Group Blog
 
All blogs
 

REVIEW: Sugarpill Cosmetics Vol. 2

เป็นครั้งที่สองที่สั่งของจาก sugarpill สั่งมาเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง ตอนแรกไม่คิดจะสั่งเยอะขนาดนี้ แต่พอดีทางร้านมีโปร black friday ลด 30% ทั้งร้าน เลยซื้อมาเยอะมากๆ ของกล่องนี้มาถึงมือพักใหญ่ๆ แล้ว เห่อแล้วเห่ออีก เอามาใช้งานเกือบทุกวันไม่เบื่อเลย

คราวก่อนไม่ได้ถ่ายรูปกล่องไว้ หน้าตากล่องเป็นแบบนี้ น่ารักมาก



เปิดออกมา

แหะๆ เยอะเนอะ แต่ทำไงได้ ก็มันชอบนี่นา



คราวก่อนสั่งเป็น press eyeshadow เสียมากกว่า คราวนี้เลยสั่ง loose eyeshadow

ขอเริ่มที่ press eyeshadow ก่อน เพราะมีชิ้นเดียว สีอื่นๆ มีหมดแล้ว เว้นสีขาวกับดำที่เห็นว่าเบสิกไปเลยไม่ได้ซื้อมา

Sugarpill Press Eyeshadow #Dollipop (ในรูปพิมพ์ชื่อผิดนะคะ ต้องเป็น dollipop ไ่ม่ใช่ dollypop)



ปริมาณ 4 g

ราคา 12 USD

แกะออกมา



คำโปรยหลังกล่อง



ประมาณว่าเป็นอายแชโดว์ที่ให้สีสดชัด เนื้อเนียนนุ่ม เบลนด์ง่าย

ส่วนผสมของ dollipop


*คลิกเพื่อขยาย

ก้นตลับ



ด้านหน้า

dollipop เป็นสีชมพูบานเย็น สดมากๆๆๆ

เป็นรูปแบบเปิดแฟลช



แบบไม่เปิดแฟลช ซึ่งสีจริงจะคล้ายรูปนี้มากกว่า



เทสสี

สีสดมาก เป็นการปาดครั้งเดียว



ปาดบนหลังมือ

ด้านซ้ายเป็นแบบทาเปล่าๆ ด้านขวาทาบนอายไพรเมอร์



ทาบนตาให้ดู (เฉพาะสีชมพูที่เป็น dollipop แต่สีม่วงและสีเงินเป็น loose eyeshadow สี tiara กับ weekender และ paperdoll)


*คลิกเพื่อขยาย

สรุปสีอายแชโดว์แบบ press ของ sugarpill ที่มีในครอบครอบ


*คลิกเพื่อขยาย

ดูรีวิวสีเก่าๆ ได้ที่นี่

เดี๋ยวจะมีสรุปความชอบ/ไม่ชอบอายแชโดว์ของ sugarpill ท้ายๆ นะคะ

ต่อกันที่ loose eyeshadow ที่เห่อที่สุด ใครที่อ่านกระทู้หรือบล็อกของมิถุนามานาน จะพอทราบว่ามิถุนาบ้าอายแชโดว์แบบผงหรือพิกเมนต์มากๆ

Sugarpill Chromalust Loose Eyeshadow

สั่งมาเก้าอัน ของเก่ามีสองสี (ดูรีวิวสีเก่าๆ ได้ที่นี่)


*คลิกเพื่อขยาย

จริงๆ อยากได้ asylum ที่เป็นสีแดงสด แต่ว่าของหมด เลยไม่ได้สั่ง กะรอสั่งคราวหน้า คิดว่าจะเอามาให้ครบทุกสี

ปริมาณ 5 g

ราคา 12 USD

คำโปรยที่กล่อง



ประมาณว่า เป็นอายแชโดว์แบบผงมีประกายวิ้งๆ มีส่วนผสมของผงสีเมทัลลิคละเอียด ทาได้ติดทนนาน

รูปรวมแบบเปิดแฟลช


*คลิกเพื่อขยาย

รูปรวมแบบไม่เปิดแฟลช


*คลิกเพื่อขยาย

ส่วนผสมของแต่ละสี


*คลิกเพื่อขยาย

พวก loose eyeshadow นี่ รุ่นเก่าฝาปิดจะไม่มีแผ่นโฟมรอง ทำให้พิกเมนต์อาจจะฟุ้งได้ แต่รุ่นใหม่มีโฟมรองทั้งหมด


*คลิกเพื่อขยาย

มาดูทีละสีกันค่ะ

ขอเริ่มที่

Birthday Girl สีชมพูอ่อน มีวิ้งๆ สีเงิน



Paperdoll สีม่วงอ่อน แบบลาเวนเดอร์ มีประกายเงินๆ



Weekender สีม่วงเข้มอมน้ำเงิน วิ้งเงินๆ



Absinthe สีเขียวตองอ่อนๆ มีวิ้งๆ



Tipsy สีเขียวแอปเปิล มีวิ้งๆ



Darling สีเขียวอมฟ้า แบบสีเทอร์คอยส์ มีวิ้งๆ อีกเช่นกัน



Tiara สีเงิน วิ้ง



Goldilux สีทอง...ทองมากๆ วิ้งจัด



Stella สีดำ วิ้งสีรุ้งๆ



ทาสีบนแขน

ฝั่งซ้ายสุดจะเป็นทาเปล่าๆ ไม่มีอะไรรองพื้น สีจะค่อนข้างอ่อน (ซึ่ง loose eyeshadow เหมาะจะเอาไว้ทาทับสีอื่น หรือเบลนด์กับสีอื่น)

ตรงกลางที่สีเข้มที่สุดเป็นการผสมน้ำทา

ฝั่งขวาสุดเป็นทาบนอายไพรเมอร์



Stella จะเป็นสีเดียวที่ทาทับเบส (ครีมอายแชโดว์/อายไลเนอร์ดินสอ ซึ่งในรูปจะเป็นอายไลเนอร์) สีต่างๆ แล้วสวย คือมันจะเห็นสีเหลือบๆ ข้างใต้ แบบในรูป



