ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง โปรดอย่าตั้งอยู่ในความประมาท (งดรับ Tag ค่ะ)
 
 

..เกิดมาอย่าให้เสียชาติเกิด..

เคยคิดกันบ้างมั้ยคะ ว่าเกิดมาทำไม?
เห็นคนในโลกนี้เยอะแยะ เกิดมา แล้วก็แก่ขึ้นๆ ทุกวัน เสร็จแล้วก็ตายไปเหมือนกันหมด
สังเกตมั้ยไม่ว่าจะเป็นคนรวยล้นฟ้า คนจนค่นแค้น ก็ต้องเจ็บ ต้องตายกันทุกคน หลีกไม่พ้น
ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหน เป็นดารา เป็นคนธรรมดา เป็นมหาเศรษฐี เป็นเจ้าเมือง เป็นเจ้าแผ่นดิน
เช่น จิ๋นซีฮ่องเต้ เลดี้ไดอาน่า ชาลี แชปปิ้น พระเจ้าอโศกมหาราช ฯลฯ ก็ล้วนหลีกหนีความตายไปไม่พ้น

ตอนเกิดมาก็มาตัวเปล่า ตอนไป ก็ไปตัวเปล่า เอาสมบัติพัสถานติดตัวไปไม่ได้สักคนเดียว

เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ หลายๆคนต่อสู้ ฝ่าฟันเพื่อให้มีชีวิตรอด เพื่อให้เลี้ยงชีพอยู่ได้ บางคนบ้าเกียรติยศ ชื่อเสียงและเงินทอง พยายามแก่งแย่ง ชิงดีเพื่อให้ได้มา แม้กระทั่งต้องเสียชีวิตเพื่อสิ่งเหล่านั้น
ถามว่า คุ้มมั้ย ตอบได้ว่า ไม่คุ้มเลย
สิ่งที่พยายาม แย่งชิงเพื่อให้ได้มาเป็นของตนนั้น เป็นแค่สมบัติชั่วคราวเท่านั้นเอง
คนได้อาจจะมีความรู้สึกว่าเป็นสุขในชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่มันหาได้สุขเสมอไป
ถ้าสมบัตินั้นมาด้วยการกระทำที่ชั่วร้าย ก็จะส่งผลให้ชีวิตในอนาคตเป็นไปในทางที่ไม่ดี หรืออาจเห็นผลทันตา คือการติดคุก ติดตะรางเลย

บางคนชอบแต่หาความรื่นเริง บันเทิงใจ ไปวันๆ
ใช้ชีวิตวันๆ หมดไป อย่างไร้ค่า
ไม่มีเป้าหมายในชีวิตให้ตัวเอง
ไม่ทำประโยชน์ให้ใครเลย แม้แต่ตัวเอง และสังคม


ทำอย่างไรล่ะ ถึงจะใช้ชีวิตชาตินี้ให้คุ้มค่า

สมบัติที่คนเราจะเอาติดตัวไปได้ เมื่อตายไปแล้ว ก็คือ บุญกุศล ดังนั้น ควรหมั่น ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้บริสุทธิ์
ผลแห่งความดี หรือความชั่ว ย่อมสนองแน่นอน ไม่ในชาตินี้ ก็ชาติหน้า ตามหลักกฏแห่งกรรม

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่หลุดพ้น ก็ต้องเวียนว่าย เดี๋ยวตาย เดี๋ยวเกิดอยู่นั่นเอง เดี๋ยวเกิดเป็นคน เป็นสัตว์ เป็น เทวดา เปรต อสุรกาย เวียนไปวนมา ไม่จบไม่สิ้น เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็เฉยๆ บางคนเจอทุกข์ เยอะกว่าสุข เดี๋ยวทุกข์ ๆๆ

เบื่อบ้างมั้ย? เบื่อหรือยัง ?

