“A path is made by walking on it.”
Group Blog
 
All blogs
 
Binu and the Great Wall: หยาดน้ำตาที่ไม่อาจซุกซ่อน




Binu and the Great Wall
แต่งโดย ซูถง
ฉบับภาษาอังกฤษ พิมพ์ปี 2008

ซูถง เป็นนักเขียนร่วมสมัยชาวจีน มีผลงานที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ชาวไทยรู้จักกันดีคือ Wives and Concubines เพราะได้รับการแปลเป็นไทย และมีการซื้อลิขสิทธิ์มาทำเป็นละครไทยเรื่อง "มงกุฎดอกส้ม" 

ความรู้สึกส่วนตัว เจ้าของบล็อกชอบอ่านงานประพันธ์ที่มีตัวเอกเป็นสตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยสนใจพฤติการณ์ ความคิด ความอ่านของสตรี ดังนั้นชื่นชอบงานเขียนของซูถงเป็นพิเศษ เพราะเขาชอบเล่าเรื่องของสตรี ทั้งยังเล่าได้ดีและลึกซึ้งยิ่ง

Binu and the Great Wall เป็นการหยิบเอา "ตำนานรักเมิ่งเจียงหนี่ว์" มาเล่าใหม่ได้อย่างมีเสน่ห์ ไม่น่าเบื่อเลย ซูถงใช้การเล่าเรื่องแบบเหนือจริง ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนกับกำลังหลับฝัน แต่แม้จะเป็นแค่ความฝัน ตำนานรักที่ยิ่งใหญ่และน่าสะเทือนใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างปี้นู๋ก็จะติดตรึงในใจผู้อ่านไปอีกนาน

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นสู่โลกแห่งความจริง เราอาจพบว่าปี้นู๋ช่างดื้อรั้นงมงาย ทว่าคนเราก็เป็นอย่างนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดของคนผู้หนึ่ง อาจดูเหลวไหลไร้สาระในสายตาผู้อื่น มีแต่คนที่จิตใจเข้มแข็งจึงกล้าหาญยืนหยัดกระทำตามความเชื่อของตนไปจนสุดทาง

ปี้นู๋ก็เป็นเช่นนี้ นางมีจิตใจที่เข้มแข็ง ดังนั้นสิ่งที่นางกระทำตราตรึงในความทรงจำของผู้คนตลอดกาล...


**********************

ในหมู่บ้านสวนท้อ การร้องไห้เป็นสิ่งต้องห้าม คนผู้เฒ่ามักสั่งสอนลูกหลาน

เด็กเอ๋ย...บรรพชนของผู้อื่นล้วนวางวายเพราะความอดอยากแร้นแค้น บ้างป่วยไข้ บ้างตายด้วยชรา มีบ้างวอดวายในสงคราม ทว่าบรรพชนของพวกเราเล่า... พวกเขาตกตายเพราะความอยุติธรรม ดวงตาของพวกเขาล้นปรี่ด้วยหยาดน้ำตา ชีวิตของพวกเขาล้วนจมหายในก้นทะเลน้ำตาของตนเอง

ดังนั้นผู้คนเมื่อทุกข์ร้อนคิดร่ำไห้ พวกเขาต้องเรียนรู้วิธีซุกซ่อนหยาดน้ำตาให้แนบเนียนที่สุด ทุกผู้คนล้วนมีเคล็ดลับในการซุกซ่อนหยาดน้ำตาของตนเอง ทว่าปี้นู๋กลับผิดแผกจากผู้อื่น มารดาของนางตายเมื่อนางยังเด็ก ตายไปพร้อมกับเคล็ดลับการซ่อนหยาดน้ำตา ดังนั้นปี้นู๋ร้องไห้อย่างเปิดเผยเสมอมา เด็กๆ ในหมู่บ้านต่างก็ไม่อยากเข้าใกล้ปี้นู๋ พวกเขามักถามไถ่กันเองด้วยความสงสัย

“ปี้นู๋ประหลาดนัก ใบหน้าของนางไฉนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา?”

