Group Blog
 
All blogs
 

PREVIEW & REVIEW: Swap Items of October & November (e.l.f. & etc.)

ว่าจะอัพนานแล้วคะ่ แต่ไม่ว่างสักที แถมไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งผ่านเรื่องยุ่งๆ มา นี่เริ่มกลับมาสู่วงจรชีวิตเดิม ก็เลยมาอัพบล็อกสักหน่อย เดี๋ยวใกล้ๆ กันนี้คงได้มีอัพของขี้เห่ออีก เพราะว่าสั่ง Sugarpill ช่วงจัดโปรสำหรับ Black Friday ไป

สองเดือนก่อนได้ Swap เยอะทีเดียวค่ะ Swap นี่เป็นการแลกของในเว็บเมืองนอกที่ชื่อ Makeupalley (MUA) นะคะ เป็น Swap แบบทั่วโลกค่ะ ข้อดีคือ ทำให้เราได้มีโอกาสลองเครื่องสำอางที่ยังไม่นำเข้ามาเมืองไทย หรือหายาก ข้อเสียคือ เปลืองเงิน (ค่าส่ง) และถ้าเจอ Swap Partner ไม่ดี ก็ไม่สนุกค่ะ

หน้าตาของที่แลกมา มีบางส่วนเป็นของที่ซื้อมาและของที่ได้รางวัลมานะคะ เดี๋ยวจะแจงให้ฟัง

อ้อ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ขอบางชิ้นอาจจะวิวไม่ได้ละเอียดมากนะคะ เป็นรีวิวแนว First Impression ผสมกับการใช้มาสักพัก พิมพ์เป็นคำพูด อาจจะไม่ได้มีรูปพิสูจน์มาก แต่เดี๋ยวจะมีบล็อกแยกต่างหากอีก โดยเฉพาะ Item ที่รักมากๆ


*คลิกเพื่อขยาย

ขอเริ่มด้วย e.l.f. ก่อนเลยนะคะ

e.l.f. เป็นเครื่องสำอางขายชิ้นละ 1 USD หรือ สามสิบกว่าบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และมี line studio ราคาชิ้นละ 3 USD จำได้เลยว่ามิถุนารู้ัจัก e.l.f. ครั้งแรกก็เพราะ MUA นี่แหละค่ะ มีเพื่อนที่แลกกันส่งของมาให้ลอง เป็นบลัช e.l.f. ลองครั้งแรกติดใจ เพราะมันราคา 1USD ถูกที่สุด แต่สีสวยมาก คุณภาพใช้ได้ (ถ้าเทียบกับราคา)

งวดนี้แลกแปรงมาค่ะ

เค้าร่ำลือว่าแปรง e.l.f. ดีมาก ส่วนตัวเคยใช้แปรงอายแชโดว์ของเค้า ขนแปรงดีค่ะ แต่งานไม่เนี๊ยบ ถ้าซื้อมาสำหรับคนหัดแต่งหน้าถือว่าดีค่ะ เพราะราคาถูก คุณภาพใช้ได้

แลกมาสามชิ้น มีแปรงแป้งตัวโด่งดัง แปรงลิป และแปรงคอนซีลเลอร์


*คลิกเพื่อขยาย

e.l.f. studio Powder Brush

หน้าตาเต็มๆ ดูรูปด้านบนนะคะ ส่วนรูปล่างนี้ เป็นแบบเอียงๆ (แปรงฝุ่นจับเล็กน้อย เพราะเอามาใช้งานค่ะ)



ด้านบน เป็นแปรงหน้าตัดเรียบ ขนาดค่อนข้างใหญ่เหมาะกับใบหน้า



ราคา 3 USD หรือช่วงนี้ คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนก็ไม่ถึงร้อย

ใช้ได้กับ Product ที่เป็นแป้งและน้ำ ใช้กับบลัชก็ได้

อันนี้ลองเอาแปรง e.l.f. มาใช้กับรองพื้นให้ดูนะคะ จะเห็นว่าฝั่งขวาหน้าดูเรียบขึ้น



ลองทารองพื้นอีกข้างที่เหลือ โดยใช้แปรง MAC #187 จะเห็นว่าด้านของ MAC ดูบางกว่าเล็กน้อย แต่ e.l.f. ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี ในรูปฝั่งซ้าย มีใช้แปรง e.l.f. อันนี้ปัดบลัชให้ดูนะคะ เหมาะกับ bake blush ของ bourjois มากๆ ให้สีกำลังเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป



เคยได้ยินมาว่า แปรง e.l.f. ตัวนี้ดีมากกกกก ส่วนตัว ได้ใช้เองแล้ว ถือว่าดีทีเดียวเมื่อเทียบกับราคา แต่จะให้ดีมากไหม คงยังไม่ค่ะ อาจเป็นเพราะไม่ชอบหน้าตัดเรียบๆ ด้วย ปัดหน้าแล้วรู้สึกว่ามันไม่สัมผัสทั่วทั้งใบหน้าเหมือนแปรงหัวมน (ปรกติถ้าปัดแป้ง ชอบใช้แปรง kabuki มากกว่า) ทำให้แป้ง/รองพื้นที่ใช้ตกค้างบนใบหน้ามากเกินจำเป็น หน้าดูไม่สม่ำเสมอ (ปัญหาระหว่างวันคือแป้ง/รองพื้นจะเป็นคราบ) และด้วยตัวขนแปรงของมัน ถ้าใช้กับพวกครีมรองพื้น มันจะเปลืองครีมมากๆ เพราะแค่จุ่ม ครีมก็ซึมไปกับขนแปรง แต่ความจริงมันใช้กับรองพื้นเหลวได้ดีทีเดียวนะคะ เพียงแต่ว่าต้องใช้กับรองพื้นปริมาณน้อยมาก อย่าคิดว่าพอเห็นรองพื้นซึมหายไปในแปรงแล้วรองพื้นจะไม่อยู่นะคะ ใช้ตรงนั้นทาไปเรื่อยๆ ได้

ถ้าเอามาใช้กับบลัช ปัดได้สวยดีนะคะ เวิร์กสีกำลังพอเหมาะ แต่ว่า contour ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะสภาพตัวแปรงเองที่หน้าตัดใหญ่ ทำให้ contour ไม่สวย (อาจจะพอแก้ได้ถ้าตะแคงแปรงเ็ล็กน้อย)

ข้อดี ขนแปรงนุ่ม ไม่บาดหน้า ราคาถูก เหมาะกับมือใหม่หัดแต่ง และเหมาะกับปัดแป้งฝุ่น (ซึ่งต้องอย่าลืมเคาะแป้งเกินออกนะคะ สำคัญมากๆ) รองพื้นเหลว (อย่าลืมใช้รองพื้นแต่น้อย) หรือปัดแก้ม

e.l.f. professional Lip Defining Brush

แปรงทาปาก

รุ่นนี้ ราคา 1USD

เป็นแปรงทรงยาว เหมือนพุ่มๆ ทรงรี



ด้านข้าง


เท่าที่จับดู เป็นสัตว์นะคะ แต่ขนแปรงไม่หนาแน่น คือจับครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่ามันไม่ใช่แปรงที่เหมาะกับทาลิปสติกเลย และก็ใช่จริงๆ ค่ะ คือมัน pick up เนื้อลิปสติกได้ยาก เนื่องจากว่าขนแปรงไม่แน่น แต่ตอนทาสีออกมาโอเคค่ะ ทรงแปรงใช้ได้ คอนโทรลบนปากได้ดี แต่ว่าข้อเสียที่ไม่เวิร์กอย่างที่บอกคือขนแปรงมันฟู ไม่แน่น

e.l.f. professional Concealer Brush

แปรงคอนซีลเลอร์ หัวเล็กมาก



และแบน



ราคา 1USD เท่ากันกับแปรงลิป

อันนี้เป็นขนสังเคราะห์ แปรงดีมากทีเดียวค่ะ หัวเล็กแบน pick up คอนซีลเลอร์ได้กำัลังเหมาะ ใช้ทาจุด/รอยสิวรอยดำเล็กๆ ได้ดีค่ะ อันนี้ชอบมาก แนะนำเลย

รายการต่อมา ขอเป็นอายไลเนอร์ดินสอ ซึ่งมี e.l.f. รวมด้วย


*คลิกเพื่อขยาย

ซูมสีชัดๆ



ขีดสีให้ดู



ทดสอบความติดทนบนหลังมือ

ขวาสุดจะเป็นเอานิ้วถูกไปด้านขวา ตรงกลางเอาคัตตอนบัดจุ่มน้ำลากผ่านหนักๆ ส่วนซ้ายสุดเป็นคัตตอนบัดจุ่ม make-up remover



แต่ละสีไม่ค่อยทนเท่าไหร่นะคะ มี Avon ดูเวิร์กสุด แต่เดี๋ยวจะรีวิวละเอียดขึ้นให้ดูข้างล่างค่ะ

ขอเริ่มต่างลำดับเลยค่ะ

Pop Beauty Glitter Stix Le Crayon Liner #Silver

ขนาด 1.75 g

ราคา 8 USD ประมาณ 240 บาท

เป็นอายไลเนอร์สีเงิน วิ้งจัด มีกลิตเตอร์มาก และค่อนข้างใหญ่ เนื้ออายไลเนอร์ไม่ได้ินิ่มมาก แต่ก็ไม่ได้แข็งมาก สีอ่อนแบบนี้เอามาเขียนหัวตาหรือทำไฮไลต์ได้สวยดีค่ะ ไม่ก็เอามาระบายเปลือกตาแทนอายเบส ไม่ได้ติดทนมาก แต่สีสวย คือถ้าทาแทนอายเบสแล้วทาอายแชโดว์ทับก็ติดทนดีค่ะ แต่ว่าเขียนขอบตาล่าง ถ้าเปื้อนน้ำ หรือถูแรงๆ อายไลเนอร์จะจางลงไปได้

Jordana Eyeliner #01 Black

ขนาด 0.812 g (ยาว 5.5 นิ้ว)

ราคา 1.49 USD ประมาณ 50 บาท

เป็นอายไลเนอร์สีดำด้าน ค่อนข้างสีเข้ม เนื้อนุ่มมาก ค่อนข้างเลอะเทอะง่ายค่ะ คือถ้าเปลือกตามัน ทาแล้วกะพริบตาปุ๊บมันไปติดที่ด้านบนเปลือกตาเลย แต่ถ้าเอาอายแชโดว์สีดำทาทับ จะช่วยได้มาก ไม่เลอะทั้งวัน (ทั้งที่ปรกติใช้เทคนิคนี้กับอายไลเนอร์บางยี่ห้อแล้วเลอะเทอะ) ถือว่าดีกลางๆ แต่ยังไม่ดีมากที่สุด คิดว่าตัวนี้เหมาะกับเอามาทำเป็นสโมกกี้อายส์มากกว่าค่ะ ข้อดีอีกอย่างคือแท่งเล็ก เก็บในกระเป๋าเครื่องสำอางได้ดี

TRU Silky Eye Pencil

ขนาด 2 g

ราคา ไม่ทราบค่ะ

เป็นอายไลเนอร์ ที่ดูจากภายนอกเหมือนสีดำ แต่ว่าเขียนแล้วเป็นสีเทาดำ เนื้อค่อนข้างเหนียว เขียนยาก กลิ่นไม่เวิร์ก เหมือนลิปสติก ก็ติดทนพอสมควรเลยค่ะ แต่ไม่ชอบ texture อย่างแรง

Avon Glimmersticks Eye Liner #Majestic Plum

ขนาด 0.28 g

ราคา 6 USD ประมาณ 180 บาท

เคยรีวิวสีดำไว้ที่นี่

เป็นอายไลเนอร์แบบหมุนๆ ใช้ง่าย สีม่วงเข้ม สีสวย เนื้อค่อนข้างเหนียว + แข็งเล็กน้อย แต่ก็ยังเขียนได้ง่ายนะคะ เป็นอายไลเนอร์ที่ดีทีเดียวค่ะ เพราะไม่ค่อยแพนด้ามาก เป็นอีกตัวที่แนะนำสำหรับอินเนอร์ไลน์ด้วย (แม้จะสู้ shu uemura #me black ไม่ได้ก็เถอะ) จริงๆ มันมีรุ่น waterproof ด้วยนะคะ แต่ยังไม่เคยลอง ซึ่งคิดว่าน่าจะติดทนมากกว่านี้อีก ข้อเสียคือปริมาณน้อยไปหน่อย (เพราะเป็นแบบหมุน)

e.l.f. Eye Wildener #Pearl White

ขนาด ไม่ได้บอกไว้ แต่เป็นดินสอแท่งยาวกลางๆ

ราคา 1 USD

เป็นอายไลเนอร์สีขาว มีประกายมุกละเอียด ไว้เขียนขอบตาล่างให้ตาดูโต หรือเขียนหัวตา เนื้อค่อนข้างแข็ง เวลาเขียนเลยจะเจ็บตาถ้าเราไม่จับเปลือกตาให้ดีๆ ค่อนข้างติดทนค่ะ แต่ข้อเสียคือมันเขียนลำบาก เพราะไส้มันแข็ง ไม่ค่อยอยากแนะนำเท่าไหร่ แต่ถ้าเอาไว้เขียนขอบตาล่าง เพื่อจะเอาอายแชโดว์สีอื่นระบายทับ มันจะติดทนดีค่ะ แนะนำไว้สำหรับแบบนี้มากกว่า ข้อดีนอกจากราคาถูกคือ มีกบเหลาในตัว

ต่อมาเป็นหมวดครีมอายไลเนอร์ค่ะ

ขอเริ่มด้วย

Revlon Line Fantasy Cream Eyeliner #Indigp



สีสวยเนอะ เห็นแล้วอดใจไม่ได้ ต้องแกะมาลองสีทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลยล่ะค่ะ

ปริมาณ 4.6 g

ราคาประมาณ 300 บาท

ส่วนผสม


*คลิกเพื่อขยาย

คำโปรยบระมาณว่า เขียนง่าย สีเข้ม ติดทน พร้อมแปรงหัวเล็กเพื่อเขียนเส้นอายไลเนอร์บางเฉียบ

เดี๋ยวแปะรูป Sephora อีกอันแล้วจะรีวิวพร้อมกันนะคะ

Sephora Palette Eyeliner #Black



ปริมาณ 4 x 1.8 g

ราคา ไม่ทราบ

เปิดข้างใน



มีสี่สี ดำ เงิน บรอนซฺ์น้ำตาล เขียวอมทอง

ลอง swatch ให้ดู



สวยทุกสีเลยนะคะ

สีบนตา อันนี้เป็น Revlon #Indigo

ลองสี Indigo



อันนี้สีเขียวอมทอง กับสีเงินของ Sephora



สีสวยมากกกก สีออกเยอะ เนื้อนุ่มและครีมมี่มากๆ แต่ว่า...

