4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
โคลิน สแต็กก์ : คุณเอาผิดกับผมไม่ได้หรอก

ดีที่นำมาให้อ่านนี้เป็นคดีฆาตกรรมปริศนา (?) มีเหยื่อถูกฆ่าคนเดียวคือ ราเชล นิคเกลล์ แม่บ้านสาวสวย เธอถูกฆ่าต่อหน้าลูกน้อย และคดีนี้เรารู้ตัวฆาตกร (หรือผู้ต้องสงสัย) เพียงคนเดียวชื่อ "นายโคลิน สแต็กก์ ที่มีทั้งพยาน และหลักฐานที่บ่งบอกว่าเขาเป็นคนทำ อีกทั้งยังพลั้งปากหลุดออกมาเป็นนัยว่าตัวเองนี้แหละที่เป็นคนฆ่าเธออีก แต่ก็เอาผิดไม่ได้ เพราะทนายเขาเก่ง มาอ่านเลยค่ะว่าตำรวจผิดพลาดตรงจุดไหนที่ปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลอยู่ได้โดยที่ไม่ได้รับผลกรรมใด ๆ



◘ โศกนาฏกรรม

15 กรกฎาคม 1992 โศกนาฏกรรมของราเชล นิคเกลล์ ซ็อกคนอังกฤษทั้งประเทศ เธอเป็นผู้หญิงแสนสวย แต่ถูกฆาตกรรมอย่างสุดแสนหฤโหด โดนข่มขืนอย่างป่าเถื่อน กลางแสงแดดเจิดจ้าในสวนสาธารณะต่อหน้าลูกน้อยอายุแค่ 3 ขวบ อเล็กซ์ หนูน้อยที่น่าสงสารคือพยานคนเดียวที่เห็นหน้าฆาตกรคนนั้น การสืบคดีของเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นการหักเหลี่ยมของตำรวจและคนร้ายโดยแท้ เพราะนี้เป็นศักดิ์ศรีของตำรวจอังกฤษ กับคดีที่ได้รับความสนใจจากคนทั้งประเทศ แต่ผลสุดท้ายตำรวจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!



◘ ราเชล นิคเกลล์ 
ราเชล นิคเกลล์ เกิดปี ค.ศ. 1968 ในหมู่บ้านโทเธน ใกล้โคลเชสเตอร์ เธอมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดี มีความสุข พ่อเป็นอดีตนายทหารที่ทำกิจการถุงเท้า รองเท้า ส่งขายออกนอกประเทศที่ประสบผลสำเร็จ ราเชลจึงมีบ้านหลังใหญ่ อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแสนสุข ราเชลเป็นเด็กฉลาด เรียนเก่งมาก เธอเป็นดาวเด่นในโรงเรียนโคลเชสเตอร์ ไฮสคูล ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน นอกจากนั้นเธอยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ และนักเต้นรำ จนใคร ๆ ต้องอิจฉา ราเชลเป็นเด็กสาวสวยมาก ผมบลอนด์ สูง ใบหน้าสวยราวกับเทพธิดา กิริยามารยาทน่ารัก เป็นที่ดึงดูดใจจนมีคนชวนไปเป็นนางแบบ ทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมยังมีจิตใจดีงามอีก เพราะเธออุทิศตนเพื่อชุมชนของเธอเอง คอยดูแลคนชราในหมู่บ้าน โดยเฉพาะวันคริสต์มาสเธอมักพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมและให้ของขวัญแก่ผู้สูงอายุหัวใจโดดเดี่ยวเหล่านี้ พอจบไฮสคูล ราเชลก็เข้ามาลอนดอนทำปริญญาสาขาประวัติศาสตร์และภาษาอังฤษโดยไม่ง้อเงินของพ่อ เธอพอใจที่จะหาเงินมาเป็นทุนการศึกษาด้วยตนเอง โดยรับงานเป็นนางแบบ กันยายน 1988 ราเชลอาสาสมัครไปเป็นไลฟ์การ์ดในค่ายฤดูร้อนของมหาวิทยาลัยในริชมอนด์ เธอพบรักกับอองเดร ฮานสโคมเบ้ โค้ชเทนนิสมืออาชีพ มีอาชีพเสริมคือเป็นเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารในลอนดอน ไม่นานเธอก็ตั้งครรภ์ จึงย้ายมาอยู่ที่แฟลตของเขาในบัลฮัมตามอัตภาพ สิงหาคม 1989 อเล็กซ์ ลูกของราเชลถือกำเนิด ราเชลคิดอยากเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเปิด และด้วยระบบการศึกษานี้ ทำให้เธอมีเวลาเลี้ยงลูกได้อย่างเต็มที่ เวลาว่าง ๆ ที่สามีออกไปทำงาน เธอมักพาหนูน้อยอเล็กซ์และมอลลี่ สุนขตัวโปรดไปเดินเล่นกันในสวนสาธารณะเป็นประจำ นับเป็นกิจกรรมที่เธอทำประจำต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ที่จริงทูททิ่งคอมมอนกับแคลปแฮม คอมมอน เป็นสวนสาธารณะที่ไม่อยู่ไกลจากแฟลตของเธอเท่าไหร่ แต่ราเชลรำคาญกับพวกปาก หอย ปาก ปู ทำชีกออยู่เสมอ เธอเลยขับรถวอลโว่พาลูกกับหมาไปเดินเล่นที่อื่นดีกว่า จนในที่สุดเธอหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะวิมเบิลดัน แม้ไกลไปหน่อย แต่กว้างใหญ่กว่า สะอาด และปลอดภัย อีกทั้งคนที่มาเดินเล่นสวนสาธารณะนั้นส่วนให้เป็นชนชั้นกลาง แต่............เธอคิดผิด

