วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:21:19:02 น.  

 
ตอบคุณ Micheal Buble

1. จัดว่าเป็น service company ครับ ดูจากเว็บและประสบการณ์ผมแล้ว บ.ประเภทนี้ ให้บริการทำทุกอย่างเกี่ยวกับการก่อสร้างหลุมครับ รวมถึงให้เช่าคนด้วย ผมไม่แน่ในว่าจะรับคุณไปเป็นคนให้เอาไปเช่าต่อหรือเอามาใช้ทำให้กับบ.นี้เองเลย

2. บ.นี้เป็น บ.ที่เราเรียกกันเล่นๆว่า 2 men company ซึ่งก็เป็ฯอย่างนั้นจริงๆ ชื่อบ.ก็เอามาจากชื่อผู้ก่อตั้ง(เจ้าของ) 2 คนมาต่อกัน ตั้งมาเมื่อ 2006 ตอนนี้ก็ 4 ขวบ ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไร แต่เป็นบันไดที่ดีที่คุณจะเข้ามาเรียนรู้จากบ.นี้ ถ้าบ.ไปไม่รอดคุณก็ได้ประสบการณ์ เอาไปสมัครงานที่อื่นต่อ เนื่องจากคุณไม่ได้จบสายตรง ดังนั้น ผมถือว่าที่นี่เป็นโอกาสอันดีที่ให้คุณได้เข้ามาในวงการ เรียนรู้เรื่อง well engineering ซึ่งไม่มีที่ไหนสอนโดยตรง(มีแต่เฉียดๆ ที่ปิโตรฯจุฬา หรือ Offshore tech AIT) ผมไม่ทราบจริงๆว่ารายได้ส่วนใหญ่ของเขามาจากธุรกิจอะไร จึงตอบคุณไม่ได้ (พี่ช่วยประเมินว่า Technologies, Programes กับ Courses)

เทียบกับบ.ใหญ่ๆก็คงไม่ได้หรอกครับ แต่ 2 men company 4 ขวบ เขาเลือกคนสวยๆสู้บ.ใหญ่ๆไม่ได้ เราเองก็ไม่ใช่สวยพอที่จะไปเข้าบ.ใหญ่ๆ ผมว่าที่นี่ดีแล้วครับ ตั้งใจเรียนรู้จากเขาให้เยอะๆ ถ้าเขารุ่งเรารุ่งด้วย ถ้าเขาเจ๊ง เราได้ประสบการณ์ ไม่มีเสียครับ เงินเดือนรายไๆด้ อย่าไปสนใจมาก แต่ผมว่าไม่น่าจะขี้เหร่นะ เพราะบ.เล็กมักจ่ายดีกว่าบ.ใหญ่ เพราะต้องแลกกับความมั่นคงที่ถูกมองว่าน้อยกว่า จึงต้องมีปัจจัยชดเชย

ขอให้โชคดีกับการสัมภาษณ์ แล้ว จำคำถามมาแบ่งปันกันด้วยนะครับ - พี่นก


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:17:03:07 น.  

 
ขอบคุณมากๆครับ พี่นก สำหรับคำตอบและคำแนะนำ

ผมเพิ่งไปสัมภาษณ์มาวันนี้ครับ บริษัทมี Office อยู่ในตัวเมือง ดูบรรญากาศรอบๆและรวมถึงตัว Office แล้วใช้ได้เลยครับ มีคนสัมภาษณ์ผม 3 คน เป็น Hr, Senior well engineer และ Manager อย่างละคนครับ ห้องสัมภาษณ์เป็นแบบโต๊ะกลม เหมือนกับนั่งประชุมกัน

แรกๆ เค้าก้อถามความเป็นมาทั่วไป เช่นว่า ตอนนี้ทำงานที่ไหน ทำด้านอะไรอยู่ ตอนเรียนทำ Project อะไรมาบ้าง ชอบเรียนวิชาอะไรที่สุด ทำไมถึงสนใจทำงานกับบริษัทเรา แล้วเค้าก้อให้อธิบายจุดเด่นและจุดด้อยของผมสลับกัน

