www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws

Group Blog
 
All blogs
 

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๘

กลับมาโป้งๆ ชิ่งที่บาร์รำวงอีกครั้งกันดีกว่า...

ชิ่งๆโป้งๆชิ่ง...ชิ่งๆโป้งๆชิ่ง...

ประพาสกับพยาบาลพัดชาพากันเดินมาที่บาร์รำวงอีกครั้ง...นั่นๆ...

พี่ผู้ใหญ่รูปหล่อ กำลังเต้นอยู่กับหมวยนก....

ดูดู๋ สำเริงสำราญดีแท้ นะพี่ผู้ใหญ่....

ประพาสพยักหน้ากับพัดชา

"ดูๆ สิพัด พี่ผู้ใหญ่ก็เป็นเสียอย่างเนี้ยแหละ อย่างเนี้ย สาวๆจะไม่ติดได้ไง"

พยาบาลพัดชาหัวเราะ มองไปที่ผู้ใหญ่แล้วยิ้ม

"ก็แบ่งๆกันไปไงพี่พาส"

ประพาสหันมามองหน้า

"แบ่งอะไร"

"ไม่รู้" พัดชาอมยิ้มมองไปที่เวที ประพาสมองตาม ผู้ใหญ่พิษณุหันมาเห็นเข้าก็ยักคิ้วให้ ประพาศแยกเขี้ยวตอบ

ผู้ใหญ่หัวเราะ พอดีเพลงหยุดพอดี ผู้ใหญ่ก็เลยเดินมาหาทั้งสอง

"ไปไหนกันมาทั้งสองคน พี่ไปเต้นแค่เพียงสองเพลง หันมาอีกที หายไปแล้ว"

ประพาสหน้าบูด

"พี่ผู้ใหญ่ เราน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ทำอะไรให้มันสมเป็นผู้ใหญ่หน่อย นี่อะไร ไปเต้นกับเขาไปทั่ว"

"อ้าว เขามาขอพี่เต้น จะให้ทำไงล่ะ"ผู้ใหญ่ยักคิ้วให้

"ปฏิเสธไม่เป็นหรือไง ในชีวิตนี้นี่ เคยปฏิเสธอะไรใครมั่งไหม"

"ฮ่าๆ สงสัยจะไม่ ก็เป็นความผิดพาสแหละ"

"อ้าว ความผิดพาสได้ไง"

"ก็พาสไม่เต้นกับพี่นี่ พี่ก็ต้องไปเต้นกับคนอื่นสิ" ฮิ้ววววว

ประพาสทำหน้าปั้นยาก

"เหอะ ใครเขาจะขึ้นไปเต้นบนเวทีอย่างงั้น อายเขาตาย"

"ก็เป็นซะอย่างนี้แหละเราน่ะ แล้วนี่ไปไหนมา มีโดเรมอนด้วย"

ผู้ใหญ่มองไปที่โดเรมอนตัวใหญ่ในมือพาส

"อ๋อ คุณเวศเขายิงปืนมาให้ เป็นไง เก่งใช่ไหมคุณเวศเนี่ย"

ผู้ใหญ่มองแล้วยิ้ม หึ หึ...

"อือ ก็คงเก่งมั้ง" แล้วผู้ใหญ่ก็เงียบไป

พัดชาหันมาหาผู้ใหญ่

"พี่ผู้ใหญ่ นี่มีคิวเต้นอีกหรือเปล่าคะ"

ผู้ใหญ่ส่ายหน้า

"ก็ไม่มีแล้วครับ ความจริงมีอีกครึ่งโหล แต่ว่าพี่เหนื่อยแล้วตอนนี้ ก็เลยขอตัวเขาออกมาก่อน"

เสียงประพาสลอยมาอีก

"นี่ถ้าไม่เหนื่อยคงเต้นทั้งคืนแหละมั้ง"

ผู้ใหญ่หันไปมองแล้วยิ้มๆ

"พัดเต้นไหมจ๊ะ มาเต้นกับพี่ไหม" อ้าว ชวนพัดชาซะงั้น

"คงไม่ดีกว่าค่ะ พัดได้ร้องเพลงก็พอแล้ว เรื่องเต้นพัดไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่"

"งั้นเดี๋ยวเราไปรดน้ำมนต์ที่ศาลาวัดกันไหม พี่ได้ยินโฆษกดุ๊กเขาประกาศเมื่อกี้"

"ยังอุตส่าห์ได้ยินอีกนะ" เสียงประพาสลอยลมมาอีก

แต่ผู้ใหญ่ไม่สนใจหันมาชวนพัดชาออกเดิน

พัดรั้งไว้ "พี่พาสไปด้วยกันสิคะ"

ประพาสทำหน้าบูด

"เอ้า จะไปหรือไม่ไป หรือโดนน้ำมนต์ไม่ได้" ผู้ใหญ่ยิ้มกวน

ไอ้พี่ผู้ใหญ่บ้า ประพาสคิดในใจ แต่ยังไม่ขยับเขยื้อน

ผู้ใหญ่หัวเราะแล้วเข้าไปจับมือประพาสมาจูงไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจูงมือพัดชา แล้วพากันเดินออกไป....


สวัสดีคร้าบ...ท่านผู้ชมทั้งหลาย ชาววัดโคกสาริน...

วันนี้...เห็บทิพย์ภาพยนตร์ นำภาพยนตร์นำสมัยเรื่องใหม่เอี่ยมมาฉายให้ท่านชมอีกแล้วคร้าบบบบ

วันนี้ขอเสนอเรื่องราวรักสุดรันทดใจ ท่านใดได้รับชมก็อดจะหลั่งน้ำตาด้วยความสงสารไม่ได้....

เรื่องราวความรักของหญิงสูงศักดิ์ กับชายต่างชั้นวรรณะ..

โรส และ แจ็ค ดอร์สัน...แห่ง...

....ไททานิคคคคคคคคคค.....

เสียงหนังกลางแปลงดังกระหึ่ม เรียกร้องผู้ชมให้เข้าไปดูกันแน่นขนัด....

เจ้ากุ๊กตื่นเต้น จะไปดูหนังปลางแปลง หนังแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีให้ดูได้บ่อยๆ นะ

กำลังจะวิ่งไปดู แต่ปลัดคว้าแขนไว้

"เดี๋ยว เอ็งจะไปไหน"

เจ้ากุ๊กเด้งกลับ หันมามองทำหน้ากวน

"อ้าว ก็ผมจะไปดูหนังกลางแปลงดิครับ เห็นไหม เขาประกาศออกน่าสนุกจะตาย"

"แล้วเมื่อกี้ ไหนเอ็งว่าไปดูมาแล้วไง"

"ก็ เรื่องนั้นมันแซมเปิ้ลนี่ครับโฮ่ๆๆ ไม่สนุกเท่าเรื่องนี้ เนี่ยน่ะ ไททานิค เชียวนะครับ คุณปลัด หน้าอย่างเนี้ยเนี่ย เคยดูเปล่า"

"ทำไม หน้าชั้นมันเป็นไง ถึงจะดูไททานิคไม่ได้"

เจ้ากุ๊กหัวเราะเยาะ "โฮ่ๆๆ ไม่รู้ดิครับ"

"เหอะ ไม่รู้ก็ไม่ต้องมาเสนอหน้าพูดเลย เอ้า จะไปดูไททานิคก็ไปสิ"

เจ้ากุ๊กมองหน้า แล้วมองแขนตัวเองที่ปลัดจับไว้ บอกอุบอิบ

"แล้ว ปลัดมาจับแขนผมไว้ทำไม"

"อ้าว ก็ชั้นจะไปดูกับเอ็งด้วยสิ จับแขนไว้ เดี๋ยวเอ็งหนี"

เจ้ากุ๊กเบ้หน้า ปลัดจึงยักคิ้วให้

"จะไปก็ไปเหอะ เผื่อชั้นจะเจอสาวๆมาดูหนังกลางแปลงมั่ง"

"โด่ ปลัด เอาอีกแล้ว เดี๋ยวแฟนเขามารุมตื้บ ผมไม่ช่วยนะบอกให้"

"เอ็งจะช่วยอะไรได้วะ ตัวเท่าเนี้ย" ปลัดทำท่าจะจับหมวกแก๊บเจ้ากุ๊ก เจ้ากุ๊กเสหลบหวุดหวิด

"เฮ้ย ปลัดทำไรอ่ะ"

"เอ็งไม่รำคาญมั่งไงวะ ใส่หมวกทำไมเนี่ย กลางคืนแล้ว ไม่มีแดดสักหน่อย ถอดเหอะ หรือว่าไม่กล้า"

ปลัดว่าแล้วมองอย่างท้าทาย

เจ้ากุ๊กหันรีหันขวางก่อนจะบอกมาข้างๆคูๆ

"ก็ เอ่อ ผมกลัวน้ำค้างลง เดี๋ยวเป็นหวัด"

"อย่างเอ็งเนี่ยหรอจะกลัวน้ำค้าง อ่อนแออย่างกับผู้หญิงแน่ะ"

เจ้ากุ๊กชี้หน้าปลัด เต้นๆ

" คุณปลัดอย่ามาว่าผมอ่อนแอนะ ผมน่ะแมนโครตๆ เลย โฮ่ๆๆ"

ปลัดหัวเราะ หึ หึ

"ผมไม่อยู่คุยเรื่องไร้สาระกับปลัด หรอก ผมจะไปดูหนังงงงงง"

"เอ้า อยากไปก็ไป"

ปลัดว่าแล้วก็จับแขนเจ้ากุ๊กพาเดินไปจองที่ใกล้ๆจอหนัง
กลางแปลง

..เร็ว ตามไปดูไททานิคกัน..แหม....หนังใหม่โครตเลย...


ณ มุมหนึ่ง ของจอหนังกลางแปลง

ประเวศปักหลักที่ร้านข้าวโพดคั่วเจ้าอร่อยเจ้าเดิม...

เขาซื้อข้าวโพดคั่วถุงที่หนึ่ง มองเห็นตาหลักกระย่องกระแย่งเดินมาเมียงมอง เขาก็หยิบส่งให้

นั่นๆ ตาสัปเหร่อป๋อ เข้ามาเสนอหน้าแย่งซีนตาหลักอีกแล้ว ประเวศจึงซื้อข้าวโพดคั่วอีกถุงส่งให้

นั่นๆ แม่คำพูมาจากไหนไม่รู้ (สงสัยมาจากโคกอีแร้ง) แถเข้ามายืนแซงหน้า 2 ตาแก่ทันที

วิญญาณคนดีของประเวศเดือดพล่าน เขาซื้อข้าวโพดคั่วอีกถุงหนึ่งส่งให้เช่นกัน

แม่ลำพูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ประเวศหันกลับมาจะซื้อให้ตัวเอง แต่เขาก็พบว่า...

มีคนรอต่อแถวแม่คำพูอีกครึ่งโหล เอาเข้าไป อยากเป็นคนดีนักใช่ไหม ได้เลย

เขาซื้อข้าวโพดคั่วส่งให้คนต่อแถวทีละคนจนหมด กว่าจะหมดคน ประเวศแทบหมดตัว

อืม...ถ้ารายการของคุณไตรภพยังอยู่นะ...ประเวศต้องได้รถเข็นไปประดับที่บ้านอีกเป็นโหลแน่ๆ......

เพราะว่าอะไรครับ....เสียงนุ่มๆของไตรภพถาม ทำหน้าซึ้ง....

"เอ่อ...ผมไม่ทราบครับ (คนดูงง เอ่อ นี่มันไม่รู้หรอว่าเพราะอะไร คนเขารู้กันทั้งประเทศ แถมยังตอบได้พร้อมกันอีกว่า.....)

ก็เพราะ....คุณคือคนดีไง(วะ)...แค่นี้ก็ไม่รู้....ไม่น่าให้มันเล้ย รถเข็นเนี่ย

แต่ประเวศเกิดไม่ทันรายการนี้....เขาจึงไม่โดนประณาม...

เอ้า...นั่นอะไรนั่น....สิ่งที่ประเวศเจอนั้น....ทำให้ต่อมความสงสัยของเขาทำงาน....

ก็ปลัดกับเจ้ากุ๊กมานั่งดูหนังไททานิคอยู่หน้าจอ

เจ้ากุ๊กมันจะรู้หรือเปล่าว่า....ปลัดน่ะ ไม่ได้มองจอหนังกลางแปลง.....

แต่มองมาที่เจ้ากุ๊กตาเขม็ง เออ นี่ปลัดนี่ท่าจะอาการหนักขึ้นเรื่อยแล้ววุ้ย

ดีนะที่เรารอดมาได้ครั้งนั้น แหม กะว่าจะไปดูหนังซะหน่อยเห็นทีจะไม่ดีซะแล้ว

ไม่ดูดีกว่า เกิดปลัดมาเห็นเข้าจะไม่ปลอดภัยกับเรา..

ประเวศคิดได้ดังนั้นก็เดินออกไปที่ศาลา นั่นเขาเห็นมัคนายกกานต์กำลังสนทนาอยู่กับกำนันต้อย....

นั่นอบต. บุญปลั่ง ทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ข้างๆเจ๊เป็ด แล้วนั่น ป๊านี่.....

ป๊ามาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ไปหาป๊าดีกว่า...ว่าแล้วก็เดินไปหาป๊า เสี่ยมายหันมาเห็นจึงว่า

"อ้าว เวศ ไปไหนมาล่ะ "

"ผมไปเดินเที่ยวงานมาครับ ทีแรกผมนึกว่าป๊าจะไม่มาเสียอีก"

เสี่ยมายยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วว่า

"ป๊าต้องมาสิ ไม่มาได้ไง ต้องมาปรากฏตัวเพื่อคืนกำไรให้ชาวบ้านอยู่แล้ว" เสี่ยมายว่าแล้วก็หัวเราะ หันไปทางเจ๊เป็ด

"แล้วหนูลูกตาล ไปไหนซะละครับ เห็นว่ากลับมาจากนิวซีแลนด์แล้วไม่ใช่หรอ"

เจ๊เป็ดหันมายิ้มหวานให้เสี่ยมาย

"อ๋อ หนูลูกตาลหรอคะ ไปไหนนะ อ้อ อยู่ตรงโน้นแน่ะคะ พ่อประเวศแน่ะ ช่วยไปคุยกับหนูลูกตาลหน่อยได้ไหมจ๊ะ แหม ดีจังที่พ่อประเวศมา หนูลูกตาลไม่ค่อยมีเพื่อน"

ประเวศหันไปมองหน้าป๊า เสี่ยมายพยักหน้าให้แล้วว่า

"ไปเถอะเวศ ทำอย่างที่ป๊าสอนนะ คืนกำไรให้ประชาชน"

อ้อ....เข้าใจแล้ว ที่ประเวศเป็นคนดีเช่นนี้ ก็เพราะเขาได้รับคำสั่งสอนจากป๊าของเขานั่นเอง แหม ไม่น่าเชื่อ..

ประเวศพร้อมแล้วที่ช่วยเหลือชาวโลก นั่นแน่ะ คุณหนูลูกตาลยืนอยู่นั่น

"ลูกตาล" ประเวศเรียก

คุณหนูลูกตาลหันมา เอียงหน้าแล้วร้อง

"เอ๋" สักพักก็นึกออก "นั่น เวศใช่ไหม"

ประเวศทำหน้าเมื่อย

"อ้าว นี่จำชั้นไม่ได้แล้วหรอแก"

"อือ โทษที พอดีแกดำกว่าเดิมไปเยอะ ชั้นเลยจำไม่ได้" อ้าว...

เฮ้อ ประเวศเซ็งเล็กน้อย แต่จะถือโทษโกรธลูกตาลนั้นก็หาไม่....

"แล้วไปเที่ยวที่ไหนมามั่ง"

"ไปเที่ยวสาวน้อยตกน้ำมาอย่างเดียว สนุกมากเลย"

"โอโห ไปเที่ยวเองเลยหรอ แล้วไปเล่นมาหรือเปล่าล่ะ"

"เล่นสิ คุณปลัดเขาสอนให้"

คุณปลัด เอาอีกแล้ว ชื่อนี้ตามมาหลอกหลอนประเวศอีกแล้ว

"ปลัดไหน" ประเวศแข็งใจถาม

"ก็คุณปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ไง"

นั่นไง ว่าแล้ว ทำไมปลัดกฤตย์ต้องมาวนเวียนอยู่รอบตัวเขาด้วยนะ น่ากลัวจริงๆ

"ชั้นขอเตือนแกอย่างนึงนะ ลูกตาล อย่าไปสนิทสนมกับปลัดเขามากเลย" คนดีอย่างเขาก็อดไม่ได้อีกแล้ว

"บ้าหรอ แก ชั้นจะไปสนิทสนมอะไรกับเขา เพิ่งเจอครั้งแรกเอง เออ นี่ เวศๆ"

"อะไร"

"นั่นๆ ชั้นเห็นเขากำลังจะจุดพลุกัน เราไปดูกันไหม" คุณหนูลูกตาลชี้ไปที่ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจุดพลุอยู่ที่หน้าศาลา

คุณรู้ใช่ไหมว่าประเวศจะตอบว่าอะไร...ถูกต้อง...คุณคิดถูก...

ประเวศตอบตกลงแล้วตามคุณหนูลูกตาลไปทันที


ข้างฝ่ายผู้ใหญ่พิษณุ เมื่อพาพัดชาและประพาสมาถึงที่ศาลา รับน้ำมนต์ร่วมกัน 3 คน เอ ยังไง

แต่พี่ผู้ใหญ่ก็ใช่จะมีแต่พัดชาและประพาส มีหญิงสาวอีกมากมายอยากจะเข้ามารดน้ำมนต์ร่วมกับผู้ใหญ่ทั้งนั้น

นั่นๆ แม่บุญไส เข้ามาเป็นคนแรก รับน้ำมนต์ไปเสียจนเปียก ตามมาด้วยสาวอีกล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน เฮ้อ นานเข้าประพาสและพัดชาหลับไปหลายตื่น พี่ผู้ใหญ่จึงคิวว่างเสียที

ประพาสเดินตรงเข้าไปลากแขนพี่ผู้ใหญ่ทันที แขนอีกข้างของประพาสก็ลากพัดชาไปด้วย

ทั้งหมดเดินลงจากศาลามาได้ไกลพอควร

ประพาสบ่น

"นี่ถ้าไม่ลากพี่ผู้ใหญ่มา คืนนี้ก็เปียกทั้งคืนแน่"

"แล้วลากมาแล้วคิดว่าจะไม่เปียกหรอ" พี่ผู้ใหญ่ถามยิ้มๆ

"ทำไม" ประพาสทำหน้างง

จบคำประพาส.....ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก..


ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำเอาซุ้มสอยดาวแทบจะร้างคน ใครๆ เขาก็หลบฝนกันทั้งนั้น

อบต.บุญออบจับมือเปรี้ยวได้ก็พาวิ่งฝ่าฝนไปหลบในวิหารร้างหลังหนึ่งที่อยู่ข้างๆ โบสถ์...

ฟ้าร้องครืนครืน..ฟ้าผ่าดัง..เปรี้ยง....

บุญออบจูงมือเปรี้ยวเข้าในวิหารร้างอย่างทุลักทุเล.....

ข้างนอกฝนตก ฟ้าร้อง น่ากลัวจริง..

เข้ามาข้างในแล้ว เปรี้ยวค่อยๆเดินไปรอบๆ

"มืดจังเลย" เปรี้ยวอุทานเบาๆ

"มืดหรอ" บุญออบทวนคำแล้วว่า

"ไหน มานี่สิ"บุญออบพูดเบาๆ เปรี้ยวงงๆ

"บอกให้มานี่" บุญออบเดินเข้าไปจับมือเปรี้ยวให้มาอยู่ใกล้ๆ

"ขอหน่อย" เปรี้ยวหันมามอง บ้า อีตาอบต. จะมาขออะไร

"ขออะไร"

"ขอแล้วจะให้ไหม" บุญออบยิ้มๆ

เปรี้ยวเขิน เลยพาลแก้เก้อ ดีนะที่ข้างในนี้มืด อีตาอบต. จึงไม่เห็นว่าเปรี้ยวหน้าแดง

"บ้า จะมาขออะไร ไม่ให้หรอก เดี๋ยวจะโดน"

บุญออบหัวเราะ "อ้าว จะขอไม้ขีดไฟที่สอยดาวได้มาเมื่อกี้นี้น่ะ อะไร หวงจัง แค่นี้ก็ไม่ให้" อ้าว

"อ้าว หรอ" เปรี้ยวเก้อไป เผลอคิดเรื่องอื่นอยู่ละสิ

"นึกว่าจะขออะไรหรอ"

"เปล่า อยากได้ก็เอาไปสิ แค่นี้น่ะ ไม่หวงหรอก ไม่บอกตั้งแต่ทีแรกนี่" เปรี้ยวยื่นของให้ทั้งถุง

บุญออบรับไปพลางหัวเราะๆ โชคดีจริงๆที่สอยดาวได้ไม้ขีดไฟ

บุญออบไปหาเศษใบไม้แห้ง เสาไม้ เสษกระดาษที่ตกอยู่ในวิหารร้างมากองรวมกันไว้ เปรี้ยวเห็นจึงเข้าไปช่วยด้วย จนได้เป็นกองใหญ่

บุญออบนั่งลงดึงเปรี้ยวนั่งข้างๆ หยิบกล่องไม้ขีดไฟมาจุด

แต่...ไม่ติด....

สงสัยไม้ขีดไฟคงโดนน้ำฝนเมื่อกี้แน่ๆ

บุญออบหันมาบอกคนข้างๆ

"ไม้ขีดไฟเปียกน้ำน่ะ เรามาช่วยกันจุดดีกว่า จะได้ติดเร็ว"

แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันจุดไม้ขีดไฟ สักพักนึงก็จุดติด

และแล้วในวิหารร้างก็เริ่มมีแสงสว่าง บุญออบมองหน้าเปรี้ยวในแสงสว่างรางๆ แล้วยิ้ม อืม น่ารักไปอีกแบบ

เปรี้ยวหลบตา

"เห็นไหม ใครว่าเปรี้ยวได้ของไม่มีค่า ไม้ขีดไฟนี่นะ ถึงแม้จะดูไม่มีค่าในเวลาหนึ่ง แต่เวลาหนึ่ง มันกลับเป็นของที่มีค่าที่สุด ก็เหมือนกับคน....