พระพุทธศาสนาสอนวิธีสู่ความดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง
หากทำได้ ก็จะได้ไม่ต้องมาเวียนว่าย ตายเกิดอีกต่อไป
แม้ยังทำไม่ได้ในชาตินี้ อย่างน้อยก็จะรู้จักทำใจ ให้ทุกข์น้อยลงๆ เรื่อยๆ
ใจไม่หวั่นไหว แม้จะมีเรื่องราวใดๆ มากระทบ
กายเจ็บ แต่ใจก็ไม่จำเป็นต้องเจ็บด้วย

หากทำความดีตามที่พุทธศาสนาสอนไว้ อย่างน้อยก็คงได้ไปสูภพภูมิที่ดีขึ้นๆ
ถ้าต้องเกิดเป็นคนใหม่ ก็อาจจะสวยขึ้น หล่อขึ้น รวยขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเป็นต้น

มีข้อความประทับใจจากหนังสือ อวดอุตริมนุสธรรมที่มีในตน ของคุณศุภวรรณ กรีน ว่า

ไหน ๆ ก็เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาแล้ว
อย่าร่ำไรรอโน่นรอนี่หาข้อแก้ตัวให้เสียเวลาเลย ขอให้ตั้งเป้าหมายว่าอย่างน้อยที่สุด
ชาตินี้ก็ต้องบรรลุโสดาบันให้ได้
ถ้าอยากเอามากกว่านั้น ก็มุ่งพระนิพพานในชาตินี้เสียเลย
รีบเร่งฝึกวิปัสสนาเร็ว ๆ อย่ารอช้า อย่าพลาดโอกาสทองเช่นนี้เป็นอันขาด กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกที
ศาสนาพุทธอาจไม่อยู่ให้เห็นแล้วก็ได้
ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ต่อตนเองด้วยความไม่ประมาทเถิด





 

Create Date : 21 มีนาคม 2549   
Last Update : 21 มีนาคม 2549 19:19:25 น.   
Counter : 2944 Pageviews.  


ทำบุญ

กลับมาเมืองไทย มีโอกาสได้ไปวัด ทำบุญ ทำทาน ปฏิบัติธรรม ตามสถานที่ต่างๆ ปลื้มใจ สุขใจ ได้พัฒนาความรู้ในทางธรรม เลยถือโอกาสมาเล่าให้เพื่อนๆฟังค่ะ

เริ่มตั้งแต่ มีโอกาสได้ พบหลวงตามหาบัว ได้ร่วมทำบุญ ผ้าป่าช่วยชาติ โชคดีหลวงตามาใกล้ กทม เลยไม่ต้องไปหาไกล

ไปทัวร์วัดโพธิ์(อิอิ ไปนวด) นั่งเรือแวะชม วัดอรุณ

ทำบุญใส่บาตรหลวงปูจันโสม

ปีใหม่ มีโอกาสได้ไปนั่งสมาธิ ข้ามคืนที่วัดพระธรรมกาย (ปกติไม่เคยไป) ก็เลยลองไปดูซะหน่อย คนเยอะมาก น่าจะหลายหมื่นคน ก็น่าประทับใจ ระบบจัดการเค้าเหมือนกัน ที่สามารถต้อนรับผู้คนมากมายได้ ห้องน้ำก็เยอะดี น้ำ อาหารการกิน ที่ต้อนรับผู้คน ก็มีมากมาย แถมโชคดี พาเพื่อนฝรั่งไป เค้าก็ชอบใจ เพราะที่นั่นมีหูฟังแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ เค้าเลยฟังรู้เรื่อง นี่เกินความคาดหมาย วันนั้น มีการจัดงานพิเศษ มีพิธีรับจักรแก้ว ก็เลย มีการจุดไฟพิธี แถมมีฟลุไฟ สวยงาม จุดขึ้นไปบนฟ้าเต็มไปหมด ดูยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ ตอนเช้าก็ได้ทำบุญ ใส่บาตร พระและคนนั่งเป็นแถว เป็นแนวเป็นระเบียบเรียบร้อยดีมากจริงๆ
ต้องขอชมคณะผู้จัด และอาสาสมัครที่มาบริการ ที่รักษาบรรยากาศได้ดี เลยถ่ายรูปได้เยอะพอสมควรเลย

ได้ไปเยี่ยมชม และทำบุญที่วัดธรรมมงคล ที่วัดมีงานพิธีบวชชีพราหมณ์หมื่นคน และหลวงพ่อวิริยังค์ก็กลับมาเมืองไทย เลยได้กราบ และ บูชาซีดีธรรมะ มาหลายแผ่น ได้กราบชมพระเจดีย์ พระพุทธรูปหยก และชมพิพิทธภัณฑ์

ได้ไปแวะกราบ ทำบุญ กับ หลวงพ่อปราโมทย์ ที่กาญ ก็ได้รับคำแนะนำทางด้านการดูจิต ได้ซีดี และหนังสือมาหลายเล่ม ท่านบอกว่ามาถูกทางแล้ว ให้ฝึกต่อไป

