...ส บ า ย ๆ ส ไ ต ล์ มื อ ไ ม่ PRO แ ถ ม ยั ง... LOWFESSIONAL ...
 
 

HP3500, 3740, 3745 ปริ๊นท์ผ่านแลนไม่ออก...

ก็เห็นหัวพิมพ์วิ่งไปวิ่งมา แต่ไม่มีอักษรสักตัว...?

จริงๆแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วครับ จนเดี๋ยวนี้เครื่องพิมพ์รุ่นนี้อาจจะตกรุ่นไปแล้วก็ได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่า เครื่องรุ่นใหม่ๆของ HP จะยังคงคอนเซ็ปต์นี้อยู่หรือเปล่า ก็ขอหยิบยกมาเล่าให้ฟังกันอย่างเคยครับ

การติดตั้งเครื่องพิมพ์
ไม่ว่าจะของ HP หรือยี่ห้ออะไรก็ตามแต่ ปัจจุบันมักนิยมใช้มุขเดียวกัน คืออันดับแรกเลย ห้ามต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับเครื่องคอมฯ เราจะต้องนำซีดีติดตั้งมาใส่ แล้วดำเนินการติดตั้งไปก่อน จากนั้นโปรแกรมจะสั่งให้เราเสียบสายเครื่องพิมพ์อีกทีนึง ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดนะครับ ไม่งั้นจะสับสนไปยิ่งกว่าเก่า (คอมฯมันเริ่มสั่งเราบ้างละทีนี้)

พิมพ์แต่เอกสาร ใส่หมึกดำตลับเดียวได้มั้ย?
เครื่องพิมพ์ของ HP รุ่นนี้ จะใส่ตลับหมึกได้ 2 ตลับ คือสีดำ 1 ตลับ และ แดง/เหลือง/น้ำเงิน อีก 1 ตลับ ซึ่งปกติเราจะต้องใส่ไว้คู่กัน

แต่บางกรณี เมื่อหมึกสีหมดไปแล้ว หรือหมึกสีเกิดอาการเกเร ไม่อยากใส่ไว้ให้รำคาญ เพราะจุดประสงค์ก็แค่จะพิมพ์งานตัวอักษรสีดำธรรมดาๆ อันนี้ก็สามารถถอดตลับสีออกได้เลย การมีตลับดำเพียงตลับเดียว สามารถพิมพ์เอกสารได้สบายมาก หากในเอกสารมีภาพสี ภาพก็จะถูกพิมพ์ออกมาเป็นเฉดสีเทาๆ ดูรู้เรื่องได้ใจความเหมือนเดิมครับ

หมึกดำหมดก่อนซะแล้ว ถ้าใส่หมึกสีตลับเดียวล่ะ?
อีกกรณีนึงก็คือ หมึกดำหมดพอดี หรือไม่ยอมออกเอาซะดื้อๆ เราก็สามารถดึงตลับดำออก แล้วใส่ตลับสีเพียงตลับเดียวก็ได้ โดยเครื่องพิมพ์จะผสมแม่สีที่มี ให้กลายเป็นสีดำให้เอง ซึ่งก็จะไม่ดำสนิทมากนัก แต่ก็ถือว่าได้ใจความของความดำละครับ ส่วนภาพสีก็ยังคงได้เหมือนเดิม เพียงแต่ขาดความเข้มของสีดำไปบ้างเท่านั้นเอง และการพิมพ์จะใช้เวลามากกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะเสียเวลาในการผสมสีให้ดำนั่นเอง

สั่งพิมพ์ผ่านระบบแลน มายัง HP ที่แชร์ไว้
การพิมพ์ผ่านระบบแลนจากคอมฯเครื่องอื่นๆ มายังเครื่องพิมพ์ที่แชร์ออกมานั้น จะไม่เกิดปัญหาใดๆ ถ้า...
- เครื่องพิมพ์ติดตั้งตลับหมึกครบทั้ง 2 ตลับ หรือ
- ติดตั้งตลับสีไว้ 1 ตลับ

แต่...ถ้าหากเครื่องพิมพ์ติดตั้งตลับดำไว้เพียงตลับเดียว แล้วแชร์ออกไปให้เครื่องอื่นๆสั่งพิมพ์เข้ามา ประเด็นนี้มีเรื่องให้คุยกันครับ

ผมจะสมมติดังนี้นะครับ คือให้คอมเครื่องที่ติดตั้งเครื่องพิมพ์ มี IP เป็น 192.168.64.1 และได้ทำการติดตั้ง HP 3745 ไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถสั่งพิมพ์ได้ตามปกติ และเมื่อใส่ตลับดำเพียงตลับเดียว ก็พิมพ์ได้ตามปกติเช่นกัน เครื่องนี้จะแชร์เครื่องพิมพ์ไว้ เพื่อให้คอมฯเครื่องอื่นๆภายในวงแลน สามารถสั่งพิมพ์งานเข้ามาได้

เพื่อให้เครื่องรับรู้ได้ว่า เราใส่หมึกดำเพียงตลับเดียว และต้องการให้งานพิมพ์มีการไล่เฉดสีให้ถูกต้องด้วย เราต้องเข้าไปกำหนด โดย...
- เข้าไปที่ Start/Settings/Printers ไปคลิกขวาที่ไอคอนของเครื่องพิมพ์ HP3745 แล้วเลือก Printing Preferences
- เลือกที่แทป Color ติ๊กเครื่องหมายที่ Prin in grayscale แล้วเลือก Black print cartridge only แล้วตอบตกลง ดังรูปข้างล่างนี้



- จากนั้นเลือกที่แท็ป Service แล้วคลิกเม้าส์ที่ปุ่มรูปไขควงกับประแจ จะเห็นดังรูปข้างล่างนี้



- เลือกมาที่แทป Configuration จะมองเห็นข้อความ One Black Print Cartridge จางๆอยู่ในช่อง ตรงนี้ไม่ต้องปรับแต่งอะไร ให้ตอบตกลงแล้วออกจากหน้าจอได้เลย

ทีนี้ก็มาถึงคอมฯเครื่องอื่นๆภายในวงแลน สมมติว่าเป็น IP 192.168.64.2 ให้เรา ถอด เครื่องพิมพ์ออกมาจากเครื่อง IP 192.168.64.1 เมื่อครู่นี้ เอามาวางรอไว้ใกล้ๆเครื่องนี้เลย จากนั้นก็ดำเนินการติดตั้งตามปกติ โดยให้เริ่มติดตั้งจากแผ่นซีดีของเครื่องพิมพ์ เื่อโปรแกรมบอกให้เสียบสาย จึงเสียบเครื่องพิมพ์เข้าไปแล้วเปิดเครื่องพิมพ์

รอจนการติดตั้งต่างๆสิ้นสุดลง เราก็จัดการปรับค่าต่างๆให้เป็นการเตรียมพิมพ์ด้วยตลับหมึกสีดำเพียงตลับเดียว เหมือนกับขั้นตอนของคอม IP 192.168.64.1 นั่นเอง

จากนั้นก็ ถอด เครื่องพิมพ์กลับไปเสียบคืนที่คอม IP 192.168.64.1 ตามเดิมให้เรียบร้อย

กลับมาที่เครื่อง IP 192.168.64.2 อีกครั้ง ตอนนี้เราจะต้องเพิ่มเครื่องพิมพ์ HP3745 กันอีกครั้งหนึ่ง ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- เข้าไปที่ Start/Settings/Printers แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ Add Printer
- จะปรากฏ Wizard นำทางการติดตั้ง เมื่อ Next ไปครั้งแรก จะถามว่า จะติดตั้งเครื่องพิมพ์ที่ Local หรือ network ให้เลือกที่ Network
- เมื่อ Next ไปอีกครั้ง จะมีช่องให้พิมพ์ที่อยู่และชื่อของเครื่องพิมพ์ ที่ได้รับการแชร์ออกมาจากเครื่อง 192.168.64.1 ในที่นี้ผมแชร์เครื่องพิมพ์ไว้ในชื่อ hp3745$ ก็ต้องพิมพ์ \\192.168.64.1\hp3745$ เข้าไป จากนั้นก็กด Next

ถึงขั้นตอนนี้ โปรแกรมจะถามว่า ต้องการคัดลอกไดร้เวอร์จากเครื่อง 192.168.64.1 หรือจะใช้ไดร้เวอร์ในเครื่องเราเอง ให้เลือกที่จะใช้ไดร้เวอร์ในเครื่องเราเองนะครับ แล้วจึงทำการติดตั้งต่อไปจนจบ

ก่อนจะสั่งพิมพ์จากเครื่อง 192.168.64.2 ไป มาตรวจสอบกันสักนิดดังนี้ครับ

- เข้าไปยังไอคอนของ HP3745 ตามวิธีการข้างบน (ให้ย้อนขึ้นไปอ่านครับ)
- เมื่อถึงขั้นตอนการเลือกที่แท็ป Service คลิกเม้าส์ที่ปุ่มรูปไขควงกับประแจ แล้วสังเกตให้ดี

หากพบว่า มีกรอบปรากฏขึ้นมาเพียงแทปเดียวดังนี้



แสดงว่าเป็นการคัดลอกไดร้เวอร์มาจากเครื่อง 192.168.64.1 ซึ่งผิดครับ เพราะจะสั่งพิมพ์ได้ แต่จะไม่มีอะไรออกมา เนื่องจากกำหนดตลับดำตลับเดียวไม่ได้นั่นเอง

แต่ถ้าหากปรากฏหน้าต่างที่มี 3 แทปดังนี้



นั่นก็แสดงว่าท่านทำถูกต้องตามขั้นตอนแล้วครับ สามารถสั่งพิมพ์ผ่านแลนเข้าไปได้ ไม่ว่าจะใส่หมึกตลับเดียวหรือ 2 ตลับก็ตาม

อ่ะนะ...ผมเองก็ค่อนข้างงงๆและสับสน(เล็กน้อย) เพราะต้องสลับไปสลับมาระหว่างเครื่องคอมเครื่องต่างๆ เพื่อไปจับภาพหน้าจอ เอามาประกอบเรื่องนี้ เอาเป็นว่า หากใครมีปัญหาอะไร ก็เข้ามาคอมเม้นท์ไว้ได้นะครับ ผมจะแวะเวียนมาดูเป็นระยะๆครับ ยินดีให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนครับ

สวัสดีครับผม




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2549   
Last Update : 9 สิงหาคม 2549 0:33:53 น.   
Counter : 1953 Pageviews.  


PC Inspector File Recovery ชุบชีวิตฮาร์ดดิสก์และชีวิตผม

วันนี้เกิดเรื่องแต่เช้า...

การทำงานกับคอมพิวเตอร์ สิ่งสำคัญยิ่งยวดก็คือข้อมูลครับ และสถานที่ที่เก็บข้อมูลทั้งสิ้นทั้งมวล ก็คือ"ฮาร์ดดิสก์"ครับ

เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา น้องที่ทำงานคนนึงบอก"ป๋าๆไปดูเครื่องหนูหน่อย เข้าวินโดวส์ไม่ได้" เรื่องแบบนี้เจอทุกวันครับ ลงไปก๊อกๆแก๊กๆเดี๋ยวเดียวก็ใช้ได้

และแล้วความซวยก็มาเยือน(พยายามที่จะหาคำสุภาพกว่านี้แล้ว แต่ไม่ได้อารมณ์ครับ ) มันติดแหง็กอยู่อย่างนั้นจริงๆด้วย!

เอ้า...ไม่เป็นไร จะใช้ไฟล์อะไรด่วนๆก่อนมั้ย น้องท่านนั้นบอกว่ามีไฟล์นึง ขอเอาไปปริ๊นท์ก่อนได้ใหม ผมเลยจัดการเอาแผ่น Bootable CD ที่เป็นแผ่นสารพัด Utilityคู่กายมาบู๊ตเครื่อง และก็สามารถมองเห็นไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ได้ ก็ก็อปไฟล์ให้น้องเค้าไปปริ๊นท์ที่เครื่องอื่นได้เรียบร้อย

ผมเองก็นั่งเหงื่อตกอยู่หน้าเครื่อง อืมมม...ยังไงดีทีนี้? สแกนก็ไม่ผ่าน ติดตั้งวินโดวส์ใหม่ก็ไม่สำเร็จ เอา PartitionMagic มาแบ่งพาร์ทิชั่นใหม่ ก็ Error กลางทาง ทำอยู่จนพักเที่ยง พักเที่ยงต่อบ่าย เอ้า...มองไม่เห็นทั้งฮาร์ดดิสก์เลยทีนี้


ถอดกลับมาบ้านครับ พร้อมกับให้กำลังใจพนักงาน(และผม)ว่า เดี๋ยวจะเอาไปกู้ข้อมูลที่บ้านนะ เครื่องไม้เครื่องมือเยอะหน่อย

หลังจากปิดร้านตอน 3 ทุ่ม ผมก็เริ่มงานนี้ทันที บู๊ตด้วยแผ่น Bootable CD แล้วเลือกโปรแกรม datarecovery professional สั่งงานตามขั้นตอนแล้วรอดูผล...

