จอมโกหก

ปั้นน้ำสิเป็นตัว
มนมัวและเมามัน
หลอกเล่นฤเห็นขัน
พณ.ทั่นสมองทุย

เคยชินกะลิ้นเล่-
หกระเท่ห์ก็ถ่มถุย
เก่งกัดถนัดลุย
สบถชุ่ยเสมอมา

คลั่งบ้าตุลาเลือด
ปะทุเดือดเพราะวาจา
ชั่วชัดอสัตย์สา-
วกผีกลีพาล

เปื้อนเลือดชโลมหัต-
ถประวัติศาสตร์ขาน
ผ่านมามิช้านาน
สิก็บิดประเด็นเบือน

โกหกคำโตโต
อพิโถระลึกเลือน
เขาติงและตักเตือน
สติแตกสิแดกดัน

มืดบอดตลอดชาติ
ทรราชสมองตัน
ด่าแช่งจมูกชัน
สิถนัดอสัตย์ทราม




 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 1 มกราคม 2552 17:59:11 น.   
Counter : 492 Pageviews.  


มาฆบูชา

มาฆมาศสมัยพระพุทธกาล

พระจันทร์สว่างกระจ่างพนานต์........ณ คืนเพ็ญ


องค์พระพุทธเจ้าแสดงประเด็น

พระธัมมะปาฏิโมกขเป็น................ประถมวาร


เหล่าพระอรหันต์นมัสการ

สดับพระธรรมพระทรงประทาน..........ประจักษ์ใจ


สืบพระศาสนาสถิตใน

สกลพิภพลุกาลสมัย.....................สมิทธิ์ผล


แก่นพระพุทธศาสน์อุบัติดล

มนุษย์แสวงวิถีกุศล......................กระจ่างมวล


เพื่อสกลสงบเพาะสันติอวล

ละชั่วประพฤติกุศลและทวน..............วิถีธรรม


(อีทิสังฉันท์๒๐)










 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 1 มกราคม 2552 17:58:11 น.   
Counter : 361 Pageviews.  