ได้ไปทำบุญที่วัดพุหว้า กราบพระบรมสารีริกธาตุที่มาจากพม่า

ได้ไปทำบุญที่วัดสุนันทวนาราม ได้หนังสือ และซีดีมาเยอะเหมือนกัน แต่หลวงพ่อมิซซูโอะไม่อยู่ เลยไม่ได้พักตามที่ตั้งใจ

ได้ไปพักแดนมหามงคลแทน คนที่ไปได้จะรับชุดขาวเปลี่ยนเมื่อจะเข้าเกาะ ทำให้ผู้คนดูเรียบร้อย เหมาะกับแดนธรรม สถานที่พักยังยอดเยี่ยมสวยงาม ยิ่งกว่าเดิม สถานที่กว้างขวาง สะอาด สะอ้าน ร่มรื่น งดงามยิ่งกว่ารีสอร์ท อีกแหนะ มีศาลาที่พักใหม่ๆ ที่ใหญ่โต กว้างขวางเพิ่มขึ้นอีกหลายหลัง

โชคดีแม้จะเข้าไปค่ำมากแล้ว ได้พบและสนทนากับท่านแม่บงกชด้วย ท่านเมตตาให้น้ำทิพย์ และแนะนำให้ฟังเทปธรรมะของท่านด้วย

วันรุ่งขึ้น อาหารเป็นมังสะวิรัส รสเยี่ยม ได้มีโอกาสเดินชมสถานที่ แต่ดูทางขึ้นเขา ครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นไป แต่ครั้งก่อนเคยขึ้นแล้ว จำได้ว่างดงามมากๆๆ ได้พบปะสนทนากับผู้ปฏิบัติในแดนธรรม ทำให้ทราบว่า ที่นี้ มีผู้ปฏิบัติที่อยู่ประจำถึงสี่ร้อยคน แต่เนื่องจากสถานที่ใหญ่ เลยดูร่มเย็น และคนไม่พลุกพล่านนัก ทำให้มีสถานที่ปลีกวิเวกได้หลายที่ ทั้งที่ถ้ำ ยอดเขา ชายน้ำ ป่า และแพริมน้ำ

หลายปีก่อนเคยได้คุยกับฝรั่งชาวอังกฤษ ชื่อธรรมมาลี(ชื่อที่ท่านแม่ตั้งให้) ที่ยังเป็นสาวๆ อยู่ แต่ละทางโลกมาอยู่ทางธรรม แม้ตอนนั้น กำลังจะแต่งงาน แต่ประทับใจในธรรมะของพระพุทธเจ้า และบารมีของท่านแม่ จึงมาอยู่ที่เกาะนี้ ครั้งนี้เราเลยถามถึงเธอ ทราบว่าเธอก็ยังปฏิบัติอยู่ แม้จะเป็นเวลาห้าหกปี ผ่านมาแล้ว นับถือเธอจริงๆ ที่ตั้งใจ และอยู่ได้จริงๆ และทราบว่า เธอพยายามฝึกภาษาไทย จนฟัง พูด ได้ดีแล้ว เยี่ยมจริงๆ และได้สนทนากับคนไทย

อีกหลายๆคน ที่ถึงแม้จะเคยมีสมบัติพัสถานมากมายมาก่อน ก็ตัดสินใจที่สละทางโลกมา เพราะปรารถนาอริยะทรัพย์ ทีเป็นทรัพย์อย่างเดียว ที่จะติดตัวไปได้ ยามชีวิตจะหาไม่

สถานที่นี้ดีมาก ถือว่าค่อนข้างปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้หญิง

ระหว่างทางกลับบ้านเปิดเทปของท่านแม่ฟัง ก็ได้ความรู้ ความคิดว่า จริงๆ แล้ว ทุกๆ ท่านที่สอนธรรมะ ก็ลงมาที่ ธรรมะอย่างเดียวกัน คือ ให้เจริญมหาสติ ดูจิต คิดบวชใจ รู้ตัว รู้ใจ รู้ลมหายใจ ทำความดี ละเว้นความชั่ว พยายามลดละกิเลส พยายามให้รักษาศีลห้าให้เป็นปกติ และรักษาศีลแปดในวันพระ

