Group Blog
 
All blogs
 

ⓡⓔⓥⓘⓔⓦ Lotree SPF21 BB Primer Tinted Control Base & Lotree Aurora Shine Dream Eye Base

เย้ๆ ช่วงนี้ทยอยอัพบล็อกเก่าๆ ได้เยอะแล้วคะ แม้จะยังเหลืออีกเยอะที่ยังไม่ได้อัพก็ตาม

บล็อกนี้เป็นของ Lotree นะคะ มิถุนาใช้สองตัวนี้ของ Lotree มาสักพักแล้วค่ะ แรกๆ จะไม่ค่อยชอบ ลองไปลองมาก...เออ...มันก็ดีเหมือนกันนี่นา เลยเอามารีวิวพิสูจน์อย่างที่เห็นค่ะ

ขอเริ่มที่

Lotree SPF21 BB Primer Tinted Control Base



ปริมาณ (ซื้อหลอดเล็กมานะคะ) 16 ml
ราคาตามเว็บประมาณ 200

เป็น BB Cream หรือเบสผสมรองพื้นนั่นเอง ของ Lotree ตัวนี้มีกันแดดด้วยค่ะ

Spoiled by Mithuna...เนื้อเป็นครีมเนื้อแน่น สีอ่อน กลิ่นหอมอ่อนๆ เกลี่ยยากเล็กน้อยเนื่องจากเนื้อมันแน่น
เนื้อครีมบาง ซึม (แห้ง) ไว ปกปิดปานกลาง (แต่ปกปิดรูขุมขนได้ดีกว่ารอยสิวแห้ง) หน้าขาวเด้ง (แต่ยังไม่เด้งเท่าเวลาใช้พวกเบสเขียวที่หน้ามันจะวอกไปเลยนะคะ)

ชอบตรงเนื้อบาง กับหน้าเด้งกำลังดี ไม่อุดตัน หน้าไม่เทา แต่ปกปิดไม่มาก ถ้าเกิดช่วงไหนมีรอยสิวเยอะคงจะเอาไม่อยู่ ไม่ชอบเนื้อครีมที่เกลี่ยยากด้วย

ราคา...ถ้าเทียบกับปริมาณ ก็ไม่ถูกไม่แพงค่ะ 16 ml แอบใช้ได้นานด้วย

แนะนำสำหรับคนชอบบีบีเนื้อบาง ไม่เหนอะ ผิวหน้าไม่มีรอยดำต้องปกปิดมาก

อยากซื้อต่อไหม? อืม...ยังเฉยๆ นะคะ อาจจะเพราะไม่ชอบเนื้อของมัน แล้วคุณสมบัติของบีบีที่มิถุนาต้องการ Lotree ให้น้อยกว่าตัวอื่นที่มิถุนาเคยใช้มาค่ะ ก็เลยไม่อยากซื้อต่อเท่าไหร่

ต่อมาเป็นตัวที่กำลังชอบมากๆ

Lotree Aurora Shine Dream Eye Base



ปริมาณ 25 ml
ราคาตามเว็บประมาณ 300 กว่าๆ

เป็นอายเบส ไว้รองพื้นดวงตา เพื่อให้อายแชโดว์ติดทนขึ้นนะคะ คุณสมบัติอื่นที่อ่านจากเว็บก็มีลดรอยคล้ำให้ดวงตาด้วย

Spoiled by Mithuna...เนื้อครีมเป็นสีขาว ออกมุกๆ เนื้อครีมมี่ ไม่แข็งไม่เหลว กลิ่นหอมอ่อนๆ เวลาทาบนตาจะซึมช้า ทาแล้วตาจะดูขาวนิดๆ แต่ว่าสักพักมันก็เซ็ตตัวแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร



เปรียบเทียบแบบชัดเจนบนหลังมือฝั่งที่ทากับไม่ทานะคะ จะเห็นว่าฝั่งที่ทาเป็นสีขาวมุกๆ เลย



ใช้เพียงนิดเดียว (น่าจะราว 1 ใน 4 ของเม็ดถั่วเล็กๆ) ต่อดวงตาหนึ่งข้าง ช่วยทำให้อายแชโดว์ยึดเกาะดวงตาได้ดีขึ้นมาก และให้สีอายแชโดว์ชัดเจน

ดูจากรูปเปรียบเทียบ จะเห็นว่าฝั่งขวา อายแชโดว์จะสีอ่อนกว่าฝั่งซ้ายที่ทาอายเบส



Matte Eye Shadow เนื้อมักเป็นแบบนี้นะคะ คือทาไม่ติดผิว ไม่ว่าจะเห็นสวยสักแค่ไหนก็เป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช้อายเบสร่วมด้วยจะทาสีไม่ค่อยติดเลยค่ะ แต่กับชิมเมอร์อายแชโดว์ การทาอายเบสจะช่วยย้ำให้สีเข้มขึ้น

ความติดทนระหว่างวัน...หลังจากใช้มาหลายวัน สังเกตมาหลายครั้ง รู้สึกว่าบางวันที่ทาอายเบสตัวนี้ไม่ดี (อย่างเช่น ไม่รอให้ซึมก่อน หรือทามากไป/น้อยเกินไป) จะทำให้อายแชโดว์เป็นรอยที่เปลือกตาบ้าง แต่เพียงนิดเดียว
แต่ถ้าทาอายเบสดีๆ อายแชโดว์ก็ไม่เป็นคราบตลอดทั้งวัน

ชอบตรงที่มันเป็นสีขาวมุก ทำให้ใช้เป็นเบสได้กับอายแชโดว์ทุกสี ทำให้อายแชโดว์ติดทน ย้ำสีเข้มขึ้น ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับปริมาณที่มาก
ข้อเสียก็อย่างที่บอกไว้...ประสิทธิภาพไม่ Consistency เท่าไหร่ ต้องขึ้นอยู่กับการทา

ไม่รู้สึกว่ามันช่วยลดรอยคล้ำเท่าไหร่นะคะ อาจจะดูตาสว่างเล็กน้อย แต่ยังไงก็ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยกลบแพนด้าอยู่ดี ไม่งั้นก็เอาไม่อยู่ ตัวนี้เหมาะกับเป็นอายแชโดว์เบสอย่างเดียวมากกว่า