ปรกติจะชอบใช้แบบทาบนอายไพรเมอร์ ถ้าอยากได้สีเข้มๆ จะผสมน้ำ

เปรียบเทียบทาตาแบบเีปียกกับแห้ง

ฝั่งซ้ายจะเป็นแบบแห้ง (ข้างนี้แอบเละนิดนึง) ฝั่งขวาจะเป็นแบบเปียก

จะเห็นว่าแบบเปียกสีชัดเจนกว่า


*คลิกเพื่อขยาย

ทดสอบความติดทนของ sugarpill (ใช้ทั้งแบบ press และแบบ loose)

ฝั่งซ้ายจะเป็นแบบทาอายไพรเมอร์ ฝั่งขวาจะไม่ได้ทา


*คลิกเพื่อขยาย

จะเห็นว่าฝั่งซ้ายที่ทาอายไพรเมอร์จะได้ตาสีสดชัด และติดทนกว่่าฝั่งที่ไม่ได้ทามากๆ ถ้าไม่ได้ทาอายไพรเมอร์ ผ่านไปสองชั่วโมงอายแชโดว์ก็เริ่มละลายแล้ว (ขึ้นอยู่กับสีด้วยนะคะ บางสีก็ทนกว่านี้) พอห้าชั่วโมงนี่ ข้างที่ไม่ได้ทาอายไพรเมอร์ ตรงหัวตากับตรงกลาง อายแชโดว์ละลายเลยค่ะ

สรุป...

Press Eyeshadow เป็นอายแชโดว์เนื้อแมตต์ สีเข้มชัดเจน ทาง่าย เบลนด์ง่าย เนื้อค่อนข้างดี ไม่เป็นผง

ข้อเสีย ราคาแพงไปนิด ไม่ติดทนมาก (เป็นคนเปลือกตามัน) ต้องใช้ร่วมกับอายไพรเมอร์ ไม่งั้นมักจะตกร่องระหว่างวัน บางสีหลังล้างแล้วจะมีสีตกค้างที่ตา (เช่นสีแดง สีชมพู ฯลฯ)

ข้อดี สีสวย สด และชัดเจน ทาง่ายเบลนด์ง่าย สีค่อนข้างแปลก

Loose Eyeshadow เป็นอายแชโดว์ผงๆ มีประกายสวย สีแปลกๆ ให้เลือกค่อนข้างมาก เป็นผงแบบละเีอียด จึงมักมีฝุ่นฟุ้งกระจายบ้าง

ข้อเสีย ราคาแพงนิดหน่อย ไม่ติดทน (เมื่อเทียบกับ press eyeshadow แบบฝุ่นจะติดทนน้อยกว่า) ควรใช้อายไพรเมอร์ร่วมด้วย

ข้อดี สีสวย เด่น ทาและเบลนด์ง่าย อายแชโดว์แบบผงเอามาใช้งานได้หลากหลาย

ถ้าถามว่าอยากซื้อต่อไหม ทั้งที่ต้องใช้อายแชโดว์ร่วมกับอายไพรเมอร์ถึงจะดี ก็ขอตอบว่ายังรักที่จะซื้อยี่ห้อนี้นะคะ ชอบที่สีมันแปลกดีและสดใสดีค่ะ

วิธีใช้ loose eyeshadow หรือ pigment แบบหลากหลาย คลิกดูที่นี่และที่นี่

ตัวอย่างตอนทาบนเปลือกตา

อันนี้ใช้ tiara, stella, paperdoll



darling + tiara


*คลิกเพื่อขยาย

tipsy + lumi



darling, birthday girl, lumi



เอา loose eyeshadow มาผสมยาเคลือบเล็บแล้วทาเล็บ

Absinthe



Weekender & Darling



Stella, Goldilux, Tiara


*คลิกเพื่อขยาย

เอามาปัดแก้ม สีสวยมาก ชอบบบบ (อายแชโดว์อะไรก็ใช้ได้เหมือนกันนะคะ)


*คลิกเพื่อขยาย

พวกสีโทนร้อน เอามาปัดได้หมด

Love+



Flamepoint



Poison Plum



ติดทนดีด้วยค่ะ

ผ่านไปหัาชั่วโมงก็ยังสีสวย



ช่วงนี้มีรีวิวดองไว้อีกเยอะ แล้วรออ่านกันต่อนะคะ :-))

อัพเดตบล็อกล่าสุด

REVIEW: Clever Cat CC Cream


REVIEW: Sugarpill Cosmetics Vol. 2


REVIEW: Urban Decay Primer Potion V.S. Too Faced Shadow Insurance




 

Create Date : 15 มกราคม 2554    
Last Update : 16 มกราคม 2554 0:48:14 น.
Counter : 2800 Pageviews.  

REVIEW: Clever Cat CC Cream

ได้ยินคนพูดถึง cc cream มาสักพักแล้วค่ะ พอดีช่วงนี้ช็อปปิ้งออนไลน์เยอะ เห็นเว็บที่ซื้อของมีขายเจ้าตัวนี้ด้วย เลยลองสุ่มซื้อมาลองดู

เลือกอันนี้ เพราะมันถูกที่สุด 55 (ไม่กล้าลองของแพง เพราะกลัวไม่ถูกใจ เดี๋ยวจะเสียดายเงิน)

CC Cream ย่อมาจาก Color control cream เป็นประมาณครีมปรับสีผิว ก็คือเหมือนเบสนั่นแหละค่ะ

Clever Cat CC Cream


*คลิกเพื่อขยาย

ขนาด 45 ml

ราคา ร้อยกว่าบาท จำราคาแน่นอนไม่ได้

คำโปรยหลังกล่อง



บอกว่าเป็น whitening skincare เนื้อบางเบา สำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่มีตำหนิ

เนื้อครีม



ในรูปดูเป็นสีขาวนะคะ แต่ของจริงเป็นสีเขียวเกือบจะขาว (แลดูคล้ายสีขาว) เนื้อแข็งกว่าโลชั่นเล็กน้อย กลิ่นหอมแบบเก่าๆ แบบน้ำอบ อะไรแบบนี้ (ไม่ชอบกลิ่น)