การ บวชใจ ซึ่งทำได้ในทุกที่ ทุกสถาน
การบวชกายอาจทำได้ง่าย เช่นการโกนศีรษะและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย แต่ การบวชให้ถึงใจ นี้ ยากยิ่งกว่า เพราะต้องมีความตั้งใจ รักษาศีลให้ได้จริงๆ แม้จะไม่ได้อยู่ในรูปแบบใดๆ แต่ก็ปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง คำของท่านแม่ว่า

" เกิดมา ไม่บวชใจ จะได้อะไร ในการเกิด"
" บวชมา ไม่บวชใจ จะได้อะไร ในการบวช"

ลูกขอนอบน้อม กราบอาราธนา คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกท่าน
ด้วยเดชของบุญญาบารมีธรรมของพ่อแม่ ครูบาอาจาร์ทั้งหลาย และผลบุญที่ลูกได้ปฏิบัติมาตั้งแต่อดีตชาติจนปัจจบันวันนี้ ได้โปรดเมตตารวมพลัง เป็นมหาพรชัย ให้ลูก และท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้มีความเจริญ รุ่งเรือง ทั้งในทางโลก และทางธรรม สาธุ สาธุ สาธุ




 

Create Date : 13 มกราคม 2549   
Last Update : 13 มกราคม 2549 20:01:20 น.   
Counter : 818 Pageviews.  


มีจุดมุ่งหมายในชีวิตกันมั้ย?



เคยตั้งเป้าหมายในการดำเนินชีวิตกันบ้างมั้ยคะ?
ว่าอยากจะทำอะไร? อยากจะเป็นอะไร? ต้องการมีอาชีพอะไรในการดำรงชีวิต?
อีกปีข้างหน้า สองปี ห้าปี สิบปีข้างหน้า อยากมีชีวิตลักษณะไหน? คุณภาพชีวิตเป็นอย่างไร?
ควรมีเป้าหมายสูงสุด เป้าหมายรอง เป้าหมายย่อย

มีหลายคนฝันอยากจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ไม่เคยลงมือทำ ไม่แม้แต่จะเริ่ม ถ้าไม่เริ่มลงมือ ลงแรง ก็ไม่มีวันไปถึงฝันได้

เดี๋ยวนี้การทำงาน โครงการต่างๆ จะต้องมี
1) การตั้งเป้าหมาย นำเสนอโครงการว่าโครงการนี้ชื่ออะไร ต้องการทำอะไร ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำโครงการนี้เป็นอย่างไร ข้อดี ข้อเสียของการทำโครงการนี้เป็นอย่างไร

2) มีการขั้นตอนการคิด การออกแบบ
เพื่อให้รู้ว่าการจะทำโครงการนั้นๆ ให้สำเร็จต้องทำอะไรบ้าง เป็นขั้นเป็นตอน 1,2,3,4,.. งานไหนทำพร้อมกันได้ งานไหนต้องรอให้งานอื่นเสร็จก่อนถึงจะเริ่มทำได้

3) การประเมินงานหรือคำนวณว่าแต่ละงานใช้เวลานานเท่าไร กว่าจะทำโครงการนั้นๆ จบ จะใช้เวลานานเท่าไร และค่าใช้จ่าย ค่าแรงงานที่จะทำโครงการณ์นั้นๆ เสร็จจะประมาณเท่าไร
ประเมิน พิจารณาว่าควรจะดำเนินโครงการนี้หรือไม่ จะคุ้มค่ากับการลงทุน ลงแรงหรือไม่

4) ขั้นลงมือทำ เมื่อได้วางแผนงานแล้วก็ต้องลงมือทำก็จะมีเวลาที่ใช้จริง ค่าใช้จ่ายที่ใช้จริงๆ เพื่อที่จะไม่ให้หลงลืมสิ่งที่ควรทำ และจะให้งานเสร็จทันตามกำหนดที่ต้องการ ก็ควรมี to do list คือทำรายการงานที่จะต้องทำในแต่ละวัน จดบันทึก และตรวจสอบเป็นรายวัน ว่าวันนี้เราทำสิ่งที่สมควรทำในวันนี้ ทำครบหรือยัง ลืมอะไรหรือปล่าว ถ้ามัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ผลงานก็จะเลื่อนไปเรื่อยๆ ไม่เสร็จสักที จนกระทั่งสิ่งเป้าหมายที่ต้องการก็จะไม่เสร็จทันเวลา ซึ่งอาจเกิดความเสียหายได้ เช่นงานบางงานอาจมีค่าปรับถ้าไม่เสร็จตรงเวลา

