4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
วิลเลี่ยม เบิร์ก & วิลเลียม แฮร์ : สองนักล่าศพ


วิลเลี่ยม เบิร์ก และวิลเลียม แฮร์ เป็นฆาตกรต่อเนื่องและจอมโจรขโมยศพที่ออกอาละวาดในเอดินเบิร์ก สหราชอาณาจักร ในปี 1827-1828 พวกเขาฆ่าเหยื่อไป 17 ราย (อาจมากถึง 30 ราย) ส่วนมากเน้นการฆ่าคนชรา หรือคนอ่อนแอไร้พิษสงไร้ญาติ และหลังจากพวกเขาฆ่าแล้ว เขาก็เอาศพนั้นไปหลอกขายที่ วิทยาลัยเอดินเบิร์คซึ่งที่นี่ต้องการซื้อศพเพื่อใช้ในการศึกษา ลูกค้าหลักคือหมอโรเบิร์ต น๊อกซ์เป็นผู้รับซื้อ และนอกจากนั้นเบิร์ก และแฮร์ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีก คือเหล่าภรรยาของพวกเขาสองคน

ในศตวรรษที่ 19 ที่ผ่านมา การศึกษากายวิภาควิทยาก่อนปี ค.ศ. 1832 ค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์จำเป็นที่จะเรียนรู้ และสิ่งที่วิทยาลัยต้องการอย่างมากคือ "อาจารย์ใหญ่" (ศพทดลอง) เนื่องจา
กกฎหมายในตอนนั้นไม่สนับสนุนให้นำซากศพที่ถูกต้องตามกฎหมายมาใช้มากนัก เพราะกฎหมายระบุว่าอนุญาตให้ใช้ร่างกายของผู้ตายในคดีอาชญากรรมเท่านั้น แปลง่าย ๆ คือศพที่จะนำมาใช้ได้ คือศพของนักโทษประหารซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ทำให้หมอบางคนจำเป็นต้องใช้วิธีแอบขุดศพขึ้นจากหลุม และมีอาชีพใหม่ก็คือ "นักล่าศพ" ซึ่งเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย พวกเขาจะลักลอบขุดศพที่เพิ่งถูกฝังใหม่ ๆ ไปขายให้กับนักศึกษาแพทย์ซึ่งมันทำราคาดีซะด้วย โดยศพหนึ่งจะได้เงินประมาณ 4 - 7 ปอนด์ ทำให้บางครั้งญาติของผู้ตายถึงกับต้องนอนเฝ้าที่สุสานจนกว่าศพของผู้เป็นที่รัก จนเปื่อยยุ่ยจนใช้การไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของนักล่าศพ แต่เบิร์ก และแฮร์ วิลเลียม เขาหัวใสกว่านั้น....

เบิร์ก เกิดในเอรนี่ เขตทีโรน ไอร์แลนด์ทางเหนือ ทำอาชีพค้าขาย และเคยเป็นคนรับใช้ของเจ้าหน้าที่ใน Donegal และเข้ากลุ่มทหารกองหนุน จนอพยพมาอยู่ถิ่นสก็อตแลนด์ใน ค.ศ.1817 หลังย้ายมาอยู่สก็อตแลนด์ เบิร์กทำงานเป็นคนงานขุดคลอง และที่สก็อตแลนด์นี้เองเขาก็ได้แต่งงานกับ แมคโดวเกล เฮเลน สำหรับแฮร์ แม้ชื่อจะคล้ายกันแต่ไม่ได้เกี่ยวดองสายเลือดกันแต่อย่างไร แฮร์เกิดที่นอร์เวย์ แถว ๆไอร์แลนด์ทางเหนือ ซึ่งคล้ายกับเบิร์ก เขาอพยพไปอยู่นอกประเทศ และอาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งในสก็อตแลนด์ ทำงานเป็นคนงานขุดคลอง ต่อมาเขาย้ายไปเอดินเบิร์ก ที่นั่นเขาพบชายที่ชื่อ "โลกัว" และเมื่อโลกัวเสียชีวิตไปในปี ค.ศ.1826 แฮร์ก็ได้เป็นเจ้าของที่ดิน และแต่งงานกับมาร์กาเร็ตภรรยาม่ายของโลกัว และทำบ้านเป็นบ้านพักคนชรา