ทดสอบบนหลังมือ (ซ้ายสุดใช้คอตตอนบัดจุ่มเมคอัพรีมูฟเวอร์เช็ด ตรงกลางเป็นน้ำเปล่าเช็ด ขวาสุดเอานิ้วถู)



ไม่ติดทนเลยค่ะ

คือดูจากรูปด้านบน จะเห็นว่ามันถูกปาดออกไปได้ง่ายมากๆ ทุกสีเลย พอเอาน้ำป้าย ก็หลุดไปแบบง่ายมากๆ มี Revlon ยากกว่าเล็กน้อย (เล็กน้อยมากๆๆๆ) เลยคิดว่ามันต้องไม่ทนแน่ๆ แล้วก็พอลองเขียนบนตาก็จริงดังคาด

แค่เขียนแล้วกะพริบตาก็เลอะแล้ว

ของ Revlon ยังมองไม่ค่อยเห็นนะึคะ แต่เลอะ



ส่วน Sephora นี่ไม่ไหวแล้ว เลอะมากกกก



ตอนนี้เลยคิดว่าจะใช้เป็นแต่อายเบส ทาหลังทาอายแชโดว์ เพื่อสีอายแชโดว์จะได้ชัดเจนขึ้น

ถ้าใครต้องการอายไลเนอร์ ไม่แนะนำทั้ง Revlon และ Sephora เลย สอบตกทั้งสองยี่ห้อ แต่ถ้าต้องการครีมอายแชโดว์ คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดี สีสวย เนื้อเนียน

ต่อไปเป็นรายการที่กรี๊ดที่สุดของล๊อตนี้

Too Faced Shadow Insurance


*คลิกเพื่อขยาย

้เป็นไพรเมอร์ ทาเปลือกตา ก่อนทาอายแชโดว์/อายไลเนอร์ จะช่วยให้อายแชโดว์หรืออายไลเนอร์ติดทนมากขึ้น

ปริมาณ 11 g

ราคา 18 USD หรือประมาณเกือบ 600

ทาบนมือ



ขวาสุด เป็นเนื้อผลิตภัณฑ์ สีเนื้อ เนื้อนุ่ม เบลนด์ง่ายและลื่นไปกับเปลือกตา พอทาแล้วเปลือกตาจะดู matte ขึ้น รูปกลางเป็นแบบเบลนด์แล้ว จะเห็นว่าผิวดูสว่างขึ้นเมื่อเทียบกับรูปซ้ายสุดที่ไม่ได้ทาอะไร

Texture จะคล้ายๆ กับ Urban Decay Primer Potion แต่หลังเบลนด์แล้วจะรู้สึกคล้ายพื้นผิวของ Etude Proof 10 Eye Primer

เวลาทา Primer อายแชโดว์จะเข้มขึ้น

ในรูปนี้ ด้านซ้ายจะไม่ได้ทา Too Faced



ลองกับตา ในรูปจะทา Too Faced + Eye Shadow ของ Urban Decay และ Sugarpill และผ่านไปหกชั่วโมงได้



ในรูปแอบเห็นรอยพับตรงเปลือกตาเล็กน้อย แต่ถ้าดูของจริงจะไม่ชัดเท่าไหร่นะคะ

สรุป...ชอบทีเดียวค่ะ ชอบพอๆ กับ Eye Primer ของ Etude เลย คิดว่าตัวนี้จะคล้ายกว่า Urban Decay มากกว่านะคะ ซึ่งข้อดีของ Too Faced ถ้าเทียบกับสองตัวนั้นคือ มันเป็นหลอด ใช้ง่าย แล้วก็ใช้ได้คุ้มกว่าค่ะ

จากรีวิว Too Faced อายแชโดว์ที่ใช้ทาทดสบบนหลังมือคือ

L'oreal HIP Bright Shadow Duo #514 Reckless



ปริมาณ 2.4 g

ราคา เห็นหลาย range นะคะ ราวๆ 6 - 10 USD มันจะชอบมีโปร 1 แถม 1

L'oreal รุ่น Hip จะเป็นพวกอายแชโดว์สีสด เข้ม ให้เม็ดสีชัดนะคะ ส่วนใหญ่จะแบ่งสองด้าน คืออายแชโดว์เนื้อแบบ shimmer กับแบบ matte อย่างในรูป สีม่วงอ่อนจะเป็นเนื้อ shimmer (สีนี้คล้าย NYX #Luxor มากๆ) สีม่วงเข้มเป็นแบบแมตต์

จากที่เคยใช้ยี่ห้อนี้หลายๆ สี พบว่า อายแชโดว์ค่อนข้างติดทน ให้สีสวย บางสีเป็นเอกลักษณ์ สีแมตต์ก็ทาไม่ยากค่ะ ยิ่งใช้ร่วมกับอายไพรเมอร์ยิ่งดีมากๆ ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ มีกระจกและชิบทาตาในตัว (แต่ไม่เคยใช้เลย)

ชิ้นต่อมา

Etude Oh m'Eye Lash #Petticoat



เป็นมาสคาร่าเบส สีขาว ไว้ปัดก่อนปัดมาสคาร่าสีดำ เพื่อขนตาจะได้ดูหนาและยาวขึ้น

ปริมาณ ไม่ทราบ

ราคา ซื้อมาประมาณ 100 กว่าบาท

แปรงเรียวเล็กดีีค่ะ ทำให้ปัดได้ง่าย

มาสคาร่าเบสเหมาะกับคนขนตาสั้นและบางนะคะ ช่วยได้เยอะเลย มาดูกันว่าทำไม

ในรูปด้านล่าง ฝั่งซ้ายจะปัดด้วย Etude Petticoat ส่วนฝั่งขวาจะเป็นการปัดมาสคาร่าปรกตินะคะ

หมายเหตุ...มาสคาร่าสีดำที่ใช้เป็นรุ่นขนตาธรรมชาิติ เน้นขนตาชัด ไม่ได้เน้นเรื่องความหนาหรือความยาว


*คลิกเพื่อขยาย

จะเห็นเลยว่าข้างที่ปัดด้วย Petticoat ขนตาดูหนากว่า ฟูกว่า

ข้อแนะนำในการใช้...ควรปัดแต่น้อยนะคะ เพราะถ้าปัดแบบโลภมาก พอเราปัดมาสคาร่าสีดำมันจะเป็นก้อนค่ะ

ปรกติ ถ้าปัดมาสคาร่าสีดำ แล้วเห็นว่ามันเริ่มเป็นแพก้อนๆ จะใช้นิ้วปัดขนตาขึ้นเบาๆ



นิ้วจะช่วยกำจัดมาสคาร่าที่มันเกินออก

เห็นไหมคะ



ต่อมาเป็นขนตาปลอม

Ardell #101 Demi Black


*คลิกเพื่อขยาย

ราคา ไม่ทราบค่ะ รู้แต่ว่าไม่แพง เป็นยี่ห้อดังในอเมริกาทีเดียวค่ะ

ทำจาก Human hair 100% ขนตารุ่นนี้ดูหนาเป็นแพมากๆ

ดูแบบมุมสูง


*คลิกเพื่อขยาย

ติดให้ดู



ดูหนาดีนะคะ แต่ว่าก้านมันสั้นน่ะค่ะ ขนาดมิถุนาตาเล็ก มันยังยาวแค่ถึงในรูปเอง

ขนตาปลอมแบบขนตาล่าง ยี่ห้อ Loujene #08



อันนี้ซื้อจากร้าน Neo 60 บาททุกอย่าง

เห็นดูน่าเล่นดี เลยซื้อมา

ชัดๆ


*คลิกเพื่อขยาย

เป็นแบบก้านใสนะคะ ดีมากๆ สำหรับติดขอบตาล่าง



ลองติดดู...



แอบน่ากลัว เพราะขนตาล่างมันยาวมากๆ ไม่สัมพันธ์กับการแต่งตาแล้วก็ขนตาปลอมด้านบนด้วย เลยดูแปลกๆ ขนตาล่างแบบนี้ เหมาะกับแต่งตาแนวตุ๊กตามากกว่าค่ะ สงสัยคงไม่ได้ใช้บ่อยๆ แน่ มันเยอะเกินไป นี่ขนาดเลือกเบอร์ 8 ที่่ขนตาสั้นสุดแล้วก็ยังยาวอยู่ดี

ิชิ้นสุดท้าย

อันนี้โชคดี ได้เป็นรางวัลจากเกม

Artistry Brightening Pressed Powder



มาพร้อมตลับใส่แป้งพัฟ

แป้งแบบชัดๆ



เป็นแป้งไฮไลต์ ปัดเพื่อให้หน้าสว่างสดใส + เีนียนเรียบ ใช้ซับมันได้

ควรใช้คู่กับแปรงค่ะ แต่ว่าตลับมันเป็นฟองน้ำ



ตลับแป้งมีซองใส่มาด้วย ทำให้ตลับไม่เป็นรอยขูดขีด



ราคาตลับเปล่า 600

ีราคาแป้ง 1,025 บาท (11 g)

ลองปาดแป้งบนหลังมือ

ฝั่งซ้ายจะไม่ปัดนะคะ



ฝั่งที่ทาแป้งจะดูนวลๆ ใช่ไหมคะ แต่ถ้ามองด้วยตา จะมีวิ้งๆ ด้วยนะคะ

ลองปัดกับหน้าให้ดู อันนี้เป็นการปัดแป้งเพื่อซับมันระหว่างวันค่ะ หน้ารูปฝั่งซ้ายจะเป็นหน้าที่แต่งหน้าในช่วงบ่ายๆ หน้าจะเริ่มมันๆ แล้ว แต่ฝั่งขวาจะปัดแป้งเบาๆ ทั่วหน้า


*คลิกเพื่อขยาย

หน้าดูไบรท์และไม่มันนะคะ ตอนนี้เพิ่งใช้แป้งตัวนี้ไม่กี่วัน แต่ชอบค่ะ มันซับมันได้ดี แล้วหน้าก็ดูผ่องๆ ดีด้วย แป้งไม่ได้คุมมัน แต่ก็ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่ม

ข้อเสียนอกจากราคาแล้ว ก็คงเป็นตอนปัดแล้ว อาจจะเห็นวิ้งสีเงินบางจุดบนใบหน้า คือมันจะเหมือน MAC Beauty Powder รุ่นมีวิ้ง ที่ไว้ปัดหน้าหรือปัดแก้มให้ดูไบรท์ๆ เลยค่ะ แต่มิถุนาว่าวิ้งมันไม่ได้ใหญ่โต หรือเยอะน่าเกลียดอะไร คนรูขุมขนกว้างหน้ามันก็ใช้ได้ผลดี

ไว้ได้ Sugarpill แล้วจะมารีิิวิวให้ดูอีกทีนะคะ แล้วก็จะรีวิวละเอียดด้วย แล้วเจอกันค่ะ

บล็อกอัพเดต

PREVIEW & REVIEW: Swap Items of October & November (e.l.f. & etc.)

HOW TO: Depot Etude Proof 10 Eye Primer ใช้คุ้มจนหยดสุดท้าย

REVIEW: Kinepin Compress Veil กระดาษมาส์กหน้าอัดเม็ด

REVIEW: Preciosa 4704 ขนตาปลอมหนาเด้งดูเป็นธรรมชาติ

REVIEW: Gino McCray Color Liner Glitter

REVIEW: Mei Linda #099 ขนตาปลอมเป็นแฉกเหมือนตาตุ๊กตา

REVIEW: มาส์กสิวเสี้ยน Lansley BHA Scrub & Sebum Remove Mask




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2553    
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 0:39:51 น.
Counter : 7324 Pageviews.  