◘ เกิดเหตุฆาตกรรม
ช่วงเวลาเช้าของวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 1992 ราเชล นิคเกลล์ ขับรถพาอเล็กซ์กับเจ้ามอลลี่ไปวิมเบิลดันดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา หลังจอดรถไว้บริเวณ วินด์มิลล์ คาร์พาร์ค ราเชลก็จูงอเล็กซ์เดินเตาะแตะไป โดยมีเจ้ามอลลี่เดินตามมาติด ๆ ทั้งหมดเดินตัดสวนสาธารณะไปยังอีกฝั่งด้านหนึ่ง

เวลานั้นเป็นเวลา 10.20 (จากคำให้การของพยานที่เห็นราเชลมีชีวิตอยู่คนสุดท้าย) ราเชล, อเล็กซ์ และมอลลี่ ทั้งหมดเดินตัดสนามมุ่งตรงเข้าสู่แนวร่มครึ้มของพุ่มไม้ใบหนาซึ่งบดบังสายตาผู้คน แล้วทันใดนั้น ฆาตกรก็จู่โจมในบัดดล! เรื่องเกิดขึ้นรวดเร็วมาก มันใช้ท่อนแขนตวัดรัดคอหญิงสาว มืออีกข้างหนึ่งถือมีดเล่มยาวใหญ่คมกริบ มันไม่พูดพร่ำทำเพลง แทงเธอที่หน้าอกสองครั้งซ้อน ราเชลเจ็บปวดแสนสาหัส มือเธอไขว่คว้า อเล็กซ์ตกใจสุดขีด แกผวาเขากอดแม่ด้วยสัญชาตญาณ ในขณะที่ฆาตกรกระชากตัวแกออกจากแม่ที่เลือดกำลังไหลออกจากตัว มันเหวี่ยงเด็กน้อยจนกระเด็นไปฟุบอีกทาง จนแก้มเด็กมีรอยข่วน และรอยฟกช้ำ ฆาตกรไม่สนใจเด็ก มันขยับมือจัดการกับราเชล จิกหัวแล้วปาดคอเพื่อตัดสายเสียงไม่ให้เธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ราเชลยังไม่ตาย เธอตาเหลือกลาน สำลักเลือด หลอดลมขาดเลือดพุ่งเป็นสาย ฆาตกรยังใช้มีดแทงเธอครั้งแล้วครั้งเล่า คมมีดแทงผ่านเนื้อกระดูก ทุกแผลมันแทงจนสุดมีด นับได้ประมาณ 49 ครั้ง มันแทงสุดด้ามจริง ๆ เพราะมีรอยด้ามมีดบนเนื้อของเธอด้วยหลังจากที่เธอตาย ฆาตกรแทงจนเหนื่อย มันไม่สนใจว่าเธอตายหรือยัง มันจำเธอนอนคว่ำ กระชากกางเกงยีนส์ของเธอลง แล้วจัดการข่มขืนเธอทางทวารหนักอย่างรุนแรง เสร็จแล้ว...มันก็เดินจากไป อเล็กซ์ยังอยู่ที่นั้น แกไม่ได้หนีไปไหน ตัวแกสั่นระริกด้วยความกลัว เด็กน้อยสะอื้นฮึกฮัก คลานหาแม่ผู้บังเกิดเกล้า!



◘ เมื่อมีผู้พบศพ ◘
ในเวลานั้นเอง ไมเคิล เมอร์เรย์ สถาปนิกวัยเกษียณที่ชอบจูงหมามาเดินเล่นเป็นกิจวัตร เขามองลอดพุ่มไม้ เห็นผู้หญิงนอนอยู่ ทีแรกเขานึกว่าเธอคงหลบมาอาบแดด แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ไมเคิลถึงกับขนลุกกับภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้า เธออยู่ในสภาพที่กางเกงยีนส์และกางเกงชั้นในถูกรูดมาอยู่ใต้เข่า นอนกึ่งหงายกึ่งตะแคง แม้เห็นไม่ชัดแต่เขาก็รู้ว่าเธอคงถูกทำร้ายสาหัสทั้งช่วงบนและล่าง ยิ่งกว่านั้นที่น่าเวทนายิ่งกว่า ข้างกายของเธอมีเด็กเล็ก ๆ นั่งตัวสั่นด้วยแรงสะอื้น แกพร่ำเรียกแม่ให้ตื่น พลางเอามือเล็ก ๆ ของแกพยายามป้ายเลือดออกจากตัวแม่ ไมเคิลช็อคกับภาพที่เห็น แต่เขาก็ยังมีสติ รีบจูงตัวเด็กออกจากศพของแม่ เขาปลอบแกอย่างอ่อนโยน เลือดโชกตัวเด็กไปทั้งตัว หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ก็เข้ามามุงดู ไมเคิลฝากเด็กไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้น แล้วรีบเดินไปแจ้งตำรวจม้าซึ่งอยู่อีกทางด้านหนึ่ง (ที่อังกฤษเขามีตำรวจม้า) แล้วเรื่องก็ขยายมาถึงหน่วยสอบสวนชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

◘ ชันสูตรศพ ◘
ทันทีที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเข้ามาในที่เกิดเหตุ ก็จัดการถ่ายรูปทุกมุมในสวนสาธารณะอย่างละเอียด มีทั้งบันทึกวีดีโอสถานที่รอบ ๆ รวมถึงใบหน้าของประชาชนที่ยืนมุง หลังจากนั้นก็ชันสูตรศพราเชล ผู้ตรวจเป็นถึง ด๊อกเตอร์ ชื่อ ดร.ริชาร์ด เชฟเพิร์ด แห่งกายส์ ฮอสพิเทิล ณ กรุงลอนดอน 

