Group Blog
 
All blogs
 
วางกลยุทธ์ จากการรู้จัก(วิเคราะห์)ตนเอง




การวางกลยุทธ์ หรือการแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ทุกชนิดต้องมีหลักคิด และเมื่อมีหลักคิดแล้ว มันก็จะมีกระบวนการให้เราวิเคราะห์ไปหาไปทีละข้อๆ เมื่อทำข้อแรกถูกแล้ว ดีแล้ว จึงข้ามไปข้อถัดไป และหากข้อแรกผิด แล้วไม่ได้รับการแก้ไข ข้ามไปทำข้อถัดไปเลย ปัญหาก็จะยังคงดำรงอยู่อย่างนั้น และจะเป็นปัญหาใหญ่ด้วย เพราะข้อแรกๆ ของกระบวนการทุกชนิด เปรียบเหมือนรากของต้นไม้ หากรากแก้วมีปัญหาแล้ว การแก้ไขปัญหาอื่นๆ ในระดับรองลงมาจะมีขีดจำกัดมาก เหมือนองค์กรที่ CEO ไร้ความสามารถหรือมีปัญหา แม้ผู้จัดการระดับรองๆ ลงมาจะเก่งสักปานใด การเติบโต หรือการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ย่อมจะยากขึ้น และมักเป็นปัญหาถาวรที่นำปัญหาอื่นเข้ามาไม่รู้จบ

เช่น ตามหลักการแก้ปัญหาในองค์กรที่มีปัญหาสะสม วิธีแก้ด้วยการเปลี่ยนผู้นำสูงสุด จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด(ถ้าทำได้) เพราะจะง่ายต่อการแก้ปัญหา(ถ้าเปลี่ยนได้คนที่เหมาะสมหรือดีกว่า) นี่คือวิธีการแก้ปัญหาจากราก หรืออาจเรียกว่า เรียงลำดับจากความสำคัญ

กลับมาที่กลยุทธ์การไปสู่ความสำเร็จของคนเรา หากเราประเมินตัวเองผิดไปจากความเป็นจริง การพยายามบรรลุเป้าหมายที่ไม่เหมาะสม ก็จะนำมาซึ่งอุปสรรคอย่างมากในระยะยาว แม้ในบางครั้ง คนเหล่านี้บางคนอาจประสบความสำเร็จในระยะแรกที่มีปัจจัยภายนอกเอื้อหนุน แต่เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคอื่นในเวลาที่ไม่มีปัจจัยเอื้อหนุน ต้องอาศัยความสามารถของตนเองล้วนๆ คนเหล่านี้ก็จะประสบความล้มเหลวอย่างง่ายดายในเวลาต่อมา สิ่งเหล่านี้มีให้พบเห็นตัวอย่างได้มากมาย

การรู้จักตัวเองจึงมีความสำคัญ “อันดับ 1“ ต่อการตั้งเป้าหมาย เพราะจากประสบการณ์ชีวิตของตัวผมเอง รวมกับการสังเกตจากคนรอบข้าง การไม่รู้จักประเมินตัวเองนี้ นำไปสู่การตั้งเป้าหมายผิด ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากการถูกล่อลวงด้วยภาพภายนอก เช่น รายได้ ความหรูหรา หรือภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูดีบางอย่าง จนทำให้เกิดการเลือกเป้าหมายที่ผิดไปจากความต้องการส่วนลึก ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่ขัดแย้ง หรือขาดการสนับสนุนซึ่งความต้องการในส่วนลึกนี้แล้ว แรงผลักดันในที่จะเอาชนะอุปสรรคที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องจะมีน้อย ทำให้ทั้งมีความทุกข์และไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานด้วย การเลือกทำงานโดยเลือกจากสิ่งที่รัก จึงเป็นแนวทางที่ดีต่อการไปสู่ความสำเร็จประการหนึ่ง