HOW TO: Face Chart (My Technique) + Rihanna Who's That Chick Look

ได้ Face Chart จาก Mac มานานมาก คิดว่าถ้าครึ้มๆ จะเอามาเล่นละเลงสี

ได้ฤกษ์ดีจากลุ้กในมิวสิควีดีโอ Who's that chick ของ Rihanna


*คลิกเพื่อขยาย


*คลิกเพื่อขยาย

หมายเหตุ...ภาพทั้งสอง มาจากกูเกิล ใช้คีย์เวิร์ด Rihanna Who's That Chick

เป็นตาสีเหลือง Cut crease ด้วยสีน้ำตาล แล้วก็มีสีเขียวนิดๆ ที่ขอบตาล่าง เขียนอายไลเนอร์ลากหาง

ชอบมาก แต่เพิ่งกรึ่มๆ อยากแต่งหน้าและทำ Face Chart เลยกลายมาเป็นบล็อกนี้

HOW TO: Face Chart (My Technique)

หน้าตา Face Chart



(สามารถเสิร์ชได้ตามกูเกิล ใช้คำว่า face chart ธรรมดาก็หาเจอค่ะ มีแบบเปล่าๆ ให้เรา print ออกมา ใส่กระดาษ ใช้กระดาษ A4 แบบแกรมหนานิดนึง หรือถ้าใช้พวกกระดาษร้อยปอนด์ สีก็ติดสวยดีค่ะ แต่เวลาระบาย เลือกด้านที่ไม่ขรุขระนะคะ ไม่งั้นเวลาระบายอาจจะได้สีไม่เรียบสวย)

วิธีแต่ง Face Chart ก็ง่ายๆ ค่ะ ไม่ต่างจากการแต่งหน้า ระบายสีทั่วไปนั่นเอง แต่จะใช้เครื่องสำอางที่จะแต่งหน้าตาม Face Chart มาระบายแทน (ขั้นตอนจะกระโดดไปกระโดดมาสักหน่อยนะคะ พอดีระบายตามความชอบ ระบายตามใจน่ะค่ะ เลยลืมเรียงขั้นตอนไปนิด)

ใช้แปรงแต่งหน้าเลือกสีอายแชโดว์ตามลุ้ก



ระบายได้เลย



จะเห็นว่าสีเหลืองบนเปลือกตาดูอ่อนกว่าตรงขอบตาล่าง เป็นเพราะว่าระบายซ้ำ เพื่อให้สีเข้มขึ้น

เราก็ระบายซ้ำไปเรื่อยๆ จนได้สีเหลืองเข้มพอใจจึงต่อไปที่อายแชโดว์อีกสี



ต่อด้วย Cut crease ด้วยอายแชโดว์สีน้ำตาล (พอดีในรูปใช้ eyebrow shadow นะคะ เพราะเป็นสีน้ำตาลที่อยากได้ในลุ้กนี้) เปลี่ยนแปรงเป็นแปรงหัวตัด เพื่อจะได้ย้ำสีชัดขึ้น



ร่างเส้นเหมือนเวลาใช้พู่กันเขียนเส้น



อย่าลืมเบลนด์สีด้วย ใช้สีน้ำตาลอ่อนลงมาอีกนิด ระบายเหมือนตอนระบายเปลือกตาตัวเองเลย (ใช้แปรงหัวฟูๆ สำหรับ crease อันเล็กระบาย จะทำให้ควบคุมสีได้ง่ายขึ้น)



ระบายเสร็จแล้วเพิ่งนึกออกว่าขาดคิ้ว เลยเขียนคิ้วด้วย eyebrow shadow ใช้แปรงเขียนคิ้วนั่นแหละค่ะ



จะเห็นว่าเขียนไม่เท่ากัน =___=



แต่แก้ไขได้ค่ะ เอายางลบลบเอา

แล้วก็เอาที่เขียนคิ้วเติมส่วนที่ไม่สมบูรณ์ (ไม่ได้ถ่ายรูปขั้นตอนโดยตลอดไว้ เพราะลบเขียน ลบเขียนหลายครั้งจนพอใจค่ะ)



เท่ากันแล้ว คิ้วดูคมกว่าเดิมเพราะใช้ยางลบลบให้คม ไม่ดูเส้นฟุ้งๆ เหมือนใช้แปรง

(ถ้าใช้เครื่องสำอางเนื้อครีมจะใช้ยางลบลบไม่ได้นะคะ ปรกติถ้าเป็นพวกเนื้อครีม จะใช้น้ำยาลบคำผิดลบค่ะ)



เอาอายแชโดว์สีอ่อนระบายใต้คิ้วแล้วเบลนด์กับสีน้ำตาลด้านล่าง

ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เห็นสีนะคะ แม้จะเป็นสีอ่อนมากๆ แต่พอทาลงไปแล้วจะมองเห็นสีจางๆ ค่ะ



เติมสีเขียว

ใช้สีเขียวสดระบายก่อน แล้วก็เอาสีเขียวเข้มระบายเหนือสีเขียวสดเล็กน้อย เพื่อสร้างมิติให้ดวงตา



แรเงาจมูก เหมือนตอนเราทำเชดดิ้งสร้างดั้งเก๊ๆ (แต่มีแรเงาตรงปีกจมูก เพื่อสร้างโครงจมูกให้รูป)

ระบายตามตามเส้นประ ร่างเ็ป็นเส้นบางๆ เบาๆ ใช้สีน้ำตาลอ่อนบ้าง น้ำตาลแก่บ้าง (คือร่างด้วยสีเข้มก่อน แล้วค่อยเอาสีอ่อนระบายทับ จะได้ดูมีมิติ)



ปัดแก้มด้วยบลัชออนสีชมพู (เลือกใช้แปรงอายแชโดว์อันเล็ก เพราะว่าจะได้ไม่ระบายเกิน) แล้วก็ทำเชดดิ้ง (ใต้สีชมพู) ด้วยบลัชออนสีน้ำตาล



ระบายลิปให้เต็มปาก (จริงๆ ในรูปนี้ ใช้เป็นบลัชครีมนะคะ เพราะว่าไม่มีลิปสีแจ่มๆ อย่างที่อยากได้ตามลุ้กของ Rihanna เลยใช้บลัชสีชมพูเข้ม แต่ใช้ลิปสติกจริงระบายได้ค่ะ ข้อห้ามคือ...อย่าทากลอส)



เขียนอายไลเนอร์ ก็ใช้อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำระบายได้เลย



ใช้อายไลเนอร์ดินสอสีดำ เขียนอินเนอร์ไลน์ (เวลาใช้อายไลเนอร์ดินสอเขียน จะไม่ได้เขียนให้เส้นมันเต็มๆ น่ะค่ะ จะเขียนเหมือนร่างๆ ให้สีขาวๆ นิดๆ เหมือนว่าเรากำลังเขียนดินสอบนกระดาษขรุขระ แต่ว่าตรงขอบตาบนจะมองไม่เห็นนะคะ เพราะว่าใช้อายไลเนอร์แบบน้ำเป็นหลัก เขียนแค่เฉพาะตรงขอบตาล่าง ใกล้หัวตา)



เขียนขนตาให้หน่อย

ใช้อายไลเนอร์แบบน้ำ (อันเดิม) ลากพู่กันตามสะดวก ชอบขนตาแบบหนาไม่มาก แต่ดูเรียงเส้นสวย ก็จะกะระยะให้แต่ละเส้นห่างนิดเดียว วาดให้ช่วงหางตาดูขนตายาวกว่าช่วงหัวตา



เขียนขนตาล่างนิดหน่อย (วิธีเขียนเหมือนตอนเขียนขนตาบน) ไม่งั้นมันจะแปลกๆ

จะได้ตาแบบนี้



พอลิปสติกเซ็ตตัว ก็สร้างเงาให้ปาก ด้วยน้ำยาลบคำผิด

วาดตามรูป ไม่ต้องเนี๊ยบมากก็ได้นะคะ ไม่ซีเรียส



เนื่องจากในลุ้กของ Rihanna ปากจะดูมันๆ แบบใช้กลอส เราก็ใช้น้ำยาเคลือบเล็บมาทำ effect นี้แทน ซึ่งน้ำยาเคลือบเล็บจะเคลือบลิปสติก ทำให้ Face Chart ของเราไม่เลอะเทอะเวลาเราทำเสร็จ และถ้าเป็นลุ้กปากแบบแมตต์ ให้ใช้น้ำยาเคลือบเล็บแบบแมตต์แทนนะคะ (อันนี้เป็น technique จาก encoremakeup)



ปากมันสมใจแล้ว



เก็บตกระบายลูกตา ใช้สีเทา



เิติมรายละเอียดเครื่องสำอางที่ใช้ แล้วก็เสร็จสมบูรณ์ (แก้มอีกข้างระบายไม่ค่อยเนี้ยบเท่าไหร่นะคะ)

Face Chart ที่ได้



ก็สามารถปรับใช้กับลุ้กเครื่องสำอางที่อยากจะลองได้ค่ะ เก็บไว้เป็นพอร์ตงานก็ได้

HOW TO: Rihanna Who's That Chick Look

หลังจากลง Eye Base ก็ใช้แปรงอายแชโดว์อันเล็กแตะอายแชโดว์สีเหลืองจัด (Sugarpill #Buttercupcake) ระบายตามรูป (ระบายสีเหลืองถึงรอยพับเปลือกตา)


*คลิกเพื่อขยาย

ใช้แปรงหัวตัด (เพราะจะทำให้เขียน Cut Crease ได้ง่าย) แตะอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้ม (In2it Eyebrow Powder #CS01) เริ่มร่างเป็นโครงตามรูป


*คลิกเพื่อขยาย

เบลนด์สีด้วยแปรงขนฟูๆ แตะอายแชโดว์สีน้ำตาลที่อ่อนลงมาอีกนิด (NYX #Brown) เบลนด์ขึ้นไปเหนือเส้นสีน้ำตาลเข้มที่เขียนเมื่อครู่


*คลิกเพื่อขยาย

ใช้แปรงที่หัวเล็กนิดหน่อย แตะอายแชโดว์สีเขียวสด (Sugarpill #Midori) ระบายขอบตาล่าง ครึ่งหนึ่งตามรูป


*คลิกเพื่อขยาย

เพิ่มมิติอีกนิดด้วยสีเขียวเข้มกว่าเดิม (MAC #Humid) ระบายเหนือสีเขียวเมื่อกี้


*คลิกเพื่อขยาย

ใช้แปรงขนฟู แตะอายแชโดว์สีอ่อน สีเนื้อ เนื้อแมตต์ (Sephora #Universal Beige) ระบายใต้ท้องคิ้ว และเบลนด์เ้ข้ากับสีน้ำตาลอ่อน


*คลิกเพื่อขยาย

เขียนอายไลเนอร์หางยางและแหลมด้วยอายไลเนอร์แบบน้ำ (In2it)


*คลิกเพื่อขยาย

เก็บอินเนอร์ไลน์ทั้งดวงตาด้วยอายไลเนอร์ดินสอสีดำ (MAC #Engraved)


*คลิกเพื่อขยาย

ใส่คอนแทคเลนส์นิดนึง (Kira Kira Sherbet #Green)

จะได้ตาแบบนี้


*คลิกเพื่อขยาย

ติดขนตาปลอม (Preciosa 4704)

ปัดแ้ก้มด้วยบลัชส่วนสีชมพูเข้ม (4u2 magic 4 tone sculptured color #03) (จริงๆ อยากใช้บลัชแมตต์ แต่ไม่มีสีที่อยากใช้) ตรงแก้มกลมๆ ใช้สีชมพูที่อ่อนลงมาอีกเฉดระบาย

ทำเชดดิ้งด้วยบลัชสีน้ำตาลเนื้อแมตต์ แล้วอย่าลืมเบลนด์ตรงรอยต่อระหว่างสีชมพู

ปากใช้ลิปสติกสีชมพูบานเย็น (NYC Brushable Creme Stick #Wild Berry) ทาทับด้วยกลอสใสให้วาว (MAC)



จะได้แบบนี้ หน้าบึ้งไปนิดนะคะ รูปน้อยค่ะ ส่วนใหญ่ไม่ชัด เลยได้แต่อันนี้


*คลิกเพื่อขยาย

(รูปตอนหลับตาลง เพิ่งเห็นว่ามีรอยอายไลเนอร์เลอะ...ขอโทษด้วยค่ะ)


กระทู้อัพเดตล่าสุด

REVIEW: Barry M Nail Paint & Nail Effects (อินเทรนด์กับเล็บแตกๆ)


HOW TO: Face Chart (My Technique) + Rihanna Who's That Chick Look




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2553 10:30:37 น.
Counter : 6120 Pageviews.  

REVIEW: Barry M Nail Paint & Nail Effects (อินเทรนด์กับเล็บแตกๆ)

ได้ของเล่นใหม่มา

อยากลองทั้งยาทาเล็บ และ Nail Effect ของ Barry M มานานแล้วค่ะ



ราคา 2.99 ปอนด์ หรือประมาณ 150 บาท

ปริมาณ 10 ml

หัวแปรงเล็กกำลังดี ปาดสีได้ค่อนข้างง่ายค่ะ (แต่อาจจะสู้พวกแปรงหัวใหญ่ๆ แบนๆ ไม่ได้ เพราะแปรงหัวแบนจะปาดสีได้เยอะกว่า ง่ายกว่า)



ขอเริ่มด้วย

Nail Paint สี Mint Green

ทา 1 รอบ...ค่อนข้างใสค่ะ



ต้องทาสองรอบ ถึงจะโอเค (แต่บางเล็บที่ทาบาง ก็จะใสอยู่ดี อาจจะต้องทาสามครั้ง)



สมบูรณ์



สรุป...

