4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
โดโรเธีย พูเอนเต้ : แม่พระนักฆ่าแห่งซาคราเมนโต (ตอนที่ 1)



สาวใหญ่วัย 57 พูดภาษาสเปนคล่อง เช่าบ้านหลังหนึ่งทำหอพักสำหรับคนสูงอายุไร้ญาติจากกรมประชาสังเคราะห์ ฉากหลังเป็นแม่พระสำหรับคนทั่วไป แต่ฉากหลังเป็นอสูรกายที่ฆ่าคนเพียงเพื่อโกงเงินสวัสดิการเพื่อขึ้นเงินเป็นของตนเอง เธอทำอยู่นาน นานมากจนกระทั้งสังคมได้รับรู้พฤติกรรมและความโหดร้ายของเธอเพราะ "กลิ่น" ทำให้เพื่อนบ้านตรงข้ามทนไม่ไหวจึงแจ้งตำรวจ

◄ ปัญหาของส้วมแตก
พฤศจิกายน 1988 .. กลิ่นเหม็นคลุ้งลอยตลบอบอวลอยู่เหนือแถบบ้านที่ซาคราเมนโต้ มันเป็นกลิ่นสะอิดสะเอียนผสมระหว่างกลิ่นเน่าและกลิ่มหอมแหลม ใคร ๆ ที่อยู่ในแถบนั้นรู้ว่า มันลอยมาจากบ้านทรงวิคตอเรียนสีฟ้าซีด เลขที่ 1426 ถนนเอฟ ซึ่งเป็นบ้านพักคนชราโดยมีโดเรเธีย พูเอนเต้เป็นเจ้าของ กลิ่นนั้นเหม็นร้ายกาจมากขึ้นในหน้าร้อน เพื่อนบ้านหลายคนถึงขนาดต้องปิดเครื่องปรับอากาศ ยอมทนความร้อนแผ่ออกมาจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำดีกว่าจะให้พัดลมในเครื่องปรับอากาศดูดกลิ่นเน่าเข้าไปในบ้านของตัวเอง หลายคนในชุมชนถนนเอฟทนไม่ไหว จนต้องขอร้องโดโรเธียให้กำจัดกลิ่นนี้ โดโรเธียบอกว่ากลิ่นนี้มาจากปัญหาส้วมแตกในบ้านตัวเอง แต่เพื่อนบ้านไม่เชื่อเพราะกลิ่นเน่านั้นมันมาจากใต้พื้นบ้านมากกว่า

◄ ซากศพ
เช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 1988 บ้านสองชั้นทรงวิคตอเรียนสีฟ้าซีด ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่ที่นั้น เมื่อก่อนบ้านหลังนี้เคยโอ่อ่า สวยงาม แต่เดี่ยวนี้มันหักพังซอมซ่อเริ่มผุพัง วันนี้นักสืบจอห์น คาเบร์รา และเพื่อนร่วมงาน เดินทางมาหาโดโรเธียเพื่อไถ่ถามหาตัวอัลวาโร เบิร์ด มอนโทย่า ผู้เช่าโรคความจำเสื่อม ตามที่เจ้าหน้าสังเคราะหืซึ่งดูแลเขาแจ้งความไว้ ทั้งหมดปรากฏตัวที่รั้วเหล็กหน้าบ้านแสดงตัวและแจ้งความประสงค์แก่โดโรเธีย เมื่อเข้าไปในบ้าน สภาพในบ้านไม่แตกต่างจากบ้านพักคนชราทั่ว ๆ ไป แม้บ้านดูยุ่งเหบิง เต็มไปด้วยเข้าของกระจัดกระจาย แต่เมื่อออกไปสวนข้างหลัง จึงพบว่าที่นั้นผิดสังเกต ตรงมุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ พื้นดินเหมือนเพิ่งถูกขุดคุ้ยไม่นานมานี้ เสมือนฝังอะไรสักอย่าง พวกเขาสังหรณ์ใจไม่ดี จึงกลับไปที่รถคว้าพลั่วกับเสียมที่ติดมาด้วยเพื่อเริ่มต้นขุด เพียงไม่กี่นาที พวกเขาได้พบอะไรบางอย่าง มันดูเหมือนเศษผ้าและเศษเนื้อ!??... และเมื่อพยายามขุดลงไปอีก ก็พบอะไรบางสิ่งมันดูคล้ายกับรากไม้ คาเบร์ราเอาพลั่วตีและพยายามสับ แต่มันแข็งเกินจะทำให้ละเอียดได้ เขาเลยตัดสินใจลงไปในหลุมเพื่อดึงมันออก "ผมพยายามดึงมันเต็มแรงจนมันหลุด แต่พอผมขึ้นมาดู พระเจ้าช่วย...! นี้มันกระดูกมนุษย์นี้น่า ผมตกใจมากรีบกระโจนขึ้นมาจากหลุมเชียวละครับ"

