จอมโกหก
ปั้นน้ำสิเป็นตัวมนมัวและเมามันหลอกเล่นฤเห็นขันพณ.ทั่นสมองทุยเคยชินกะลิ้นเล่-หกระเท่ห์ก็ถ่มถุยเก่งกัดถนัดลุยสบถชุ่ยเสมอมาคลั่งบ้าตุลาเลือดปะทุเดือดเพราะวาจาชั่วชัดอสัตย์สา-วกผีกลีพาลเปื้อนเลือดชโลมหัต-ถประวัติศาสตร์ขานผ่านมามิช้านานสิก็บิดประเด็นเบือนโกหกคำโตโตอพิโถระลึกเลือนเขาติงและตักเตือนสติแตกสิแดกดันมืดบอดตลอดชาติทรราชสมองตันด่าแช่งจมูกชันสิถนัดอสัตย์ทราม
มาฆบูชา
มาฆมาศสมัยพระพุทธกาลพระจันทร์สว่างกระจ่างพนานต์........ณ คืนเพ็ญ องค์พระพุทธเจ้าแสดงประเด็นพระธัมมะปาฏิโมกขเป็น................ประถมวาร เหล่าพระอรหันต์นมัสการสดับพระธรรมพระทรงประทาน..........ประจักษ์ใจ สืบพระศาสนาสถิตในสกลพิภพลุกาลสมัย.....................สมิทธิ์ผล แก่นพระพุทธศาสน์อุบัติดลมนุษย์แสวงวิถีกุศล......................กระจ่างมวล เพื่อสกลสงบเพาะสันติอวลละชั่วประพฤติกุศลและทวน..............วิถีธรรม (อีทิสังฉันท์๒๐)
เที่ยวทุ่งใหญ่
๑เดินทางด่านผ่านดงพงหญ้าแห้งฤดูแล้งระอุอ้าวผ่าวแดดเผาลมสงัดป่าสงบดูซบเซาเราเดินเหงาชุ่มเหงื่อเปียกเสื้อร้อน ๒เป้หลังรั้งไหล่ก้าวไปเรื่อยเหน็ดเหนื่อยเมื่อยขาแรงล้าอ่อนดุ่มเดินเนินหญ้าป่าดงดอนข้ามไม้ขอนท่อนใหญ่ในเส้นทาง ๓ไฟป่าลามทุ่งใหญ่ไหม้เป็นหย่อมเราเดินอ้อมกองไฟหลบไกลห่างอวลกลิ่นควันคลุ้งทั่วดูมัวจางเหล่าสัตว์ต่างตกใจหนีไฟแรง ๔เที่ยวป่าหน้าแล้งหญ้าแห้งเหี่่ยวไม้ใหญ่ยังยืนเขียวไม่เหี่่ยวแห้งเห็นลิงค่างบ่างชะนีหนีไฟแล้งโหนห้อยต่องแต่งแฝงพฤกษ์ไพร ๕ก่อนฤดูหญ้าระบัดผลัดใบเก่าไฟแผดเผาเฝ้ารอหญ้ากอใหม่แตกใบอ่อนขึ้นผลัดระบัดใบป่าทุ่งใหญ่แห้งสลับกับรกเรี้ยว ๖ขึ้นเนินสูงหลบภัยจากไฟป่าฝูงกระทิงสวนมาน่าหวาดเสียวเราโดดหลบเป็นหมู่เสียงกรูเกรียวกระทิงเลี้ยวหลีกไปจนไกลตา ๗ลงจากเนินเดินดุ่มไปซุ่มโป่งนั่งโก้งโค้งเล็งกล้องมองข้างหน้าอยากถ่ายรูปสัตว์ใหญ่ใช้เวลารอจนล้าชาเหน็บเจ็บก้นจริง ๘จวนเวลาสายัณห์ตะวันต่ำเราค่อยย่ำคอยย่องมองทุกสิ่งตอนนั่งรอคอยแลเห็นแค่ลิงถึงค่ายพักนอนกลิ้งเหนื่อยยิ่งแล ๙กางเต็นท์อยู่ริมละหานสายธารไหลน้ำเย็นใสไม้พุ่มปกคลุมแผ่เสียงพูดคุยทำครัวมั่วจอแจบางคนแก้ผ้าเสื้อเพื่ออาบน้ำ ๑๐ข้างกองไฟไออุ่นข้าวกรุ่นหอมกับข้าวพร้อมล้อมวงลงนั่งหม่ำฟังหรีดหริ่งเรไรร่ายลำนำเริ่มคืนค่ำฉ่ำหนาวในราวไพร ๑๑ปรึกษากันฉันท์มิตรสนิทสนมหาเส้นทางเหมาะสมชมป่าใหญ่เพลงป่าดงคงมนต์ดาลดลใจรอวันใหม่ไออรุณอุ่นอุรา ๑๒ผ่านไปอีกหนึ่งวันอันเหนื่อยอ่อนคืนนี้นอนดูดาวพราวเวหาน้ำเซาะหินรินไหลในนิทรากระซิบมากล่อมขวัญหลับฝันดี ๑๓กองไฟเก่าเช้าวันใหม่ไอหมอกขาวน้ำค้างพราวหนาวชื้นแอบยืนฉี่หลังพุ่มไม้ใบบังฝั่งชลธีล้างหน้าสองทีแล้วสีฟัน ๑๔ผ้าขาวม้าคาดพุงเตรียมถุงเป้แล้วเดินเร่ดื่มกาแฟแก้หนาวสั่นสูบบุหรี่หนึ่งมวนอวลกลิ่นควันต่างแบ่งปันขนมปังนั่งปิ้งกิน ๑๕ตะวันแดงดวงโตโผล่เหลี่ยมเขาฉายแสงเงางามตาเทือกผาหินฝูงวิหคผกฟ้าถลาบินภุมรินว่อนไสวทั่วไพรพง ๑๖เก็บข้าวของกองใหญ่ใส่รถเก่าวิ่งเขย่าขยักบ่อยปล่อยฝุ่นผงรถโขยกโยกไปในป่าดงจนมึนงงโงกเงกโยกเยกโยน ๑๗ต่างชี้ชวนกันชมธรรมชาติไม้ใหญ่พาดวัลย์ย้อยลิงห้อยโหนแลเห็นฝูงวัวกระทิงวิ่งกระโจนเก้งกวางโผนเผ่นหนีกลัวมีภัย ๑๘ชมทุ่งกว้างทางไกลพฤกษ์ไหวกิ่งรถค่อยวิ่งผ่านเถินเนินไศลแวะหยุดบ้างบางครั้งระวังภัยกลัวไถลติดหล่มล้อจมดิน ๑๙แวะหยุดพักเชิงผาเวลาบ่ายมีลมชายไม้ไหวไกล้โขดหินแบ่งข้าวห่อพอประทังต่างนั่งกินเนื้อเค็มชิ้นกะเพราไก่ข้าวไข่เจียว ๒๐บนเนินสูงฟ้าใสพฤกษ์ไพรร่มหญ้าดั่งพรมห่มคลุมชอุ่มเขียวไม้พุ่มกอไผ่ไกวยอดเรียวเดินลัดเลี้ยวชมเล่นมองเห็นไกล ๒๑เหนือทุ่งหญ้าฟ้าใสลมไหวแผ่ววิหคขานกังวานแว่วเพียงแผ่วไหวประสานเสียงเพียงดนตรีคีตาลัยกล่อมพงไพรฟังเพลินอภิรมย์ ๒๒กระรอกกระแตแลโลดกระโดดเล่นกระจงเผ่นอีเห็นโผนโคนไม้ร่มกระหืดกระหอบคว้ากล้องคอยส่องชมกระทบกระเทือนกระบังลมหกล้มโครม ๒๓ลุกขึ้นเดินคอยมองกระย่องกระแย่งกะปลกกะเปลี้ยเพลียแรงเพราะหักเพราะโหมกระอึกกระอักหนักใจไร้คนจะโลมกระมอมกระแมมแถมโทรมโซซัดโซเซ ๒๔ขึ้นรถเดินทางต่อทะร่อทะแร่ไม่ท้อแท้รถสะบัดจะปัดจะเป๋ตกหลุมบ่อเอียงซ้ายจะถ่ายจะเทวิ่งหักเหเอียงขวาพะว้าพะวัง ๒๕ถึงที่หมายปลายทางข้างลำห้วยป่าสวยริมแอ่งแก่งน้ำขังมีลานกว้าวกางค่ายใต้ไม้บังสองฟากฝั่งสพรั่งพฤกษ์ดูลึกล้ำ ๒๖ลำธารใสไหลเลาะเซาะแก่งหินสายธารรินไหลเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉ่ำปลาเวียนกรายว่ายผุดบ้างมุดดำผีเสื้อร่อนฟ้อนรำริมลำธาร ๒๗มดแมลงริมธารคลานงุ่มง่ามค่อยไต่ข้ามขอนไม้ในทางผ่านใบไม้แห้งทับถมเต็มร่มลานกบเขียดคลานซุ่มจับงับแมลง ๒๘ยามสายัณห์ย่ำเย็นเห็นเมฆเกลื่อนตะวันคล้อยลอยเคลื่อนค่อยเลือนแสงฉายรังสีฉาบทาฟ้าเรื่อแดงเย็นทั่วแหล่งดงลึกพงพฤกษ์ไพร ๒๙ป่าบรรเลงเพลงค่ำดื่มด่ำเสียงหลากสำเนียงสูงต่ำตามวิสัยเราเพลินฟังนั่งผิงอิงอุ่นไอข้างกองไฟไล่หนาวคราวค่ำคืน ๓๐นอนผิงไฟใต้ดาวที่พราวแสงน้ำคางแรงหยดเรี่ยเคลียหญ้าชื้นมุดถุงนอนใต้ผ้าใบใกล้กองฟืนจนดึกดื่นตื่นฝันหนาวสั่นกาย ๓๑ฟ้ากระจ่างพร่างดาวเต็มหาวห้วงดาวตกร่วงวูบวับลับสลายทางช้างเผือกผ่องขาวแสงพราวพรายป่ารอบค่ายหลับไหลในราตรี ๓๒เติมฟืนใส่กองไฟเพิ่มไออุ่นควันลอยกรุ่นกลางไพรไกลแสงสีรอวันพรุ่งรุ่งอรุณอุ่นรวีคงจะมีสิ่งใหม่ให้ชื่นชม
แฟนกลอน
เคยเขียนกันวันก่อนบทกลอนเก่าคอยขัดเกลาเฝ้าเพียรค่อยเขียนใหม่หาสัมผัสจัดลงให้ตรงใจผลัดกันเขียนเวียนอ่านไปไม่เบื่อเลย ฉันเขียนเธอเขียนเปลี่ยนความฝันเป็นสีสันบนกระดาษวาดเฉลยบางถ้อยคำฉันเสนอเธอคุ้นเคยบางถ้อยคำเธอเอ่ยฉันเคยคุ้น เป็นมิตรรักนักกลอนคนนอนดึกคอยนั่งนึกตรึกตรองสมองหมุนเพียรร้อยกรองสนองกานท์หวานละมุนแสนอบอุ่นกรุ่นไอมิตรไมตรี อ่านถ้อยคำสำนวนช่างชวนฝันเธอจำนรรจ์ฉันจำนนค้นถ้วนถี่ยากจักเพียรเขียนพร่ำคำกวีสำนวนดีมีคำตอบมอบต่อเธอ ฉันอายกลอนอ่อนด้อยอันน้อยค่าไม่ค่อยกล้าหาคำนำเสนอใจจริงนั้นอยากสรรคำคอยบำเรอกลัวคำเก้ออ่อนหัดสัมผัสเลือน ฉันนั่งนึกนอนคิดกลอนติดขัดแสนอึดอัดขัดใจความไม่เคลื่อนน่าอนาถขาดประเด็นคิดเป็นเดือนคำเลื่อนเปื้อนเหมือนปนบ่นบ้าบอ กลอนเธอนั้นฉันดูอยู่เสมอมิเผยอเสนอหน้ามาตอบต่อเฝ้าคอยอ่านงานใหม่จรดใจรอเจียมใจขอ..แค่อ่าน... งานกวี