หลังจากนั้นเค้าก้อ Present เกี่ยวกับบริษัทประมาณ 15 นาทีเห็นจะได้ แต่พอ Present จบ เค้าดันให้ผมสรุปว่าผมเข้าใจอะไรบ้าง ให้พูด 5 นาที ผมค่อนข้างจะแย่นิดนึง เพราะว่า Senior engineer เค้าพูดเร็วมากตอน Present ผมพอจับประเด็นได้บ้าง แต่ก้อพูดจนครบเวลาที่กำหนด

ผมคิดว่าน่าจะหมดการสัมภาษณ์ คงจะถึงเวลาที่ผมจะได้ถามอะไรบ้าง แต่ปรากฎว่า ดันยื่นสูตรเกี่ยวกับ สมการการไหลของของเหลว มาให้ผม derive สดๆ แถมยังไม่พอ ยื่น Notebook มาให้ผมใส่สูตร พร้อมด้วย data อีก 2 ชุด ใน Excel แล้วก้อให้อธิบายข้อมูลดังกล่าวเปรียบเทียบกันให้เค้าฟัง

เวลาที่สัมภาษณ์ทั้งหมดก้อประมาณชั่วโมงกว่า สอบเสร็จแล้วเหนื่อยเลยครับ อย่างไรก็ตามบริษัทจะแจ้งผลให้ผมทราบเร็วที่สุด ผมขอขอบคุณพี่นกอีกครั้งนึง และหวังว่าข้อมูลนี้ อาจจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ ด้วยนะครับ










โดย: Micheal Buble IP: 210.24.106.128 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:17:27:08 น.  

 
สวัสดีครับพี่นก ผมก็เป็นอีกคนที่ติดตามบล็อกพี่นกมาได้สองปีกว่าๆละครับ บล็อกพี่น่าสนใจมากครับ เป็นแหล่งความรู้จริงๆ ทั้งทางด้านเทคนิคและด้านมุมมองของการทำงาน ทะลุครับ..มองเกมขาดเลย

คือว่าตอนนี้ผมได้รับการติดต่อจากบริษัทใหญ่บริษัทนึงครับ ในตำแหน่ง Well Site Manager ครับ ไม่ทราบว่า ตำแหน่งนี้คือ DSM รึป่าวครับ แล้วผมควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดีครับ แล้วเงินเดือนที่เค้าจะให้ผมเนี่ยรวมกับค่าลง offshore รึป่าวครับ พี่นกช่วยอธิบายนิดนึงครับ ผมไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้จรงๆครับ
ผมมีประสบการณ์ด้านอื่นๆมา 3 ปี + ประสบการณ์ด้านออกแบบ Wellhead (Design Engineer) มา2 ปีครับแต่ work in office เป็นหลักน่ะครับ ลงไป Rig บ้างในบางครั้งครับ โดยลูกค้ารายใหญ่สุดในไทยก็คือบริษัทที่ผมกำลังจะไปสัมภาษณ์นี่แหละครับ

ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีของผมแล้วครับ ก่อนวันสัมภาษณ์ผมจะเตรียมตัวไปอย่างดีเลยครับ จะได้เตรียมตัวเองให้พร้อมมากที่สุดน่ะครับ(ขออณุญาตเอาข้อมูลในบล็อกพี่นกนี่แหล่ะครับไปศึกษา) ยังงัยรบกวนพี่นกช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ


โดย: Tony Tee IP: 124.195.12.114 วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:18:48:21 น.  

 
ตอบคุณ Micheal Buble - ขอบคุณมากๆครับ ประสบการณ์ของคุณเป็นประโยชน์แน่ๆครับกับอีกหลายๆคน ผมเอาลงบล๊อกเรียบร้อยแล้วครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:23:48:54 น.  