เกลี่ยบนมือครั้งแรก (ฝั่งขวา)



อยากบอกว่าตอนลองครั้งแรกบนหลังมือ ตกใจมาก นึกว่าจะวอกขาวไม่ซึมผิว คิดในใจว่า เสียเงินฟรีแล้ว

แต่พอลูบๆ ไปเรื่อยๆ ก็เบลนด์ลงไปในผิวดีค่ะ

แต่ก็ยังค่อนข้างวอกแบบในรูปด้านล่าง (ฝั่งขวา)



ลองบนหน้าค่ะ อยากรู้ว่าจะวอกมากไหม ทาฝั่งด้านซ้าย



เทียบกับฝั่งขวาที่ไม่ได้ทา จะเห็นว่าฝั่งที่ทาดูขาวกว่า สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น แต่ก็ดูขาววอก ต้องรอสักพักให้มันเซ็ตตัวก่อนถึงจะโอเค (ดูในภาพด้านล่างๆ)

ลองทาทั้งหน้า



สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น หน้ายังคงขาวกว่าที่คิด ไม่ค่อยปกปิดเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกเหมือนเบสปรับสีผิวมากกว่า

ทาแป้งผสมรองพื้น



ปัดแก้มระบายคิ้ว ตัว cc cream จะเซ็ตบนผิวพอดี จะเห็นว่าหน้าไม่ขาววอกเหมือนตอนแรกๆ แล้ว



ลองเทียบกันดูตั้งแต่แรกนะคะ ให้ดูว่าผิวหน้าเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

โดยรูปแรกเป็นหน้าเปล่าๆ รูปที่สองเป็นตอนทา cc cream รูปที่สามทาแป้งผสมรองพื้น รูปที่สี่ระบายคิ้วกับแก้มเพื่อรอให้ครีมเซ็ตตัว


*คลิกเพื่อขยาย

มารอให้ผ่านไปสัก 2 - 4 ชั่วโมงเพื่อดูว่ามันคุมมันไหม


*คลิกเพื่อขยาย

จากรูปเห็นได้ว่าไม่คุมมันนะคะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันเพิ่ม ปรกติเป็นคนหน้ามันอยู่แล้วค่ะ ทาแป้งทารองพื้นผ่านไปสักสองสามชั่วโมงหน้าก็มันแล้ว

สรุป...

cc cream = make-up base นั่นเอง

ไม่ได้ช่วยอะไรมากนอกจากปรับสีผิว ลดรอยคล้ำได้ ลดรอยสิวได้เล็กน้อย ถ้ามีปัญหาผิวมาก คงจะกลบได้ไม่มิด ต้องใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ร่วม ไม่ได้กลบรูขุมขนมากนัก แต่ก็กลบได้พอสมควร

เป็นเบสที่ค่อนข้างขาว เราไม่ได้เป็นคนขาวมาก ทาแล้วจึงไม่ดูโดดเกินไป แต่คิดว่าถ้าเป็นคนผิวคล้ำ อาจจะใช้ไม่ได้

ไม่เหมาะกับทาเดี่ยวๆ ควรใช้ร่วมกับแป้ง/รองพื้น

ข้อดี ราคาไม่แพง ทำให้หน้าดูสว่างขึ้น

ข้อเสีย กลิ่นแบบน้ำอบ ดอกไม้แรงๆ ไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำ หรือคนที่มีปัญหาผิวมาก

ถ้าถามว่าจะซื้อมาลองอีกไหม ตอบได้เลยว่าคงจะไม่ เพราะว่ามันเป็นเมกอัพเบส ปรกติเป็นคนไม่ใช้เมกอัพเบสอยู่แล้ว ใช้แต่รองพื้นไม่ก็บีบีครีม เลยไม่คิดว่า cc cream จำเป็นเท่าไหร่

อัพเดตบล็อกล่าสุด

REVIEW: Clever Cat CC Cream


REVIEW: Sugarpill Cosmetics Vol. 2


REVIEW: Urban Decay Primer Potion V.S. Too Faced Shadow Insurance




 

Create Date : 15 มกราคม 2554    
Last Update : 16 มกราคม 2554 0:48:29 น.
Counter : 3841 Pageviews.  

DIY: Mixing Medium/Fix+ & HOW TO: Glittery Red Eyes

ก่อนอื่นคงต้องอธิบายก่อนว่า Mixing Medium กับ Fix+ คืออะไร

Mixing Medium เป็นชื่อเรียกโดย mac นะคะ แต่ตัว product รวมๆ คือ เป็นของเหลวที่เอาไว้ผสมกับอายแชโดว์ผงๆ/อายไลเนอร์แบบแข็ง ทำให้มันเป็นอายไลเนอร์ หรือบางทีก็เอามาหยดใส่แปรง ทำให้แปรงหมาดๆ แล้วเอาไปแตะอายแชโดว์ เอามาทาเปลือกตาเพื่อสีอายแชโดว์จะได้ชัดขึ้น และติดทนขึ้น

Fix+ ก็เป็นชื่อเรียกโดย mac เช่นกันค่ะ แต่มันคือสเปรย์ไว้ฉีดหน้าหลังแต่งหน้าเสร็จ เพื่อเซ็ตเครื่องสำอางให้ติดทนทั้งวัน บางทีก็เอามาสเปรย์ใส่แปรง แล้วเอาไปแตะพวกอายแชโดว์ต่างๆ เอามาทาเปลือกตา และให้ผลลัพธ์เดียวกับ Mixing Medium คืออายแชโดว์ติดทนและสีเข้มขึ้น

คราวนี้มาเข้าเรื่อง DIY กันค่ะ

จริงๆ อยากทำ DIY นี้มานาน แต่ว่าไม่ได้ซื้อกลีเซอรีนสักที เพิ่งหาซื้อได้เมื่อหลายวันก่อน และ Magic eye changer กำลังจะหมด เลยได้ลองทำสูตรนี้ดู

