www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws

Group Blog
 
All blogs
 

แนะนำเรื่องกันหน่อย...

เรื่อง มนต์รักโคกสาริน เรื่องนี้ เคยเอาลงในบอร์ดพันทิพย์ คลับเรียลริตี้มาก่อน...เป็นแฟนฟิกซ์เรื่องแรกที่เขียน ภูมิใจมากที่จบลงได้ อิอิ (ระหว่างเขียนลุ้นตลอด ว่าจะจบได้ไหม)

ตัวละครก็เอาชื่อมาจากเอเอฟ 2 แต่ไม่ใช่เหตุการณ์จริงแต่อย่างใด หากผู้ใดต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย เราขอยืนยันว่า จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น 55555

ทีนี้ตัวละครเยอะ เกรงว่าผู้อ่านจะงวยงง จึงขอแนะนำตัวละครให้รู้จักกันก่อน...

รายชื่อตัวละคร

ผู้ใหญ่พิษณุ – ผู้ใหญ่รูปหล่อ ปากหวาน เท่ห์ จบนอก

อบต. บุญออบ – หนุ่มตี๋จากชัยนาท หน้าใส รูปร่างสันทัด

เปรี้ยว ตลาดแตก – สาวแก่น แสนซน น้องสาวประพาสคุมตลาด

อลิส หรือ เจ้ากุ๊ก – ลูกสาว ส.ส.ในเมือง หน้าตาคมขำ หุ่นนางแบบ

ปลัดกฤตย์ – ปลัดร่างยักษ์ หน้าตาหล่อเหลาไว้เคราแพะ กวนๆ

เสี่ยมาย – เสี่ยค้าผง (ซักฟอก) รวยที่สุดในตำบล มีลูกชาย 2 คน คือ

ประเวศ – ลูกชายคนโต ผิวคล้ำ เป็นคนดีมากๆ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเป็นนิสัย

ปฎล – น้องชายคนเล็กผู้โรแมนติก น่ารัก

ประพาส – สาวหน้าใส แต่แก่น ห้าว(ดูเผินๆคล้ายทอมบอย จึงมักมีผู้หญิงมาชอบ)

พยาบาลพัดชา – สาวมั่น สวย เสน่ห์แรง

เจ๊เป็ด – เจ้าแม่เท้าแชร์ในตลาด รวยรองจากเสี่ยมาย มีลูกสาว 1 คนที่หมายหมั้นกับประเวศลูกเสี่ยมาย คือ

คุณหนูลูกตาล – คุณหนูไฮโซ สวย มารยาทดี

โอริโอ๋ – แหม่มนักท่องเที่ยวโฮมเสตย์ที่หลงไหลลูกทุ่ง อารมณ์ศิลปิน

หมวยนก – น้องสาวเจ๊เป็ด

มัคนายกกานต์ – ผู้นำสวดมนต์ดีเยี่ยม ไม่ผิดรูปปาก

คุณหมอใหญ่ – คุณหมอร่างท้วม

กำนันต้อย – กำนันใจดี

ครูใหญ่รัก – ครูใหญ่ใจดี ตลก

นายอำเภอสะอาด จอมเฮี้ยบ มาตรวจหมู่บ้านทุกอาทิตย์

โฆษกหมู่บ้านตาดุ๊ก - โฆษกรูปหล่อ เสียงนุ่ม มาดดี แต่พูดทีไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง

จ่าปุ้ม กับจ่าอาร์ท – ตำรวจคู่หู

อนามัยขวัญกับอนามัยหนิง


* แนะนำตัวละครกันไปแล้ว อาจจะเยอะหน่อย แถมมีตัวประกอบอีกมาก อย่าเพิ่งสับสนกันไปก่อนล่ะ อิอิ...

คราวนี้ก็เชิญรับความหรรษาจากมนต์รักโคกสารินได้แล้ว ณ บัดนี้....




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 7:46:06 น.
Counter : 398 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑

ท่ามกลางฝุ่งฟุ้งตลบในเปลวแดด ณ ริมถนนลูกรังสายหนึ่ง มีรถจี๊บกลางเก่ากลางใหม่จอดนิ่งสนิทอยู่ ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อฮาวายกำลังก้มๆเงยๆ อยู่ที่กระโปรงรถ

โฟกัสใกล้เข้ามาอีกนิด จะเห็นได้ว่าเขาเป็นหนุ่มตี๋ รูปร่างสันทัด หน้าใส แต่แอบมีสิว ดูท่าทางเขาตอนนี้สิ ท่าจะหัวเสียน่าดูทีเดียว