เที่ยวทุ่งใหญ่

๑เดินทางด่านผ่านดงพงหญ้าแห้ง

ฤดูแล้งระอุอ้าวผ่าวแดดเผา

ลมสงัดป่าสงบดูซบเซา

เราเดินเหงาชุ่มเหงื่อเปียกเสื้อร้อน


๒เป้หลังรั้งไหล่ก้าวไปเรื่อย

เหน็ดเหนื่อยเมื่อยขาแรงล้าอ่อน

ดุ่มเดินเนินหญ้าป่าดงดอน

ข้ามไม้ขอนท่อนใหญ่ในเส้นทาง


๓ไฟป่าลามทุ่งใหญ่ไหม้เป็นหย่อม

เราเดินอ้อมกองไฟหลบไกลห่าง

อวลกลิ่นควันคลุ้งทั่วดูมัวจาง

เหล่าสัตว์ต่างตกใจหนีไฟแรง


๔เที่ยวป่าหน้าแล้งหญ้าแห้งเหี่่ยว

ไม้ใหญ่ยังยืนเขียวไม่เหี่่ยวแห้ง

เห็นลิงค่างบ่างชะนีหนีไฟแล้ง

โหนห้อยต่องแต่งแฝงพฤกษ์ไพร


๕ก่อนฤดูหญ้าระบัดผลัดใบเก่า

ไฟแผดเผาเฝ้ารอหญ้ากอใหม่

แตกใบอ่อนขึ้นผลัดระบัดใบ

ป่าทุ่งใหญ่แห้งสลับกับรกเรี้ยว


๖ขึ้นเนินสูงหลบภัยจากไฟป่า

ฝูงกระทิงสวนมาน่าหวาดเสียว

เราโดดหลบเป็นหมู่เสียงกรูเกรียว

กระทิงเลี้ยวหลีกไปจนไกลตา


๗ลงจากเนินเดินดุ่มไปซุ่มโป่ง

นั่งโก้งโค้งเล็งกล้องมองข้างหน้า

อยากถ่ายรูปสัตว์ใหญ่ใช้เวลา

รอจนล้าชาเหน็บเจ็บก้นจริง


๘จวนเวลาสายัณห์ตะวันต่ำ

เราค่อยย่ำคอยย่องมองทุกสิ่ง

ตอนนั่งรอคอยแลเห็นแค่ลิง

ถึงค่ายพักนอนกลิ้งเหนื่อยยิ่งแล


๙กางเต็นท์อยู่ริมละหานสายธารไหล

น้ำเย็นใสไม้พุ่มปกคลุมแผ่

เสียงพูดคุยทำครัวมั่วจอแจ

บางคนแก้ผ้าเสื้อเพื่ออาบน้ำ


๑๐ข้างกองไฟไออุ่นข้าวกรุ่นหอม

กับข้าวพร้อมล้อมวงลงนั่งหม่ำ

ฟังหรีดหริ่งเรไรร่ายลำนำ

เริ่มคืนค่ำฉ่ำหนาวในราวไพร


๑๑ปรึกษากันฉันท์มิตรสนิทสนม

หาเส้นทางเหมาะสมชมป่าใหญ่

เพลงป่าดงคงมนต์ดาลดลใจ

รอวันใหม่ไออรุณอุ่นอุรา


๑๒ผ่านไปอีกหนึ่งวันอันเหนื่อยอ่อน

คืนนี้นอนดูดาวพราวเวหา

น้ำเซาะหินรินไหลในนิทรา

กระซิบมากล่อมขวัญหลับฝันดี


๑๓กองไฟเก่าเช้าวันใหม่ไอหมอกขาว

น้ำค้างพราวหนาวชื้นแอบยืนฉี่

หลังพุ่มไม้ใบบังฝั่งชลธี

ล้างหน้าสองทีแล้วสีฟัน


๑๔ผ้าขาวม้าคาดพุงเตรียมถุงเป้

แล้วเดินเร่ดื่มกาแฟแก้หนาวสั่น

สูบบุหรี่หนึ่งมวนอวลกลิ่นควัน

ต่างแบ่งปันขนมปังนั่งปิ้งกิน


๑๕ตะวันแดงดวงโตโผล่เหลี่ยมเขา

ฉายแสงเงางามตาเทือกผาหิน

ฝูงวิหคผกฟ้าถลาบิน

ภุมรินว่อนไสวทั่วไพรพง


๑๖เก็บข้าวของกองใหญ่ใส่รถเก่า

วิ่งเขย่าขยักบ่อยปล่อยฝุ่นผง

รถโขยกโยกไปในป่าดง

จนมึนงงโงกเงกโยกเยกโยน


๑๗ต่างชี้ชวนกันชมธรรมชาติ

ไม้ใหญ่พาดวัลย์ย้อยลิงห้อยโหน

แลเห็นฝูงวัวกระทิงวิ่งกระโจน

เก้งกวางโผนเผ่นหนีกลัวมีภัย


๑๘ชมทุ่งกว้างทางไกลพฤกษ์ไหวกิ่ง

รถค่อยวิ่งผ่านเถินเนินไศล

แวะหยุดบ้างบางครั้งระวังภัย

กลัวไถลติดหล่มล้อจมดิน


๑๙แวะหยุดพักเชิงผาเวลาบ่าย

มีลมชายไม้ไหวไกล้โขดหิน

แบ่งข้าวห่อพอประทังต่างนั่งกิน

เนื้อเค็มชิ้นกะเพราไก่ข้าวไข่เจียว


๒๐บนเนินสูงฟ้าใสพฤกษ์ไพรร่ม

หญ้าดั่งพรมห่มคลุมชอุ่มเขียว

ไม้พุ่มกอไผ่ไกวยอดเรียว

เดินลัดเลี้ยวชมเล่นมองเห็นไกล


๒๑เหนือทุ่งหญ้าฟ้าใสลมไหวแผ่ว

วิหคขานกังวานแว่วเพียงแผ่วไหว

ประสานเสียงเพียงดนตรีคีตาลัย