สูตรนี้หาได้ในกูเกิลนะคะ

สูตรง่ายมากคือ กลีเซอรีน 1 ส่วน น้ำเปล่า 3 ส่วน

เป็นสูตร mixing medium เช่นเดียวกับ fix+

เริ่มทำกันเลยนะคะ

อุปกรณ์



- กลีเซอรีน (มิถุนาซื้อตามเว็บขายของ แต่จำได้ว่าที่ศึกษาภัณฑ์ก็มีขายค่ะ)
- น้ำเปล่าสะอาดๆ
- ภาชนะสำหรับผสม
- ช้อนตวง
- ที่คน (ใช้ไม้จิ้มฟัน)
- ขวดสเปรย์/ขวดยาหยอดตาที่ล้างสะอาดแล้ว (ถ้ามีไซริงดูดยาด้วยก็จะสะดวกขึ้น)

ก่อนจะเริ่มต้น ทำความสะอาดภาชนะผสม ขวดสเปรย์และขวดยาหยอดตาด้วยแอลกอฮอล์เพื่อความสะอาด

เริ่มด้วยตวงกลีเซอรีน 1 ส่วนลงในถ้วย



จากนั้นก็ตวงน้ำเปล่า 3 ส่วนตามลงไป



คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี (ในรูปยังไม่เข้ากันนะคะ เห็นใช่ไหม)



เทใส่ขวดสเปรย์ที่เตรียมไว้ ก็จะได้ FIX+ ไว้ฉีดหน้าเพื่อเซ็ตเครื่องสำอาง



เหลือส่วนผสมไว้บ้าง แล้วก็ดูดส่วนผสมด้วยไซริง



เอามาใส่ขวดยาหยอดตา



ได้แล้ว (เอามาวางไว้คู่กับ magic eye changer)



อย่าลืมทำฉลากติดไว้นะคะว่าเราเริ่มทำ DIY นี้เมื่อไหร่ มิถุนาไม่รู้ว่ามันจะเก็บได้นานเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่เจ้าของสูตรแนะนำว่าเก็บไม่ควร 1 เดือน เพราะว่ามันไม่ได้ใส่สารกันเสียค่ะ



มาทดสอบกันนะคะ แบ่งเป็นหลายอย่างค่ะ ขอเริ่มกับหน้า ทดสอบในแบบ Fix+ ก่อนค่ะ

วิธีใช้ FIX+ คือ หลังจากแต่งหน้าเสร็จแล้ว ก็ฉีดสเปรย์นี่ใส่หน้าเป็นฝอยๆ ให้ทั่ว แล้วรอให้แห้ง ก็ใช้ได้แล้วค่ะ

ในรูป เป็นการแต่งหน้าธรรมดา ใช้รองพื้น ทาอายแชโดว์ ปัดแก้ม

ข้างซ้ายฉีด FIX+ ข้างขวาไม่ได้ฉีด



จะเห็นว่าข้างที่ฉีด จะดูหน้าฉ่ำๆ คือ...พอฉีดแล้วมันจะให้ความรู้สึกหนึบๆ หน้า เหมือนมีของเหลวสัมผัสหน้าตลอดเวลาน่ะค่ะ คิดว่าเป็นเพราะ กลีเซอรีนที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเพิ่มความหนืดด้วยคะ

ผ่านไป 5 ชั่วโมง



จะเห็นว่าฝั่งซ้าย ซึ่งฉีด DIY FIX+ สีอายแชโดว์เข้มกว่าฝั่งขวาที่ไม่ได้ฉีด (แต่ยังมีอายแชโดว์เลอะที่รอยพับขอบตาบ้าง เพราะอายแชโดว์ที่ใช้คุณภาพไม่ได้ดีมาก ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นๆ เช่น nars, mac จะติดทนกว่านี้) สีแก้มดูจางลงเท่าๆ กัน ฝั่งซ้ายหน้ายังดูชุ่มชื้นอยู่

สรุปการใช้ DIY FIX+...

มิถุนาเคยใช้ FIX+ ของ MAC นะคะ ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับ DIY Fix+ คือมันจะทำให้ผิวดูชุ่มชื้น แต่แบบ DIY จะหนืดๆ หน้ากว่านิดหน่อย ค่อนข้างน่ารำคาญสำหรับคนที่ชอบให้หน้าแห้งๆ แบบมิถุนา คุณสมบัติเรื่องความติดทนก็พอๆ กันค่ะ คือช่วยยืดให้เครื่องสำอางติดทนได้บ้าง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเครื่องสำอางที่เราใช้ด้วย อย่างถ้าใช้อายแชโดว์คุณภาพดี มันจะติดทนทั้งวันเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นอายแชโดว์คุณภาพไม่ดี อาจจะมีสีเลือน/จางลงบ้างตามแบบในรูป

เพิ่มเติม (เมื่อวันที่ 10 JAN 2012) หลังจากใช้สูตรตามเว็บมานาน เมื่อไม่นานมานี้ลองปรับสูตร DIY FIX+ เอง สรุปว่าชอบมากกว่าสูตรเดิม (3:1) มากๆ เลยมาแนะนำเพิ่มเืผื่อใครอยากจะไปลองทำสูตรนี้ดูนะคะ เราเปลี่ยนเป็นผสม น้ำ 5 ส่วน กลีเซอรีน 1 ส่วน แทน ใช้แล้วหน้าชุ่มชื้นกำลังดี เมกอัพทนขึ้น แล้วก็กลมกลืนกับผิวค่ะ ถ้าลองสูตรไหน เป็นยังไง ชอบหรือไม่ชอบ มาแชร์ให้ฟังบ้างนะคะ

แล้วก็มาดูิวิธีใช้ DIY Mixing Medium กันค่ะ

อย่างที่บอกคือ mixing medium จะเอาไว้ทำละลายอายแชโดว์ เพื่อให้สีเข้มขึ้น ติดทนขึ้น หรือใช้เป็นอายไลเนอร์นะคะ