อยากซื้อต่อไหม? อืม...ความจริงมันก็ใช้ดีนะคะ แต่ว่าอยากลอง Too Faced Shadow Insurance ไม่ก็ Urban Decay Primer Potion มากกว่าค่ะ เลยขอตอบว่า 'อาจจะ' ซื้อต่อ

ทิ้งท้ายด้วย เคล็ดลับการทาอายแชโดว์ให้ติดทนทั้งวันและไม่เป็นคราบที่มิถุนามักทำเป็นประจำ

- อย่าลืมอายเบสค่ะ ต้องใช้เลย ไม่ว่าจะอายแชโดว์ถูกหรือแพง ถ้าขาดอายเบสก็มีสิทธิ์เลือนหายระหว่างวันได้

- ไม่มีอายเบส...ทำไงดี?
ไม่ยากค่ะ ใช้อายแชโดว์เนื้อครีมทาแทนอายเบส (บางคนแนะนำคอนซีลเลอร์ใช่ไหมคะ แต่มิถุนาไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่คอนซีลเลอร์มันยึดเกาะผิวไม่ดีเท่าอายครีมแชโดว์ แต่ถ้าอยากให้ติดทนขึ้น ควรทาคอนซีลเลอร์ซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะลงอายแชโดว์)
หรือไม่ก็ใช้อายไลเนอร์ดินสอระบายบนเปลือกตาแทนอายเบสก็ได้ค่ะ เน้นจับคู่สีอายแชโดว์เนื้อครีม/อายไลเนอร์ดินสอ ให้เป็นโทนเดียวกับอายแชโดว์ที่จะทานะคะ ไม่อย่างนั้นควรเลือกอายแชโดว์เนื้อครีมหรืออายไลเนอร์ดินสอสีขาว (หรือสีอ่อน)




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 17:42:42 น.
Counter : 5404 Pageviews.  

ⓡⓔⓥⓘⓔⓦ ละเอียดยิบ...อายไลเนอร์ดินสอที่ชื่นชอบ + Avon Glimmerstick For Eyes Eyeliner

แฮ่มๆ เอารีวิวที่ดองไว้เป็นชาติมาแปะอีกแล้วค่ะ

พอจะจำได้ไหมคะว่ามิถุนามีอายไลเนอร์ดินสอแท่งโปรดอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ

เหล่านั้น...นอกจาก Avon ที่ได้มาลองเมื่อนานมาแล้ว...คือ...


*คลิกเพื่อขยาย

มิถุนาเคยรีวิวทั้ง MAC, Revlon และ Shu Uemura มาแล้วในบล็อกนี้

ⓡⓔⓥⓘⓔⓦ อายไลเนอร์ดินสอและอายไลเนอร์น้ำยี่ห้อเจ๋งๆ + ⓗⓞⓦ ⓣⓞ NYX Hippie-chic

แต่คราวนี้เพิ่มรูปเขียนเส้นอายไลเนอร์ซ้ำๆ กันและการทดลองความติดทนแบบชั่วโมงต่อชั่วโมงมาด้วย ซึ่งดวงตาทั้งสองข้างของมิถุนาจะไม่เท่ากัน ข้างขวาเป็นตาสองชั้นธรรมดา ข้างซ้ายเป็นตาสองชั้นหลบใน ซึ่งจะทำให้ทราบประสิทธิภาพของแต่ละยี่ห้อชัดเจนขึ้น และมิถุนาจะยกข้อความจากบล็อกเดิมมาเสริมด้วยนะคะ บางข้อมูลมีแก้ไขหลังประกอบกับการทดลองและการใช้งานที่นานกว่าเดิม

นอกจากตาสองข้างของมิถุนาจะไม่เท่ากันแล้ว เปลือกตาของมิถุนาค่อนข้างมัน แต่ยังไม่มันที่สุดค่ะ

ขอเริ่มที่

MAC Powerpoint Eye Pencil สี Engraved

ปริมาณ 1.2 g
ราคา ถ้าจำไม่ผิด 650 บาท

ลองขีดเส้นดูค่ะ



เขียนครั้งแรกจะให้สีดำเข้ม แต่เส้นยังไม่ชัด พอเขียนทับไปเรื่อยๆ สียิ่งเข้มขึ้นค่ะ

มาดูการทดลองตาข้างขวา (ตาสองชั้นธรรมดา)



รูปแรกเขียนตาแรกๆ คมชัดเลยค่ะ หนึ่งชั่วโมงถัดมาเส้นก็ยังคมอยู่ แต่พอเข้าชั่วโมงที่สอง เริ่มมีเลอะตรงใกล้ๆ หัวตา และที่หางตาก็มีอายไลเนอร์ซึมนิดๆ ขอบตาล่างก็เริ่มเลอะๆ
เข้าชั่วโมงที่สี่เลอะไม่ต่างจากชั่วโมงที่สอง ชั่วโมงที่ห้าเลอะเพิ่มอีกนิดเดียวแทบไม่สังเกต แต่พอเข้าชั่วโมงที่หก ที่หางตาเลอะมากกว่าเดิม เช่นเดียวกับในชั่วโมงที่เจ็ดและแปด เลอะตามรูปเลย

ย้ายมาดูตาข้างซ้าย (ตาสองชั้นหลบใน)



พอเข้าชั่วโมงแรกก็เริ่มเลอะแล้ว ที่รอยพับเปลือกตา เห็นไหมคะ ในชั่วโมงที่สอง ตรงหางตาเริ่มมีอายไลเนอร์ซึมออกมา
เข้าชั่วโมงที่สี่ ยังไม่เลอะมากกว่าเดิมเท่าไหร่
ชั่วโมงที่ห้า ขอบตาเลอะมากกว่าเดิม ชั่วโมงที่หกหางตาเริ่มเลือน
ชั่วโมงที่หกถึงแปด อายไลเนอร์ตรงหางตาเลือนหายไป ขอบตาบนเลอะกว่าในชั่วโมงแรกเล็กน้อย