กล่อมพงไพรฟังเพลินอภิรมย์


๒๒กระรอกกระแตแลโลดกระโดดเล่น

กระจงเผ่นอีเห็นโผนโคนไม้ร่ม

กระหืดกระหอบคว้ากล้องคอยส่องชม

กระทบกระเทือนกระบังลมหกล้มโครม


๒๓ลุกขึ้นเดินคอยมองกระย่องกระแย่ง

กะปลกกะเปลี้ยเพลียแรงเพราะหักเพราะโหม

กระอึกกระอักหนักใจไร้คนจะโลม

กระมอมกระแมมแถมโทรมโซซัดโซเซ


๒๔ขึ้นรถเดินทางต่อทะร่อทะแร่

ไม่ท้อแท้รถสะบัดจะปัดจะเป๋

ตกหลุมบ่อเอียงซ้ายจะถ่ายจะเท

วิ่งหักเหเอียงขวาพะว้าพะวัง


๒๕ถึงที่หมายปลายทางข้างลำห้วย

ป่าสวยริมแอ่งแก่งน้ำขัง

มีลานกว้าวกางค่ายใต้ไม้บัง

สองฟากฝั่งสพรั่งพฤกษ์ดูลึกล้ำ


๒๖ลำธารใสไหลเลาะเซาะแก่งหิน

สายธารรินไหลเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉ่ำ

ปลาเวียนกรายว่ายผุดบ้างมุดดำ

ผีเสื้อร่อนฟ้อนรำริมลำธาร


๒๗มดแมลงริมธารคลานงุ่มง่าม

ค่อยไต่ข้ามขอนไม้ในทางผ่าน

ใบไม้แห้งทับถมเต็มร่มลาน

กบเขียดคลานซุ่มจับงับแมลง


๒๘ยามสายัณห์ย่ำเย็นเห็นเมฆเกลื่อน

ตะวันคล้อยลอยเคลื่อนค่อยเลือนแสง

ฉายรังสีฉาบทาฟ้าเรื่อแดง

เย็นทั่วแหล่งดงลึกพงพฤกษ์ไพร


๒๙ป่าบรรเลงเพลงค่ำดื่มด่ำเสียง

หลากสำเนียงสูงต่ำตามวิสัย

เราเพลินฟังนั่งผิงอิงอุ่นไอ

ข้างกองไฟไล่หนาวคราวค่ำคืน


๓๐นอนผิงไฟใต้ดาวที่พราวแสง

น้ำคางแรงหยดเรี่ยเคลียหญ้าชื้น

มุดถุงนอนใต้ผ้าใบใกล้กองฟืน

จนดึกดื่นตื่นฝันหนาวสั่นกาย


๓๑ฟ้ากระจ่างพร่างดาวเต็มหาวห้วง

ดาวตกร่วงวูบวับลับสลาย

ทางช้างเผือกผ่องขาวแสงพราวพราย

ป่ารอบค่ายหลับไหลในราตรี


๓๒เติมฟืนใส่กองไฟเพิ่มไออุ่น

ควันลอยกรุ่นกลางไพรไกลแสงสี

รอวันพรุ่งรุ่งอรุณอุ่นรวี

คงจะมีสิ่งใหม่ให้ชื่นชม










 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 1 มกราคม 2552 17:57:42 น.   
Counter : 322 Pageviews.  


แฟนกลอน

เคยเขียนกันวันก่อนบทกลอนเก่า

คอยขัดเกลาเฝ้าเพียรค่อยเขียนใหม่

หาสัมผัสจัดลงให้ตรงใจ

ผลัดกันเขียนเวียนอ่านไปไม่เบื่อเลย


ฉันเขียนเธอเขียนเปลี่ยนความฝัน

เป็นสีสันบนกระดาษวาดเฉลย

บางถ้อยคำฉันเสนอเธอคุ้นเคย

บางถ้อยคำเธอเอ่ยฉันเคยคุ้น


เป็นมิตรรักนักกลอนคนนอนดึก

คอยนั่งนึกตรึกตรองสมองหมุน

เพียรร้อยกรองสนองกานท์หวานละมุน

แสนอบอุ่นกรุ่นไอมิตรไมตรี


อ่านถ้อยคำสำนวนช่างชวนฝัน

เธอจำนรรจ์ฉันจำนนค้นถ้วนถี่

ยากจักเพียรเขียนพร่ำคำกวี

สำนวนดีมีคำตอบมอบต่อเธอ


ฉันอายกลอนอ่อนด้อยอันน้อยค่า

ไม่ค่อยกล้าหาคำนำเสนอ

ใจจริงนั้นอยากสรรคำคอยบำเรอ

กลัวคำเก้ออ่อนหัดสัมผัสเลือน


ฉันนั่งนึกนอนคิดกลอนติดขัด

แสนอึดอัดขัดใจความไม่เคลื่อน

น่าอนาถขาดประเด็นคิดเป็นเดือน

คำเลื่อนเปื้อนเหมือนปนบ่นบ้าบอ


กลอนเธอนั้นฉันดูอยู่เสมอ

มิเผยอเสนอหน้ามาตอบต่อ

เฝ้าคอยอ่านงานใหม่จรดใจรอ

เจียมใจขอ..แค่อ่าน... งานกวี






 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 1 มกราคม 2552 17:57:06 น.   
Counter : 372 Pageviews.  