วิธีใช้ง่ายๆ ก็คือ หยด DIY Mixing Medium สักหยด แล้วก็ตักพิกเมนต์ใส่ลงไป



ถ้าเป็นอายแชโดว์ก็หยด DIY Mixing Medium ลงไป ไม่ก็ขูดอายแชโดว์ออกมาก่อนแล้วค่อยผสมกันกับ DIY Mixing Medium (ถ้าหยดลงไปโดยตรง พวกพื้นผิวด้านหน้าเฉพาะอายแชโดว์เนื้อแมตต์มันจะแข็งจนใช้ไม่ได้ ต้องขูดหน้าที่แข็งออกไปถึงจะใช้ได้เหมือนเดิม)



คนให้มันเป็นส่วนผสมข้นๆ



เอามาทา



กลับมาที่พิกเมนต์ + Mixing Medium นะึคะ เมื่อกี้กระโดดไปนิด มึน...แหะๆ

หลังจากคนพิกเมนต์จนเข้ากับ mixing medium และได้ส่วนผสมข้นๆ แล้ว ก็เอามาปาดหลังมือทดลอง

ซ้ายบนจะเป็นพิกเมนต์บนอายไพรเมอร์
ซ้ายล่างจะเป็นพิกเมนต์เปล่ๆ
ขวาบนจะเป็นพิกเมนต์ผสม DIY Mixing Medium
ขวาล่างจะเป็นพิกเมนต์ Missha Magic Eye Changer

จะเห็นว่าถ้าใช้ mixing medium หรือ magic eye changer จะให้สีอายแชโดว์เข้มมากๆ

เทียบระหว่างทั้งสองให้ดูชัดๆ



จะเห็นว่าใช้ missha จะให้สีที่ดูด้านกว่านะคะ ส่วน diy mixing medium จะดูวาวๆ กว่า (ซึ่งถ้าจับดู มันจะหนึบๆ เล็กน้อย ควรจะเอาอายแชโดว์สีเดียวกันทาทับเพื่อเซ็ตตัวอีกที)

มาทดสอบความติดทนกันค่ะ (อันนี้ใช้อายแชโดว์คนละสีแล้วนะคะ เพราะว่าตอนถ่ายรูปทดลองมันคนละวันกัน)

อายไลเนอร์ที่ใช้ทดสอบจะเป็น Laura Mercier #Black Ebony
ด้านซ้ายจะใช้ผสมกับ diy mixing medium
ด้านขวาจะใช้ผสมกับ benefit shelaq (ซึ่งเป็นตัวซีลอายไลเนอร์ให้ติดทน)


*คลิกเพื่อขยาย

รูปแรกจะเป็นตอนเริ่มต้นเลย จะเห็นว่าข้างที่ใช้ diy mixing medium ตรงหัวตามันจะจางๆ อ่ะค่ะ คือยังไม่ทันทำอะไรก็เป็นแบบนั้นแล้วนะคะ แต่ด้านที่ใช้ benefit ยังดีอยู่ คมกริบ

รูปที่สอง ห้าชั่วโมงต่อมา บนเปลือกตาฝั่งที่ใช้ diy mixing medium เลอะเล็กน้อย ส่วนด้านขวายังสภาพดีเหมือนเดิม (สีรูปนี้แปลกไปเพราะถ่ายข้างนอกน่ะค่ะ)

รูปที่สาม...เจ็ดชั่วโมงต่อมา สภาพไม่ต่างจากตอน 5 ชั่วโมง ยังดีเหมือนเดิมค่ะ

สรุป...diy mixing medium ช่วยให้อายไลเนอร์ติดทนได้ในระดับนึงนะคะ แน่นอนว่าแพ้ benefit shelaq ซึ่งเป็นตัวซีลอายไลเนอร์ที่เจ๋งมากๆ แต่ราคามันแพงกว่าแบบ diy มากๆ ถ้าใครไม่มีงบ ใช้แบบ diy ก็พอกล้อมแกล้มไปได้ (ที่เจ๋งกว่าของ mixing medium คือไว้ใช้กับอายแชโดว์เพื่อทาทั้งเปลือกตาค่ะ เดี๋ยวจะรีวิวให้ดูว่ามันดียังไง)

คราวนี้มาทดสอบความติดทนแบบทาเป็นอายแชโดว์กัน

อันนี้ใช้พิกเมนต์ (ของ mac) แทนอายแชโดว์นะคะ

ทาตามนี้


*คลิกเพื่อขยาย

รูปบนจะเป็นเริ่มทา

รูปล่างจะเป็นหลังจากนั้น 7 ชั่วโมง

จะเห็นว่าอายแชโดว์ยังติดทนดีมากๆ สีอาจจะจางเล็กน้อย แต่ว่าสภาพดูสมบูรณ์ diy mixing medium ช่วยให้อายแชโดว์ติดทนจริงๆ ค่ะ แต่ว่าถ้าเป็นอายแชโดว์คุณภาพไม่ดี ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ไม่เท่านี้นะคะ

อย่างอันนี้


*คลิกเพื่อขยาย

คือทาอายไพรเมอร์ก็ยังไม่ช่วยอะไร ถ้าอายแชโดว์ของเราไม่ดี แต่ข้างที่ทา diy mixing medium แม้สภาพจะเละ แต่ก็ดูดีกว่าข้างที่ทาอายไพรเมอร์อย่างเดียว

นอกจากนี้ ตัว diy mixing medium ยังเอามาใช้กับกลิตเตอร์ได้อีก



วิธีใช้ก็แบบเดียวกับการใช้พิกเมนต์ผสม mixing medium

คือเอา mixing medium ผสมกับกลิตเตอร์ (ยี่ห้ออะไรก็ได้ แต่ควรเป็นกลิตเตอร์ที่ใช้กับใบหน้าและตานะคะ)