ในฤดูใบไม้ร่วง ปี 1827 เบิร์ก และแมคโดวเกลก็ย้ายมาพักบ้านของแฮร์และเบิร์กก็ทำงานเป็นลูกจ้างของแฮร์ และเมื่อนาน ๆ เข้าทั้งสองก็สนิทกันจนกลายเป็นเพื่อนในที่สุด ในปี 1827 นีเอง คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด มันเริ่มขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายน1827 เมื่อทั้งสองพบว่าผู้เช่าคนหนึ่งซึ่งเป็นชายชราผู้รับเงินเบี้ยบำนาญกองทัพเก่า เกิดอาการหัวใจวายตายบนเตียงในบ้านพักของเขา ชายชราคนนั้นเป็นหนี้แฮร์อยู่ 3 ปอนด์ ทำให้แฮร์โกรธมาก เขาไม่คิดเอาศพชายชราคนนั้นไปทำพิธีที่ถูกต้องตามศาสนา พอดีทั้งสองได้ยินมาว่าตอนนี้ทางวิทยาลัยเอดินเบิร์กต้องการศพ และพร้อมจ่ายอย่างงามให้ใครก็ได้ที่เอาศพมาขาย เมื่อแฮร์และเบิร์กนำศพแรกไปขาย โดยคนรับซื้อศพคือ ด็อกเตอร์โรเบิร์ก น๊อกซ์ หัวหน้าแพทย์ของวิทยาลัยเอดินเบอร์ค ซึ่งด๊อกเตอร์ยินดีรับซื้อศพด้วยราคามากกว่าที่แฮร์และเบิร์กคิดไว้ในตอนแรกเสียอีก “7 ปอนด์ 10 ชิลลิ่ง!!” เบิร์กกับแฮร์ตกใจในตัวเลขนั้น มันเป็นเงินจำนวนที่เขาไม่เคยพบมาก่อน “ใช่ เราต้องการอีกเรื่อย ๆ ราคาไม่เกี่ยง ขอให้เป็นศพ ยิ่งสดยิ่งดี ผมยินดีจ่าย 15 ปอนด์ ถ้าคุณเอาศพแบบนี้มาขาย ผมไม่สนหรอกว่าศพนี้พวกนายสองคนจะได้มาอย่างไร” 

แน่นอนเงินนี้เป็นเงินจำนวนมากจริง ๆ และเมื่อเบิร์กและแฮร์ใช้เงินจำนวนนั้นหมด ทั้งสองก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะหาเงินเยอะ ๆ ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องลงมือลงแรงมาก วิธีที่เขาคิดได้ในตอนนั้นก็คือเอาศพไปขายนั้นแหละ แต่จะทำอย่างไรจะได้ศพละ?? อาชีพนักล่าศพก็คงจะไม่ดีเพราะศพใหม่ ๆ มันหายาก จะหาคนแก่ใกล้ตายและไร้ญาติก็ใช่ว่าจะหาง่าย งั้นเราฆ่ามันซะเลยเป็นไง แค่เอาหมอนอุดจมูกอุดปากซะมันก็เป็นศพให้พวกเราไปขายแล้ว ความคิดหาเงินง่าย ๆ ก็เกิดขึ้นในตอนนั้น ฉะนั้นแล้วเหยื่อรายแรกที่เบิร์กและแฮร์ฆ่า ก็คือผู้เช่าชื่อโจเซฟ เจ้าของโรงสีที่ป่วยอยู่บนเตียง พวกเขามอมวิสกี้ชายชราคนนี้ แล้วจึงฆ่าโดยใช้หมอนอุดปากอุดจมูกจนขาดอากาศหายใจ และก็ตายอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นพวกเขาจึงนำศพโจเซฟไปขายให้หมอน็อกซ์ได้เงินถึง 10 ปอนด์ โดยหมอไม่ถามว่าชายชราตายอย่างไร หมอคงเห็นว่าชายสองคนนี้เป็นนักล่าศพที่เชื่อถือได้ โดยความจริงชายสองคนนี้ไม่ใช่นักล่าศพแต่เป็นฆาตกร เขาไม่ได้นำศพมาให้ แต่ทำศพมาให้ต่างหาก และเมื่อบ้านพักของเขาไม่มีผู้เช่าที่อ่อนแอใกล้ตาย เบิร์กและแฮร์จำเป็นต้องหาเหยื่อจากถนน และแล้วคนชราในเมืองเอดินเบิร์กก็ค่อย ๆ หายไปทีละคน ทีละคน เดือนแล้วเดือนเล่า โดยวิธีที่เบิร์กและแฮร์ใช้หาเหยื่อคือ หลอกล่อคนป่วยและคนเมาไปยังบ้านพักและจัดการเสีย