ทุ่งร้าง

เหนือทุ่งนาฟ้าใสไอแดดอุ่น

ละอองฝุ่นลอยคว้างบนทางเปลี่ยว

ตอซังเหลืองยามแล้งแห้งซีดเซียว

ป่าเคยเขียวเหี่่ยวแห้งแล้งร่มเงา


คันนาดินแข็งดูแห้งเกราะ

แยกกะเทาะนาระแหงดินแห้งเก่า

วัวผอมเหนื่อยอ่อนนอนซึมเซา

หญ้าเหี่่ยวเฉาเล็มกินเหลือดินแล้ง


หมู่บ้านอันต่ำต้อยดูด้อยค่า

หนุ่มสาวบ่ายหน้าหนีนาแห้ง

หาเงินเลี้ยงผู้เฒ่าช่วยเบาแรง

สู้ชีวิตแก่งแย่งในแหล่งงาน


รั้วไม้ไผ่พังผุทะลุโหว่

หมาผอมโซเห็นซี่โครงน่าสงสาร

ยากไร้ไพรพงดงกันดาร

ห้วยละหานเหือดแห้งไร้แหล่งน้ำ


มองทุ่งนาป่าแล้งดินแห้งผาก

ทุกข์ยากทุกย่างบนทางย่ำ

ลูกหลานพลัดพรากต่างตรากตรำ

งานต้อยต่ำจำทนดิ้นรนไป


ชะตากรรมซ้ำซากความยากแค้น

เหงื่อล้านแสนหยดรินรดดินไร่

เหงื่อล้านหยดรดนาน่าเศร้าใจ

ปราศผลใดได้คืนสู้ฝืนทน


ทุ่งร้างทางรกหญ้าปกเหลือง

แรงเปล่าเปลืองนานปีทุนปี้ป่น

นาทำซ้ำซากยิ่งยากจน

ไร่ทำซ้ำวนยิ่งข้นแค้น


ไร่ของย่านาของปู่ดูเหี่่ยวเฉา

สองมือเรากร้านแกร่งสองแรงแขน

ทำจนล้าชาด้านกันดารแคลน

ในหมู่บ้านย่านแดนแคว้นป่าดง


ในถิ่นแดนแสนโศกโลกแสนเศร้า

เงียบเหงาลมโชยโปรยฝุ่นผง

ต้นไม้แห้งแล้งใบทั่วไพรพง

รอฝนลงรดดินจวนสิ้นใจ


จำเจจำทนความจนเจ็บ

กลืนเก็บทรมานซมซานไข้

ธรรมดาสามัญอันเป็นไป

ยากไร้,โง่เขลา,ป่วยเร้ารุม


นับนานปีที่ผ่านนานเกินนับ

ซึมซับรับโศกที่โลกสุม

มองนาไร่ร้างรกหญ้าปกคลุม

ต้องทนกลุ้มสุดแก้แพ้ชะตา


มีนายทุนวนหามาหลายหน

อยากจำนนยากจนนักทุกข์หนักหนา

แต่รักบ้านลานดินถิ่นไร่นา

ตกทอดจากปู่ย่ามาถึงตัว


อยากรักษานาไร่ให้ลูกหลาน

รักษาบ้านผุพังยังคุ้มหัว

อนาคตอาจมืดมนหม่นมัวซัว

เป็นครอบครัวจะชั่วดีรวมพี่น้อง


จะหาใครสืบทอดให้รอดฝั่ง

ลูกหลานยังพลัดไปไกลบ้านช่อง

ไร่นาปู่เคยเป็นถิ่นแผ่นดินทอง

คงจะต้องไว้ฝังกลบ...ศพของเรา








 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 1 มกราคม 2552 17:56:30 น.   
Counter : 290 Pageviews.  



คมเย็น
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add คมเย็น's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com