น้ำยาทาเล็บค่อนข้างใสนะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสีอ่อนหรือเปล่า เพราะปรกติ ยาทาเล็บคุณสมบัติดังกล่าวจะค่อนข้างทางยาก คือมันจะทาให้เรียบยาก แต่ตัว Barry M Mint Green ไม่มีปัญหาเรื่องทาแล้วไม่เรียบนะคะ เนื้อสมูตดีค่ะ แต่ว่าแค่เนื้อใสไปหน่อย ต้องทาทับ 2 - 3 ครั้ง อยู่ติดทนพอสมควรนะคะ ทาต้นสัปดาห์ อยู่เลยกลางอาทิตย์ค่ะ และจะเป็นลอกๆ ที่ปลายเล็บเล็กน้อย

ราคาไม่แพงมาก สีสวย

ข้อเสียที่ไม่ชอบ...แห้งค่อนข้างช้า

และอีกหนึ่งข้อเสียคือ...หาซื้อในเมืองไทยไม่ได้

แถมเพิ่ม topping เป็นอายแชโดว์ผงแบบวิ้ง chrome สีเขียวเหลือบของ Sugarpill



เปลี่ยนลุ้กให้เล็บได้ทีเดียวค่ะ เหมาะกับเวลาเบื่อๆ

แค่หลังจากทาเล็บแล้ว รอให้เล็บเกือบแห้งสนิท (พอแตะแล้วยังมีความเหนียวนิดๆ) เอาพวกอายแชโดว์วิ้งขาวๆ แต่มีเหลือบหลายๆ สีมาทาด้านบน (ใช้นิ้วหรือแปรงอายแชโดว์) แล้วก็ทาน้ำยาเคลือบเล็บทับ ก็ได้แบบนี้



มาต่อกันที่อันที่อยากได้มากที่สุด

เป็น Nail Effects

เคยเห็นยาำทาเล็บที่พอทาแล้ว มันจะขึ้นลายแตกๆ ครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน จากนิตยสารเมืองนอก อยากได้มากกกก แต่ไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน เพิ่งมาเห็นว่า Barry M มีทำออกมา แต่ไม่มีโอกาสได้ซื้อมาลองเลยค่ะ จนได้ swap มา

ได้มาเป็น Nail Effects สีดำค่ะ

ส่วนผสม



วิธีใช้


*คลิกเพื่อขยาย

ทายาทาเล็บสีที่ต้องการ จากนั้นรอให้แห้ง แล้วทา Nail Effects ลงไป ทาครั้งเดียว อย่าทาทับ

พอทาตามที่เค้าบอก ก็ได้แบบนี้



คือพอทาปุ๊บมันจะเป็นสีดำ แต่แป๊บเดียว มันจะแห้งค่ะ แล้วพอมันแห้ง มันจะเริ่มแตกตัวออกเป็น crack อย่างที่เห็น

สมบูรณ์

ดูเหมือนหน้าเล็บแตกลายงา :-))



ลองทาแบบหนาๆ (ข้างบนจะทาบางๆ)



สรุป...

เนื้อยาทาเล็บตัวนี้ จะเหมือนยาทาเล็บแบบ matte น่ะค่ะ แต่มันจะยิ่งแห้งไวกว่ามากๆ พอเอาแปรงออกจากขวดต้องรีบทาเลยค่ะ ไม่งั้นมันจะเริ่มแห้ง แ้ล้วจะทาได้ยาก แรกๆ ที่ใช้อาจจะขลุกขลักนิดหน่อย แต่พอใช้ไปสักพักจะจับทางได้ แล้วก็ได้เล็บลายสวยๆ ทาแบบบางหรือทาแบบหนาจะให้ลุ้กที่ต่างกันค่ะ ทาตัว effect แล้วยิ่งทำให้ยาทาเล็บที่ทาติดทน อยู่ยาวตลอดอาทิตย์เลยค่ะ

ข้อเสีย...นอกจากหาซื้อที่เมืองไทยไม่ได้ คงเป็นเรื่องแห้งไวแล้วจะเป็นก้อนๆ นี่แหละค่ะ



กระทู้อัพเดตล่าสุด

REVIEW: Barry M Nail Paint & Nail Effects (อินเทรนด์กับเล็บแตกๆ)


HOW TO: Face Chart (My Technique) + Rihanna Who's That Chick Look




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2553 10:27:29 น.
Counter : 4408 Pageviews.  

REVIEW & HOW TO: Laura Mercier Creme Smooth Foundation เซ็ตแปรงและวิธีใช้ & etc.

ขี้เห่อล๊อตต่อมาค่ะ

ตอนแรกว่าจะรีวิวเครื่องสำอางเฉยๆ แต่ไปๆ มาๆ รีวิวเซ็ตแปรงแล้วเห็นแปรงบางอันมันน่าเอามาสอนวิธีใช้ ก็เลยทำเป็นฮาวทูเล็กๆ ไปด้วย เป็นฮาวทูแนวแต่งหน้าง่ายๆ ที่แต่งได้ทุกวันนะคะ อาจจะไม่เป็นสเตปเท่าไหร่ เพราะเรียงฮาวทูการใช้งานตามแปรงมากกว่า

พอดีอยากได้รองพื้น + แปรงแบบ MAC #187 ที่เป็นแปรงสกังค์อีกอัน กับแปรง MAC #224 Tapered Blending Brush แปรงเบลนด์สีอายแชโดว์ กับแปรงคอนซีลเลอร์ดีๆ เพิ่ม ตอนแรกเล็งเซ็ตแปรงของ Sigma ไว้ แต่บังเิิอิญเจอเซ็ตแปรงนี้ของ LM ลดราคาเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 5 ปีที่เปิดเคาน์เตอร์แรกที่เซ็นทรัลชิดลม

"ครบ 5 ปีแล้วกับการเปิดตัวอง Laura Mercier ในประเทศไทยเราขอเฉลิมฉลองกับสาขาแรกที่เซ็นทรัล ชิดลม ในวันที่ 14- 22 ตุลาคมนี้ รับส่วนลด 10 % ตลอดทั้งงาน ร่วมด้วยการเลือกรับสิทธิสุดพิเศษไม่ว่าจะเป็นคะแนนสะสม 5 เท่า ของแถม 5 ชิ้น หรือ voucher มูลค่า 500 เมื่อซ์้อผลิตภัณฑ์ใดๆครบ 5000 บาท"

ข้อความข้างบนนี้ก๊อปมาจากใน tag ที่ได้จาก FB นะคะ

ก็เลยกลายมาเป็นของเหล่านี้


*คลิกเพื่อขยาย

ขอเริ่มรีิวิวพวกเครื่องสำอางก่อน เซ็ตแปรงท่าทางจะยาวค่ะ

เอาตัวที่ชอบมากที่สุดก่อน

Laura Mercier Creme Smooth Foundation #Vanilla Beige



ปริมาณ 30 g

ราคา 1900 บาท

เลือก Vanilla Beige สีในกระปุกค่อนข้างเข้ม แต่ว่าทาแล้วหน้าไม่ลอยดีค่ะ คืออันนี้อยากได้รองพื้นสีเสมอกับผิว เลยเลือกสีเข้มเท่าคอ

สีประมาณนี้



ดูขาวกว่าผิวที่หลังมือใช่ไหมคะ ทาแล้วก็ดูเข้มกว่าหลังมือ แต่ว่าทาบนหน้าจะพอดีเลย ปรกติเวลาลองสีรองพื้น ไม่ควรลองที่มือ/หลังมือนะคะ ควรลองที่บริเวณกราม ตรงรอยต่อระหว่างหน้ากับคอ เลือกมาเทสสักสองถึงสามเฉดสี ถ้าสีไหนดูกลืนกับผิวที่สุด ก็เลือกสีนั้นค่ะ แต่ถ้าอยากให้หน้าดูขาวผ่อง ก็เลือกขาวกว่านั้นนิดนึง แต่ถ้าเอาไว้สำหรับแต่งหน้าเพื่อถ่ายรูป ใช้สีที่พอดีกับหน้าและคอดีกว่าค่ะ

นอกจากสีเข้ม เนื้อครีมเป็นครีมแบบครีมบำรุงผิวข้นๆ ปาดบนหน้าแล้วเบลนด์ได้ง่าย กลืนไปกับผิว ใช้แค่นิดเดียว ประมาณหนึ่งเม็ดถั่วเขียวก็พอแล้ว ปาดได้ทั้งหน้าเลย หลังทาจะทิ้งความหนืดไว้บนผิว ต้องลงแป้งฝุ่นทับจึงจะช่วยซับความหนืดได้

ปกปิดได้ดีค่ะ นอกจากเป็นคนผิวผสมและหน้าแห้งเป็นบางจุด ผิวหน้าของมิถุนาค่อนข้างมีปัญหารอยสิวและรอยคล้ำใต้ตา ทารองพื้นตัวนี้ช่วยปกปิดได้เกือบหมด แพนด้าดูจางลงมาก แล้วก็รอยสิวดูแทบไม่เห็น ซึ่งถ้าไม่ซีเรียส ไม่เก็บเนี๊ยบมาก ปัดแป้งทับก็พร้อมออกจากบ้านได้

เทียบหน้าตอนทากับไม่ทานะคะ

ฝั่งซ้ายคือหน้าเปล่าๆ

ฝั่งขวาครึ่งซ้ายจะใช้นิ้วมือทารองพื้น ส่วนฝั่งขวาครึ่งขวาใช้แปรงลงรองพื้น


*คลิกเพื่อขยาย

อันนี้ซูมให้ดูการปกปิดรูขุมขนนะคะ

ปิดได้พอสมควรเลยค่ะ แต่มิถุนาไม่ได้เป็นคนรูขุมขนกว้างมาก เลยไม่ค่อยมีปัญหาตรงนี้เท่าไหร แต่จะเห็นว่าเปลือกตาที่คล้ำดูสีสม่ำเสมอขึ้นมาก


*คลิกเพื่อขยาย

ลงคอนซีลเลอร์ แป้งฝุ่น เขียนคิ้ว บลัช

ได้หน้าแบบริมซ้ายสุด

ส่วนรูปตรงกลางกับรูปริมขวา จะเป็นทดสอบว่ามันคุมมันหรือเปล่านะคะ

ผลสรุป...รองพื้นไม่ได้คุมมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามัน คนผิวผสมอย่างมิถุนา หลังทามาสามชั่วโมงก็โอเคอยู่ มีช่วงชั่วโมงที่ห้าที่หน้ามันทีเดียว แต่ซับหน้ามันก็แจ่มเหมือนเดิม


*คลิกเพื่อขยาย

สรุป...ชอบรองพื้นอันนี้นะคะ สีพอดีผิว ไม่มีกลิ่น แล้วก็เนื้อครีมเบลนด์ง่าย ทาง่าย ใช้นิดเดียวก็ปกปิดทั่วหน้า ไม่หนักหน้าเกินไป แต่คงเรียกว่าบางเบาไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่รองพื้นบางเบามักไม่ปกปิดเลย ไม่ได้ทำให้หน้ามันแต่ไม่ได้คุมมัน แล้วก็ไม่เป็นคราบหรือเปลี่ยนสีระหว่างวัน

ข้อเสียที่ไม่ชอบ...ไม่ชอบแพ็กเกจกระปุกแก้ว เพราะพกลำบาก และราคาถือว่าค่อนข้างแพงเอาการค่ะ แต่คิดว่ามันใช้ไ้ด้นาน เพราะใช้ทีนะนิด ก็เลยพอถัวๆ กันไปได้ และมาซื้อตอนโปรโมชันดีๆ ก็โอเคค่ะ

Secret Camouflage #SC-2



เป็นคอนซีลเลอร์สองสี สีออกส้มกับเหลือง เวลาใช้ต้องเอาสีมาผสมกัน เพื่อจะได้สีคอนซีลเลอร์ที่เข้ากับผิวที่สุด

ปริมาณ 7.7 g

ราคา 1300

ใช้ผสมกันแบบนี้นะคะ

สำหรับมิถุนา ชอบจิ้มสีละครั้ง แล้วค่อยเอามาแต้มรอยสิว แต่บางคนอาจจะผสมแบบ จิ้มสีเหลืองสองครั้งสีส้มหนึ่งครั้ง อะไีรแบบนี้



ถ้าเป็นเรื่องปัญหาแพนด้าใต้ตา มิถุนาจะใช้สีส้มทาใต้ตา เพราะว่าเป็นคนใต้ตาสีออกคล้ำแบบดำ/ม่วง เลยใช้สีส้มจะทำให้ไบรท์กว่า ถ้าใครใต้ตาเป็นสีแดง แบบคนเป็นภูมิแพ้ แนะนำให้ใช้แต่สีเหลืองค่ะ

ดูสีของแต่ละอันกันนะคะ

จะเห็นว่าแต่ละสีดูต่างโทนกันเล็กน้อย



เนื่องจากเนื้อคอนซีลเลอร์รุ่นนี้ค่อนข้างแข็ง/แห้ง (เคยใช้อีกรุ่นที่เป็นตลับกลมๆ จะชุ่มชื้นกว่านี้ เนื้อครีมกว่า แต่รู้สึกว่าเป็นคราบ) เลยใช้นิ้วแตะคอนซีลเลอร์ แล้วเอามาแต้มๆ ให้ทั่วตา