ผสมให้ออกลักษณะข้นๆ แล้วเอามาปาดมือ



แถวแรกเป็น diy mixing medium ทำให้กลิตเตอร์ติดผิวเยอะมากๆ

แถวกลางเป็นทากลิตเตอร์เปล่าๆ ไม่ค่อยติดเท่าไหร่

แถวล่างสุดเป็นทาอายไพรเมอร์แล้วทากลิตเตอร์ ก็ทำให้กลิตเตอร์ิติดได้บ้าง แต่ก็สู้ใช้ mixing medium ไม่ได้

สรุปว่า...mixing medium เหมาะกับการใช้ทากลิตเตอร์มากถึงมากที่สุด ติดทนทีเดียวค่ะ

ทิ้งท้ายด้วย glitter eyes รับเทศกาลคริสต์มาส แน่นอนว่าเน้นการแต่งตาอย่างเดียวเ่ช่นเคยค่ะ

HOW TO: Glittery red eyes

เริ่มด้วย ผสม diy mixing medium กับกลิตเตอร์สีแดง (NYX #ชื่อ Apple อะไรสักอย่าง) ให้ข้นๆ แล้วเอามาป้ายเปลือกตา


*คลิกเพื่อขยาย

ใช้แปรงหัวแบนหน่อย แตะอายแชโดว์สีแดง (sugarpill #Love+) ระบายช่วงหางตาและลงมาที่ขอบตาล่างเป็นรูป <


*คลิกเพื่อขยาย

ใช้แปรงหัวตัด แตะอายแชโดว์สีเขียวสด (Sugarpill #Midori) ระบายขอบตาล่าง 1 ใน 3 แล้วก็แตะขึ้นไปด้านบนเปลือกตา (ตรงหางตา) เป็นรูป <


*คลิกเพื่อขยาย

เปลี่ยนเป็นแปรงหัวแบน แตะอายแชโดว์สีแดงอันเดิม ระบายทับสีเขียว (ตรงขอบตาล่างไม่ต้องทาทับทั้งหมด) เบลนด์เข้ากับสีเขียว เพื่อเปลี่ยนให้เป็นสีน้ำตาล


*คลิกเพื่อขยาย

ส่วนขอบตาล่างที่เหลือ ระบายด้วยสีทอง (Lunasol Star Shower Eyes #02)


*คลิกเพื่อขยาย

ได้ตาแบบนี้ (ไม่ได้เขียนอินเนอร์ หรือเขียนอายไลเนอร์ทับนะคะ รู้สึกว่ามันเยอะแล้ว ส่วนมาสคาร่า...เร่งๆ ก็เลยลืม แต่งออกไปทั้งอย่างนี้ล่ะค่ะ)


*คลิกเพื่อขยาย

จับคู่กับแก้มสีแดงนิดๆ (Nars #Exhibit A) กับปากสีนู้ดชมพู (Revlon #125 + กลอส Etude Top 10 #22)



มีรูปเดียวค่ะ รูปอื่นเสีย แถมเป็นรูปที่หน้ามันอีกต่างหาก แหะๆ

ป.ล. เวลาล้างกลิตเตอร์ออกจากตา ระวังให้มากนะคะ (ใช้สำลีชุบรีมูฟเวอร์ชุ่มๆ แปะแล้วรอสักพัก แล้วรูดสำลีออกทีเดียว โดยอย่าลืมปิดตาให้สนิท) เดี๋ยวกลิตเตอร์จะเข้าตาแล้วมันจะเคือง ถ้าเคืองตา ให้กะพริบตาในน้ำหลายๆ ครั้งนะคะ

บล็อกอัพเดต

PREVIEW & REVIEW: Swap Items of October & November (e.l.f. & etc.)

HOW TO: Depot Etude Proof 10 Eye Primer ใช้คุ้มจนหยดสุดท้าย

REVIEW: Kinepin Compress Veil กระดาษมาส์กหน้าอัดเม็ด

REVIEW: Preciosa 4704 ขนตาปลอมหนาเด้งดูเป็นธรรมชาติ

REVIEW: Gino McCray Color Liner Glitter

REVIEW: Mei Linda #099 ขนตาปลอมเป็นแฉกเหมือนตาตุ๊กตา

REVIEW: มาส์กสิวเสี้ยน Lansley BHA Scrub & Sebum Remove Mask

DIY: Brush Cleansing...น้ำยาล้างแปรงแบบรวดเร็ว

DIY: Mixing Medium/Fix+ & HOW TO: Glittery Red Eyes




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2553    
Last Update : 11 มกราคม 2555 19:00:36 น.
Counter : 6377 Pageviews.  

DIY: Brush Cleansing...น้ำยาล้างแปรงแบบรวดเร็ว

อันนี้เป็น DIY ที่อยากลองมานานมากๆ พอดีได้กลีเซอรีนมา DIY Mixing Medium เลยมีอารมณ์มาทำ DIY น้ำยาล้างแปรงด้วย เดี๋ยวจะสรุปหลังใช้ว่าน้ำยาล้างแปรงแบบทำเองนี้ ใช้งานดีเท่าน้ำยาล้างแปรงยี่ห้ออื่นไหม

DIY นี้เป็นสูตรจาก encoremakeup นะคะ

อุปกรณ์



- แอลกอฮอล์ (สำหรับฆ่าเชื้อโรค)
- น้ำเปล่าสะอาด
- น้ำยาล้างจาน
- แชมพูเด็ก
- ลีฟออนใส่ผม (สำหรับบำรุงขนแปรง คล้ายๆ กับตอนบำรุงแปรงหลังล้างด้วยครีมนวด)
- กระบอกฉีดเปล่าๆ สะอาดๆ (สำหรับใส่ cleanser)
- ที่ตวงและถ้วยตวง
- ชามสำหรับผสม

เริ่มต้นกันเลยนะคะ

เทน้ำเปล่า 1 ถ้วย ใส่ชามอ่าง



ตามด้วยแอลกอฮอล์ 1/4 ถ้วย



แล้วก็ น้ำยาล้างจาน 1/2 ช้อนชา



แชมพูเด็กอีก 1/2 ช้อนชา



ลีฟออน 1/2 ช้อนชา



คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน (ขั้นตอนนี้ลืมถ่ายรูป)

แ้ล้วก็เอาใส่ขวดสเปรย์เปล่า

ก็เสร็จ



มาลองล้างแปรงกันนะคะ

โดยมีแปรงที่อยากจะล้าง แล้วก็กระดาษทิชชู



ฉีดน้ำยาล้างแปรงใส่กระดาษทิชชู



เอาแปรงปาดกลับไปมาบนกระดาษทิชชูที่มีน้ำยาล้างแปรง



ถ้าปาดไปมาครั้งแรกแล้วแปรงยังไม่สะอาด ก็ฉีดน้ำยาใส่กระดาษอีก แล้วก็ปาดไปปาดมาจนพอใจ



แปรงสะอาดแล้ว!