5) Check point - เมื่อเสร็จแต่ละขั้นก็ควรมีจุดครวจสอบ เช็คผลงานว่า ผลงานที่ออกมาได้ คุณภาพตามที่พอใจ ทันเวลาหรือไม่ ถ้าไม่ได้ มีข้อบกพร่อง
หรือมีปัญหาอะไร อย่างไรมีหนทางแก้ไขปัญหาอย่างไร

6) ขั้นแสดงผลงานและสนับสนุน - หลังจากที่ผ่านขั้นตอนต่างๆ งานโครงการประสพผลลัพธ์ออกมา
เราก็จะได้ชื่นชมกับผลงานว่าสำเร็จหรือไม่ และหลังจากนั้นเราจะดำเนินโครงการต่อไปอย่างไร

ชีวิตคนเราก็เช่นกัน เราสามารถใช้ข้อคิดข้างบนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้
เราควรวางแผนชีวิตเป็นขั้นเป็นตอน เช่น ตอนนี้เราอายุเท่าไร จะทำอะไร จนถึงอายุเท่าไร หลังจากนั้นจะทำอะไรต่อไป เราควรรู้ตัวเราเองก่อนว่า อยากทำอาชีพอะไรในการดำรงชีวิตในอนาคต เพราะคนเราเมื่อโตแล้วก็ต้องทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพของตนและครอบครัว และรู้จักรับผิดชอบชีวิตของตัวเองและครอบครัว ไม่ทำตัวเป็นเด็กในวัยที่ไม่สมควร


ช่วงต้นของชีวิตเราเป็นวัยเรียน เราก็ต้องคิดว่าเราจะเรียนวิชาอะไร ใช้เวลาเท่าไร จบแล้วจะสามารถพาเราไปสู่งานที่เราอยากทำได้หรือไม่ งานที่เราต้องการเค้าต้องการคนที่มีคุณสมบัติอย่างไร เราก็ต้องรู้จักเรียน เพื่อให้เรามีคุณสมบัติเหล่านั้นให้ครบถึงจะมีโอกาสแข่งขันกับสังคมภายนอกได้ งานแต่ละงานอาจใช้วุฒิการศึกษาแตกต่างกัน ถ้างานที่เราต้องการ ต้องมีการศึกษาสูงเราก็ต้องพัฒนาตัวเราให้มีการศึกษาสูง ถ้างานที่เราต้องการ ต้องการคนที่ได้รับใบรับรองความรู้ (certification) ในสาขาเฉพาะๆนั้นๆ เราก็ต้องขวนขวายสอบให้ได้ใบรับรองนั้นๆ

ช่วงการหางาน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องหางาน ก็ต้องรู้จักขวนขาย เรียนรู้ว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่าแหล่งงานอยู่ที่ไหน มีบริษัทอะไรบ้าง เราต้องรู้ว่าสมัยนี้เป็นยุคแห่งการแข่งขั้น ดังนั้นเราไม่ควรยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เราต้องเขียนใบสมัครเข้าทำงานให้ มีคุณสมบัติที่บริษัทที่เราต้องการสมัครให้ครบถ้วน
เขียนให้ดูดีโดดเด่น และน่าสนใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ทราบว่าคนรับเค้าอยากได้คนลักษณะใด เราต้องรู้จักสร้างบุคลิกของเราเองให้ดูดีเหมาะสมกับงาน แล้วก็ขยันส่งใบสมัครงานไปยังบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในข่ายความสนใจของเรา เราต้องรู้ตลาดแรงงานในแหล่งที่เราอยู่ว่าเค้าหางานกันอย่างไร วิธีใด เพื่อที่เราจะได้ไม่เสียโอกาส
บางแห่งไม่ใช่แค่ส่งใบสมัครทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่อาจต้องอาศัย networking(การบอกต่อ) เราก็ต้องรู้จักสมาคมกับคนอื่น เพื่อเพิ่ม networking เขาเหล่านั้นอาจให้คำแนะนำ หรือเสนองานมาให้ก็ได้ เมื่อได้รับการสัมภาษณ์ก็ต้องศึกษาว่าควรสื่อสารหรือตอบอย่างไรดีถึงจะได้งาน แต่ละคนควรมีความพยายามต่อสู้ และลงมือด้วยตัวเอง ถึงจะมีคุณค่าน่าภูมิใจ