แต่ความเข้าใจต่อ”งานที่รัก”ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจ บางคนขี้เบื่อและ “งานที่รัก”นี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขาดการอดทนทำและพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้จึงไม่อาจเรียกว่างานที่รักได้ ฉะนั้นงานที่รัก ก็คืองานที่ทำโดยธรรมชาติ เหมือนไม่ต้องถูกใครหรืออะไรบังคับให้ต้องทำ เป็นความอยากทำด้วยตัวของเราเอง

มีข้อคิดอันหนึ่งในการค้นหาตัวตนของตัวเอง ซึ่งผมได้มาจากบทความหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าเป็นคำถามที่ช่วยให้เราเห็นตัวเองชัดเจนขึ้นกว่าการมองตามปกติ คือ “หากเราโชคดีได้รับเงินจากการถูกล๊อตเตอรี่เป็นจำนวนเงินหนึ่ง (ผมสมมุติให้เป็นสัก 50 ล้านบาท) คุณจะทำอย่างไรต่อไป” ให้พยายามตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง รวมทั้งให้ใช้คำตอบแรกๆ ที่ออกมาโดยสัญชาติญาณเป็นหลัก

หากคุณเริ่มคิดถึงการมีบ้านหรูๆ หรือความสบายที่คุณอยากได้ นั่นแสดงว่าคุณเพียงทำงานเพื่อต้องการความสบายในชีวิตเป็นหลัก แต่หากคุณคิดจะนำเงินนั้นไปทำงานที่คุณต้องการต่อเป็นอันดับแรกๆ โดยยังไม่ให้ความสำคัญกับความสบายของชีวิตภายนอกมากนัก เช่น บ้านหรือรถยนต์ แสดงว่าคุณน่าจะค่อนข้างให้ความสำคัญกับงานหรือความมั่นคงในระดับที่สูงกว่านี้เป็นอันดับแรกๆ เพราะสิ่งที่คุณเลือกจะนำเงินไปใช้ จะบ่งบอกถึงสิ่งที่คุณให้ความสำคัญเรียงตามลำดับ บางครั้งมันอาจเป็นคำตอบที่บ่งบอกถึงอาชีพในฝันที่เป็นความต้องการลึกๆ แต่ยังไม่มีความมั่นใจ หรือความมั่นคงพอที่จะลงมือทำในตอนนี้

การวิเคราะห์และอ่านตัวตนของคน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านตนเอง หรือการอ่านคนอื่น มักจะมีความแม่นยำกว่า เมื่อดูจากความคิดหรือการกระทำในสถานการณ์พิเศษๆ เช่น เมื่อเผชิญกับอุปสรรค, เมื่อได้รับความสำเร็จอย่างสูง, เมื่อเผชิญกับทางเลือก, เมื่อปราศจากแรงกดดันหรือความจำเป็น ฯลฯ ดังคำถามข้างต้นก็เพื่อให้เราหลุดจากภาพของความต้องการหรือความมั่นคงเบื้องต้น อันเป็นสิ่งที่ทำให้เราไขว้เขวว่ามันคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง

และจากการวิเคราะห์ด้วยหลักอันนี้ทำให้พบว่า การที่บางคนมีเป้าหมายของการทำงาน หรือการประสบความสำเร็จทางการเงินไว้ที่การได้ “เกษียณเร็ว” ซึ่งแสดงถึงนัยยะ “ทำงานเพื่อจะได้ไม่ต้องทำงาน” นั้น มีโอกาสที่จะสื่อถึงความไม่อยากทำงาน ไม่ชอบทำงาน ซึ่งก็จะมีผลไปถึงการทำให้คนๆ นั้น มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยาก(แต่ก็ยังมีโอกาสในบางเหตุผล) เพราะเป็นความขัดแย้งในตัวเอง ด้วยเหตุที่คนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องพบกับอุปสรรคนานัปการ และต้องทำงานหนักเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งคนที่ไม่อดทนต่อการทำงานหนัก ก็มักจะไปไม่ถึงจุดแห่งความสำเร็จได้ ความต้องการสบายกับการบรรลุความสำเร็จจึงเป็นความขัดแย้งในตัวเอง ยกเว้นแต่ว่า คนๆ นั้นจะมีปัจจัยภายนอกสนับสนุนอื่น เช่น จากฐานะของครอบครัว หรือจากการสนับสนุนโดยคนรอบข้าง จึงจะประสบความสำเร็จได้