Spoil by Mithuna...ตัวดินสอเป็นแบบเหลา วัสดุที่หุ้มไส้ทำให้เวลาเหลาไส้ไม่หักไม่เหมือนดินสอไม้ทั่วไป เนื้อไส้ดินสอให้สีดำเข้ม เนื้อนิ่ม เขียนง่าย สำหรับคนที่เปลือกตามันบ้างอย่างมิถุนา อายไลเนอร์จะเริ่มเลอะมากเมื่อช่วงบ่าย หรือตามความหนักของการเผชิญหน้ากับแดดและความร้อน เวลาเลอะ มันจะไม่เลือนหายไป มันจะเลอะเป็นรอยเล็กๆ เหมือน Smudge ของสโมกกี้อายส์ ก็ไม่ถึงกับแย่มาก แต่ก็ไม่ได้ดีมาก แต่ที่ชอบก็คือมันนิ่ม ใช้เขียนอินเนอร์ไลน์ได้ไม่เจ็บตา ข้อเสียก็คือเลอะเล็กๆ ตามที่บอกไว้ดังกล่าว

จะซื้อมาใช้อีกไหม? มีโอกาสซื้อซ้ำสูงค่ะ เพราะเทียบปริมาณและราคาก็ไม่ต่างจากของ Revlon มาก แต่ล้างออกง่ายกว่า

Shu Uemura Drawing Pencil สี ME Black

ปริมาณ 1.2 g
ราคา ถ้าจำไม่ผิด เกือบ 800 บาท

ลองขีดเส้นบนหลังมือ



สีแต่ละเส้นดูสม่ำเสมอกันดีค่ะ สีอายไลเนอร์ออกเทามากกว่าดำ

แล้วมาดูการทดสอบตาข้างขวา ข้างที่เป็นตาสองชั้นธรรมดา



เส้นอายไลเนอร์ออกสีเทาดำมากกว่านะคะ ผ่านไปสามชั่วโมง ถึงได้เห็นว่าตรงหางตากับขอบตาบนมีเปื้อนเล็กน้อย แต่แทบมองไม่เห็น
ในชั่วโมงที่ 4 และ 5 ก็ไม่ต่างกันกับชั่วโมงที่ 3 เท่าไหร่
ในชั่วโมงที่หก ตรงหางตาเริ่มเลือนนิดๆ แต่เห็นไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับในชั่วโมงที่ 7 และ 8 ตรงหางตาดูเลือน แต่ไม่หายไป และไม่ซึมออกมา ขอบตาบนเปื้อนกว่าในชั่วโมงที่ 3 เพียงเล็กน้อย

จากนั้นเป็นการทดสอบตาข้างซ้าย ซึ่งเป็นตาสองชั้นหลบใน



ข้างที่หลบในนี่ ยังไงก็เริ่มเลอะในชั่วโมงแรกๆ นะคะ จะเห็นเลยว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา ขอบตาบนมันเปื้อน (เพราะตาเราพับขึ้นไปบนหนังตา) แต่ขอบตาล่างยังดีอยู่
ในชั่วโมงที่ 2 - 4 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากชั่วโมงแรก
ชั่วโมงที่ 5 ขอบตาบนเริ่มเลอะเพิ่มอีกนิด
ชั่วโมงที่ 7 ขอบตาล่างเริ่มเลอะเพิ่มตาม
ในชั่วโมงที่ 8 ขอบตาล่างดูเหมือนเมื่อชั่วโมงก่อน แต่ขอบตาบนเลอะเพิ่มเล็กน้อย สภาพยังดูดีอยู่ค่ะ

Spoil by Mithuna...ตัวดินสอเป็นแบบเหลา วัสดุที่หุ้มไส้ทำให้เวลาเหลาไส้ไม่หักไม่เหมือนดินสอไม้ทั่วไป ไส้ดินสอเวลาเขียนให้สีดำ มีกลิตเตอร์ละเอียดยิบจนแทบมองไม่เห็นแทรกอยู่ ทำให้มันเป็นสีดำที่ออกเทาเข้มมากกว่าสีดำปี๋ เนื้อออกเหนียวมากกว่า และเนื้อค่อนข้างแข็ง ทำให้อาจจะเจ็บตาเวลาเขียนอินเนอร์ไลน์ แต่ข้อดีคือ มันแพนด้าน้อยมากๆ เรียกว่าน้อยที่สุดตั้งแต่มิถุนาใช้อายไลเนอร์ดินสอยี่ห้ออื่นๆ มา เลอะช้ากว่า (อาจจะขึ้นอยู่กับอากาศข้างนอกที่เราเผชิญและความมันของใบหน้าค่ะ) เวลาเลอะ จะออกแนว Smudge เหมือนกัน แต่ไม่เยอะเท่าของ MAC และ Revlon ล้างออกยากกว่า แต่รู้สึกว่าไม่มากเท่า Revlon เพราะมันไม่ Smudge เยอะขนาด Revlon

จะซื้อมาใช้อีกไหม? แน่นอน ถ้าไม่เจอที่ดีกว่านี้ ต้องซื้อแน่ๆ

Revlon ColorStay Eyeliner สี Black

ปริมาณ 0.28 g
ราคา ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ 290 บาท

ลองขีดเส้นดูค่ะ



แม้การขีดครั้งแรกจะดูเส้นไม่ชัด แต่ให้สีดำแบบ MAC เมื่อขีดซ้ำไปเรื่อยๆ เหมือนว่ามันจะวอร์มเนื้ออายไลเนอร์ทำให้ดูครีมมี่มากกว่าเดิม เป็นอายไลเนอร์ที่เนื้อนุ่มกว่า MAC