ใครจะรู้ว่า บางทีคนที่คิดว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง อาจจะไม่มีค่าสำหรับใคร แต่ก็อาจเป็นคนที่มีค่าที่สุดสำหรับคนบางคนก็ได้ จริงไหม"

เปรี้ยวไม่ตอบ ได้แต่เขี่ยไฟไปมา ห่อไหล่เล็กน้อย

บุญออบมองแล้วถาม "หนาวหรอ"

เปรี้ยวพยักหน้า แต่รีบพูดขึ้นมาทันที "แต่ไม่ต้องทำเป็นพระเอกหนังไทย ถอดเสื้อมาให้ทั้งที่ตัวเองก็หนาวจะตายอยู่แล้วนะ อย่าทำงั้นนะ เลี่ยน"

บุญออบหัวเราะ "ใครว่าจะทำอย่างนั้น ถอดเสื้อให้เปรี้ยว เดี๋ยวผมก็หนาวตายกันพอดี ผมจะถอดไอ้นี่ต่างหาก"

แล้วบุญออบก็ถอดผ้าขาวม้าที่คาดพุงออก ขยับกางเกงเล็กน้อย

เปรี้ยวหันมาเห็นถึงกับร้องเสียงหลง

"เดี๋ยวๆ นั่นจะทำอะไร จะถอดอะไร อย่านะ"

"เหอะน่า ให้ผมถอดเถอะ เปรี้ยวจะได้สบายไง" บุญออบยังไม่หยุด แต่เปรี้ยวก็ไม่ยอมเหมือนกัน

"อย่านะ อย่าถอด"

บุยออบหยุดหันมามองหน้ายิ้มๆ

"นี่เปรี้ยวคิดว่าผมจะถอดอะไรหรอ"

เปรี้ยวเมิน

"ก็เห็นอยู่ จะทำอะไร ห้ามก็ไม่ฟัง"

"ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ผมหวังดีกับเปรี้ยวนะ เปรี้ยวจะสบายกว่านี้"

"เราจะสบายได้ไง" เปรี้ยวแหว "น่าเกลียด"

"อ้าว ก็นี่" พูดแล้วถอดผ้าขาวม้าที่คาดพุงออก แล้วชูขึ้นให้ดู

"นี่ไง ถึงไม่ถอดเสื้อให้เปรี้ยว แต่ก็จะถอดผ้าขาวม้านี่ให้ห่มแทนไง ห่มแล้วอุ่นดีนะ ผ้าไหมลายขิดเนื้อดีด้วย นุ่มด้วย"

บุญออบว่าแล้วบรรจงคลี่ผ้าขาวม้าคลุมไหล่ให้เปรี้ยว เจ้าเปรี้ยวอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง

เมื่อห่มให้เปรี้ยวคลายความหนาวแล้ว บุญออบก็พูดเบาๆ

"ผ้าขาวม้าเนี่ย ผมใช้ตลอด เอาติดตัวตลอดด้วย ทั้งหนุนหัว เช็ดหน้า ห่มตัว คาดพุง มันเป็นของรักของผม แต่ผมเต็มใจให้เปรี้ยว แค่เปรี้ยวเอาไปห่มแล้วนึกถึงคนให้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว" ฮิ้วววววว

เปรี้ยวฟังอบตพูดแต่ไม่กล้าสบตาด้วย รู้สึกอย่างเดียวว่า อบอุ่นขึ้น อืม อุ่นขึ้นจริงๆๆด้วยนะ....





 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:27:34 น.
Counter : 357 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๘

กลับมาโป้งๆ ชิ่งที่บาร์รำวงอีกครั้งกันดีกว่า...

ชิ่งๆโป้งๆชิ่ง...ชิ่งๆโป้งๆชิ่ง...

ประพาสกับพยาบาลพัดชาพากันเดินมาที่บาร์รำวงอีกครั้ง...นั่นๆ...

พี่ผู้ใหญ่รูปหล่อ กำลังเต้นอยู่กับหมวยนก....

ดูดู๋ สำเริงสำราญดีแท้ นะพี่ผู้ใหญ่....

ประพาสพยักหน้ากับพัดชา

"ดูๆ สิพัด พี่ผู้ใหญ่ก็เป็นเสียอย่างเนี้ยแหละ อย่างเนี้ย สาวๆจะไม่ติดได้ไง"

พยาบาลพัดชาหัวเราะ มองไปที่ผู้ใหญ่แล้วยิ้ม

"ก็แบ่งๆกันไปไงพี่พาส"

ประพาสหันมามองหน้า

"แบ่งอะไร"

"ไม่รู้" พัดชาอมยิ้มมองไปที่เวที ประพาสมองตาม ผู้ใหญ่พิษณุหันมาเห็นเข้าก็ยักคิ้วให้ ประพาศแยกเขี้ยวตอบ

ผู้ใหญ่หัวเราะ พอดีเพลงหยุดพอดี ผู้ใหญ่ก็เลยเดินมาหาทั้งสอง

"ไปไหนกันมาทั้งสองคน พี่ไปเต้นแค่เพียงสองเพลง หันมาอีกที หายไปแล้ว"

ประพาสหน้าบูด

"พี่ผู้ใหญ่ เราน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ทำอะไรให้มันสมเป็นผู้ใหญ่หน่อย นี่อะไร ไปเต้นกับเขาไปทั่ว"

"อ้าว เขามาขอพี่เต้น จะให้ทำไงล่ะ"ผู้ใหญ่ยักคิ้วให้

"ปฏิเสธไม่เป็นหรือไง ในชีวิตนี้นี่ เคยปฏิเสธอะไรใครมั่งไหม"

"ฮ่าๆ สงสัยจะไม่ ก็เป็นความผิดพาสแหละ"

"อ้าว ความผิดพาสได้ไง"

"ก็พาสไม่เต้นกับพี่นี่ พี่ก็ต้องไปเต้นกับคนอื่นสิ" ฮิ้ววววว

ประพาสทำหน้าปั้นยาก

"เหอะ ใครเขาจะขึ้นไปเต้นบนเวทีอย่างงั้น อายเขาตาย"

"ก็เป็นซะอย่างนี้แหละเราน่ะ แล้วนี่ไปไหนมา มีโดเรมอนด้วย"

ผู้ใหญ่มองไปที่โดเรมอนตัวใหญ่ในมือพาส

"อ๋อ คุณเวศเขายิงปืนมาให้ เป็นไง เก่งใช่ไหมคุณเวศเนี่ย"

ผู้ใหญ่มองแล้วยิ้ม หึ หึ...

"อือ ก็คงเก่งมั้ง" แล้วผู้ใหญ่ก็เงียบไป

พัดชาหันมาหาผู้ใหญ่

"พี่ผู้ใหญ่ นี่มีคิวเต้นอีกหรือเปล่าคะ"

ผู้ใหญ่ส่ายหน้า

"ก็ไม่มีแล้วครับ ความจริงมีอีกครึ่งโหล แต่ว่าพี่เหนื่อยแล้วตอนนี้ ก็เลยขอตัวเขาออกมาก่อน"

เสียงประพาสลอยมาอีก

"นี่ถ้าไม่เหนื่อยคงเต้นทั้งคืนแหละมั้ง"

ผู้ใหญ่หันไปมองแล้วยิ้มๆ

"พัดเต้นไหมจ๊ะ มาเต้นกับพี่ไหม" อ้าว ชวนพัดชาซะงั้น

"คงไม่ดีกว่าค่ะ พัดได้ร้องเพลงก็พอแล้ว เรื่องเต้นพัดไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่"

"งั้นเดี๋ยวเราไปรดน้ำมนต์ที่ศาลาวัดกันไหม พี่ได้ยินโฆษกดุ๊กเขาประกาศเมื่อกี้"

"ยังอุตส่าห์ได้ยินอีกนะ" เสียงประพาสลอยลมมาอีก

แต่ผู้ใหญ่ไม่สนใจหันมาชวนพัดชาออกเดิน

พัดรั้งไว้ "พี่พาสไปด้วยกันสิคะ"

ประพาสทำหน้าบูด

"เอ้า จะไปหรือไม่ไป หรือโดนน้ำมนต์ไม่ได้" ผู้ใหญ่ยิ้มกวน

ไอ้พี่ผู้ใหญ่บ้า ประพาสคิดในใจ แต่ยังไม่ขยับเขยื้อน

ผู้ใหญ่หัวเราะแล้วเข้าไปจับมือประพาสมาจูงไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจูงมือพัดชา แล้วพากันเดินออกไป....


สวัสดีคร้าบ...ท่านผู้ชมทั้งหลาย ชาววัดโคกสาริน...

วันนี้...เห็บทิพย์ภาพยนตร์ นำภาพยนตร์นำสมัยเรื่องใหม่เอี่ยมมาฉายให้ท่านชมอีกแล้วคร้าบบบบ

วันนี้ขอเสนอเรื่องราวรักสุดรันทดใจ ท่านใดได้รับชมก็อดจะหลั่งน้ำตาด้วยความสงสารไม่ได้....

เรื่องราวความรักของหญิงสูงศักดิ์ กับชายต่างชั้นวรรณะ..

โรส และ แจ็ค ดอร์สัน...แห่ง...

....ไททานิคคคคคคคคคค.....

เสียงหนังกลางแปลงดังกระหึ่ม เรียกร้องผู้ชมให้เข้าไปดูกันแน่นขนัด....

เจ้ากุ๊กตื่นเต้น จะไปดูหนังปลางแปลง หนังแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีให้ดูได้บ่อยๆ นะ

กำลังจะวิ่งไปดู แต่ปลัดคว้าแขนไว้

"เดี๋ยว เอ็งจะไปไหน"

เจ้ากุ๊กเด้งกลับ หันมามองทำหน้ากวน

"อ้าว ก็ผมจะไปดูหนังกลางแปลงดิครับ เห็นไหม เขาประกาศออกน่าสนุกจะตาย"

"แล้วเมื่อกี้ ไหนเอ็งว่าไปดูมาแล้วไง"

"ก็ เรื่องนั้นมันแซมเปิ้ลนี่ครับโฮ่ๆๆ ไม่สนุกเท่าเรื่องนี้ เนี่ยน่ะ ไททานิค เชียวนะครับ คุณปลัด หน้าอย่างเนี้ยเนี่ย เคยดูเปล่า"

"ทำไม หน้าชั้นมันเป็นไง ถึงจะดูไททานิคไม่ได้"

เจ้ากุ๊กหัวเราะเยาะ "โฮ่ๆๆ ไม่รู้ดิครับ"

"เหอะ ไม่รู้ก็ไม่ต้องมาเสนอหน้าพูดเลย เอ้า จะไปดูไททานิคก็ไปสิ"

เจ้ากุ๊กมองหน้า แล้วมองแขนตัวเองที่ปลัดจับไว้ บอกอุบอิบ

"แล้ว ปลัดมาจับแขนผมไว้ทำไม"

"อ้าว ก็ชั้นจะไปดูกับเอ็งด้วยสิ จับแขนไว้ เดี๋ยวเอ็งหนี"

เจ้ากุ๊กเบ้หน้า ปลัดจึงยักคิ้วให้

"จะไปก็ไปเหอะ เผื่อชั้นจะเจอสาวๆมาดูหนังกลางแปลงมั่ง"

"โด่ ปลัด เอาอีกแล้ว เดี๋ยวแฟนเขามารุมตื้บ ผมไม่ช่วยนะบอกให้"

"เอ็งจะช่วยอะไรได้วะ ตัวเท่าเนี้ย" ปลัดทำท่าจะจับหมวกแก๊บเจ้ากุ๊ก เจ้ากุ๊กเสหลบหวุดหวิด

"เฮ้ย ปลัดทำไรอ่ะ"

"เอ็งไม่รำคาญมั่งไงวะ ใส่หมวกทำไมเนี่ย กลางคืนแล้ว ไม่มีแดดสักหน่อย ถอดเหอะ หรือว่าไม่กล้า"

ปลัดว่าแล้วมองอย่างท้าทาย

เจ้ากุ๊กหันรีหันขวางก่อนจะบอกมาข้างๆคูๆ

"ก็ เอ่อ ผมกลัวน้ำค้างลง เดี๋ยวเป็นหวัด"

"อย่างเอ็งเนี่ยหรอจะกลัวน้ำค้าง อ่อนแออย่างกับผู้หญิงแน่ะ"

เจ้ากุ๊กชี้หน้าปลัด เต้นๆ

" คุณปลัดอย่ามาว่าผมอ่อนแอนะ ผมน่ะแมนโครตๆ เลย โฮ่ๆๆ"

ปลัดหัวเราะ หึ หึ

"ผมไม่อยู่คุยเรื่องไร้สาระกับปลัด หรอก ผมจะไปดูหนังงงงงง"

"เอ้า อยากไปก็ไป"

ปลัดว่าแล้วก็จับแขนเจ้ากุ๊กพาเดินไปจองที่ใกล้ๆจอหนัง
กลางแปลง

..เร็ว ตามไปดูไททานิคกัน..แหม....หนังใหม่โครตเลย...


ณ มุมหนึ่ง ของจอหนังกลางแปลง

ประเวศปักหลักที่ร้านข้าวโพดคั่วเจ้าอร่อยเจ้าเดิม...

เขาซื้อข้าวโพดคั่วถุงที่หนึ่ง มองเห็นตาหลักกระย่องกระแย่งเดินมาเมียงมอง เขาก็หยิบส่งให้

นั่นๆ ตาสัปเหร่อป๋อ เข้ามาเสนอหน้าแย่งซีนตาหลักอีกแล้ว ประเวศจึงซื้อข้าวโพดคั่วอีกถุงส่งให้

นั่นๆ แม่คำพูมาจากไหนไม่รู้ (สงสัยมาจากโคกอีแร้ง) แถเข้ามายืนแซงหน้า 2 ตาแก่ทันที

วิญญาณคนดีของประเวศเดือดพล่าน เขาซื้อข้าวโพดคั่วอีกถุงหนึ่งส่งให้เช่นกัน

แม่ลำพูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ประเวศหันกลับมาจะซื้อให้ตัวเอง แต่เขาก็พบว่า...

มีคนรอต่อแถวแม่คำพูอีกครึ่งโหล เอาเข้าไป อยากเป็นคนดีนักใช่ไหม ได้เลย

เขาซื้อข้าวโพดคั่วส่งให้คนต่อแถวทีละคนจนหมด กว่าจะหมดคน ประเวศแทบหมดตัว

อืม...ถ้ารายการของคุณไตรภพยังอยู่นะ...ประเวศต้องได้รถเข็นไปประดับที่บ้านอีกเป็นโหลแน่ๆ......

เพราะว่าอะไรครับ....เสียงนุ่มๆของไตรภพถาม ทำหน้าซึ้ง....

"เอ่อ...ผมไม่ทราบครับ (คนดูงง เอ่อ นี่มันไม่รู้หรอว่าเพราะอะไร คนเขารู้กันทั้งประเทศ แถมยังตอบได้พร้อมกันอีกว่า.....)

ก็เพราะ....คุณคือคนดีไง(วะ)...แค่นี้ก็ไม่รู้....ไม่น่าให้มันเล้ย รถเข็นเนี่ย

แต่ประเวศเกิดไม่ทันรายการนี้....เขาจึงไม่โดนประณาม...

เอ้า...นั่นอะไรนั่น....สิ่งที่ประเวศเจอนั้น....ทำให้ต่อมความสงสัยของเขาทำงาน....

ก็ปลัดกับเจ้ากุ๊กมานั่งดูหนังไททานิคอยู่หน้าจอ

เจ้ากุ๊กมันจะรู้หรือเปล่าว่า....ปลัดน่ะ ไม่ได้มองจอหนังกลางแปลง.....

แต่มองมาที่เจ้ากุ๊กตาเขม็ง เออ นี่ปลัดนี่ท่าจะอาการหนักขึ้นเรื่อยแล้ววุ้ย

ดีนะที่เรารอดมาได้ครั้งนั้น แหม กะว่าจะไปดูหนังซะหน่อยเห็นทีจะไม่ดีซะแล้ว

ไม่ดูดีกว่า เกิดปลัดมาเห็นเข้าจะไม่ปลอดภัยกับเรา..

ประเวศคิดได้ดังนั้นก็เดินออกไปที่ศาลา นั่นเขาเห็นมัคนายกกานต์กำลังสนทนาอยู่กับกำนันต้อย....

นั่นอบต. บุญปลั่ง ทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ข้างๆเจ๊เป็ด แล้วนั่น ป๊านี่.....

ป๊ามาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ไปหาป๊าดีกว่า...ว่าแล้วก็เดินไปหาป๊า เสี่ยมายหันมาเห็นจึงว่า

"อ้าว เวศ ไปไหนมาล่ะ "

"ผมไปเดินเที่ยวงานมาครับ ทีแรกผมนึกว่าป๊าจะไม่มาเสียอีก"

เสี่ยมายยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วว่า

"ป๊าต้องมาสิ ไม่มาได้ไง ต้องมาปรากฏตัวเพื่อคืนกำไรให้ชาวบ้านอยู่แล้ว" เสี่ยมายว่าแล้วก็หัวเราะ หันไปทางเจ๊เป็ด

"แล้วหนูลูกตาล ไปไหนซะละครับ เห็นว่ากลับมาจากนิวซีแลนด์แล้วไม่ใช่หรอ"

เจ๊เป็ดหันมายิ้มหวานให้เสี่ยมาย

"อ๋อ หนูลูกตาลหรอคะ ไปไหนนะ อ้อ อยู่ตรงโน้นแน่ะคะ พ่อประเวศแน่ะ ช่วยไปคุยกับหนูลูกตาลหน่อยได้ไหมจ๊ะ แหม ดีจังที่พ่อประเวศมา หนูลูกตาลไม่ค่อยมีเพื่อน"

ประเวศหันไปมองหน้าป๊า เสี่ยมายพยักหน้าให้แล้วว่า

"ไปเถอะเวศ ทำอย่างที่ป๊าสอนนะ คืนกำไรให้ประชาชน"

อ้อ....เข้าใจแล้ว ที่ประเวศเป็นคนดีเช่นนี้ ก็เพราะเขาได้รับคำสั่งสอนจากป๊าของเขานั่นเอง แหม ไม่น่าเชื่อ..

ประเวศพร้อมแล้วที่ช่วยเหลือชาวโลก นั่นแน่ะ คุณหนูลูกตาลยืนอยู่นั่น

"ลูกตาล" ประเวศเรียก

คุณหนูลูกตาลหันมา เอียงหน้าแล้วร้อง

"เอ๋" สักพักก็นึกออก "นั่น เวศใช่ไหม"

ประเวศทำหน้าเมื่อย

"อ้าว นี่จำชั้นไม่ได้แล้วหรอแก"

"อือ โทษที พอดีแกดำกว่าเดิมไปเยอะ ชั้นเลยจำไม่ได้" อ้าว...

เฮ้อ ประเวศเซ็งเล็กน้อย แต่จะถือโทษโกรธลูกตาลนั้นก็หาไม่....

"แล้วไปเที่ยวที่ไหนมามั่ง"

"ไปเที่ยวสาวน้อยตกน้ำมาอย่างเดียว สนุกมากเลย"

"โอโห ไปเที่ยวเองเลยหรอ แล้วไปเล่นมาหรือเปล่าล่ะ"

"เล่นสิ คุณปลัดเขาสอนให้"

คุณปลัด เอาอีกแล้ว ชื่อนี้ตามมาหลอกหลอนประเวศอีกแล้ว

"ปลัดไหน" ประเวศแข็งใจถาม

"ก็คุณปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ไง"

นั่นไง ว่าแล้ว ทำไมปลัดกฤตย์ต้องมาวนเวียนอยู่รอบตัวเขาด้วยนะ น่ากลัวจริงๆ

"ชั้นขอเตือนแกอย่างนึงนะ ลูกตาล อย่าไปสนิทสนมกับปลัดเขามากเลย" คนดีอย่างเขาก็อดไม่ได้อีกแล้ว

"บ้าหรอ แก ชั้นจะไปสนิทสนมอะไรกับเขา เพิ่งเจอครั้งแรกเอง เออ นี่ เวศๆ"

"อะไร"

"นั่นๆ ชั้นเห็นเขากำลังจะจุดพลุกัน เราไปดูกันไหม" คุณหนูลูกตาลชี้ไปที่ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจุดพลุอยู่ที่หน้าศาลา

คุณรู้ใช่ไหมว่าประเวศจะตอบว่าอะไร...ถูกต้อง...คุณคิดถูก...

ประเวศตอบตกลงแล้วตามคุณหนูลูกตาลไปทันที


ข้างฝ่ายผู้ใหญ่พิษณุ เมื่อพาพัดชาและประพาสมาถึงที่ศาลา รับน้ำมนต์ร่วมกัน 3 คน เอ ยังไง

แต่พี่ผู้ใหญ่ก็ใช่จะมีแต่พัดชาและประพาส มีหญิงสาวอีกมากมายอยากจะเข้ามารดน้ำมนต์ร่วมกับผู้ใหญ่ทั้งนั้น

นั่นๆ แม่บุญไส เข้ามาเป็นคนแรก รับน้ำมนต์ไปเสียจนเปียก ตามมาด้วยสาวอีกล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน เฮ้อ นานเข้าประพาสและพัดชาหลับไปหลายตื่น พี่ผู้ใหญ่จึงคิวว่างเสียที

ประพาสเดินตรงเข้าไปลากแขนพี่ผู้ใหญ่ทันที แขนอีกข้างของประพาสก็ลากพัดชาไปด้วย

ทั้งหมดเดินลงจากศาลามาได้ไกลพอควร

ประพาสบ่น

"นี่ถ้าไม่ลากพี่ผู้ใหญ่มา คืนนี้ก็เปียกทั้งคืนแน่"

"แล้วลากมาแล้วคิดว่าจะไม่เปียกหรอ" พี่ผู้ใหญ่ถามยิ้มๆ

"ทำไม" ประพาสทำหน้างง

จบคำประพาส.....ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก..


ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำเอาซุ้มสอยดาวแทบจะร้างคน ใครๆ เขาก็หลบฝนกันทั้งนั้น

อบต.บุญออบจับมือเปรี้ยวได้ก็พาวิ่งฝ่าฝนไปหลบในวิหารร้างหลังหนึ่งที่อยู่ข้างๆ โบสถ์...

ฟ้าร้องครืนครืน..ฟ้าผ่าดัง..เปรี้ยง....

บุญออบจูงมือเปรี้ยวเข้าในวิหารร้างอย่างทุลักทุเล.....

ข้างนอกฝนตก ฟ้าร้อง น่ากลัวจริง..

เข้ามาข้างในแล้ว เปรี้ยวค่อยๆเดินไปรอบๆ

"มืดจังเลย" เปรี้ยวอุทานเบาๆ

"มืดหรอ" บุญออบทวนคำแล้วว่า

"ไหน มานี่สิ"บุญออบพูดเบาๆ เปรี้ยวงงๆ

"บอกให้มานี่" บุญออบเดินเข้าไปจับมือเปรี้ยวให้มาอยู่ใกล้ๆ

"ขอหน่อย" เปรี้ยวหันมามอง บ้า อีตาอบต. จะมาขออะไร

"ขออะไร"

"ขอแล้วจะให้ไหม" บุญออบยิ้มๆ

เปรี้ยวเขิน เลยพาลแก้เก้อ ดีนะที่ข้างในนี้มืด อีตาอบต. จึงไม่เห็นว่าเปรี้ยวหน้าแดง

"บ้า จะมาขออะไร ไม่ให้หรอก เดี๋ยวจะโดน"

บุญออบหัวเราะ "อ้าว จะขอไม้ขีดไฟที่สอยดาวได้มาเมื่อกี้นี้น่ะ อะไร หวงจัง แค่นี้ก็ไม่ให้" อ้าว

"อ้าว หรอ" เปรี้ยวเก้อไป เผลอคิดเรื่องอื่นอยู่ละสิ

"นึกว่าจะขออะไรหรอ"

"เปล่า อยากได้ก็เอาไปสิ แค่นี้น่ะ ไม่หวงหรอก ไม่บอกตั้งแต่ทีแรกนี่" เปรี้ยวยื่นของให้ทั้งถุง

บุญออบรับไปพลางหัวเราะๆ โชคดีจริงๆที่สอยดาวได้ไม้ขีดไฟ

บุญออบไปหาเศษใบไม้แห้ง เสาไม้ เสษกระดาษที่ตกอยู่ในวิหารร้างมากองรวมกันไว้ เปรี้ยวเห็นจึงเข้าไปช่วยด้วย จนได้เป็นกองใหญ่

บุญออบนั่งลงดึงเปรี้ยวนั่งข้างๆ หยิบกล่องไม้ขีดไฟมาจุด

แต่...ไม่ติด....