เขาสำรวจบาดแผลแล้วรู้สึกสงสารราเชลอย่างจับใจ แขนสองข้างของเธอยกขึ้นปิดใบหน้า อุณหภูมิศพวัดได้ 76 องศาฟาเรนไฮต์ ยังอุ่นอยู่ ยังไม่เกิดการแข็งตัว ช่องรูทวารของเธอถ่างขยายออกกว้างเหมือนมีอะไรยัดเข้าไปภายใน ที่น่าประหลาดคือมันไม่มีร่องรอยฉีกขาด ไม่มีเลือด! หลังจากตรวจเบื้องต้นแล้ว ศพของราเชลถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลเซนต์ จอร์จ ใกล้ทู้ทติ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจรอยแผลที่ถูกแทง วัดความลึกกว้างและมุม ตรวจทุกอย่างจนถึงกระดูกและอวัยวะภายในเลยทีเดียว ของเหลวทุกอย่างถูกเก็บไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งบาดแผล 49 แผล รอยเลือดในช่องทวารและช่องคลอด สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปเป็นหลักฐานมัดตัวฆาตกรได้ และแล้วตำรวจก็พบสิ่งแปลกปลอมที่ติดมากับเสื้อผ้าของราเชล มันเป็นเส้นใยที่คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกร ตำรวจเก็บตัวอย่างไว้เป็นหลักฐาน

แต่เหลือเชื่อจริง ๆ ฆาตกรไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย แม้แต่เศษผง ถ้ามันไม่ระวังอย่างสุด ๆ ล่ะก็ มันก็ต้องโชคดีสุด ๆ ไม่มีการพบ DNA ไม่มีรอยนิ้วมือสักนิดบนศพราเชล ดร.เชฟเพิร์ดสรุปว่าสาเหตุการตายของเธอเกิดจากการถูกแทงรวม 49 แผล ทุกแผลล้วนฉกรรจ์ทั้งสิ้น มีดของฆาตกรที่ใช้มีความคมมาก ยาว 9 นิ้ว มันแทงเธอโดยใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 2 นาที มันกระหน่ำรัวเร็วเหมือนจักรเย็บผ้า ทะลุ หัวใจ ตับ ปอด จนพรุนอย่างสุดสยอง "มันโหด และรวดเร็วจริง ๆ" หลังการตายของราเชล อเล็กซ์สะเทือนใจขนาดหนัก สภาพจิตใจเข้าสู่สภาวะวิกฤติ กลายเป็นคนใบ้ ไม่เอ่ยปากออกเสียงสักอึกรวมถึงไม่ร้องไห้ ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อสังคมภายนอก ชอบเก็บตัวเงียบ ๆ แต่ยังดีที่พ่อแกยังเอาใจใส่ปลอบประโลมและคอยเป็นกำลังใจอยู่ตลอดเวลา นักจิตบำบัดและนักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญหาหนทางช่วยให้อเล็กซ์กลับเป็นปกติ เขาแนะนำให้อเล็กซ์กลับไปที่เกิดเหตุ ฟังดูอาจเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวด แต่พวกเขาบอกว่าการที่พาอเล็กซ์ไปที่นั่น ยิ่งบ่อยจิตใจแกก็จะฟื้นเร็วขึ้น ภาพความทรงที่เลวร้ายของแม่แกก็จะหายไป ส่วนตำรวจก็ตั้งความหวังว่า บางทีเด็กน้อยคนนั้นอาจมีความจำที่เป็นประโยชน์ ที่สื่อให้ตำรวจตามจับฆาตกรที่ฆ่าแม่ของแกได้ ฝ่ายบิดามารดาของราเชลนั้น วันที่ลูกสาวถูกฆ่าพอดีทั้งสองไปเที่ยวแคนาดา กว่าที่ตำรวจจะติดต่อเพื่อแจ้งข่าวก็ปาไป 4 วันเต็ม พอทราบข่าวมีหรือทั้งสองจะไม่อกแตกตาย

ตำรวจปิดสวนสาธารณะวิมเบิลดันเพื่อหาหลักฐาน พวกเขาพบแค่มีด 3 เล่ม แต่ผลพิสูจน์ปรากฏแล้วว่า ทั้งสามเล่มไม่ใช่อาวุธสังหาร 16 กรกฎาคม ตำรวจทำการปล่อยผู้ต้องสงสัยทั้งหมด ไม่มีใครถูกตั้งข้อหาสักคน และแล้วเมื่อคดีไม่คืบหน้า สื่อมวลชนก็เริ่มติดตามทำข่าว จนคดีนี้โด่งดังไปทั่วประเทศ 3 สิงหาคม ศพของราเชลถูกฝังที่โบสถ์เซนต์ แอนดรูด์ ในแอมพ์ฮิลล์ เบดเฟริดเชียร์ ใกล้บ้านบิดามารดาของเธอ

ตำรวจทุกนายในสถานีวิมเบิลดัน ตอนนี้อยู่ในช่วงสภาวะตึงเครียดพวกเขาสะเทือนใจต่อการตายของราเชลอย่างมาก และยินดีที่จะอุทิศตนเพื่อเธอ โดยใช้พลังกายพลังความคิด จับคนผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว โดยไม่ขอรับค่าล่วงเวลาเลย บางคนอยู่คนละแผนกก็ยังมาช่วยสืบคดีก็มี แต่จ
นแล้วจนรอดก็ไม่เจอฆาตกรเสียที ผู้ต้องสงสัยรายแล้วรายเล่าถูกจับมาไต่สวน แต่จนแล้วจนรอดเมื่อสืบสวนดูแล้วก็พบว่าทุกรายประวัติสะอาดหมดจดจนต้องถูกปล่อยตัวไป 1 เดือนหลังจากการฆาตกรรมราเชล โรงพักวิมเบิลดันได้รับโทรศัพท์กว่า 2,500 สาย จากพลเมืองดีบ้างไม่ดีบ้างที่พยายามช่วยเหลือโดยการโทรมาแจ้งเบาะแส