เขาคือ อบต. บุญออบ อบต. คนใหม่ที่มารับตำแหน่งจากลุงแท้ๆ อบต. บุญปลั่ง (ปั๋ง) ที่หมดวาระลง

“เฮ้ย อยู่ดีๆๆทำไมมาเสียได้วะ” บุญออบสบถเสียงเหน่อๆ หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

ขณะที่บุญออบกำลังหัวเสียอยู่นั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์เก่าๆ คันหนึ่งแล่นฝุ่นตลบใกล้เข้ามา บุญออบดีใจมาก รีบโบกเรียก รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นแล่นปราดมาจอดเหมือนคนขับไม่ค่อยพอใจนัก

หลังจากฝุ่นจาง บุญออบจึงได้เห็นว่า มีเด็กผู้ชายตัวเล็กมอมแมม นั่งหน้าบึ้งอยู่บนรถ

เด็กคนนั้น คือไอ้เปรี้ยว ฉายา เปรี้ยว ตลาดแตก ที่คนทั้งบ้านโคกสารินรู้จักดี

วันนี้เปรี้ยวมาในชุดเก่ง กางเกงยีนส์ชายขาด กับเสื้อเชิ๊ตตัวหลวมโคร่ง แถมใส่หมวกแก๊บมิดชิด จนดูเผินๆเหมือนเด็กผู้ชาย

เปรี้ยวจอดรถลงมามองบุญออบหัวจรดเท้า แต่ยังไม่ทันจะว่าอะไร บุญออบก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน ด้วยเสียงเหมือน ผู้ใหญ่พูดกับเด็ก

“น้องชาย พี่วานอะไรหน่อยสิ”

หนอย มาเรียกเราน้อง ตัวเองหน้าแก่ตายละ แถมเรียกน้องชายอีก ไอ้ตี๋เอ้ย เปรี้ยวคิดในใจด้วยอารมณ์โมโห

“ ใครน้องนาย” เปรี้ยวตอบกวนๆ

“อ้าว ก็เราน่ะแหละ ผู้ใหญ่พูดด้วย ต้องพูดจาให้ดีหน่อย รู้ไหม “ บุญออบพูดด้วยความเอ็นดู พลางคิดว่า ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ท่าจะเอาเรื่องอยู่

แต่ความเอ็นดูคงแผ่ไปไม่ถึงเปรี้ยว เพราะฟังแล้วเลือดขึ้นหน้ามากขึ้น หนอย ทำยังกับเราเด็กแย่ ไม่รู้ซะแล้ว ถิ่นใครเป็นถิ่นใคร แถมไม่รู้จัก ไอ้เปรี้ยว ตลาดแตก อันนี้ยอมไม่ได้ ต้องสั่งสอน

เปรี้ยวเหวี่ยงหมัดเข้าไปหวังปลายคางไอ้หนุ่มตี๋ที่มาหยามน้ำหน้า แต่คาดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มจะไวปานกระรอกเช่นนี้ เขากลับหลบหมัดของสาวเปรี้ยว แล้วจับมือทั้งสองมาไพล่หลังอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที กว่าจะรู้ตัวอีกที เปรี้ยวก็ถูกจับมือไพล่หลังโดยไอ้หนุ่มหน้าตี๋เสียแล้ว แถมเจ้ากรรม หมวกแก๊บใบเก่งก็ดันมาปลิวหล่นไปอีก เปิดเผยให้เห็นผมยาวสลวย ดำขลับ กับหน้าม้าเต่อเก๋ไก๋

บุญออบตกตะลึง เมื่อเห็นว่า ไอ้เด็กผู้ชายที่เค้าจับมือมันทั้งสองข้างนี้ เป็นเด็กผู้หญิง แถม เอ่อ เขาไม่อยากจะยอมรับว่า เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักไม่น้อย

ดูใบหน้าเล็กๆ กับคางแหลมน่ารักนั่นสิ แล้วดูนั่น โอ้ ช่างสะดุดตาบุญออบเหลือเกิน ดั้งสโลบอันสวยงาม นอกจากสะดุดตาแล้วยัง สะดุดใจอย่างแรง

เขาอาจจะมองเพลินไปอีกนาน ถ้าร่างเล็กๆนั่นจะไม่อึดฮัดขึ้นมาอีกครั้ง

“นี่ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” เปรี้ยวขู่ฟ่อ ทำเอาบุญออบยิ้ม ตัวแค่นี้ เนี่ยนะ ขู่ซะน่ากลัวเชียว

“ถ้าไม่ปล่อย เธอจะทำไม” เขาแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เปรี้ยวเบนหลบ ร้องเสียงหลง