สงสัยไม้ขีดไฟคงโดนน้ำฝนเมื่อกี้แน่ๆ

บุญออบหันมาบอกคนข้างๆ

"ไม้ขีดไฟเปียกน้ำน่ะ เรามาช่วยกันจุดดีกว่า จะได้ติดเร็ว"

แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันจุดไม้ขีดไฟ สักพักนึงก็จุดติด

และแล้วในวิหารร้างก็เริ่มมีแสงสว่าง บุญออบมองหน้าเปรี้ยวในแสงสว่างรางๆ แล้วยิ้ม อืม น่ารักไปอีกแบบ

เปรี้ยวหลบตา

"เห็นไหม ใครว่าเปรี้ยวได้ของไม่มีค่า ไม้ขีดไฟนี่นะ ถึงแม้จะดูไม่มีค่าในเวลาหนึ่ง แต่เวลาหนึ่ง มันกลับเป็นของที่มีค่าที่สุด ก็เหมือนกับคน....

ใครจะรู้ว่า บางทีคนที่คิดว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง อาจจะไม่มีค่าสำหรับใคร แต่ก็อาจเป็นคนที่มีค่าที่สุดสำหรับคนบางคนก็ได้ จริงไหม"

เปรี้ยวไม่ตอบ ได้แต่เขี่ยไฟไปมา ห่อไหล่เล็กน้อย

บุญออบมองแล้วถาม "หนาวหรอ"

เปรี้ยวพยักหน้า แต่รีบพูดขึ้นมาทันที "แต่ไม่ต้องทำเป็นพระเอกหนังไทย ถอดเสื้อมาให้ทั้งที่ตัวเองก็หนาวจะตายอยู่แล้วนะ อย่าทำงั้นนะ เลี่ยน"

บุญออบหัวเราะ "ใครว่าจะทำอย่างนั้น ถอดเสื้อให้เปรี้ยว เดี๋ยวผมก็หนาวตายกันพอดี ผมจะถอดไอ้นี่ต่างหาก"

แล้วบุญออบก็ถอดผ้าขาวม้าที่คาดพุงออก ขยับกางเกงเล็กน้อย

เปรี้ยวหันมาเห็นถึงกับร้องเสียงหลง

"เดี๋ยวๆ นั่นจะทำอะไร จะถอดอะไร อย่านะ"

"เหอะน่า ให้ผมถอดเถอะ เปรี้ยวจะได้สบายไง" บุญออบยังไม่หยุด แต่เปรี้ยวก็ไม่ยอมเหมือนกัน

"อย่านะ อย่าถอด"

บุยออบหยุดหันมามองหน้ายิ้มๆ

"นี่เปรี้ยวคิดว่าผมจะถอดอะไรหรอ"

เปรี้ยวเมิน

"ก็เห็นอยู่ จะทำอะไร ห้ามก็ไม่ฟัง"

"ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ผมหวังดีกับเปรี้ยวนะ เปรี้ยวจะสบายกว่านี้"

"เราจะสบายได้ไง" เปรี้ยวแหว "น่าเกลียด"

"อ้าว ก็นี่" พูดแล้วถอดผ้าขาวม้าที่คาดพุงออก แล้วชูขึ้นให้ดู

"นี่ไง ถึงไม่ถอดเสื้อให้เปรี้ยว แต่ก็จะถอดผ้าขาวม้านี่ให้ห่มแทนไง ห่มแล้วอุ่นดีนะ ผ้าไหมลายขิดเนื้อดีด้วย นุ่มด้วย"

บุญออบว่าแล้วบรรจงคลี่ผ้าขาวม้าคลุมไหล่ให้เปรี้ยว เจ้าเปรี้ยวอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง

เมื่อห่มให้เปรี้ยวคลายความหนาวแล้ว บุญออบก็พูดเบาๆ

"ผ้าขาวม้าเนี่ย ผมใช้ตลอด เอาติดตัวตลอดด้วย ทั้งหนุนหัว เช็ดหน้า ห่มตัว คาดพุง มันเป็นของรักของผม แต่ผมเต็มใจให้เปรี้ยว แค่เปรี้ยวเอาไปห่มแล้วนึกถึงคนให้ แค่นี้ก็พอใจแล้ว" ฮิ้วววววว

เปรี้ยวฟังอบตพูดแต่ไม่กล้าสบตาด้วย รู้สึกอย่างเดียวว่า อบอุ่นขึ้น อืม อุ่นขึ้นจริงๆๆด้วยนะ....





 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:27:34 น.
Counter : 204 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๒

ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ....

เจ้าเปรี้ยววิ่งตรงไปข้างหน้า...วิ่งไปยิ้มไป(เจ้าเปรี้ยวจะบ้าไปแล้วหรือเปล่า)

จนมาถึงบ้านพัก อบต. เจ้าเปรี้ยวหยุดเดินเข้าไปเมียงๆมองๆ หน้าบ้าน

พลันก็ได้ยินเสียงไอคอกแคกๆ ดังมาจากในบ้าน

เอ ใครเป็นอะไร หรือว่าลุงปลั่งแกจะไม่สบาย..เจ้าเปรี้ยวคิดในใจ

เดินไปที่ประตูรั้ว..อ้าว ประตูไม่ได้ปิดนี่..เจ้าเปรี้ยวจึงเดินเข้าบ้านไป...

ขึ้นไปบนบ้าน ก็เห็นไม่ได้ปิดประตูเช่นกัน เสียงไอคอกแคกๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ

เจ้าเปรี้ยวก้าวเข้าไปในในห้องรับแขก นั่น ใครนอนเหยียดยาวอยู่ที่ห้องรับแขกละนั่น

สงสัยว่าคนที่นอนอยู่ท่าจะได้ยินเสียงคนเดินมา เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยเสียงแห้งๆว่า

“นั่น คุณลุงกลับมาแล้วหรือครับ” พูดแล้วหยุดไอเล็กน้อย “ไหนว่าจะอยู่กินเลี้ยงจนดึกไงครับ”

นั่นมันเสียงบุญออบนี่นา...

โถๆ พ่อ อบต. เสียใจมากจนจับไข้เลยหรือนี่...

เปรี้ยวได้ยินเสียงก็ตกใจ ทำไมพี่ออบถึงได้มานอนจับไข้อย่างนี้

นึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเขานั่งทนหนาวอยู่ในวิหารร้าง โดยยอมสละผ้าขาวม้าให้เปรี้ยวห่ม แถมเมื่อกลางวันยังมาตากแดดช่วยเปรี้ยวคุมคนงานซ่อมห้องแถวที่หลังตลาดอีกด้วย...

โดนทั้งหนาวและร้อนติดต่อกัน ร่างกายก็เลยทนไม่ไหว...แถมเมื่อเย็นยัง...เอ่อ

เปรี้ยวเดินไปนั่งคุกเข้าข้างๆโซฟาตัวยาวที่บุญออบนอนอยู่ มองหน้าก็เห็นว่าหน้าซีดสลับแดงเพราะพิษไข้ พอดีกับที่บุญออบลืมตาขึ้นมาพอดี

บุญออบยิ้มให้เปรี้ยวเซียวๆ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นขึ้นมาได้ เขาก็เมินไป ไอคอกแคกๆ

“มาหาคุณลุงหรอ”

เปรี้ยวยิ้ม “เปล่า เปรี้ยวไม่มีธุระกับลุงปลั่งนี่”

บุญออบไอ แล้วถามเมินๆ “แล้วมีธุระกับใคร”

“ก็....ก็ มีธุระกับพี่ออบ” อุ้ย เปรี้ยวพูดไปก็เขินไป

“มีธุระอะไร” บุญออบยังงอนไม่เลิก แหม น่าหมั่นใส้

“ ก็มี...มี..มีธุระหัวใจไง” ฮิ้วววว เอาแล้วเจ้าเปรี้ยว ติดอบต.จนได้

บุญออบฟังแล้วแอบยิ้ม แต่แกล้งทำหน้าขรึม “พี่คงช่วยไม่ได้ละมั้ง คงต้องไปหาคุณดลให้เขาช่วย ได้ข่าวว่าเขาเป่าแคนเพราะนี่ เขาคงช่วยทำธุระหัวใจให้เปรี้ยวได้”

เปรี้ยวค้อน เริ่มหมั่นใส้ขึ้นมาหน่อยๆ “ เด็กงอนน่ะ น่ารัก เพราะเด็กไร้เดียงสา ฝ่ายผู้หญิงงอนน่ะก็น่ารักเหมือนกัน เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่น่าทะนุถนอม แต่ผู้ชายงอนน่ะนะ”

“ทำไม ผู้ชายงอนแล้วทำไม”

“ทำไม ก็น่าต่อยน่ะสิ ผู้ชายแมนๆน่ะ เขาไม่งอนกันหรอก” เปรี้ยวว่าแล้วกำหมัดทำท่าจะต่อยจริงๆ

บุญออบรีบคว้ามือเปรี้ยวไว้ก่อนที่เข้าเบ้าตา

“เอาสิ ถ้าต่อยมาจะหอมแก้มจริงๆด้วย”

เปรี้ยวอึ้งไป หน้าแดง มือข้างที่กำหมัดยังอยู่ในมือบุญออบ บุญออบยิ้มแล้วท้า

“เอ้า เอาสิ อุทิศเบ้าตาให้ต่อยเลย แต่ต่อยแล้วต้องให้หอมแก้มนะ” ฮิ้ววววววว

เปรี้ยวก้มหน้าอุบอิบ “บ้า อย่านะ”

บุญออบหัวเราะ แล้วไอคอกแคกๆ ออกมาอีกชุดใหญ่ เปรี้ยวนิ่วหน้าแล้วว่า

“สมน้ำหน้า เป็นไงล่ะ ทำเป็นปากเก่ง”

“ก็ปากเก่งกับเปรี้ยวคนเดียวแหละ” เอิ้ก.... (เน่าได้ทุกเวลาแม้ยามป่วยไข้จริงจริ้ง พ่อ อบต.)

เปรี้ยวส่ายหน้า แล้วเอามือแตะหน้าผากบุญออบ เห็นว่าร้อนพอสมควร

“แล้วนี่ลุงปลั่งไปไหน”

“คุณลุงไปงานกินเลี้ยง กว่าจะกลับก็ดึกโน่นแน่ะ”

“แล้วนี่ก็แสดงว่ายังไม่ได้กินข้าว ไม่ได้กินยา ยังไม่ได้เช็ดตัว แล้วก็ไม่มีน้ำอุ่นกินแก้ไอเลยใช่ไหม” เปรี้ยวร่ายเป็นชุด เห็นบุญออบส่ายหน้า ก็ถอนใจ

“แล้วอย่างนี้จะหายไหมเนี่ย “ เปรี้ยวหันรีหันขวาง “หิวหรือยัง”

บุญออบทำเมินไม่ตอบ เปรี้ยวจึงถามย้ำ “พี่ออบ หิวหรือยัง”

เท่านั้นแหละ บุญออบยิ้มหันมาตอบทันที “หิวแล้วจ๊ะ ตั้งแต่กินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นแม่แอ๋วไปเมื่อกลางวัน ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย”

โถๆ.......น่าสงสาร

“งั้น เดี๋ยวเปรี้ยวไปดูในครัวก่อนว่ามีอะไรบ้าง” ว่าแล้วเจ้าเปรี้ยวก็เดินเข้าไปดูในครัว เปิดตู้เห็นมี ยำยำ(คนหมู่บ้านนี้เขาชอบ) และมีโจ๊กซองอยู่จึงหยิบโจ๊กขึ้นมา

แต่ก่อนอื่นต้องตั้งน้ำร้อนก่อน จะได้เอาน้ำอุ่นไปให้บุญออบจิบแก้ไอ เปรี้ยวจัดการเรียบร้อยก็เดินออกมา

“เดี๋ยวพี่ออบรอเดี๋ยว จะทำโจ๊กให้ นี่จิบน้ำร้อนแก้ไอก่อน”

บุญออบค่อยๆลุกขึ้นมารับแก้วน้ำจากเปรี้ยว จิบเล็กน้อยแล้วว่า

“อืม ชื่นใจจัง” เปรี้ยวมองอย่างหมั่นไส้

“น้ำร้อนเนี่ยนะ ชื่นใจ”

“ไม่ได้ชื่นใจที่น้ำร้อน แต่ชื่นใจที่น้ำใจเปรี้ยวต่างหาก” ฮิ้วววววววววว

เปรี้ยวมองแล้วขำ คนบ้าอะไร มุขเชยจริงๆ

“แล้วตกลงจะเช็ดตัวหรือเปล่า”

“สำหรับพี่ยังไงก็ได้ แล้วแต่เปรี้ยวจะกรุณา”

เปรี้ยวก็คงใกล้อ้วกแล้วล่ะ จึงตัดบทว่า “งั้นเดี๋ยวเช็ดตัวหน่อย แล้วค่อยกินโจ๊ก”

แล้วเจ้าเปรี้ยว ก็ไปเอากะละมังใส่น้ำ มาถึงก็มาวางไว้บนโต๊ะ หยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำบิดแล้วชะงัก

“เช็ดตัวเองได้หรือเปล่า”

บุญออบส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ได้จ๊ะ”

“ทำไมเช็ดไม่ได้ เป็นง่อยหรือไง”

“ไม่ได้เป็นง่อย เป็นอบต.” อูย..อย่าใช้อีกนะมุขนี้..ขอร้อง

เปรี้ยวรำคาญจึงเอาผ้ามาเช็ดหน้าตา แขน คอ และ....หยุดแค่นั้น

“เอ้า เอาไปเช็ดเอง เดี๋ยวเปรี้ยวไปทำโจ๊กมาก่อน กลับมาอีกทีต้องเสร็จนะ” แน่ะ มีสั่ง

บุญออบหัวเราะ มองตามเปรี้ยวที่เดินเข้าครัวไป กลับมาเช็ดตัวเองแล้วนึกขึ้นมาได้ เรื่องคุณดลยังไม่เคลียร์เลยนี่นา เปรี้ยวยังไม่อธิบายให้เราฟังเลย

เมื่อเปรี้ยวกลับมาอีกที ก็ถือชามโจ๊กร้อนๆควันขึ้นกรุ่นมาด้วย เอามาวางบนโต๊ะ มองไปที่บุญออบเห็นหน้าตาผ่องใสขึ้นแล้วก็ยิ้ม

“เช็ดตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ถ้างั้นมากินโจ๊ก” เปรี้ยวเลื่อนชามโจ๊กไปให้ แต่บุญออบมองเฉย

“เอ้า ทำไมไม่กินล่ะ ไม่ชอบหรอ”

“เปล่า” บุญออบปฏิเสธเบาๆ “พี่กินไม่ลง เพราะพี่อยากรู้ว่า....เปรี้ยวกับคุณดล”

เปรี้ยวชะงักหันมามองหน้า “พี่อยากรู้ใช่ไหม..ได้ ..เปรี้ยวจะบอกก็ได้...เปรี้ยวกับดล....”

“ไม่ได้เป็นอะไรกัน...เปรี้ยวแค่ให้ดลเขาสอนเป่าแคนให้แค่นั้นเอง....พอใจหรือยัง”

บุญออบยิ้มร่าเมื่อได้รู้ความจริง เปรี้ยวมองอย่างหมั่นใส้

“กินโจ๊กได้แล้ว ทำเป็นเด็กๆไปได้”

แล้วเปรี้ยวก็นั่งมองบุญออบกินโจ๊ก ดูๆ กินอย่างกับเด็ก ท่าทางจะหิวมาก แปบเดียวก็หมดชาม หมดแล้วก็หันมายิ้มกับเปรี้ยว

“อืม อร่อยจังเลย”

เปรี้ยวยิ้มให้ ขำก็ขำ หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ “แล้วนี่มียาไหม จะได้กินยาแล้วนอนเลย”

“อือม คงมีมั้งอยู่ในตู้ยาข้างฝานั่นไง”

เปรี้ยวลุกไปหยิบยาแล้วมานั่งคุกเข่าข้างโซฟา ยื่นยาให้บุญออบกิน

“กินยาแล้วนอนพัก จะได้หายเร็วๆ”

แล้วเปรี้ยวก็ทำท่าจะลุกออกไป แต่บุญออบคว้ามือไว้ทั้งสองข้าง

“เปรี้ยวรู้ไหม นอกจากแม่พี่แล้ว ไม่เคยมีใครมาทำให้พี่อย่างนี้เลย” บุญออบทำเสียงซึ้ง เปรี้ยวหน้าแดง ก้มหน้า

“แล้วไง”

“แม่พี่บอกว่า ถ้าเจอใครที่ทำแบบแม่ ให้พาไปหาหน่อย”

“พาไปหาทำไม”

“แม่พี่ก็คงจะฝากฝังพี่ไว้กับคนๆนั้นมั้ง”

แล้วบุญออบก็ก้มหน้ามาเรื่อยๆ มากระซิบที่หูว่า “ขอฝากตัว ฝากใจไว้กับเปรี้ยวได้หรือเปล่า”

เปรี้ยวเอนหลบด้วยความเขิน จนมือพลาดไปปัดแก้วน้ำตก หกเรื่ยราด ทั้งสองสะดุ้งโหยง....

เปรี้ยวรีบลุกขึ้นทันที พูดอุบอิบๆ “เปรี้ยวไปก่อนนะ” แล้วก็รีบผลุนผลันออกจากบ้านไป มีบุญออบมองตามยิ้มๆ

คำเตือน * ท่านใดอ่านมาถึงตอนนี้ เริ่มเกิดอาการ กระโถนที่เตรียมไว้ ได้โปรดนำออกมาใช้งานได้ทันที อนุญาตให้อ้วกออกมาได้เต็มพิกัด เพราะขนาดคนเขียนเอง ยังทนไม่ได้


เสียงดนตรีเปิดหมวกจากแคนและกีต้าร์ดังไพเราะเพราะพริ้งมาจากตลาดนัดหลังวัด ใครๆๆผ่านไปผ่านมาก็จะอดชื่นชมเสียมิได้....

ปฎลเป่าแคน โอริโอ๋เล่นกีต้าร์และร้องเพลง ไปด้วย ท่าทางมีความสุข

คนผ่านไปผ่านมาก็ช่วยหย่อนเงินคนละเล็กละน้อย...จนตลาดวาย

ทั้งสองเก็บเครื่องดนตรี เตรียมตัวจะกลับบ้าน

ระหว่างทางก็เดินกันไป คุยกันไป ปฎลมองเงินที่รวบรวมได้แล้วว่า

“นี่นะ โอ๋ ถ้าได้เงินเยอะๆนะ ดลฝันว่าจะไปเรียนธรณีวิทยาที่ออสเตรีย”

“จริงหรอ ดล โอ๋ก็อยากไปเรียนดนตรีที่ฝรั่งเศสเหมือนกัน” โอริโอ๋ทำท่าฝัน (เดี๋ยวนี้โอริโอ๋มาอยู่โคกสารินนานแล้ว ภาษาไทยแข็งแรงขึ้นมาก เลยเรียกชื่อเล่นแทนตัวเองซะเลย)

“แล้วเวลาวันหยุด เราก็นั่งรถไฟมาหากันเนอะ” ปฎลว่า โอริโอ๋พยักหน้าแล้วยิ้ม แต่ก็กลับหน้าม่อยลง

“ว่าแต่ เราต้องเล่นดนตรีนี่อีกเท่าไหร่ กว่าจะมีเงินพอไปออสเตรียกับฝรั่งเศสล่ะ”

“ก็คงอีกนาน แต่ไม่เป็นไรนี่โอ๋ ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง ความฝัน ขอเพียงเรากล้าที่จะฝัน มันก็ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอก จริงไหม”

โอริโอ๋พยักหน้า “อืม ว่าแต่ ป๊าดลก็รวยจะตาย รวยกว่าใครในหมู่บ้านเลย ทำไมดลไม่ขอเงินป๊าล่ะ”

ปฎลนิ่งไปนิด ก่อนจะว่า “ที่จริงถ้าดลจะขอป๊า พรุ่งนี้ดลก็ไปได้แล้ว แต่ดลจะไปอย่างคนที่ไม่มีความภาคภูมิใจ ดลไม่อยากเป็นอย่างนั้น”

ปฎลหยุดแล้วหันมามองหน้าโอริโอ๋ “ดลอยากหาเงินไปเองมากกว่า”

“อือม โอ๋ก็คิดอย่างนั้น ไม่งั้นโอ๋คงไม่มาอยู่ที่นี่หรอก ที่นี่มีอะไรสนุกเยอะแยะ....”

“มีคนใจดี รูปหล่ออย่างพี่ผู้ใหญ่ มีเพื่อนน่ารักอย่างเปรี้ยว มีพี่สาวที่น่ารักอย่างพี่พาส แล้วที่สำคัญ...”

“ที่นี่มี....ดล...”

ปฎลยิ้มเขินๆ เอามือถูแคนไปมา แล้วว่า

“โอ๋รู้ไหมว่า ดลประทับใจโอ๋ตรงไหน”

“ตรงไหนหรอ”

“ก็โอ๋มองเห็นดลเสมอ ในยามที่ดลมีตัวตนที่เล็กที่สุด โอ๋เห็นความสำคัญของดลเสมอในยามที่คนอื่นมองไม่เห็น และที่สำคัญ โอ๋ทำให้ดลยิ้มได้เสมอ แม้ในเวลาที่ดลอยากจะร้องให้”

โอริโอ๋เขิน “แหม เราเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเองนะ”

“เวลาไม่มีความหมายหรอก เมื่อเทียบกับใจคนน่ะ ขอแค่เราเข้าใจกัน เจอกันครั้งเดียว เราก็รู้สึกดีต่อกันได้ โอ๋ว่าไหม”

“ว่าสิ ” โอริโอ๋ตอบ ปฎลจึงยิ้มแล้วจับมือโอริโอ๋พากันเดินกลับบ้าน....


ปฎลเดินยิ้มเข้ามาในบ้าน ประเวศที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขกเห็นเข้าจึงทัก

“ อ้าว ดล เพิ่งกลับหรอ เป็นไงบ้างวันนี้”

ปฎลยิ้ม “ก็พอได้ครับ แต่วันนี้เล่นดนตรีกับโอ๋สนุกมากเลยพี่เวศ” ว่าแล้วก็มานั่งลงข้างๆประเวศ แล้วนิ่วหน้า

“โอ้โฮ พี่เวศ เมื่อกี้ลืมปิดประตูบ้านแน่ะ นั่นยุงตอมพี่เวศเต็มเลย ไม่ตบล่ะ นั่นตัวนั้นกินจนอ้วนเลยพี่เวศ”

ปฎลเอื้อมมือจะไปตบยุงให้ แต่ประเวศร้องห้ามขึ้นมาซะก่อน

“อย่าไปตบมัน ดล” ปฎลชะงัก หันมามอง “ทำไมล่ะพี่เวศ ดูสิ มันกินเลือดพี่เวศเข้าไปจนพุงป่องเลยเห็นไหม ตัวอื่นๆด้วย”

“ก็เลือดเป็นอาหารของมันนี่ดล ยุงมันทำนาปลูกข้าวได้เมื่อไหร่ มันหาเลือดเองไม่ได้ จึงต้องมากินเลือดเรา เป็นความจำเป็นของมัน เราต้องเข้าใจด้วย แค่เราสละเลือดให้มันเล็กน้อยไม่เสียหายหรอก”

โถๆ พ่อประเวศคนดีอีกแล้ว

ปฎลมองยุงที่ห้อมล้อมพี่ชายอยู่แล้ว นึกในใจ นี่พี่เวศยังว่าเล็กน้อยอีกหรอเนี่ย แต่ก็เข้าใจพี่ชายตัวเอง คนดีผู้เสียสละอย่างพี่เวศ หาไม่ได้ง่ายๆในโลก

“พี่เวศนี่ เป็นคนดีจริงๆ รักทั้งคนสัตว์ สิ่งของและชาวโลก”

ประเวศยิ้มเขินๆ “ใช่ พี่รักชาวโลกและสิ่งที่เกิดมาบนโลกนี้ทุกอย่าง แต่พี่คงสู้ดลไม่ได้”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็ดลมีทั้งคนที่ดลรัก และเค้าคนนั้นก็รักดลด้วยสิ ดลรู้ไหม แค่ดลมีคนๆๆนี้อยู่คนเดียว พี่ก็สู้ไม่ได้แล้วล่ะ”

ปฎลยิ้มเขิน “พี่เวศก็ แต่ดลยอมรับนะว่า โอ๋ทำให้ดลมีความสุขจริงๆ....แต่พี่เวศก็มีลูกตาลนี่นา”

ประเวศถอนหายใจ “ดลก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับลูกตาล พี่ไม่ได้ชอบลูกตาลแบบนั้น คบกันไป มันก็ไม่มีประโยชน์ ตัวพี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลูกตาลน่ะสิ เขาจะเสียเวลาเปล่าๆ”

ประเวศคนดีอีกแล้ว เขาไม่ได้นึกถึงตัวเอง แต่นึกถึงผลประโยชน์ของลูกตาลเป็นใหญ่

“แล้ว ลูกตาลเค้าชอบพี่เวศหรือเปล่า”

“พี่ก็ไม่รู้ แต่ยังไงมันก็ไม่ดีกับลูกตาลอยู่ดีแหละ ถ้าลูกตาลไม่ได้ชอบพี่ เค้าก็ต้องเสียโอกาสในการเจอคนดีที่เค้ารักและรักเค้าจริงๆ แต่ถ้าลูกตาลเกิดชอบพี่ ลูกตาลก็ต้องเสียใจ...แถมเนิ่นนานไป ก็จะต้องเสียใจมากขึ้น”

“อืม แต่ป๊าเขาอยากให้พี่เวศกับลูกตาล....”