วันที่ 17 กันยายน สถานีโทรทัศน์บีบีซี ออกรายการร่วมด้วยช่วยกัน จำลองฉากการฆาตกรรมราเชลอีกครั้ง และตบท้ายรายการผู้จัดก็ให้เบอร์ติดต่อโทรศัพท์โดยตรงของสถานีตำรวจวิมเบิลดัน ปรากฏว่าหลังจากรายการจบไปไม่นาน สถานีตำรวจเสียงโทรศัพท์ดังไม่ขาดสาย และแล้วตำรวจก็ได้ยินชื่อชายคนหนึ่ง.....โคลิน สแต๊กก์



โคลิน สแต๊กก์ อาศัยอยู่ในแฟลตอัลตัน เอสเตทในโรแฮมพ์ตัน เขาชอบไปสิงสู่ในสวนสาธารณะวิมเบิลดันเป็นประจำ จนผู้ไปที่นั้นต่างคุ้นหน้าคุ้นตาดี โคลิน สแต๊กซ์ เป็นลูกในจำนวน 5 คนของชนชั้นแรงงาน เติบโตในย่านอัลตัน ตั้งแต่เล็ก ๆ ชีวิตโคลินช่างเลวร้ายสิ้นดี เขาตกเป็นเหยื่อของอันธพาล แม่ก็ทิ้งลูกไปหาสามีใหม่ จนต้องอยู่กับวิคผู้เป็นบิดาและถึงแก่กรรมไปในปี ค.ศ. 1986 พี่ ๆ น้อง ๆ ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง โคลินไม่มีงานทำจนต้องขอเงินสวัสดิการ มีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากการส่งหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่พอยาไส้ ที่สำคัญเขาอายุ 29 ยังโสดสนิท

วันรุ่งขึ้นหลังรายการ ไคร์ม วอท์ช ออกอากาศไปแล้ว ตำรวจก็ไปที่พักของโคลิน สิ่งแรกที่ตำรวจเห็นคือป้ายติดประตูหน้าบ้าน มันเขียนไว้ว่า "พวกคริสเตียนออกไปไกล ๆ ที่นี่เป็นที่อยู่ของพวกเดียรถีย์" โคลินเห็นหน้าตำรวจเท่านั้นแหละ ถึงกับงงพูดไม่ออก พอได้สติก็บอกว่าผมไม่ได้ฆ่าราเชลนะจะบอกให้ ผมไม่รู้จักราเชล ผมเห็นเธอยิ้มให้ผมเมื่อ 2-3 วันก่อน โคลินหน้าเหมือนผู้ต้องสงสัยในหนังสือพิมพ์เปี๊ยบ! ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตำรวจดึงแขนเขาให้ไปโรงพักด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย (ภายหลังโคลิน สแต๊กก์ ออกหนังสือ "ใครคือผู้ร้ายตัวจริงที่ฆ่าราเชล?" เขายอมรับว่าปากพาจน เขาไม่น่าพูดออกมาเลย พอดีคนยิ้มให้เขาน่ะไม่ใช่ราเชล เพราะราเชลเพิ่งไปเดินเล่นกับลูกที่วิมเบิลดัน เมื่อปี 1992 เอง) หลังจากตำรวจรวบตัวโคลินมาสอบสวนนั้น มีพยานหลายคน ทยอยกันมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับโคลิน เช่น นางซูซาน เกล เพื่อนบ้านของโคลินให้การว่าเห็นเขาใส่เชิ๊ตสีขาวและกางเกงยีนต์ มีถุงดำ ๆ คาดไว้บนเอว ตรงกับภาพคนร้ายวันนั้นเปี๊ยบ โดยที่เขากำลังมุ่งหน้าไปสวนสาธารณะ เอาล่ะสิก็ในเมื่อโคลินให้การว่า วันที่เกิดเหตุนั้นเขาอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน?

แพ็ต ฮีแมน คนขายเนื้อให้การว่า กำลังทำงานในร้านตอนที่เฮลิคอปเตอร์บินวนแผดเสียงอยู่ ตอนนั้นรู้สึกจะเป็นเวลา 11.30 โคลินก็ถลันเปิดประตูร้านเข้ามา ท่าทางตื่นเต้น ใจสั่น เขาบอกว่าตื่นนอนเพราะได้ยินเสียงเอะอะไปหมด "รู้มั้ยมีศพผู้หญิงถูกฆ่าเละในสวนสาธารณะข้า
งบ้านเรานี้แหละ" จากข้อมูลตำรวจพบว่า เฮลิคอปเตอร์ไปถึงที่เกิดเหตุในเวลา 11.14 น.โคลินบอกว่าเขาตื่นนอนเพราะเสียงใบพัด หมายความว่าเขาเพิ่งตื่นนอนในเวลาระหว่าง 11.40-11.20 น. แล้วเขาไปรู้ข่าวมาจากไหนล่ะว่ามีศพอยู่ในสวนสาธารณะยาร์ดแนซ พาเทล เวลา 11.45 เขาอยู่ป้อมขายหนังสือพิมพ์ โคลินเดินมาซื้อซ็อกโกแลตหนึ่งแท่ง ขณะที่ซื้อแล้วรอเงินทอนนั้น เขาเล่าว่ามีผู้หญิงสวยมากถูกฆ่าตายในสวนวิมเบิลดัน น่าสังสัยอีก ก็เรื่องมันพึ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ข่าวยังไม่กระจายออกไป เพราะในที่เกิดเหตุมีพยานไม่กี่คน สื่อมวลชนก็ยังไม่ทราบ อีกทั้งตำรวจก็ได้แจ้งผิด ว่าศพที่สวนสาธารณะเป็นหญิงชรา แต่โคลินไปรู้รายละเอียดได้ไงว่าสาวและสวย