เที่ยงคืนแล้ว งานคืบหน้าไป 13% อ่ะ...สำเร็จๆ(คิดในใจ) จัดแจงขึ้นบ้านนอนครับ เช้าๆน่าจะเรียบร้อย เลยเปิดทิ้งไว้อย่างนั้นเลย

7 โมงเช้าลงมาเตรียมเปิดร้าน โปรแกรมกูไฟล์รันได้เพียง 34% เท่านั้นเองครับ ฮาร์ดดิสก์วิ่งเบาๆแก็กๆแบบไม่เต็มใจนัก เฮ้อ...ไม่ได้การครับ ต้องจัดแจงเปิดร้านบริการเด็กๆกันแล้ว โครงการนี้ต้องเบรคก่อนครับ

พอเปิดร้านเสร็จก็ต้องนั่งจับเจ่าเฝ้าเครื่องแม่ ขายคูปองเกมส์ ขายขนมขบเคี้ยวไปตามเรื่อง แล้วก้ไม่ลืมที่จะเข้า Google ครับ เสิร์จด้วยคำว่า HARDDISK, DATARECOVERY, HARDDISK TOOL, HARD UTILITY ฯลฯ สาระพัดฮาร์ดดิสก์ที่จะนึกออกครับ

อืมมม...ข้อมูลเยอะเหมือนกันครับ ทั้งบอร์ดภาษาไทย ทั้งบทความภาษาไทย/เทศ ผมก็นั่งอ่านนั่งเปรียบเทียบ เลยได้เจ้านี่มาครับ PC Inspector File Recovery จาก //www.pcinspector.de/file_recovery/uk/welcome.htm เข้าไปดาวน์โหลดกันมาซะโดยไวครับ ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไขซะด้วย (ยังแปลกใจว่า โปรแกรมยอดเยี่ยม สามารถช่วยงานได้ขนาดนี้ แจกฟรีได้ยังไง?)

ก่อนอื่น ต้องหาเครื่องคอมว่างๆในร้านสักเครื่องก่อนครับ จัดการเอาฮาร์ดดิสก์ตัวปัญหาไปต่อร่วมเข้าไป เปิดเครื่องปรับตั้ง BIOS ให้แน่ใจว่าสามารถ"ดีเท็ค"ได้เจอเป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน อันนี้สำคัญครับ ถ้าดีเท็คไม่เจอก็จนปัญญาแล้วละครับ

หลังจากบู๊ตเครื่องเข้าวินโดวส์(นานกว่าปกติมากๆ) พอดับเบิ้ลคลิกเข้า My Computer ปรากฏว่าไม่มีฮาร์ดดิสก์ตัวนั้นให้เห็นครับ คงมีแต่ฮาร์ดดิสก์ของเดิมเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นไรครับ เพราะผมได้ข้อมูลจากเน็ตมาก่อนแล้วว่า ให้ BIOS ดีเท็คเจอก็ถือว่ามีโอกาสแล้ว

หลังจากที่ติดตั้งโปรแกรม PC Inspector File Recovery ตามวิธีการปกติเป็นที่เรียบร้อย (อย่าลืมเลือกภาษาเป็น English ด้วย) ก็จัดการเปิดโปรแกรมขึ้นมาเลย



ดูตัวเลือกให้อยู่ที่ English แล้วก็คลิกเครื่องหมาย"ถูก"ไปยังขั้นตอนต่อไป



ถัดมาเป็นคำแนะนำหลักๆครับ ซึ่งการแก้ปัญหากรณีของผม จะอยู่ในกลุ่มสุดท้าย คือการมองไม่เห็นฮาร์ดดิสก์นั่นเองครับ ก็คลิกกากะบาทไปยังหน้าต่อไป



จากรูปข้างบน เมื่อแรกเข้ามาจะเป็นหน้าว่างๆ เมื่อไปคลิกที่รูป"แว่นขยาย"ทางด้านซ้ายมือ โปรแกรมจะทำการ Scan ฮาร์ดดิสก์ที่ต่ออยู่ในเครื่อง ซึ่งถ้าแน่ใจว่าไบออสมองเห็น ตรงนี้ก็จะสแกนเจอครับ สังเกตดูว่า ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ปกติ จะแสดง C: หรือ D: ออกมาให้เห็น แต่ตัวที่มีปัญหาจะแสดงเป็น fixed disk# ดังที่เห็น และอาจจะมีกรอบให้เลือกคลิก "ยกเลิก/ลองใหม่/ไม่สนใจ" ซึ่งก็แล้วแต่ความต้องการ ส่วนของผมจะเลือก ignore ตลอดไปเรื่อยๆครับ



เมื่อโปรแกรมสแกนฮาร์ดดิสก์จนครบแล้ว โปรแกรมจะแสดงรายการ Logical drive ขึ้นมา แต่ผมต้องไปคลิกที่แท็ป Phisical drive ซึ่งก็จะพบรายการของฮาร์ดดิสก์ที่ผิดปกติดอยู่ 3 รายการดังรูปข้างบนนั่นเองครับ

ผมจะเริ่มค้นหาไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆที่(ที่ผมภาวนาเอาไว้ว่า)น่าจะยังใช้งานได้ โดยคลิกเลือกไปที่ drive#1 แล้วมาคลิกที่ปุ่ม Find logical drives เพื่อค้นหาสิ่งต่างๆอีกครั้ง



หน้า่จอข้างบนจะแสดงรายละเอียด(ที่ผมเดาๆเอา)ของพื้นที่ที่จะเริ่มค้นหา ก็ต้องไปคลิกที่เครื่องหมาย"ถูก"ทางด้านซ้ายมือเพื่อเริ่มงานกัน(ซะที)