“ ไอ้บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ทั้งร้องทั้งดิ้น ทำเอาบุญออบเหนื่อยเหมือนกัน เขาจึงตัดสินใจรอมชอม

“อ่ะ จะปล่อยก็ได้ แต่เธอต้องช่วยอะไรผมอย่างหนึ่ง”

“อะไร”

“ ขับรถไปส่งผมที่สำนักงานอบต.บุญปลั่งให้หน่อย"

“แค่นี้หรอ”

“ก็แค่นี้สิ หรือจะให้ทำอะไรมากกว่านี้” บุญออบยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาเปรี้ยวสะบัดหน้าอีกครั้ง

“ถ้างั้นก็ได้ ปล่อยมือก่อนสิ”

“อ๊ะ ๆ ถ้าปล่อยแล้ว เธอคงจะไม่เสยปลายคางผมหรอกนะ สัญญาก่อน”

“อ๊ะ สัญญาก็ได้ ปล่อยได้ยัง”

บุญออบปล่อยมือเปรี้ยวให้สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง แล้วนั่งซ้อนท้าย เอามือโอบเอวเปรี้ยวไว้ทันที เปรี้ยว ฮึดฮัด เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เกิดมานอกจากพ่อกับพี่ผู้ใหญ่พิษณุ ไม่เคยมีใครมาใกล้ชิดขนาดนี้เลย ดูสิ ใจเต้นแรงขึ้นมาไม่มีเหตุผล

“ นี่ปล่อยมือได้ไหม ขี่รถไม่ถนัด”

บุญออบยิ้มแล้วว่าหน้าซื่อๆ “ ปล่อยไม่ได้หรอก ผมไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์ เดี๋ยวตกขึ้นมาทำไงล่ะ”

“ก็ไม่เห็นต้องทำไง ตกมา ก็เหยียบซ้ำ แค่นั้นเอง” เปรี้ยวสวนทันควัน แต่ก็ยอมให้บุญออบเกาะเอวแต่โดยดี

ไปส่งจนถึงที่การ อบต. โดยไม่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างหลังนั้นนั่งยิ้มกริ่มไปตลอดทาง

“ขอบคุณมากนะครับ” บุญออบเอ่ยเสียงนุ่ม แต่เปรี้ยวสะบัดหน้าหนี ชายหนุ่มจึงรำพึงกับตัวเอง

“ ตัวก็เล็กนิดเดียว ดุยังกับ...” แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึง สโลบ ที่สะดุดตานั่น

แต่เปรี้ยวที่กำลังสตาร์ทมอเตอร์ไซค์กลับหมายมั่นปั้นมือในใจว่า

“คอยดูนะ เจออีกเมื่อไหร่ ได้เห็นดีกันแน่”


ณ ตลาดโคกสาริน ในเวลาบ่ายเช่นนี้ ผู้คนดูบางตาลงมาก เปรี้ยวเดินฮึดฮัดเข้าไปในร้านกาแฟพลางสั่งอาโกชา

“ โก เอาโอเลี้ยงมาแก้วนึง เร็วๆด้วยนะ ‘รมณ์ไม่ค่อยดี”

ประพาสเดินมาพร้อมผู้ใหญ่พิษณุ เห็นเปรี้ยวหน้าบูดก็ร้องทัก

“ อ้าว ไปกินรังแตนที่ไหนมา เจ้าเปรี้ยว หน้าบูดเป็นตูดลิงเชียว” ผู้ใหญ่พิษณุ ผู้หล่อเหลาทักเปรี้ยวด้วยความเอ็นดูแล้วหัวเราะลงลูกคอเอิ๊กอ๊าก

“ นั่นดิ เป็นไรไปอ่ะ เปรี้ยว แล้วเมื่อกี้ไปไหนมา พี่ผู้ใหญ่เขามาหา มีธุระกับเราน่ะ” พี่พาสว่าพลางนั่งลงข้างเปรี้ยว มองหน้าน้องสาวด้วยความเอ็นดู

“ อ้าว พี่ผู้ใหญ่มีธุระอะไรกับเปรี้ยวหรอ ไม่ต้องมาหานักท่องเที่ยวมาโฮมเสตย์บ้านเปรี้ยวอีกแล้วนะ แค่ไอ้โอริโอ๋มาอยู่คนเดียว เปรี้ยวก็จะแย่แล้ว มันเล่นมานั่งดีดกีต้าร์ทำติสทั้งวันทั้งคืน เปรี้ยวหนวกหูจะตาย”

เปรี้ยวพูดพลางนึกถึง โอริโอ๋ เด็กลูกครึ่งที่มาพักโฮมเสตย์ที่บ้านเปรี้ยวร่วมเดือนแล้วไม่ยอมกลับ ดูท่าจะติดใจโคกสารินอยู่มาก