ล้างอีกอันด้วยวิธีการเดิม



ได้แบบนี้ (อันนี้มองเห็นไม่ชัดว่ามันสะอาด แต่จริงๆ เช็ดจนไม่มีสีอายแชโดว์เปื้อนแล้วนะคะ)



มาลองล้างพวกแปรงที่เปื้อนเจลไลเนอร์ซึ่งมักจะล้างยากกว่าแปรงอื่นๆ

อันนี้เป็นแปรงเปื้อน MAC Fluidline



ฉีดน้ำยาล้างแปรงลงที่แปรงโดยตรง (พอน้ำยาล้างแปรงโดนแปรงที่เปื้อน สีเจลไลเนอร์จะเลอะซึมทิชชูเลยล่ะค่ะ)



ปาดแปรงไปมา สีเจลไลเนอร์จะเริ่มออกมาจากแปรง



ล้างประมาณสองรอบ แปรงจะได้แบบในรูป ยังมีติดสีฟ้าๆ อยู่ แต่ปาดไปมาบนทิชชูจนไม่ออกสีแล้วค่ะ



สรุปความพอใจ...

ชอบนะคะ ใช้ได้ดีทีเดียวค่ะ ส่วนตัวเคยใช้น้ำยาล้างแปรงของ MAC กับ Colorscience ของอเมริกา เทียบกับน้ำยาล้างแปรง DIY แล้ว น้ำยาล้างแปรง DIY คุณภาพเกือบดีเท่ากันเลยค่ะ อาจจะต้องล้างซ้ำจำนวนมากกว่าน้ำยาล้างแปรงแบรนด์นิดหน่อย แต่ว่าล้างได้สะอาดเหมือนกัน คืออย่างพวกแปรงอายไลเนอร์ อาจจะต้องซ้ำสองครั้ง แทนที่จะล้างครั้งเดียวอะไรแบบนี้ ที่สำคัญ ราคาถูกด้วย เหมาะกับใช้ล้างแปรงแบบรีบเร่ง/ชั่วคราว

ข้อแนะนำ...

เหมาะกับใช้ล้างแปรงแบบรวดเร็ว และชั่วคราว ไม่ได้ล้างแบบซอกซอน ซึ่งยังไง ภายในหนึ่งอาทิตย์ ควรจะล้างแปรง (แบบล้างน้ำกับน้ำสบู่) หนึ่งครั้ง แต่แปรงรองพื้น/คอนซีลเลอร์ ควรจะล้างบ่อยกว่านะคะ เพราะผลิตภัณฑ์เหลวเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรคค่ะ

ดูวิธีล้างแปรงแบบมิถุนาได้

ที่นี่

บล็อกอัพเดต

PREVIEW & REVIEW: Swap Items of October & November (e.l.f. & etc.)

HOW TO: Depot Etude Proof 10 Eye Primer ใช้คุ้มจนหยดสุดท้าย

REVIEW: Kinepin Compress Veil กระดาษมาส์กหน้าอัดเม็ด

REVIEW: Preciosa 4704 ขนตาปลอมหนาเด้งดูเป็นธรรมชาติ

REVIEW: Gino McCray Color Liner Glitter

REVIEW: Mei Linda #099 ขนตาปลอมเป็นแฉกเหมือนตาตุ๊กตา

REVIEW: มาส์กสิวเสี้ยน Lansley BHA Scrub & Sebum Remove Mask

DIY: Brush Cleansing...น้ำยาล้างแปรงแบบรวดเร็ว

DIY: Mixing Medium/Fix+ & HOW TO: Glittery Red Eyes




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2553    
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 0:12:08 น.
Counter : 3998 Pageviews.  

REVIEW: มาส์กสิวเสี้ยน Lansley BHA Scrub & Sebum Remove Mask

อันนี้ได้มาพร้อมๆ กับกลิตเตอร์อายไลเนอร์นะคะ

เป็นมาส์กสิวเสี้ยนที่อยากลองมานาน ไม่ได้มาส์กสิวเสี้ยนที่จมูกนานแล้ว อยากจะมาส์ก ก็เลยไปซื้ออันนี้มา (คิวต่อไปในการทดลองเป็น the face shop ค่ะ)

หน้าตาของ Lansley (อันนี้มีขายในร้าน beauty buffet นะคะ)


*คลิกเพื่อขยาย

มีในกล่องสองหลอด หลอดแรกเป็น step 1 ใช้ขัดสิวเสี้ยนที่จมูกประมาณ 5 - 10 นาที หลอดที่สองเป็น step 2 ไว้ทาที่จมูก รอจนแห้งแล้วลอกออก

แต่ละหลอด ปริมาณ 35 g

ราคากล่องละ 195 บาท

มาดูคำโปรยด้านหลังและส่วนผสมกันนะคะ


*คลิกเพื่อขยาย

ส่วนอันนี้เ็ป็นวิธีใช้


*คลิกเพื่อขยาย

มาเริ่มขั้นตอนกันค่ะ

หมายเหตุ...แบบในรูปวันนี้เป็นน้องชายนะคะ ไม่ใช่จมูกของมิถุนาค่ะ (เดี๋ยวจะบอกเหตุผลข้างท้าย)

หน้าตา Step 1

เป็นเจลสีส้มๆ มีเม็ดบีดส์เล็กๆ กลิ่นออกแนวซีตรัส หอมดีค่ะ เอาไว้ขัดจมูกก่อนจะทามาส์กสีขาว



