4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
เอ็ดกีน (Ed Gein) ปอบแห่งเพลนฟิลด์ (ตอนที่ 3 จบ)



ในขณะที่ทำการตรวจสอบบ้านของเขา เอ็ด กีน ยังคงรออย่างเงียบ ๆ ในเรือนจำ ท่ามกลางการอารักขาของตำรวจ จนกระทั่งวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน นายอำเภอได้กลับมาที่เกิดเหตุและเริ่มสอบสวนเขาอย่างต่อเนื่องนาน 12 ชั่วโมง แต่เอ็ด กีนยังคงเงียบไม่พูดแม้แต่คำเดียว ต่อมารายงานการชันสูตรศพของนางเบอร์นิซก็มาถึง โดยยืนยันว่าเธอเสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืน .22 แต่เอ็ดก็ยังคงเงียบ จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นของวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน เขาก็ให้การสารภาพว่าเขาเป็นคนสังหารนางเบอร์นิซ โดยเขาบอกว่าได้ลากศพเธอหลังจากฆ่าที่ร้านขายของมาที่รถตู้และเอาไปไว้ป่าบริเวณใกล้เคียง ก่อนจะขับรถกลับมาเมืองอีกครั้งและกลับมารับศพอีกทีเพื่อนำไปไว้ในฟาร์ม และจัดการชำแหละร่างและแขวนศพ ต่อมาเอ็ดกีนให้การอีกว่า ตอนกลางคืนเขาจะเดินทางไปสุสานหลายแห่งเพื่อขุดศพที่ตายใหม่ ๆ เอากลับบ้าน เขาจำไม่ได้ว่ามีกี่ศพ และยังยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าเจ้าของชิ้นส่วนเหล่านั้น อีกทั้งไม่มีเพศสัมพันธ์ใด ๆ กับศพ และปฏิเสธว่าไม่ได้กินเนื้อศพ เอ็ดกีน ไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้าเสียใจหรือความรู้สึกใด ๆ ในขณะถูกสอบปากคำทั้งสิ้น เขาให้การเกี่ยวกับการฆาตกรรมเหล่านั้นรวมถึงการลักลอบขุดศพจากสุสานด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น


วันต่อมาข่าวของ เอ็ด กีน ก็แพร่กระจายไปทั่วชิคาโก เอ็ด กีน ปรากฏตัวในศาลในข้อหาปล้นเงินที่ร้านค้าของนางเบอร์นิซ สำหรับคดีฆาตกรรมนั้นทางศาลเลื่อนไปก่อนจนกว่าหลักฐานทางนิติเวชจะส่งมาถึง จากการสอบสวน เอ็ด กีนนั้นเขาค่อนข้างพูดจาวกวนสับสน และเอาแต่เงียบ ก่อนที่เวลาต่อมาเขาสารภาพว่าเป็นคนลงมือสังหารมารี โฮแกน หลายสื่อได้ตั้งฉายาให้เขาว่า “นักชำแหละแห่งเพลนเฟิลด์” กับพฤติกรรมและการก่ออาชญากรรมของเขา ซึ่งชาวเมืองเพลนเฟิล์นไม่รู้เลยว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีสัตว์ประหลาดน่ากลัวอาศัยอยู่ร่วมกับพวกเขา

วันที่ 27 พฤศจิกายน เอ็ด กีน นำตำรวจไปยังสถานที่ไม่ไกลจากฟาร์มของเขา ซึ่งสถานที่ตรงนี้มีหลายคนเห็น เอ็ด กีนหลายครั้ง แต่คิดเพียงว่าเขานำขยะไปฝังในหลุม และเมื่อขุดดูก็พบโครงกระดูที่มีพันเลี่ยมทองซึ่งเชื่อว่าเป็นของผู้ชายร่างใหญ่ ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นของนายเรย์ เบอเกตส์ เกษตรกรท้องถิ่นที่หายไปในปี 1952 พร้อมกับเพื่อนในขณะล่าสัตว์ เอ็ดกีนถูกทดสอบทางจิตวิทยาโดยจิตแพทย์ด้วยวิธีเดิม ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาถูกจับเข้าเครื่องจับเท็จซึ่งเขายังคงยืนยันว่าเขาฆ่าเพียงนางมารีและนางเบอร์นิซเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า “ทั้งสองไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี” ส่วนชิ้นส่วนศพต่าง ๆ ในบ้านเขาขโมยจากสุสาน ที่น่าสนใจคือจากการทดสอบไอคิวเขามีไอคิวสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ย แม้เขาจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร เน้นใช้แต่คำง่าย ๆ ทำให้ได้ข้อสรุปที่ว่าเขามีสภาวะทางจิตที่บกพร่อง จิตแพทย์ระบุว่าเขาเป็นโรคจิตเภท หรือ Schizophrenia มีบุคลิกภาพที่แปลกแยกและมีความวิปริตทางเพศ ทำให้บางครั้งมีพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลและไม่รู้สึกสำนึกผิด