ผู้ใหญ่รูปหล่อส่ายหน้าแล้วว่า
“ไม่ใช่หรอกเปรี้ยว พอดีจะมีปลัดคนใหม่เขามาอยู่ที่นี่ ทีนี้บ้านพักไม่มีเด็กทำงานบ้านเลย เห็นเปรี้ยวกว้างขวางแถวนี้ เลยอยากให้ช่วยหาให้หน่อย”

“ หาเด็กทำงานบ้านหรอพี่ผู้ใหญ่ อืมๆ แล้วเดี๋ยวเปรี้ยวช่วยดูให้แล้วกันนะ”

“ ขอบใจมาก พี่นึกอยู่แล้วว่า เปรี้ยวต้องหาได้ แล้วเมื่อกี้ ไปไหนมาล่ะ”

“ก็ ไปหาเพื่อนในเมืองมาน่ะ” เปรี้ยวตอบแล้วนึกถึง อลิส สาวน้อยหน้าตาคมขำ ที่มีจุดเด่นคือ ไฝเม็ดโตที่ใต้คิ้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักลดน้อยลงไป

อลิสเป็นลูกสาว ส.ส. ผู้กว้างขวางที่ตนเองเพิ่งไปหามาเมื่อกี้ นึกถึงไอ้เจ้าอลิสที่มันร้องให้เมื่อกี้นี้แล้วก็สงสารมันไม่น้อย

“เปรี้ยว แกต้องช่วยชั้นนะ พ่อชั้นจะจับชั้นหมั้นกับ คุณสนธยา ลูกชายเสี่ยโรงไม้น่ะ เขาสนับสนุนพ่อชั้นอยู่ ชั้นจะทำไงดี”

“ ใจเย็นๆ แกออกมาอยู่กับชั้นสักพักไหม”

“จริงหรอ เปรี้ยว ชั้นอยู่ได้ก็ดีสิ ถ้าพ่อตามเจอทำไงล่ะ” ตอนนั้นเปรี้ยวคิดไม่ออกว่าจะมีทางให้อลิสได้อย่างไร แต่ตอนนี้ เปรี้ยวนึกออกแล้ว

เปรี้ยวประกาศเปรี้ยงกลางวงกาแฟ ทำเอาพี่พาสสำลักกาแฟ

“พี่ผู้ใหญ่ เปรี้ยวได้คนมาทำงานบ้านให้ปลัดคนใหม่แล้ว”


วันรุ่งขึ้น เปรี้ยวไปหาอลิสอีกครั้ง เพื่อบอกข่าวดีกับเพื่อนรัก

“ อลิส ชั้นหาทางออกให้แกได้แล้ว”

อลิสที่กำลังนั่งร้องไปกินหมูฝอยไปชะงัก หันมามองเปรี้ยวอย่างมีความหวัง

“จริงหรอ เปรี้ยว ทำไงอ่ะ”

“ แกต้องไปอยู่บ้านโคกสารินสักพักนะ”

“เฮ้ย แล้วชั้นจะไปได้ไง พ่อมีลูกน้องเยอะแยะ แป๊บเดียวก็ตามเจอแล้ว”

“ใครว่าจะให้แกไปเป็นคุณหนูอลิสที่บ้านโคกสารินล่ะ”

“อ้าว”

“แกต้องปลอมตัวเป็นคนธรรมดา ไปทำงานบ้านให้ปลัดคนใหม่ พอดีพี่ผู้ใหญ่เขาหาคนอยู่”

“เฮ้ย จะดีหรอ ชั้นทำงานบ้านไม่เป็นนะ แล้วให้ปลอมเป็นผู้ชายด้วย”

“ ทำไม่เป็นก็เนียนๆไปเหอะ ปลัดเขาไม่มีเวลามาสนใจหรอก แล้วที่ให้ปลอมเป็นผู้ชายนี่แกจะได้ปลอดภัยไง ปลัดเขาเป็นผู้ชายนะ”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว เฮ้อ ชั้นจะทำได้เปล่าเนี่ย”

“ทำได้อยู่แล้ว แล้วชื่ออลิสเนี่ย มันหรูไปหน่อย ต้องเปลี่ยนใหม่”

“ เปลี่ยนใหม่ เป็นไรอ่ะ”

“เอาเป็น ไอ้กุ๊กแล้วกัน” เปรี้ยวตั้งชื่อให้เพื่อเสร็จสรรพพร้อมยิ้มให้กับความคิดบรรเจิดของตัวเอง

