อัษฎางค์ดุริยา
เรียงฝันประพันธ์ฝาก.........พจน์พากย์ประพัทธ์พ้องร้อยกานท์ประสานกรอง.....สอดคล้องประคองคำมิฝันประชันฟุ้ง...............หมายรุ่งประคัลภ์ร่ำเพียงโน้มประโคมนำ........คำเหมาะประเคราะห์มวลขอสารภาพว่าเปิดพจนานุกรมเขียนประคัลภ์=ความกล้า ความคะนองประเคราะห์=การยกย่อง ความเพียรลองอีกหน่อยเพลงเพราะเสนาะเพียง.........ฟังเสียงสดับสมช่ำชองสนองชม................เสียงเห่เสน่หาเพลงหวานสราญแว่ว...........เพียงแผ่วสดมภ์พาเสียงลดสลดลา..................เพลงจบสงบใจ
เมืองกรุง
ตึกใหญ่ตระหง่านเงื้อม........ทอดเงา สูงเยี่ยมเทียมขุนเขา.........แข่งฟ้า บังแสงข่มไม้เฉา............หดหู่ ลานตึกอาบแสงจ้า........อบอ้าวไอสูรย์ อาคารร้านใหญ่น้อย..........เรียงราย บ้างตอกเสาผูกสาย...........เหล็กไว้ ป่าคอนกรีตอบอาย............อ้าวระอุ ผงฝุ่นควันอาบไล้...............แหล่งหล้าอวลไอ เสียงรถไฟฟ้าวิ่ง..........โครมคราม ไหลหลั่งผู้คนหลาม......หลากล้น สองแถวบีบแตรตาม.....ตรอกซอก รถเครื่องสองล้อด้น......ด่วนดั้นจรดล บนเส้นทางกลิ่นคลุ้ง..........ไอเสีย ล้าหน่ายกายใจเพลีย.........กลับบ้าน การงานยุ่งนัวเนีย..............เหน็ดเหนื่อย ในจิตใจชาด้าน.................ดั่งไร้อารมณ์ เสียงขรมรถแย่งเข้า.........ไฟเขียว หวังแค่ตัวคันเดียว............ผ่านพ้น ใครตายห่าหวาดเสียว........ช่างแม่-ง ขับแข่งเลือดเดือดล้น.........ระอุร้ายแรงเข็ญ เป็นคนช่างยากแท้.........หนอคน คอยเดือดดิ้นทุรายทุรน.......เครียดท้อ วันวันทุกข์เวียนวน..................ว้าวุ่น ฤาพระเจ้าเล่นล้อ........................หลอกร้ายเกินทน คนเดินดินแย่งขึ้น..........รถเมล์ เหม็นเหงื่อทนปนเป..........ปวดร้าว เบียดเสียดยัดเยียดเซ..........ยามหยุด เดี๋ยวกระตุกเดิ๋ยววิ่งอ้าว............แข่งล้อยมพบาล ซมซานซอยคดเคี้ยว.........เลี้ยวลัด บ้านเล็กรายแออัด...........อุดอู้ ยามพลบค่ำยุงกัด..........กลุ้มสุด ทนนอ ทนอยู่มุดคุดคู้.............เช่าห้องอาศัย ในแดนดินถิ่นแล้ง.........น้ำใจ ว้าเหว่เปลี่ยวหฤทัย........ระทดท้อ ตีนถีบปากกัดไป...........ไป่ว่าง อยากเอ่ยปากตัดพ้อ.......พระเจ้าแล้งใจ ในคืนแรมมืดแม้น.........หมึกดำ ในถิ่นดงน้ำครำ................เน่าคลุ้ง วันเดือนเคลื่อนคล้อยจำ........ทนอยู่ วันผ่านพาฝันฟุ้ง......................ฝืดแล้งลบเลือน บางคืนเดือนเด่นห้วง..........เวหน แสงผ่องส่องสาดสกล........กล่อมห้อง กลิ่นน้ำเน่าเคล้าปน............แทนกลิ่น ผกานา ยุงหึ่งแทนหรีดร้อง.............ถิ่นร้างเรไร แสงไฟฟ้าส่องฟ้า.........ข่มดาว เดือนหม่นลี้ห้วงหาว........ลับหล้า คืนวันผ่านดังราว............กัลป์กัป ชีพผ่านนานเนิ่นช้า.........ล่วงพ้นวันวัน