ทดลองความติดทนแปดชั่วโมงกับตาข้างขวา ซึ่งเป็นข้างที่ตาสองชั้นธรรมดา



อายไลเนอร์ให้เส้นดำดีมาก ในชั่วโมงแรกเริ่มทำพิษแถวหัวตาเล็กน้อย (เหมือนว่าตอนลืมตามันยังไม่เซ็ตตัวดี เลยเลอะ) แต่ในแต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป มันก็เลอะแค่ที่เดิม และไม่เลอะเพิ่ม นอกจากเลือนเป็นสีเทาๆ
อายไลเนอร์แถวหางตาเริ่มซึมในชั่วโมงที่ 3 แต่มองแทบไม่ออก เริ่มสังเกตได้ชัดเจนในชั่วโมงที่ 6
จนถึงชั่วโมงที่ 7 และ 8 หางตาเลอะเพิ่มจากชั่วโมงที่ 6 นิดเดียว ยังไม่ละลายหาย ส่วนที่หัวตาที่เลอะตั้งแต่ชั่วโมงแรก มันจางๆ เป็นสีเทา และกินอายไลเนอร์แถวนั้นไปบางส่วน แต่โดยรวมนับว่าสมบูรณ์ดี

ทีนี้มาดูตาข้างซ้าย ตาหลบในที่มักเป็นปัญหา



ข้างนี้จะไม่เลอะในชั่วโมงแรกเหมือนข้างขวา ตามเหตุผลเรื่องการเซ็ตตัวที่บอกไปก่อนหน้า แต่เริ่มเลอะในชั่วโมงที่สาม แถวหัวตา เป็นรอยเล็กน้อยที่เป็นสีเทา ขอบตาล่างก็เช่นกัน เป็นสีเทา แทบสังเกตไมได้
ในชั่วโมงที่ 4 อายไลเนอร์ที่หางตาซึมออกมา ขอบตาล่างเลอะเพิ่มนิดเดียว
ชั่วโมงที่ 5 แทบไม่ต่างจากชั่วโมงที่ 4 แต่ชั่วโมงที่ 6 ขอบตาบนเลอะเพิ่มมากขึ้น ขอบตาล่างก็เช่นกัน แต่หางตายังซึมเท่าเดิม
ในชั่วโมงที่ 7 - 8 เลอะเพิ่มจากชั่วโมงที่ 6 อีกนิดหน่อย แทบไม่แตกต่าง สภาพโดยรวมยังโอเค

Spoil by Mithuna...เป็นดินสอออโต้แบบหมุนๆ แต่เวลาใช้ต้องหมุนใช้ทีละนิด เพราะไม่งั้นมันจะหมุนลงไม่ได้ เนื้อไส้ให้สีดำเข้ม คล้ายกับของ MAC มากๆ เนื้อนิ่ม บางทีนิ่มเกิน เขียนอินเนอร์แล้วจะมีเนื้ออายไลเนอร์ติดขนตาได้ ค่อนข้างติดทนกว่า MAC ตกบ่ายเจอเหงื่อเจอความมัน จะเลอะเป็น smudge แบบแพนด้าเล็กน้อย แต่ไม่ค่อยสังเกตเห็น ล้างออกยากนิดหน่อยเนื่องจากมันจะเลอะเป็นสีดำๆ เทาๆ

จะซื้อมาใช้อีกไหม? ยังไม่แน่ใจ ที่ไม่ชอบ Revlon เพราะมันล้างยาก และเวลาเขียนแห้งช้ากว่า MAC กับ Shu Uemura แต่ว่ามันดูราคาถูกดี (ไม่ได้บอกว่าถูกไปเลยนะคะ เพราะว่าแท่งนึงมัน 0.28 g ราคา 290 บาท แต่ของ MAC 1.2 g ราคา 750 บาท ตัดการเหลาไส้ของ MAC ออกก็คิดว่าราคาน่าจะพอๆ กัน) เลยอาจจะซื้อมาใช้อีก

แล้วก็ต่อด้วย

Avon Glimmerstick For Eyes Eyeliner สี Blackest Black

ตัวนี้ได้มาจากเพื่อนที่อยู่เมืองนอกนะคะ :-)) ไม่รู้เอว่อนเมืองไทยมีขายไหม

ปริมาณ 0.01 oz
ราคา 6 USD

ลองสีบนหลังมือ



สีดูดำก็จริงนะคะ แต่ไม่ดำที่สุด และสังเกตจากการขีดครั้งแรกจะเห็นว่าเนื้อดูแห้ง

ทดลองเขียนตาทิ้งไว้ทั้งวัน เริ่มต้นที่ตาข้างขวา ข้างที่เป็นตาสองชั้นธรรมดา



เส้นอายไลเนอร์นี้เขียนไม่เหมือนข้างบนนะคะ เขียนหนาที่ขอบตาบนและลงมาที่ขอบตาล่างนิดหน่อย สีดูดำดีค่ะ
ในชั่วโมงแรกและ 2 ดูสะอาดสะอ้านดีนะคะ ในชั่วโมงที่ 3 ที่หางตาเลอะนิดเดียว มองแทบไม่ออกค่ะ
แต่เข้าชั่วโมงที่ 4 ขอบตาบนตรงรอยพับเริ่มเลอะ ขอบตาล่างเลอะมากกว่าเดิมนิดหน่อย
ชั่วโมงที่ 5 - 6 ยังไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ชั่วโมงที่ 7 เลอะเพิ่มกว่าเดิมนิดเดียวค่ะ สภาพโดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์

มาดูตาข้างซ้าย ตาหลบใน



ในชั่วโมงแรกราบรื่นดีคะ่ แต่ชั่วโมงที่สอง ขอบตาบนเริ่มเลอะแล้ว
ชั่วโมงที่ 3 ยังไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ชั่วโมงที่ 4 เลอะเพิ่มกว่าเดิมนิดหน่อย ที่ขอบตาล่างเริ่มมีอายไลเนอร์ซึม แต่ยังมองไม่ค่อยเห็น
ชั่วโมงที่ 5 ขอบตาล่างตรงหางตาเลอะมากขึ้น
ชั่วโมงที่ 6 ยังเหมือนชั่วโมงที่ 5
แต่ชั่วโมงที่ 7 กลับเลอะมากกว่าเดิม ขอบตาล่างเป็นแพนด้าชัดกว่าเดิม อายไลเนอร์ตรงหางตาหายไปนิดหน่อย

