“A path is made by walking on it.”
Group Blog
 
All blogs
 
รักข้ามกาลเวลา: เมื่อใจรักมั่นไปแล้ว ยังจะแก้ไขอย่างไรได้อีก?






ความรักเป็นเรื่องที่สุดแสนซับซ้อน ข้อนี้ทุกผู้คนล้วนทราบกระจ่าง
ทว่าความซับซ้อนนี้ มีที่สิ้นสุดอยู่หนใด? จะนำพาเราไปสู่หนไหน? ข้อนี้ยากบอกกล่าวออกมาได้จริงๆ

ทั้งนี้เพราะความรักอาจไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมากมาย หากขบคิดหาเหตุผลมากไปคงต้องกลุ้มใจตายแล้ว โปเยโปโลเย ตอน รักข้ามกาลเวลา ของผูสงหลิง* ก็เป็นเรื่องราวความรักที่ซับซ้อนยากอธิบายด้วยเหตุผลเช่นกัน ท่านใคร่ครวญดู คนผู้หนึ่งมีผู้อื่นคอยเอาใจใส่ห่วงใย ไฉนเขาไม่แยแสไยดี กลับไปตบแต่งเอาป้ายวิญญาณแผ่นหนึ่งมาเป็นภรรยา

ความรักชนิดนี้เองที่เรากำลังพูดถึง คนทุ่มเทรักไม่ได้โง่งมงาย คนถูกรักแม้ไม่แยแสสนใจก็หาได้ผิดอะไร เรื่องของเรื่องก็แค่รักปักใจ จนไถ่ถอนตัวเองไม่ขึ้น...

แค่โปรดอย่าถือโทษโกรธฉันเพียงเพราะรักของฉันไม่ดีพอ!


จางอี่ต้านเป็นหมอใจบุญ ประจำอยู่ที่วัดเซี่ยวซานที่มีฮุ่ยทงไต้ซือเป็นเจ้าอาวาส เขาให้การตรวจรักษาเจือจานแก่ผู้ป่วยไข้ที่ยากไร้ จึงได้รับความรักและเคารพจากชาวบ้านอย่างมากมาย วันหนึ่งอาหมิงกับอาเจิ้งมาขอยาเพื่อไปรักษาขามารดาของพวกเขา จางอี่ต้านตามมาที่บ้านพบฟ่งเหนียงนอนซมเซาอยู่บนเตียง หลังจากสามีตายไป ขาของนางก็มีอาการชาจนเดินไม่ได้ นางฐานะยากจนไม่มีเงินค่ายาจึงไม่ได้ไปหาหมอ อาการก็ยิ่งทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสงสาร จางอี่ต้านจึงเจียดยามาให้นางโดยไม่คิดเงิน เขายังทำเก้าอี้ไม้ไผ่ล้อเลื่อนมาให้ฟ่งเหนียง ทำให้ฟ่งเหนียงสามารถไปไหนมาไหนได้สะดวก นางมักไปไหว้พระที่วัดเซี่ยวซาน และประทับเงาร่างของจางอี่ต้านอยู่ในใจอย่างลึกล้ำ

ไม่นานฟ่งเหนียงก็ค่อยๆ หายจากการเจ็บป่วย นางสามารถเดินได้เป็นปกติ ต่อมาจางอี่ต้านขอให้นางย้ายมาอยู่ที่เรือนหลัง ในเขตรั้วเดียวกันกับตนเอง เพราะบ้านเดิมที่ฟ่งเหนียงและลูกๆ อาศัยอยู่มี “กลิ่นอายความตาย” รุนแรง

นอกจากเป็นแพทย์ จางอี่ต้านยังเป็นผู้พิทักษ์ป่า คอยดูแลปกป้องมิให้ผู้ใดมาฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในป่า แล้วโชคชะตาก็บันดาลให้เขาได้พบกับคุณหนูสกุลหลู่ นามหลู่จินไฉ่ ที่มักออกมาล่ากวางเพื่อนำเลือดสดๆ ไปเป็นยารักษาโรคประหลาดของบิดา จางอี่ต้านหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ เขาเพียรห้ามนางไม่ให้ทำร้ายกวางบนภูเขา เพราะกวางเหล่านั้นมีเทพคุ้มครอง แต่หลู่จินไฉ่จำเป็นต้องหาเลือดไปรักษาบิดา ดังนั้นนางไม่เชื่อฟังจางอี่ต้าน ในที่สุดนางถูกเทพกวางลงโทษด้วยการบันดาลให้สายฟ้าฟาด จนนางพลัดตกเขาเสียชีวิต