“พี่รู้ แต่พี่ก็ไม่รู้จะขัดป๊ายังไง พี่ไม่อยากให้ป๊าเสียใจและผิดหวังในตัวพี่เหมือนกัน”

เอาเข้าไป พ่อประเวศ พ่อคนดี คนนั้นก็ขัดไม่ได้ คนนี้ก็ขัดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง....

“ตอนนี้พี่เลยไม่รู้จะทำอย่างไร กลุ้มไปหมดแล้ว” ประเวศว่าแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

ปฎลมองดูพี่ชายแล้วสงสาร “พี่เวศ ถามหน่อยเหอะ แล้วพี่เวศชอบผู้หญิงแบบไหน”

ประเวศเงยหน้าขึ้นมาตอบน้องชาย ตาเป็นประกายเล็กน้อย

“พี่หรอ พี่ชอบ...คนดี” เอิ้ก พ่อประเวศ มันจะไม่กว้างไปหน่อยหรอจ๊ะ ผู้หญิงทั้งโลกนี้ที่ไม่ได้เป็นคนชั่วน่ะ มีอยู่นับไม่ถ้วน เฮ้อ....

“อะไรลูก ว่าไง คุยอะไรกันหรอ ป๊าเห็นพูดถึงคนดีอะไรกัน พูดถึงป๊าหรือเปล่า”

นั่นไงล่ะ คนดีตัวจริงมาแล้ว เสี่ยมายเดินเข้ามาในบ้าน ปฎลจึงร้องทัก

“ป๊ากลับแล้วหรอครับ วันนี้กลับดึกจังนะครับ”

เสี่ยมายยิ้มมุมปาก “ก็วันนี้เขาเชิญป๊าไปเป็นประธาน ป๊าก็ต้องคืนกำไรเค้าให้คุ้มๆ หน่อยสิลูก”

นั่นไงล่ะ เสี่ยมายยังคงคอนเซ็บ ไม่เสื่อมคลายจริงๆ

“แล้วเมื่อกี้พูดถึงคนดีอะไรกัน”

ประเวศรีบปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอกครับ ป๊า วันนี้งานสนุกไหมครับ”

“ก็สนุกดีนะลูก เออ ป๊าเจอเจ๊เป็ดด้วย ป๊าก็เลยนึกได้ เวศไปหาหนูลูกตาลเค้ามั่งหรือเปล่า”

“ก็ ไม่ค่อยได้ไปครับ” ประเวศอึกอัก

“อ้าว ทำไมงั้นล่ะลูก หนูลูกตาลเค้าเป็นคู่หมั้นคู่หมายลูกนะ เราเป็นคนดี เราเป็นสุภาพบุรุษ ก็ต้องไปมาหาสู่กันบ้าง”

ประเวศรับคำอ่อยๆ

“ครับป๊า พรุ่งนี้ผมจะไปหาลูกตาลก็แล้วกัน

คำตอบนั้นทำให้เสี่ยมายพอใจมาก “ดีมากลูก” แล้วก็เดินไป แต่เหมือนนึกขึ้นได้ เสี่ยมายหันกลับมาอีกครั้ง

“อย่าลืมน่ะลูก อย่าลืมคืนกำไรให้เค้า” ยังไม่วายย้ำ แล้วก็หันหลังเดินกลับไป....


หลังจากที่เปรี้ยววิ่งไปแล้ว ผู้ใหญ่พิษณุ ก็นั่งฮัมเพลงอยู่ใต้ต้นมะขาม แต่นั่งท่าไหนไม่ทราบ กลับกลายเป็นนอนไปซะได้ แหม ก็ลมมันเย็นนี่

จนกระทั่งมีมือๆหนึ่งมาเขย่าตัวอย่างแรง พร้อมแผดเสียงดังก้อง

“พี่ผู้ใหญ่”

ผู้ใหญ่สะดุ้ง ผุดลุกขึ้นนั่งทันที

“เฮลโหลเทสๆ “ ผู้ใหญ่พูดด้วยความเคยชิน เหลียวมองเลิกลั่ก แต่เมื่อมองไปไม่เห็นใคร เห็นประพาสยืนอยู่คนเดียวก็เอื้อมมือมาเขกหัวหนึ่งที

“โอ้ย พี่ผู้ใหญ่ ทำร้ายพาสอีกแล้ว”

ผู้ใหญ่หัวเราะ “เออ สมน้ำหน้า คนกำลังนอนดีๆมาขัดจังหวะอยู่ได้ กำลังเคลิ้มๆ เลย”

“เคลิ้มไรเล่า พี่ผู้ใหญ่ พาสเห็นนะ พี่ผู้ใหญ่น่ะหลับมานานแล้ว ถ้าพาสไม่ปลุก สงสัยหลับไปถึงเช้าโน่น”

“เฮ้ย พูดเกินไป ลมมันเย็นดีนี่หว่า ใต้ต้นมะขามบ้านพาสเนี่ย” พี่ผู้ใหญ่ตั้งท่าจะเอนตัวลงนอนต่อ แต่ประพาสจับตัวขืนไว้

“เดี๋ยวพี่ผู้ใหญ่ อย่าเพิ่งนอนต่อ กลับไปนอนบ้านพี่โน่น”

ผู้ใหญ่หันมามองแล้วยิ้ม แกล้งโวย “ไรวะ พี่ไม่ได้ไปนอนบนบ้านพาสสักหน่อย แค่ขอนอนใต้ต้นมะขามแค่นี้ หรือว่าแค่ต้นมะขามก็หวง”

“แล้วจะมานอนให้ยุงกัดทำไมเล่า นี่มันมืดแล้วนะ”

“ยังไม่มืดสักหน่อย ตรงนี้ลมมันเย็นดี ไม่เห็นมียุงเลย แหม แค่ต้นมะขาม ปลูกก็ไม่ได้ปลูกเองสักหน่อย อย่ากันท่านักเลยวะ”

“เอ้า อยากนอนก็นอนไป” ประพาสขี้เกียจห้ามจึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆผู้ใหญ่ ฝ่ายผู้ใหญ่ก็ทำท่าจะเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วชะงัก

“พาส”

“อะไร พี่ผู้ใหญ่ จะนอนก็นอนไป ไม่ห้ามแล้ว”

“ว่างอยู่เปล่า ตอนนี้น่ะ”

“อือ ว่าง ทำไมหรอ”

“งั้น มานี่ มาใกล้ๆ” พี่ผู้ใหญ่เรียกประพาสเข้ามาใกล้อีกนิด ประพาสเขยิบไปจนใกล้ แล้วเลิกคิ้วถาม

“ทำไมอ่ะ”

“ก็....จะขอยืมตักหน่อย ยังว่างใช่ไหม”

ประพาสเริ่มเขินเล็กน้อย “เฮ้ย เมื่อกี้พี่ก็นอนได้นี่ ไม่เห็นต้องหนุนตักเลย”

“อ้าว ก็เมื่อกี้พาสยังไม่ได้มานี่ ตอนนี้มาแล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยเหอะ พื้นแคร่มันแข็งจะตาย” ผู้ใหญ่ว่ายิ้มๆ แล้วเอาหัวไปหนุนตักประพาสทันที

ประพาสทำหน้าไม่ค่อยถูก รู้สึกตัวเกร็งพิกล เสียงผู้ใหญ่บ่นเบาๆ

“อย่าทำตัวเกร็งดิ พี่นอนไม่สบายเลย”

ประพาสพยายามทำตัวไม่เกร็ง ก็กลายเป็นขยุกขยิกไปอีก เสียงผู้ใหญ่ บ่นอีกแล้ว

“อย่าทำขยุกขยิกดิพาส อยู่เฉยๆ” แหม พี่ผู้ใหญ่นี่เอาใจยากจัง ประพาสนั่งนิ่งๆ เริ่มชิน

เสียงพี่ผู้ใหญ่บอกเบาๆ “อืมๆ นิ่มจัง ตักพาสเนี่ย”

ประพาสบ่นอุบอิบ “จะนอนก็นอนเหอะ พี่ผู้ใหญ่ ไม่ต้องพูดแล้ว”

“ไม่พูดแล้ว ให้พี่หนุนตักทั้งคืนเลยนะ”

ประพาสเขิน “บ้า พี่ผู้ใหญ่ ได้ไงเล่า เมื่อยกันพอดี”

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึหึ บอกเบาๆ “พี่ล้อเล่น”

แล้วก็เงียบเสียงไป ประพาสค่อยๆก้มหน้าไปดู พิจารณาหน้าพี่ผู้ใหญ่ ยิ่งดูหน้าก็ชิดขึ้นเรื่อยๆ

พลันผู้ใหญ่ก็ลืมตาขึ้นมาทันที แล้วร้องว่า “แฮ่ๆๆ..”

ประพาสตกใจสะดุ้งโหยง ผู้ใหญ่หัวเราะขำ “ฮ่าๆ..” เล่นเอาประพาสโวย

“พี่ผู้ใหญ่แกล้งอีกแล้วอ่ะ” ขำก็ขำ เขินก็เขิน “ไปเลยนะ พี่ผู้ใหญ่ ลุกเลย ไม่ให้นอนแล้ว”

ผู้ใหญ่ลุกแต่โดยดี แต่ยังไม่วายบ่น

“ไรวะ แกล้งนิดเดียว ทำเป็นโมโหไปได้ พี่ไปนอนบ้านพี่ก็ได้ ไม่ง้อหรอกเฟ้ย”

แล้วพี่ผู้ใหญ่ก็เดินออกไปอย่างร่าเริง ไม่มีวี่แววของคนที่ง่วงนอนเมื่อกี้อยู่เลย แถมฮัมเพลงซะด้วย

แถวไหนคุณเป็นคนแถวไหน...แถวไหนจะได้ทักทายกัน..

ประพาสมองตามแล้วยิ้มออกมา...พี่ผู้ใหญ่นี่มัน...บ้าจริงๆ


เช้าวันใหม่....เอ๊ก... อี๊ ....เอ๊ก...เอ๊ก....นั่นเสียงไก่ขัน...แสดงว่ายังเช้าอยู่...

ประเวศออกจากบ้านแต่เช้า วันนี้ป๊าสั่งให้ไปเยี่ยมลูกตาล เขาจึงไม่รอช้าที่จะปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี

ประเวศเดินมาพร้อมเจ้าด่างที่ภักดี เดินตามหลังมาด้วย เดี๋ยวนี้เจ้าด่างได้เข้าไปเป็นสมาชิกถาวรในบ้านประเวศเรียบร้อยแล้ว

ประเวศเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆๆๆ แล้วเขาก็เจอสาวชุดขาวเดินมาแต่ไกล

พยาบาลพัดชานั่นเอง....

พัดชาเห็นประเวศก็ยิ้มให้ ชูถุงคุ๊กกี้ให้ดู

“อรุนสวัสดิ์ค่ะ คุณเวศ ทานคุ๊กกี้ไหมคะ”

ประเวศยิ้มให้ “อรุนสวัสดิ์ครับ พัด พัดทานเถอะครับ คุ๊กกี้น่ะ เดี๋ยวพัดจะไม่อิ่ม” เขาเริ่มเป็นห่วงชาวโลกอีกแล้ว

“อิ่มสิค่ะ” พัดชายิ้ม “ก็พัดทานเรียบร้อยมาจากบ้านแล้วถุงใหญ่ๆ นี่พัดก็ถือติดมือมาอีกหลายถุง”

พัดชาว่าแล้วชูถุงคุ๊กกี้ให้ดูอีกครั้ง “คุณเวศออกจากบ้านมาแต่เช้า ต้องยังไม่ได้ทานอะไรมาแน่ๆเลย ใช่ไหมคะ มาคะ มาทานคุ๊กกี้แม่เนิกไงคะ พัดบอกแล้วว่า ของเค้าดีจริงๆ”

แล้วพัดชาก็ชวนประเวศมานั่งที่ม้านั่งหินอ่อน ข้างๆสวนสาธารณะ ยื่นถุงคุ๊กกี้ให้ ประเวศไม่ขัดใจคนอยู่แล้ว เขาจึงหยิบถุงคุ๊กกี้มาเปิดกินอย่างเอร็ดอร่อย

ประเวศดูท่าว่าจะหิวจริงๆๆ (แล้วจะปฏิเสธตั้งแต่แรกทำไมฟ่ะ) เขากินคุ๊กกี้อย่างเอร็ดอร่อย จนหมดไปครึ่งถุงจึงเพิ่งรู้สึกตัว หันมายิ้มกับพัดชาที่มองอยู่แล้วว่า

“อร่อยครับ ของเค้าดีจริงๆ”

พัดชายิ้มให้แล้วรับคำ “ ค่ะ พัดก็ว่างั้นคุณเวศกินให้หมดเลยสิคะ”

ประเวศไม่ขัดศรัทธา เขากินเพลินๆ จนแทบจะลืมไปว่า เมื่อกี้เขาตั้งใจจะไปไหน เมื่อนึกขึ้นได้ คุ๊กกี้ก็หมดถุงแล้ว

“พัดครับ ผมต้องไปแล้วล่ะ”

“คะ คุณเวศรีบหรอคะ”

“ไม่รีบครับ ไม่รีบ ผมแค่จะไปหาลูกตาลซักหน่อย”

“อ๋อ ถ้างั้น ก็โชคดีนะคะ” พัดชาว่าแล้วเดินไปโรงพยาบาล ประเวศจะเดินตาม แล้วก็นึกขึ้นได้ เออ นี่คนละทางนี่หว่า สงสัยจะเดินตามคุ๊กกี้แม่เนิกละมั้ง..ก็ของเค้าดีจริงๆนี่..



“เฮ้ย เจ้ากุ๊ก” ปลัดเงยหน้าจากจานข้าวที่เจ้ากุ๊กเพิ่งจะเสริฟไปเมื่อกี้นี้เอง เจ้ากุ๊กหันมาทำตาขวาง

“อะไรครับ คุณปลัด จะเอาอะไรอีก ใช้ผมจนหัวหมุนแล้วนะ”

“เฮ้ย นี่เอ็งฟังก่อนได้ไหม ยังไม่ได้พูดอะไรเลย” ปลัดส่ายหัว

เจ้ากุ๊กหันมาจ้องตาเขม็ง “ว่าไงฮะ ผมกำลังตั้งใจฟังอยู่ จะพูดอะไรก็รีบพูดมา ผมมีเวลาไม่มาก ผมยุ่ง”

“คือ ชั้น...เอ่อ...เบื่อข้าววะ” ปลัดว่าอ่อยๆ ตาเหลือบมองจานข้าว

นั่นๆ เรื่องมากจริงปลัดเนี่ย หมั่นหน้า ทำอย่างโน้น จะกินอย่างนั้น เอาใจยากจริงเชียว ว่าแต่...ทำไมต้องเอาใจด้วยล่ะ...

เจ้ากุ๊กถอนหายใจ “แล้วปลัดจะกินอะไรล่ะครับ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ขึ้นเขาลงห้วย ผมจะไปเสาะหามาให้”

ดูๆ มันประชด ปลัดคิด พยายามไม่ใส่ใจ

“คือ ชั้นได้ข่าวว่า คุ๊กกี้แม่เนิกที่มาขายหน้าศาลาเมื่อคราวงานวัดอร่อยน่ะ....เอ่อ...อยากกินมั่งอ่ะ”
ปลัดว่าเอาดื้อๆ เจ้ากุ๊กถอนหายใจอีกครั้ง

“คุ๊กกี้อะไรหรอครับ”

“ อ้าว ก็คุ๊กกี้ที่ใครกินแล้วก็ต้องบอกว่า ของเค้าดีจริงๆ ไง เอ็งไม่รู้จักหรอ ที่บ้านโคกสารินนี่นะ เค้าดังจะตาย”

“อ๋อ ผมรู้จักแล้ว แต่ว่า งานวัดมันก็เลิกแล้ว ผมจะไปหาที่ไหนมาให้คุณปลัดได้ล่ะครับ”

“เอ็งก็ไปดูที่ตลาดมาสิ มันน่าจะมีขายมั่งนะ”

“ที่ตลาดหรอครับ เอ” เจ้ากุ๊กนิ่งไปอย่างใช้ความคิด แล้วก็คิดออก “ผมนึกออกแล้ว คุ๊กกี้แม่เนิกน่ะ เขาทำส่งขายพยาบาลพัดชา เค้าเหมาไปขายที่โรงพยาบาลไงครับ”

ปลัดตาเป็นประกาย ดีดนิ้วเปาะ “เออ จริงหรอ งั้นเอ็งไม่ต้องไปซื้อแล้ว เดี๋ยวชั้นไปซื้อเอง”

เหอะ หมั่นหน้า จะไปซื้อคุ๊กกี้หรือจะไปหาคุณพยาบาลกันแน่ แล้วพี่ประเวศล่ะ เฮ้อ ถ้าจะไปจีบเขาละก็ น่าสงสารคุณพยาบาลตายเลย เจ้ากุ๊กคิด พลางว่า

“ผมว่าคุณปลัดน่ะ ตัดสินใจชีวิตให้มันดีหน่อยดีกว่า จะเป็นอะไรก็เป็นไปซะอย่างหนึ่ง มาเหยียบเรือสองแคมอย่างนี้มันไม่ค่อยดีนะครับ”

เจ้ากุ๊กตัดสินใจพูด พูดไปมันก็หงอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความจริงขึ้นมาได้ ความจริงที่ไม่ใช่ความฝันเมื่อเย็นวาน

ฝ่ายปลัดกลับงง เจ้ากุ๊กมันพูดอะไรของมัน เหยียบเรือสองแคมอะไรหว่า

“อะไรของเอ็ง เหยียบเรือสองแคม เอ็งจะให้เลือกอะไร”

เจ้ากุ๊กรู้สึกตัว รู้ว่าตัวเองเริ่มเศร้าจิตตก จึงทำเสียงใหญ่เข้าข่มเหมือนเคย

“โฮ่ๆๆ ผมหมายถึงว่าให้ปลัดเลือกเอาสักอย่างหนึ่ง จะกินข้าวหรือกินคุ๊กกี้ ถ้าจะกินข้าว ผมจะได้หุงข้าว ถ้าจะกินคุ๊กกี้ผมจะได้ไม่หุงข้าว คุณปลัดมาเหยียบเรือสองแคมอย่างนี้ มันเปลือง รู้ไหมครับ โฮ่ๆๆ”


ณ คฤหาสถ์ของเจ๊เป็ด.....

ประเวศเดินดุ่มๆเข้าไป...นั่น เห็นหมวยนกกำลังแอโรบิกอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน

“อัพ แอนด์ ดาวน์ อัพ แอนด์ ดาวน์ อ้าว คุณเวศ ฮัลโหล” หมวยนกเห็นประเวศเข้า ก็โบกมือทักทาย ประเวศจึงหยุดทัก

“สวัสดีครับ คุณหมวย แอโรบิกอยู่หรอครับ”

“ใช่ค่ะ คุณเวศ มาแอโรบิกด้วยกันไหมคะ ร่างกายจะได้แข็งแรง ฟิต แอน เฟิร์มไงคะ”

ประเวศยิ้มแล้วส่ายหน้า

“เอาไว้วันหลังดีกว่าครับ พอดีวันนี้ผมมาหาลูกตาล เค้าอยู่ไหมครับ”

“อ๋อ อยู่ค่ะ ป่านนี้คงทานอาหารเช้าอยู่ คุณเวศเข้าไปหาสิคะ”

“ขอบคุณครับ”

ประเวศว่าแล้วเดินเข้าไปในห้องอาหาร แค่ก้าวประตูมาก็ได้ยินเสียงเจ๊เป้ดดังขึ้นมาซะก่อน

“บอกมานะ ลูกตาล ลูกแอบกินของกินตอนดึกใช่ไหม”

“เปล่านะคะ หม่ามี้ ลูกตาลไม่ได้กินสักหน่อย หม่ามี้เอาที่ไหนมาพูด” ลูกตาลปฏิเสธเสียงแข็ง

“แล้วเมื่อคืน หม่ามี้ได้กลิ่นอะไรในครัว”

ลูกตาลสะดุ้ง “กลิ่นอะไรคะ”

“ก็กลิ่นมันเค็มๆ เหม็นๆน่ะ ลูกไม่ได้กลิ่นหรอ”

“เอ่อ คือ ไม่ได้กลิ่นหรอกคะ เมื่อคืนลูกตาลนอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว” ลูกตาลว่าแล้วคิดในใจ คราวหลังจะทอดปลาเค็มต้องระวังหน่อยแล้วเรา

ก่อนที่เจ๊เป็ดจะซักไซ้ไล่เลียงอะไรมากไปกว่านี้ ก็เหลือบไปเห็นประเวศซะก่อน

“อ้าว พ่อเวศ นั่น มาหาลูกตาลหรอจ๊ะ” ประเวศก็เลยไหว้และทักทายเจ๊เป็ด

ลูกตาลหันไปมองด้วยความดีใจ เฮ้อ จะได้เบี่ยงเบนความสนใจหม่ามี้ได้เสียที

“เวศ ดีใจจังเลยที่มาหาลูกตาล มานั่งก่อนสิ ทานอาหารเช้ากัน”

ประเวศยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ละ ชั้นทานมาอิ่มมากแล้ว”

“งั้น...”ลูกตาลรีบลุกจากเก้าอี้ทันที “เราไปนั่งคุยกันดีกว่า นะ” แล้วลูกตาลก็ลากประเวศไปนั่งที่เก้าอี้ในสวน ไกลจากหม่ามี้ให้มากที่สุด

“เนี่ย ถ้าแกไม่มาเมื่อกี้นี้นะ ชั้นต้องแย่แน่ๆ” ลูกตาลว่าแล้วถอนใจ

“ทำไมล่ะ”

“ก็เมื่อคืนงานวัดน่ะ ดลเขาให้ปลาเค็มกับปลาทูชั้นมา เมื่อคืนกะว่าจะเอาไปทอดกินซะหน่อย หม่ามี้ดันได้กลิ่น หลบแทบแย่”

“อย่างแกเนี่ยนะ กินปลาเค็ม ปลาทู” ประเวศถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ

“ก็ใช่สิ อร่อยจะตายไป ที่โอ๊คแลนด์ก็ไม่มีที่กลิ่นแรงๆอย่างเนี้ย แล้วที่บ้านโคกเราเนี่ย หม่ามี้ก็ไม่ยอมซื้อมาให้ชั้นกินเลย กินแต่อาหารฝรั่ง ชั้นเบื่อจะแย่อยู่แล้ว” ลูกตาลบ่นแล้วชะงัก

“เออ ๆ แล้ววันนี้มาหาชั้น มีอะไรหรอ”

ประเวสอึ้งไปนิด เขาไม่รู้จะบอกลูกตาลอย่างไรดี คิดไม่ออกก็บอกไปดื้อๆนี่แหละ

“ก็ ป๊าเขาให้มาหา”

ลูกตาลเอียงคอร้อง “เอ๋”

“ให้มาหาทำไม”

“อ้าว ลืมแล้วหรอ แก ก็เราเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันไง”

ลูกตาลยิ้มแหะๆ “อ้อ ลืมไป” แล้วก็นิ่งไปนิดหนึ่ง “แล้วแกไม่อึดอัดมั่งหรอ”

ประเวศอึ้ง “ก็ ไม่หรอก....มั้ง”

ลูกตาลยิ้ม “แกไม่อึดอัด....แต่ชั้นอึดอัด....ชั้นเบื่อ เข้าใจไหม” ประโยคหลังเริ่มวีน

“ใจเย็น แก”

“จริงๆ ชั้นก็รักบ้านโคกเรามากนะ แต่ชั้นเบื่อหม่ามี้ที่คอยจ้ำจี้จ้ำไช โน่นนี่ ไปซะทุกอย่าง ชั้นอยากเป็นอิสระ แบบตอนที่ไปอยู่โอ๊กแลนด์น่ะ แล้วถามจริงๆ เรื่องของเราน่ะ แกคิดว่าเราจะแต่งงานกันได้จริงๆหรอ”

ประเวศอึ้งอีกครั้ง “ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วย...ก็”

“แกจะยอมแต่งกับชั้นหรอ ถามจริง แกรักชั้นหรอ”

“ก็...เอ่อ...เราก็เป็นเพื่อนกัน” ประเวศอึกอัก

“ก็ใช่น่ะสิ เราเป็นเพื่อนกัน แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไง” ลูกตาลมองหน้าประเวศ

“ชั้นจะบอกให้นะแก การที่เราต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักน่ะ มันแย่ยิ่งกว่า การที่เราต้องพลัดพรากจากคนรักซะอีก”

“อืม ชั้นเห็นด้วยนะ แต่ว่า...เราจะทำยังไงกันล่ะ”

“อืม ทำไงหรอ” ลูกตาลนิ่งไปอย่างใช้ความคิด “เออ แกมีคนที่แกรักหรือยังล่ะ”

ประเวศตาเป็นประกาย แล้ววูบลง “ก็...คล้ายๆจะมี...แต่ ชั้นก็ไม่แน่ใจ”

ลูกตาลเอียงคอมอง ร้อง “เอ๋”

“คือ ชั้นก็ยังไม่แน่ใจไง ว่าแต่แกเถอะ มีแล้วหรือยัง”

ลูกตาลยิ้ม พูดออกมาอย่างมั่นใจ “ชั้นมีแล้ว…” อ้าว ไปมีตอนไหนเนี่ย

“เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราสองคนไม่ได้รักกัน และชั้นก็มีคนที่รักแล้ว ส่วนแกถึงแม้จะยังไม่แน่ใจก็เหอะ แต่ต่อไปก็อาจจะเป็นไปได้ใช่ไหม งั้นเราต้องมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ความรักของเราสมหวัง โอเคไหม”

“ก็ โอเคมั้ง” ประเวศไม่ขัดลูกตาลในเวลานี้ เวลาที่ลูกตาลกำลังมุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาคงจะปล่อยไปตามน้ำ

แล้วลูกตาลก็บังคับให้ประเวศมาร้องเพลงร่วมกัน

ชั้นต้องทำ....ทำอะไรสักอย่างแล้ว....ให้เธอนี้....ไม่แคล้วไม่คลาดกัน....ให้เธอรู้ตัวว่ามีคนคนอย่างชั้น...แอบมองเธออยู่ตรงนี้....รอคอยเธอตรงนี้.....ชั้นนี่ไง....


โรงพยาบาล.....

ประพาสเดินหน้าม่อยเอียงคอ มาหาพัดชาที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์

“พัดจ๊ะ ช่วยพี่ด้วย”

พัดชาเงยหน้ามาอย่างตกใจ “อ้าว พี่พาส เป็นอะไรละคะนั่น”

“พี่ปวดหัวยังไม่หายเลย เมื่อคืนมานอนตกหมอนซ้ำอีกน่ะ”

“งั้น เดี๋ยวไปให้หมอตรวจดีกว่านะคะ” พัดชากุลีกุจอ แต่ประพาสขืนตัวไว้

“ไม่เอาอ่ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก คราวที่แล้วก็ตรวจไปแล้ว คราวนี้พี่ไม่ตรวจแล้วล่ะ พัดมาตรวจให้พี่ก็พอ”

พัดชาส่ายหน้าแล้วยิ้ม “เอาอีกแล้ว พี่พาส กลัวหมออีกแล้ว งั้นเข้ามานั่งในห้องก่อนค่ะ”

พัดชาพาประพาสเข้ามาในห้อง

“ช่วงเที่ยงพอดี เดี๋ยวเราไปทานข้าวกันนะคะ” พัดชาว่าแล้ว เตรียมตรวจร่างกายประพาส

“อืม ก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ความดันยังสูงเหมือนเดิม คลื่นหัวใจพักนี้นี่ดีนะคะ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวพัดจัดยาบำรุงกับวิตามินไปให้พี่พาสกินแล้วกัน พี่พาสคงทำงานหนัก ต้องบำรุงร่างกายให้แข็งแรงหน่อยนะคะ”

ประพาสยิ้มมองพัดชา “พัดนี่ น่ารักจัง ช่างปรนนิบัติ เอาใจอย่างนี้ ใครได้เป็นแฟนล่ะ รักตายเลย”

พัดชายิ้มเขิน “แหม พี่พาส ไม่มีสักหน่อย แฟนเฟินอะไรนั่นน่ะ”

“พี่เห็นหนุ่มๆมาจีบพัดกันเต็มโรงพยาบาลไปหมด”

“คนบางคนเขาก็ไม่สนใจพัดนี่คะ”

ประพาสมองหน้าด้วยความแปลกใจ “หา ยังมีคนไม่สนใจพัดอีกหรอ สวยก็สวย เก่งก็เก่งขนาดนี้ ใครนะ มันช่างตาถั่วจริงๆ”

พัดชาหน้าหมองลงไป “มีสิคะ คนที่ไม่สนใจพัดน่ะ เรื่องความสวยหรือความเก่ง มันคงไม่สำคัญสำหรับเขา”

ประพาสมองอย่างเข้าใจ “แล้วบังเอิญคนๆนั้น ก็ดันเป็นคนที่เราสนใจด้วยใช่ไหม”

พัดชาพยักหน้า แล้วก้มหน้า ประพาสเห็นแล้วจึงเขยิบเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปโอบไหล่ ลูบหลังไปมา

“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งเศร้าไปเลยจ๊ะ พัด ไหนบอกพี่สิ ว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร”

พัดชาก้มหน้าแล้วส่ายหน้า

“น่า บอกหน่อยน่า เผื่อพี่อาจจะช่วยอะไรก็ได้นะ พี่รับรองเลยว่าจะไม่บอกใคร”

พัดชาเงยหน้าขึ้นมาเห็นประพาสมองมาอย่างเข้าใจ ก็ยิ้ม แล้วเขยิบเข้ามากระซิบที่หู....

ประพาสตาเหลือก เมื่อได้ฟังความจริงจากปากพัดชา รีบหันไปมองพัดชาแล้วว่า

“พัด จริงหรอ ที่แท้พัดก็ชอบ....เอ่อ เฮ้ย”

ประพาสพูดยังไม่ทันจะหมดคำ พัดชาก็รีบหยิบคุ๊กกี้ในถุงเข้าปากประพาสหนึ่งชิ้น ประพาสคุ๊กกี้เต็มปากจึงไม่สามารถพูดออกมาได้

เมื่อเคี้ยวคุ๊กกี้หมด พัดชาก็ว่า

“ไหนพี่พาสจะไม่บอกใครไง”

ประพาสเคี้ยวคุ๊กกี้กลืนลงคอเรียบร้อยแล้ว ก็ตอบว่า “ก็ที่นี่มันไม่มีใครนี่นา พัดก็”

“ก็ไม่แน่นี่คะ อาจมีใครมาแอบฟังก็ได้ พี่พาสต้องสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”

“ได้ๆจ๊ะ พี่จะไม่บอกใครว่าพัดแอบชอบ...เอ่อ เฮ้ย” คุ๊กกี้อีกหนึ่งชิ้นถูกส่งเข้าปากประพาสอีกครั้ง

พัดชาดุ “พี่พาส ไหนว่าจะไม่พูดไง”

ประพาสพูดทั้งที่คุ๊กกี้ยังเต็มปาก “เอ่อ พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย เอิ้ก”

เมื่อเคี้ยวคุ๊กกี้หมด ประพาสก็ว่า “คืองี้ พี่จะบอกพัดว่า พี่จะช่วยพัดเอง”

“ช่วยอะไรหรอพี่พาส”

ประพาสยิ้ม “ก็ช่วยให้พัดสมหวังกับ....เอ่อ เฮ้ย” คุ๊กกี้ชิ้นที่สามเข้าปากประพาสไปแล้ว

“เฮ้ย พัด พี่ยังไม่ได้บอกอะไรเลย พี่จะบอกว่าคนที่พัดชอบต่างหาก เฮ้อ “ ประพาสโวยวายทั้งๆที่คุ๊กกี้ยังเต็มปาก พัดชายิ้มแหะๆ

“แหม ก็พัดกลัวพี่พาสพูดออกมานี่” พัดชาเขิน “พี่พาสน่ะ รู้ไหม ทำอย่างนี้ เปลืองคุ๊กกี้พัดแย่เลย” อ้าว


ที่หน้าโรงพยาบาล ผู้ใหญ่พิษณุรูปหล่อ กำลังจะเดินเข้าไป...บังเอิญไปจ๊ะเอ๋กับปลัดกฤตย์ที่กำลังจะเดินเข้าไปเช่นกัน....

ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน “อ้าว”

คุณปลัดถาม “ผู้ใหญ่มาทำอะไรที่นี่หรอครับ”

“อ๋อ พอดี ผมจะมาหาหมอหน่อยน่ะครับ เมื่อคืนนอนตกหมอน แล้วคุณปลัดล่ะครับ” ความจริงผู้ใหญ่จะมาหาพัดชาต่างหาก อุ๊บ

“อ๋อ ผมก็ เมื่อคืนนอนตกหมอนเหมือนกันครับ ว่าจะมาหาหมอเหมือนกันเลย” แน่ะๆ คุณปลัด ใจจริงจะมาหาพัดชานี่นา อุ๊บ

“งั้นเราเข้าไปพร้อมกันเลยนะครับ” ผู้ใหญ่ชวน ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพร้อมกัน

เมื่อเข้าไปถึงเคาน์เตอร์ ต่างก็มองหาพัดชา แต่ไม่เจอ มองผ่านกระจกห้องตรวจเข้าไปจึงเห็น...

นั่น....ประพาสกำลังเอามือโอบไหล่พัดชา....

สักพักนึง....พัดชายื่นหน้ามากระซิบที่หูประพาส....

อีกสักพักนึงพัดชาก็ป้อนคุ๊กกี้ประพาส.....ชิ้นที่1...ชิ้นที่2....ชิ้นที่3...โอ้ย

ผู้ใหญ่และปลัดหันมามองหน้ากัน แล้วหันไปมองภาพนั้นอีกครั้ง....

แล้วก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง.....แล้วก็อึ้งกันไป...

ไม่มีใครรู้ว่าว่ารักจะจบลงเช่นใด เอ้ย ไม่ใช่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่.....




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:28:38 น.
Counter : 223 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๓

ผู้ใหญ่หันมามองหน้าคุณปลัด แล้วทั้งสองก็เอ่ยออกมาพร้อมกัน..

“เอ่อ...”

ผู้ใหญ่จึงว่า “คุณปลัดพูดก่อนเถอะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผู้ใหญ่พูดก่อนดีกว่า” คุณปลัดเสียสละ

“งั้น ผมพูดก่อนก็ได้ เอ่อ คือ ผมนึกได้ว่ามีธุระที่ตลาด คงไม่ไปหาหมอแล้วล่ะครับ”

“ผมก็เหมือนกันครับ นึกได้ว่ามีธุระที่ตลาดเหมือนกัน ผมก็คงไม่ไปหาหมอเหมือนกันครับ”

ผู้ใหญ่ยิ้ม “อ้าว งั้นเราก็ไปทางเดียวกันสิครับ ไปด้วยกันไหมครับ”

ปลัดพยักหน้า “ครับ”

ทั้งสองจึงหันหลังให้กัน เอ้ย ไม่ใช่ หันหลังให้โรงพยาบาล เดินมุ่งหน้าไปที่ตลาดทันที

ระหว่างทาง ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เดินกันมาเงียบๆ ระยะหนึ่ง จู่ๆ ปลัดก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“ผู้ใหญ่ครับ ผมขอถามไรหน่อย”

ผู้ใหญ่หยุดเดินหันมามองหน้า “ตกลงปลัดจะถามผมหรือถามหน่อยครับ” อูย...มุขแป๊ก “แหะ ผมล้อเล่น ปลัดจะถามไรครับ”

ปลัดอึ้งไปชั่วครู่กับมุขแปีกของผู้ใหญ่ แต่ก็พยายามไม่สนใจ

“คุณพัดชานี่ เค้าเป็นคนยังไงหรอครับ”

ผู้ใหญ่ยิ้มหวานเมื่อเอ่ยถึงพัดชา “พัดเค้าก็เป็นสวย เก่ง มั่นใจในตัวเอง จิตใจดี สรุปว่าดีครับ”

ปลัดพยักหน้าแล้วถามต่อ “แล้วประพาสละครับ เค้าเป็นคนไง”

ผู้ใหญ่ยิ้มกวนเมื่อนึกถึงประพาส “พาสหรอครับ เป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ดี จิตใจก็ดี สรุปว่าดื้อครับ” อ้าว

ปลัดนิ่งไปเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะถามออกมาอีก

“แล้วเจ้ากุ๊กละครับ มันเป็นเพื่อนกับเปรี้ยวนี่ มันเป็นคนยังไง”

ผู้ใหญ่หยุดเดินแล้วหรี่ตามองปลัดนิดหนึ่ง ยิ้มๆแล้วว่า

“แล้วคุณปลัดเห็นว่ามันเป็นคนยังไงล่ะครับ”

“มันก็...” ปลัดหยุดคิด “เป็นคนดื้อเหมือนกันครับ ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก ทำกับข้าวก็ไม่อร่อย ถูพื้นก็ไม่สะอาด ซุ่มซ่าม สารพัดแหละครับ สรุปว่ามันโก๊ะ”

ผู้ใหญ่มองแล้วยิ้มๆ..สรุปว่ามันจะถามตรูทำไมวะ เล่นเล่ามาเป็นฉากๆเลย...

“แล้ว พอจะทนอยู่กับมันได้ไหมครับ”

ปลัดอึ้งไป “ก็...พอทนได้ครับ” ตอบไปแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วผู้ใหญ่ละครับ”

“ผมหรอ ผมทำไมครับ”

“ก็ระหว่างคนดีกับคนดื้อ ผู้ใหญ่ทนคนไหนได้มากกว่ากัน”

ผู้ใหญ่อึ้งไป ยิ้มๆ แล้วกลับหุบลง คนดีกับคนดื้อหรอ ภาพที่เห็นเมื่อกี้...ดูท่าสองคนนั้นอาจไม่เห็นเราอยู่ในสายตาแล้วก็ได้

ผู้ใหญ่คิดแล้วหงอย ปลัดมองด้วยความแปลกใจ แต่ยังถามย้ำ

“ว่าไงล่ะครับ ผู้ใหญ่”

“อืม คนดีกับคนดื้อหรอครับ...ผม” ผู้ใหญ่จะอ้าปากตอบ ก็พอดีมีเสียงหนึ่งดังแผดขึ้นมาก่อน

“พี่ผู้ใหญ่” เจ้ากุ๊กนั่นเอง มันมาจากไหนไม่รู้ เห็นเข้าก็รีบวิ่งปรู๊ดมาจับมือผู้ใหญ่ทันที ทำเอาปลัดมองด้วยความ
รู้สึกแปลกๆ

“ไปไหนมาครับ” เจ้ากุ๊กถาม แกล้งไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่ยิ้มๆเหลือบมองเห็นปลัดเริ่มหงุดหงิดก็ยิ้มมากขึ้น

“ไปโรงพยาบาลมา”

“อ๋อ....” เจ้ากุ๊กเหลือบมองปลัด แล้วทำหน้ากวนใส่” ไปหาคุณพยาบาลมาใช่ไหมครับ โฮ่ๆๆ”

พูดถึงโรงพยาบาลแล้ว ผู้ใหญ่ก็หงอยลงไปอีก เฮ้อ

คุณปลัดเห็นท่าทางเย้ยหยันของเจ้ากุ๊กแล้วหมั่นไส้ อดไม่ได้

“แล้วเอ็งไปเกี่ยวอะไรด้วย เจ้ากุ๊ก หรือคิดจะริไปจีบคุณพัดชาเขา”

เจ้ากุ๊กหันมามองหน้า ทำกวนใส่ “เหอะ คุณปลัด อย่ามากินปูนร้อนท้อง ขอร้องเลย ตัวเองจะไปจีบเองก็บอกมาเหอะ โธ่ พี่ผู้ใหญ่เค้ามาแล้ว เค้าไม่สนใจคุณปลัดหรอก โฮ่ๆๆ”

ผู้ใหญ่ฟังแล้วหงอยลงเรื่อยๆ ค่อยๆเดินจากไป โดยที่ปลัดกับเจ้ากุ๊กไม่ทันได้สังเกต เพราะมัวแต่เถียงกันอยู่

เฮ้อ...อิจฉาเขาจูงมือกัน...อิจฉาเขาหอมแก้มกัน....ทำไมตัวชั้นจึงไม่มีสิทธิอย่างเขา....


“นี่เอ็งมาทำไรที่นี่ งานบ้านน่ะ ทำเสร็จหรือยัง” ปลัดเห็นเจ้ากุ๊กแล้วติดลม ไม่ทันมองว่าผู้ใหญ่ เดินไปแล้ว

เจ้ากุ๊กเชิดหน้า “โฮ่ๆๆ ผมทำงานบ้านเสร็จแล้ว ก็มาเที่ยวเล่นมั่ง ไม่ได้หรอครับ”

“หนอย เที่ยวเล่น ทำงานเสร็จแล้วก็ไปเฝ้าบ้านสิ จะมาเที่ยวเล่นอะไร ชั้นจ้างมาดูแลบ้านนะเว้ย มานี่เลย” แล้วปลัดก็จับคอเสื้อเจ้ากุ๊กหิ้วไป

ระหว่างทาง เจ้ากุ๊กดิ้น ร้องโวยวาย “ปล่อยผมนะ ปลัด จะพาผมไปไหนเนี่ย”

ปลัดยิ้มกวน แต่ยังไม่ยอมปล่อย “ ก็พากลับบ้านสิ เอ็งมีหน้าที่อะไร ก็ไปทำเลย”

เจ้ากุ๊กฮึดฮัด “ถ้าจะพาผมกลับบ้าน ผมกลับเองได้ ผมแมนๆ อยู่แล้ว โฮ่ๆๆ” เจ้ากุ๊กทำเสียงใหญ่ แต่ก็ยังห้อยต่องแต่งอยู่ในมือปลัด

“เออๆ ชั้นรู้ว่าเอ็งน่ะ แมนมากเลยนะ นี่ๆ เฮ้ย อย่าดิ้นสิวะ” เจ้ากุ๊กดิ้นด้อกแด้กอยู่ในมือปลัด ทำเอาปลัดโวย

นั่นๆ....ดิ้นมากไปหน่อยแล้วเจ้ากุ๊ก...ดิ้นซะจนคอเสื้อที่ปลัดจับไว้ มันขาดออกมาดัง....แคว่ก....

เจ้ากุ๊กหลุดจากมือปลัดทันที ปลัดตกใจผวาเข้าไปรับไว้...ผลก็คือล้มกลิ้งกันไม่เป็นท่าอยู่บนพื้นนั่นเอง...

หลังจากเหตุการณ์สงบ ปลัดค่อยๆๆเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเจ้ากุ๊กนอนอยู่ในอ้อมกอด...

เสื้อตรงคอก็ขาด เห็นหัวไหล่ขาวๆ...ตัวก็นิ่มๆ...ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง...หัวใจใคร...

แล้วนั่น...หมวกแก๊บก็หลุดอีก...เห็นผมยาวสลวยของเจ้ากุ๊ก

ปลัดอึ้ง ตะลึงไปเสี้ยววินาที แต่เจ้ากุ๊กสิ เบิกตาโต

ทั้งสองคนจ้องตากันไปมา....ปลัดอดใจไม่ไหว..จึงเอื้อมมือมาปัดเส้นผมที่ระใบหน้าของเจ้ากุ๊ก

ตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม...เจ้ากุ๊กมองแล้วตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก...ได้แต่มองมือปลัดที่ค่อยๆ เอื้อมมาปัดเส้นผมบนใบหน้าของตัวเอง

แต่พอมือปลัดสัมผัสใบหน้าเจ้ากุ๊ก เท่านั้นแหละ เหมือนมีกระแสไฟสว่างวาบขึ้นมา....

เจ้ากุ๊กสะดุ้งทันที.....ปลัดก็สะดุ้งเช่นกัน....

ทั้งสองคนผุดลุกขึ้นพร้อมกัน..แล้วก็หน้าแดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ.....เอิ้ก เป็นอะไรกันหรอ

เจ้ากุ๊กรีบมองไปรอบๆ โชคดีที่ตรงนี้เป็นสวนสาธารณะ ไม่มีคนอยู่....

มองไปมองมาแล้วก้มมองตัวเอง....ใจหายวาบ...

ก็เสื้อมันหลุดไปเกือบทั้งแถบ ห้อยร่องแร่ง...เจ้ากุ๊กรีบรวบคอเสื้อขึ้นทันที....(ไม่เห็นหรอกน่า ไม่ต้องกลัว ผู้เขียนยืนยันได้)

ปลัดเหล่มอง แต่ไม่กล้ามองตรงๆ....กลัวเจ้ากุ๊กมันจะอาย....นี่มันคงไม่ทันได้สังเกตหรอกว่า...หมวกแก๊บมันหลุดอีกแล้ว...

“เอ็งรีบกลับบ้านแล้วกัน ชั้น เอ่อ ไปทำงานก่อน” ปลัดรีบพูด ไม่ยอมมองหน้าเจ้ากุ๊ก แล้วรีบเดินจากไปทันที

เจ้ากุ๊กเองก็ไม่ยอมมองหน้าปลัด เมื่อปลัดเดินไปแล้ว มันจึงค่อยๆหันหน้ามาดู สำรวจสารรูปตัวเอง แล้วก็เห็นว่าหมวกแก๊บตกอยู่ จึงหยิบขึ้นมาสวมแล้วเดินกลับบ้าน ใจยังเต้นแรงอยู่เลย

เจ้ากุ๊กมันลืม (อีกแล้ว) ว่า....หมวกแก๊บหลุดต่อหน้าปลัด (เป็นครั้งที่ 2 ) เฮ้อ....