นิ้วจะช่วยวอร์มครีม ให้ครีมนุ่มขึ้น ทาง่ายกว่าการใช้แปรงค่ะ

เอาินิ้วไล่แตะๆๆๆ ไปตามลูกศรที่ขอบตาล่าง แตะไปเรื่อยๆ จนคอนซีลเลอร์กลืนกับผิวนะคะ



แล้วก็อย่าลืมส่วนเปลือกตาบนที่คล้ำด้วย

เช่นเดียวกัน ค่อยๆ แตะเบลนด์ไปทีละนิด จนเนื้อคอนซีลเลอร์มันกลืนไปกับผิว



ปกปิดดีมาก ลองดูตาเปรียบเทียบนะคะ

ฝั่งซ้ายจะใช้ LM Secret Camouflage ฝั่งขวาจะยังไม่ไ่ด้ทา เห็นไหมว่ารอยดำๆ จางลงไป


*คลิกเพื่อขยาย

สรุป...ชอบมากๆ ค่ะ เพราะว่าปกปิดแพนด้าได้ดี ไม่เป็นคราบระหว่างวันด้วย (แต่อาจเป็นเพราะมิถุนาใช้น้อย และใช้นิ้วเบลนด์นะคะ เพราะเห็นบางคนบอกว่าทามากๆ จะเป็นคราบ) ปิดรอยสิวได้โอเคเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเทียบความรู้สึก สู้ปกปิดแพนด้าไม่ได้ เนื่องจากมีสองสี สามารถผสมสีได้ตามชอบ และด้วยเหตุผลเดียวกัน เวลาปกปิดใต้ตาของคนที่มีสีคล้ำไม่เหมือนกันก็สะดวกดีค่ะ

ข้อเสีย...เนื้อแห้ง ควรใช้นิ้วช่วยทาจะง่ายกว่าใช้แปรง

ทริก...

คอนซีลเลอร์ที่เหลือที่นิ้ว เอามาป้ายตรงร่องจมูกตามแนวลูกศร สำหรับคนที่มีร่องจมูกแดง/คล้ำ



Laura Mercier Foundation Powder #3

แป้งแข็งของ LM ยังไม่เคยใช้ค่ะ เคยใช้แต่แป้งฝุ่นของ LM ซึ่งชอบมากๆ งวดนี้ลองแป้งอัดแข็งดูบ้าง

สีแป้งในรูปโดนแฟลชเลยจะอ่อนไปนิด เบอร์สามจริงๆ เข้มกว่านี้นะคะ ปรกติถ้าเลือกแป้งจะเลือกสีเข้มเพื่อจะได้พอดีกับผิว แล้วเลือกคอนซีลเลอร์สีอ่อนกว่าแป้ง 1 เบอร์ จะกำลังดีสำหรับคนที่ชอบให้หน้าดูธรรมชาติ ไม่ใช่หน้าเด้ง



ปริมาณ 7.4 g

ราคา 1700

ตลับค่อนข้างหนา เพราะเป็นแบบแยกชั้น มีชั้นสำหรับฟองน้ำต่างหาก และมีกระจก



ป้ายแป้งด้วยฟองน้ำของ LM แป้งติดมา เนื้อแป้งค่อนข้างนุ่ม



ลองทาบนมือดูก่อน

ฝั่งซ้ายไม่ได้ทา ฝั่งขวาทา จะเห็นว่าดูขาว + เนียน



เทียบบนหน้าบ้าง ฝั่งซ้ายทาแป้ง ฝั่งขวาไม่ได้ทา



ทาทั้งหน้า และเปรียบเทียบกับตอนยังไม่ได้ทา

หน้าดูเนียนดีนะคะ (อันนี้ทาแป้งเสร็จก็ถ่ายเลย ทำให้หน้าดูขาววอกนะคะ แต่ผ่านไปสักแป๊บมันก็จะเซ็ตตัวเหมือนตอนทาแป้งฝุ่น)


*คลิกเพื่อขยาย

ทดสอบว่าคุมมันไหม...

เป็นคนผิวผสมค่อนข้างมันนะคะ

รูปแรกเป็นตอนทาแป้งเสร็จใหม่ๆ หน้าขาวไปหน่อยนะคะ แต่ทิ้งไปสักแป๊บ มันเซ็ตตัวแล้วก็ไม่วอกค่ะ

รูปสองผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หน้ายังแห้งอยู่เลย

รูปที่สาม...ผ่านไปแปดชั่วโมง...หน้าแทบไม่มัน เจ๋งมากกกก


*คลิกเพื่อขยาย

สรุป...เนื้อแป้งแข็งเนียนนุ่ม ทาบนหน้าแล้วเนียนไปกับผิว ปกปิดค่อนข้างดี แต่ถ้าเป็นแพนด้าอาจจะมีเห็นบ้าง และการทาแป้งแข็งมักจะกลบไม่มิด ใช้คอนซีลเลอร์เพิ่มหน่อยจะเริดมาก (คือในรูปที่ทาเปรียบเทียบ จะเห็นว่ารอยคล้ำที่ตาดูลดลง แต่ก็จริงๆ ถ้าเห็นกับตา ไม่ใช่ในรูป จะเห็นว่าตาจะดูล้าๆ อยู่) คุมมันดีมาก สู้แป้งฝุ่นได้เลย ไม่ได้ทำให้หน้ามัน หน้าไม่หมอง ไม่เป็นคราบระหว่างวัน

ค่อนข้างประทับใจนะคะ เป็นแป้งไม่กี่ยี่ห้อที่ทาแล้วรู้สึกว่าหน้าไม่เป็นขุย มิถุนาผิวผสมแต่ค่อนข้างแห้งเป็นบางจุด ทำให้พวกข้างแก้ม จมูก อาจจะมีขุยๆ ถ้าใช้แป้งพัฟ เวลาทาจะเห็นขุยชัดเจนมาก หน้าจะไม่เรียบ แป้งที่ชอบมีของ RMK กับ Maybelline ตลับฟ้า (อาจจะมียี่ห้อเทียบไม่มากนะคะ เพราะว่าเป็นคนชอบแป้งฝุ่นมากกว่า) ของ LM คิดว่าดีเหมือนกันเลยค่ะ หน้าไม่เป็นขุย

ข้อเสีย...แพงไปหน่อย

แถมเทคนิค...

สามารถใช้แป้งแข็งปกปิดรอยสิวได้นะคะ

รอยสิว



แค่มีแปรงคอนซีลเลอร์ช่วยด้วยก็โอเค (จริงๆ ถ้าฉุกเฉินไม่มีแปรง ใช้นิ้วก็ได้ค่ะ)

เอาแปรงแตะแป้ง



แล้วเอามาแต้มที่แผล แต้มเหมือนตอนแต้มคอนซีลเลอร์ คือแตะไปเรื่อยๆ



เสร็จแล้ว



เป็นเทคนิคที่ได้ตอนไปเวิร์กชอปของลอรีอัลเมื่อนานมาแล้ว จากเมกอัพอาร์ติสท่านนึงซึ่งจำชื่อไม่ได้ (แหะๆ)

Laura Mercier Eye Liner #Black Ebony



ปริมาณ 1.4 g

ราคา ประมาณเก้าร้อย

เป็นอายไลเนอร์แบบ cake ต้องผสมน้ำแล้วใช้งาน

ในเว็บคำโปรยประมาณ...ใช้ง่าย ติดทน สีเข้ม ไม่ smudge

อันนี้มิถุนาใช้กับ Missha Magic Eye Changer หยดไปนิดนึง



แล้วเอาพู่กันกวนๆ จนได้เนื้อข้นๆ ค่อยเอามาเขียน



เทสต์สี ดำทีเดียวค่ะ



แต่ว่า...

ไม่กันน้ำ

หยดน้ำลงไป



เอามือลูบที สีดำหายไปหมดเลย



เลยเปลี่ยนมาใช้กับ Benefit She Laq ตัวซีลอายไลเนอร์ ล็อกไม่ให้เลอะเปื้อน (She Laq ขวดจริงเป็นขวดแก้วสีน้ำเงินนะคะ แต่อันนี้เอามาใส่ขวดยาหยอดตาเพื่อจะได้ใช้งานง่ายๆ)



เขียนบนมือ...ดูเงาๆ นะคะ เป็นเพราะตัว She Laq ทำให้มันดูเงา



เอาน้ำลูบปืดดดด

มันไม่ไปค่ะ



ต้องถูไปมา

ออกเท่านี้ (รูปนี้เป็นอีกรูปนะคะ เพราะว่าก่อนหน้าลืมถ่ายรูปตอนล้างแล้วถู เลยต้องถ่ายรูปใหม่)

จะเห็นว่าเอานิ้วลูบไปมาแล้วมันจะเป็นขุยๆ เพราะอิทธิพลของ She Laq



ดังนั้น ใครที่เปลือกตามัน ใช้น้ำเปล่าหรือ Magic Eye Changer เอาไม่อยู่ค่ะ ต้อง She Laq เท่านั้น

เห็นเป็นเนื้อแป้งแข็งๆ อยากรู้ว่าใช้แทนอายแชโดว์ได้ไหม เลยเอามาลองป้ายกับมือดู

ใช้ได้นะคะ แต่ว่าต้องทาอายไพรเมอร์

จะเห็นว่าทางซ้ายที่ทาไพรเมอร์ สีดำััชัดมาก แต่ข้างขวาที่ไม่ได้ตา ไม่ชัดเลย



สรุป...เป็นอายไลเนอร์ที่อาจจะยุ่งยากตอนใช้งานเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องต้องมาหยดน้ำเปล่าแล้วใช้งาน ก็ถือว่าเป็นอายไลเนอร์ที่่ดีทีเดียวค่ะ เพราะมันต้องใช้ร่วมกับพู่กัน ทำให้เราได้อายไลเนอร์เส้นเล็ก นอกจากนี้ยังเก็บได้นานกว่า ไม่ต้องกลัวว่ามันจะแห้งเหมือนอายไลเนอร์แบบน้ำ สามารถใช้แทนอายแชโดว์ได้ แต่ต้องมีอายไพรเมอร์ทาก่อน

ข้อเสีย...ไม่เหมาะกับคนเปลือกตามัน แพนด้าชัวร์ค่ะ แม้จะใช้ Magic Eye Changer ร่วมด้วย อย่างที่แนะนำข้างบน ควรใช้ Benefit She Laq หรือตัวซีลอายไลเนอร์ยี่ห้ออื่นมากกว่า จะไม่แพนด้าค่ะ และการใช้งานอาจจะวุ่นวายสำหรับบางคน เพราะต้องใช้อุปกรณ์เยอะ อย่างตัวทำละลายและแปรงอายไลเนอร์

สุดท้ายด้วย...

เซ็็ตแปรงกับวิธีใช้ และรวมเป็นฮาวทูแต่งหน้าแบบง่ายๆ ที่ปรกติมิถุนามักจะแต่ง แต่ฮาวทูอาจจะไม่เรียงภาพนะคะ (บางรูปเป็นรูปคนละวันด้วย เพราะว่าลืมถ่ายรูปต้องมาถ่ายแก้ใหม่) เน้นเรียงตามลำดับแปรงมากกว่า และเป็นมินิฮาวทูสอนการใช้งานมากกว่า และมีแทรกทริกเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ

เซ็ตแปรง Laura Mercier


*คลิกเื่พื่อขยาย

อ้อ ชุดนี้มีขายที่เซ็นทรัลชิดลมตามที่จัดโปรโมชันนะคะ ที่อื่นไม่มีค่า

ในเซ็ตมีแปรงทั้งหมดดังนี้


*คลิกเพื่อขยาย

มาในกระเป๋าสีขาว

มีซิปกับซองใส่ของ

ขนาดกำลังดีค่ะ เหมาะกับพกไปต่างจังหวัดมากๆ กำลังอยากได้แปรงสำหรับเดินทางด้วย เหมาะพอดี



ราคาเต็ม 3200

ขอเริ่มด้วย

แปรง Finishing


*คลิกเพื่อขยาย

ซูม



เห็นคนที่เคยใช้บอกว่าดีมาก เพิ่งได้ลองครั้งนี้

ขนสีขาวเป็นขนสังเคราะห์ ขนสีดำเป็นขนสัตว์แท้ ในเว็บบอกว่าเวลาใช้ให้เอาแปรงจุ่ม product ให้ถึงขนสีดำ แล้วค่อยเอามาปัดเป็นวงกลมบนหน้า แต่มิถุนาไม่ได้จุ่มถึงขนาดนั้น แค่โดนขนขาว และไม่ได้ใช้วิธีปัดเป็นวงกลมด้วยค่ะ

เทียบกับแปรง MAC



LM ใหญ่กว่านะคะ ส่วนตัวแล้ว MAC ค่อนข้างพอดีกับแก้มมากกว่าค่ะ LM เหมาะกับลงรองพื้นที่ใช้พื้นที่เยอะๆ มากกว่า เพราะหน้ามันกว้างกว่า เลยลงได้เร็วกว่า