◄ สวนศพ 

เสียงเอะอะของตำรวจจากสวนหลังบ้าน ทำให้โดโรเธียเดินเข้ามา พอคาเบร์ราบอกว่าพบชิ้นส่วนศพมนุษย์ เธอถึงกับช็อก ยกมือทั้งสองข้างปิดแก้มในท่าไม่น่าเชื่อ...... นักสืบหยุดขุด และตัดสินใจกันว่าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้พร้อมกับเครื่องมือที่ดีกว่า รุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์ ที่บ้านพักคนชราถูกรายล้อมด้วยฝูงคน มีทีมนิติเวซ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจ และรวมถึงพนักงานของรัฐต่างมากันพร้อมหน้า พร้อมกับเครื่องมือหนักรถขุดบุลโดเซอร์และซะแลงกว่า 20 คน สำหรับขุดแซะ และแล้วการขุดก็เริ่มขึ้นทุกส่วนของบ้าน บ้านถูกงัดแงะ สิ่งปลูกสร้างถูกรื้อถอน ผนังถูกทุบลงกองบนพื้น ศพแรกที่ขุดได้เมื่อวานก็ปรากฏออกมาเป็นหญิงร่างเล็กผมสีเทา แต่ไม่สามารถระบุได้เพราะร่างนั้นเหลือแต่โครงกระดูก บรรดานักข่าวและคนมากมายต่างออกันอยู่ข้างรั้วเหล็กของบ้าน เด็กบางคนถึงกับปีนต้นไม้ขึ้นมาดู และในขณะที่คณะขุดหากำจังขุดเจาะนั้นเอง โดโรเธีย พูเอนเต้ ในชุดโอเวอร์โค๊ตสีแดงและรองเท้าสีม่วงถือร่มสีชมพูราวกับดาราหนังก็ปรากฏออกมาต่อหน้านักสืบคาเบร์รา "ฉันจะถูกจับหรือยัง", "ยังหรอกครับคุณนาย", "ถ้างั้นฉันขอไปจิบกาแฟที่โรงแรมคลาเรียนหน่อยนะ" หล่อนว่า โรงแรมคลาเรียนอยู่ห่างจากบ้านหลังนี้ไม่ไกลมากนัก โดโรเธียเดินจากไปโดยมีนักข่าวและคนมุงตามไปด้วย แต่เพียงสองถึงสามนาทีพวกนั้นก็กลับมาเพราะสนใจสิ่งที่ขุดในสวนมากกว่า คล้อยหลังโดโรเธียไม่นาน เจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานอย่างว่องไวที่สุด ก็พบศพรายแล้วรายเล่า บ้างก็ถูกฝังอยู่ใต้แผ่นคอนกรีต บ้างก็ฝังอยู่ใต้แท่นตั้งกระถางต้นไม้ จำนวนศพมากจนน่าประหลาดใจสำหรับสวนหลังบ้านของหญิงชรา และศพเหล่านี้เป็นไปได้ว่าไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ แต่น่าจะถูกการฆาตกรรมมากกว่า แต่สิ่งที่พวกเขานึกขึ้นมาอีกอย่างตอนนี้คือเจ้าของบ้านคือนางโดโรเธียไม่กลับมาแล้ว เธอหายไปไหน? ในขณะที่ตำรวจมัววุ่นอยู่กับการขุดศพ โดโรเธียถือโอกาสนี้เรียกแท็กซี่ไปสถานีขนส่ง นั่งรถเกรย์เฮานด์ไปยังลอสแองเจลิส หลังจากนั้นอีกหลายชั่วโมงตำรวจเพิ่งไหวตัว หมายจับเพิ่งออกมาเมื่อเธอระเหยเป็นไอไปแล้ว! นักข่าวรุมถามนายกรัฐมนตรีว่า ท่านทำงานช้าเกินไปหรือเปล่า? ประมาณเกินไปหรือเปล่า? และแน่นอนตำรวจถูกตำหนิอย่างรุนแรงที่ปล่อยหญิงชราหลุดมือไปได้ อย่างน้อยน่าจะมีใครสักคนประกบติดตัวไปด้วย วัวหายล้อมคอกจริง ๆ