ที่ตลาดบ้านโคกสาริน...

ผู้ใหญ่พิษณุเดินหงอยๆ มานั่งที่ร้านกาแฟ คิดอะไรๆ ไปเรื่อยๆ จนลืมทักทายเหล่าแม่ค้าสาวๆเหมือนเคย

อาโกชายื่นหน้ามาร้องทัก “อ้าว ผู้ใหญ่ วันนี้รับอะไรดีครับ”

“อือ อาโก มีน้ำแห้วไหม”

“มีครับ มี ได้เลยผู้ใหญ่ รอเดี๋ยวนะครับ” อาโกชาตอบพลางนึกสงสัย เอ ร้อยวันพันปี ผู้ใหญ่รูปหล่อ ไม่เคยกินน้ำแห้ว มีแต่อาโกชานั่นแหละ แอบกินประจำ ไหงวันนี้มาแย่งอาโกกินซะได้เล่า

สักพัก น้ำแห้ว ก็มาวางตรงหน้า ผู้ใหญ่รับมาดื่มอึกใหญ่ ตามองไปข้างหน้า ก็เห็นเปรี้ยวเดินมาแต่ไกล

เปรี้ยวเดินเข้ามาในร้าน เสียงอาโกชาร้องขึ้นเสียงหลงว่า

“น้องเปรี้ยว ระวัง เดินดีๆ”

เปรี้ยวชะงัก หันมาไปถามด้วยความแปลกใจ

“ทำไมอ่ะ โก”

“ก็ ระวังจะสะดุด....รัก โกน่ะสิ” อ้วกกกกก

เปรั้ยวหมั่นไส้ ทำเป็นไม่สนใจ เห็นพี่ผู้ใหญ่นั่งอยู่ ก็เดินเข้าไปหา

“พี่ผู้ใหญ่ มานั่งทำไรตรงนี้ล่ะจ๊ะ” เปรี้ยวถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พี่ผู้ใหญ่หันมายิ้มให้

“พี่ก็ไม่รู้ อยู่ดีๆเท้าก็พาเดินมาถึงนี่แหละจ๊ะ แล้วเปรี้ยวล่ะ ไปไหนมา เจ้าอั้นไปไหน” ผู้ใหญ่สงสัย เพราะไม่เห็น เจ้าอั้น คู่หูของเปรี้ยวเหมือนเคย

“ก็ พอดี เปรี้ยวไปคุมเด็กช่อมห้องแถวหลังตลาด มันยังไม่เสร็จ ก็เลยให้ไอ้อั้นมันคุมไว้ก่อน เปรี้ยว ก็มา...เอ่อ..มากินข้าวเที่ยงจ๊ะ” เปรี้ยวพูดตะกุกตะกัก จะให้บอกได้ไงว่า นัดพี่ออบไว้...

“อ้าว ข้าวที่หลังตลาดก็มีนี่ มากินทำไมที่นี่” ผู้ใหญ่ยังสงสัยต่อไป แต่เปรี้ยวไม่ตอบ ก้มหน้างุด ผิดวิสัยเจ้าเปรี้ยวคนเดิม

สักพักนึงก็เห็นบุญออบเดินมาแต่ไกล ผู้ใหญ่จึงยิ้ม เริ่มเข้าใจอะไรหน่อยๆ

บุญออบเดินเข้ามาเห็นผู้ใหญ่นั่งอยู่กับเปรี้ยวก็ยิ้มเขิน ค่อยๆเดินเข้ามา ทำทีเป็นทักผู้ใหญ่

“สวัสดีครับ ผู้ใหญ่ มาทานข้าวเที่ยงหรอครับ”

“อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมมานั่งพัก แล้วก็กะจะไปเยี่ยมชาวบ้านหน่อย แล้วนี่ อบต. มาทานข้าวเที่ยงหรอครับ “

บุญออบมองหน้าเปรี้ยว “เอ่อ ครับ”

“แหม อุตส่าห์มาจากที่ทำการ อบต. เลยนะครับ ไกลไม่ใช่เล่น งั้น อบต. นั่งก่อนครับ” ผู้ใหญ่ชวน เห็นท่าทางของคนทั้งคู่แล้วก็ขำ

“เมื่อกี้เปรี้ยวเขาก็มาก่อนหน้า อบต. แปบเดียวเองครับ เอ่อ....โทษนะครับ” ผู้ใหญ่กลั้นยิ้ม

“นัดกันไว้หรือเปล่า”

“เฮ้ย ปะ เปล่าครับ / จ๊ะ” ทั้งสองสะดุ้งโหยง ปฏิเสธพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เปรี้ยวเปล่านะพี่ผู้ใหญ่ แค่จะมากินข้าวเฉยๆ” เจ้าเปรี้ยวรีบพูดทันที ตามมาด้วยบุญออบที่ไม่รอช้าเช่นกัน

“ผมก็มากินข้าวเฉยๆครับ”

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึหึ “ในเมื่อทั้งสองคนกะจะมากินข้าวเที่ยงเหมือนกัน ก็นั่งด้วยกันซะเลยแล้วกันน่ะครับ อบต ครับ ผมฝากเปรี้ยวด้วยนะครับ”

“อ้าว แล้วพี่ผู้ใหญ่จะไปไหน” เจ้าเปรี้ยวรีบถาม หลังจากที่ผู้ใหญ่จ่ายค่าน้ำแห้วให้อาโกชาแล้ว กำลังจะเดินออกจากร้านไป

“ก็พี่ไม่มีคู่ เอ้ย ไม่ใช่ พี่จะไปเยี่ยมชาวบ้านหน่อยนะ เปรี้ยวกินข้าวเถอะ”

แล้วผู้ใหญ่ก็เดินจากไปพร้อมฮัมเพลงไปด้วย (เพลงเดิมอีกแล้ว)

อิจฉาเขาจูงมือกัน...อิจฉาเขาหอมแก้มกัน...ทำไมตัวชั้นจึงไม่มีสิทธิอย่างเขา...


เมื่อผู้ใหญ่เดินออกไปจากร้านแล้ว บุญออบก็หันไปกระซิบกับเปรี้ยว

“ทำไมเปรี้ยวต้องห้ามพี่ไว้ก่อน ไม่ให้บอกใครด้วยว่า เรานัดกันมากินข้าวเที่ยงนะ”

เปรี้ยวก้มหน้าอุบอิบ “เถอะน่า ห้ามบอกใครเด็ดขาด สั่งให้ทำอะไรก็ทำเหอะน่า”

บุญออบฟังแล้วยิ้ม “ยังไม่ทันไรเลย สั่งพี่ซะแล้ว แต่ไม่เป็นไร ยอม อ๊ะ ยอม”

เปรี้ยวเขิน จึงแสร้งตีหน้าขรึม “ไม่ต้องพูดมากเลย ไม่สบายหายหรือยัง”

“ก็ ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วจ๊ะ....แต่ว่า...ยังไม่หายเจ็บคอเลย”

“อ้าว ยังไม่หายอีกหรอเนี่ย พี่ออบกินยาที่ให้ไว้หรือเปล่า”

บุญออบพยักหน้า

“แล้วน้ำอุ่นล่ะ จิบตลอดเวลาไอหรือเปล่า”

บุญออบพยักหน้าอีกครั้ง

“อ้าว" เปรี้ยวทำหน้างง “แล้วทำไมไม่หายเจ็บคอซะทีล่ะ”

“ที่พี่ยังเจ็บคอไม่หายเนี่ย....ก็เพราะว่า...ความรักมันค้ำคออยู่น่ะจ๊ะ” ฮิ้ววววว

เปรี้ยวฟังแล้วเขิน เหลียวไปมองรอบๆๆ ไม่มีใครสนใจ ก็แอบมาทำหน้าดุใส่บุญออบ

“พูดอะไรบ้าๆอีกแล้ว”

บุญออบยิ้มๆ พลางร้องสั่งอาหารกลางวัน แล้วทั้งสองก็กินไป คุยกันไปเงียบๆ แต่ท่าทางจะมีความสุข คนที่ไม่มีความสุขก็ยืนหน้าบึ้งอยู่โน่น อาโกชานั่นไง

บุญออบกินข้าวไปนิดเดียวก็อิ่ม เปรี้ยวมองอย่างสงสัย

“ไม่อร่อยหรอ กินนิดเดียว”

“ไม่ใช่ไม่อร่อย กินกับเปรี้ยวอร่อยอยู่แล้ว แต่เพิ่งฟื้นไข้ก็เลยกินไม่ค่อยลง” บุญออบทำตาหวาน

“อ๋อ" เปรี้ยวทำหน้าเข้าใจ แต่ไม่วายเป็นห่วง “กลับไปบ้าน ก็พักผ่อนเยอะๆๆล่ะ”

บุญออบยิ้มปลื้ม “ขอบใจจ๊ะ ที่เป็นห่วง...แต่...เปรี้ยว”

“อะไรหรอ” เปรี้ยวเงยหน้ามามองด้วยความสงสัย

“ขอคำนึงได้ไหม”

เปรี้ยวมองไปที่จานข้าวตัวเอง “พี่ออบจะกินหรอ อ๊ะ เอาสิ”

แต่บุญออบส่ายหน้า

เปรี้ยวงง “อ้าว ไม่กินหรอ แล้วขอคำอะไร“

“ขอคำนึง...ก็ขอคำว่ารักน่ะจ๊ะ” ฮิ้วววววววววววว


ผู้ใหญ่พิษณุเดินเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมาย.....

กำลังจะเดินออกจากตลาดอยู่แล้ว....นั่น...ดันมาเจอโจทย์....

ประพาสกับพัดชาควงคู่คุยกันกระหนุงกระหนิง หัวร่อต่อกระซิกเชียวนะ....ผู้ใหญ่คิด

เมื่อทั้งสองหันมาเห็นผู้ใหญ่เข้า ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที..

“อ้าว พี่ผู้ใหญ่มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย” ประพาสทัก ผู้ใหญ่ค้อน

“สนใจด้วยหรอว่าพี่มาทำอะไร”

ประพาสงง “อ้าว ไม่สนใจจะถามหรอ พี่ผู้ใหญ่นี่ เป็นอะไร ท้องผูกหรอ ถึงอารมณ์ไม่ดี”

“พี่ผู้ใหญ่ท้องผูกหรอคะ นี่ๆๆ พัดมีคุ๊กกี้แม่เนิก อันนี้รสใหม่ รสสมุนไพรค่ะ ใส่ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด (นี่มันรสต้มยำกุ้งหรือเปล่าเนี่ย) ทานแล้ว ท้องไม่ผูกค่ะ”

พัดชายื่นคุ๊กกี้ให้ แต่ผู้ใหญ่เมิน

“พี่กินไม่ลงหรอก พัดเก็บไว้กินกับพาสเถอะ” ผู้ใหญ่ตอบพลางนึกไปถึงภาพที่คนทั้งคู่ป้อนคุ๊กกี้ให้กัน ฮึ แสลงใจสิ้นดี...

พัดชางง ถือคุ๊กกี้ค้าง หันไปมองประพาส ประพาสจึงว่า

“พี่ผู้ใหญ่ก็เป็นยังงี้แหละ แก่แล้ว เลือดจะไปลมจะมา พัดอย่าไปสนใจเลย ถ้าพี่ผู้ใหญ่ไม่กิน ก็เอามาให้พี่กินก็ได้ นะจ๊ะพัด”

แล้วประพาสก็หยิบคุ๊กกี้ถุงนั้นมากินซะเอง พัดชาหันไปมองผู้ใหญ่ด้วยความเป็นห่วง

“พี่ผู้ใหญ่คะ พัดกับพี่พาสจะมาทานข้าวเที่ยงกัน พี่ผู้ใหญ่ไปกินด้วยกันสิคะ”

ผู้ใหญ่เมินอีกครั้ง “พัดอยากกินกับพี่จริงอ่ะ ไม่ได้อยากกินกับคนอื่นหรอ” พูดแล้วปรายตามองประพาส

ประพาสกับพัดชาหันมามองหน้ากันแล้วทำตาโต....

ประพาสพูดยิ้มๆ “พี่ผู้ใหญ่ไม่รู้อะไร พัดน่ะ เขาอยาก...อะโอ้ย” คุ๊กกี้สมุนไพรถูกส่งเข้าปากประพาสไปแล้ว

พัดชาหันมาดุประพาสเบา ๆ “พี่พาส เดี๋ยวเหอะ”

ผู้ใหญ่มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำ เมินไปแล้วว่า

“มีความลับอะไรกัน”

ทั้งสองรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่มีนี่พี่ผู้ใหญ่”

“เออ เดี๋ยวนี้พี่มันเป็นคนอื่นไปแล้วใช่ไหม มีอะไรกัน ไม่บอกให้พี่รู้น่ะ”

ประพาสมองอย่างอ่อนใจ “โธ่ พี่ผู้ใหญ่ก็ เรื่องนี้บอกพี่ผู้ใหญ่ไม่ได้ เอ้ย ไม่ใช่ เรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไรเลย”

พัดชารีบเสริมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทันที

“ใช่ค่ะ เรื่องมันไม่มีอะไรเลยนะ เอางี้ดีกว่า เราไปทานข้าวกัน ดีไหมคะ” ว่าแล้วก็มองหน้าประพาส อมยิ้มแล้วตรงเข้าไปจับมือผู้ใหญ่ออกเดิน อีกมือหนึ่งจูงมือประพาสไปด้วย

“ไปค่ะ พี่ผู้ใหญ่ อยากกินอะไรบอกพัด พัดรู้ดีคะ ว่าเจ้าไหน ของเค้าดีจริงหรือไม่จริง”

ผู้ใหญ่มีสาวมาจูงค่อยคลายหายงอนหน่อย ยิ้มตาหวานใส่พัด

“พี่ก็กินเหมือนพัดแหละจ๊ะ พัดกินอะไรพี่ก็กินอย่างนั้นเลย พี่น่ะ ไม่เรื่องมากหรอก”

ประพาสที่เดินอีกข้างหนึ่งของพัดชาแสยะยิ้ม “อือๆ ไม่เรื่องมากเลยเนอะ ที่งอนเมื่อกี้นี่ ไม่เรื่องมากเลยจริงๆ”

ผู้ใหญ่แยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะเอื้อมมือไปเขกหัวประพาส 1 ที
ประพาสร้องโอ้ย...

พัดชามองภาพนั้นแล้วหัวเราะ ก่อนจะหน้าหมองลงไป ประพาสเห็นเข้าจึงไปกระซิบข้างหูพัดชา...อุ้ย เอาอีกแล้ว กระซิบอะไรกันหรอ

ผู้ใหญ่พยายามเงี่ยหูฟัง...แต่ไม่ได้ยิน..เฮ้อ...สองคนนี้มีลับลมคมในอะไรกันนะ ...อยากรู้จริงๆ.....

เมื่อทั้งสามทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พัดชาขอตัวไปทำงานที่โรงพยาบาลต่อ...

ผู้ใหญ่และประพาสจึงเดินไปส่ง....

ขากลับ ประพาสเดินเงียบๆเหมือนคิดอะไรอยู่ ผู้ใหญ่เห็นเข้าจึงเอาศอกกระทุ้งสีข้าง 1 ที ประพาสสะดุ้งโหยง

“โอ้ย อะไรอ่ะ พี่ผู้ใหญ่”

ผู้ใหญ่ยิ้มๆ “อะไรอ่ะ ก็นี่ไง ศอก หรือจะลองเข่าดูบ้าง”

“เอ๊ พี่ผู้ใหญ่นี่ อย่ามากวนได้ไหม คนกำลังใช้ความคิดอยู่” ประพาสทำหน้าบึ้ง

“ใช้ ความคิดอะไรเล่า มีความลับอะไรกับพัดหรอ บอกพี่มั่งดิ” ผู้ใหญ่ถามเอาดื้อๆ

“พี่ผู้ใหญ่อยากรู้จริงๆหรอ” ประพาสถามทำหน้าระอา

ผู้ใหญ่พยักหน้างึกงัก หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่ต้นมะขาม (ต้นเดิม) ที่อยู่หน้าบ้านประพาส

“เอียงหูมา” ประพาสสั่ง

“ได้เลย” พี่ผู้ใหญ่รีบเอียงหูเข้าไปใกล้ ประพาสเงยหน้าไปกระซิบที่หู

“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...”ประพาสกระซิบ “ที่หมู่บ้านโคกสารินของเราน่ะ..”

“มีผู้ใหญ่บ้านที่สอดรู้สอดเห็นที่สุดเล้ยยยยยยย” ประโยคหลังประพาสตะโกนใส่หูผู้ใหญ่เต็มเหนี่ยว

ผู้ใหญ่ร้อง “โอ้ย “ หูแทบแตก

ประพาสเห็นแล้วหัวเราะขำ แล้ววิ่งหนีพี่ผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่วิ่งตามคว้าเอวได้ ก็รวบมากอดซะงั้น..

ประพาสดิ้น “เฮ้ย พี่ผู้ใหญ่ปล่อยนะ”

ผู้ใหญ่หัวเราะ “ฮ่าๆ ไม่ปล่อยๆๆ อย่างนี้ต้องแกล้ง กอดต้องกอด แค่ดูข้างนอกไม่รู้ มันต้องดู ดูข้างใน...ฮ่าๆ”

ประพาสดิ้น “ ไม่เอา พี่ผู้ใหญ่อย่าเล่น เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

ผู้ใหญ่ยิ้มกวน “ก็เห็นเด่ะ ไม่กลัวอยู่แล้ว อายใช่ไหม เดี๋ยวอุ้มไปตลาดเลย ฮ่าๆ” ทำท่าจะอุ้มจริงๆ

“อย่านะ พี่ผู้ใหญ่” ประพาสร้องเสียงหลง ผู้ใหญ่หัวเราะชอบใจ

“ตัวหนักจะตาย ใครจะไปอุ้มไหว”

“ก็ทีวันนั้นยังแบกไหวเลยนี่” ประพาสเถียง ผู้ใหญ่ได้ยินแล้วหัวเราะ หึหึ

“จำได้ด้วยหรอ เรื่องวันนั้นน่ะ”

“ก็จำได้สิ ก็พี่ผู้ใหญ่แพ้พนันพาส แล้วก็แบกพาสมาส่งบ้าน” ประพาสทำหน้าเย้ยๆ

“จำได้แค่นั้นหรอ” ผู้ใหญ่ยังกอดเอวประพาสอยู่ ถามยิ้มๆ

“อือ จำได้ แค่นั้น มันมีอะไรมากกว่านั้นหรอ” ประพาสหันหน้าไปถาม ผู้ใหญ่ส่ายหน้ายิ้มๆ

“ก็ ไม่มีอะไรหรอก เรื่องบางเรื่อง มันก็มีเวลาที่จะเปิดเผยมาเองแหละ”

ประพาสมองอย่างไม่เข้าใจ แต่เริ่มรู้สึกตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดของพี่ผู้ใหญ่นานเกินไปแล้ว จึงเริ่มขยุกขยิก

“พี่ผู้ใหญ่อ่ะ ปล่อยได้ยัง”

“ไม่ปล่อย จนกว่าพาสจะบอกพี่ก่อนว่า มีความลับอะไรกับพัด”

ประพาสเงียบไปนิดหนึ่ง “พี่ผู้ใหญ่ อยากรู้เรื่องพัดมากเหรอ”

“อืม อยากรู้สิ อยากรู้พอๆกับเรื่องพาสน่ะแหละ” ประพาสค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย

“ถ้าพาสไม่บอกล่ะ”

“ไม่บอกก็กอดอยู่อย่างนี้แหละ” ผู้ใหญ่แกล้งกอดแน่นขึ้นอีกนิด

ประพาสว่ายิ้มๆ “พี่ผู้ใหญ่ รู้ไหมนี่อะไร”

“อะไรอ่ะ ไหน” ผู้ใหญ่งง เหลียวมองเลิ่กลั่ก ประพาสจึงเอาศอกกระทุ้งสีข้างพี่ผู้ใหญ่ แบบเดียวกับที่พี่ผู้ใหญ่ทำเมื่อกี้

ผู้ใหญ่ไม่ทันระวัง สะดุ้ง ร้อง “โอ้ย...” แล้วปล่อยมือทันที ประพาสยิ้มร่า

“ฮ่าๆ ก็นี่ไงศอกอ่ะ พี่ผู้ใหญ่ หรือพี่ผู้ใหญ่จะลองเข่าดูบ้าง” แน่ะ ดันมาเลียนแบบคำพูดกันอีก ผู้ใหญ่นิ่วหน้าแล้วชี้หน้าประพาส

“ เออ คอยดูนะเว้ย คราวหน้าเผลอ เมื่อไหร่ ไม่ใช่กอดอย่างเดียวนะ เดี๋ยวขอหอมเลย”

“เอ้ย ไอ้พี่ผู้ใหญ่บ้ากามมมม....” ประพาสชี้หน้าตอบแล้วหัวเราะ...ใจเต้นโครมคราม


ในเวลาบ่ายคล้อยๆ.....

ประเวศกำลังเคลิ้มๆ อยู่บนเก้าอี้ผ้าใบที่ใต้ต้นมะม่วงหน้าคฤหาสถ์...

เขานอนอยู่ท่ามกลาง ต้นไม้ใบหญ้า...อา...ธรรมชาติช่างน่าหลงรักจริงๆ

พลันก็มีเสียงตะโกนดังก้องมาเข้าหู...นั่น...เสียงปฎลนี่นา...

“พี่เวศ.....ช่วยด้วย.....ลูกตาล...บุก”

เสียงโอริโอ๋สำทับ “ช่วยด้วย....ค๊า....พี่เวศค๊า....Help me !!!! “

ประเวศ สะดุ้ง แทบตกเก้าอี้ หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน แล้วเค้าก็เห็น....

ลูกตาลยืนอยู่นั่น...ใบหน้าขาวๆตอนนี้เป็นสีแดง...หูกางขึ้นๆ...

“เวศ...” ลูกตาลเห็นก็ร้องเรียกแล้วเดินเข้ามาหา ทิ้งปฎลและโอริโอ๋ที่วิ่งเข้ามาจับมือกันตัวสั่นด้วยความกลัว

เสียงปฎลถามโอริโอ๋ “โอ๋ เป็นไรมั่งหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ แล้วดลล่ะ”

“ดลก็ไม่เป็นไร” ปฎลยิ้มให้

“เทคแคร์นะ” ทั้งสองยิ้มให้กัน (หวานกันเข้าไป ไอ้คู่นี้)...