หลังสองคนถูกจับกุมตำรวจได้ค้นพบสมุดบันทึกศพที่ทั้งคู่เอามาไปขาย โดยพวกเขาจดจำนวนเงินที่ได้ในแต่ละครั้ง โดยรายชื่อเหยื่อในบันทึกที่เด่น ๆ มีดังต่อไปนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์1828 เบิร์กและแฮร์เชิญ อบิเกล ซิมป์ซัน หญิงชราวัยเกษียณมาที่บ้านพัก ใช้วิธีมอมเหล้าจนเธอมึนเมา จากนั้นก็ฆ่า นอกจากวิธีล่อเหยื่อมาบ้านพักแล้ว เบิร์กและแฮร์ก็ให้ภรรยามาช่วยด้วย โดยหญิงทั้งสองจัดหาหญิงคนหนึ่งจากโรงแรมเล็ก ๆ มาบ้านพักเพื่อดื่ม กิน ก่อนที่เหยื่อจะถูกทั้งสองคนฆ่า โดยคนที่หลงกลวิธีนี้เป็นโสเภณีชื่อ แมรี่ แพทเทอร์ซัน หลังเอาศพไปขาย บังเอิญนักศึกษาแพทย์ที่ทำการผ่าศพเกิดไปรู้จัก แมรี่ แพทเทอร์ซัน ทำให้เบิร์กและแฮร์ต้องเลิกฆ่าคนไปพักใหญ่ เหยื่อรายต่อมาเป็นผู้หญิงขอทานที่ไม่รู้จักชื่อ แต่หลายคนเรียกเธอว่า "เอฟฟี่"เบิร์กและแฮร์ฆ่าเธอแล้วชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนเอาศพไปขายเพื่อแลกกับเงิน 10ปอนด์ ซึ่งไม่มีใครสนใจเรื่องเธอหายไปมากนักจนกระทั้งเบิร์กถูกจับและตำรวจเจอ"บันทึก"ของเบิร์ก ถึงได้รู้ว่าเธอหายไปเพราะถูกฆ่า แต่บางรายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หญิงชราคนหนึ่งมีหลานชายหูหนวกเป็นใบ้อาศัยอยู่ด้วย เมื่อเบิร์กกับแฮร์ฆ่าหญิงนั้นแล้ว และคิดจะปล่อยเด็กชายไป เพราะคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็คงไปบอกใครไม่ได้ แต่เด็กนั่นกลับร้องโวยวายทำเรื่องยุ่ง เบิร์กเกิดกลัวว่าเขาจะพาตำรวจมาถึงบ้านพักคนชรา เขาจึงนำเด็กชายไปจัดการฆ่าทิ้งเสีย ศพของเด็กถูกจับยัดใส่ถังปลาเค็มแล้วนำไปทิ้งไว้ห้องผ่าตัด ต่อมาแฮร์ก็พบพบแมรี่โสเภณีเก่าฮาลเดน เขาก็จัดแจงฆ่าเธอแล้วเอาศพไปขาย ต่อมาก็เกิดปัญหาเมื่อลูกสาวของเธอชื่อ พิกกี้ มาสอบถามแฮร์ว่าแม่เธอหายไปไหน พิกกี้จึงกลายเป็นเหยื่อรายถัดมา 