ผลการสแกนออกมาแล้ว แต่...คุ้นๆ...อ้อ...มันเป็นไฟล์ที่เสียหายอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของผมเองนี่นา ไม่ใช่ตัวที่เอามาจากที่ทำงาน (จำได้เพราะว่าผมตั้งชื่อ AEG ซึ่งเป็นชื่อลูกชาย) กรรม... เอาใหม่ครับ โดยการคลิกที่ปุ่ม Rescan drives โปรแกรมจะถามว่า ต้องการลบรายการออกก่อนมั้ย? ก็ตอบตกลง หลังจากนั้นก็ไปเลือกที่ drive#2 แทนครับ

ฮ่าๆ... อยากจะบอกว่า drive#2 ก็ไม่ใช่ครับ มันเป็นของเครื่องผมเองอีกน่ะแหละ อันที่จริงมันเป็นตัว #3 แน่ๆครับ (ก็แหงละ)

คราวนี้สแกนนานมากๆครับ แล้วก็ต้อง Ignore กันเมื่อยมือเลยเชียว สุดท้ายก็ได้หน้าจอดังรูปข้างล่างมา ใช่แล้วครับ ผมจำชื่อไดร้ฟ์ได้



ชื่อ C BAK นั่นละครับ ชื่อไดร้ฟ์ที่ผมเข้าไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมใจชื้นขึ้นบ้างแล้ว เพราะหลักฐานแสดงอยู่ทนโท่ (คำพูดยอดฮิตของวงดนตรีโปงลางสะออน)



ผมจึงเลือกที่บรรทัด C BAK แล้วมาคลิกที่ปุ่ม Preview ก็จะเห็นรายชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆ ผมลองไล่ๆดูแล้ว ใช่แท้แน่นอนครับ จึงคลิกเครื่องถูกเพื่อกลับมายังหน้าเดิม จากนั้นก็เลือกที่บรรทัด C BAK แล้วมาคลิกที่เครื่องหมาย"ถูก"ที่ด้านขวามือ



ตอนแรกหน้าจอด้านขวาจะยังว่างๆอยู่ ต้องคลิกที่ Root ทางด้านซ้ายมือ โปรแกรมจึงจะแสดงไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆออกมา ซึ่งถ้าตรงใหนอ่านข้อมูลไม่ได้ ก็จะมีปุ่มให้กดยืนยันกันอีกทีครับ

ผมคงไม่เลือกกู้ข้อมูลคืนทั้งไดร้ฟ์ คือเอาแค่ตรงที่ใช้งานจริงๆเท่านั้นครับ ก็โดยการเลือกไฟล์หรือโฟลเดอร์จากกด้านขวามือ แล้วมาคลิกรูป"แผ่นดิสก์"จากด้านซ้ายมือ โปรแกรมก็จะแสดงไดร้ฟ์ภายในให้เลือก เมื่อเลือกแล้วก็กดเครื่องหมายถูก ก็จะเป็นการ Save ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ได้รับการกู้ขึ้นมา ไปยังที่ที่ระบุทันที

ในขณะที่กำลัง Save นั้น อาจจะมีบางไฟล์หรือบางโฟลเดอร์ที่เสียหายอย่างหนัก ก็จะมีกรอบให้ยืนยันหรือยกเลิกได้ ไม่ใช่ว่าจะตอบ OK แล้วเดินไปทำธุระนะครับ เพราะโปรแกรมไม่ได้ถามแล้วยึดถือปฏิบัติตลอดไป จะถามสำหรับไฟล์หรือโฟลเดอร์หนึ่งในขณะที่เจอเท่านั้น ถ้าเจออีกก็จะถามอีกเรื่อยๆ นอกจากนี้ ปุ่ม Ignore จะเป็นปุ่มที่ 3 เวลากรอบยืนยันขึ้นมาปุ๊บ เผลอไปกด enter ปั๊บ จะกลายเป็น Abort คือยกเลิกทันที หากไม่ระวังก็จะเสียเวลาเริ่มใหม่อีกเช่นกัน (เจอมาแล้วกับตัวเอง)

จากนั้นก็ไร้ท์ข้อมูลที่กู้คืนมาได้ ใส่ซีดีไว้ แล้วจะเอาฮาร์ดดิสก์ไปทำ Low level format อีกทีครับ (ไม่รู้จะกู้ชาติ เอ๊ย...กู้ชีวิตกลับมาได้อีกครั้งหรือเปล่า?) งานนี้ถ้ากู้ข้อมูลขึ้นมาไม่ได้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะไปแก้ตัวกับผู้จัดการอย่างไงเลย เพราะเครื่องนี้มันไม่มีอาการพลอมแพลมให้เห็นเลย จึงยังไม่ได้คิดสำรองข้อมูลใดๆไว้

เหนื่อยเลยครับ เมื่อคืนก็เครียด กว่าจะกู้ขึ้นมาได้ก็ลุ้นแล้วลุ้นอีก หาน้ำขิงกินสักถ้วยก่อน สวัสดีครับผม.




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 31 กรกฎาคม 2549 21:04:03 น.   
Counter : 4917 Pageviews.  


บันทึกโค้ด VBA ที่ชอบลืมบ่อยๆ



- Dropdown List ในชีทงาน
สมมุติจะทำเดือน Jan-Dec ให้เป็น Dropdown List ในช่อง B1 ของ Sheet1
โดยทำจากข้อมูลที่อยู่ต่าง Sheet กัน ทำดังนี้ครับ

ไปที่ Sheet2 คีย์ Jan-Dec ใน Cell A1:A12
เสร็จแล้วคลุม A1:A12 > คีย์ MonthList ในช่อง Name Box
(ช่องแรกสุดของบรรทัด Formula Bar) > ไปที่ Sheet1
Cell A1 คีย์ Month > คลิกช่อง B1 > ไปที่เมนู Data > Validation >
เลือกแถบ Setting > ช่อง Allow: เลือก List > คลิกลงในช่อง Source: > กดแป้น F3 > เลือก MonthList > OK > OK
- หน่วงเวลา
Application.Wait Now + TimeValue("00:00:01")