ทุ่งร้าง
เหนือทุ่งนาฟ้าใสไอแดดอุ่นละอองฝุ่นลอยคว้างบนทางเปลี่ยวตอซังเหลืองยามแล้งแห้งซีดเซียวป่าเคยเขียวเหี่่ยวแห้งแล้งร่มเงา คันนาดินแข็งดูแห้งเกราะแยกกะเทาะนาระแหงดินแห้งเก่าวัวผอมเหนื่อยอ่อนนอนซึมเซาหญ้าเหี่่ยวเฉาเล็มกินเหลือดินแล้ง หมู่บ้านอันต่ำต้อยดูด้อยค่าหนุ่มสาวบ่ายหน้าหนีนาแห้งหาเงินเลี้ยงผู้เฒ่าช่วยเบาแรงสู้ชีวิตแก่งแย่งในแหล่งงาน รั้วไม้ไผ่พังผุทะลุโหว่หมาผอมโซเห็นซี่โครงน่าสงสารยากไร้ไพรพงดงกันดารห้วยละหานเหือดแห้งไร้แหล่งน้ำ มองทุ่งนาป่าแล้งดินแห้งผากทุกข์ยากทุกย่างบนทางย่ำลูกหลานพลัดพรากต่างตรากตรำงานต้อยต่ำจำทนดิ้นรนไป ชะตากรรมซ้ำซากความยากแค้นเหงื่อล้านแสนหยดรินรดดินไร่เหงื่อล้านหยดรดนาน่าเศร้าใจปราศผลใดได้คืนสู้ฝืนทน ทุ่งร้างทางรกหญ้าปกเหลืองแรงเปล่าเปลืองนานปีทุนปี้ป่นนาทำซ้ำซากยิ่งยากจนไร่ทำซ้ำวนยิ่งข้นแค้น ไร่ของย่านาของปู่ดูเหี่่ยวเฉาสองมือเรากร้านแกร่งสองแรงแขนทำจนล้าชาด้านกันดารแคลนในหมู่บ้านย่านแดนแคว้นป่าดง ในถิ่นแดนแสนโศกโลกแสนเศร้าเงียบเหงาลมโชยโปรยฝุ่นผงต้นไม้แห้งแล้งใบทั่วไพรพงรอฝนลงรดดินจวนสิ้นใจ จำเจจำทนความจนเจ็บกลืนเก็บทรมานซมซานไข้ธรรมดาสามัญอันเป็นไปยากไร้,โง่เขลา,ป่วยเร้ารุม นับนานปีที่ผ่านนานเกินนับซึมซับรับโศกที่โลกสุมมองนาไร่ร้างรกหญ้าปกคลุมต้องทนกลุ้มสุดแก้แพ้ชะตา มีนายทุนวนหามาหลายหนอยากจำนนยากจนนักทุกข์หนักหนาแต่รักบ้านลานดินถิ่นไร่นาตกทอดจากปู่ย่ามาถึงตัว อยากรักษานาไร่ให้ลูกหลานรักษาบ้านผุพังยังคุ้มหัวอนาคตอาจมืดมนหม่นมัวซัวเป็นครอบครัวจะชั่วดีรวมพี่น้อง จะหาใครสืบทอดให้รอดฝั่งลูกหลานยังพลัดไปไกลบ้านช่องไร่นาปู่เคยเป็นถิ่นแผ่นดินทองคงจะต้องไว้ฝังกลบ...ศพของเรา