 
ตอบคุณ Tony Tee - ผมตอบใน FAQ#14 นะครับ เพื่อนๆจะได้ได้ประโยชน์ด้วย


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:23:57:00 น.  

 
ขอบคุณพี่นกมากครับ เอาไว้ได้เรื่องยังงัยสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ตอนนี้ขอผมไปเตรียมตัวเก็บข้อมูลเอาไว้เยอะๆก่อนครับ กลัวจะตกม้าตายนี่แหล่ะ มันน่าเจ็บใจตัวเอง...


โดย: Tony Tee IP: 124.195.12.114 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:18:35:41 น.  

 
สวัสดีครับพี่นก

ตามอ่านมาตั้งนานแล้ว คิดว่าน่าจะได้เวลาถามพี่สักที

ตอนนี้ผมเป็น Services Techinician อยู่ที่ BJT ได้ประมาณปีกว่าๆแล้วครับ รับผิดชอบด้าน Tong และ SALVO Operator ผมจบวิศวคอมมา สามารถเขียนและสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผมมองงาน Field Engineer ไว้ อย่างเช่นที่ Baker Oil Tool หรือ SBJ

ไม่ทราบว่าพี่จะพอบอกถึงความเป็นไปได้ หือมีคำแนะนำด้านอื่นๆให้ผมไหมครับ อยากจะลองแต่คิดว่าถ้าได้คำแนะนำดีๆจากพี่ช่วย ผมน่าจะตัดสินใจได้ดีขึ้น

ขอบคุณครับ


โดย: Vee IP: 192.168.2.107, 110.164.224.129 วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:23:05:27 น.  

 
ตอบคุณ Vee - ตอบไว้ข้างบนใน FAQ นะครับ เพื่อนๆจะได้ประโยชน์ด้วย ...


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:12:16:08 น.  

 
ขอบคุณครับพี่นก เห็นภาพขึ้นมามากเลยทีเดียวครับ

SBJ ที่ผมเขียนคือ schlumberger ครับ อิอิ ต้องขอโทษพี่ด้วยครับ ดึกแล้วมันเบลอ g เป็น J เลย ฮา....

ถือว่าขอแก้คำถามพี่ไปเลยละกันนะครับ BJS เป็น SBG

แหะๆพี่ก็พูดถูก งานเป็นแบบเน้นแรงงานเป็นหลักจริงๆ ใช้ความสามารถน้อย แต่ก็เป็นก้าวแรกๆที่ดี เพราะผมจบมาไม่ตรงสาย ไม่มีความรู้เลย

ผมจะอัพเดท resume แล้วยื่นไปดู ตอนนี้ก็ทำการบ้านเพิ่มจากการอ่าน blog ของพี่ไป ทำความเข้าใจเพิ่มเติมไป ตอนสัมภาษณ์เข้า BJT บอสสัมภาษณ์ผมแค่ 10 นาที คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ 10 นาที แล้วก็คุยเรื่องงานแค่ 5 นาที

...เท่ากับว่าผมแทบไม่ได้แสดงตัวตนเท่าไรเลย ฮา....เหมือนไปคุยกันด้วยภาษาอังกฤษเฉยๆ

ขอบคุณครับพี่นก


โดย: Vee IP: 192.168.2.107, 110.164.224.129 วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:13:41:35 น.  

 
อยากสอบถามคะว่า
เพิ่งเรียนจบ Chemical Engineer ที่ kmitl
เกรด 3.15

สมัครworleyparsonsในตำแหน่ง Graduate Process Engineer

worleyparsons ส่งเมลมาให้นัดสัมภาษณ์คะ

1. อยากสอบถามว่าคำถามในการสัมภาษณ์ที่ worleyparsonsมีอะไรบ้างคะ แล้วควรตอบยังไงถึงจะดี และภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์คือ อังกฤษหรือเปล่าคะ

2. อยากสอบถามเรื่องเงินเดือนที่ต้องใส่ด้วยคะ

ตอบทางอีเมลนี้คะ gink99999@hotmail.com

ขอบคุณคะ


โดย: กิ๊บ IP: 183.89.63.50 วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:0:32:48 น.  