◄ ศพ 7 ศพ

ในที่สุด การขุดค้นส่วนหลังบ้านของโดโรเธีย พูเอนเต้ก็เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้ศพ 7 ศพ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้เช่าบ้านพักของโดโรเธียทั้งสิ้น และศพที่พบในท้ายสวนทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพเน่า หลายศพอวัยวะภายในยุ่ยจนรวมเป็นก้อนเนื้อเดียว โดยทั้ง 7 ศพ ได้ถูกระบุชื่อ ดังนี้คือ 

- อัลวาโร "เบิร์ด" มอนโทย่า ชายชราอายุ 51 โรคความจำเสื่อม ชอบส่งเสียงภาษาสเปนคนเดียวกับตัวเอง เขาเรียกพูเอนเต้ว่า "มาม่า" ศพของเขาถูกค้นพบใต้ต้นแอพริคอตปลูกใหม่ด้านข้างสวน

- โดโรธี มิลเลอร์ วัย 64 ชาวอเมริกันอินเดียนที่มีปัญหาเรื่องดื่ม ชอบพร่ำกลอนอกหัก ศพถูกพบในท่าที่แขนพันติดไว้กับอกด้วยเทปพันท่อประปา ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นเธอ เธอนั่งอยู่ที่พักผ่อนสูบบุหรี่อย่างสบายใจที่เก้าอี้หน้าบ้าน

- เบนจามิน ฟิงค์ วัย 55 เป็นโรคติดเหล้า ศพแต่งตัวด้วยกางเกงบ็อกเซอร์สั้นลายทาง เขาหายตัวไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 1988

- เบ็ตตี้ พาล์มเมอร์ วัย 78 ศพถูกพบ โดยมีส่วนหัว มือ และขาท่อนล่างของศพหายไป พบแต่ลำตัวในชุดนอนแขนกุดสีขาว พบที่ใต้รูปปั้นเซนต์ฟรานซิส เดอ แอสสิสิ ซึ่งอยู่ห่างจากทางเดินหน้าบ้านเพียงสองสามฟุต

- ลีโอ คาร์เพนเตอร์ วัย 78 เธออาศัยอยู่บ้านพักของโดโรเธียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1987 เธอนอนทรมานอยู่บนโซฟาอยู่นานหลายสัปดาห์ก่อนจะหายตัวไป ศพของเธอถูกฝังใกล้รั้วด้านหลังและก็เป็นเจ้าของกระดูกที่นักสืบจอห์น คาเบรราเข้าใจผิดว่าเป็นรากไม้

- เจมส์ แกลลอป วัย 62 เธออุตสาห์รอดชีวิตจากอาการหัวใจวายและการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง แต่สุดท้ายเธอไม่รอดเงื้อมมือของโดโรเธีย

- วีร่า เฟย์ มาร์ติน วัย 64 นาฬิกาของเธอยังเดินอย่างเที่ยงต้นในขณะที่เธอไม่มีชีวิตอยู่ในโลกอีกต่อไปแล้ว

และนี้คือที่มาของกลิ่นเน่าสุดเหม็นที่ชาวชุมชนถนนเอฟต่างสงสัย และแล้วต้องมาศพทั้งหมดเหล่านี้ ได้ถูกส่งไปให้เจ้าหน้าที่เทคนิคเขียนระบุหลักฐานต่างๆ ในห้องเก็บศพ เจ้าหน้าที่ถึงกับอาเจียนเมื่อเห็นสภาพและกลิ่นสุดเหม็นยากจะบรรยายเหล่านี้

"รู้สึกเหมือนตัวฉันไม่เคยสะอาด.............."