“เอ ไอ้การปลอมตัวเป็นผู้ชายนี่ ทำไงอ่ะ เปรี้ยว” อลิสนั่งงงไปด้วยกินหมูฝอยไปด้วยตามเคย (ของโปรด)

“ไม่เห็นยากเลย แสดงว่าแกไม่เคยดูละครหลังข่าว แหม เชยจริงๆ” เปรี้ยวยิ้มเยาะเพื่อน

“ ก่อนอื่น แกเอาผ้าพันอกไว้ แต่ชั้นว่าแกไม่พันก็ เอ่อ” มองหุ่นเพื่อน เมื่อเห็นอลิสเริ่มหน้าบึ้งจึงพูดเอาใจ

“อ่ะๆๆ พันซะหน่อยก็ได้ ต่อไปนะ แกก็เอากางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ๊ตตัวโคร่งๆนะมาใส่ เรียบร้อยผมนี่เอาไงดี จะตัดไหม” เปรี้ยวมองผมสลวยของเพื่อนพลางคิด อลิสสะดุ้งโหยง

“เฮ้ย ไม่ได้นะ ผมชั้นไปต่อมาตั้งห้าพัน ขอต่อเขาแทบแย่ มาตัดได้ไง”

“เออ เจริญ ลูกสาวส.ส. รวยจะตาย ไปต่อผมก็ต่อเขาด้วย ไม่ตัดก็ได้ แต่แกต้องใส่หมวกแก๊บอยู่ตลอดเวลานะ”

อลิสทำหน้างง “แกจะให้ใส่หมวกแก๊บทั้งวันทั้งคืนเลยหรอ บ้าแล้ว ประหลาดสิ”

“แหม แก ไม่เคยดูละครจริงๆด้วย แค่ใส่หมวกแต่งตัวเป็นผู้ชายเนี่ย แค่นี้ก็มองไม่ออกแล้ว ผู้ชายเค้ามองอะไรกันไม่ค่อยออกหรอก เชื่อชั้นเถอะ เอ้า ใส่ไว้” เปรี้ยวว่าพลางส่งหมวกให้เพื่อน

“ไปแต่งตัวมา เดี๋ยวดูสิว่าต้องปรับแต่งอะไรบ้าง”

อลิสกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยกางเกงขาสั้นตัวโคร่ง เสื้อเชิ๊ตตัวโคร่ง สวมหมวกแก๊บเก็บผมมิดชิด เปรี้ยวก็มองอย่างพอใจ

“เอ้า ทำเสียงใหญ่ๆแบบผู้ชายอีกอย่างหนึ่ง” อลิสทำเสียง โฮ่ๆๆ เปรี้ยวพยักหน้าด้วยความพอใจ พลางจูงมือเพื่อน

“แค่นี้แกก็เป็นผู้ชายได้แล้ว ไม่เห็นยากเลย พร้อมจะไปทำงานบ้านปลัดคนใหม่หรือยัง “

อลิสพยักหน้า หน้าตามุ่งมั่น เปล่งเสียง โฮ่ๆๆ มือยังถือถุงหมูฝอยไม่ห่างกาย

“ชั้นพร้อมแล้ว โฮ่ๆๆ”


เปรี้ยวพาอลิศ หรือต่อไปนี้ตกลงเรียกกันว่า เจ้ากุ๊ก มาหาผู้ใหญ่พิษณุและตกลงเรื่องความลับกันเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่พิษณุจึงพาไปบ้านปลัดคนใหม่ ที่อยู่หลังอำเภอ

เมื่อมาถึงผู้ใหญ่พิษณุก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงหล่อๆ

“เฮลโหลๆ เอฟเวอรี่บอดี้ มีใครอยู่ไหมคร้าบ“

เอ๊ะ นั้น ไอ้เคราแพะที่ไหนโผล่หัวออกมา เจ้ากุ๊กคิด แต่เปล่า...เค้าคือ ปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตย์ ปลัดร่างยักษ์ หัวยุ่งเพราะเพิ่งตื่นนอนมาพอดี เขายิ้มกริ่มที่มุมปากเล็กน้อย

“ อ้าว นั่นผู้ใหญ่พิษนี่ สวัสดีคร้าบ “ เขาพูดไปพลางฮัมเพลงพรหมลิขิตไปพลาง ตามองไปที่เด็กผู้ชาย เอ๊ะ หรือเด็กผู้หญิงหว่า ดูไม่ค่อยถนัด

“ ผู้ใหญ่มีธุระอะไรหรอครับ มาหาผมแต่เช้าเชียว” เขารีบเชื้อเชิญทั้งสามเข้าไปในบ้าน ผู้ใหญ่พิษณุทำเท่นั่งบนโซฟา เจ้ากุ๊กจะนั่งตามแต่ถูกเปรี้ยวดึงไว้ แล้วทำปากให้นั่งบนพื้น