แท้ที่จริงความเป็นไปของชีวิตคนนั้นเรียบง่ายเช่นนี้เอง ผู้ใดกระทำกรรมใดไว้ ย่อมต้องรับวิบากจากกรรมนั้น ทว่าผู้คนมิได้ยืดอกยินยอมรับผลแห่งการกระทำของตนเองเสมอไป มีบ้างดิ้นรนกระเสือกกระสนไม่ยอมรับความจริง ดังนั้นชีวิตที่สมควรเรียบง่ายพลันกลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมา

จางอี่ต้านรักหลู่จินไฉ่จริงๆ คนแม้ตายไปแล้ว เขากลับไม่อาจหักห้ามใจตนเองได้ ดังนั้นจางอี่ต้านได้แต่ตบแต่งเอาป้ายวิญญาณของหลู่จินไฉ่เป็นภรรยา ป้ายวิญญาณในผืนแพรแดง จางอี่ต้านก็สวมใส่ชุดแดงสดใส พวกเขากราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดา กราบไหว้กันเอง สุดท้ายส่งตัวเข้าหอ

ฟ่งเหนียงก็รักจางอี่ต้านจริงๆ ในคืนเข้าหอของจางอี่ต้าน นางแอบนำพระพุทธรูปสามองค์ไปซ่อนไว้ตามมุมต่างๆ ในห้องหอ คืนนั้นจางอี่ต้านกรีดเลือดเรียกวิญญาณ เขาเฝ้ารอหลู่จินไฉ่ทั้งคืน แต่นางก็ไม่อาจปรากฏกายออกมา นับเป็นคืนน้ำผึ้งพระจันทร์ที่สูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง

ต่อมาจางอี่ต้านเปลี่ยนสถานที่ไปทำพิธีเรียกวิญญาณในป่า คราวนี้หลู่จินไฉ่ปรากฏกายได้สำเร็จ นางนั่งโล้ชิงช้าอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นแจ้งแก่จางอี่ต้านว่านางจะไปเกิดใหม่แล้ว วันที่ ๑๖ เดือน ๘ ของอีก ๑๘ ปีให้หลัง นางจะโล้ชิงช้ารอเขาอยู่ที่สวนหลังของบ้านเจ้ากรมหลู่ในมณฑลเหอเป่ย หากจางอี่ต้านรักนางจริงๆ ก็ให้ไปพบนางได้ที่นั่น จางอี่ต้านให้สัญญาว่าเขาจะไปหานางแน่นอน ทั้งสองประทับฝ่ามือกันและกันถึง ๓ ครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้สัมผัสกัน จากนั้นเงาร่างของหลู่จินไฉ่ก็ค่อยๆ เลือนหายไป

๑๘ ปี นั้นไม่นับว่านานจนเกินไป ทว่ากาลเวลากลืนกินอายุขัย จางอี่ต้านในอีก ๑๘ ปีให้หลัง ย่อมเป็นชายชราที่ร่วงโรยผู้หนึ่ง เขาไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ ดังนั้นจึงเดินทางไปหาอาจารย์เทียนถวอจื่อเพื่อถามหาวิธีปรุงยาอายุวัฒนะ อาจารย์เทียนถวอจื่อตักเตือนเขาให้ยอมรับความจริง ทว่าความรักทำให้คนมืดบอด จางอี่ต้านหอบตำรากองใหญ่กลับบ้าน คร่ำเคร่งค้นคว้า

ระหว่างที่จางอี่ต้านก้มหน้าก้มตาคิดค้นยาให้สำเร็จ ทุกวันเขามองเห็นฟ่งเหนียง ซึ่งอาศัยอยู่ในแนวรั้วเดียวกัน นางทั้งเย็บปักเสื้อผ้าให้แก่เขา ปรุงอาหารให้แก่เขา ต้มน้ำให้เขาอาบ ดูแลเขาทุกสิ่งอย่าง ในยามที่จางอี่ต้านทุ่มเทปรุงยาอายุวัฒนะไม่เป็นอันกินอันนอน หนวดเครายาวรุงรัง ร่างกายผ่ายผอม ฟ่งเหนียงเดินมาหาเขา นางยื่นหมั่นโถวใบหนึ่ง กล่าวต่อจางอี่ต้าน

“ท่านรับประทานหมั่นโถวเถิด นี่จึงเป็นยาอายุวัฒนะที่แท้จริง”


จางอี่ต้านยังคงหมกมุ่นต่อไป เขาไปขโมยคัมภีร์ถึงวัดเส้าหลิน ได้คัมภีร์มาสามเล่ม เป็นคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น คัมภีร์ฝึกกระดูก และคัมภีร์ร้อยสมุนไพร น่าเสียดายที่เขาถูกจับได้ จึงโดนไล่ออกมาจากวัด เขาได้แต่นั่งเศร้าร่ำร้องด้วยความผิดหวัง พลันได้ยินเสียงฝีเท้าขยับเดินเข้าใกล้ เมื่อเงยหน้ามองดูกลับเป็นฟ่งเหนียง นางหิ้วตะกร้าสิ่งของเดินทางมายังวัดเส้าหลินเพื่อเยี่ยมเยียนจางอี่ต้านนั่นเอง