- เกี่ยวกับทูลบาร์
รีเซ็ท
Application.Toolbars(1).Reset

เพิ่มปุ่มจากภายใน และใช้คำสั่งของปุ่มนั้นๆ
With Application.CommandBars("Formatting")
.Controls.Add ID:=403, Before:=3
.Controls.Add ID:=404, Before:=4
.Controls.Add ID:=800, Before:=13
End With

เพิ่มปุ่มจากภายใน แต่ใช้คำสั่งที่เขียนเอง
With Application.Toolbars(1).ToolbarButtons
.Add(Button:=131, OnAction:="xHeadings").Name = "ข้อความ1"
.Add(Button:=137, OnAction:="xGridlines").Name = "ข้อความ2"
End With

ลบปุ่ม นับจากที่เห็นในจอ
Application.CommandBars("Standard").Controls(11).Delete

- เกี่ยวกับเมนู
รีเซ็ท
MenuBars(xlWorksheet).Reset

- เปิด Book เปล่า
Workbooks.Add

- เพิ่มชีทชื่อที่กำหนดทันที
Worksheets.Add.Name = "ชื่อชีท"

- สั่งรันแบตช์ไฟล์จากดอสแบบซ่อน
Shell "D:\code97\copyxam.bat", 0

- เปิดงานแล้วรันออโตมาโครทันที
Workbooks(FileName:="D:\code97\XAM99.XLS").RunAutoMacros Which:=xlAutoOpen

- การใช้ัฟังก์ชั่น Array SumIF

สูตร SumIF มีรูปแบบสำคัญอยู่ 3 แบบ คือ

=SUMIF( CheckRange, "ค่าเงื่อนไข", SumRange)

{=SUM( IF( CheckRange=ค่าเงื่อนไข, SumRange))}

{=SUM( (CheckRange=ค่าเงื่อนไข) * SumRange)}

CheckRange เป็นตารางพื้นที่ ซึ่งใช้เป็นหลักในการทดสอบตามค่าเงื่อนไขว่า ค่าเงื่อนไขนั้นๆอยู่ในตำแหน่งใดในตาราง CheckRange

SumRange เป็นตารางพื้นที่ของตัวเลข ซึ่งต้องการใช้คำนวณหายอดรวม เฉพาะเซลล์ซึ่งมีตำแหน่งตรงกับค่าเงื่อนไข

CheckRange และ SumRange ต้องมีขนาดเท่ากัน เพื่อใช้ในการเทียบหาตำแหน่งเซลล์ตรงกัน

สูตรแบบที่ 1 เป็นสูตรที่มีอยู่แล้วใน Excel สามารถคำนวณหายอดรวมตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่มีข้อจำกัดว่า ไม่สามารถนำสูตรคำนวณอื่นซ้อนเข้าไปได้อีก เราต้องใช้ผลลัพธ์สุดท้ายจากภายนอก เป็นค่าที่คำนวณเสร็จแล้ว นำเข้าไปใช้ในสูตร

สูตรแบบที่ 2 และ 3 เป็นสูตร Array Formula ต้องกดปุ่ม Ctrl+Shift+Enter พร้อมกัน จึงจะเกิดเครื่องหมายวงเล็บปีกกาปิดหัวท้ายของสูตรให้เอง

ตัวอย่างสูตร (สูตรในตัวอย่างเป็นสูตรแบบที่ 2)

{=SUM( IF( ID=IDChoice, Age))}

คืนค่าเป็นตัวเลขยอดรวมของเซลล์ในตารางชื่อ Age เฉพาะเซลล์ซึ่งมีตำแหน่งตรงกับ เซลล์ที่มีค่าเท่ากับ IDChoice ในตารางชื่อ ID

{=SUM( IF(Name=NameChoice, Age) )}

คืนค่าเป็นตัวเลขยอดรวมของเซลล์ในตารางชื่อ Age เฉพาะเซลล์ซึ่งมีตำแหน่งตรงกับ เซลล์ที่มีค่าเท่ากับ NameChoice ในตารางชื่อ Name

สูตรแบบที่ 2 สามารถนำไปดัดแปลงให้คำนวณเป็นสูตรอื่นซึ่งไม่ใช่สูตร Sum เพียงเปลี่ยนคำว่า Sum เป็นสูตรอื่นๆ เช่น Count, Average, Max, Min เป็นต้น

{=COUNT( IF( ID=IDChoice, Age))}

{=AVERAGE( IF( ID=IDChoice, Age))}

{=MAX( IF( ID=IDChoice, Age))}

{=MIN( IF( ID=IDChoice, Age))}

สำหรับสูตรแบบที่ 3 จะนำเสนอในหลักสูตรขั้นเจาะลึก หรือขั้นประยุกต์ใช้ Excel

นำมาจาก //www.excelexperttraining.com/training/manual/tip2001/tip06.html เก็บไว้เพื่อเรียกดูเวลาด่วนๆ ขอบคุณไปยังเจ้าของด้วยครับ




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 25 สิงหาคม 2549 16:53:37 น.   
Counter : 2664 Pageviews.  


ยุ่งนัก...ก็ย้ายไปคอนเน็คที่อื่นซะ...?!

มีเรื่องยุ่งๆมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว...
ในความดูแลของผม มีคอมพิวเตอร์ต้องรับผิดชอบอยู่ 4 จุดครับ คือห้องพนักงานห้องใหญ่ชั้น 3, ห้องหัวหน้าแผนกชั้น 3, ห้องพนักงานชั้นล่าง และห้องผู้จัดการ ซึ่งห้องใหญ่ไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ตเข้าไป (เดี๋ยวจะไม่ค่อยได้งานกัน) นอกนั้นปล่อยเข้าไปครับ โดยเฉพาะห้องผู้จัดการนั้น ขาดไม่ได้เลย เพราะต้องออนไลน์ทำรายการเกี่ยวกับเงินๆทองๆ พร้อมๆกับดูเว็บเกี่ยวกับหุ้นขึ้นหุ้นลง ที่จำเป็นต้องอัพเดทตลอดเวลา

แต่ใหนแต่ไรมา เครื่องที่โต๊ะผมจะเป้นตัวต่ออินเตอร์เน็ตครับ เริ่มต้นมาตั้งแต่เครื่องผมใช้เน็ตได้คนเดียว(56k.เริ่มแรก) จนมาเป็น ADSL ปัจจุบัน ก็ยังคงอยู่ที่เครื่องผม