ในหมู่บ้านสวนท้อ สตรีที่ไม่อาจซุกซ่อนหยาดน้ำตาย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนา สตรีที่ชำนาญการซุกซ่อนหยาดน้ำตาล้วนได้ตบแต่งกับบุตรหลานตระกูลคหบดี ขุนนาง หรือแม้แต่ช่างฝีมือ ล้วนมีอนาคตเรืองรองสดใส

ปี้นู๋เล่า... เมื่อนางเติบใหญ่ ตัวเลือกของนางมีจำกัดยิ่ง นอกจากเด็กหนุ่มกำพร้าชื่อ ว่านชี่เหลียงก็ไม่มีใครอีกแล้ว
บุรุษ 1 คน กับต้นหม่อน 9 ต้น นี่คือสิ่งที่นางได้รับจากการแต่งงาน

ชี่เหลียงแท้จริงเป็นคนสัตย์ซื่อ ทั้งยังรูปงาม แต่ด้วยเป็นเด็กกำพร้า ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ใต้ต้นหม่อน หญิงม่ายเจ้าของสวนหม่อนได้เก็บทารกผู้นี้มาเลี้ยง คนอื่นๆ ต่างพากันดูถูกเขา เด็กๆ ในหมู่บ้านเคยถามชี่เหลียง

“ชี่เหลียง แกเป็นตัวอะไร แกหล่นมาจากฟ้าหรือ”

ชี่เหลียงวิ่งไปถามหญิงม่าย หญิงม่ายผู้นั้นตอบว่า “ชี่เหลียง เจ้าหาได้ร่วงหล่นจากฟากฟ้า ข้าพบเจ้าที่ใต้ต้นหม่อน อาจบางทีเจ้าก็คือต้นหม่อน”

เด็กน้อยชี่เหลียงเอาคำตอบนี้ไปบอกกับเพื่อนๆ เด็กพวกนั้นต่างพากันหัวเราะเยาะ หลังจากนั้นผู้คนต่างเรียกเขาว่า “ไอ้ต้นหม่อน”

ในสวนหม่อนมีต้นหม่อน 9 ต้น ชี่เหลียงกลายเป็นต้นหม่อนต้นที่สิบ ต้นหม่อนพูดไม่ได้ ดังนั้นชี่เหลียงก็ไม่ปริปากพูดอีกตลอดมา

ชาวบ้านเมื่อพบเห็นชี่เหลียงก็พากันบอกว่า

“เจ้าเป็นใบ้ ไม่อาจเรียนรู้การค้า เจ้ารู้แค่การการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จะเลี้ยงตัวรอดได้อย่างไร วันหนึ่งเจ้าก็ต้องโค่นต้นหม่อนลงเพื่อใช้เป็นสินสอดแต่งงาน คิดดูสิใครจะมาแต่งงานกับเจ้า หญิงทั้งหมู่บ้านก็มีแต่ปี้นู๋เท่านั้นแหละ เพราะนางเป็นน้ำเต้า”

มีแต่น้ำเต้าเท่านั้นที่ยินยอมพาดแขวนอยู่บนต้นหม่อน !

ด้วยเหตุนี้ชี่เหลียงกับปี้นู๋แต่งงานกันจริงๆ

นี่คือโชคชะตา ต่อมาทุกผู้คนล้วนรับรู้ นี่มิใช่โชคชะตาที่น่าเย้ยหยัน

ในบรรดาบุรุษผู้วายชนม์นอกหมู่บ้านสวนท้อ มีเพียงชี่เหลียงเท่านั้นที่ได้ฝังร่างในถิ่นสถานซึ่งเรืองนามในทั่วทั้ง 7 เมือง 18 แคว้น
ในบรรดาสตรีที่ได้รับอนุญาตให้ร้องไห้ มีเพียงหยาดน้ำตาของปี้นู๋เท่านั้นที่รินไหลไปไกลถึงภูเขาทางทิศเหนือ

นี่กลับเป็นตำนานการร่ำไห้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหมู่บ้านสวนท้อ


ไม่นานหลังจากแต่งงาน ชี่เหลียงพลันหายตัวไป ปี้นู๋ร่ำไห้น้ำตานองอีกครา
นางเที่ยวตามหาข่าวคราว จนพบว่าสามีของตนถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานเพื่อสร้างกำแพงใหญ่ทางทิศเหนือ
ฤดูหนาวใกล้มาแล้ว ปี้นู๋จำได้ วันที่ชี่เหลียงหายตัวไปเขาไม่ได้นำเสื้อคลุมติดตัวไปด้วย ด้วยความรักที่ปี้นู๋มีต่อชี่เหลียง นางกลัวว่าสามีจะไม่มีเสื้อใส่บรรเทาความหนาวเย็นที่กล้ำกรายมา นางตัดสินใจขายทรัพย์สินที่มีทั้งหมดเพื่อซื้อเสื้อคลุมตัวหนา เงินที่เหลือเพียงเล็กน้อยถูกใช้เป็นทุนในการออกเดินทางเพื่อนำเสื้อคลุมไปมอบให้แก่สามี