เอียงนิดๆ ยังเห็นว่า LM ใหญ่กว่า และขนสีขาวดูน้อยกว่าของ MAC



ขนสังเคราะห์สีขาวของ LM น้อยกว่าของ MAC ชัดเจน

ตอนเอามาเทียบกัน แอบใจแป้วเล็กๆ กลัวว่าจะใช้ไม่ดีเหมือน MAC



แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ต้องลองดู

วิธีใช้แปรง finishing กับรองพื้นตามแบบมิถุนา คือเอารองพื้นป้ายบนหลังมือ แล้วเอาแปรงจุ่มลงไป (ทำหน้าตัดแปรงให้ขนานกับหลังมือ)



จุ่มให้เนื้อครีมติดขนสีขาว จุ่มให้รองพื้นติดทั่วปลายขนแปรงสีขาวนะคะ

แบบนี้

ในรูปมันดูน้อย แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ครีมรองพื้นขนาดใหญ่กว่าเม็ดถั่วเขียวเล็กน้อย ใช้กับแปรงแบบนี้สามารทารองพื้นได้ทั่วทั้งหน้า (ที่ต้องใหญ่กว่าเม็ดถั่วเขียวนิดหน่อย เพราะว่าเวลาใช้แปรงลงรองพื้น จะทำให้กิน product มากกว่าใช้นิ้วมือค่ะ)



เอามาจิ้มรัวบนหน้า จิ้มตามแนวลูกศร จิ้มขึ้นจิ้มลงรัวบนหน้าเบาๆ แล้วค่อยๆ ขยับแปรงวนไปให้ทั่วหน้า เวลาเริ่ม เริ่มทีละซีกหน้าจะง่ายกว่าค่ะ (แต่ก่อนมิถุนาใช้วิีธีวนแปรงไปรอบหน้า ไม่ได้ใช้วิธีจิ้มไปทั่วหน้า แต่พอเปลี่ยนวิธี รู้สึกว่าแบบจิ้มๆ นี่ดีกว่า ทำให้ลงรองพื้นได้เนียนกว่า แล้วก็ไม่เปลืองรองพื้นด้วย)



รองพื้นบนแปรงจะหายไปนะคะ แปรงจะดูซีดลงและแห้งขึ้น แสดงว่าเราใช้รองพื้นบนแปรงหมดแล้ว ถ้าคิดว่าใช้รองพื้นน้อยไป หน้ายังทารองพื้นได้ไม่หมด ก็เพิ่มรองพื้นไปอีกนิด



เทียบกับการลงรองพื้นด้วยนิ้วมือ

จะเห็นว่าทางขวาที่ใช้แปรง finishing จะลงรองพื้นได้เรียบกว่า (แต่เวลาเร่งๆ มิถุนาจะชอบใช้นิ้วค่ะ แปรงมันเนี๊ยบกว่าก็จริง แต่ใช้เวลาในการลงด้วย)

ถ้าเป็นแปรงรองพื้นแบบหัวแบน เวลาลงรองพื้นอาจจะมีปัญหาตรงที่ลงรองพื้นแล้วอาจจะเยิ้มเกินไป แต่แปรง finishing หรือแปรงขนสองผสมกันแบบนี้ ทำให้ลงรองพื้นได้ดีกว่า และไม่เยิ้มค่ะ



ถ้าไม่ใส่รองพื้นเยอะ เวลาทาทั่วหน้าแล้วแปรงจะแห้งพอดีนะคะ ดังนั้นจะเอามาใช้ต่อกับแป้งฝุ่นได้เลยค่ะ

เอาแป้งฝุ่นใส่ถาด แล้วใช้แปรงจุ่มวนนิดหน่อย ให้แป้งติดทั่วแปรง



แล้วเอามาวนเป็นวงกลมทั่วหน้า



ได้แบบนี้



ก็อย่างว่านะคะ แปรงแนว finishing brush เป็นแปรงสารพัดประโยนช์ นอกจากทาแป้งลงรองพื้น ยังเอามาใช้กับการปัดแก้ม/ไฮไลท์ได้ด้วย

สีบลัชที่เหมาะกับแปรงพวกนี้มากๆ คือบลัชสีสดๆ ที่ไม่ต้องการปัดให้หนักมือ

อันนี้เลือก Nars Exhibit A เป็นแปรงที่จะช่วยปัด Ex-A ได้ง่ายมากๆ



จุ่มหน้าแปรงลงในบลัช ให้สีติดขนแปรงสีขาวขึ้นมา แบบนี้



ส่วนตัวแล้วใช้วิธีปัดเหมือนลงรองพื้นนะคะ คือแต้มเบาๆ ตรงแก้มที่นูนออกมาเป็นลูก จากนั้นก็ปัดไปด้านหลังเล็กน้อย



Finishing Brush ของ LM หัวแปรงใหญ่ไปหน่อย ถ้าต้องการปัดแก้มเป็นบริเวณเล็กๆ ของ MAC อาจจะเหมาะกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ใช้ปัดแก้มได้ไม่มีปัญหา



ส่วนใหญ่หลังปัดแก้มแล้ว ชอบทาไฮไลท์ที่ตรงเหนือโหนกแก้ม แก้มจะวิ้งๆ และโกลว์ดีค่ะ

อันนี้ใช้ Lola Luna Twilight Mortal Glow #Swoon

เอานิ้วนางปาดครีมเล็กน้อย



เอามาไล้บนแก้ม ตามลูกศร

คือเหนือโหนกแก้ม แล้วก็ไล่ไปถึงคิ้ว โค้งเป็นรูปตัว C



ลงไฮไลท์เป็นรูปตัว C เหนือโหนกแก้มแล้ว มิถุนาจะชอบไฮไลท์สันจมูกด้วย

แต่เปลี่ยนไฮไลท์เป็นแบบไม่มีวิ้ง เน้นโกลว์

ใช้ของ Smashbox Artificial Light #Flash

บีบมานิดเดียว (สามารถใช้อายแชโดว์/ไฮไลท์สีนวลๆ ขาวๆ มาไล้ดั้งแทนได้)



ไล้ลงมาตามสันจมูก เบลนด์จนสีไม่กลืนไปกับผิว



แต่รวมๆ จะได้ประมาณนี้

จะเห็นว่ามีวิ้งๆ เหนือแก้มสีแดง จมูกดูเงาๆ เล็กน้อย



ถ้าไม่อยากลงไฮไลท์รูปตัว C อยากลงไฮไลท์ทั่วหน้า ก็ใช้แปรง Finishing อันเดิมมาวนที่ไฮไลท์ (ปรกติมิถุนาไม่วนเยอะนะคะ เพราะไม่อยากให้หน้าวาวเกินไป เนื่องจากเป็นคนหน้ามัน)



เอามาปัดวนๆ ทั่วหน้าเบาๆ เป็นวงกลมไปทั่วหน้า



แปรง finishing นี่ ตอนล้างสีไม่ตกนะคะ ขนอาจจะมีร่วงบ้าง แต่ของ mac ก็เป็นค่ะ

แปรง Secret Camouflage/Camouflage Powder


*คลิกเพื่อขยาย

ฝั่งแปรง Secret Camouflage

เป็นแปรงคอนซีลเลอร์ หัวเล็ก ขนสังเคราะห์ เหมาะกับการใช้ปกปิดจุดเล็กๆ



(อันนี้ไม่มีตัวเทียบนะคะ ไม่มีแปรงที่ใกล้เคียงกับอันนี้)

ค่อนข้างบาง



วิธีใช้

เริ่มด้วยรอยแผลเป็นที่ต้องการปกปิด



เอาแปรงแตะคอนซีลเลอร์ แล้วเอามาแตะที่แผลเป็น ใช้วิธีกดไปเรื่อยๆ จนคอนซีลเลอร์กลืนไปกับผิว



จะได้แบบนี้ (รูปแอบมัวอีกแล้วค่ะ มีสามรูป มัวทุกรูปเลย)



นอกจากนี้แปรงคอนซีลเลอร์ขนาดเล็กเอามาใช้ทาลิปได้ด้วยค่ะ

แต่ว่าต้องเป็นแปรงสะอาดที่ยังไม่ได้ใช้กับคอนซีลเลอร์มาก่อนนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวลิปสีเพี้ยน

ก็มีแปรงสะอาดกับลิปสติก



เอาแปรงปาดแบบถูกับลิปสติก ให้เนื้อลิปละลายติดแปรง ได้แบบนี้

เนื้อลิปจะดูเป็นครีมๆ



เอามาปาดกับริมฝีปาก

เอาปลายหัวแปรงแหลมเล็กแนบกับมุมปากแล้วลากลงมา



เติมให้เต็มทั้งปาก ก็ได้แบบนี้



ฝั่งแปรง Camouflage Powder



เห็นในเว็บว่าใช้ทาคอนซีลเลอร์หรือแป้งทาใต้ตาก็ได้ เป็นแปรงขนสังเคราะห์ทรงรี

เทียบกับแปรงคอนซีลเลอร์ของ Benefit ที่ชอบใช้ให้ดูค่ะ ขนาดพอกัน กำลังดี เหมาะกับการใช้ทาคอนซีลเลอร์ใต้ตา แต่ของ LM จะดูมนกว่าทำให้เวลาใช้กับใต้ตาจะทาได้ง่ายกว่า กินพื้นที่มากกว่า



ขนแปรงค่อนข้างเรียวบางนะคะ ถ้าเทียบกับ Benefit ซึ่งจะหนากว่า



ใช้งานแบบนี้นะคะ แตะคอนซีลเลอร์แล้วเอามาแต้มๆ ใต้ตา แตะตามแบบลูกศรเหลือง แล้วก็ไล้ไปตามแนวเส้นลูกศรขาว แตะไปเรื่อยๆ จนคอนซีลเลอร์กลืนไปกับผิว



เทียบข้างที่ทาคอนซีลเลอร์กับข้างที่ไม่ได้ทาค่ะ

ข้างซ้ายทาคอนซีลเลอร์ ตาไบรท์กว่าเดิมมาก คอนซีลเลอร์นี่ขาดไม่ได้เลย



นอกจากนี้ แปรงคอนซีลเลอร์หัวใหญ่ เอาไว้ใช้ทาครีมอายแชโดว์ได้้ด้วย เพราะมันเป็นขนสังเคราะห์

วิีธีใช้ง่ายๆ...เอาแปรงมาแตะกับครีมอายแชโดว์



ระบายที่เปลือกตาเหมือนทาอายแชโดว์



เปรียบเทียบการใช้นิ้วทากับใช้แปรงทา


*คลิกเพื่อขยาย

ดูแล้วไม่ค่อยต่างกันมากนะคะ

ข้อดีของการใช้แปรงทาครีมอายแชโดว์คือ มือไม่เลอะ แล้วก็สีจะเข้มกว่า

แต่ถ้าใช้นิ้วมือ จะเบลนด์สีให้กลืนกันเปลือกตาได้ดีกว่า เพราะว่านิ้ววอร์มตัวครีมอายแชโดว์ให้ละลาย ทาได้กลืนดีค่ะ

ฺแปรงคู่ต่อมา

แปรง Brow Definer/Brow Grooming


คลิกเพื่อขยาย

เริ่มด้วยแปรง Brow Definer



ไว้เขียนคิ้วนะคะ

เป็นขนสังเคราะห์ หัวแปรงเรียวเล็ก เขียนได้เส้นเรียวเล็ก แปรงแนวนี้เอาไว้เขียนอายไลเนอร์ได้นะคะ หรือจะเอาไว้ใช้ระบายอายแชโดว์ที่ขอบตาล่างได้้ด้วย จะได้เส้นที่เรียวเล็ก

เทียบกับแปรงหัวตัดที่ดูคล้ายกัน



คล้าย MAC #266 แต่ว่าเล็กว่านิดหน่อย แล้วก็ของ LM จะแข็งกว่า เพราะของ MAC มันเป็นแปรงขนสัตว์ แต่เนื่องจากของ LM แข็งกว่า เลยเขียนคิ้วได้เรียวกว่า แต่ถ้าเทีบบกับ MAC #208 MAC #208 ก็เขียนคิ้วได้เรียวสวย เพราะว่าขนแข็งและหัวแปรงเรียวเล็กค่ะ

วิธีใช้ก็ง่ายมาก เอาแปรงแตะที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น



เริ่มเขียนจากหางคิ้ว ชอบเริ่มที่หางคิ้ว เพราะว่าจะกำหนดโค้งคิ้วได้ง่ายกว่า

ลากตามลูกศร เริ่มจากด้านล่างก่อน ส่วนด้านบนก็ค่อยเติมทีหลัง



แล้วค่อยเริ่มที่หัวคิ้ว เพราะเป็นคนไม่ชอบให้คิ้วเข้มชัดเจน เลยจะลากเส้นห่างออกมาจากหัวคิ้วนะคะ (รูปไม่ชัด ขออภัยด้วยค่ะ)



อย่างที่บอกไว้ตอนแรก แปรงเขียนคิ้ว Brow Definer เอามาใช้เขียนอายไลเนอร์ได้ค่ะ

ทำแบบนี้ เอาแปรงมาปาดกับอายไลเนอร์ดินสอ หรือเจลไลเนอร์ หรือเค้กไลเนอร์



เริ่มร่างโครงตามความหนาของอายไลเนอร์ที่ต้องการ



เพราะเป็นแปรงหัวตัด จะทำให้เขียนอายไลเนอร์ได้ง่ายมาก

เอาแปรงมากดลากต่อจากเส้นที่เขียนไว้ด้านบนแบบในรูป แล้วก็ลากลงมาตามแนวลูกศร



ได้แบบนี้



ต่อด้วยแปรง Brow Grooming

เอาไว้ปัดก่อนเขียนคิ้ว เพื่อให้คิ้วไปทางเดียวกัน โดยวางแปรงขนานกับคิ้วแล้วลากจากหัวคิ้วไปหางคิ้ว เหมือนการหวีผม