"ที่แย่ที่สุดคือ ฉันยังรู้สึกถึงรสชาติแห่งความตาย"

"และที่แย่กว่านี้คือฉันกินผักที่ปลูกกับดินไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงศพที่ขุดค้นพบที่สวนหลังบ้านของโดโรเธีย มันแย่จริง ๆ ฉันเป็นพวกมังสวิรัติเสียด้วย"



◄ หญิงหม้าย
ในขณะที่การขุดศพในซาคราเมนโตยังดำเนินต่อไป อีกมุมหนึ่งของอเมริกา ชาร์ลส์ วิลลีกส์ วัย 67 อดีตช่างไม้กำลังนั่งคุยกับหญิงสูงวัยท่าทางสุภาพในบาร์เล็กๆ เขารู้สึกตงิดๆ ในหัวใจ เธอดูเป็นมิตรและมีระดับ แต่มีอะไรบางอย่างรบกวนความคิด เหมือนเขาเห็นเธอที่ไหน เธอบอกว่ามาจากซานฟรานซิสโก เป็นหญิงหม้าย สามีเพิ่งตายเมื่อเดือนที่แล้ว และถูกแท็กซี่ชิงกระเป๋าเดินทางจนหมด และตอนนี้เธออยากซ่อมรองเท้าส้นสูงสีม่วงคู่สวยของเธอ 

"ฉันไม่รู้ทางไปลอสแองเจลิส คุณช่วยแนะนำร้านซ่อมร้องเท้าราคาไม่แพงได้ไหม เอาใกล้ ๆ โรงแรมโรยัลไวกิ้ง บนถนนหมายเลข 3 นะคะ ฉันพักอยู่ที่นั้น
ชาร์ลส์ วิลลีกส์ฟังเรื่องชักสงสาร เลยเอารองเท้าเธอไปซ่อมให้ที่แผลตรงข้าม พอเขาเอารองเท้าไปคืน ผู้หญิงคนนั้นก็รุกถามว่า 

"คุณคงได้รับเงินตอบแทนสังคมของรัฐสม่ำเสมอ มากพอสมควรเลยสิค่ะ"

"ครับ ก็พอประทังชีวิตได้แบบกระเบียดกระเสียร ประสาคนตัวคนเดียวแหละครับ"เขาถ่อมตัว

"ทำไมเราไม่ลองอยู่ด้วยกัน" เธอว่า

"ผมมีทุกอย่างที่ผมอยากได้แล้วครับ" ชาร์ลส์ วิลลีกส์ว่า

เขาหยุดเงียบไปอีกนานแล้วเริ่มเปลี่ยนบทสนทนา จากนั้นเขาก็รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน และตกลงที่จะออกไปซื้อของวันรุ่งขึ้น สิ่งเดียวที่วิลลีกส์เก็บเงียบไม่แสดงออกคือความสงสัยว่า ทำไมหญิงแปลกหน้าคนนี้ถึงทำท่าสนิทสนมคุ้นเคยกับเขาง่ายเหลือเกิน และความแปลกใจนี้ทำให้เขาครุ่นคิดไม่เลิกจนกระทั้งเขาถึงอพาตเมนต์จึงนึกออกว่า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกับในข่าวทีวี เธอเป็นคนเดียวกันกับทางการที่ประกาศจับ วิลลีกส์เสียวสันหลังวาบ เขารีบโทรไปหาสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเพื่อแจ้งเรื่อง และก็แจ้งตำรวจลอสแองเจลิสทันที "ผมนึกขอบใจตัวเองจริง ๆ ที่ไม่ไต่สะพานที่เธอทอดให้" วิลก์ว่า


◄ การจับกุม
วันที่ 17 พฤศจิกายน 1977 สี่ทุ่มสี่สิบนาที รถตำรวจหกคันกระจายล้อมรอบโรงแรมรอยัลไวกิ้ง จ่าตำรวจพอล ฟอนรอเพื่อนตำรวจร่วมงานเข้าประจำตำแหน่งครบแล้วจึงเคาะประตูห้องพัก

"ใครคะ?"