ลูกตาลมองภาพของทั้งสองแล้วพยักเพยิดให้ประเวศดู

“เป็นไง ดูแล้วอิจฉาเขาไหม”

ประเวศยอมรับอ่อยๆ “ก็ อิจฉาอยู่เหมือนกัน”

ลูกตาลพยักหน้าอย่างยินดี

“แล้ว ดูแล้วเค้ามีความสุขกันไหม”

ประเวศพยักหน้าหงึกๆ

“อยากมีความสุขอย่างเขาไหม”

ประเวศพยักหน้าอีกครั้ง ลูกตาลจึงว่า

“ถ้าอยากมีความสุขอย่างเขา เราต้องทำอะไรสักอย่าง ลืมไปแล้วหรอ นี่ รู้ไหม หม่ามี้ชั้นไปดูฤกษ์หมั้นมาแล้วนะ ชั้นทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว”

ลูกตาลว่าแล้วก้มลงไปจูงมือประเวศ ออกแรงพาออกเดินทันที

ประเวศเดินตามแรงจูงของลูกตาลอย่างไม่ขัดขืน ให้ไปไหนเขาก็ไป ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ขัดใจคน

เดินออกมาจากบ้านแล้ว ประเวศจึงถาม

“นี่แกจะพาชั้นไปไหน”

ลูกตาลหันมามองหน้า “ก็เราตกลงกันแล้วไง ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่เราชอบน่ะ ชั้นก็จะพาแกไปทำไง”

“เฮ้ย ว่าไรนะ”

“ไม่ต้องมาถามแล้ว ตกลงแกชอบใคร ไปบอกเค้าเดี๋ยวนี้เลย”

ประเวศสะดุ้งเฮือก “จะบ้าหรอแก ให้ชั้นไปบอกได้ไง”

“อ้าว เอ๋” ลูกตาลเอียงคอทำหน้างง “ทำไมถึงจะบอกไม่ได้”

ประเวศส่ายหน้าแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ริมน้ำ ที่ทั้งคู่เพิ่งเดินมาถึง

“ชั้นไม่กล้า...” ประเวศพูดแล้วหน้าหมองลงไปอีก “ ชั้นกับเค้า จะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกล”

ลูกตาลทรุดตัวลงนั่งตาม เอียงคอร้อง “เอ๋” อีกครั้ง

“มันก็เหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์นั่นแหละ เราอยู่บนฟ้าเดียวกัน แต่ไม่มีเวลาไหนเลย ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”

ลูกตาลมองอย่างเห็นใจ “เวศ แกเป็นคนดีมากนะ ไม่มีใครที่ไหนเขาปฏิเสธแกหรอก”

“แกไม่เคยได้ยินหรอ ลูกตาล ที่เค้าบอกกันว่า คนดีน่ะ ไม่ได้มีไว้ให้รัก คนดีมีไว้ให้นับถือต่างหาก”

โถ ๆ พ่อประเวศ

“แต่คนดีอย่างแก ก็ไม่ควรคู่แค่ความนับถือนะ แกควรจะได้รับความสุขในความรักของตัวเองบ้าง หลังจากที่แกได้มอบความรักให้กับชาวโลกไปหมดแล้วน่ะ”

ประเวศมองแล้วยิ้มๆ “ ถ้าคนบนโลกนี้สมหวังกันหมด โลกนี้ก็ไม่มีคำว่าอธิษฐานหรอก ”

“แกยังไม่ได้บอกเค้าเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะสมหวังหรือเปล่า ไม่แน่นะ เขาเองก็อาจจะชอบแกอยู่เหมือนกัน”

ประเวศส่ายหน้าทันที “ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะชั้นรู้ไง ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ชั้นถึงไม่บอกเค้า ไม่รู้จะตอกย้ำความเสียใจให้ตัวเองทำไม”

ลูกตาลเอียงคอมองเพื่อน วันนี้รู้สึกประเวศจะเศร้ากว่าที่เคย

“ เค้ามีคนรักอยู่แล้วหรอ”

“ก็คล้ายว่าอย่างนั้น”

“เออ ตกลงแกบอกชั้นหน่อยได้ไหมว่า ....เขาเป็นใคร”

ประเวศส่ายหน้า”แกอย่ารู้เลยนะ...ชั้นขอเก็บใว้ในใจดีกว่า...”

“แต่ชั้นอาจช่วยแกได้นะ”

ประเวศหันมามองหน้าลูกตาล “ ในเรื่องของความรู้สึกน่ะนะ ไม่มีใครช่วยใครได้หรอก เราต้องช่วยตัวเราเอง ขอบใจแกมากที่หวังดี แต่ชั้นไม่อยากเป็นภาระกับแกอีก”

โถๆ พ่อประเวศ ที่แท้ก็ไม่อยากเป็นภาระกับเพื่อน ช่างดีแท้

“ว่าแต่แกเหอะ.....ตกลงคนที่แกชอบน่ะ ว่าไง”

ลูกตาลอมยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น ชั้นจัดการได้....” แล้ว ไปจัดการกันตอนไหนล่ะเนี่ย...

หลังจากที่ประเวศและลูกตาลคุยกันแล้วยังคิดกันไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรดี ลูกตาลก็ต้องรีบกลับบ้านก่อน เพราะเย็นมากแล้ว ส่วนประเวศ เขาขอนั่งริมฝั่งน้ำเงียบๆอีกสักพักหนึ่ง

เย็นมากแล้ว ท้องฟ้าเริ่มครึ้มลงเรื่อยๆ...

สักพักก็มีกิ่งไม้ปลิวมากระทบหลังดัง “ผลั่ก”

ประเวศร้อง “โอ้ย” หันไปมองข้างหลัง....นั่น..อลิสกำลังยืนหัวเราะร่ามือถือถุงสับปะรดปั่นร้านแม่ยิ้มมาด้วย

“จ๊ะเอ๋...” อลิสเดินเข้ามาใกล้...สงสัยจะลืมเรื่องงอนเมื่อวันนั้นไปแล้ว...หรือว่าอารมณ์ดีเรื่องอื่น...

ประเวศยิ้มด้วยความเอ็นดู ”ไปไหนมาล่ะ ลิส”

อลิสมองด้วยความแปลกใจ เอ ปกติ เล่นกับพี่เวศอย่างงี้ มันต้องมีโวยวายกันบ้าง แต่นี่เฉยๆ อลิสงง

จึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ประเวศ แล้วตอบ “ไปตลาดมา ไปซื้อกับข้าว”

ว่าแล้วชูถุงกับข้าวให้ดู “พี่เวศเป็นไร มานั่งทำไรตรงนี้อ่ะ กินสับปะรดปั่นดิ พี่เวศชอบไม่ใช่หรอ”

ประเวศยิ้ม “จำได้ด้วยหรอเราน่ะ”

“ไมจะจำไม่ได้ เมื่อก่อนตอนที่เราไปออกค่ายกันไง สนุกจะตาย ที่พี่เวศเป็นพี่รหัสลิสไง ซื้อสับปะรดปั่นมาให้ลิสทุกวันเลย ฮ่าๆ ซื้อจนลิสชอบไปด้วยอีกคน ชอบจนติดมาถึงทุกวันนี้เลย”

อลิสว่าแล้วยื่นถุงสับปะรดปั่นให้ แต่ประเวศส่ายหน้า

“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนที่เราเป็นเด็กน่ะนะ เราไม่ต้องคิดถึงอะไรมาก นอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ เพราะมีคนที่เราต้องคิดถึงรออยู่”

ประเวศพร่ำเพ้อ ทำเอาอลิสมองอย่างไม่เข้าใจ เอ กับแค่กินสับปะรดปั่นนี่ เราต้องคิดถึงชาวโลกด้วยหรอวะ......

“ลิสไม่เข้าใจหรอก เข้าใจแค่ว่า เมื่อก่อนพี่เวศชอบกินสับปะรดปั่น ก็นึกว่าตอนนี้ยังชอบอยู่”

“ตอนนี้หรอ...อืม” ประเวศอึ้งไปพัก “ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่...แต่พี่กินตอนนี้ไม่ได้” อ้าว

“ตอนนี้พี่อยากกิน น้ำแห้ว สละ ระกำ กับบ๊วยมาปั่นรวมกันมากกว่า”

อลิสงง เอ พี่เวศแกจะท่าจะเป็นไรไปสักอย่างแล้ว ผิดปกติ....

“พี่เวศ” อลิสตะโกนเรียกใส่หู ประเวศสะดุ้งอีกครั้ง

“อะไร เรียกซะตกอกตกใจ”

“ก็นี่ไง พี่เวศ ทำเป็นเศร้าไปได้ เอางี้ เดี๋ยวลิสเต้นไก่ย่างให้ดูนะ ที่พี่เวศเคยขำตกเก้าอี้ไง”

“ไก่ย่างถูกเผา.....ไก่ย่างถูกเผา.....มันจึงโดนไม้เสียบ....โอ้ว....มันจึงโดนไม้เสียบ.....”

ว่าแล้วอลิสก็กระโดดไปเต้นท่าไก่ย่างให้ประเวศดู ประเวศหัวเราะ นึกถึงสมัยที่เรียนด้วยกัน อลิสเคยเต้นอย่างนี้จนประเวศขำตกเก้าอี้มาแล้ว

เต้นไปเต้นมาก็ตามเคย.....อย่างที่อลิสชอบเป็น...

ถุงสับปะรดปั่นหลุดจากมือ เพราะเจ้าของกำลังมัน......ถุงตกลงไปที่พื้น....

แล้วอลิสก็เหยียบซ้ำ...แล้วอลิสก็เซ....แล้วรองเท้าแตะที่สวมอยู่ก็หลุด....แล้วเท้าเปล่าๆก็เซไปเหยียบเศษแก้วอีกที...

ซับซ้อนเหลือเกิน...แต่สรุปได้ว่า อลิสเหยียบเศษแก้วเข้าอย่างจัง...

“โอ้ยย” อลิสร้องโวยวาย..ประเวศตกใจรีบเข้ามาดู...

ก็เห็นว่าเศษแก้วบาดเท้าอลิสจนเลือดไหล ประเวศรีบควักผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา....อุ้ย พกผ้าเช็ดหน้าด้วย...(ขนาดเจ้าอลิสมันผู้หญิงแท้ๆ ยังไม่พกเลยอ่ะ)

ผ้าเช็ดหน้าสีขรึมๆของประเวศกำลังจะโปะลงไปที่แผลเพื่อห้ามเลือด แต่อลิสห้ามไว้ซะก่อน

“พี่เวศอย่า เดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าสกปรก เสียดายผ้าเช็ดหน้า”

ประเวศส่ายหน้า ดุเบาๆ “เหลวไหล ผ้าเช็ดหน้า กับแผลของลิส มันเทียบกันไม่ได้นะ”

แล้วประเวศก็เอาผ้าเช็ดหน้าห้ามเลือดให้อลิส ผูกไว้ที่เท้าจนแน่น เสร็จแล้วก็ถามว่า

“แล้วนี่เดินกลับบ้านไหวไหมเนี่ย”

อลิสหน้าม่อย “อือ แค่ยืนยังจะไม่ไหวแล้วอ่ะ พี่เวศ”

ประเวศส่ายหน้าอีกครั้ง “ก็ลิสนี่ละน้า เคยโก๊ะยังไง ก็โก๊ะอย่างงั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย มาๆ” ประเวศหยิบถุงกับข้าวมาใส่มืออลิส

แล้วประเวศก็จับอลิสมาขี่หลัง

อลิสยิ้ม “ฮ่าๆ สบายจัง พี่เวศ”

ประเวศเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ปากก็ว่า “ใช่สิ แกสบาย แต่พี่ลำบาก อย่างนี้ทุกที”

อลิสยิ้มอีกครั้ง “แหม พี่เวศก็ ทำยังกับไม่เคยให้ลิสขี่หลังงั้นแหละ”

“พี่จำได้ไม่ลืมหรอก ว่าตอนที่เราไปออกค่ายอาสาที่ภูเรือน่ะ แกไปเต้นท่าไก่ย่างให้เด็กๆดู เต้นอีท่าไหนไม่รู้
กลิ้งตกเขา ข้อเท้าแพลง แล้วใครล่ะ พาแกขี่หลังกลับหมู่บ้านน่ะ”

อลิสหัวเราะ “ฮ่าๆ นึกแล้วขำเนอะ ตอนนั้นน่ะ ลิสน่ะรู้เสมอแหละว่า...."

“พี่เวศน่ะน่ารักกับลิสตลอดมา....”

ประเวศหัวเราะ แล้วหยุดไปนิดหนี่ง

“เออๆ ลิส.....ตกลงเรื่องคุณปลัดน่ะ” เขายังเป็นห่วง...ห่วงใคร....ก็ทั้งอลิสและคุณปลัดนั่นแหละน่า...

“ทำไม ปลัดทำไม” อลิสถามพลางนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน แล้วก็หน้าแดงอยู่ข้างหลังประเวศ โดยที่ประเวศไม่รู้

“ก็ ลิสตัดใจได้ยัง” ประเวศยังเป็นห่วง

อลิสอึ้งไป ก็จะตัดใจได้อยู่แล้ว ก็ปลัดบ้า....ดันมา...ทำอะไรหรอ.....

เอ...หรือพี่เวศจะหึงปลัด....ถึงได้เตือนเราอีกแล้วให้ตัดใจ...

แต่ถ้าปลัดกับพี่เวศเค้า....จริงๆ....เราก็ควรจะตัดใจ...เฮ้อ

เพื่อพี่เวศ....เราต้องทำได้สิ.....เจ้ากุ๊กคิดในใจเงียบๆ ขณะที่ขี่หลังประเวศ

ประเวศเห็นเจ้ากุ๊กเงียบไปก็ถามซ้ำ “ว่าไง ลิส”

อลิสสะดุ้ง “อะอ๋อ อือๆ ลิสจะพยายามเพื่อ....เอ่อ....(เพื่อพี่เวศ)” คำหลังเบาจนไม่ได้ยิน

ประเวศได้ยินก็ยิ้ม อารมณ์ดีขึ้น “ ดีแล้วล่ะลิส พี่ไม่อยากให้ลิสเจ็บปวด (เหมือนพี่)....พี่เป็นห่วงลิสนะ”

“จ๊ะ พี่เวศ” อลิสยิ้มอ่อยๆ “ลิสจะเชื่อพี่เวศ ลิสรู้ว่า..พี่เวศเป็นห่วงลิสเสมอ”

แล้วทั้งสองก็เดินกลับบ้านกันอย่างเงียบๆ จนมาถึงหน้าบ้าน ก็เห็นปลัดนั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน

นั่น...ปลัดนั่งเกากีต้าร์เพลง...เพียงแค่ใจเรารักกัน...ซะด้วย

แน่ะๆ...อารมณ์ดีอะไรมาหรอจ๊ะ ปลัด....หรือว่าเรื่องเมื่อกลางวัน...

แต่ปลัดก็ต้องเลิกซึ้งในทันใด เมื่อมองเห็นว่าใครขี่หลังใครเดินเข้ามาในบ้าน

นั่นๆ....เอาอีกแล้วนะ....เจ้ากุ๊กกับคุณเวศ....

หนอย....พามาหยามกันถึงในบ้าน.....แสลงใจ...

เอ....แล้วนี่เราเป็นอะไร ใส่อารมณ์ทำไม....ปลัดชะงักอึ้ง นึกขึ้นได้ ว่าเกือบออกอาการ

ต้องเก็บอาการหน่อยดีกว่า....เราต้องเก๊กแมน เอ้ย ไม่ใช่ เก๊กเฉยๆ....ปลัดคว้ากีต้าร์มาจับไว้แน่น....นี่ปลัดจะแอบเอากีต้าร์ตีหัวประเวศหรือเปล่าเนี่ย...อูย...สยอง

เมื่อประเวศเห็นปลัดนั่งอยู่ที่หน้าระเบียงบ้าน... ก็หยุดกึก..

กลัวอ่ะ...ฃ.เรารีบส่งแล้วรีบไปดีกว่า....แล้วก็ทำใจแข็ง

เดินเข้าไปถึงในบ้าน วางอลิสลงบนเก้าอี้ริมระเบียง มีปลัดมองตามไม่วางตา

นี่ปลัดมองเราหรือมองอลิสวะ...ประเวศระแวง..แต่ก็ยิ้มสู้

“สวัสดีครับ คุณปลัด”

“สวัสดีครับคุณประเวศ ไปไงมาไงละครับเนี่ย....แล้ว” ปรายตาไปมองอลิสที่นั่งหน้าบูดไม่ยอมมองหน้าปลัด

“เด็กผมเป็นอะไรหรอครับ” พูดมาได้..เด็กผม

อลิสหันขวับมามอง แล้วเม้มปากเงียบ ประเวศจึงตอบซะเอง “พอดี อะ เอ้ย เจ้ากุ๊กน่ะครับ ไปเหยียบเศษแก้ว เดินไม่ไหว ผมก็เลยพามาส่ง”

“อ้อ...” ปลัดยิ้มเยาะๆ...ปรายตามองเจ้าตัวต้นเรื่อง เห็นทำหน้ามุ่ยก็หมั่นไส้ ทีเมื่อกี้ละยิ้มหน้าระรื่นเชียว ทีงี้ละมาทำหน้าบูด

“เด็กผมมันก็งี้แหละครับ ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน”

อลิสหันขวับมามองอีกครั้ง ทั้งคู่จ้องตากัน...เอ่อ ลืมประเวศไปแล้วมั้ง

ประเวศเห็นท่าไม่ดี รีบเผ่นก่อนดีกว่าเรา เดี๋ยวปลัดหันมาเล่นเราจะลำบาก

“เออ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ปลัดจึงค่อยรู้สึกตัวว่ามีประเวศอยู่อีกคน “ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

“ครับ” ประเวศรับคำ “อ้อ คุณปลัดรู้เรื่องที่นายอำเภอสะอาดจะมาตรวจหมู่บ้านพรุ่งนี้แล้วใช่ไหมครับ ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงที่บ้านป๊านะครับ”

“ครับ ผมรู้แล้วครับ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเตรียมงานต้อนรับนายอำเภอสะอาดเหมือนกัน" ปลัดรับคำ

เมื่อหมดธุระแล้ว ประเวศก็เดินออกจากบ้านปลัดไป...ระหว่างทางก็อดนึกถึง

คนที่เป็น...มายเกิร์ล....ของเขาไม่ได้...จะเป็นไงบ้างนะ




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:29:24 น.
Counter : 265 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๔

วันนี้...นายอำเภอสะอาดจะมาตรวจหมู่บ้านแล้ว...

กำนันต้อยและผู้ใหญ่พิษณุระดมคนมาทำความสะอาดหมู่บ้านครั้งใหญ่ เริ่มด้วยที่วัดโคกสาริน....

ทุกคนแข็งขันมาช่วยงานกัน ขนาดมัคนายกกานต์ยังเลิกจัดรูปปากเด็กวัดเพื่อมาช่วยงานเลย....

โดยมีกำนันต้อยคุมงานที่วัด...ต่อด้วยตลาด....ซึ่งมีผู้ใหญ่คุมงานอยู่

ที่นี่คนเยอะเป็นพิเศษ คนทั้งตลาดมาช่วยกันทำความสะอาด ขนาดเจ้ากุ๊กยังขากระเผลกมาช่วยเลย...

ผู้ใหญ่พิษณุคุมงานไป...ตาก็ไปสังเกตเอาที่สองคนนั้นอีกแล้ว...

สองคนไหนล่ะ....ก็นั่นไง.....ประพาสกับพัดชา

ไม่รู้จะกระซิบอะไรกันนักหนา....ว่างไม่ได้ เป็นต้องกระซิบกัน....

ไม่สนใจเราอีกแล้ว....ฮึ....ผู้ใหญ่คิด พลางมานั่งพักเหนื่อยที่ร้านอาโกชา (เหนื่อยอะไรหรอ พี่ผู้ใหญ่ ไม่เห็นทำไรเลย)

เห็นบุญออบนั่งอยู่ก่อนแล้ว จึงมานั่งลงข้างๆ

“เป็นไงครับ อบต.เหนื่อยไหม”

บุญออบหันมามองแล้วยิ้มให้ “ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ครับ พอดีมีชาวบ้านมาช่วยกันเยอะ”

บุญออบหยุดพูดแล้วมองผู้ใหญ่ด้วยความชื่นชม “ผู้ใหญ่นี่เก่งนะครับ รวบรวมชาวบ้านมาได้เยอะๆ ใครๆก็เต็มใจมาช่วยทั้งนั้นเลย”

ผู้ใหญ่ยิ้มเขิน “คนที่หมู่บ้านนี้มีน้ำใจน่ะครับ ขอแรงมาช่วยอะไร ก็ไม่ค่อยขัดกัน”

“ถ้าไม่มีพ่องานดี คนคงไม่เต็มใจมาขนาดนี้หรอกครับ” บุญออบก็ยังชื่นชมอยู่ดี เขามองผู้ใหญ่พลางคิดว่า โตขึ้นเขาต้องเป็นอย่างนี้บ้าง (อ้าว แล้วนี่ยังไม่โตหรอ)

ผู้ใหญ่ยิ้ม “แหม อบต พูดซะผมเขินเลย วันหลังผมจะพาไปดูงานดีไหมครับ มีทั้งโรงนวด อุ๊บส์” อ้าว ผู้ใหญ่ จะพา อบต.ไปดูงานที่ไหนกันแน่เนี่ย

บุญออบตาเป็นประกาย “โรงนวดหรือครับ....”

“เอ่อ นวดแผนโบราณน่ะครับ...แหะๆ....พอดีผมปวดหลังบ่อยน่ะครับ บางทีก็ปวดไปทั้งตัวเลย”

“ผมก็เหมือนกันครับ ผู้ใหญ่ ผมก็ปวดเมื่อยเหมือนกัน..ถ้าผู้ใหญ่ไปดูงานเมื่อไหร่...อย่าลืมชวนผมไปด้วยนะครับ”

บุญออบพูดพลางคิดว่า...ทำไมพี่ผู้ใหญ่ของเปรี้ยวนี่ถึงแมนๆอย่างนี้ เขาอยากเป็นอย่างผู้ใหญ่จังเลย

“แล้วผมก็จะพาอบต. ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ไปตรวจงานด้วยครับ” ผู้ใหญ่พิษณุชวน


ว้าว...จะได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ใหญ่ด้วย...ดีใจจังเลย (ดีใจออกนอกหน้าไปแล้วบุญออบ)

“จริงหรอครับ ผู้ใหญ่ ดีจังเลยครับ แต่ก่อนอื่น ต้องพาผมไปโรงนวดก่อนนะครับ” บุญออบยังไม่ลืม

“จะไปโรงนวดนี่ เอ่อ ขอเจ้าเปรี้ยวหรือยังครับ” ผู้ใหญ่ถามยิ้มๆ บุญออบสะดุ้งทันที พอดีกับที่เปรี้ยวที่อยู่แถวนั้นเหลียวขวับมา แล้วเดินตรงมาหา

“ว่าไงหรอพี่ผู้ใหญ่ เมื่อกี้พูดถึงเปรี้ยวหรือเปล่า เห็นได้ยินว่า อะไร นวดอะไรกันหรอ”

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึหึ “นวดอะไรกันเล่าเปรี้ยว พี่จะพา อบต.เขาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปตรวจหมู่บ้านแค่นั้นเอง พี่แค่ถาม อบต. เขาว่า ต้องขอเปรี้ยวหรือเปล่า”

เจ้าเปรี้ยวได้ยินก็เขิน แกล้งกลบเกลื่อน “พี่ผู้ใหญ่บ้า มาขอเขอ อะไรเล่า”

ผู้ใหญ่หัวเราะ “ อ๋อหรอ เออๆ นี่ เปรี้ยวจดบัญชีวัสดุที่สั่งซื้อมาซ่อมห้องแถวหลังตลาดหรือยัง”

เปรี้ยวหยิบสมุดจดขึ้นมากาง “จดแล้ว พี่ผู้ใหญ่ พี่ผู้ใหญ่จะตรวจไหม”

“เปรี้ยวตรวจเถอะ ตรวจให้พี่อีกรอบทีนะ”

“ได้จ๊ะ” เปรี้ยวว่า แล้วก้มลงอ่านรายการในสมุด บุญออบเห็นก็ยื่นหน้ามาดูบ้าง

นั่นๆ..ยื่นหน้ามาดูจนหัวชิดกันเลย....

เฮ้ย....สองคนนี้นี่.....หันมามองพี่ผู้ใหญ่กันบ้างสิ.....นั่งหัวโด่อยู่นั่นน่ะ.....

แต่ก็ ไม่มีใครสนใจอยู่ดี..บุญออบยื่นหน้าเข้าใกล้เปรี้ยว...