นี่จึงเป็นปัจจัยเบื้องต้นที่เราจะต้องรู้จักตัวเองเสียก่อนที่จะเริ่มกำหนดเป้าหมาย และกำหนดกลยุทธ์ตามมา คนเราไม่ใช่ทุกคนจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจ แต่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในบางอย่างที่เขาถูกสร้างมาให้เหมาะสมกับงานนั้น ขอเพียงคุณ …
1.ตั้งเป้าหมายให้เหมาะสม
2. มีกลยุทธ์ที่ดีและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
3. ปฏิบัติตามกลยุทธ์ได้ดีตามแผน


เพียงเท่านี้ ทุกคนก็น่าจะสร้างความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของตนได้ ก่อนจะเริ่มวางกลยุทธ์ จึงควรรู้จักตัวเอง และรู้จักเป้าหมายที่จะเดินทางไปเป็นอย่างดีเสียก่อน เราจึงจะนำข้อมูลมาวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมครับ

วันนี้ คุณรู้จักตัวเองดีแล้วหรือยัง ???? (อย่าเพิ่งรีบตอบว่ารู้จักดีแล้ว หลายครั้งคนเรารู้จักตัวเราเพียงบางมุม บางอย่าง และจะรู้จักดีขึ้นเมื่อมีสถานการณ์ต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมทั้งการต้องรู้จักวิเคราะห์การกระทำของตนเองด้วย)

ขอให้ทุกคนเริ่มรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี ก่อนที่เราจะเริ่มก้าวต่อไปครับ



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2551 15:27:34 น. 4 comments
Counter : 3266 Pageviews.

 
อ่านแล้วได้หลักการค่ะ
ที่ผ่านมา นอกจากเดหลียังไม่รู้จักตัวเองดีแล้ว
ยังเอาความรู้สึกความคิดไปผูกติดกับคนอื่นอีกด้วย
ไม่ดีเลยนะคะ

ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ


โดย: เดหลี (เดหลีสีแดง ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:20:40 น.  

 
สรุปคือ ... ต้องรู้จักตัวเอง รู้จักคิด และไม่กลัวลำบาก ใช่ไหมคะ ^^


โดย: forgotten IP: 125.24.201.192 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:50:15 น.  

 
สวัสดีทั้งคุณเดหลี และคุณ forgotten ครับ

ตามที่คุณ forgotten กล่าวมาถูกต้องแล้วครับ แต่ขอเสริมคำว่าไม่กลัวลำบาก หรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แรงผลักดันก็ได้ครับ คนที่มีแรงผลักดันมากๆ ก็อาจเรียกได้ว่าคนที่ทำงานหนัก เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการนั่นเองครับ


โดย: Jimmy Walker วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:03:00 น.  

 
ขอบคุณมาก ที่หาอารายดีๆ มาลงให้ได้อ่านกัน อ่านมากๆ ปัญญาก็จาเกิด เกิดมากเกิดน้อยก็อยู่ที่เรามีกระบวนการคิดพิเคราะห์ ของเรานั่นแหละ
นตถิ ปัญญา สมา อาภา
" แสงสว่างเสมอ แม้ปัญญาไม่มี "


โดย: sutao64 IP: 202.44.8.100 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:19:18:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jimmy Walker
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




จากทักษะของการเป็นนักคิด นักวิเคราะห์ บวกกับความสนใจใน"กระบวนการ"และ"ปัจจัย"ที่ก่อให้เกิดเป็นความสำเร็จ ที่ทำให้ผมศึกษาและวิเคราะห์กรณีศึกษาเกี่ยวกับความสำเร็จและความล้มเหลวจำนวนมาก จนเชี่ยวชาญในองค์ความรู้พอที่จะขอเรียกตัวเองว่า "ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งความสำเร็จ"
Friends' blogs
[Add Jimmy Walker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.