"ตำรวจ....กรุณาเปิดประตู"

ประตูเปิดออกช้า ๆ หญิงผมขาวออกมามอง เธออยู่ในชุดสีชมพู จ่าพอลแสดงบัตรประจำตัว เธอรับไปดูอย่างสงบ แล้วจึงเชิญเขาเข้าไปในห้อง

"ผมขอดูบัตรประจำตัวหรือใบขับขี่หรือบัตรประกันสังคมได้ไหมครับ"

หญิงชราไม่มีสะทกสะท้าน เธอเดินช้า ๆ ไปที่เตียง เปิดกระเป๋าโดยไม่พูดอะไร ส่งบัตรให้ตำรวจ หลังจากเห็นชื่อในบัตรแล้ว จ่าตำรวจพอล ฟอนลักซอว์จึงพูดอย่างเป็นทางการว่า "คุณโดโรเธียคุณถูกจับกุม ทราบสิทธิตามกฎหมายของคุณหรือเปล่า" โดโรเธียยังไม่สะทกสะท้านและไม่แสดงท่าทีขัดขืนใจ เธอเพียงหยิบเสื้อคลุมสีแดง และเดินตามตำรวจออกไปเงียบ ๆ หลังจากนั้นเธอถูกสวมกุญแจมือ ก่อนที่ถูกส่งไปยังท่าอากาศยานเบอร์แบงก์เพื่อส่งกลับไปที่ซาคราเมนโต "ฉันไม่ได้ฆ่าใครสักคน" เธอพูดหนักแน่นกับตำรวจ "ฉันแค่เอาเช็คของพวกเขาขึ้นเงินสด คุณรู้ไหม ฉันเป็นคนดี เป็นคนดีแค่ไหน ฉันคือแม่พระของคนยากไร้ และสังคมจะตัดสินฉัน ไม่ใช้พวกคุณ" เธอกล่าว

◄ แม่พระ
31 มีนาคม 1989 ศาลเมืองซาคราเมนโต้ "ดิฉันไม่เคยฆ่าใครหรอกค่ะ" โดโรเธีย พูเอนเต้ ในชุดสีฟ้าและสร้อยไข่มุก ยืนยันหนักแน่นกลางศาล เธอผู้นี้ได้รับฉายาจากนักข่าวว่า "แม่พระนักฆ่าแห่งซาคราเมนโต"

การพิจารณาคดีของโดโรเธียได้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของซานคราเมนโต้ว่าเป็นคดีที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุด เพราะหญิงคนนี้ครั้งหนึ่งสังคมได้ยกย่องว่า เป็นแม่พระของคนยาก เธออุทิศชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อคนในวัยเดียวกับเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บ้านพักคนชราบนถนนเอฟถือกำเนิดขึ้นและดำเนินอยู่ได้ด้วยความอุตสาหะ เป็นที่น่าชื่นชมขององค์การกุศลและองค์การประกันสังคม คนชราในบ้านพักทั้งหมดคือคนเสพยา ติดสุรา ไร้ถิ่นฐาน สภาพจิตทรุดโทรม คนที่แม้แต่สังคมรังเกียจแต่สำหรับโดโรเธียไม่เคยปฎิเสธคนเหล่านั้น 
บ้านพักคนชราและผู้ด้อยโอกาสทางสังคม เลขที่ 1426 ถนนเอฟ เคยเป็นบ้านส่วนตัวของริคาโด ออโดริก้า ชาวเม็กซิกันอพยพ ต่อมาโดโรเธียได้เจรจาขอเชาเดือนละ 600 เหรียญ ริคาโดก็ยอมย้ายลูกเมียออกจากบ้านไปเช่าบ้านหลังใหม่เพราะเห็นน้ำใจประเสริฐของเธอ โดโรเธียวิ่งติดต่อขอใบอนุญาตจากราชการ ต้อนรับคนชราทุกประเภท ทุกเชื้อชาติ เพราะเธอพูดได้หลายภาษา เธอเก็บเงินค่าใช้จ่ายน้อยนิดโดยหักจากเงินประกันสังคมที่พวกเขาได้รับจากรัฐบาล เธอเป็นประชาชนตัวอย่าง เป็นผู้ปิดทองหลังพระ และเป็นนักบุญ ทนายแก้ต่างตั้งคำถามที่ทำให้ลูกขุนนิ่งงันว่า
"คนดีที่หายากแบบนี้หรือ คือคนที่ท่านกำลังตัดสินเป็นฆาตกร?" 