ลิเลียน เดวิด หญิงชรา เพื่อนบ้านของโคลิน ก็ให้การว่าเช้าวันนั้น เขามาหาเธอพูดถึงหญิงสาวแสนสวยที่มาเดินเล่นกับลูกชาย จูงหมามาด้วย เธอถูกแทงยับ แล้วบอกว่าตนเองคลาดกับฆาตกรแค่สิบนาทีเอง ลิเลียนจำได้ว่า วันนั้นโคลินเพิ่งอาบน้ำสระผมมาหยก ๆ ด้วย อีกทั้งยังมีคนแถวนี้พูดว่ามีคนบาดเจ็บในสวนสาธารณะ ไม่มีใครรู้ว่ามีใครตายที่นั้น แล้วโคลินทำไมรู้รายละเอียดขนาดนั้นได้อย่างไร "ทำไมนายถึงรู้เร็วขนาดนั้น สงสัยจะฆ่าเองมั้ง" เธอลองแซวโคลินดู "เปล่า!" โคลินตอบแบบเครียด

ขณะที่ตำรวจกำลังค้นบ้าน อีกส่วนหนึ่งได้นำตัวโคลินไปที่สถานีตำรวจวิมเบิลดัน นักสืบทำการสอบสวนนายคนนี้ โดยมีทนายความ พร้อมมีการบันทึกเทปไว้เป็นหลักฐาน เมื่อนักสืบเริ่มทำการบันทึกคำสอบสวน โคลินก็ให้การว่าวันนั้นเขาทำอะไรไปบ้าง 06.00 น. เขาตื่นตอนเช้า แต่งตัว ออกจากบ้าน 06.30 น. ไปส่งหนังสือพิมพ์จากนั้นก็กลับเข้าบ้านประมาณแปดโมงเช้า ออกไปกับแบรนดี้อาสาสมัครยามดูแลสวนเพื่อเดินตรวจในสวนสาธารณะวิมเบิลดัน 

ขณะที่เดินตรวจ โคลินปวดหัวไมเกรนอย่างรุนแรง จนต้องกลับบ้าน ทิ้งให้เบรนดี้ครวจตราลำพัง 09.15 น. โคลินถึงบ้าน เปิดทีวีดูเกมโชว์ จำไม่ได้ว่าชื่อรายการอะไร (ภายหลังเขาบอกว่ารายการ ลัคกี้ แลดเดอร์ ซึ่งไม่ใช่ เพราะจากการตรวจสอบปรากฏว่ารายการนั้นไม่ได้ฉายวันน
ั้นเลย) การพักผ่อนนอนหลับของโคลินถูกรบกวนจากเสียงของเฮลิคอปเตอร์ เขาตื่นแล้วออกไปข้างนอก เจอตำรวจนายหนึ่ง และตำรวจคนนี้แหละที่บอกเรื่องพบศพผู้หญิงสาวสวยในสวนสาธารณะให้ฟัง เธอมากับลูกเล็ก ๆ กับหมา เมื่อตำรวจถามสิ่งต่าง ๆ ในห้องของเขา พบว่ามีเครื่องมือ แท่งบูชาต่าง ๆ มันเป็นของพ่อมดหมอผี อันนี้โคลินยอมรับว่าเขาเป็นสาวกลัทธิแม่มด แต่ก็แก้ตัวว่า คำสอนลัทธินี้ให้เชื่อในผลกรรม ไม่ให้ฆ่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ลัทธิแม่มดน่ะไม่ใช้ลัทธิซาตาน! ส่วนมีดในห้อง เป็นของเขาจริง แต่ไม่ได้เอาไว้ฆ่าหรือทำร้ายใคร แต่ชอบถือมันเข้าไปในสวนเท่านั้น นอกจากนี้เขาบอกว่าไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ตามที่คุณป้าลิเลียน เดวิด บอก เขาอาบน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เท่านั้นเองนะ คือวันพฤหัสบดี กับวันอาทิตย์ คำถามของตำรวจทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเครียดขึ้น...แต่ใช้คำถามเดิมนั้นแหละ โคลินต้องตอบคำถามเดิม ๆ 6 ครั้ง ติดต่อกัน โคลินก็พูดแบบเดิมทุกครั้ง "ผมไม่ได้ฆ่าราเชล"