อันที่จริงถ้าเปลี่ยนจาก"โมเด็ม" มาเป็น "เร้าเตอร์โมเด็ม" ซะก็หมดเรื่องครับ แต่ทีนี้ ของเดิมยังใช้ได้ดีอยู่น่ะสิครับ จะไปทำเรื่องเบิกเงินซื้อใหม่มันก็กระไรอยู่ ผมเลยต้องหาทางพลิกแพลงให้ใช้งานได้ตามจุดประสงค์

เรื่องของเรื่องก็คือ ผมต้องมีหน้าที่ในการเขียนโค้ด ทดลองระบบ โหลดนั่นโหลดนี่ และเอาปัญหาลงมาหาทางแก้ที่เครื่องผมเอง จึงต้องมีการ Shutdown บ้าง Restart บ้าง บางทีก็มีแฮ้งค์ มีโดนไวรัส มีแปลกๆอยู่เรื่อยละครับ

วันใหนเครื่องผมเดี้ยงนานๆก็เป็นเรื่องสิครับ เพราะอินเตอร์เน็ตจะใช้ไม่ได้ไปด้วย ใหนหัวหน้าแผนกจะต้องเข้าไปหาข้อมูลจากกรมสรรพากร ใหนแผนกประกันสังคมจะต้องยื่นแบบ ใหนผู้จัดการจะต้องสั่งโอนเงิน ฯลฯ ทำให้บางวัน ผมต้องเลี่ยงไปทำอะไรที่เสี่ยงๆในตอนพักเที่ยงแทน(เลยอดนอนกลางวัน!)

หันไปหันมา...อ้อ...มีเครื่อง Server ตั้งอยู่ข้างๆอีกเครื่องนึงครับ วันๆเครื่องนี้ไม่ได้ทำอะไร คอยบริการพื้นที่ให้กับเครื่องอื่นๆ ที่จะต่อเข้ามาเอาโน่นเอานี่ และก็เป้นเมนหลักของโปรแกรมบัญชี ที่แม็ปไดร้ฟ์ไปยังเครื่องทั้งหมด

แต่การที่จะเอาโมเด็มไปติดที่เครื่องแม่ แล้วแชร์เน็ตออกไปนั้น เคยคุยกับผู้จัดการแล้ว สรุปว่าไม่อยากให้ทำอย่างนั้น คือไม่อยากให้เครื่องแม่ออนไลน์ได้ เป็นห่วงเรื่องข้อมูล เป็นห่วงเรื่องไวรัส

พอดีว่าผมได้มีโอกาสทดลองใช้โปรแกรม VMware เลยเกิดความคิดที่ว่า ก็ไปสร้างเครื่องคอมซ้อนเข้าไปในเครื่องแม่ซะเลยดีกว่า แล้วใช้เครื่องใน VMware ตรงนั้นเป็นตัวต่ออินเตอร์เน็ตและแชร์ออกมาให้เครื่องอื่นๆ ซึ่งตรงนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องแม่เลย

ว่าแล้วก็เริ่มงานเลยครับ โดยการเข้าไปติดตั้ง VMware ในเครื่อง Server โดยเลือกใช้ WindowsXP ซึ่งทุกอย่างก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนปกติได้อย่างราบรื่นครับ

มาวุ่นวายหน่อยก็ตรงที่ การติดตั้งโมเด็มแบบ USB ที่การ Detect จะรบกวนกัน ระหว่างระบบหลัก กับ XP บน VMware

ตอนแรกผมคิดจะ Disable โมเด็มบนระบบหลักไปเลย ปรากฏว่าไม่ได้ครับ เพราะนั่นจะทำให้ระบบบน VMware มองไม่เห็นโมเด็มตามไปด้วย

ลองอีกวิธีหนึ่ง คือปล่อยให้ระบบหลักติดตั้งโมเด้มให้เรียบร้อยไปเลย ก็ไม่ได้อีกครับ เพราะว่าพอผมจะสั่ง Connect บน XP ก็จะฟ้องว่า โมเด็มถูกใช้โดยโปรแกรมอื่นอยู่ ไม่สามารถ Connect ได้อีก

นึกภาพออกมั้ยครับ? คือย่างนี้ หลังจากที่ติดตั้งไดร้เวอร์โมเด็มเรียบร้อยแล้ว ระบบหลักก็จัดการเชื่อมต่อโมเด็มเข้ากับศูนย์อินเตอร์เน็ต เพื่อรอให้เราสั่งคอนเน็คอีกที พอผมไปสั่งคอนเน็คที่ XP บน VMware จึงทำงานไม่ได้ เพราะตัวหนึ่งสั่งเชื่อม อีกตัวหนึ่งสั่งคอนเน็ค

เริ่มงงล่ะสิครับผมทีนี้...เอาไงดี ลองวิธีต่อไปครับ คือปล่อยให้ระบบหลักมองเห็นโมเด็มก่อน แต่พอถึงขั้นตอนการติดตั้งไดร้เวอร์ ผมเลือก Cancel ครับ คือแค่ให้มองเห้นว่ามีตัวอะไรมาต่ออยู่กับ USB ละ แต่ไม่ให้ทำงาน

ปรากฏว่าได้ผลครับ XP บน VNware สามารถมองเห็นโมเด็ม ผ่านทาง USB ได้ และสามารถติดตั้งไดร้เวอร์ จนสามารถคอนเน็คใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวกโยธิน

เอาละครับ เรียบร้อย แต่ผมยังสงสัยว่า การเอา XP ไปซ้อนไว้บน VMware ที่เครื่องแม่นั้น กินแรงซีพียูไปมากน้อยแค่ใหน ผมเลยลองรันโปรแกรม Process Explorer ดู ปรากฏว่ามีการ"กินแรง"ซีพียูไปเพียงประมาณ 2% เท่านั้นเองครับ คือไปรบกวนเครื่อง Server ของผมไปนิดเดียวเอง อืมมม...อย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อยครับ เพราะจะได้ไม่มีใครมาถามอีก ว่าผมไปทำอะไรกับระบบ ทำให้งานช้าลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

มีปัญหานิดเดียว แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร คือเวลาเปิดเครื่อง Server ใหม่ในตอนเช้า ผมจะสั่งรัน XP บน VMware ไปพร้อมๆกันด้วย แต่ XP จะมองไม่เห็นโมเด็มในทันที ผมต้องดึงสาย USB ของโมเด็มออกก่อน แล้วเสียบเข้าไปใหม่ XP จึงจะมองเห็น และก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ

เป็นอันว่าจบสิ้นกระบวนการครับ ทีนี้ผมก็สามารถทำอะไรๆกับเครื่องผมได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องให้ใครโทรถามอีก ว่าเน็ตใช้ได้รึยัง อีกนานมั้ยกว่าจะเสร็จ ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครรู้ตัวหรอกครับ ว่าทุกคนกำลังใช้งานอินเตอร์เน็ต ที่ได้รับการแชร์ไปจากเครื่องคอม"เสมือน"บนโปรแกรม VMware นั่นเอง และผมก็เซ็ต IP บน XP ให้เป็น IP ที่ผมเคยใช้ ผมจึงไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรที่เครื่องอื่นๆเลย...