"เป็นที่รู้กันดีว่า โดโรธี มิลเลอร์ เบนจามิน ฟิงค์ และลีโอ คาร์เพนเตอร์ สามในเจ็ดของผู้เสียชีวิตในบ้านพักคนชราเป็นคนมีปัญหาทางจิต สุขสภาพเสื่อมโทรมเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง เป็นไปได้ไหมว่า ศพทั้ง 7 ที่ขุดพบอาจเป็นศพที่ตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ และไม่ว่าผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์จะเป็นอย่างไร ท่านขณะลูกขุนจะกรุณาต่อจำเลยที่ประกอบคุณความงามความดี โดยปล่อยให้โดโรเธีย ได้ใช้ชีวิตในปั้นปลายที่เหลือเพียงเล็กน้อย ในที่ซึ่งปราศจากการคุมขัง เพื่อเป็นการทดแทนความดีของเธอที่ได้กระทำต่อสังคม.........." 
แท้จริงแล้วโดโรเธีย มีความเป็นมาอย่างไร? เธอคือแม่พระหรือซาตาน?

ทำไมโดโรเธีย หญิงผมขาวที่พูดจาอ่อนหวานจึงเปนฆาตกรใจเหี้ยม ถ้าเธอโหดร้ายจึง ทำไมจึงเลือกอาชีพนักสังคมสังเคราะห์ แต่ถ้าเป็นแม่พระ ทำไมจึงพบศพอย่างน้อยเจ็ดศพที่ฝังทั้งในและนอกบ้านพักคนชรา เลขที่ 1426 ถนนเอฟ เรามาลองรู้จักประวัติของโดโรเธียดีกว่าว่า สิ่งใดที่เป็นตัวหล่อหลอมความโหดเหี้ยมให้เธอเป็นแม่พระนักฆ่า

◄ กำเนิดแม่พระ
โดโรเธีย แม่พระถือกำเนิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 1929 ในเมืองเรดส์แลนด์ ซานเบอร์นาดิโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย์ เธอมีชื่อจริงคือ โดโรเธีย เฮเลน เกรย์ พ่อชื่อ เจสซี เกรย์ แม่ชื่อ ทรูดี้ มีอาชีพเกษตรกร รับจ้างเก็บฝ้าย ทั้งคู่เป็นพวกขี้เมาหยำเป ฐานะในครอบครัวจึงอยู่ในสภาพแย่ ดังนั้น สิ่งแรกที่โดโรเธียจำความได้ตอน 3 ขวบ คือการสาละวนกับการอาเจียนของบิดามารดา และเก็บผลไม้เอาเงินเป็นค่าขนมของตนเอง น่าสงสารที่ชีวิตในวัยเด็กของโดโรเธีย เธอต้องประสบเคราะห์กรรมไม่น้อย เริ่มจากพ่อเป็นวัณโรคตายเมื่อเธออายุ 8 ขวบ อีกปีต่อมาแม่ก็ตายด้วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซต์ ทำให้พี่น้องตระกูลเกรย์ถูกแยกไปเลี้ยงตามที่ต่าง ๆ ส่วนโดโรเธียเป็นลูกหนึ่งในเจ็ดที่ถูกนำมาเลี้ยงในสถานเด็กกำพร้า และถูกญาติไปอุปการะในเมืองเฟรสโน แคลิฟอร์เนีย โดยภายหลังเธอได้สร้างเรื่องวัยเยาว์ขึ้นมาใหม่ โดยใช้จินตนาการ เช่น เป็นลูกในสิบแปดคนของครอบครัวเม็กซิกันที่อบอุ่น

ตามบันทึกสำมะโนครัวพบว่าโดโรเธียนั้นย้ายบ้านเป็นว่าเล่นมาก โดยครั้งแรกอยู่ที่เมืองปานา เมื่ออายุ 13 เป็นนักเรียนลอสแองเจลิส เมื่ออายุ 16 ย้ายไปอยู่โอลิมปีย วอชิงตัน ทำงานเป็นพนักงานเขย่ามิลค์เชคในร้านไอศกรีมระหว่างฤดูร้อนปี 1945