Spoil by Mithuna...เป็นดินสอออโต้แบบหมุนๆ หมุนขึ้นลงได้ไม่เหมือนของ Revlon สีดินสอเป็นสีออกดำ แต่ไม่ดำปี๋ เนื้อดินสอแห้ง เกือบแห้งแบบ Shu Uemura (ทำให้มิถุนาคิดว่ามันน่าจะแพนด้าน้อยพอกับ Shu)
ค่อนข้างติดทน หลังจากเขียนอายไลเนอร์ เริ่มจะเลอะในช่วงบ่าย ออกแนว Smudge เป็นสีเทาๆ และมีบางส่วนที่เลือนหายไป (ช่วงหางตา) คาดว่าเป็นเพราะไม่ทนน้ำ

จะซื้อมาใช้อีกไหม? คงจะไม่ค่ะ อยากลองตัว Waterproof มากกว่าค่ะ ตัวนี้ไม่ Waterproof แต่ถือว่าติดทนทีเีดียว เพราะอันนี้ดูจะไม่กันน้ำ อายไลเนอร์ตรงหางตาเลยซึมออกมาอย่างที่เห็น และบางส่วนเลือนหายไป

สรุปทิ้งท้ายกับการทดสอบความติดทนแบบรวมๆ ค่ะ



รูปแรกเขียนอายไลเนอร์ทั้งหมดเป็นเส้นๆ นะคะ (งงที่ว่าในรูป Avon ดูสีดำ ทั้งที่ความจริงมันจะเทากว่านิดหน่อย)

รูปต่อมา หัวข้อที่ 1 ถูด้วยนิ้ว จะเห็นว่าของ Revlon พอมันเซ็ตตัวแล้ว ติดทนมาก ถูไปไป ตัวที่เสียหายมากสุดคือ Avon ของ Shu และ MAC แม้จะเลอะบ้าง แต่ไม่เลือนออกจากเส้นที่เขียนไว้

รูปหัวข้อที่ 2 ถูด้วยน้ำ ของ Shu กับของ Revlon ไม่เลอะเลยค่ะ ของ MAC มี Smudge บ้าง และเช่นเคย ของ Avon Smudge มากกว่ายี่ห้ออื่น

รูปหัวข้อที่ 3 เอาคัตตอนบัดจุ่มอายรีมูฟเวอร์ชุ่มโชกลากผ่าน
อันนี้ค่อนข้างสูสีนะคะ แต่ที่เห็นชัดว่าไม่ค่อยออกคือของ Shu ที่เห็นเป็นเส้นด้านใน และของ Avon ที่ Smudge แต่เส้นยังชัดเจน ของ MAC ก็ Smudge แบบ Avon แต่มัน Smudge ดำกว่า ส่วนของ Revlon เหลือเส้นตรงกลาง ส่วนที่เหลือเลอะออกมาเป็น Smudge ดำๆ

รูปหัวข้อที่ 4 เช็ดซ้ำครั้งที่ 2
ของ Shu ยังเหลือซากบ้าง Revlon ไปเกือบหมด มาตกค้างเยอะสุดของ Avon

สรุปก่อนลาจาก...

สำหรับคนเปลือกตามันและหลบในอย่างมิถุนา ยังคงคิดเหมือนเดิมนะคะว่าอายไลเนอร์ดินสอ (เช่นเดียวกับอายไลเนอร์แบบเจล/ครีม) ไม่มียี่ห้อไหนที่ไม่แพนด้าค่ะ จะแพนด้ามากน้อยก็แล้วแต่ยี่ห้อไป หลังจากได้ใช้มาหลายยี่ห้อ ตอนนี้ยี่ห้อที่พอใจที่สุดคือ Shu Uemura ค่ะ แต่ข้อเสียคือ...ตอนเขียนอินเนอร์ไลน์ มันแอบเจ็บนิดๆ เพราะมันแข็ง


วิธีลดความแพนด้าของอายไลเนอร์ดินสอของมิถุนาคือ...

- หลังเขียนอายไลเนอร์ รอให้เซ็ตตัวบนเปลือกตาสักครู่ เอาแป้งฝุ่นโปร่งแสงปัดท้บเบาๆ ระหว่างวันก็พยายามซับมันที่เปลือกตา แล้วเอาแป้งซับเบาๆ ทับ จะช่วยได้มาก

- ระบายอายแชโดว์สีเดียวกับอายไลเนอร์ทับ

- หลังเขียนอายไลเนอร์ดินสอ ใช้อายไลเนอร์แบบน้ำเขียนทับ แต่อย่าเลือกอายไลเนอร์แบบน้ำที่มันวาวนะคะ เพราะมันจะดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเส้นอายไลเนอร์ดินสอค่ะ




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 16:05:30 น.
Counter : 3780 Pageviews.  

ⓡⓔⓥⓘⓔⓦ Napoleon Auto Pilot, LM Tinted Moisturizer, CK Runway Radiance & Smashbox Artificial Light

เอารีวิวที่ดองไว้นานแล้วมาอัพอีกเช่นเคยค่ะ

ได้แซมเปิลเหล่านี้มาลองสักพักแล้วนะคะ จนบางอันใช้หมดไปแล้ว


*คลิกเพื่อขยาย

ขอเริ่มที่

Napoleon Auto Pilot
Pre-foundation Skin Primer



ปริมาณ 50 ml
ราคา 39 USD หรือประมาณ พันนิดๆ

เป็นยี่ห้อ Napoleon Perdis ของ Make-up Artist สัญชาติออสเตรเลียค่ะ เคยได้ยินชื่อมานานแล้วเหมือนกัน

เป็น Primer ช่วยให้ผิวเรียบลื่น และเครื่องสำอางติดทนค่ะ ทาหลังลงครีมบำรุง ก่อนเบส/ครีมรองพื้นค่ะ

คำโปรยด้านหลัง



มีส่วนผสมของคาโมมาย ดอกแยร์โรว์สีเหลือง และวิตามินอีบริสุทธิ์ ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง เรียบลื่น ให้ความชุ่มชื้น ทำให้เครื่องสำอางติดทนขึ้น

Spoiled by Mithuna...เป็นครีมเนื้อเหลวปานกลาง สีขุ่นๆ ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่หน้าไม่แห้งตึง

