|
fwd mail 14 สิงหาคม 2669 โลกแตก
ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ //www.ipst.ac.th/ThaiVersion/pu..._sci/14aug.pdf
-1- 14 สิงหาคม 2669 : วันโลกาวินาศ ? คนโบราณเชื่อว่าทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ สงครามจะเกิด ภูเขาไฟจะระเบิด และโรคร้ายจะระบาด ฯลฯ ปราชญ์ Aristotle ได้เคยกล่าวไว้ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ที่ได้ท่วมทํ าลายมหานคร Helice และ Bura ของกรีกโบราณนั้นเกิดขึ้นเมื่อดาวหางปรากฏ คัมภีร์ไบเบิลก็ได้บันทึกว่า ก่อนที่นคร Sodom และ Gomorah จะถูกพระเจ้าทํ าลาย ผู้คนในเมืองได้เห็นดาวหางปรากฏบนฟ้าเช่นกัน และเมื่อดาว หางโผล่ในปีที่จักรพรรดิ Attila Valerian และ Caesar เสด็จสวรรคต ชาวบ้านก็ยิ่งปักใจเชื่อว่า ดาวหางกับ การสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์เป็นของคู่กัน ส่วนในประเทศญี่ปุ่น องค์จักรพรรดิ์จะทรงมีพระราชบัญชาให้นักบวชประจํ าราชสํ านักทํ าพิธีบวง สรวงขอความปรานจี ากพระผเู้ ปน็ เจา้ เวลาดาวหางโผล และทรงหา้ มประชาชนมใิ หฆ้ า่ สตั วต์ ดั ชวี ติ จนกวา่ ดาว หางจะลบั หายไป จกั รพรรดญ์ิ ปี่ ่นุ พระองคห์ นงึ่ ไดท้ รงหวาดกลวั ดาวหางมาก ถึงกับทรงสละราชบัลลังก์ เมื่อ มีดาวหางปรากฏในรัชสมัยของพระองค์ เมอื่ วทิ ยาศาสตรเ์ จรญิ กา้ วหนา้ ขนึ้ ผคู้ นกช็ กั จะเรมิ่ สงสยั ในความเชอื่ ทวี่ า่ ดาวหางเปน็ ดาวอปั มงคล จักรพรรดิ์ Napoleon ผู้ทรงประสูติในปีที่ดาวหางปรากฏ ได้ทรงประกาศว่า ดาวหางคือสัญญาณจากพระ เจ้าที่ทรงกํ าหนดมาให้พระองค์ได้เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศรัสเซีย (พระองค์ไม่ได้เป็น) ถงึ แมว้ า่ คนสว่ นมากจะรสู้ กึ ผวากลัวเมอื่ เหน็ ดาวหาง แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกยินดีเป็นที่ยิ่งเมื่อ เห็นดาวหาง เขาเหล่านั้นคือบุคคลที่เห็นดาวหางเป็นคนแรก ประเพณีกํ าหนดไว้ว่า ใครที่เห็นดาวหางดวงที่ ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ชื่อของเขาจะเป็นชื่อของดาวหางดวงนั้นทันที ดาวหางจึงมีชื่อต่างๆ นานา เช่น Alcock , Asaki, Kohoutek และ Austin เป็นต้น ในปี พ.ศ. 2371 นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ W. Olbers ได้คํ านวณว่าดาวหาง Biela จะ โคจรผ่านโลกในระยะใกล้มาก ฝุ่นละอองจากดาวจะทํ าให้อากาศบนโลกเป็นพิษ คนทั่วไปเมื่อได้ยิน ได้ฟัง คํ าพยากรณ์นี้ได้รู้สึกตื่นกลัวว่า ดาวหาง Biela จะชนโลก แต่เมื่อ D. Arago นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ คํ านวณทางโคจรของ Biela ใหม่ และพบว่าระยะใกล้ที่ว่านั้นคือ 80 ล้านกิโลเมตร ผู้คนที่เคยใจหายก็เริ่ม หายใจเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง -2- เมอื่ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 นกั ดาราศาสตรช์ าวอเมรกิ นั สองทา่ นคอื L. Swift และ H. Tuttle ได้เห็นดาวหางดวงใหม่ และขณะนี้ดาวหาง Swift-Tuttle กํ าลังจะผ่านใกล้โลกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2541 B. Marsden แห่ง Haward-Smithsonian Center for Astrophysics ได้พยากรณ์ ว่า Swift-Tuttle ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 กิโลเมตร อาจจะชนโลก ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2669 ซึ่ง เป็นเวลาที่ Swift-Tuttle จะโคจรกลับมาใกล้โลกอีกครั้ง และโอกาสการตูมกันกลางอวกาศเท่ากับ 0.01% หาก Swift-Tuttle ชนโลกจริงๆ แรงปะทะ จะทํ าให้เกิดการระเบิดที่รุนแรงเท่ากับการระเบิด พร้อมๆ กันของการระเบิดปรมาณู 1 ล้านลูก ฝุ่น ละออง และควันจะฟุ้งกระจายบดบังแสงอาทิตย์ จากเบื้องบนนานเป็นปี พืชและสัตว์จะพากันล้ม ตาย และสูญพันธุ์ไปถึงไม่หมดก็เกือบหมด Marsden ไดเ้ รยี กรอ้ งใหน้ กั ดาราศาสตร์ ทั่วโลก จับตาดูดาวหางดวงนี้แบบตาอย่ากระพริบ เพื่อตรวจดูตํ าแหน่งและทิศทางการโคจรของมัน หากคํ า พยากรณ์ของเขาถูก เราก็จะต้องยิงจรวดนํ าปรมาณูไปถล่มทลายดาวหางดวงนี้ ก่อนที่มันจะถล่มเรา แตผ่ มวา่ เขาจะคํ านวณผิดเสียมากกวา่ เพราะการท าํ นายเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ล่วงหนา้ ตงั้ 134 ปี ให้ ถูก โดยที่ข้อมูล และรายละเอียดต่างๆ ของปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไว้วางใจไม่ได้นั้น เป็นเรื่องที่ทํ าได้ถูก ต้องยาก ไม่เชื่อ คุณก็คอยดู