บางคนอยากเป็นเศรษฐี ก็ต้องรู้หนทางสู่การเป็นเศรษฐี ว่ามีวิธีใดบ้าง ทำงานอะไร ทำอาชีพอะไรจึงรวย อย่ามัวรอถูกลอตเตอรี่อย่างเดียวล่ะ
งานใดๆที่เป็นอาชีพสุจริต ไม่ผิดศีล ผิดธรรม งานนั้นควรแก่การยกย่อง งานใดไม่สุจริตอาจเป็นหนทางสู่อบายภูมิได้

เมื่อได้งานแล้ว ก็ทำหน้าที่ของตัวเราเองให้ดีที่สุด มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของตน รู้จักสร้างสรรผลงาน และ แสดงผลงานออกมา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ และอยู่รอดในสังคม รวมทั้งสามารถรับผิดชอบต่อชีวิตที่เกี่ยวข้องกับตัวเราได้

และแน่นอนทุกคนล้วนต้องการความสุขในชีวิต ซึ่งความสุขของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน บางคนมีความสุขที่จะเห็นครอบครัวมีความสุข มีลูก ให้ลูกได้ดี สามารถเอาตัวรอดได้ บางคนมีความสุขการการมั่งมีเงินทองทรัพย์สิน บางคนมีความสุขจากการเดินทาง บางคนมีความสุขจากการให้เสียสละ และ ความสุขจากความสงบ

ในระหว่างที่เราดำเนินชีวิต เราอย่าลืมเป้าหมายอื่นๆของเราด้วย เช่น เราทำงานเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพเพื่อให้ดำรงชีวิตในโลกนี้อย่างมีความสุข
เราก็ต้องรู้จักหา รู้จักใช้ ใช้เงินใช้เวลาอย่างมีค่า
รู้จักพักผ่อน ออกกำลังกายในชีวิตด้วย ก็อย่าลืมทำ
เพราะบางคนขยันทำงานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อยมาก และเก็บอย่างเดียว ไม่รู้จักนำมาใช้ ไม่รู้จักพักผ่อน เงินเหล่านั้นก็จะไม่มีค่า บางคนทำจนตัวตายแล้วยังไม่ได้ใช้ก็มี ก็จะเป็นการที่ว่าเราลืมเป้าหมายบางอย่างของชีวิตไป
ทรัพย์สิน เงินทองเป็นสมบัติของแผ่นดิน เรายืมแผ่นดินมาใช้ เมื่อตายไปเราก็เอาติดตัวไปไม่ได้
พุทธศาสนาสอนว่า คนเรามีการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นการดำเนินชีวิต เราควรพิจารณาให้ดี
และทำชีวิตนี้ให้ดีด้วย หากเกิดชาติหน้าจะได้ มีชีวิตที่ดี

เนื่องจากชีวิตคนเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ดังนั้นทุกคนล้วนมีปัญหาและอุปสรรคผ่านมา และต้องแก้ไขเป็นระยะๆ เราก็คงต้องแก้ไขไปอย่างมีสติ ใช้ปัญญาในการแก้ไข มีเหตุมีผล อย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่
ในการดำรงชีวิตหากรู้จักใช้ธรรมะมาใช้ในการดำเนินชีวิตด้วย
เราจะรู้จักปล่อยวางอารมณ์ และความตึงเครียด
รู้ว่าทุกข์ต่างๆ ที่เกิดล้วนมาจากใจเราเอง ถ้าเราปล่อยวางซะ เราก็ไม่ทุกข์ คนเราอาจผิดพลาด ล้มเหลว และผิดหวังได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก อะไรที่พลาดไปก็ใช้เป็นบทเรียน
ชีวิตอยู่เพื่อปรับปรุงและพัฒนา ไม่ควรโทษอดีต หรือหมกหมุ่นอยู่กับอดีต แต่ให้อยู่กับปัจจุบันและอนาคต

ขอให้ทุกคนโชคดีในชีวิตค่ะ สาธุ




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2548   
Last Update : 4 ธันวาคม 2548 2:57:35 น.   
Counter : 590 Pageviews.  