Primer ส่วนใหญ่มักทำให้เครื่องสำอางติดทนขึ้นนะคะ เจ้าตัวนี้ก็เช่นกัน เครื่องสำอางติดทนขึ้น ผิวหน้าดูเรียบลื่น หน้ามันช้าลง ซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมาก ไม่ค่อยได้เจอ Primer ที่ไม่ทำให้หน้ามัน ตัวนี้เป็นตัวแรก ผ่านไปครึ่งวัน จมูกไม่มันเลยค่ะ เรียกว่าชอบมากๆ

Laura Mercier Tinted Moisturizer SPF 20
สี Nude

หลอดจริงปริมาณ 50 ml
ราคาประมาณ 1,700 บาท



Tinted Moisturizer เป็นประมาณมอยส์เจอไรเซอร์ผสมรองพื้นนะคะ เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาแต่งหน้ามาก และผิวหน้าไม่มีปัญหาที่ต้องปกปิดเยอะค่ะ

ของ LM อันนี้มีกันแดดด้วย สี Nude เหมาะกับคนผิวขาว/ขาวเหลือง

Spoiled by Mithuna...เนื้อครีมเป็นสีเนื้อ เหลวปานกลาง ทาแล้วซึมค่อนข้างไว บางเบา และไม่หนักหน้า ไม่คุมความมัน แต่ไม่ได้ทำให้หน้ามันมาก ปกปิดน้อย

ไม่คิดว่าจะชอบตัวนี้เลยนะคะ ปรกติก็ไม่ชอบพวก Tinted Moisturizer อยู่แล้ว เพราะผิวหน้าค่อนข้างมีรอยสิวต้องปกปิด ตอนแรกที่ใช้ตัวนี้ ใช้ร่วมกับคอนซีลเลอร์ค่ะ แต่มีวันนึงที่รีบๆ ใช้แต่เจ้านี่แล้วปัดแป้ง หน้าก็ดูเนียนเป็นธรรมชาติดีค่ะ แม้จะปกปิดรอยสิวไม่หมด แต่หน้าดูเรียบเนียบเท่าๆ กัน ค่อนข้างพอใจทีเดียว ใช้ในวันรีบเร่งดีสุดๆ

แต่ยังไงมิถุนาก็คิดว่ามันเหมาะกับคนที่ไม่ชอบแต่งหน้าหลายขั้นตอน ผิวหน้าไม่ต้องการการปกปิด ชอบความเป็นธรรมชาติ ถ้าต้องการความเนี๊ยบ ไม่แนะนำเลยค่ะ

Calvin Klein Runway Radiance Illuminating Cream
สี Pearl Glow



ปริมาณ 0.7 oz
ราคา 25 USD

ส่วนผสม



เป็นตัว Illuminating ทำให้ผิวโกลว์ ดูสุขภาพดี

ลองทา



Spoiled by Mithuna...เป็นเนื้อครีมค่อนข้างข้นเหมือนครีม สี Pearl Glow เป็นสีชมพูอ่อน เหลือบมุก เพราะเนื้อครีมค่อนข้างข้น ทำให้เกลี่ยยาก ผสมกับรองพื้นหรือเบสจะทำให้เกลี่ยง่ายและทั่วผิวกว่ามาก ถ้าผสมนิดหน่อยแล้วทาทั้งหน้า จะให้ลุกฉ่ำๆ มิถุนาว่ามันคล้าย Jelly Pong Pong's Tient Sublime แต่มันจะวาวมุกกว่า (คือกลิตเตอร์ใหญ่กว่า)

ถ้าใช้แตะตามโหนกแก้ม ใต้คิ้ว หน้าผาก คาง มันจะดูวาวเกินไปหน่อยค่ะ ด้วยความที่วิ้งมันใหญ่ ให้อารมณ์ประมาณ BB Shimmerbrick

สำหรับตัวนี้ ไม่ได้ชอบมากนะคะ ไม่ได้เรียกว่าขาดไม่ได้ รู้สึกว่ามันเหมือน highlighter ทั่วไป อาจจะมีข้อดีตรงที่เอามาผสมกับรองพื้น/เบส แล้วทำให้ผิวดูฉ่ำๆ ขึ้นค่ะ

Smashbox Artificial Light Illuminating Lotion
สี Flash



ปริมาณ 20 ml
ราคา 24 USD

เป็น Illuminating Lotion ทำให้ผิวโกลว์ เปล่งปลั่ง อำพรางริ้วรอย

ส่วนผสมจากเว็บ Smashbox

Water, Phenyl Trimethicone, Cyclomethicone, Glyceryl Stearate, Glycerin, Isostearic Acid, Phenoxyethanol, Caprylyl Glycol, Ethylhexylglycerin, Hexylene Glycol, Tetrasodium EDTA, PEG-12 Dimethicone, Sodium PCA, Steareth-21, Magnesium Aluminum Silicate, Xanthan Gum, Hybrid Safflower Seed Oil, Steareth-2, Squalane, Lecithin, Polysorbate 20, Sorbitan Laurate, Propylene Glycol Stearate, Proplyene Glycol Laurate, Phospholipids, Tocopheryl Acetate, Retinyl Palmitate, Ascorbyl Palmitate, Green Tea Leaf Extract, Ginkgo Biloba Extract, Triethanolamine. May Contain: Mica, Titanium Dioxide, Iron Oxides

ลองทาบนแขน



Spoiled by Mithuna...เนื้อเป็นโลชั่น เหลว สี Flash เป็นสีส้มอมชมพูเหลือบมุก ผสมกับเบสหรือรองพื้นเพื่อให้หน้าดูโกลว์ เพราะครีมมันออกแนวหักเหแสง เลยทำให้ซ่อนผิวบกพร่องได้ อย่างพวกรอยต่างๆ (ซ่อนนะคะ แต่ไม่ได้ปกปิดจนมิด)

มิถุนาชอบเอามาแต้มที่โหนกแก้มมากกว่า จะทำให้แก้มดูโกลว์มากๆ ดูสุขภาพดี แต้มตรงสันจมูกก็ดูมีดั้งดีค่ะ ทาแล้วดูไม่ออกว่าเราทาพวกไฮไลท์ด้วย :-)) เป็นผลิตภัณฑ์อีกตัวของ Smashbox ที่ชอบมากๆ ไม่เคยเจอพวก Illuminating ที่ออกสีเหลือบๆ แบบนี้เลยค่ะ เป็นตัวที่แนะนำสำหรับคนที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าดูผ่อง โกลว์ เป็นไฮไลท์ได้ดีและไม่เหมือนใครค่ะ




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2552 9:35:17 น.
Counter : 2709 Pageviews.  

