เคยเคียง
เรื่อยริ้วระลอกชลระริน...........ขณะยินเซาะหินแผ่วพงพฤกษ์พนัสระดะแนว..........สุตะแว่วนทีไหลกรวดดุจรัตนะประดับ...........สีระยับระยิบใสทรายสีสะท้อนรัศมิไกล.........ดุจเพชรัตน์รายริมฝั่งสะพรั่งบุปผบาน...........พิศปานวิมานพรายในธารปทุมบุษปหมาย.........กรกรายกระหวัดดึงกลางไพรพนาติณขจี...........จรลีแมลงผึ้งปีกร่อนกระพือภมรอึง...........ประลุถึงผกาปองฟังเสียงคณาสกุณะแจ้ว...........ไพเราะแว่ววิหคร้องดั่งเพลงประสานดุริยะพร้อง........เพราะสนองประลองเสียงแสงรัศมีสุริยะฉาย...............วนพรายประภัสสร์เพียงแสงทองอร่ามรุจิระเรียง.........ระอุอุ่นละมุนตาชมธรรมชาติชลประกาย.........บมิคลายคนึงหาเคยคลอพนอวรยุพา...............ณ.ทิวาและราตรีร่วมชมภิรมยะหทัย.............พิสมัยสมานศรีไกลห่างมิร้างอภิรดี............จะทวีตลอดกาล(วสันตดิลกฉันท์๑๔)
หวยขาดทุน หุ้นหมดตัว
คิดหันหุนหุ่นหุ้น..........แหกตาปันปั่นปั้นราคา............ไล่ซื้อกลโกงโก่งโก้งพา........พาลเชื่อหลงข่าวลือลื่อลื้อ.........หลอกแล้วเจ๊งเลยเคยเล่นหวยห่วยห้วย.......สามตัวมัวมั่วมั้วเมามัว...............ไม่แคล้วตัวเกงเก่งเก้งกลัว............กินหมดเราเร่าเร้าเลิกแล้ว............เล่นเกลี้ยงกระเป๋ากลวงลวงหลอกลวงล่วงล้วง..........หลอกกินแสนละเหี่ยเสียทรัพย์สิน.......สิ่นสิ้นบ้าบ้นบ่นบนดิน...................หวยเถื่อน ด้วยนาได้ได่ใดด่าวดิ้น...................เดือดร้อนเสียหาย จากคุณ : คมเย็น - [ 21 ธ.ค. 49 12:26:36 ] (อักษรสามหมู่)
หนาวเศร้า
อาบไอหนาวคราวเมื่อเหมันต์เริ่มสายหมอกเติมเพิ่มชื้นให้ชื่นฉ่ำแสงส่องหาวดาวพร่างน้ำค้างพรำหรีดหริ่งร่ำบรรเลงเพลงราตรียะเยือกลมพรมพฤกษ์ยามดึกดื่นเพลงกลางคืนกล่อมไพรไกลแสงสีดอกไม้รินกลิ่นหอมกล่อมพงพีหนาวเช่นนี้ปีนั้นฉันมีเธอเคยชิดแนบแอบใกล้แบ่งไออุ่นหอมละมุนกรุ่นไอพาใจเผลอยามไกลห่างร้างกันฝันละเมอจิตยังเพ้อผูกพันทุกวันคืนหยาดน้ำค้างกลางคืนเคยชื่นฉ่ำยามร้างทำย้ำหนาวคราวดึกดื่นนับวันคอยชะรอยกรรมต้องกล้ำกลืนโศกสุดฝืนตื่นหลับกับเศร้าตรม
ใบไม้ร่วง
ใบไม้เหลืองร่วงพลิ้ว..........ปลิวลอยในแผ่นดินดงดอย..............ดาษพื้นจากยอดสุดจักสอย............ลงสู่ ดินนอผืนป่าชัฏร่มชื้น.................ชอุ่มไม้ใบบังใบไม้ร่วงหล่นแล้ว........ลงดินเสียงเงียบสงัดบ่ยิน..........สงบแท้ถมซากเปื่อยเป็นอิน-...........ทรียวัต ถุนากลายกลับบำรุงแล้.................แหล่งต้นวนเวียนวัฏจักรธรรมชาติแท้........สมดุลย์พืชสัตว์ผลัดม้วยหมุน..........หมดสิ้นสลายเวียนเปลี่ยนเนื่องหนุน.......ชีพใหม่แม้ร่างลับดับดิ้น.........................เสื่อมสิ้นสังขารทุกชีพใช่อยู่ยั้ง.........ยืนยงคนบ่มีใครคง...............คู่ฟ้าสักวันย่อมปลิดปลง...........ปราศค่าลับร่างจากโลกหล้า..............แหล่งพื้นอาศัยพืชสัตว์สลายหมดสิ้น.........อินทรีย์ประโยชน์ยังคงมี............ไม่สิ้นคนเมื่อดับชีวี...............ชีพหมด สิ้นนาล่วงลับเหลือส่วนชิ้น.....สู่ชั้นเชิงตะกอนไฟฟอนรอนร่างไหม้.........หมดไปดีชั่วปรากฏใน.............ภพนี้ยังประโยชน์อันใด.......แก่โลก เล่านาชนรุ่นหลังอาจชี้........เช่นได้ดูเห็น
โคลงขนดเศร้า
ครองโศกศัลย์หม่นเศร้า...........เฝ้าฝันตรองมั่นคงปลงวัน..................รักร้างคิดวันคิดคืนพลัน....................เปล่าว่าง ใจเอยจิตข่มสุดหมองเฝ้า..................โศกเศร้าหม่นใจโคลง ขนด กลอน(ห้ามเรียกโคลงขนดก)เริ่มจาก "ใจเอย"ในวรรค๓ลงมาวรรค๔วนขึ้นวรรค๑ลงมาวรรค๓วนขึ้นวรรค๒จบที่คำว่า"รัก"อ่านเป็นกลอนดังนี้ใจเอยใจหม่นเศร้าโศกเฝ้าหมองสุดข่มจิตคิดตรองครองโศกศัลย์หม่นเศร้าเฝ้าฝันร้างว่างเปล่าพลันคิดคืนวันมั่นคงปลงวันรัก