ขลุ่ยครวญ
ระบายลมพรมนิ้วเพียงพลิ้วแผ่ววังเวงแว่วแจ้วจำเรียงเสียงเสนาะเลือกคำสรรบรรเลงเพลงไพเราะลำนำเพราะเหมาะคล้องทำนองกลอนนกขมิ้นบินร่อนเมื่อตอนสาย(ยามพระพายชายพัดมาอ่อนอ่อน)๑เพลงขลุ่ยพลิ้วหวิวแว่ววิเวกวอนจะจากจรร่อนเร่เหห่างกันเคยชมชิดสนิทใกล้จำไกลห่างใช่รักจางจากเจ้าที่เฝ้าฝันจะกลับคืนชื่นสุขรอทุกวันเคยสุขสันสนิทชื่นรื่นฤทัย(เรื่อยเรื่อยภุมรินบินร่อนเกลือกเกสรบัวทองผ่องใสรื่นรื่นรสสุคนธ์ปนไป)๒เคยชิดใกล้ไม่ห่างจะร้างลาเพลงขลุ่ยร่ำอำลาอาลัยรักอกเจียนหักหนักจิตคิดห่วงหานับแต่นี้มีแต่ไกลไปลับตาเสน่หาอาลัยใจร้าวรอนหนาวน้ำค้างพร่างพรมลมพัดชื่นเป่าเพลงหวานผ่านฝืนสะอื้นอ้อนเป่าเพลงลาพาใจอาลัยวอนจบเพลงกลอนตอนเศร้าขลุ่ยเฝ้าครวญ๑จากเพลง นกขมิ้น๒จากเพลง พระอาทิตย์ชิงดวง
ปีกฝัน
เหินหาวเวหาศน์ห้อง..........วิหคไพรลอยล่องลมบนไหว............ว่อนร้องสู่ฟากฝั่งฟ้าไกล.................เกินไฝ่ ฝันนอโบยโบกบินเหนือท้อง..........ถิ่นห้วงชลธารม่านเมฆขาวทั่วฟ้า..........ฟากสวรรค์กางปีกอาบแสงตะวัน.......ว่ายฟ้อนผ่านรุ้งหลากสีสัน.............สวยสดมหรรณพหนาวฤาร้อน........มุ่งข้ามสู่ฝัน อันมนุษย์ขาดปีกไร้...........แรงบินมิเช่นนกผกผิน.................แผ่นฟ้าเพียงความคิดจิตจิน..........-ตนาวาด หวังนาอาจร่อนพ้นแหล่งหล้า.........ลุห้วงเวหนบนเส้นทางย่างเท้า...........ก้าวไปอาจสุขทุกข์เข็ญใจ............ยากแค้นพลังจินต์แกร่งหวังไกล........เกินขอบ ฟ้านาบินเพื่อฝันมั่นแม้น..............มุ่งข้ามนภาลัยสุดแรงใจไฝ่ฟ้า..........ฝั่งไกลติดปีกฝันมั่นไป..........ไป่ท้อข้ามอรรณพเนินไศล.....สู่ฝั่งมิหวั่นลมแรงล้อ..........คลื่นร้ายกระหน่ำโหม
กลอนโคลง
ร้อยดาวเดือนเกลื่อนฟ้ามามอบขวัญช่วยผูกพันตอบพี่บ้างมีไหมที่ใจชอบตอบหน่อยใจเอยใจบอกได้ไหมอ้างบ่อยน้อยใจจริงเขียนเป็นโคลง...ร้อยดาวเดือนเกลื่อนฟ้า........มามอบขวัญช่วยผูกพันตอบ............พี่บ้างมีไหมที่ใจชอบ..................ตอบหน่อย ใจเอยใจบอกได้ไหมอ้าง..............บ่อยน้อยใจจริง