และแล้วพนักงานสอบสวนก็ให้โคลินดูรูปศพของราเชล รูปใหญ่ สีสวยสด สยองมาก ครั้งนี้โคลิน พลั้งปากออกมาหน่อยหนึ่งแต่ไม่เกี่ยวกับคดี เขาบอกว่า 10 วันก่อนเกิดเหตุ เขาไปนอนเปลือยกายอาบแดดที่สวนสาธารณะ และพอดีมีผู้หญิงจูงหมามาเห็นเข้า เขารีบเอาผ้าปิดของสงวนไม่ให้เธอเห็น งานนี้โคลินรับไปเลยหนึ่งกระทง ข้อหาอนาจาร โดนปรับ 220 ปอนด์ เมื่อจบการสอบสวนตำรวจปล่อยโคลินกลับบ้าน แต่สื่อมวลชนพุ่งความสนใจไปเขากันยกใหญ่ เพราะโคลินเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดังนี้ โคลินให้สัมภาษณ์ว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมชูสองนิ้ว ยิ้มให้ช่างภาพรัวซัตเตอร์อย่างวุ่นวาย ทว่าตำรวจยังคาใจกับนายโคลินคนนี้มาก ตำรวจปรึกษากับนักจิตวิทยาว่าจะเป็นอันตรายไหมหากให้ หนูอเล็กซ์ดูภาพของโคลิน เขาอยากรู้นี้ว่าเด็กคนนั้นจะมีปฏิกริยาอย่างไร? นักจิตวิทยาก็ไฟเขียวให้ทดลองดูเลย วิธีการก็ง่าย ๆ ตำรวจเอารูปถ่ายบุคคลมากหลายตา ทั้งมีคนที่หนูอเล็กซ์รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างมากองรวมกับรูปของโคลิน หลังจากนั้นก็พาเด็กน้อยมาดูรูป แล้วถามแกว่า "เห็นคนเลวที่ทำร้ายแม่หรือไม่" เด็กน้อยไม่สนใจรูปของโคลินเลย แต่แกบอกว่าเห็นคนเลว คนนั้นอยู่บนกองรูปถ่ายนี้แหละ! เด็กน้อยชี้ไปที่รูปของพ่อเพื่อน ชายคนนี้เป็นคนสนิทสนมกับอังเดรและราเชลมากที่เดียว เขาชื่อ "แอนดี้ อับราฮัมส์" ตำรวจเชิญแอนดี้มาสอบปากคำ ผลสรุปว่า นายคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้สักนิด เพราะขณะที่เกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ในเมืองด้วยซ้ำ


จากการวิเคราะห์ทางจิตวิทยาดูพบว่าลักษณะของโคลินกับฆาตกรที่ฆ่าราเชลเหมือนกันยังกับแกะ นักจิตวิทยากล่าวว่า ฆาตกรคดีนี้น่าจะไม่รู้จักราเชลมาก่อน เพราะถ้ามันรู้จักกันหนูอเล็กซ์คงถูกฆ่าไปแล้วเพราะเด็กนั้นรู้จักมัน หรือถ้าเป็นคนรู้จักมันต้องเลือกสถานที่ฆ่า แต่ต้องไม่ใช่สวนสาธารณะแห่งนี้แน่นอน ทางที่ดีมันต้องฆ่าในบ้านของเธอเอง หรือลวงไปฆ่าที่เปลี่ยว ที่ใดที่หนึ่งทางจากผู้คน ฆาตกรเป็นคนที่มีประพฤติกรรมไม่เหมาะสม สังคมรังเกียจ อาจป่วยทางจิต ความฉลาดอาจเหนือกว่าคนทั่ว ๆ ไป เป็นคนในพื้นที่ เป็นชายผิวขาวอายุ 20-29 ปี โดดเดี่ยว จมจ่อมในโลกจินตนาการและมีความบกพร่องทางเพศ ตรงกับของโคลินทุกประการ!

ผ่านไป 5 ปีกว่า ๆ นับตั้งแต่มีการพบศพราเชล ตำรวจหมดหนทางที่จะเอาผิดโคลินผู้ต้องสงสัยที่มีแต่พยานแต่ไม่มีหลักฐาน เพราะที่ศพราเชลและในสถานที่เกิดเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น เลือด อสุจิ น้ำลาย หรือเส้นผม ฯลฯ ไม่มีสักชิ้น แต่แล้วปี ค.ศ.1992 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ จูลี่ ไพน์ ได้ลงประกาศหาคู่ในนิตยสารแมกกาซีน จนกระทั่งเธอได้รับจดหมายตอบจากโคลินจำนวน 3 ฉบับ หนึ่งในนั้นเป็นจดหมายลามกจกเปรต บรรยายตนเองว่าเปลือยกายอาบแดดในสวนสาธารณะและมีผู้หญิงมาหาและขอร่วมจ้ำจี้ด้วย จูลี่จำแม่นทีเดียวว่านายคนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าราเชลและเขาถูกปรับฐานอนาจารด้วย เธอเลยส่งจดหมายทั้งหมดนี้ไปที่สถานีตำรวจวิมเบิลดัน หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์แก่ตำรวจได้บ้าง เมื่อตำรวจได้รับจดหมายจากจูลี่ พวกเขาจึงวางแผนล่อให้โคลินสารภาพ โดยมี“พอล บรินตัน” เป็นที่ปรึกษา (พอล บรินตัน เป็นนักจิตวิทยา ชาวอังกฤษ ประสบความสำเร็จในด้านให้คำแนะนำตำรวจหลายคดี คดีดัง ๆ ก็เช่น เฟรดและโรส แมรี เวลท์ รวมถึงให้คำแนะนำลักษณะของฆาตกรที่ฆ่าราเชล ว่าฆาตกรมีลักษณะอย่างไร)


โรเบิร์ต แนปเปอร์ (ขวา) ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรฆ่าราเชล

ปฏิบัติการเอ็ดเซลล์
แผนนี้เรียกเล่น ๆ ว่า “แผนน้ำผึ้ง” ล่อเสื้อออกจากถ้ำ ทำให้ผู้ต้องสงสัยเผลอใจ เล่าความลับออกมาจนหมดเปลือกเป็นการปรักปรำตนเองให้จนมุม ปฏิบัติการนี้เริ่มขึ้นเมื่อปลายปี 1992 โดยใช้ตำรวจหญิงที่มีประสบการณ์สูง มารับบทเป็นเพื่อนหญิงของ จูลี่ ไพนส์ โดยสมมติชื่อว่า ลิซซี่ เจมส์ สาวใจแตกที่มีเบื้องหลังฆ่าคนตาย ด้วยความหวังที่ว่าวิธีการนี้จะช่วยให้โคลินเปิดปากเล่าความผิดที่เขาก่อขึ้นบ้าง