โดโรเธียแต่งงานมาแล้วสี่ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี สามีชื่อ เฟรด แม็คฟอล เป็นนายทหารที่พึ่งกลับจากฟิลิปปินส์เขาพบกับโดโรเธียในช่วงที่เธอทำอาชีพขายตัว โดโรเธียได้แต่งงานกับแม็คฟอลหลังพบกันสองสามเดือน และหลังจากแต่งไม่นานเธอก็ออกฤทธิ์อาจเป็นเพราะความยากจนในวัยเด็ก โดโรเธียจึงนิสัยเสีย คืออยากมีชีวิตที่สุขสบาย เธอชอบแต่งตัวด้วยเครื่องประดับราคาแพงเพื่อให้ดูยั่วยวน แต่ที่แย่กว่านั้นคือเธอเป็นคนขี้โกหกจนเข้าสายเลือด ชอบแต่งเดิมอดีตตัวเองเพื่อที่จะมีหน้ามีตาในสังคม เช่นโม้ว่า เคยอยู่โหดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โม้ว่าเป็นน้องสาวของทูตสวีเดน หรือบางทีก็โม้ว่าเป็นเพื่อนกับดาราภาพยนตร์ชื่อดังสมัยนั้น

โดโรเธียมีลูกกับแม็คฟอลสองคน แต่ชีวิตคู่สมรสเริ่มล่มจม เพราะเขาจับได้ว่าโดโรเธียตั้งครรภ์ปริศนาหลังจากหนีไปลอสแองเจลิสหลังคลอดบุตรคนที่สอง แต่เธอทำแท้งเอาเด็กออกก่อน แม็คฟอลรับไม่ได้ เขาขอหย่าหลังแต่งงานแค่ 2 ปี จนเครียดต้องหันไปพึ่งเหล้า จนในที่สุดแม็คฟอลก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ

ปี 1942 โดโรเธียแต่งงานอีกครั้งกับแอ็กแซล โจแฮนสัน ชาวร่างยักษ์ ชาวสวีเดน พ่อค้าเดินทะเล นิสัยหยาบคาย ความสัมพันธ์คู่สมรสนี้แปลกประหลาดและรุนแรง แต่สามารถครองรักยาวนานถึง 40 ปี

◄ เงิน เงิน เงิน
ปี 1948 โดโรเธียอายุ 19 จึงเป็นแม่ม่าย ขณะที่วัยเพียงแค่นี้ เธอจำเป็นต้องมีเงินดำรงชีพ ด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอดสอนให้เธอฝึกวิธีการปลอมแปลกเช็คของสามีหรือจากคนรู้จักมาขึ้นเงิน และนี้คือผลงานครั้งแรกบนแฟ้มอาชญากร เธอถูกตำรวจจับอย่างรวดเร็ว ต้องติดคุกถึงสี่ปี แต่เอาเข้าจริงเธอติดคุกแค่ 1 ปีเท่านั้นและเธอได้รับการภาคทัณฑ์หลังจำคุกแค่ 6 เดือน แต่เธอก็เดินทางเข้าเมืองอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายเพราะเธอคิดว่ากฎหมายเอาผิดเธอไม่ได้ การได้เงินง่าย ๆ จากการอ่อยเหยื่อทำให้โดโรเธียเคยตัวจนหยุดไม่อยู่ 