Create Date : 06 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 19:13:54 น. |
|
2 comments
|
Counter : 759 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: drunkcat วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:19:19:23 น. |
|
|
|
โดย: drunkcat วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:19:35:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

|
กตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ในที่สุดองค์สมเด็จพระประทีปแก้วใกล้จะถึงวาระที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะองค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ควรจะได้เป็นพระพุทธเจ้า
ในวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ก็ทรงพบเด็กเกิดใหม่ วันต่อมาทรงพบคนแก่ คนป่วย แล้วก็คนตาย วันสุดท้ายทรงพบสมณะ
ความจริงเวลานั้นพระที่แต่งตัวแบบนี้ ไม่มีในโลก แต่ว่าเทวทูตทั้ง ๕ ที่เรียกกว่า เทวทูต คือ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนป่วยก็ดี คนตายก็ดี พระก็ดี ที่ปรากฏกับสายพระเนตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ท่านบอกว่า เวลานั้นเทวดาแสดงขึ้นให้ปรากฏ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตเห็นคนเกิดยังเด็กเล็ก แล้วต่อมาพบคนแก่ แล้วก็พบคนป่วย แล้วก็พบคนตาย น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า
"โลกนี้ทุกข์หนอ ไม่มีอะไรเป็นสุข หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้"
ต่อมาวันสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเห็นสมณะวิสัยก็เข้าใจว่าทางนิพพานมีอยู่ ทางนี้เป็นทางสิ้นทุกข์ เหตุฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตัดสินพระทัยออกบวช นี่ขอเล่าลัดๆ นะ แต่ความจริงเรื่องนี้ยาวมาก
|
|
|
|
|
|
|
//www.kapook.com/news/07/120093.html
อีก 57 ปีโลกแตก พบลายมือ 'นิวตัน' ทำนาย ปี 2060 โลกถึงกาลอวสาน
เซอร์ไอแซค นิวตัน ถอดรหัสไบเบิล ชี้โลกจะถึงกาลอวสานใน 57 ปีข้างหน้า เผยบิดาแห่งฟิสิกส์สมัยใหม่ทุ่มเวลาค้นคว้าพระคัมภีร์ถึงกว่า 50 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รายละเอียดของการทำนายกาลสิ้นยุคของโลกนี้ จะออกอากาศทางโทรทัศน์บีบีซีในวันที่ 1 มีนาคม ในชื่อรายการว่า "นิวตัน : คนนอกรีต"
สตีเฟน สโนเบเลน แห่งมหาวิทยาลัยคิง'ส์ คอลเลจ ในเมืองฮาลิแฟกซ์ ประเทศแคนาดา ได้ค้นพบต้นฉบับลายมือเขียนของนิวตัน ซึ่งทำนายว่าโลกจะถึงกาลอวสานในปี ค.ศ.2060 โดยเอกสารนี้ได้ถูกเก็บรักษาอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติยิวในนครเยรูซาเลม
ราฟาเอล ไวส์เซอร์ ผอ.แผนกต้นฉบับลายมือและจดหมายเหตุ เผยว่า สโนเบเลนได้ไปค้นคว้าต้นฉบับลายมือของนิวตันอย่างมุมานะ และได้พาช่างภาพของบีบีซีไปด้วย แต่ไวส์เซอร์บอกว่าตัวเขาเองไม่ได้เห็นว่ารายการดังกล่าวจะนำเสนอเอกสารชิ้นไหน เขาจึงยังบอกไม่ได้ว่าเนื้อหาในต้นฉบับนั้นมีว่าอย่างไร และเป็นของจริงหรือไม่ จนกว่าจะได้เห็นทางโทรทัศน์เสียก่อน
นิวตันซึ่งสิ้นชีพในปี ค.ศ.1727 เป็นผู้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง ซึ่งว่ากันว่าเขาคิดเรื่องนี้ได้เพราะลูกแอปเปิลตกใส่หัว ทั้งยังเป็นนักเทววิทยาด้วย เขาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้มากมาย และยังได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์ภาษาฮีบรูด้วย
บีบีซีบอกว่าเขาใช้เวลาศึกษาไบเบิลนานกว่า 50 ปี ด้วยความพยายามที่จะไขปริศนาสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นกฎลับแห่งจักรวาลที่พระเจ้าประทานให้
หนังสือพิมพ์มาอารีฟของอิสราเอล รายงานว่า เอกสารดังกล่าวได้ถูกค้นพบที่คฤหาสน์ของท่านดุคแห่งพอร์ตสมัธ และได้ถูกนำออกขายที่สถานประมูลโซธบีเมื่อปี 1930 ต่อมาผู้ซื้อ คือ อับราฮัม เยฮูดา ได้บริจาคเอกสารชุดนี้ให้แก่หอสมุดแห่งชาติยิว.