เจ้ากุ๊กนั่งอย่างเสียไม่ได้ พลางมองไปที่ปลัดคนใหม่ เห็นเขานั่งลงตรงข้ามผู้ใหญ่พิษณุพลางคว้ากีต้าร์มาเกาเพลง กระบี่ไร้เทียมทาน เอ๊ะ เขาเล่นเพลงนี้ได้ด้วยหรือนี่ เพลงโปรดเราซะด้วย

“เอ่อ ปลัดครับ” ผู้ใหญ่ขัดจังหวะอารมณ์สุนทรีย์ของปลัดอีกครั้ง เมื่อนึกได้ว่ามีธุระมาพูด ไม่ได้มาฟังปลัดเล่นกีต้าร์

“ผมหาเด็กทำงานบ้านให้ได้แล้วนะครับ นี่ๆๆ” ดึงเจ้ากุ๊กให้ปลัดดูหน้าชัด เจ้ากุ๊กทำหน้าเก๊กสุดฤทธิ ฝ่ายปลัดก็มองหน้าแล้วหรี่ตา ยิ้มนิดๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไร

ทั้งคู่สบตากันอยู่พักหนึ่ง ต่างฝ่ายเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ปลัดมองหน้าเจ้ากุ๊กแล้วคิดว่า คนอะไรมีไฝเม็ดเบ้อเริ่ม เจ้ากุ๊กก็คิดในใจว่า วันหลังต้องแอบเอากรรไกรตัดหญ้ามาตัดเคราให้ปลัดหน่อยท่าจะดี รกหูรกตาไปหมดแล้ว

แต่ผู้ใหญ่พิษณุก็ทนไม่ไหวขอขัดอีกรอบ

“เฮลโหลๆเทสต์” ทั้งสองสะดุ้ง แล้วเมินใส่กันทันที ปลัดถามแบบเมินๆ

“ไอ้หนูนี่ ชื่ออะไรครับ ลูกเต้าเหล่าใคร อายุเท่าไหร่ เรียนชั้นอะไร คนที่ไหน แล้วมีบัตรผ่านคนเข้าเมืองหรือยัง” เท่านั้นแหละ ไอ้กุ๊กผุดลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อปลัดทันที ทำเอาผู้ใหญ่พิษณุกับเปรี้ยวที่นั่งอยู่ห้ามไม่ทัน

“โฮ่ๆๆ” เจ้ากุ๊กพูดได้เท่านี้ เพราะเปรี้ยวมันบอกให้ทำเสียงใหญ่ไว้ พูดอย่างอื่นยังปรับไม่ทัน มือยังจับคอเสื้อมั่น ดวงตาจ้องอย่างเอาเรื่อง แต่ทำไมปลัดรู้สึกเหมือนเขากำลังถูกไฝเม็ดนั้นโจมตีอยู่นะ

แต่ เอ พิศดูดีๆ ไอ้เด็กคนนี้หน้าตาคมขำไม่เบาแฮะ ดีเหมือนกันมันมาดึงคอเสื้อเราซะชิดเลย เราก็นั่งดูหน้ามันสบายไป โธ่ แรงแค่นี้ สะบัดนิดเดียวก็หลุดแล้ว แต่เรื่องอะไรจะสะบัด เดี๋ยวเหมือนคนอื่นสิ ปลัดคิดพลางยิ้มกริ่ม แถมยักคิ้วให้เจ้ากุ๊กซะด้วย

ฝ่ายเจ้ากุ๊กทำฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นปลัดเงียบก็โมโห กระโดดกระทืบเท้า แต่ไม่ขยับเขยื้อนเลย ก็ปลัดตัวยังกับคิงคอง เจ้ากุ๊กหรือจะไปทำไรได้

ผู้ใหญ่พิษณุเห็นท่าไม่ค่อยดี เข้าไปแยกเจ้ากุ๊กออกมา พลางหันไปดุ

“เฮ้ย เจ้ากุ๊ก เอ็งทำไรน่ะ นั่นปลัดนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่นเอ็ง ขอโทษเขาซะ พลีส”

เจ้ากุ๊กสะบัดหน้าโดยแรง แต่นึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวหมวกหลุดจึงหยุด เปรี้ยวสะกิด แต่เจ้ากุ๊กไม่สนใจ ปลัดเห็นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้ใหญ่ ผมไม่ถือ เพราะจะหนักเปล่าๆ เอ้ย ไม่ใช่ ตกลงผมรับเด็กคนนี้แล้วกันครับ”