เหยื่อรายต่อมาคือเจมี่ ผู้ซึ่งทั้งปัญญาอ่อนและเป็นบ้า เบิร์กและแฮร์ทำการฆ่าแล้วเอาศพไปขายให้ด็อกเตอร์น็อกซ์เหมือนเดิม แต่แล้วเรื่องก็แดงขึ้นเมื่อแม่ของ จามีทราบข่าวว่า ลูกชายที่หายตัวไปของเธอ เป็นศพในห้องผ่าตัดของหมอน็อกซ์ และน่าเสียดายศพนั้นไม่มีหัว ทำให้ระบุศพไม่ได้ว่าเป็นลูกชายที่หายไปของเธอหรือเปล่า แต่นักเรียนหลายคนบอกว่าเขาเคยเห็นหัวของศพนี้และยืนยันว่าเป็นศพของเจมี่จริง ๆ แต่หมอน็อกซ์ปฏิเสธ นานวันเบิร์กและแฮร์ก็เริ่มเกิดความละโมภขึ้น ฆ่าถี่ขึ้น จนทั้งคู่เริ่มประมาท เมื่อเจ้าหน้าได้รับรายงานการหายตัวไปของหญิงชราดอชเชอร์ตี้ ที่อาศัยในบ้านพักคนเดียว โดยเช้าวันรุ่งขึ้นหญิงชราหายตัวไป และเมื่อสองสามีภรรยาเกรย์คนทำความสะอาดมาทำงานห้องนอนที่บ้านของดอชเชอร์ตี้ เกรย์ก็พบสิ่งผิดปกติ ที่เตียงนอนของดอชเชอร์ตี้มีถุงเท้ายาวและรอยเลือดปริมาณหนึ่งเลอะที่นอน และข้างใต้โซฟานั้นมีแขนที่แข็งทื่อโผล่ออกมา.แขนข้างนั้นเป็นของนางดอชเชอร์ตี้ ผู้ซึ่งเสียชีวิตมานานตั้งแต่เมื่อคืนที่แล้ว สองสามีภรรยาปล่อยร่างนี้ไว้และแจ้งความ พอดีช่วงเวลานั้นพวกภรรยาของเบิร์กและแฮร์ได้ยินเรื่องพอดี พวกเธอวิ่งไปเตือนเบิร์กและแฮร์ให้หนีออกจากจากบ้านก่อนที่ตำรวจที่มาถึง อย่างไรก็ตามทั้งสองคนนั้นตัดสินใจไม่หนีเพราะเชื่อว่าตำรวจเอาผิดพวกเขาไม่ได้ จากนั้นเวลา 7:00 ตำรวจก็มาหาเบิร์กและแฮร์ เนื่องจากการสอบสวนเพื่อนบ้านหลายคน เห็นพวกเขาอยู่กับดอชเชอร์ตี้ครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะตาย

จากนั้นตำรวจก็ไปหาหมอน็อกซ์ทำการค้นห้องผ่าตัดและพวกเขาก็ค้นพบร่างกายของดอชเชอร์ตี้ ส่งผลให้เบิร์กและแฮร์และภรรยาทั้งสองถูกจับกุม แม้แพทย์ทำการชันสูตรศพว่าเธอเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ แต่ตำรวจสงสัยว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น จากการสอบสวนตำรวจก็เริ่มแน่ใจว่าเบิร์กกับแฮร์ต้องเป็นฆาตกรในเรื่องนี้ เพียงแต่ติดว่าผู้ตายมีเพียงรายเดียว กับหลักฐานคำให้การโกหก 2-3 ประโยค มันไม่เพียงพอที่จะมัดผู้ต้องหา สิ่งที่ตำรวจต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือพยานที่เห็นเหตุการณ์ และแล้ว..พยานคนสำคัญก็ปรากฏตัว เขาเห็นเหตุการณ์เบิร์กลงมือสังหารเหยื่อเกือบทุกราย พยานคนนี้ไม่ใช้ใครที่ไหน วิลเลียม แฮร์นั่นเอง!! (ชื่อก็บอก แฮร์ แปลว่า กระต่ายป่า กระต่ายก็เป็นสัตว์ขี้กลัวชอบเอาตัวรอดอยู่แล้วนี้) ด้วยความกลัว แฮร์สารภาพเพื่อแลกกับเงื่อนไขขอให้ตำรวจปล่อยตัวเขา ตำรวจยอมรับเงื่อนไขของแฮร์ จากนั้นแฮร์ก็รับสารภาพและป้ายสีไปที่เบิร์กทั้งหมด ธันวาคม1828 เบิร์กถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ส่วนแฮร์และภรรยารอด ส่วนภรรยาของเบิร์กก็รอดเหมือนกัน เพราะเอาผิดไม่ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ส่วนหมอน็อกซ์ก็รอดเช่นกัน 