จากรูปข้างบนครับ ย่อขนาดมาเล็กๆพอส่งขึ้นบล็อคได้ จะเห็นว่า ผมอยู่ที่เครื่องผม มองผ่านโปรแกรม Radmin ไปที่เครื่องแม่ ซึ่งจะเห็นผมรันวินโดวส์ XP อยู่บน VMware อีกที โดยเปิด Process Explorer ไว้คอยดูด้วยว่า มีอะไรแปลกๆโผล่ขึ้นมากินแรงซีพียูหรือเปล่า

เดี๋ยวผมมาติดตั้ง VMware ที่เครื่องผมก่อนนะครับ เอาไว้ทำอะไรที่มันเสี่ยงๆบนนั้นอีกที สวัสดีแค่นี้ก่อนครับผม




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 25 กรกฎาคม 2549 9:30:10 น.   
Counter : 1034 Pageviews.  


ใช้ MagicTweak เพื่อให้วินโดวส์เป็นอย่างที่ต้องการ

เรียบร้อยซะทีครับ ผมจัดการอัพเดทวินโดวส์ในเครื่องเซิฟเวอร์ จาก Windows2000Professional เป็น Windows2000Server (ขอบคุณ "ลุงไม้ฯ" //www.bloggang.com/mainblog.php?id=noko ด้วยครับ)ได้ซะที หลังจากที่วุ่นวายกับการลงโปรแกรมบัญชี เพราะว่าแต่ก่อนนั้น ที่ทำงานผมใช้โปรแกรมเอ็กเซลธรรมดาๆในการทำบัญชี การติดต่อกับเครื่องเซิฟเวอร์ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่โปรแกรมบัญชีที่ลงใหม่นี้ จะติดตั้งที่เครื่องเซิฟเวอร์เพียงเครื่องเดียว เครื่องอื่นๆจะต้อง MapDrive เข้ามาใช้งาน จึงมี User ทีต้องเกาะติดอยู่ตลอดเวลาเกิน 10 เครื่อง

แต่ระบบที่ผมดูแลอยู่ยังเป็นเพียงระบบเล็กๆเท่านั้นครับ การรักษาความปลอดภัยจึงยังไม่เข้มงวดขนาดต้องกดรหัสผ่านกันทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ผมเองก็ชอบไปถึงทีหลังน้องๆพนักงานเสียด้วย(อันนี้ไม่ดี) จึงต้องไหว้วานให้เปิดเครื่องในห้องให้อยู่บ่อยๆ

ความไม่สะดวกก็อยู่ที่การป้อนรหัสนี่ละครับ เพราะ Windows2000Server จะต้องกด Ctrl+Alt+Del เพื่อเปิดให้พิมพ์ username และ Password ผมก็เลย Search หาข้อมูลเพื่อจะให้ระบบ"ผ่าน"ตรงนี้เข้าไปโดยอัตโนมัติ

ก็มีเยอะเหมือนกันครับ ทั้งภาษาไทยทั้งภาษาอังกฤษ ส่วนมากจะเป็นการให้ไปปรับที่ registry แต่ว่าที่เจอนั้นมีหลายเว็บครับ แต่ละเว็บก็แนะนำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง ผมเลยไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ก็ได้นำมาลองปรับแต่งดูบน VMware อีกที ก็มีได้บ้างไม่ได้บ้าง เข้าวินโดวส์ไม่ได้เลยก็มี

ก็ลองเข้าไปโพสต์ที่บอร์ดของพันธ์ทิพย์ ได้รับคำแนะนำว่าให้ลองหาโปรแกรมประเภท Tweak ต่างๆมาใช้ดู น่าจะมีสิ่งที่ผมต้องการ ปรากฏว่าบรรดา Tweak ต่างๆก็มีมากมายจริงๆครับ ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ลองอยู่หลายโปรแกรมเหมือนกัน จนมาได้ตัวที่จะเล่าให้ฟังนี่ละครับ ถูกประเด็นและถูกใจจริงๆ(ส่วนตัวล้วนๆ)

เข้าไปที่นี่ครับ //www.magictweak.com/ จะเห็นมีโปรแกรมหลักๆอยู่ 3 ตัว ตัวแรกนี่แหละที่ผมต้องการ ก็จัดการดาวน์โหลดลงมาอยู่ในเครื่องเรียบร้อยดังรูปครับ



ไฟล์ติดตั้งโปรแกรมชื่อ mgtweak_330.exe ครับ ส่วนอีกไฟล์นั้นอย่าเพิ่งเห็นนะครับ(ไม่ดีๆ) ก็จัดการติดตั้งเหมือนโปรแกรมทั่วๆไปนั่นเอง คือ Next แล้วก็ I Aggree... แล้วก็ Next ไปจน Finish หลังจากนั้นก็เรียกโปรแกรมขึ้นมา จะมีหน้าตาดังนี้ครับ



ทางด้านซ้ายมือ จะเป็นหัวข้อต่างๆ โดยแบ่งเป็น...
- System Tweak
- Utilities
- Options and help
เมื่อเราคลิกที่แถบ System Tweak เราก็จะสามารถเลือกกลุ่มของคำสั่งได้จากสัญลักษณ์ข้างล่าง
แล้วจึงมาสั่งการทางด้านขวามือที่เป็นข้อย่อยๆ ให้เราเลือกติ๊กเครื่องหมาย "ถูก" เพื่อทำงานตามคำสั่งนั้นๆอีกที