วันที่ 18 ธันวาคม แพทย์ได้ทำการตรวจสอบสภาพจิตของเอ็ด กีน ก่อนที่จะสรุปว่าเอ็ด กีนเป็นบ้าไม่สามารถขึ้นศาลตามปกติได้ สมควรได้รับการบำบัดทางจิต ในที่สุดศาลก็ออกมานั่งบัลลังก์ตัดสินให้ส่งตัวเอ็ดกีนไปรับการบำบัดในโรงพยาบาลโรคจิตที่เซ็นทรัล สเตท ฮอสปิตัล ในวาอูปัน วิสคอนซิน แบบไม่มีกำหนด เอ็ด กีนในตอนนั้นได้รับฟังแบบไม่ยินดียินร้าย เคี้ยวหมากฝรั่ง ไม่รู้สึกสำนึกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น แน่นอนว่าประชาชนในเมือง ได้ทราบข่าวผลการตัดสินของเอ็ด กีน ต่างไม่พอใจกันทั่วหน้า และยิ่งโมโหหนักขึ้นเมื่อมีการทราบข่าวอีกว่าที่ดิน บ้าน และทรัพย์สินของเอ็ดกีนได้ถูกนำไปประมูลขายและผลปรากฏว่าผู้คนต่างแห่กันมาเข้าชมกันอย่างล้นหลาม โดยรายการสำคัญในรายการก็มี รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องดนตรี ซึ่งเป็นที่สนใจของนักสะสมของแปลก แต่ชาวเมืองเพลนฟิลด์ไม่ชอบมากนักกับข่าวดังกล่าว เพราะนั่นทำให้เมืองของพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ยิ่งทราบเรื่องที่ว่าบริษัทฯ ผู้รับทำหน้าที่เปิดการประมูลทำการเก็บค่าเข้าชมข้าวของและบ้านของเอ็ดกีน หัวละ 50 เซ็นต์ ทำเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ยิ่งทำให้หลาย ๆ ฝ่ายไม่พอใจ ต่อมาเช้ามืดวันที่ 20 มีนาคม ปี ค.ศ.1958 มีคนจุดไฟเผาบ้านของเอ็ดกีน บ้านมรณะนั้นกลายเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือซาก ซึ่งเมื่อทางโรงพยาบาลโรคจิตแจ้งข่าวบ้านถูกไฟไหม้แก่เอ็ด กีน ดูเหมือนเขาไม่ยินดียินร้ายกับข่าวนี้มากนัก ส่วนสมบัติที่เหลือหลังจากบ้านถูกเผา และถูกนำไปประมูลได้แก่ รถฟอร์ดซีดาน ที่เป็นพาหนะขนศพ ถูกนำไปประมูลได้ราคา 760 ดอลลาร์ และมันถูกนำไปตั้งแสดงในงานประจำปีท้องถิ่นเก็บเงินค่าเข้าชมคนละ 25 เซ็นต์ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากชาวเมืองเพลนฟิลด์

ชีวิตเอ็ด กีนในโรงพยาบาลบ้านั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ป่วยอาการทางจิต ไม่ใช่นักโทษ เขายังคงมีสิทธิที่จะทำโน่นทำนี่หลายอย่างเป็นต้นว่า อ่านหนังสือ ทำงานฝีมือ ขัดหิน ถักพรม ชอบติดตามข่าวสารทางวิทยุ จนนางพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลเขาเอ่ยปากชมว่าเขาเป็นคนไข้ที่ดีเยี่ยม

ในเดือนกุมภาพันธ์ 1974 เอ็ด กีนทำเรื่องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเขายื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปล่อยตัวเขา เขาบอกว่าตอนนี้เขาหายดีแล้ว หลังจากพักรักษาตัวนาน 16 ปี หลังจากเขาร้องขอก็มีการตรวจสอบทางจิตวิทยา ระหว่างนั้นเขาได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถึงเหตุผลที่ปล่อยตัวเขาว่า เขาอยากออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อเห็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่ทำการตรวจสอบก็ได้เบิกความและต่างลงความเห็นว่าผู้สูงอายุโรคจิตคนนี้ไม่สมควรได้รับการปล่อยตัว ด้วยเหตุผลว่าอาการทางจิตของเขาไม่หายขาด และอาจสามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อเอ็ด กีนได้ยินคำตัดสิน เขาเงียบสงบ และดูเหมือนเสียดายเล็กน้อย อีกทั้งปฏิเสธการถูกสัมภาษณ์โดยนักข่าว

ปี 1978 เอ็ดกีนถูกย้ายไปที่สถาบันสุขภาพจิตเมนโดตา ซึ่งเอ็ด กีนไม่รู้เลยว่า ตอนนี้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงขั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของฆาตกรหลายคนที่อยากจะเป็นเหมือนกับเขาไปเสียแล้ว


วันที่ 26 กรกฏาคม 1984 เอ็ดกีนถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งเขาทุกข์ทรมานแสนสาหัส รอความตายอย่างช้า ๆ บนเตียงในโรงพยาบาลบ้า ศพของเขาถูกนำไปฝังอย่างเงียบ ๆ ไร้ญาติขาดมิตร เคียงข้างศพของนางออกกัสต้ามารดาผู้เป็นที่รักของเขา อย่างไรก็ตามแม้เขาจะตายไปแล้วแต่ก็ยังไม่สงบนัก เพราะป้ายหลุมศพของเขาถูกบุกรุกอยู่เนื่อง ๆ เพราะถือว่าเป็นของมีค่าสำหรับนักสะสม ก่อนที่มันจะถูกขโมยไปในปี 2000 และถูกพบในซีแอตเทิลในปี 2001 ปัจจุบันมันตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ เอ็ด กีนได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของฆาตกรทั้งในชีวิตจริงและโลกแห่งความจริง โดยภาพยนตร์ที่ดัดแปลงเรื่องราวชีวิตของเอ็ด กีนก็มีภาพยนต์เรื่อง Phycho (1960), Deranged (1974), In the Light of the Moon (2000)} Ed Gein (2001) และ Ed Gein: The Butcher of Plainfield (2007)......


Cr. CAMMY // Writer.Dek-D.com








Create Date : 18 กรกฎาคม 2558
Last Update : 22 กันยายน 2560 15:15:57 น. 0 comments
Counter : 1120 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.