เพื่อนบ้านต่างมองว่าปี้นู๋เป็นบ้าไปแล้ว นางคิดเดินทางไกลพันลี้เพียงเพื่อนำเสื้อคลุมตัวหนึ่งไปมอบให้แก่สามี ปี้นู๋คล้ายไม่ใส่ใจ นางบอกกับทุกคน

“ถ้าข้ามีม้าข้าก็ควบม้าไป ถ้ามีลาข้าก็จะขี่ลา ถ้าข้าไม่มีอะไรเลยข้าก็ยังจะใช้สองเท้าก้าวไป สัตว์เดินทางไกลได้ไฉนข้าทำไม่ได้ ใครบอกว่าข้าไม่สามารถเดินทางไกลพันลี้”

ทุกผู้คนในหมู่บ้านสวนท้อล้วนชำนาญในการซุกซ่อนหยาดน้ำตา แต่เมื่อฟังปี้นู๋พูดถึงตอนนี้ ดูเหมือนพวกเขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความเศร้า ความเห็นใจไว้ได้อีก

ก่อนออกเดินทาง ปี้นู๋ไปขอคำทำนายจากเหล่าหมอผีในหมู่บ้าน หมอผีพินิจกระดองเต่า พลันกล่าวต่อนาง

"อย่าไป หากเจ้าดื้อรั้นไปจะไม่ได้กลับมา เจ้าจะทอดร่างวางวายที่กลางทาง"

แต่ปี้นู๋ยังคงยืนกรานที่จะเดินทางนำเสื้อคลุมไปมอบให้แก่สามี พวกหมอผีต่างครุ่นคิดสงสัย

"เสื้อคลุมใดกัน ที่ควรค่าให้เจ้าไปตาย?"

"เสื้อคลุมสำหรับชี่เหลียง สามีข้าเอง ที่มีค่าควรกับชีวิตของข้า"

บรรดาหมอผีต่างทอดถอนใจ เมื่อปี้นู๋คิดใคร่ไป ผู้ใดก็ไม่อาจทัดทาน ดังนั้นได้แต่ย้ำเตือน

"...อย่าลืม เจ้าต้องหาม้าจากหมู่บ้านเมฆครามเป็นเพื่อนร่วมทาง มีเพียงม้าจากหมู่บ้านเมฆครามเท่านั้นที่จะนำชีวิตเจ้ารอดกลับมา!"

ปี้นู๋หาทางซื้อม้าเพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง ทว่าการค้าสัตว์พาหนะล้วนถูกควบคุมโดยกองทัพหมดสิ้น เพื่อนร่วมทางหนึ่งเดียวที่นางพานพบกลับเป็นกบตัวหนึ่ง กบซึ่งเกิดจากดวงวิญญาณของหญิงตาบอดที่จมน้ำตายเพราะตามหาบุตรชาย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก การถูกขโมย ถูกขาย ถูกจับกุม ล้วนเป็นประสบการณ์ที่แสนเข็ญสำหรับสตรีผู้หนึ่ง บางครั้งปี้นู๋ก็คิดใคร่ตาย แต่นางไม่อาจยินยอมตายอย่างสูญเปล่าที่กลางทาง ยิ่งไม่อาจยินยอมตายเพียงลำพัง ดังนั้นนางก้าวเดินต่อไป

ในที่สุดวันหนึ่งปี้นู๋มาถึงกำแพงใหญ่ กำแพงที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้านาง เป็นกำแพงซึ่งถูกสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อแรงงานของผู้คนมากหลาย รวมทั้งเลือดเนื้อของชี่เหลียงสามีนางเอง

ปี้นู๋ทราบข่าวการตายของสามีแล้ว นางสมควรทำประการใด?

ผู้เฒ่าผู้แก่แห่งหมู่บ้านสวนท้อต่างเคยพร่ำสอน

“เด็กเอ๋ย... บรรพชนของพวกเราตกตายเพราะความอยุติธรรม ดวงตาของพวกเขาล้นปรี่ด้วยหยาดน้ำตา ชีวิตของพวกเขาล้วนจมหายในก้นทะเลน้ำตาของตนเอง”

ที่ริมกำแพงใหญ่ ปี้นู๋เริ่มร่ำไห้ออกมา นางพอร่ำไห้ หยาดน้ำตาก็รินไหลอย่างไม่หยุดยั้ง...







Create Date : 11 เมษายน 2558
Last Update : 18 เมษายน 2558 7:26:21 น. 0 comments
Counter : 1060 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Varalbastra
Location :
จันทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




My spirit listens and my yearning eyes
Strain to discover things they may not see.

《Chin Hwa》





..................
Friends' blogs
[Add Varalbastra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.