|
Miss Chopsticks: ตะเกียบที่ค้ำจุนหลังคา
Miss Chopsticks แต่งโดย เซฺวซินหราน ฉบับภาษาอังกฤษ พิมพ์ปี 2008
สำหรับครอบครัวชาวชนบทในประเทศจีน สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือการไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชาย พวกเขาเห็นว่าเด็กผู้หญิงก็เหมือนกับตะเกียบ มีไว้ใช้สอยไปวันๆ ซ้ำยังเปราะหักง่าย ต่างจากเด็กผู้ชายที่เป็นเหมือนขื่อคานค้ำยันบ้านทั้งหลัง เพราะเด็กผู้ชายสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เอาการเอางาน เป็นเสาหลักของครอบครัว และยังสามารถสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไป
หลี่จงกั๋ว หัวหน้าครอบครัวในหมู่บ้านเล็กๆ ของมณฑลอันฮุยก็คิดเช่นนี้ ซี่ไม้เล็กๆ อย่างตะเกียบไม่อาจแบกรับน้ำหนักของหลังคา การที่มารดาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชาย ครอบครัวย่อมไม่มั่นคง เปรียบเหมือนรอวันหลังคาล่มสลายลงมา สองสามีภรรยาจึงพยายามอย่างเต็มที่ ทว่าท้ายที่สุดกลับได้เด็กหญิงเป็นสิ่งตอบแทนถึงหกคน ตะเกียบเล็กบางหกอันสามารถรองรับหลังคาได้หรือ? ตัวหลี่จงกั๋วเองเมื่อไม่มีลูกชายสืบทายาทก็ต้องสูญเสียสถานะผู้นำของตระกูลให้แก่น้องชายของเขา
ดังนั้นการเกิดที่สมควรเป็นเรื่องมงคลจึงกลับกลายเป็นเรื่องน่าผิดหวังชวนให้หดหู่ หลี่จงกั๋วไม่แม้แต่จะตั้งชื่อให้แก่ลูกๆ ของตนเอง เพียงเรียกขานเด็กหญิงที่คลานต้วมเตี้ยมตามกันออกมาตามลำดับการเกิดของแต่ละคน
พี่สาวคนโตและคนรองถูกผลักไสให้แต่งงานกับชายที่พวกเธอเองก็ไม่รู้จัก หลี่จงกั๋วมีความคิดว่าลูกสาวล้วนแต่เป็นภาระ ดังนั้นยิ่งแต่งพวกนางออกไปได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเรื่องดี พี่สาวคนโตจึงถูกส่งไปแต่งงานกับพ่อม่ายชราที่แก่กว่าพ่อตาอย่างหลี่จงกั๋วถึง10 ปี ส่วนคนรองถูกจับแต่งงานกับชายพิการท่อนล่าง เธอไม่ได้ปริปากโต้แย้ง ในหมู่บ้านแห่งนี้ผู้หญิงย่อมไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆ รุ่งเช้าผู้คนกลับพบเธอกลายเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่ที่ก้นบ่อน้ำ เรือนกายของเธอสวมใส่ชุดชั้นในแค่ไม่กี่ชิ้น ก่อนฆ่าตัวตายเธอพับเก็บเสื้อผ้าไว้อย่างดีเพื่อส่งต่อให้แก่น้องๆ
อาสามหนีออกจากบ้านตอนอายุ 19 ปี เพราะเธอก็ถูกบังคับเช่นกัน ครั้งนี้ถูกบิดามารดาบังคับให้แต่งงานกับหนุ่มพิการผู้เป็นลูกชายเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แต่อาสามไม่ยินยอม เธอยังโชคดีอยู่บ้างที่อารอง (น้องชายพ่อ) นึกสงสารในชะตากรรมของเธอ จึงช่วยให้เธอหนีรอดมาได้
อารองแม้จะเป็นผู้ชาย แต่ก็ต่างจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เพราะเขาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างอยู่ที่จูไห่ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในกว่างตง เขาไม่มีการศึกษาสูงนักแต่ก็พบเห็นโลกกว้างมามาก จึงมีความคิดอ่านก้าวหน้า ตอนที่เขาหยุดงานกลับมาเยี่ยมบ้านในวันตรุษจีน ก็ได้พบเห็นชะตากรรมที่น่าสงสารของหลานสาว ดังนั้นจึงพาเธอหลบหนีออกมา ระหว่างทางเขาพาอาสามไปหาภรรยาของกั๋วเชิง เพื่อนสนิทที่เขาไว้ใจในหนานจิงเพื่อให้ช่วยหางาน
อาสามนับว่ามาถูกที่จริงๆ ภรรยาของกั๋วเชิงเป็นคนค้าขายเก่งได้ฉายาว่า แม่นางเต้าหู้ เพราะนางเปิดร้านขายเต้าหู้ทอดเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ กับต้นหลิวใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งนัดพบแรงงาน คนที่มาจากชนบทมักมายังที่นี้ เพื่อรอนายจ้างมาเลือกดูตัว
ภรรยาของกั๋วเชิงพาอาสามมาที่ต้นหลิวใหญ่เพื่อหางานทำ หนานจิงต่างจากบ้านนอกอย่างสิ้นเชิง ผู้คนหญิงชายพูดคุยกันเสียงดังจอแจ อาสามยังได้พบกับเรื่องที่เธอเองก็ต้องประหลาดใจจนปากอ้าตาค้าง พวกผู้ชายที่รุมล้อมเล่นหมากรุกอยู่ใกล้ๆ ต้นหลิวเห็นภรรยาของกั๋วเชิงจูงมือเด็กสาวแปลกหน้ามาก็พากันพูดจาแทะโลมหยอกเย้าอาสาม ภรรยาของกั๋วเชิงเข้าอกเข้าใจอาสามดีถึงกับของขึ้นอย่างแรง นางเทศนาใส่คนพวกนั้นเสียยกใหญ่ ฤทธิ์เดชของ แม่นางเต้าหู้ ทำเอาทุกคนเงียบกริบ หันมามองดูอาสามด้วยความสำนึกเสียใจ