ทั้งสามสะดุ้งสุดตัว ผู้ใหญ่นึกในใจ อ้าว เฮ้ย ทำไมรับง่ายจังวะ เมื่อกี้เจ้ากุ๊กมันองค์ลงใส่แล้ว ปลัดยังไม่เข็ดแฮะ

ส่วนเปรี้ยวหันไปยิ้มกับเจ้ากุ๊ก เป็นอันแผนสำเร็จ แต่เจ้ากุ๊กยิ้มไม่ค่อยออก ไม่รู้ทำไม

“งั้นผมคงรบกวนปลัดแค่นี้แหละครับ ลาละครับ บาย”

ผู้ใหญ่พิษณุกล่าวลาพร้อมลากไอ้เปรี้ยวเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงปลัดที่หยิบกีต้าร์มาเกาเพลงอีกครั้ง คราวนี้เป็นเพลงเล่นของสูง เฮ้ย เพลงโปรดเจ้ากุ๊กอีกแล้ว พักหนึ่งปลัดกฤตนึกได้ว่ามีเจ้ากุ๊กอยู่อีกคน จึงหรี่ตามอง

“เอ้า ชื่ออะไรน่ะ เรา”

เจ้ากุ๊กเหงื่อแตก ไอ้เปรี้ยวมันให้ทำเสียงใหญ่ เราก็ทำมาแต่ โฮ่ๆๆ อย่างอื่นไม่ได้ทำ เอาไงดีหว่า เฮ้อ เอาให้ใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยแล้วกัน

“โฮ่ๆๆ ผมชื่อกุ๊กครับ โฮ่ๆๆ”




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:02:36 น.
Counter : 255 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๒

ฝ่ายบุญออบ หลังจากมาถึงอบต.ของลุงบุญปลั่งได้วันหนึ่งแล้ว ก็นึกอยากจะไปทำความรู้จักกับชาวบ้านบ้าง จึงไปบอกกับลุงบุญปลั่ง

“คุณลุงครับ วันนี้คุณลุงว่างไหมครับ”บุญออบถามพลางมองไปที่โฮมเธียเตอร์ที่ลุงเปิดดูอยู่ พลางนึกในใจว่าวันนี้ท่าจะชวด

ลุงบุญปลั่งไม่ละสายตาจาก 4 สาวเกิร์ลรี่ เบอรี่ แต่ยังมีแก่ใจตอบหลานชาย

“แหม วันนี้ลุงไม่ว่างซะด้วย แล้วก็ปวดเมื่อยไปหมด คงพาหลานไปไม่ได้หรอก”

“ไม่เป็นไรครับลุง เดี๋ยวผมไปเองก็ได้”

บุญออบเตรียมตัวใส่รองเท้า แต่ลุงบุญปลั่งก็คงจะห่วงหลานชายไม่น้อย แม้ไม่ยอมละสายตาจากจอทีวี แต่ก็ยังมีแก่ใจเป็นห่วง

“ หลานจะไปได้ไง ไม่รู้ทาง เอางี้ เดี๋ยวไปบ้านผู้ใหญ่พิษณุนะ ถามเขา ใครๆก็รู้จักผู้ใหญ่ที่หล่อๆ เท่ห์ๆ น้อยกว่าลุงหน่อยนึง บ้านหลังคาสีแดงหลังที่ห้าถัดจากบ้านเราไป ไปขอให้ผู้ใหญ่เขาพาไปสำรวจพื้นที่แล้วกันนะ มาดู มาดู๊ อุ๊บ” ลุงบุญปลั่งเผลอไปเล็กน้อย

บุญออบได้ยินดังนั้นจึงหันมายิ้มกับลุงหรือยิ้มกับสี่สาวไม่ทราบ รับคำอย่างร่าเริง

“ครับ เดี๋ยวผมไปหาผู้ใหญ่ให้ช่วยดีกว่า”

บุญออบเดินหาบ้านผู้ใหญ่ได้ไม่ยาก ถามใครๆเขาก็รู้จักผู้ใหญ่รูปหล่อ จบนอกทั้งนั้น

เมื่อถึงบ้าน เขาก็เห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังนอนหลับสบายอยู่ในเปลญวนใต้ถุนบ้าน แหม ลมเย็นๆ ท่าจะหลับสบายจริงๆ เราจะปลุกดีไหมเนี่ย

“คร้อกกกกก” เสียงดังมาจากชายหนุ่มรูปงามคนนั้น

บุญออบสาบานได้ มันเป็นเสียงเรออออ บุญออบทำหน้าไม่ถูกด้วยปรับอารมณ์ไม่ทัน เมื่อกี้ยังหล่ออยู่เลย มาเรอซะแล้ว หมดกัน