 
ขอฝากความรู้เรื่องทำงานด้านไอทีหน่อยนะครับ เผื่อมีใครแวะมาเจอเหมือนผม พอดีผมก็ทำงานด้านไอทีที่ ตปท ก็หลายปีละ ก็อยู่ละแวกเอเชียนี่แหละครับ แต่พอดีเงินดีกว่าเมืองไทยสักสาม สี่เท่า ก็เลยลองเสี่ยงโชคมาดู ก็จะกลับเมืองไทย ไปอยูกับลูกน้อยแล้ว คิดไปแล้วถ้ามีเงินสิบล้าน ยี่สิบล้านก็คงแลกกับช่วงเวลาที่เราจะดูแลเขาตอนกำลังเติบโตไม่ได้ ก็เลยคิดจะกลับเมืองไทยแล้ว


แต่อยากจะอยากฝากบอก คนที่คิดทำงานต่างประเทศ ด้านไอทีนะครับ

อย่างแรก คือภาษา คือไม่ต้องได้คะแนนโทอิค โทเฟิล ห้าร้อย หกร้อย เจ็ดร้อย คะแนนหรอกครับ
แค่สือสารกันได้ก็พอ คือต้องสนทนา ผ่านโทรศัพท์ได้ แค่นี้ พอ

อย่างที่สอง ใบcertificate ในแต่ละสาขา สำคัญมากเนื่องจากเขาไม่ได้ดูสถาบันว่าจบมาจากไหน ผมยกตัวอย่างง่ายๆ มีใครรู้บ้างมั้ยว่า มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง ว่าชื่อไรบ้าง ส่วนใหญ่ไม่มีใครรุ้หรอกครับ เพราะฉะนั้น ใบ เซอร์นี่ สำคัญมาก อีกอย่างบางคนกลัวว่า เกรดน้อย แล้ว จะไม่ได้งาน
เอ้อ ขอโทษนะครับ ผมเกรดเฉลี่ย 2.01 เลย ใครน้อยกว่านี้ยกมือขึ้น ผมน่าจะหาไม่มีนะ

อย่างที่สาม ต้องเตรียม resume ให้สวยงาม บอกชื่อโปรเจ็คท์ที่เราทำอยู่ job description และเราต้องอธิบายได้เมื่อเขาโทรมาสัมภาษณ์ ส่วนเรื่องรูปถ่ายของเรานี่บางทีเขาก็ไม่สน เพราะบางประเทศจะมี ก.ม.ว่า ห้ามเลือกพนักงาน จากรูปร่างหน้าตา น.น. ส่วนสูง เชื้อชาติ และสีผิว ฉะนั้นจะเห็นได้ว่ามีการสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์กันค่อนข้างเยอะ ไม่เหมือนบางประเทศ ชอบเลือกหน้าตากันก่อน ยิ่งผู้หญิงหน้าตาดีละก็เข้าทางเขาเลย ห้าๆๆ

อย่างที่สี่ เอเยนต์ ถ้าเราฝาก resume ให้ช่วยหางานให้ จะหางานให้เราเร็วกว่าที่เราจะหาเองตามอินเตอร์เนต ไม่ต้องจ่ายค่าเอเยนต์นะ เอเยนต์เขาจะไปคิดเงินบริษัทที่จ้างเราเองอีกที

คงหมดแล้วหลักๆ คงมีเท่านี้ ถ้าผ่านรอบสัมภาษณ์แล้ว ควรถามค่า settle down คือค่าที่บริษัทควรจะจ่ายให้เราสำหรับเราไปตั้งต้นที่นั่น อีกอย่างคือตั่วเครื่องบินรายปี และโบนัสควรถามให้เข้าใจอย่างละเอียด
ส่วนการคิดรายได้ ก็ให้คิดอย่างนี้
สมมติว่าได้ สามพันเหรียญ ยูเอส
ก็หักภาษียี่สิบเปอร์เซนต์
ค่าที่พักค่ากินยี่สิบเปอร์เซนต์
เหลือเท่าไรก็ค่อยคิดว่าได้สุทธิเท่าไร
แล้วค่อยตัดสินใจว่าไปเมืองนอกแล้วจะคุ้มมั้ย