ก่อนลงจากเขา เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ปรากฏกายขึ้น ท่านนำคัมภีร์ทั้งสามเล่มนั้นมามอบให้แก่จางอี่ต้าน ทว่าเมื่อเปิดออกดู คัมภีร์ทั้งสามล้วนมีเพียงหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า นี่ย่อมเป็นปริศนาธรรมที่ลึกล้ำ... เพียงแต่ใจของจางอี่ต้านไม่อยู่ในสภาวะที่พร้อมจะรับรู้ เขาได้แต่ร่ำร้องจนแทบฉีกคัมภีร์ออกเป็นชิ้นๆ

ฟ่งเหนียงได้แต่มองดูจางอี่ต้าน มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน รองเท้าของจางอี่ต้านเก่ามากแล้ว นางค่อยๆ ยื่นมือไปถอดรองเท้าของเขาออก แล้วบรรจงสวมคู่ใหม่ให้แก่เขา นางคิดไม่ถึง รองเท้าที่นางสานเองกับมือด้วยความรัก จะเป็นรองเท้าที่จางอี่ต้านสวมใส่แล้วเดินจากไป จางอี่ต้านออกเดินทางตามหาเซียนวิเศษ สองเท้าที่สวมใส่รองเท้าคู่ใหม่พาร่างของเขาเคลื่อนไปดุจคนละเมอ

ฟ่งเหนียงยังคงสานรองเท้าให้แก่จางอี่ต้าน แม้มีหนุ่มใหญ่ผู้หนึ่งเฝ้าเพียรสู่ขอนางมาตลอด ๑๘ ปีที่ผ่านพ้น ฟ่งเหนียงกลับปฏิเสธชายผู้นั้นทุกครั้งครา นางยังคงแวะเวียนมาบ้านอาจารย์ของจางอี่ต้านบ่อยครั้ง เพื่อฝากรองเท้าไว้ให้เขา จางอี่ต้านมิได้กลับมาหานาง รองเท้าที่นางสานไว้ก็กองพะเนินสูงขึ้นเรื่อยๆ ฟ่งเหนียงไม่ได้ทดท้ออาลัย นางเพียงบอกกล่าวต่อผู้คน

“หากจางอี่ต้านไม่มีรองเท้าสวมใส่ จะเสาะหาเซียนวิเศษพบได้อย่างไร?”

เจ้าอาวาสวัดเซี่ยวซาน ฮุ่ยทงไต้ซือ เคยกล่าวต่อจางอี่ต้าน
“ตั้งใจปลูกพฤกษา พฤกษาไม่งดงาม ไม่มีเจตนาปักหลิว หลิวกลับบานเป็นพุ่มพวง ท่านวาดหวังอย่างเลื่อนลอย ไม่สนใจความสุขเฉพาะหน้า ไยมิใช่เป็นความโง่เขลาเบาปัญญา?”

ทั้งจางอี่ต้านและฟ่งเหนียงล้วนไม่แตกต่าง พวกเขามีหัวใจที่น่ายกย่องเทิดทูน แต่ปัญหายิ่งใหญ่ข้อหนึ่งที่ทำร้ายจิตใจมนุษยชาติเสมอมาก็คือความรักที่ไม่สอดคล้องต้องกัน ดังนั้นผู้คนจำนวนมากรู้สึกความรักเป็นเรื่องเจ็บปวดเหลือคณา ทว่าเมื่อใจรักมั่นไปแล้ว ยังจะแก้ไขอย่างไรได้อีก?


* โปเยโปโลเย ตอน รักข้ามกาลเวลา
ผู้แต่ง: ผูสงหลิง, ผู้แปล: น. นพรัตน์



Create Date : 02 พฤษภาคม 2558
Last Update : 2 พฤษภาคม 2558 16:25:22 น. 1 comments
Counter : 989 Pageviews.

 
ได้ข้อคิดที่ดีมากเลยค่ะ เรากลับมาอ่านบ่อยๆ ชอบสำนวนการเขียนของคุณมากเลยค่ะ


โดย: ต้นไม้ IP: 223.205.223.211 วันที่: 3 พฤษภาคม 2563 เวลา:23:40:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Varalbastra
Location :
จันทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




My spirit listens and my yearning eyes
Strain to discover things they may not see.

《Chin Hwa》





..................
Friends' blogs
[Add Varalbastra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.