วันที่ 28 มกราคม ค.ศ.1829 วิลเลียม เบิร์ก ถูกส่งเข้าสู่ตะแลงแกง แม้จะสำนึกเสียใจสิ่งที่เขาทำ แต่เขายังอดไม่ได้ที่จะโกรธหมอน๊อกซ์ที่ยังค้างจ่ายเงินค่าศพสุดท้ายของเขาไม่ครบ เงินนั้นเขาสามารถซื้อเสื้อโค้ตดี ๆ สักตัวหนึ่งใส่ตอนถูกประหารชีวิต ฝูงชนแห่มาการแขวนคอเบิร์ก พวกเขาโห่ร้องแสดงความเกลียดชังชายที่ซึ่งฆ่าคนไร้พิษสงไปถึง 30 ราย เชือกที่ใช้มันสั้นเกินไป ทำให้เบิร์กไม่ตายในทันที เขาสิ้นลมอย่างช้า ๆ ด้วยความทุกข์ทรมาน เขาพยายามอ้าปากหายใจในลักษณะเดียวกับเหยื่อทั้งหลายที่เขาฆ่าไม่มีผิด หลังเสียชีวิต 28 มกราคม1829 ศพของเขาถูกส่งไปให้แพทย์เพื่อใช้ในการศึกษา ที่เดียวกับที่เบิร์กและแฮร์เอาศพไปขาย ปัจจุบันคุณสามารถไปดูโครงกระดูกของเบิร์ก หนังหัวฟอก และผิวหนังของเขาซึ่งถูกแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของวิทยาลัยเอดินเบิร์กได้

หลังจากนั้น แมคโดวเกลภรรยาของเบิร์กถูกปล่อยตัวกลับบ้าน เธอเกือบโดนแขวนคอโดยฝูงชนจำนวนมากที่โกรธแค้นกับการกระทำของเธอ จนเธอต้องหนีไปนอกประเทศและไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย แต่มีข่าวลือว่าเธอหนีไปออสเตรเลีย ส่วนมาร์กาเร็ตภรรยาของแฮร์ ก็หลบหนีจากฝูงชนที่จะแขวนคอเธอเช่นกัน เธอหนีไปยังประเทศไอร์แลนด์ และไม่มีใครพบเห็นเธออีกเช่นกัน



ส่วนแฮร์เขาถูกปล่อยในกุมภาพันธ์ 1829 จากนั้นก็ไม่มีใครทราบข่าวเขาอีกเลย โดยนิทานที่ได้รับความนิยมบอกว่าเขาเป็นคนขอทานตาบอดบนถนนของลอนดอน ส่วนหมอน็อกซ์ เขาเลือกที่จะเก็บเงียบเกี่ยวกับเรื่องบอร์คและแฮรี่ และพบกับมรสุมชีวิตการงานเมื่อนักเรียนในมหาวิทยาลัยลด โปรแกรมของเขาและตำแหน่งอื่นๆในวิทยาลัยเอดินเบอร์คถูกปลด และวิทยาลัยอื่นๆ ปฏิเสธรับเขาเข้าทำงาน ทำให้ต้องย้ายที่ทำงานในโรงพยาบาลมะเร็งในลอนดอน และตายในปี ค.ศ.1862 ผลจากการกระทำของ เบอร์คกับแฮร์ ทำให้มีการแก้ไขกฎหมายในปี 1832 โดยกฎหมายนั้นให้สนับสนุนการหาซากศพมาเพื่อศึกษาให้ถูกกฎหมายและง่ายขึ้น เพื่อป้องกันนักล่าศพหลอกขายศพที่ได้จากการฆ่าและขโมย และแล้วถนนในเมืองเอดินบอร์คสมัยศตวรรษที่ 19 ก็ดูปลอดภัยขึ้น



Cr. Cammy // Writer.Dek-D.com









Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 30 กรกฎาคม 2558 14:42:51 น. 0 comments
Counter : 1156 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.