ⓡⓔⓥⓘⓔⓦ มาส์กดำมิสทีน VS มาส์กดำโคเซ่

เป็นรีวิวที่เก็บไว้นานแล้วเหมือนกันค่ะ พยายามทยอยลงเรื่อยๆ อย่างที่เห็น ช่วงนี้งานยุ่งและไม่สบายด้วยค่ะ เลยหายไปนาน ไม่มีเวลาไปตั้งกระทู้หน้าบอร์ด เลยเขียนแต่ในบล็อกเป็นหลัก :-))

ปรกติมิถุนาจะชอบใช้มาส์กแบบลอกๆ นะคะ แต่ก่อนจะใช้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ติดอยู่สองยี่ห้อค่ะ คือมิสทีนกับโคเซ่ ทั้งสองยี่ห้อใช้เกินสองหลอดแล้ว คุณสมบัติค่อนข้างต่างกันทีเดียวค่ะ เคยรีวิวแต่โคเซ่ไว้ ตอนนี้ขอรีวิวโคเซ่คู่กับมิสทีนค่ะ

มาดูหน้าตาหลอดและชื่อเต็มของทั้งสองกันก่อนนะคะ


*คลิกเพื่อขยาย

Kose Whitening Mask
ปริมาณ 80 g
ราคา 800 - 900 บาท (มิถุนาจำราคาเคานเตอร์แน่นอนไม่ได้นะคะ ซื้อมานานแล้วเหมือนกัน แต่ไม่เกินพันบาทชัวร์ๆ) ที่หลอดติดไว้ 2,300 YEN

Mistine Peony Whitening Peel Off Mask
ปริมาณ 85 g
ราคา หลอดนี้มิถุนาซื้อมาประมาณ 60 บาท แต่ละร้านราคาไม่เหมือนกันค่ะ แต่ไม่เกิน 100 บาท

วิธีใช้มาส์กทั้งสองคือ ทาไม่บางไม่หนาให้ทั่วหน้า จากนั้นรอจนแห้งสนิท แล้วค่อยลอกออก โดยดึงจากมุมล่างย้อนขึ้นมาด้านบน

เนื้อมาส์ก



จะเห็นว่าของมิสทีนสีเข้มกว่า ดูวาวกว่า
ความหนืดพอๆ กันค่ะ แต่ของมิสทีนกลิ่นจะแรงกว่า แสบจมูกแสบตากว่า (แต่บางคนก็ไม่รู้สึกนะคะ มิถุนาลองพอกให้เพื่อนให้น้องก็ไม่มีผลอะไร มิถุนารู้สึกคนเดียว) แห้งช้ากว่า ของโคเซ่จะลอกง่ายกว่าค่ะ มิสทีนติดแน่นมาก ห้ามปล่อยให้แห้งนานเลย ไม่งั้นเจ็บหน้าแน่

ผลหลังจากลอก

Mistine จะลอกสิวเสี้ยนและขนบนหน้าได้ดีกว่ามากๆ ในรูปนี้ยังไม่ชัดนะคะ จริงๆ จะเห็นชัดกว่านี้ ลอกทีหน้าเรียบรู้สึกได้เลย



Kose จะดึงสิวเสี้ยนไม่ออก มีขนหน้าหลุดออกมาบ้าง พยายามถ่ายรูปหลายครั้งแล้วค่ะ ถ่ายไม่ค่อยเห็นเลย แต่ประสิทธิภาพการลอกสิวเสี้ยนไม่ดีเท่ามิสทีนค่ะ แต่หลังลอก หน้าจะชุ่มชื้นกว่า นุ่มกว่า และดูขาวกว่านิดหน่อย (ขาวแบบประมาณหลังพอกหน้า พอจะนึกออกใช่ไหมคะ ไม่ได้ขาวตลอดไป)


*คลิกเพื่อขยาย

สรุปความพอใจของทั้งสองยี่ห้อ

เป็นอาการรักพี่เสียดายน้องค่ะ ชอบประสิทธิภาพการลอกสิวเสี้ยนของมิสทีน ใช้ทีหน้าเนียนกริบ แต่หน้าแห้งไปนิดนึง แต่โคเซ่ใช้แล้วหน้าจะดูสะอาดๆ ค่ะ แต่สิวเสี้ยนดื้อด้านดึงไม่หลุด มิสทีนถูกกว่ามาก คุ้มกว่ามาก ถ้าใครงบน้อย มิถุนาแนะนำมิสทีนค่ะ แต่โคเซ่ก็เป็นมาส์กแบบลอกๆ ยี่ห้อหนึ่งที่ทำให้หน้าไม่แห้งเกินและรู้สึกว่าหน้าสะอาดใสดีค่ะ มิถุนาเลยชอบใช้สลับๆ กัน ถ้าวันไหนอยากได้หน้าเนียนเป็นพิเศษก็ใช้มิสทีน แต่ถ้าอยากให้หน้าสะอาดเฉยๆ ก็โคเซ่

คำแนะนำในการใช้มาส์กแบบลอก

ควรใช้อาทิตย์ละ 1 ครั้งพอนะคะ เพราะถ้าใช้มากเกินไปจะเป็นการรบกวนรูขุมขน ทำให้รูขุมขนขยายกว้างเกินไป และทำให้หน้าแห้งด้วยค่ะ




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 20:38:25 น.
Counter : 5577 Pageviews.  