เกิดมาทำไม



เคยตั้งคำถามให้ตัวเองกันบ้างมั้ยคะ ว่าตัวเรานั้นเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วจะทำอะไรดี มีจุดมุ่งหมายอะไรกับชีวิตนี้ ใช้ชีวิตอย่างไรดีให้คุ้มค่ากับที่เกิดมาแล้ว และตายแล้วจะไปไหน
เคยคิดมั้ยว่าชีวิตคนเรานั้นเมื่อเกิดมาก็มามือเปล่า เกิดมาบางคนก็อาการครบ 32 บางคนก็ไม่ครบ แต่ละคนก็เจริญเติบโตขึ้น ผ่านการเรียนรู้ ผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิต เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็สุข คนที่คิดมาก ยึดติดกับสิ่งต่างๆ รอบกายมาก ก็ทุกข์มาก คนที่มีความอยากในด้านต่างๆมาก ก็จะพยายามไขว่คว้าหาสิ่งนั้นๆ มาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง ของรัก คนรัก ลูกรัก หลานรัก เพื่อนรัก อำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียง
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานั้น ตายไป เราก็นำอะไรติดตัวไปไม่ได้สักอย่างเดียว
และสิ่งที่กล่าวมานั้นก็ไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้ถาวรเลย เงินทอง ข้าวของ มีได้ก็หมดไปได้ อาจจะหมดไปโดยสาเหตุที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยก็ได้ เช่นถูกโกง ไฟไหม้ โดนขโมย หรือภัยพิบัติ ถ้าเรายึดติดกับสิ่งเหล่านั้นมาก เมื่อสูญเสียไปก็ทุกข์มาก
ส่วนคนที่เรารัก ก็อาจจากเราไปด้วยสาเหตต่างๆ มากมาย เช่น จากไปความแตกต่าง ความไม่เข้าใจกัน เข้ากันไม่ได้ หรือจากไปกับคนอื่น มือที่สอง สาม สี่ หรือ จากไปกับความห่างไกล หรือจากมีเหตุการที่ทำให้ชีวิตต้องพลัดพลากไปเกิดใหม่ จะเห็นว่า ถ้าเรายึดติดกับคนรักมาก เมื่อผิดหวัง ก็จะเสียใจ ทุกข์มาก
ตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ถาวร เช่นกัน ไม่มีใครจะอยู่กับตำแหน่งหน้าที่การงานใดๆ ไปตลอดชีวิต และเราก็ไม่ใช่คนที่สำคัญมาก ขนาดที่บริษัทใดๆ หรือตำแหน่งใดๆจำเป็นจะต้องมีเราไปตลอด ปัจจุบันความมั่นคงทางหน้าที่การงานก็ไม่แน่นอน บริษัทต่างๆ ก็สามารถพร้อมที่จะปรับตัว ลดคน ลดพนักงานได้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่หน่วยงานราชการ
ลูกรัก หลานรัก หรือมนุษย์ผู้ใด คนเราก็ไม่อาจคาดหวังให้ทุกคนทำตามใจปรารถนาของเราได้ เนื่องจาก ทุกชีวิต ย่อมมีจิตใจของตัวเอง ปรารถนาที่จะทำการใดๆ เอง
คนเราไม่สามารถบงการผู้อื่นให้เป็นดังใจได้ ถ้าเขาทำถูกใจเราก็อาจเป็นสุขเป็นครั้งคราว ถ้าขัดใจก็ย่อมเกิดทุกข์ และ บางคนหวังให้ลูกหลานดูแลยามแก่เฒ่า แต่สมัยนี้ยากที่จะกำหนดให้เป็นดังคาดหวังแล้ว บางคนไม่เพียงแต่ผิดหวัง แต่อาจจะทุกข์ร้อน เพราะลูกหลานเหล่านั้น ก่อเรื่องให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจด้วยซ้ำไป

บางคนทุกข์ใจเดือดร้อน กับการศึกษาเล่าเรียน สอบได้คะแนนดีก็ดีใจ สอบตก สอบไม่ได้ก็ผิดหวังเสียใจ แม้ได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนในสิ่งที่ตั้งใจ ก็อาจประสพปัญหากับความยากง่ายของเรื่องที่ศึกษา ชอบไม่ชอบเรื่องต่างๆเหล่านั้น และ ปัญหาการคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูง ผู้เกี่ยวข้อง

นอกจากคนเราจะประสพทุกข์ด้วยเรื่องต่างๆ เหล่านั้นแล้ว ก็อาจทุกข์เพราะโรคภัยไข้เจ็บด้วย เป็นโรคนั้นโรคนี้ ต้องทนทุกข์ทรมาน
ก็เห็นอีกแหละว่าคนเราก็แค่นี้ เกิดมาแล้วเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวสุข แล้วก็ต้องจากโลกนี้กันไปทุกคนนั่นแหละ