เปรียบเทียบกับแปรงคิ้วที่มี ซึ่งเป็นของ Anna Sui



ของ Anna Sui จะเรียวกว่าและนุ่มกว่า (Anna Sui แอบมีขุยสำลีติดนะคะ ตอนล้างเบลอ เอารูดกับสำลี มันเลยพันติดก้านเลย)

จริงๆ แปรงนี้เอาไว้ปัดก่อนเขียนคิ้ว เพื่อให้คิ้วไปทางเดียวกัน เวลาเขียนคิ้วจะได้เขียนได้ง่ายและสวย แต่เนื่องจากมิถุนาไม่ได้เป็นคนคิ้วหนามาก ไม่มีปัญหาคิ้วยุ่ง รก ไม่เป็นระเบียบ เลยชอบเอาแปรง Brow Grooming มาไล้ที่ช่วงหัวคิ้ว เพื่อสีคิ้วที่เขียนไว้จะดูนุ่มลง

ไล้/ปัดตรงเส้นที่เขียนตามลูกศร เฉพาะแค่ช่วงหัวคิ้วไปถึงกลางคิ้ว



ปรกติเขียนคิ้วแล้วมักจะปัดมาสคาร่าคิ้วด้วย เพราะว่าย้อมผม ถ้าไม่ปัดมาสคาร่าคิ้ว คิ้วจะโดด

อันนี้ใช้ของ Kate

เวลาใช้ ชอบเอาแปรงรูดกับขอบขวดก่อน เพื่อเอามาสคาร่าส่วนเกินออก เวลาปัดจะไม่ได้เป็นปื้น



ปัดขึ้นไปด้านบน เหมือนเวลาปัดมาสคาร่า ไม่ได้ปัดไปตามแนวคิ้ว เพราะปัดแบบขึ้นไปข้างบนจะทำให้มาสคาร่าคิ้วย้อมคิ้วไ้ด้ทั่วกว่า



ประมาณนี้นะคะ

สีคิ้วดูอ่อนลง (รูปนี้แอบมีมาสคาร่าเลอะด้วย เพิ่งมาเห็นหลังทำรูปแล้วค่ะ)



แปรง Ponytail/All Over Eye Colour


*คลิกเพื่อขยาย

เริ่มด้วยแปรง All Over Eye Colour



ไม่มีตัวเปรียบเทียบนะคะ มันเป็นแปรงอายแชโดว์ที่ค่อนข้างใหญ่ ขนาดกว้างประมาณ 1.5 cm

ขนแปรงหนา



ในเว็บบอกว่าเหมาะกับทาสีอ่อน/สีเบสบนเปลือกตา แต่มิถุนาว่ามันใหญ่มาก เหมาะกับเอาไว้ทาสีไฮไลท์ที่ใต้คิ้วด้วยค่ะ

วิธีใช้

ใช้ทาอายแชโดว์...

แตะสีอ่อน



แต้มสีรอบเปลือกตา (ในเส้นปรุ)



หรือเลือกสีไฮไลท์



ระบายใต้คิ้ว



แปรง Ponytail

อันนี้เป็นอันที่อยากลองมากที่สุดรองจาก finishing



แปรงไว้ทาสีอายแชโดว์ตรงช่วงรอยพับตานะคะ เน้นให้สีเด่นขึ้นกลืนขึ้น

ขนแปรงยาว ฟู ขนนุ่ม (ขนสัตว์) จริงๆ แปรงอันนี้ไว้ลงแป้งใต้ตาก็ได้เหมือนกันค่ะ เวลาล้างแปรง ขนสีไม่ตก ไม่ร่วง

หัวกลม แต่เป็นทรงพุ่มเหมือนดอกบัว



เทียบกับ NYX ที่มีให้ดูค่ะ



NYX จะป้อมกว่า แล้วก็ดูกลมกว่า ของ NYX จะเบลนด์สีได้ไม่กระจายสีเท่าของ LM นะคะ คิดว่าเป็นเพราะขนมันแน่นกว่าด้วย แล้วก็ด้วยรูปทรง ดังนั้นของ LM กินขาดค่ะ

วิธีใช้ก็ประมาณนี้

ต่อจากแต่งตาสีน้ำตาลด้วย All Over Eye Colour ข้างบน เราก็เอาแปรง Ponytail แตะอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้ม



จุ่มสีเฉพาะตรงปลายๆ นะคะ ได้แบบนี้



เอามาวนเป็นวงกลม หมุนๆ ตามรูป ตรงช่วงหางตาและไปตามรอยพับเปลือกตา เป็นการเน้นเบ้าตา/คัดเบ้าตา เหมาะกับคนตาสองชั้นหลบใน หรือต้องการทำให้ตาดูมีมิติ



ได้ประมาณนี้



ตัวแปรง Ponytail นอกจากไว้เน้นสีที่ตรงหางตา ยังเอาไว้เบลนด์สีให้กลืนกันได้

อย่างตอนทาอายแชโดว์สีเข้มจะเป็นแบบนี้

อายแชโดว์ตรงขอบๆ จะเป็นคลื่นๆ เข้มๆ


เอาแปรง Ponytail ที่สะอาดนะคะ ไม่ต้องแตะอายแชโดว์ใดๆ หรือถ้าจะแตะอายแชโดว์ เลือกสีอ่อนค่ะ

อย่างสีอ่อนกว่าแบบนี้



แล้วเอามาเบลนด์เหนืออายแชโดว์ที่ดูไม่เรียบ ดูเข้มไป ป้ายไปมาตามรูปลูกศร



มันจะเบลนด์กลืนกันเป็นแบบนี้

เป็นสโมกกี้อายส์ง่ายๆ



(เดี๋ยวตรงขอบตาล่างที่เป็นสีน้ำตาล ใช้แปรง Smudge นะคะ วิธีใช้เป็นรายการถัดไปค่ะ)

แปรงคู่ถัดมาเป็น

แปรง Smudge/Flat Eye Liner


*คลิกเพื่อขยาย

เริ่มด้วยแปรง Smudge



แปรงหัวเล็ก ไว้ระบายอายแชโดว์พวกตามขอบตา หรือตรงหัวตา เป็นขนสัตว์นะคะ

ลักษณะหัวกลมและหนาเล็กน้อย



เทียบกับของ Oriental Princess ซึ่งจะเป็นแปรงอายไลเนอร์ (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะคะ)



รูปทรงใกล้เคียงกัน แต่ของ LM มันกลมกว่า แบนกว่า ขนแน่นกว่า ไม่นุ่มเหมือน OP ทำให้ไล้สีได้ชัดเจนกว่าและได้เส้นเล็กกว่า

วิธีใช้งาน...

ต่อจากการเบลนด์อายแชโดว์ด้านบน

ใช้แปรง Smudge แตะอายแชโดว์สีเข้มที่ระบายเปลือกตาเมื่อก่อนหน้า



แล้วมาไล้ที่ขอบตาล่างตามรูป เสร็จแล้วเช็ดแปรงนิดหน่อย แตะอายแชโดว์สีอ่อน เอามาไล้ตรงหัวตา ตามลูกศรเหลือง (อันนี้ลืมถ่ายรูปค่ะ)



แปรง Flat Eye Liner



เป็นแปรงขนสังเคราะห์หัวตัดตรง ไว้เขียนอินเนอร์ไลน์ได้ง่ายขึ้นค่ะ

เทียบกับของ Sephora ที่มี



ของ Sephora จะนุ่มกว่านะคะ แปรงใหญ่กว่า แต่ว่าแปรงของ LM มันแข็งกว่าก็จริง แต่ทำให้กดย้ำสีได้ดี และได้ปริมาณอายไลเนอร์กำลังดี

วิธีใช้...

ต่อจากการระบายอายแชโดว์ด้านบน

เอาแปรง flat eye liner มาปาดกับอายไลเนอร์ดินสอสีดำ (หรือใ้ช้เจลไลเนอร์ก็ได้ค่ะ)



ได้แบบนี้ มีอายไลเนอร์อยู่ที่ปลายแปรง



เอาแปรงมากดย้ำลงไปตามเส้นช่องว่างระหว่างขนตา เขียนอินเนอร์ไลน์



เห็นเส้นอินเนอร์ไลน์ไหมคะ



ทำแบบเดียวกับขอบตาบนได้เหมือนกัน



เลิกเปลือกตาให้เห็นชัดๆ



กดย้ำไปเรื่อยๆ จนเต็มครบทั้งขอบตาด้านใน ถ้ามันแห้งก็เติมป้ายอายไลเนอร์กับแปรงอีก

ได้แบบนี้ เป็นสโมกกี้อายส์สมบูรณ์แบบ และเป็นสโมกกี้อายส์ที่ง่ายมากๆ



ใส่คอนแทกเลนส์นิดนึง เวลาแต่งตาเยอะๆ ถ้าใส่คอนแทกเลนส์ตาจะดูไม่ดุค่ะ



หน้ารวมๆ จากสเตปการลง base make-up และ point make-up ด้านบน ได้แบบนี้


*คลิกเพื่อขยาย

ครบทุกแปรงแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าชอบรีวิวกึ่งฮาวทูแบบนี้ไหม มันไม่ได้เรียงลำดับ ภาพเลยอาจจะดูกระโดดไปนิดนึงนะคะ แต่คิดว่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังอยากได้แปรงแต่งหน้าดีๆ สักชุด หรือซื้อแปรงแต่งหน้ามาแล้วไม่รู้วิธีใช้ค่ะ

บล็อกอัพเดตช่วงนี้

REVIEW: Sugarpill Cosmetics + HOW TO: Royal Blue Eyes


HOW TO ละเอียดยิบ: การเขียนอายไลเนอร์สำหรับตาแบบต่างๆ


HOW TO ละเอียดยิบ: การเขียนอายไลเนอร์สำหรับตาแบบต่างๆ




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2553    
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 1:31:47 น.
Counter : 11955 Pageviews.  

HOW TO ละเอียดยิบ: การเขียนอายไลเนอร์สำหรับตาแบบต่างๆ

เป็นฮาวทูที่ภูมิใจนำเสนอค่ะ ตั้งใจทำมากๆ ค่อยๆ ทำไว้ทีละอันๆ คิดจะทำฮาวทูการเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนรูปตาต่างๆ กันมาตั้งแต่ทำรีวิวอายไลเนอร์สีๆ แล้ว ทำสะสมมาเรื่อยๆ จนเป็นแบบนี้

ฮาวทูนี้จะเป็นเทคนิคการเขียนอายไลเนอร์ ที่มิถุนาเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการแต่งหน้าตัวเองและคนอื่นนะคะ ดังนั้นอาจจะมีบางอันที่่ไม่เหมือนกับเทคนิคคนอื่นนะคะ

หมายเหตุ...เนื่องจากตาของมิถุนาตาค่อนข้างเล็ก และไม่เท่ากัน คือตาสองชั้นหลบในกับตาสองชั้น รูปตาก็จะไม่ตรงกับตาที่สอนเขียนทั้งหมดค่ะ

และการเขียนอายไลเนอร์แบบต่างๆ สามารถปรับใช้ได้กับรูปตาบางชนิดค่ะ บางทีไม่มีวิธีการเขียนที่ถูกที่สุดสำหรับอายไลเนอร์ แต่วิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่มิถุนาคิดว่าเหมาะกับตาแบบต่างๆ กัน คือเหมือนมันจะช่วยส่งเสริมรูปตานั้นๆ น่ะค่ะ

มีสอนการเขียนอายไลเนอร์สำหรับตา...
- ตาสองชั้นหลบใน/ตาชั้นเดียว
- ใส่แว่น
- ตาโต/ตาสองชั้น/ตาดุ
- ตาเล็ก/ตาเรียวยาว
- หางตาตก หนังตาปิดลงมาเยอะๆ
- ตากลม
(ใครอยากหาวิธีการเขียนตาแบบของตัวเองอย่างเร็ว กด ctrl พร้อม f แล้วเอาแบบตาด้านบนใส่ช่องค้นหา แล้วคลิก ก็จะเจออย่างรวดเร็วนะคะ)

อยากเริ่มด้วยอายไลเนอร์แบบที่ชอบมิถุนาชอบเขียนก่อนนะคะ

การเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนตาสองชั้นหลบใน/ตาชั้นเดียว

อุปกรณ์: อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ อายไลเนอร์ดินสอสีดำ อายไลเนอร์ดินสอสีขาวแบบมีมุก



เริ่มด้วยลากอายไลเนอร์จากหางตา



ต่อเส้นลงมาที่ขอบตาล่าง จะได้กะระยะอายไลเนอร์ที่จะลากขึ้นไปข้างบนได้ง่ายขึ้น



ร่างโครงอายไลเนอร์ตามปลายเส้นอายไลเนอร์ที่เราลากจากหากตา



เติมอายไลเนอร์ในกรอบให้เต็ม



ได้แบบนี้



ตาดูโตเล็กน้อย



ลากเส้นอายไลเนอร์ต่อลงมาที่ขอบตาล่างราว 1 ใน 3



เติมอินเนอร์ไลน์ที่ขอบตาบนและขอบตาล่างที่เมื่อกี้เขียนอายไลเนอร์ ด้วยอายไลเนอร์ดินสอดำ



เติมขอบตาล่างที่เหลือด้วย อายไลเนอร์ดินสอขาว



เติมเต็มช่อง



เอานิ้วเบลนด์เส้นให้ดูนุ่มนวล



วิธีเบลนด์ไม่ให้โดนลูกตา เอานิ้วดึงเปลือกตาลงมาเบาๆ แล้วเอานิ้วก้อยเบลนด์ (ชอบใช้นิ้วก้อยเพราะเล็กที่สุด)



เติมอายไลเนอร์สีขาวต่อที่หัวตา



เอาินิ้วเบลนด์เหมือนเดิม



เปรียบเทียบ

ตาดูไม่บวมเหมือนตอนแรกใช่ไหมคะ


*คลิกเพื่อขยาย

เติมตาอีกข้าง


*คลิกเพื่อขยาย

Option เสริม...