Agatha Blogger Party @ Cheesecake House

วันนี้ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Agatha Blogger Party ที่ร้าน Cheesecake House ค่ะ

เป็นปาร์ตี้เล็กๆ แต่อบอุ่น จัดเพื่อแนะนำตัว Agatha อย่างเป็นทางการกับเหล่า Blogger ทั้งหลาย แต่เห็นว่าจะมีงาน Tea Party เปิดตัวแก่ลูกค้าและบุคคลทั่วไปที่ห้างหรู (ที่มิถุนาจำชื่อไม่ได้) อีกทีวันที่ 8 เดือนพ.ย. ด้วยค่ะ

ร้าน Cheesecake House อยู่ซอยทองหล่อ 20 ค่ะ เลี้ยวเข้าไปในซอย ขับเข้าไปลึกเหมือนกัน จะอยู่ประมาณกลางซอยเกือบท้ายซอย ทางซ้ายมือ มันจะเป็นเวิ้ง มีที่จอดรถในตัว ที่จอดหลายคัน จอดสะดวกดีค่ะ

มิถุนาไปถึงร้านก่อนเวลา ก็เดินดุ่มๆ เข้าไปถามพนักงานเลย เดินเลยโต๊ะน้องตูนน์ Tuniez83 น้องทราย feonalita ไปเฉยเลย 55 แบบว่าไม่ได้สังเกตรอบๆ นั่นเอง

คุณยุ้ยและคุณแพท สองผู้ดูแล Agatha กำลังยุ่งๆ งานอยู่เลย

นั่งเล่น + สั่งเครื่องดื่มสักพักก็ได้รู้จักกับคุณ Masa Fashion Jewelry Maketeer ประจำ Agatha เป็นคนที่ไนซ์ทีเดียวค่ะ :-))



ไม่นานคุณนุ่น หนีแม่มาอาร์ซีเอ กับคุณฝน Fonkan ก็ตามมาสมทบ นั่งเล่น ถ่ายรูปกับตุ๊กตาของน้องตูนน์ น้องทรายกันใหญ่เลย เรียกว่าเป็นนายแบบนางแบบประจำวันนี้เลยเชียวล่ะ

พอครบองค์ประชุม คุณแพทก็เริ่มแนะนำให้เรารู้จักแบรนด์ Agatha

Agatha เป็นแบรนด์จาก Paris ค่ะ โดยนักออกแบบเครื่องประดับเจ้าของแบรนด์ ตั้งชื่อแบรนด์จากชื่อคนรักของเขาในตอนนั้น เครื่องประดับ Agatha เน้นความทันสมัย ราคาไม่แพง เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่และเหมาะกับการใส่ทุกวัน

Agatha C'est Moi แปลได้ประมาณ อกาธา นี่แหละฉัน ถ้าจำไม่ผิดเป็นประมาณสามารถใส่แบรนด์ Agatha Match ตามสไตล์ของตัวเองได้

มิถุนารู้จัก Brand นี้เพราะโลโก้น้องหมาสกอตติสเทอร์เรีย เพิ่งทราบวันนี้เองค่ะว่าเป็นหมาของ Michel ผู้ออกแบบ ชื่อว่าเลออน (แต่น้องหมาของ Agatha ชื่อว่าสกอตตี้นะคะ)

ความจริงแบรนด์นี้เข้ามาในเมืองไทยราวปีกว่าแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ทำ press conference นี่เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกก็ว่าได้



หลังจากแนะนำ Agatha แล้ว คุณยุ้ยก็รับไมค์ต่อจากคุณแพท แล้วเราก็เล่นเกมกัน ให้แ่บ่งออกเป็นกลุ่มละสามคนค่ะ มิถุนาอยู่กลุ่มน้องทรายกับน้องแอน :-)) จากนั้นก็เลือกถุงเครื่องประดับคนละุึถุง เพื่อเอาเครื่องประดับ Agatha ในนั้นมาตกแต่งผมให้เริดที่สุด

แฟนคุณ masa เป็นคนเลือก winner ที่ชอบ 3 คน มิถุนาเป็นหนึ่งในนั้นโดยแฟนคุณ masa บอกว่าชอบไอเดียเอาคลิปหนีบผมสองอันมาหนีบผมเป็นแกละสองข้างซึ่งยังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ตอนเล่นแต่งตัวนี่สนุกกันมาก (นึกเวลาสาวๆ แต่งตัวกันออกใช่ไหมคะ) เพราะลองอันโน้นอันนี้ น้องตูนน์โดนจับเป็นแบบ มีกิ๊บหนีบผมติดเต็มไปหมด :-))

กิ๊บ Agatha แข็งแรงดีค่ะ เห็นว่าพลาสติกเป็นพลาสติกแบบหยืดหยุ่นได้ ถ้าตัวอะไหล่กิ๊บหลุด ก็ส่งให้ทางร้านซ่อมฟรีให้ได้ แถมสามารถส่งซ่อมตามสาขาได้ทั่วโลก

จากนั้นก็ Tea Time กันค่ะ



ชีสเค้กร้านนี้อร่อยมากกกก มิถุุนาสั่ง Cookie (อะไรสักอย่าง) Cheesecake รสชาติกำลังดี ไม่หวานเลี่ยน แต่เครื่องดื่ม กาแฟออกหวานไปหน่อยค่ะ ต้องสั่งพวกเครื่องดื่มหน้าแนะนำ :-)) จะอร่อยกว่า

คุยกันสักพัก ก็ถึงเวลาแยกย้าย

ขอบคุณ Agatha สำหรับของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ ด้วยค่ะ



มิถุนาบอกว่าปากกาที่ใช้เึขียนตอนลงทะเบียนน่ารัก คิดว่ามีขายที่ร้านด้วย แต่คุณยุ้ยบอกว่าเป็นของ premium ให้ลูกค้า และคุณยุ้ยอุตส่าห์หาให้มามิถุนาด้วยแท่งนึง :-)) ชอบมากๆ

มีสกอตตี้สามตัว :-)) ตัวสีเหลืองนี่สีสดสะใจมากเลยค่ะ



ให้ดูความแข็งแรงของข้อต่อกิ๊บ และความละเอียดของงานนะคะ



ตัวสีชมพูนี่ ดูบางๆ แต่แข็งแรงทีเดียวค่ะ ถ้าจำไม่ผิด อันนี้ 300 บาทมั้งคะ



สุดท้ายนี้ ขอบคุณคุณยุ้ยและน้องตูนน์ที่ชวนไปงาน Agatha ค่า :-)) ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะคะ




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2552    
Last Update : 25 ตุลาคม 2552 23:09:55 น.
Counter : 2548 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.