วันที่ 19 มกราคม 1993 ลิซซี่ก็เริ่มติดต่อกับโคลินผ่านทางจดหมายอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทของ จูลี่ ไพนส์ บังเอิญอ่านจดหมายที่โคลินเขียน โคลินติดเบ็ด ลงมือเขียนจดหมายตอบอย่างรวดเร็ว และตามมาอีกหลายฉบับ แต่ละฉบับทวีความลามกจกเปรตขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนตำรวจก็รออย่างใจเย็น ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จดหมายของโคลินส่งมา มีเนื้อความที่อาจเป็นกุญแจไขความลับ

เดือนเมษายน ความสมพันธ์คืบหน้า เพราะลิซซี่กับโคลินคุยกันทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรก ระหว่างการสนทนา โคลินเริ่มแบไต๋ว่าเขานี้แหละคือฆาตกรฆ่าราเชล แต่น่าเสียดายที่ครั้งหลัง ๆ ต่อมาดันกลายเป็นเซ็กซ์โฟนเสียนี้ ตำรวจทุกนายประชุมว่าถึงเวลาแล้วที่ลิซซี่จะนัดเจอกับโคลินเสียที!

20 พฤษภาคม 1993 คนทั้งคู่พบกันครั้งแรกในไฮด์พาร์ค ลอนดอน ลิซซี่ติดเครื่องดักฟัง และเทปบันทึกอันจิ๋วเหมือนที่เรา ๆ เคยเห็นในหนังนั้นแหละ อีกทั้งมีตำรวจลับคอยดูแลอีก เพื่อให้การพบกันนี้อยู่ในสายตาตำรวจตลอดเวลา ระหว่างคุยกันอยู่นั้น โคลินพูดแต่เรื่องลามกตลอดเวลา แต่ลิซซี่ยังใจเย็นเพื่อหลอกล่อโคลินให้หลุกปากเล่าเกี่ยวกับราเชลให้จงได้ 

จนกระทั่งนัดพบลิซซี่อีกหนในวันที่ 29 มิถุนายน นี่อีกแหละที่โคลินเอ่ยปาก ว่าเขาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะวิมเบิลดันในช่วงเกิดเหตุฆาตกรรม จิตใจเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงความตายของราเชล มันช่างกระตุ้นอารมณ์เพศของเหลือเกิน ที่น่าขนลุกก็คือ เขาบรรยายลักษณะการตายของราเช
ลได้ลึกถึงรายละเอียดที่ตำรวจไม่เคยเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเลย! ก็พี่แกเล่นทำท่าทางของศพเหมือนเห็นจะ ๆ แถมถูกต้องเสียอีก แม้กระทั่งที่ว่าแขนของเธอยกปิดหน้าขณะที่เสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้เรื่องที่โคลินบอกอีกก็มีเรื่องคอหอยของราเชลที่ถูกเชือดนั้นไม่ใช่แค่หลอดเลือดที่ขาด แต่รวมไปถีงกระดูกจนคอเธอเกือบหลุดจากร่างและช่องคลอดกับช่องทวารถูกอะไรบางอย่างยัด แล้วโคลินทราบได้อย่างไร?

21 กรกฎาคม 1993 โคลินพบลิซซี่ครั้งสุดท้ายที่ไฮด์พาร์ค โคลินขอเลิกความสัมพันธ์กับลิซซี่ทั้งหมด เพราะเขาตอบสนองความต้องการของเธอไม่ไหว เลิกกันจริง ๆ นะ ทั้งจดหมาย โทรศัพท์ ตัดขาดหมดเลย

29 มิถุนายน ทีมงานคิดว่าปฏิบัติการเอ็ดเซลล์สิ้นสุดลงแล้ว เพราะหลักฐานเทปบันทึกสิ่งที่โคลินพูดน่าจะเพียงพอจะตั้งข้อหาการฆาตกรรม ราเชล นิคเกลล์ และอัยการก็เห็นด้วย

โคลินถูกจับกุมตัว ในเวลาตี 5 ของวันที่ 17 สิงหาคม 1993 เขาถูกคุมตัวไปสถานีวิมเบิลดันที่ซึ่งเขาได้รับการแจ้งข้อหาอย่างเป็นทางการ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็สอบสวนโคลิน โดยแนะนำลิซซี่ ที่ตำรวจหญิงปลอมตัวมาได้รู้จัก โคลินถึงกับตะลึงพูดไม่ออก โคลินจึงถูกส่งตัวไปฝากขังในเรือนจำ วาร์ดส์เวิร์ธ ถูกระบุว่าเป็นผู้ร้ายระดับ “เอ” อันตรายมากอาจเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายผู้อื่นที่เป็นนักโทษและผู้คุมได้ ส่วนที่บ้านตำรวจทำการค้นอย่างละเอียด ไม่ว่าพื้นห้อง หลังสวน ตำรวจเล่นค้นจนเละ แต่กลับไม่พบหลักฐานอื่นใดเลย แม้แต่ชิ้นเดียว โคลินถูกนำตัวขึ้นศาล เวลา 17 กุมภาพันธ์ 1994 ที่ศาลวิมเบิลดัน อัยการวิมเลี่ยม บอยซ์ เบิกตัวพยานให้การ จากนั้นทนายฝ่ายจำเลย จิม สเตอร์แมน ก็ซักถามเขาอีกรอบเขารายงานว่าไม่มี DNA ของผู้อื่นบนร่างหรือเสื้อผ้าของผู้ตายเลย