เปรี้ยวรู้สึกตัวก็หันมาค้อน "นี่ๆ จะมาดูอะไร ออกไปไกลๆเลย”

“จะดูว่าเปรี้ยวลายมือสวยเปล่า” บุญออบยังไม่วายยื่นหน้ามาดู “อืม ลายมือสวยจริงๆด้วย"

“ทำไม สวยไม่สวย แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็..ถ้าลายมือสวยจะได้ขอยืมไป..ไว้จดทะเบียนสมรสไง” ฮิ้วววว

ต่อหน้าต่อตาผู้ใหญ่พิษณุเลย...ทำไปได้

ผู้ใหญ่ค่อยๆหลบเลี่ยงไป เฮ้อ....อิจฉาว้อย...

เดินไปอีกโต๊ะหนึ่งก็เห็นพัดชากับประพาสกำลังนั่งกระซิบกันอีกแล้ว....กระซิบอะไรกันนักหนา

ผู้ใหญ่เดินเข้าไปนั่งแทรกกลางเฉยเลย เล่นเอาประพาสโวย

“เฮ้ย พี่ผู้ใหญ่ ทำไรน่ะ”

ผู้ใหญ่ยิ้มกวน “อ้าว ไม่ได้ทำไรนี่ ก็นั่งไง” แล้วก็หันไปหาพัดชา

“พัดจ๊ะ พี่อยากกินคุ๊กกี้แม่เนิกรสใหม่ ที่เป็นรสสมุนไพรจังเลย”

พัดชายิ้มหวานยื่นถุงคุ๊กกี้ให้พลางว่า “นี่คะ พี่ผู้ใหญ่ พัดรับรองเลยรสนี้นี่ ของเค้าดีจริงๆ”

แต่ผู้ใหญ่ยังไม่ทันจะหยิบ ประพาสก็ยื่นมือมาแย่งไปซะก่อน แล้วหันมาทำยิ้มเย้ย

“พี่ผู้ใหญ่ ฮ่าๆ จ้างก็ไม่ให้กินหรอก ถุงนี้พัดเขาเอามาให้พาส เพราะพาสช่วยเขา...เอ้ย”

พัดเอื้อมมือเอาคุ๊กกี้ยัดใส่ปากประพาสทันที ประพาสสำลักคุ๊กกี้ไอคอกแคกๆ ผู้ใหญ่มองด้วยความแปลกใจ

พัดชายิ้มให้ผู้ใหญ่อายๆ “พอดีพัดเห็นว่าพี่พาสอยากกินคุ๊กกี้มาก ก็เลยป้อนน่ะค่ะ พี่ผู้ใหญ่”

ว่าแล้วก็หันไปขึงตาใส่ประพาส ประพาสก็เลยหน้าม่อย

“ไม่อยากให้พี่กินคุ๊กกี้ของพัดมากขนาดนั้นเลยหรอ พาส” ผู้ใหญ่เข้าใจไปซะอย่างนั้น

“เดี๋ยวนี้สองคนเป็นอะไร มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ ไม่อยากให้พี่รู้ พี่ไม่อยากรู้้ก็ได้” ผู้ใหญ่งอน..แล้วออกเดินไปทันที

พัดชารีบร้องเรียก “พี่ผู้ใหญ่” แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่หันมา พัดชาจึงหันไปหาประพาส

“พี่พาส พี่ผู้ใหญ่เขา”

ประพาสหันมาปลอบ “เถอะน่า พัด ไม่มีไรหรอก พี่ผู้ใหญ่ก็เป็นงี้แหละ โกรธง่ายหายเร็ว”

พัดชาฟังแล้วก็ยังไม่วายมองตามด้วยความเป็นห่วง

และนั่น...ขบวนนายอำเภอมาแล้ว...

หลังจากที่นายอำเภอสะอาดมาตรวจวัดแล้ว ก็มาที่ตลาดเป็นอันดับสุดท้าย

นายอำเภอสะอาดเดินมากับ อบต.บุญปลั่ง กำนันต้อย มัคนายกกานต์ โฆษกดุ๊ก อนามัยขวัญและอนามัยหนิง หมอใหญ่ ครูใหญ่รัก (มากันหมดเลยนี่หว่า ขนาดจ่าคู่หู จ่าปุ้ม จ่าอาร์ทยังมาเลย)

อ้อ และที่จะขาดเสียมิได้ คนใหญ่คนโตของหมู่บ้าน ...นั่นเสี่ยมาย มารอคืนกำไรให้ชาวบ้านอยู่แล้ว

ประเวศและปฎลก็เดินตามหลังมาด้วย....

ทางด้านตลาด....ผู้ใหญ่พิษณุ...คุณปลัดกฤตย์....อบต.บุญออบก็รีบออกไปต้อนรับทันที...

นายอำเภอสะอาดเดินมากล่าวกับประชาชนที่หน้าตลาด

“สวัสดีครับ ชาวตลาดบ้านโคกสารินทุกคน ผมก็รู้สึกดีใจนะครับที่วันนี้ได้มาพบกับผู้ชม เอ้ย ชาวตลาด เห็นสภาพตลาดเรียบร้อย สะอาด เป็นระเบียบอย่างนี้ ...

ผมก็เริ่มเห็นแววความเป็นเจ้าของตลาดของทุกคนแล้ว ผมว่าข้อดีของชาวบ้านโคกสารินก็คือความสามัคคีนี่แหละครับ พวกเรามาช่วยกันทำให้ดอกไม้บานที่ตลาดบ้านโคกสารินกันนะครับ…”

นายอำเภอสะอาดพูดจบ ชาวตลาดก็ปรบมือกันเกรียวกราว ต่อไปก็ถึงตาเสี่ยมายขึ้นพูด

“ฮัลโหลๆเทสต์ สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ผมเสี่ยมาย คนคุ้นเคยไงครับ ผมอยากจะประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่า คืนนี้จะมีมหกรรมคืนกำไรครั้งยิ่งใหญ่ของบ้านโคกสาริน คือ....

ผมจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับนายอำเภอ อบต บุญออบ และปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่...

ขอให้ทุกคนมาร่วมรับการคืนกำไรของผมได้ที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสถ์ของผมเลยครับ.....งานนี้คืนกำไรกันเที่ยงวันยันเที่ยงคืนเลยครับ พ่อแม่พี่น้อง”

นั่นๆๆ..เสี่ยมายออกแนวนักการเมืองยังไงอยู่.... สงสัยสมัยหน้าลงสมัครผู้แทนแน่ๆ


บ้านปลัดกฤตย์....

เสียงเจ้ากุ๊กโวยวาย ได้ยินดังแว่วๆ

“ผมจะไปงานเลี้ยงอ่ะ ผมจะไป ปลัดมาห้ามผมทำไม”

“เอ็งจะไปได้ไง ก็ขาเอ็งเจ็บ แค่เมื่อกลางวันโขยกเขยกไปช่วยที่ตลาดก็อักเสบแย่แล้ว เอ็งนี่ห้ามอะไรไม่เคยเชื่อเลย” ปลัดทำเสียงระอา

“โฮ่ๆๆ โธ่ คุณปลัด ผมเป็นผู้ชาย ผมแมนๆนะ แค่นี้ไม่ถึงตายสักหน่อย คืนนี้เค้ามีงานเลี้ยงกันสนุกสนานไม่ให้ผมไปได้ไงเล่า” เจ้ากุ๊กทำหน้าง้ำ

ปลัดส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ขาเอ็งก็ไม่ค่อยดี แล้วไปมืดๆ ค่ำๆ ได้ไง ชั้นเองก็ต้องอยู่ต้อนรับนายอำเภอ ไม่มีเวลามาดูแลเอ็งหรอก”

เจ้ากุ๊กหน้าเชิด “ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องลำบากคุณปลัดหรอกฮะ แค่มีไม้ค้ำก็พอแล้ว ผมให้เปรี้ยวช่วยก็ได้”

ปลัดมองอย่างหมั่นไส้ คงต้องยอมให้มันไปจึงยื่นไม้ค้ำให้

“เออๆ ค้ำดีๆแล้วกัน จะไปไหนก็ให้เปรี้ยวพาไป อย่าไปเอง ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย”

“โฮ่ๆๆ สบายมากอยู่แล้ว ปลัดอย่ามาเสียเวลากับผมเลย จะไปทำงานก็ไปเถอะครับ”

“เออ ดูแลตัวเองได้ก็ดีแล้ว ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าใครเค้าเป็นห่วงอยู่”

ปลัดพูดเมินๆแล้วเดินออกไป ทิ้งเจ้ากุ๊กให้อึ้งอยู่คนเดียว


บ้านผู้ใหญ่พิษณุ...

“พี่ผู้ใหญ่ๆ..” ประพาสกับเปรี้ยวประสานเสียงเรียกกันอยู่ที่หน้าบ้าน

ผู้ใหญ่เดินออกมาดู พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้ม สักพักนึกได้ว่ามีเรื่องงอน จึงทำหน้าบึ้ง

เสียงประพาสแซวมาจากหน้าบ้าน

“อ้าว พี่ผู้ใหญ่มาทำหน้าบูด เป็นตูดลิงอยู่ได้นี่ จะไปได้หรือยังล่ะ น้องมารอแล้วนะ”

“อยากไปก็ไปกันสองคนสิ มาชวนพี่ทำไม”

“อ้าว ได้ไงพี่ผู้ใหญ่ งานนี้พี่ผู้ใหญ่ต้องไปเตรียมงานนะ อย่ามาเบี้ยวเลย” เจ้าเปรี้ยวว่า แล้วขึ้นบ้านไปดึงมือ ผู้ใหญ่ลงมาจากบ้าน

ผู้ใหญ่เดินลงมาตามแรงฉุดของเปรี้ยว..(ความจริงก็อยากลงมาอยู่แล้ว ทำเล่นตัวไปงั้นเอง)

ประพาสมองตามอย่างระอา “เฮ้อ โตเป็นถึงผู้ใหญ่แล้วนะ เราน่ะ ทำงอนเป็นเด็กไปได้”

ผู้ใหญ่ทำเป็นเมินๆ เปรี้ยวหัวเราะแล้วออกเดินไปอีกทางหนึ่ง ผู้ใหญ่เห็นเข้าก็ทัก

“อ้าว แล้วเปรี้ยวจะไปไหน ไม่ไปบ้านเสี่ยมายด้วยกันหรอ”

“เปรี้ยวจะไปบ้านปลัด นัดกับกุ๊กไว้ กุ๊กมันขาเจ็บ ต้องไปพยุงน่ะจ๊ะ พี่ผู้ใหญ่ไปกับพี่พาสนะ เดี๋ยวเจอกันที่งานเลยแล้วกัน”

เจ้าเปรี้ยวพูดแล้ววิ่ง ปรู๊ดไปทันที....

ผู้ใหญ่หันมามองประพาสแล้วทำเมิน ประพาสหัวเราะ

“จะไปได้หรือยัง พี่ผู้ใหญ่”

ผู้ใหญ่พูดเมินๆ “อยากไปก็ไปเลยสิ ไม่ต้องสนใจพี่หรอก พี่ไปเองได้ พี่มันตัวคนเดียวอยู่แล้วนี่”

“อ้าว ถ้าพาสจะไปคนเดียว ก็ไม่มาหาพี่ผู้ใหญ่ถึงที่บ้านหรอก” ประพาสเสียงอ่อน

“น่า พี่ผู้ใหญ่ จะงอนอะไรนักหนา หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย ทำใจน้อยไปได้”

ผู้ใหญ่เงียบ ประพาสจึงง้อต่อ “พี่ผู้ใหญ่เวลาเงียบไม่หล่อเลยอ่ะ ไม่ยิ้มงี้ หน้าตาดูไม่ได้เลย”

ผู้ใหญ่หัวเราะออกมาทันที “เฮ้ย ใครจะไปหล่อสู้พาสได้ล่ะ”

ประพาสหัวเราะ “แหม พี่ผู้ใหญ่ก็ ของอย่างเนี้ย มันช่วยไม่ได้นี่ แล้วนี่ตกลงหายงอนยัง”

“ยังไม่หาย”

“อ้าว แล้วให้ทำไงอ่ะ”

ผู้ใหญ่ยิ้มๆ “เอามือมา”

ประพาสส่งให้ ผู้ใหญ่รับไปจับไว้แน่น แล้วพาจูงเดิน...

“แค่นี้พี่ก็หายแล้ว..” ผู้ใหญ่หยิบมือประพาสขึ้นมาพิจารณาแล้วบีบเบาๆ “ดูสิ มือนิ้ม นิ่ม…..”เอิ้ก

ประพาสเขิน “พี่ผู้ใหญ่นี่ก็ จริงๆเลย จะไปได้ยัง”

ผู้ใหญ่ยิ้ม “ไปได้แล้วจ๊ะ... แต่เดี๋ยวก่อน....”

ประพาสหันมาทำหน้าสงสัย “มีอะไรอีกหรอ พี่ผู้ใหญ่”

“นี่ตกลงจะไม่บอกพี่จริงๆใช่ไหมว่า มีความลับอะไรกับพัดน่ะ”

“โธ่ พี่ผู้ใหญ่ ก็อย่างที่พี่บอกนั่นแหละ เรื่องบางอย่าง มันก็มีเวลาที่จะเปิดเผยออกมาเองแหละน่า..ไว้ถึงวันนั้นแล้วพี่ผู้ใหญ่จะเข้าใจนะ ..แต่ว่าตอนนี้ เราไปกันก่อนเถอะ”

ผู้ใหญ่ถอนใจแล้วพยักหน้า.....แต่ไม่ได้ยอมรับหรอก....หลอกให้พาสมันตายใจก่อน แล้วค่อยคิดวิธีล้วงความลับใหม่...ต้องรู้ให้ได้สิว่า....สองคนนั้นมีความลับอะไรกัน...


ณ คฤหาสน์เสี่ยมาย....

เวลานี้ล้วนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนชาวบ้านโคกสารินที่มางาน.....มหกรรมคืนกำไร....ครั้งยิ่งใหญ่

ที่สนามหญ้ามีเวทีใหญ่โต มีดนตรีบรรเลงเพลงตลอดงาน....

ผู้คนล้นหลาม มากพอๆๆกับงานวัดโคกสารินเลยนะ (คิดดูว่าคฤหาสน์เสี่ยมายใหญ่แค่ไหน ถึงขนาดรองรับคนทั้งโคกสารินให้มาชุมนุมกันได้ทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว)

เวลา ๒๐.๐๐ น. ก็ถึงเวลาฤกษ์ดี....

เสียงโฆษกดุ๊กเสียงหล่อกล่าวเปิดงาน...(ฟังกันยาวละทีนี้)

“สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง ชาวบ้านโคกสารินทุกคน......

สาเหตุที่เราชุมนุมกันในวันนี้.....ทุกท่านคงจะทราบว่าเพราะอะไร ถูกต้องแล้วครับ ชุมชนก็เหมือนครอบครัว ซึ่งจะประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก ถ้าพ่อแม่ดี ลูกในปกครองก็สบาย แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ดี ลูกในปกครองก็คงจะเดือดร้อน....”

เสียงครูใหญ่รักกระเอมขึ้นมา “ฮะแอ้ม” โฆษกดุ๊กเหลียวไปมอง ยิ้มนิดๆ แล้วพูดต่อ

“ก็เปรียบเสมือนหมู่บ้านของเราแหละครับ ถ้ามีหัวหน้าที่ดี หมู่บ้านของเราก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้ามีหัวหน้าที่เห็นแก่ตัว ไม่ใส่ใจลูกน้อง หมู่บ้านเราก็จะขาดความสุข....”

เสียง อบต. บุญปลั่งกระแอมขัดขึ้นมาบ้าง “ฮะแอ้ม” โฆษกดุ๊กเหลียวไปมองแล้ว ทำยิ้มเท่ห์ แต่ก็ยังพูดต่อ

“การมีผู้นำที่ดีจึงสำคัญที่สุด ผู้นำที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา มีครบทั้งหลักการปกครองของพรหมวิหาร 4 รวมถึงหลักทศพิษราชธรรม ทั้ง 10 ประการ อันประกอบด้วย.....”

คราวนี้กำนันต้อยกระแอมเสียงดัง “อะแอ้ม” โฆษกดุ๊กเหลียวไปมอง ยิ้มให้กำนัน แล้วทำท่าจะพูดต่อ แต่กำนันชิงพูดขึ้นมาซะก่อน

“เอ่อ โฆษกครับ ผมว่าเข้าเรื่องเถอะครับ เลยเวลาฤกษ์ดีมานานแล้ว”

เท่านั้นเอง โฆษกดุ๊กก็เพิ่งรู้ตัว “อ๋อ ครับ เพราะฉะนั้น ชาวบ้านโคกสารินทุกคนจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะขอต้อนรับผู้ที่มีความดีงาม มีความสามารถ มีความ...

ทั้งอบต. บุญปลั่ง กำนันต้อย ครูใหญ่รัก กระแอมพร้อมกันทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย

“ฮะแอ้มมมมม”

โฆษกดุ๊กรู้ตัว จึงหันมายิ้มอ่อยๆว่า “ครับๆ เพราะฉะนั้นขอกล่าวต้อนรับท่านนายอำเภอสะอาดแทนชาวบ้านโคกสาริน ทุกคนครับ...(เฮ้อ...โล่งอก)…ขอเชิญท่านนายอำเภอขึ้นมาตัดริบบิ้นเปิดป้ายเป็นเกียรติหน่อยครับ เชิญครับ”

ทุกคนโล่งอก รวมทั้งนายอำเภอด้วย นายอำเภอสะอาดขึ้นไปตัดริบบิ้นและเปิดป้าย ก่อนจะกล่าวกับชาวบ้านสั้นๆ เพราะเวลาหมดแล้ว (โฆษกดุ๊กแย่งพูดหมด........แถมมีคนมาวนมือเตือนนายอำเภอ นายอำเภอจึงพูดได้นิดเดียว)

จากนั้นจึงเป็นการกล่าวต้อนรับผู้มาใหม่ทั้งสองคน

“นี่คือปลัดใหม่ของตำบลเรา ปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตครับ” ทุกคนปรบมือ คุณปลัดก้าวออกมายืนข้างหน้า

“และในโอกาสนี้ขอเชิญ คุณนายแจ่ม ผู้ทรงคุณวุฒิ และวัยวุฒิที่สุดในหมู่บ้านโคกสาริน ขึ้นมามอบพวงมาลัยให้ปลัดเป็นการต้อนรับด้วยครับ ขอเรียนเชิญด้วยความเคารพครับ”

ฉับพลัน.....นั่น....เห็นแล้ว....สะดุดตามาก..ป้าแจ่ม

แล้วป้าแจ่ม.....ไฉโซบ้านนอกก็เดินขึ้นเวทีมา....พร้อมด้วยชุด.....ไฉโซ้ ไฮโซ....

ด้านบนเป็นเสื้อสายเดี่ยว สีแดงลายสักหลาดแบบตารางหมากรุก ส่วนกางเกงเป็นลายตารางหมากรุกเช่นกัน แต่เป็นสีเขียว....อูย....(เอาผ้าที่ไหนมาตัดเนี่ย)

คนที่อยู่ข้างล่างเวทีเม้าท์กันให้แซด ว่าป้าแจ่มลงทุนไปตัดชุดใหม่มา แกคุยให้ฟังว่า

“เนี่ยนะหล่อน ชุดนี้เนี่ยชั้นให้สไตลิสส่วนตัว “พริวลี่ เอามานี่” ตัดเองเลย เอามาจากแฟชั่นใหม่จากแพรีสเชียวนะยะ เนี่ย ลงจากเวที แอล แฟชั่น วีค มาสดร้อนๆ เลย”

วงในเขายังว่า แกไปยัดเงินคนจัดงานให้แกได้ขึ้นไปต้อนรับปลัดเป็นการส่วนตัวอีกด้วย

ป้าแจ่มขึ้นไปบนเวทีพร้อมพวงมาลัยดอกดาวเรือง...อูย ท่าจะติดมาจากพี่หารกิ๊กเก่าแน่ๆๆ....แกคงชินน่ะ..

ไปถึงก็คล้องพวงมาลัย หอมแก้มซ้ายขวา (อุ้ย กล้าจริงๆ) เป็นการต้อนรับ....อุ้ย แอบเห็นปลัดผงะเล็กน้อยด้วยนะ ตอนโดนหอมน่ะ แต่คงไม่มีทางขัดขืนแหละ

แต่ก่อนที่ป้าแจ่มจะได้ทำอะไรมากไปกว่านี้...กำนันต้อยก็รีบเข้ามาแยกซะก่อน (โชคดีไปนะ ปลัด)

แหม....เอาพอหอมปากหอมคอก็พอนะป้าแจ่ม...วันหน้ายังมี

กำนันต้อยรีบสั่งคนมาเชิญป้าแจ่มกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม....เฮ้อ ปลัดรอดแล้ว

“และในอันดับต่อไป จะขอแนะนำ อบต. คนใหม่ที่จะมาแทน อบต บุญปลั่งที่หมดวาระลง อบต. บุญออบครับ”

บุญออบก้าวมายืนหน้าเวที

เปรี้ยวมองอยู่ข้างล่างด้วยสายตาชื่นชม แถมอมยิ้มน้อยๆ ทำเอาเจ้ากุ๊กมองด้วยความสงสัย

“และต่อไปจะเป็นแขกพิเศษที่มาเป็นเกียรติในค่ำคืนนี้...เป็นแขกพิเศษที่จะขึ้นมามองพวงมาลัยเพื่อเป็นการต้อนรับอบต.บุญออบครับ....”

“ขอเชิญ.....คุณสุวัจนีครับ...”อ้ากกกก

ทุกคนเหลียวไปมองที่เวทีพร้อมกัน....ก็เห็นว่า...อบต.บุญปลั่งกำลังจูงหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามา...เสียงโฆษกดุ๊กประกาศต่อ


“คุณสุวัจนี ลูกสาว สจ. จังหวัดชัยนาท เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของ อบต. บุญออบ และเป็นคู่หมั้นของอบต. บุญออบด้วยครับ ขอเชิญทุกท่านร่วมปรบมือเพื่อเป็นเกียรติกับเธอด้วยครับ”


แล้วสุวัจนีก็เยื้องกรายขึ้นไปคล้องพวงมาลัยดอกรักให้ อบต. บุญออบ....พลางกระซิบว่า...คิดถึงพี่ออบจังเลย”





 

Create Date : 28 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:30:02 น.
Counter : 300 Pageviews.  

1  2  

ชมเช้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ชมเช้า..มาจาก ชมเช้า ชมสาย ชมบ่าย ชมเย็น ชมค่ำ ทุกกาลเวลาช่างน่าชื่นชม จะเวลาไหนก็เลือกชมเอาตามสะดวก..

...เวลาเช้า เป็นเวลาที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใส จอมแก่นแสนซน ที่ไหนได้ ใครๆ เห็นชื่อแล้วบอกว่า 40 ขึ้นแน่ๆ บ้างก็ว่าป้า..เอ่อ เป็นงั้นไป...ขอบอกว่ายังห่างค่ะ ห่างมาก อิอิ...

ตอนนี้มีภารกิจเพื่อชาติให้ปฏิบัติค่ะ รู้สึกภูมิใจจังเลย (โบกมือแบบนางงาม) ดิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ เอาใจช่วยด้วยนะคะ อิอิ...

คุณที่เข้ามาอย่าเพิ่งงงค่ะ ภารกิจอะไรขอเก็บไว้เป็นความลับ(ว่าแต่ ไม่ได้มีใครเขาอยากรู้สักหน่อย ^^") แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ อีกอย่าง เป็นแฟนหงส์ค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

Friends' blogs
[Add ชมเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.