ขอบคุณนะครับ พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
อายุเท่าผมเลย เกิดปีเดียวกันเลย ห้าๆๆ
จบลาดกระบังเหมือนกันใช่มั้ยครับ พอดีอ่านมากแล้วงง

โชคดีนะครับ ทุกๆท่าน



โดย: เทียนฟู IP: 60.255.51.18 วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:23:49:31 น.  

 
ขอบคุณคุณเทียนฟูครับที่แวะมาแบ่งปัน ผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรนอก"กะลา"ผมสักเท่าไร ถ้าอายุเท่ากัน จบที่เดียวกัน เรารู้จักกันแน่นอนครับ โลกกลมเนอะ ... (เดี๋ยวจะเอาไปแปะไว้ในหมวดการสัมภาษณ์ก็แล้วกัน น้องๆจะได้ประโยชน์ด้วย ... ขอบคุณนะครับ)


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:8:13:18 น.  

 
ผมจำได้ตอนนั้นรถไฟดีเซลราง ยังไม่ปิดประตู วิ่งหนีนายตรวจ สนุกดี เพิ่งจะปิดประตู ตอน ปี สอง หรือ ปีสามนี่แหละ ผมจำไม่ค่อยได้ละ ชอบยืน ตรงประตูรถไฟ อากาศเย็นดี


โดย: เทียนฟู IP: 60.255.51.18 วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:11:04:43 น.  

 
สวัสดีครับพี่นก
มีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่นกนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมเรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมเครื่องกล
ผมมีความต้องการทำงาน oil&gas มาก
ช่วงประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมาผมได้ตระเวณสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ ในสงขลาเกือบทั้งหมด แต่ก็มีโทรมาสัมภาษณ์บ้างแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนรู้สึกว่าจะหมดหนทาง ก็เลยคิดว่าจะเรียนต่อปริญญาโท สาขา
offshore engineering ของมหาลัย kmutt
เรื่องที่อยากจะถามพี่ก็คือ ตอนนี้ผมยังลังเลที่จะเรียนต่ออยู่อ่ะครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดเรียนไปแล้วจะมีโอกาสได้ทำงานในด้านนี้หรือเปล่า
จึงอยากขอคำแนะนำจากพี่นกหน่อยนะครับ
//www.ce.kmutt.ac.th/peprogram/offshore%20Engineering.html แถม link ของเค้านิดนึงนะครับ


โดย: need offshore IP: 192.168.182.166, 124.122.157.155 วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:18:01:11 น.  

 
ตอบคุณ need offshore - ตอบแล้วคร๊าบบบ อยู่ข้างบนใน FAQ#14


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:9:50:50 น.  

 
ขอขอบพระคุณพี่นกมากครับ


โดย: need offshore IP: 192.168.182.214, 124.120.236.53 วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:14:54:22 น.  

 
ขออนุญาติเจ้าของบ้านนี้ด้วยนะครับบังเอิญผมเข้ามาอ่านเจอคำาถามเรื่องความแตกต่างระหว่าง WSM กับ DSM
หรือ Well Site Manager กับ Drill Site Manager ถ้าดูจากชื่ออาจจะดูคล้ายๆกันแต่เนื้องานและความรับผิดชอบจริงๆแล้วต่างกันนะครับ
(WSM) Well Site Manager หรือชื่อเดิมคือ Well Reppresent จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัทติดต่อประสานงานกับทีมงานที่มา Service หลุมอย่างเช่นการ ระเบิดหลุม ทีมงานที่จะมา Service หลุมได้แก่ schlumberger,Halliburton,Baker Atlas เป็นต้นครับซึ่งจะมีคนไม่เยอะมาก 5-7 คนโดยเฉลี่ย และหน้างานจะอยู่ที่ Well Head Platform หรือ หลุมผลิต นั่นเองจะเริ่มทำงานได้ก็ต่อเมื่อ Drilling Rig ทำการเจาะเสร็จสิ้นแล้ว
(DSM) Drill Site Manager จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัทติดต่อประสางงานกับ Drilling Rig หรือที่ทั่วๆไปจะเรียกกันว่า Company Man นั่นเองครับ ซึ่งเมื่อเทียบกับ (WSM) ความรับผิดชอบของ(DSM)จะมีเยอะกว่ามากครับ ....^_^.....