อาสามเองก็เงียบกริบ เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นที่บ้านเกิดของเธอแน่นอน ในหมู่บ้านของเธอ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าขึ้นเสียงกับผู้ชายเด็ดขาด และไม่มีผู้ชายคนไหนยินยอมให้ผู้หญิงลุกขึ้นต่อว่าตัวเองฉอดๆ
ที่เมืองใหญ่อย่างหนานจิง อาสามสัมผัสได้ถึงความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิง เธอจึงมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาอาสามได้งานในร้านอาหารจานด่วน เธอตั้งใจทำงาน เก็บเล็กผสมน้อย จนวันตรุษจีนมาถึงอีกครา อาสามหอบเงินเก็บกลับไปเยี่ยมบ้าน เธอพบว่าเพื่อนบ้านที่เคยดูถูกครอบครัวของเธอพลันเปลี่ยนแปรไป
พวกเขาอาจไม่ให้เกียรติผู้หญิง แต่เขาให้เกียรติเงินที่อยู่ในมือของผู้หญิง
หลี่จงกั๋วพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย ทุกผู้คนต่างพากันอิจฉาที่ลูกสาวของเขามีงานและรายได้ดี วันหยุดวันสุดท้ายตอนที่อาสามเก็บกระเป๋าเตรียมกลับหนานจิง พวกเด็กผู้หญิงต่างพากันมารุมล้อม พวกเขาแทบก้มลงวิงวอนให้อาสามพาไปหนานจิงด้วย
วันตรุษจีนปีต่อมา อาสามกลับมาพาน้องๆ ไปอยู่ด้วยกันที่หนานจิง อาสี่เป็นคนหูหนวก อาห้าขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาที่สุดแสนอัปลักษณ์ ส่วนอาหกเป็นลูกสาวคนเดียวที่เรียนจบมัธยมต้น แน่นอนว่าคนหูหนวกยากจะหางานทำ สำหรับผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดย่อมไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ส่วนผู้หญิงที่มีการศึกษาก็หางานทำได้ง่าย ดังนั้นหลี่จงกั๋วตกลงใจให้อาห้าและอาหกมาอยู่กับอาสามที่หนานจิง
ชีวิตของตะเกียบสาวทั้งสามในหนานจิงจึงเริ่มต้นขึ้น พวกเธอต่างล้วนต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองก็มีคุณค่าเพียงพอที่จะถือกำเนิดมา และสามารถเติบใหญ่หยัดยืนบนลำแข้งของตนเองได้ไม่ต่างจากผู้ชาย ทั้งยังสามารถพลิกฟื้นสถานภาพที่แร้นแค้นของครอบครัวได้อีกด้วย
อาสามเองก็ผ่านเรื่องราวมากมาย แม้เธอจะผิดหวังทุกข์ระทมเพราะความรัก เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานในร้านอาหารจานด่วน อาห้าผู้ขี้ริ้วเรียนรู้การทำงานในร้านสปาจีนอย่างตั้งใจ ส่วนอาหกที่มีการศึกษาอยู่บ้างก็มีความสุขกับการทำงานในร้านบุ๊คคาเฟ่ ที่มีหนังสือดีๆ ให้อ่านอย่างเหลือเฟือ
ชีวิตในเมืองของพวกเธอแม้เรียบง่ายธรรมดา แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมและทัศนคติของผู้คน มุมมองของพ่อและคนอื่นในหมู่บ้านชนบทได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง
ในวันหยุดปีใหม่ของปีต่อมา ตะเกียบสาวทั้งสามกลับไปเยี่ยมบ้านที่ชนบทในอันฮุยอีกครา อาห้าอวดรูปถ่ายยิ้มแฉ่งที่เธอถ่ายตรงหน้าที่ทำงานของตนเอง หญิงสาวที่หน้าตาขี้ริ้วบัดนี้ดูมีเลือดฝาดสดใสงดงามขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หลี่จงกั๋วมองดูภาพถ่ายที่ลูกสาวนำมาอวดด้วยความทึ่งระคนภาคภูมิ
พอผ่านพ้นปีใหม่ก็เข้าสู่ฤดูชุนเทียน ตลอดชีวิตของหลี่จงกั๋ว ผ่านพ้นชุนเทียนที่เวียนบรรจบซ้ำซากมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ดีนี่เป็นฤดูชุนเทียนครั้งแรก ที่ครอบครัวแซ่หลี่ของเขาอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เมื่อเหลียวมองดูรอบกาย ใบไม้ดอกไม้ต่างเริ่มผลิบานแล้วจริงๆ
ป.ล. Miss Chopsticks ถูกเขียนขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริง ที่ผู้แต่งได้จากการสัมภาษณ์หญิงสาวชาวชนบทที่อพยพเข้ามาหางานทำในเมือง
Create Date : 19 เมษายน 2558 |
Last Update : 21 เมษายน 2558 18:59:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 742 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|