ปี 1960 โดโรเธียต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 90 วันที่เรือนจำกลางเมืองซาคราเมนโตในข้อหาเป็นโสเภณี ตำรวจพบเธอในซ่อง แต่เธออ้างว่าไปเยี่ยมเพื่อนเท่านั้น ศาลไม่เชื่อ ชีวิตในคุกไม่ได้ทำให้โดโรเธียเดือดร้อนสักนิด เธอใช้เวลาหมดไปกับการอ่านตำราในสวน การโม้ชีวิตเฟ้อฝันแก่เพื่อนร่วมคุกจนหลายคนหมั่นไส้ เธอโดนเจ้าถิ่นทำร้าย แทงด้วยกรรไกร จนแยกขังเดี่ยว ต่อมาเมื่อโดโรเธียพ้นโทษ เธอก็ต้องโทษจำคุกอีก 90 วัน เนื่องจากตำรวจพบว่าเธอเดินเร่ขายตัวอยู่ โดยที่แอ็กแซล โจแฮนสัน ยังเป็นสามีอยู่นั้น มิให้ความสนใจในพฤติกรรมของภรรยา เพราะเขามักไม่อยู่ติดกับบ้าน นาน ๆ จะกลับบ้านสักครั้งและทุกครั้งที่กลับมาก็พบชายอื่นอยู่กับเมียเขา หลายเดือนก่อนออกจากคุก โดโรเธีย ได้วางแผนไว้ในหัวว่าเมื่อพ้นโทษ เธอจะทำกิจกรรมสถานเลี้ยงดูคนชราสำหรับคนด้วยโอกาสในสังคม และนี่คือชีวิตคุกครั้งแรกและแน่นอนมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ปี 1966 โดโรเธียหย่ากับแอ็กแซล โจแฮนสัน และแต่งงานกับโรเบิร์ด โฮเซ่ พูเอนเต้ ที่เม็กซิโก ในปีเดียวกันนั้นเอง เธอรักโรเบิร์ด กว่าสามีทุกคนที่ผ่านมา แต่มีปัญหาโรเบิร์ดอายุอ่อนกว่าโดโรเธีย 19 ปี

ช่วงนั้นเองโดโรเธียอ้วนมาก ไม่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวได้ แต่เธอพยายามทำดีที่สุดเพื่อดึงสามีไว้กับตัว เธอพยายามปกปิดร่างกายด้วยผ้าพรางตา จนดูคล้ายกับดารานักแสดง เธอมีท่าทางดั่งนางเอกหนัง จนคนข้าง ๆ ต้องหันไปมอง และแล้วความสัมพันธ์ของเธอกับคนรักหนุ่มละตินโรเบิร์ตสิ้นสุดลงเมื่อเธอชกหน้าเขา ชายหนุ่มหนีออกจากบ้าน ขับรถปอนเตียมอนติคาร์โลคันใหม่ของเธอหายไป และไม่กลับมาอีกเลย และในปีต่อมาธุรกิจบ้านพักฟื้นของเธอเริ่มทำให้เธอมีหนี้ถึง 10,000 เหรียญ

ปี 1976 โดโรเธีย ย้ายเข้าไปบริหารหอพักที่ถนน 21 และถนนเอฟซาคราเมนโต้ ปี 1976 และแต่งงานใหม่คนเช่าคนหนึ่ง นามว่า เปโดร แองเจล มอนทาลโว ที่รีโน รัฐเนวาดา เปโดรเป็นชายร่างใหญ่ ดื่มเหล้าเหมือนอูฐดื่มน้ำ แต่เธอไม่รังเกียจเพราะชีวิตเธอเคยชินกับพวกขี้เหล้า ปี 1978 โดโรเธียต้องโทษคดีโกงเช็ค 34 ใบจากผู้เช่า เธอถูกทัณฑ์บน 5 ปี แถมคำสั่งให้รักษากับจิตแพทย์ เธอเคยบอกกับเพื่อนในคุกว่า "นี่คือวิธีหาเงินได้ง่ายที่สุด!" 1 ปีที่ออกจากคุก โดโรเธียตั้งท้องและคลอดลูกสาว แต่เธอกำจัดลูกสาวไปอย่างรวดเร็วโดยยกให้เป็นบุตรบุญธรรมคนอื่น เธอไม่อาลัยอาวรณ์ลูกตัวเองสักนิด ต่อมาโดโรเธียก็แยกทางกับเปโดรอีกครั้งหนึ่ง แต่ในเวลานั้นเธอขึ้นเป็นเจ้าของและผู้บริหารงานแต่เพียงผู้เดียว เงินสดทั้งจากกองทุน คนชราที่เข้ามาอาศัย และผู้ศรัทธาเริ่มเข้ามาหาที่เธอไม่เว้นแต่ละวัน แต่โดโรเธียต้องการเงินมากกว่านั้น!



#ต่อตอนที่ 2 (จบ)















Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 20 ตุลาคม 2558 13:54:38 น. 0 comments
Counter : 2137 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.