โดย: คนรักทะเล IP: 146.23.250.105 วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:27:56 น.  

 
ตอบคุณ คนรักทะเล - ขอบคุณมากๆครับ อย่างนี้ซิรักกันจริงได้ตัวช่วยแล้ว ก๊อปไปใส่ FAQ#15 ดีก่า (ไม่ออกแรงเองอีกแยว)


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:55:58 น.  

 
พี่ครับผมขอสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดงานคร่าวๆ ของตำแหน่ง O&M Representative Offshore เขาทำอะไรกันบ้างครับ ขอขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับพี่


โดย: เด็กรักงาน Offshore IP: 125.27.72.15 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:49:02 น.  

 
ตอบ เด็กรักงาน Offshore - ผมไม่แน่ใจว่า O&M Representative Offshore ในความหมายนี้ย่อมาจากอะไรครับ ผมก็รู้อย่างหนึ่งแต่ ของคุณอาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่บังเอิญย่อเหมือนกัน ขอชื่อเต็มและชื่อบ.(ถ้าเปิดเผยได้) ด้วยครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:36:27 น.  

 
ผมจบ instrumentengineering เกรด 2.6 จะเรียนต่อปิโตเลียมได้ไหมคับ ที่ texas A&m จะรับเกรด 2.6 ไหมคับ


โดย: ยังไม่มีจุดหมายในชีวิต IP: 172.16.0.164, 180.183.116.211 วันที่: 22 มีนาคม 2554 เวลา:0:24:28 น.  

 
ตอบ ยังไม่มีจุดหมายในชีวิต

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ต้องลองดูนะครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 22 มีนาคม 2554 เวลา:16:59:38 น.  

 
สวัสดีครับพี่นก ตอนนี้ผมเรียนวิศวกรรมการผลิต
ผมสนใจงานด้าน offshore มากครับ
ผมอยากทราบว่า
1- welding engineer welding inspcetor
ลักษณะงานเป็นยังไงบ้างครับ
2-ผมจะเดินไปถึงจุดนั้นได้ไง คือ ควรเรียนต่อที่โท welding engineer บางมด หรือว่าควรทำงานหาประสบการณ์ก่อน
แนะนำบริษัทด้านนี้ด้วยครับ
3-และในเรื่องของใบเซอ ด้าน welding inspector นิยมใช้ ใบไหน ถึงจะมีโอกาศงานที่กว้างครับ
4-พี่มีความคิดเห็นอย่างไรกับ offshore engineer บ้างครับ คือจบมาทำอะไรได้บ้างครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหหน้าเลยนะครับพี่


โดย: Think Global Act Local IP: 110.49.41.52 วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:39:09 น.  

 
ตอบคุณ Think Global Act Local -

ตอบแล้วครับ ตามลิงค์ไปนะครับ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=09-04-2011&group=6&gblog=74


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:16:36 น.  

 
จาติดต่อพี่นกได้ยังไง อยากปรึกษาอะ


โดย: lluvia IP: 125.25.137.104 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:17:11:57 น.  

 
lluvia - อีเมล์ nnookk@hotmail.com / หลังไมค์ หรือ ทิ้งคำถามไว้ที่บล๊อกนี่แหละครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:19:37:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.