เพราะฉะนั้นเกิดมาแล้วทำอะไรดีล่ะถึงจะคุ้มค่ากับที่เกิดมา
เราทุกคนควรหาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ ว่ามีจุดมุ่งหมายอะไรในชีวิต แล้วก็ดำเนินตน ก้าวไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงจุดมุ่งหมายของตน เพราะชีวิตเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน คนเราไม่ใช่ว่าจะแก่ตายทุกคน อาจจะต้องไปกันวันไหนก็ไม่แน่นอน ดูเหตุการณ์สึนามินั่นสิ มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้นล่ะ
คนเราเมื่อตั้งเป้าหมายในชีวิตแล้ว ก็อย่าลืมหาทางเดินสู่เป้าหมายนั้น และลงมือปฏิบัติด้วยล่ะ แค่หวังอย่างเดียวแต่ไม่ลงมือ ก็ไม่มีทางถึงเป้าหมายนั้นนะ

แล้วตายแล้วจะไปไหน เคยได้ฟังเรื่องตายแล้วไปไหนกันบ้างมั้ย มีหลายคนที่ตายแล้วฟื้น มาเล่าประสพการณ์หลังความตายให้ฟัง ใครที่ไม่เคยฟังแนะนำให้ไปขอซีดี ได้ที่นี่//www.cdthamma.com/
CD184 ตายแล้วฟื้น และ กฎแห่งกรรม ( ชุดรวม )
(เค้าแจกให้ผู้สนใจ) จะเห็นว่า นรก สวรรค์มีจริงนะ อย่าอยู่ในความประมาทนะคะ

ในเมื่อเกิดมาแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไรดี ทำอย่างไรจะไม่ตกนรก ไม่ต้องมีความทุกข์อีก แนะนำให้อ่าน เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
//dungtrin.com/whatapity/00.htm
จะได้รู้วิธีเลือกเกิดในชาติหน้าอยากสวย อยากหล่อ อยากรวย ทำบุญอย่างไรดี ก็อย่าลืมเข้าไปอ่านนะคะ

คนที่เห็นว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ จะหาทางดับทุกข์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดเลยก็ได้นะ แนะนำให้ ฝึกตน ตามแนวทางสติปัฐฐานสี่ ลองไปอ่านดูได้นะ
//dungtrin.com/sati/
เราก็ยังอ่านไม่จบนะเล่มนี้ 55
ไม่แน่นะ ฝึกไปฝึกมา อาจจะบรรลุธรรมภายในเจ็ดเดือน
ลองอ่าน เจ็ดเดือนบรรลุธรรม //dungtrin.com/7months/

สุดท้ายนี้ ฝากไว้ว่า อดีตนั้นผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ก็ให้มันผ่านไป อย่าเก็บมาคิดกังวลมากมาย อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ก็อย่าไปกังวลล่วงหน้ามากไป ทำปัจจุบันวันนี้ให้ดีที่สุด ละกัน มีสติอยู่กับปัจจุบัน อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด แล้วก็แก้ปัญหาไป อย่าไปทุกข์ร้อนกับเรื่องต่างๆมากมาย ปลงๆ ซะบ้าง ทำใจให้มีสุขทุกขณะของชีวิต

ขอให้โชคดีมีสุขกันถ้วนหน้าค่ะ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2548   
Last Update : 4 ธันวาคม 2548 2:58:22 น.   
Counter : 632 Pageviews.  



กิ่งไม้ไทย
 
Location :
Alberta Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เที่ยง


* สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด หรือลอกเลียน หรือนำส่วนใดๆ ของข้อความ ,หรือ ภาพ จากบล๊อคนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ และเพื่ออ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด * Copyright @ All Rights Reserved
* * * * บุญใดๆจากการเผยแผ่ธรรม เป็นธรรมทานนี้ ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ พระอุปชาอาจารย์ ทั้งหมด ทุกภพทุกชาติ และพ่อหลวงพระธุดงค์ผู้ชี้ทางแห่งการพ้นทุกข์ ขอผลานิสงส์นี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้อยู่ดีกินดี มีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป และได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ด้วยเทอญฯ
Creative Commons License
http://kingmaithai.bloggang.com/ โดย กิ่งไม้ไทย นี้ ใช้ สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ใช่งานดัดแปลง 2.5 แคนาดา.
[Add กิ่งไม้ไทย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com