เพิ่มความสดใสให้ตาด้วยอายไลเนอร์สี

เขียนเหนือเส้นอายไลเนอร์สีดำ เขียนเลยครึ่งหนึ่งของเปลือกตามานิดนึง



ได้แบบนี้



ลืมตาเต็มๆ เห็นสีชัดเจน



การเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนใส่แว่น

ส่วนตัว ในความรู้สึก ถ้าใส่แว่นแ้ล้วเขียนขอบตาดำทั้งหมด จะทำให้ดูแปลกๆ เหมือนตามันเล็กๆ ดำๆ เลยชอบเอาอายไลเนอร์สีๆ มาเป็นตัวเสริม

อุปกรณ์: อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ อายไลเนอร์แบบดินสอสีดำ อายไลเนอร์สีขาวมุก อายไลเนอร์สีสันสดใส



ใช้อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำลากเส้นจากหางตาเฉียงขึ้นไปเยอะหน่อย ทำเหมือนตาแมว



ร่างโครงต่อจากเส้นหางที่วาด ให้โค้งขนานไปกับเปลือกตา



ได้แบบนี้



เติมช่องว่างให้เต็ม



แบบนี้



เติมอินเนอร์ไลน์ด้วยอายไลเนอร์ดินสอสีดำ



ได้แบบนี้



ลองสวมแว่น...จะเห็นว่าอายไลเนอร์ที่เขียนมองไม่ค่อยเห็นชัดมาก มันดูไม่เด่นเพราะอยู่ใต้กรอบแว่น


*คลิกเพื่อขยาย

แก้ไขโดย...

ใช้อายไลเนอร์ดินสอสีๆ เติมที่ขอบตาล่างทั้งหมด



ได้แบบนี้



เพื่อทำให้ตาดูโตเพิ่มขึ้น เติมอินเนอร์ไลน์ขอบตาล่างด้วยอายไลเนอร์สีขาว



ซูมให้ดูชัดๆ



สวมแว่นกลับไปใหม่

เห็นชัดเจนขึ้นไหมคะ


*คลิกเืพื่อขยาย

เขียนตาทั้งสองข้าง

รู้สึกไหมคะว่าตาดูเด่นขึ้นกว่าเดิมจมเลย


*คลิกเืพื่อขยาย

การเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนตาโต/ตาสองชั้น/ตาดุ

(เดี๋ยวจะมีสอนการเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนตากลมด้วยนะคะ จะไม่เหมือนกับตาโต ถ้าคนตาโตกลม แนะนำวิธีสำหรับคนตากลมมากกว่าค่ะ)

อุปกรณ์: อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ อายแชโดว์สีน้ำตาล แปรงสำหรับ smudge (หรือแปรงหัวเล็กๆ)



อุปกรณ์เสริม...

เนื่องจากตาสองข้างมันไม่เท่ากัน เลยใ้ช้สติกเกอร์ตาสองชั้นจากร้านไดโซะมาช่วย



ตอนแรกตาเป็นแบบนี้



แกะสติกเกอร์ตาสองชั้นออกมา

หน้าตาเป็นแบบนี้ (สามารถใช้เทปติดผ้าพันแผล 3m มาตัดเป็นรูปแบบนี้แล้วติดแทนก็ได้ค่ะ)



ติดตรงนี้ ตรงลูกศรชี้ (รูปนี้เป็นรูปของอีกอันนะคะ พอดีตอนทำขั้นตอนนี้ลืมถ่ายรูปไว้)



เป็นสองชั้นแล้ว



ลากเส้นอายไลเนอร์บางๆ ด้วยอายไลเนอร์น้ำสีดำ (เนื่องจากตาโตอยู่แล้ว ไม่ต้องวาดหนาๆ ให้ดูดุดูชัดมากก็ได้)



ลากเส้นเลยตาออกมานิดนึง ให้ตาออกชี้ไปข้างๆ



ประมาณนี้



สามารถลากเส้นให้ชี้ออกไปข้างๆ ได้มากกว่านี้นะคะ



ใช้แปรงแตะอายแชโดว์สีน้ำตาล



ไล้ขอบตาล่างทั้งหมด



ได้แบบนี้

ดูโตกว่าอีกข้างใช่ไหมคะ


*คลิกเืพื่อขยาย

เติมทั้งสองข้าง


*คลิกเพื่อขยาย

หมายเหตุ คนที่ตาดุมากๆ อาจจะเปลี่ยนอายไลเนอร์สีดำเป็นสีน้ำตาลหรือสีเทา (ดำเทา) ก็ได้ค่ะ

การเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนตาเล็ก/ตาเรียวยาว

อันนี้จะเขียนต่อมาจากการเขียนอายไลเนอร์ด้านบนนะคะ

อุปกรณ์: อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ อายไลเนอร์ดินสอสีขาว อายแชโดว์สีดำกับแปรง



ต่อจากตาเมื่อกี้ คือเขียนอายไลเนอร์เส้นบางๆ ที่ขอบตาบน (ตรงช่วงหัวตากับหางตาไม่ต้องเพิ่มความหนานะคะ) ให้เราเขียนอายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ เป็นรูปสระอิ ให้โค้งสูงๆ เพื่อทำให้ดวงตาดูกลม มากกว่าเรียวยาว และทำให้ตาดูโตขึ้น



ระบายตรงสระอิที่เขียนไว้

ประมาณนี้



ชัดๆ จะได้แบบนี้

เห็นไหมคะถ้าเทียบกับอีกข้าง ที่เขียนเมื่อกี้ ข้างที่เราเขียนสระอิไว้ ตาจะดูกลมกว่า โตกว่า


*คลิกเืพื่อขยาย

ใช้แปรงแตะอายแชโดว์สีดำ



ไล้ที่ขอบตาล่าง ราว 2 ใน 3 (อย่าเชื่อมช่องว่างตรงร่องน้ำตา เพราะจะยิ่งทำให้ตาเป็นกรอบ และตาดูเล็ก)



ได้แบบนี้ (รูปไม่ชัดนะคะ ขออภัยค่ะ)



ใช้อายไลเนอร์ดินสอสีขาวมุกระบายที่ขอบตาล่างที่เหลือกับตรงหัวตา



เอานิ้วเบลนด์ สีขาวตรงหัวตา จะช่วยทำให้ตาดูโตขึ้น กว้างขึ้น (ถ้าคนตาห่าง ไม่ควรระบายสีขาวนะคะ เพราะสีขาวยิ่งจะทำให้ดูห่างกว่าเดิม)



ได้แบบนี้


*คลิกเืพื่อขยาย

สองข้าง


*คลิกเืพื่อขยาย

การเขีียนอายไลเนอร์สำหรับคนหางตาตก หนังตาปิดลงมาเยอะๆ

อุปกรณ์: อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ อายไลเนอร์ดินสอสีดำ (ในรูปเป็น Laura Mercier Eye Liner แบบผสมกับน้ำ เขียนอินเนอร์ไลน์ได้ เลยมีแค่อันเดียวนะคะ) กับอายไลเนอร์ดินสอสีขาว



เริ่มร่างเส้นจากขอบตาล่างขึ้นมา ร่างให้เลยขอบตาล่างลงไปมากกว่าปรกติ เอาให้เลยเส้นที่หนังตาตกลงมาปิดทับ ไม่งั้นตอนเขียนอายไลเนอร์จะมองไม่เห็นเส้น



ประมาณนี้



ร่างโครงขี้นไปที่ขอบตาบน ให้ตรงช่วงหางตาดูหนากว่าปรกติ (ปัญหาเดิมคือถ้าไม่เขียนให้หนา จะทำให้มองไม่เห็นเส้นอายไลเนอร์)



ประมาณนี้



เติมเส้นขอบตาบนที่เหลือ ไม่ต้องหนานะคะ



แบบนี้ (ในรูปตาดูน่ากลัวกว่าปรกติ เพราะมันไม่ใช่การเขียนอายไลเนอร์สำหรับตาแบบมิถุนานะคะ แต่ถ้าคนหนังตาตกเขียนแบบนี้ หนังตากมันจะปิดพอดีเส้น ไม่ดูดุน่ากลัวอย่างนี้ค่ะ)



เติมอินเนอร์ไลน์ทั้งขอบตาบนและล่างราว 1 ใน 3

ถ้าเป็นคนตาเล็ก เติมเส้นบางๆ ไว้นะคะ



ได้แบบนี้



เขียนขอบตาที่เหลือรวมทั้งหัวตาด้วยอายไลเนอร์ดินสอสีขาว (ขออภัยด้วยค่ะ รูปล๊อตคนหนังตาตกไม่รู้เป็นอะไร มัวตลอดเลย ขนาดถ่ายซ่อมหลายทีแล้วก็ยังมัว)



เอานิ้วเบลนด์สีให้กลมกลืน



ได้แบบนี้



เทียบกับตาอีกข้าง จะเห็นว่าเน้นอายไลเนอร์สีดำช่วงหางตาเป็นพิเศษ


*คลิกเพื่อขยาย

ทั้งสองข้าง


*คลิกเพื่อขยาย

การเขียนอายไลเนอร์สำหรับคนตากลม

จะเน้นเขียนอายไลเนอร์สีดำล้อมรอบดวงตา และเล่นหางยาวไปข้างๆ เพื่อหลอกให้ดวงตาดูเรียวมากกว่ากลม

อุปกรณ์: อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ อายไลเนอร์แบบดินสอสีดำ แปรงอายแชโดว์หัวเล็กหรือคัตตอนบัด



ใช้อายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ ลากเส้นจากหางตาไปข้างๆ (ไม่ได้ชี้ขึ้นนะคะ ในรูปลูกศรมันดูชี้ขึ้น แต่ตาในรูปมันเอียง ต้องเขียนชี้ไปด้านข้างค่ะ)



แบบนี้นะคะ



ลากเส้นตรงไปตามลูกศร โดยลากต่อจากเส้นที่เขียนเมื่อกี้ เน้นเขียนให้เส้นตรงหางเรียวเข้าไว้ อย่าให้เส้นหนาเท่ากัน



เติมช่องว่างที่เมื่อกี้ร่างโครงไว้



เติมเส้นขอบตาบนที่เหลือ (อย่าลืมว่าเส้นตรงหางเขียนเรียวและหนากว่าเส้นใกล้หัวตานะคะ)



แบบนี้



เก็บอินเนอร์ไลน์ขอบตาบนด้วยอายไลเนอร์ดินสอสีดำ



จะเห็นว่าตาดูเรียวขึ้น



ลากอายไลเนอร์ดินสอลงมาที่ขอบตาล่างทั้งหมด



ก่อนอายไลเนอร์จะเซ็ตตัว เอาแปรงอายแชโดว์หรือคัตตอนบัดไล้เบาๆ ให้เส้นสีดำดูฟุ้งเล็กน้อย



เพิ่มความคมด้วยอายไลเนอร์แบบน้ำสีดำ เติมที่ขอบตาล่างทับเส้นอายไลเนอร์ดินสอราว 1 ใน 3



ได้แบบนี้



เทียบกัน

จะเห็นว่าตาดูเรียวกว่าตาอีกข้าง (วิธีีนี้ไม่เหมาะกับคนตาดุนะคะ)


*คลิกเพื่อขยาย

ทั้งสองข้าง


*คลิกเพื่อขยาย

หมดแล้วค่ะ คิดว่าตาแบบต่างๆ ก็น่าจะมาประมาณนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คนที่กำลังหัดเขียนอายไลเนอร์นะคะ

แถมท้ายอีกนิดว่า บางทีเราไม่จำเป็นต้องยึดตามหลักด้านบนทั้งหมดนะคะ แต่งตามฟรีสไตล์ที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองได้ แต่หลักการข้างต้น เหมาะกับคนที่กำลังค้นหาวิธีเขียนอายไลเนอร์สำหรับตัวเอง คนที่เพิ่งเริ่มหัดนั่นเองค่ะ

บล็อกอัพเดตช่วงนี้

REVIEW: Sugarpill Cosmetics + HOW TO: Royal Blue Eyes


HOW TO ละเอียดยิบ: การเขียนอายไลเนอร์สำหรับตาแบบต่างๆ




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2553    
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 1:24:41 น.
Counter : 94665 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.