เอามาขัดที่จมูกให้ทั่ว ประมาณ 5 - 10 นาที (จริงๆ ขัดไม่ถึงห้านาที เจลก็แห้งหมดแล้วอ่ะค่ะ ขัดจนสากๆ ไม่ไหว ขัดได้ประมาณ 3 นาทีเอง)



ขัดเสร็จก็ไปล้างหน้าแล้วซับหน้าให้แห้ง

Step 2

เป็นครีมเหนียวเหมือนกาวลาเท็กซ์แบบเหนียวจัด กลิ่นก็เกือบจะคล้าย



เอามาทาจมูก มันหนืดมากกกก ทาไม่หนา แต่ก็ไม่บาง



รอจนแห้ง แล้วก็ลอกออก เป็นแบบนี้


*คลิกเื่พื่อขยาย

ในรูปจะมีลูกศรชี้ๆ ไว้นะคะ ตรงที่สิวเสี้ยนมันลอกออกมา ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อยค่ะ (ตัวนี้นอกจากลองกับน้องชาย ก็ได้ลองด้วยตัวเองด้วย มิถุนาเป็นคนมีสิวเสี้ยนไม่มาก แต่น้องชายมีสิวเสี้ยนเยอะค่ะ ดังนั้นที่เอาน้องชายมารีวิวเพราะน้องมีสิวเสี้ยนเยอะ แต่สิวเสี้ยนกลับออกมาไม่เยอะ) แบบว่าลอกสิวเสี้ยนได้ไม่เยอะเท่าใช้ kose (มาส์กขาวสำหรับลอกจมูก ไม่ใช่มาส์กดำนะคะ)

ถ้าเทียบกับมาส์กลอกหน้าที่ไว้ลอกสิวเสี้ยนเล็กๆ กับขนหน้า ชอบมาส์กดำของมิสทีนค่ะ เพราะลอกได้ทั้งหน้า ลอกแล้วหน้าเนียนดีค่ะ แล้วก็ไม่ได้เจ็บหน้ามากด้วย (แต่ไม่ได้ทำให้หน้าขาวตามคุณสมบัติของมันะคะ)

สรุปการใช้ตัวนี้นะคะ...รู้สึกว่า step 1 มันนวดแล้วมันแห้งไปกับหน้า นวดได้ไม่เกิน 5 นาทีก็แห้งหมด หลังล้างหน้าตอนขัดก็หน้านุ่มดีค่ะ พอทา step 2 รอจนแห้งแล้วลอกออก มันลอกสิวเสี้ยนได้ดีพอสมควร ลอกได้ไม่สะใจที่สุด แต่ก็ลอกขนอ่อนออกมาด้วย ทำให้ผิวส่วนที่ถูกลอกเนียนนุ่ม

ราคาไม่แพงมาก แต่ปริมาณก็ไม่มาก ถ้าถามว่าจะซื้ออีกไหม คงไม่ซื้อต่ออ่ะค่ะ เปลี่ยนไปลองยี่ห้ออื่นดีกว่า (แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้านึกอะไรไม่ออก อาจจะซื้อมาใช้อีกเล่นๆ เพราะมันไม่แพง แล้วก็หาซื้อไม่ยาก)

คำเตือน...ถ้าเป็นคนผิวบาง เจ็บง่าย อย่าทาทั้งหน้านะคะ คือลองพยายามลอกทั้งหน้า (ตอนใช้มาส์กสิวเสี้ยนโคเซ่ก็ทำได้) แล้วมันเจ็บมากกกก แบบว่าขนอ่อนบนหน้าหลุดไปเยอะเลย แล้วมาส์กมันหนึบ ดึงหน้าจนเจ็บ แต่หลังลอกแล้วหน้าก็นุ่มเนียนดีค่ะ ไว้ว่าจะลองลองอีก แต่คงนานๆ ทำที

Talk about มาส์กลอกจมูก/หน้า...มิถุนาเคยใช้ kose มาส์กขาวไว้ลอกจมูก ซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมากๆ แรกๆ มันก็ลอกดีนะคะ แต่เหมือนพอใช้ไปมากกว่าหนึ่งหลอด ไม่รู้ำทำไมลอกไม่ได้เยอะเหมือนเคย แต่หลังๆ มานี้มิถุนาใช้วิธีสครับหน้ามากกว่าลอกหน้า เพราะรู้สึกว่าจมูกเนียนกว่า มาส์กลอกหน้าจะใช้เวลาหน้ามันหยาบๆ ทั้งหน้า ก็ลอกหน้าออกเลย หลังลอกจะเนียนมากๆ ตัวที่แนะนำคือมาส์กดำมิสทีนค่ะ ลอกขนหน้า สิวเสี้ยนเล็กๆ ออกดีทีเดียว (ถ้าอยากหน้าดูขาวนิดๆ แนะนำมาส์กดำโคเซ่ค่ะ แต่หลังๆ มิถุนาไม่ได้ใช้ัตัวนี้แล้ว ติดใจมา์ส์กดำมิสทีนมากกว่า เพราะมันลอกได้เนียนกว่า มิถุนาไม่ได้เน้นเรื่องหน้าขาวเท่าไหร่ค่ะ)

บล็อกอัพเดต

PREVIEW & REVIEW: Swap Items of October & November (e.l.f. & etc.)

HOW TO: Depot Etude Proof 10 Eye Primer ใช้คุ้มจนหยดสุดท้าย

REVIEW: Kinepin Compress Veil กระดาษมาส์กหน้าอัดเม็ด

REVIEW: Preciosa 4704 ขนตาปลอมหนาเด้งดูเป็นธรรมชาติ

REVIEW: Gino McCray Color Liner Glitter

REVIEW: Mei Linda #099 ขนตาปลอมเป็นแฉกเหมือนตาตุ๊กตา

REVIEW: มาส์กสิวเสี้ยน Lansley BHA Scrub & Sebum Remove Mask




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2553    
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 1:07:23 น.
Counter : 5349 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.