สำหรับกลุ่ม Utilities จะรออยู่ข้างล่างสุดก่อน เมื่ื่อเราไปคลิกเลือก จึงจะดีดขึ้นมาอยู่ข้างบน แล้วสัญลักษณ์ต่างๆก็จะขึ้นมาแทนที่ของเดิม เช่นเดียวกันกับ Options and help ก็จะทำงานในลักษณะเดียวกัน แต่หัวข้อนี้จะเป็นการปรับแต่งโปรแกรม Magic Tweak เองซะมากกว่าครับ

จริงๆแล้ว การใช้งานโปรแกรมนี้ ก็คือการเข้าไปปรับแต่งที่ไฟล์ Registry นั่นเองแหละครับ แต่การเข้าไปทำอะไรกับไฟล์ Registry นั้น ค่อนข้างเสี่ยงต่ออันตรายมากๆเลยทีเดียว เพราะไฟล์นี้เป็นศูนย์รวมคำสั่งของระบบวินโดวส์ทั้งหมด แล้วบรรดาคำสั่งต่างๆในไฟล์นั้น ก็มักจะเป็นคำเฉพาะ หรือค่าตัวเลข ซึ่งเราๆท่านๆ(ผมๆ) ก็เข้าใจได้ยาก โปรแกรม MagicTweak นี้ก็เลยเอาคำสั่งในไฟล์ Registry มาแยกเป็นหมวดหมู่ แล้วทำเป็นข้อๆ เพื่อให้เรา"เลือก"หรือ"ไม่เลือก"ด้วยการติ๊กเครื่องหมาย"ถูก"ลงไปหน้าคำสั่ง ที่นำมาเขียนใหม่ให้เข้าใจได้ง่ายๆนั่นเองครับ

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น(รวมไปถึงทั้งใหนๆ) การที่เราจะเลือกหรือไม่เลือกคำสั่งใดๆจากโปรแกรม MagicTweak นี้ ก็ยังจำเป็นต้องทำด้วยความรอบคอบ และระมัดระวังอย่างยิ่งยวดเหมือนเดิมครับ

สำหรับประเด็นที่ผมต้องการเป็นอย่างแรก คือหน้าจอต่อไปนี้ครับ



หัวข้อที่ผมใช้งานอยู่ที่ System Tweak แล้วต้องคลิกเม้าส์ที่ 3 เหลี่ยมตัวล่าง เพื่อเลื่อนลงไปหา Auto-Logon จากนั้นก้ไปติ๊กเครื่องหมายถูกทางด้านขวามือที่ Enable Windows Auto-Logon ช่อง UserName กับ Domain จะขึ้นมารอแล้ว ผมก็เพียงพิมพ์ Password ลงไปเท่านั้น ไปคลิกที่ Save Settings อีกทีก็เป็นอันว่าเรียบร้อยครับ จากนั้นก็ปิดโปรแกรมลงไปได้

เมื่อลองรีสตาร์ทวินโดวส์ดูใหม่ ก็ปรากฏว่าเรียบร้อยครับ สามารถวิ่งผ่านขั้นตอนการพิมพ์รหัสผ่านไปได้เลย

เสร็จงานผมแล้ว จบแล้วครับ

อ้อ...ลืมครับ ต่อให้อีกนิดนึง คือโปรแกรมนี้เขาขายนะครับ ที่เราดาวน์โหลดลงมานี้ จะใช้ได้เพียง 30 วันเท่านั้น เมื่อปรับแต่งได้จนพอใจแล้ว ก็ไปจัดการ Backup ไฟล์ Registry ของวินโดวส์ไว้ก่อนครับ วิธีการน่าจะหาได้โดยทั่วๆไป หลังจากนั้นเราจะถอนการติดตั้งโปรแกรม magicTweak ออกไปซะเลยก็ได้

แต่ถ้าหากอยากปรับโน่นปรับนี่อยู่เรื่อยๆ หรือต้องการใช้ให้เกิน 30 วัน ก็สามารถค้นหาซีเรียลหรือ"คีย์เจน"ได้จากเว็บกูเกิ้ลครับ เจอแน่นอน (เพราะผมหามาก่อนแล้ว)

ไฟล์คีย์เจนที่ได้มาจะเป็น .exe ซึ่งมีไวรัสหรือสปายแวร์แถมมาด้วยครับขณะติดตั้งไฟล์นี้ โปรแกรมป้องกันไวรัส AntiVIR ที่ผมติดตั้งเอาไว้ ร้องเตือนเป็นระยะๆ หลายไฟล์เลยทีเดียว ใครที่ไม่มีอะไรกันเอาไว้ รับรองว่าอ่วมแน่ๆครับ ซึ่งไม่รู้ว่าหลังจากติดไวรัสจากไฟล์นี้แล้ว วินโดวส์จะมีอาการอย่างไรบ้าง ระหว่างที่โปรแกรมพยายามติดตั้งไวรัสลงในเครื่องเรานั้น ไม่สามารถยกเลิกได้ หรือหากยกเลิก เราก็จะไม่ได้ไฟล์คีย์เจนอีกเช่นกัน ต้องยอมอย่างเดียวครับ (ผมมีเกราะแล้ว ถึงผมจะยอม แต่มันก็เข้าไม่ได้อยู่แล้ว)

เมื่อได้โปรแกรมสร้างคีย์เจนมาแล้ว ก็สามารถดับเบิ้ลคลิก เพื่อให้โปรแกรมสุ่มซีเรียลออกมา ให้เราเอาไปป้อนใน Magic Tweak ได้ ส่วน User นั้น จะตั้งเป็นอะไรก้ได้ครับ (ของผมใช้ชื่อ test)

ใครหาไม่เจอ หรือใครไม่อยากรบกับไวรัส เมล์มาก็ได้ครับ ทำตู้เมล์ให้ว่างๆไว้ ผมจะส่งไปให้ ไฟล์ ZIP แล้ว 2 เม็กกว่าๆครับ

เดี๋ยวไปต้มน้ำร้อนในไมโครเวฟสักถ้วยก่อนครับ จะเล่นกาแฟสัก 2-3 อึก สวัสดีครับผม...




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 22 กรกฎาคม 2549 18:10:43 น.   
Counter : 1427 Pageviews.  


1  2  3  

mitrapap
 
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




Free Domain Names @ .co.nr!
[Add mitrapap's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com