ส่วนลำดับขั้นโดนทำร้ายนั้น ดร.ชี้แจงว่า เธอถูกแทงที่ลำคอเป็นแผลแรก จากนั้นก็ที่อก ก่อนที่มันจะปาดคอเชือดหลอดลม แล้วลากเธอเข้าใต้ต้นไม้ แทงเธอต่อจนพรุน มันดึงยีนและกางเกงในลงพร้อมทะลวงด้วยวัตถุที่แข็ง พยานที่ว่า ก็ได้แก่ ซูซาน เกล, เจน ฮาร์ริแมน, ลิเลียน เดวิด, คริสติน เพอริเออร์ และ ทิน่า วู้ดเซลส์จากนั้นก็มีการเบิกตัว ลิซซี่ เจมส์ ผู้ต้องซ่อนใบหน้าจริงไว้ภายใต้หน้ากากเนื่องจากเธอสังกัดกับหน่วนงานลับไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ลิซซี่ ปฏิเสธว่า เธอไม่ได้หลอกล่อให้โคลินพูดในสิ่งที่ปรักปรำตัวเอง ปฏิบัติการเอ็ดเซลล์เป็นเพียงวิธีการที่ทำให้เขาพูดสิ่งที่เขากระทำจริง ๆ ขึ้นมา พยานต่อมาเป็น ดร.ริชาร์ด เชฟเพิร์ด เจ้าหน้าที่ชันสูตรกระทรวงมหาดไทยอธิบายสภาพแผลของศพรวมถึงการถ่างขยายของช่องทวารโดยวัตถุแปลกปลอม มันคืออวัยวะเพศ 5 กันยายน 1994 โคลิน สแต๊กก์ ขึ้นศาลที่โอลด์ เบย์ลี่ย์ ก่อนพิจารณาคดี ฝ่ายอัยการและทนายจำเลยได้ถกเถียงกันในเรื่องความน่าเชื่อถือของหลักฐานที่ได้จากปฏิบัติการเอ๊ดเซลล์ เพื่อตกลงให้แน่นอนว่าจะยอมรับหลักฐานนี้หรือไม่ ผู้พิพากษา ขอเวลาถึง 3 วัน เพื่ออ่านหลักฐานนั้นให้ละเอียด

8 กันยายน ศาลนัดพิจารณาคดีอีกครั้ง คราวนี้ทนายเน้นว่า ลิซซี่ ใช้กลอุบายหลอกล่อให้โคลินพูดอย่างนั้น เนื่องจากเธอจะยอมเขาทุกอย่าง ถ้าให้เขาพูดเรื่องเกี่ยวกับคดีของราเชล ทีมทนายฝ่ายโจทก์พยายามโต้แย้งว่า นี้ไม่ใช่การหลอกล่อ แต่เป็นกระบวนการที่ผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาได้วิเคราะห์ออกแบบมาอย่างระมัดระวัง ดังนั้น ลิซซี่ จึงเป็นเพียงผู้อนุญาต ยินยอมให้โคลินระบายความในใจของเขาออกมาเท่านั้น หลังจากโคลินกลับบ้าน เขาก็กลายเป็นดาวดังของสื่อมวลชน แถมออกหนังสือเรื่องของคดีราเชลอีก แถมขายดีเสียด้วย!

หลังจากนั้น เมษายน 1995 หนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ลงข่าวว่าพบมีดที่น่าจะเป็นอาวุธฆ่าราเชลที่โรงงานซ่อมรถยนต์ที่รกร้างแห่งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้พิสูจน์ว่ามันเป็นของจริง เลยเป็นหลักฐานที่ไม่มีประโยชน์อันใด บิดามารดาของราเชลยังไม่ยอมวางมือ เขาจ้างนักสืบเอกชนสืบคดีต่อไป โดยหมายมั่นว่า โคลิน สแต๊กก์ นี่แหละที่ฆ่าลูกสาวของเขา ค.ศ. 1997 มีการประกาศปิดคดีราเชลอย่างเป็นทางการในห้องพิจารณาคดีที่วิมเบิลดัน ฆาตกรก็จับไม่ได้ แถมเสียค่าใช้จ่ายในการสืบสวนอีกรวมแล้วกว่า 3 ล้านปอนด์!

ค.ศ.1995 โคลินถูกนำตัวขึ้นศาลอีก แต่ไม่ใช่คดีของราเชล แต่เป็นคดีข่มขู่ชายคนหนึ่งในสวนสาธารณะวิมเบิลดัน จนเขากลัวแทบตาย เพราะโคลินควงขวานจะสับเขา ทางด้านตำรวจก็ยังดำเนินการสืบสวนคดีของราเชลต่อไปแบบลม ๆ แล้ง ๆ จับผู้ต้องสงสัยคนโน้นคนนี้ ล่าสุดก็คือ นายโรเบิร์ต แนปเปอร์ ผู้ร้ายข่มขืนฆ่าแม่ลูก เมื่อปี 1993 แต่ก็ไม่พบว่าเขาเกี่ยวข้องกับคดีราเชลแต่อย่างใด โคลิน สแต็กก์ เสนอตัวเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ถึง 2 ครั้ง ผลคือเขาไม่ได้ฆ่าราเชลคดีนี้จึงเป็นคดีปริศนาอยู่ถึงทุกวันนี้










Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 30 กรกฎาคม 2558 15:05:06 น. 0 comments
Counter : 1053 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.