ราวกับเจ้าตัวรู้ว่ากำลังถูกนินทาอยู่ ผู้ใหญ่พิษณุพุ่งตัวลุกขึ้นนั่งทันที เมื่อเห็นว่ามีแขกมาก็ยิ้มกว้าง

“ เฮ แมน เอ้ยไม่ใช่ สวัสดีครับ มาหาใครครับ ผมผู้ใหญ่พิษณุยินดีรับใช้ครับ”

บุญออบเห็นความเอื้ออารีนั้นก็รู้สึกประทับใจมาก จึงยิ้มกว้าง

“ ผมชื่อบุญออบครับ เป็นอบต.ใหม่มาแทนลุงบุญปลั่งครับ”

“อ้อ ครับ อบต.บุญปลั่งบอกผมแล้ว วันนี้อบต.มาเองเลย เชิญนั่งก่อนครับ ซิทดาวน์ พลีส” ผู้ใหญ่เชื้อเชิญบุญออบนั่งบนแคร่ไม้ไผ่

“พอดีวันนี้ผมว่าจะขอให้ผู้ใหญ่ช่วยพาเที่ยวชมหมู่บ้านหน่อยน่ะครับ พอดีลุงบุญปลั่งแก เอ่อ ไม่ว่าง” บุญออบนึกถึงสี่สาวแล้วตะกุกตะกักเล็กน้อย

“โอ้ โนพรอบเบ็มครับ ได้เลยครับ อบต วันนี้ผมว่าง ไปกันเลยดีไหมครับ”

ผู้ใหญ่พิษณุว่าแล้วลุกกระฉับกระเฉง เดินนำบุญออบออกจากบ้านไป ระหว่างทางผู้ใหญ่ก็แนะนำให้บุญออบรู้จักหลายสิ่งหลายอย่าง

“ทางที่จะไปนี้เป็นตลาดครับ ก่อนถึงตลาด ผมจะพาไปหากำนันต้อยก่อน ไปทำความรู้จักกับแกหน่อย...

แล้วจะพาไปวัด ไปคุยกับท่านสมภารและมัคนายกกานต์ แล้วก็จะพาไปโรงพยาบาลไปรู้จักกับหมอใหญ่...

แล้วก็ไปโรงเรียน ไปหาครูรัก แกเป็นครูใหญ่น่ะครับ แล้วก็แวะอนามัยหน่อย อาจจะเจอตาดุ๊กโฆษกหมู่บ้านด้วยที่นั่น....

แล้วจะไปปิดท้ายกันที่ตลาดครับ น้องสาวผมสองคนคุมอยู่”

ผู้ใหญ่พิษณุสาธยายร่ายยาว บุญออบคิดในใจว่า น่าสนุกจริงๆ หมู่บ้านนี้

ผู้ใหญ่พิษพาบุญออบมาหากำนันต้อยเป็นคนแรก กำนันกำลังครวญเพลงเป็นไปไม่ได้อยู่ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ฟังไพเราะ เห็นบุญออบครั้งแรกก็นึกเอ็นดู บอกกว่าคราวหน้าคราวหลังให้แวะมาทักทายกำนันบ้าง

เดินต่อมาก็ถึงวัดโคกสาริน เพื่อไปสนทนาธรรมกับท่านสมภารก่อนจะลงกุฎิมาพบมัคนายกกานต์กับเด็กวัดกลุ่มหนึ่ง ผู้ใหญ่พิษจึงทักทาย

“ ไฮ มัคนายกครับ สวัสดีครับ” พร้อมไหว้งามๆหนึ่งที มัคนายกหันมารับไว้พลางเอ่ย

“อ้าว ผู้ใหญ่สวัสดีครับ ไปไงมาไงละนี่”

“อ๋อ ขามาเดินมาครับ ขาไปก็เดินไปเช่นกัน แหะ”

......เงียบฉี่.........

ทุกคนอึ้ง มัคนายกนึกในใจ ผู้ใหญ่เรามุขแป้กอีกแล้ว เฮ้อ แต่ก็ยังช่วยหัวเราะเล็กน้อย พอไม่ให้เก้อเขิน

“แล้วนี่ ผู้ใหญ่มาหาท่านสมภารหรอครับ ได้คุยกันหรือยัง”

“ ครับ เพิ่งคุยเสร็จเมื่อกี้นี้ ผมพาอบต. คนใหม่มาแนะนำครับ นี่ อบต. บุญออบครับ” หันไปทางบุญออบ

“แล้วนี่ มัคนายกกานต์นะครับ อบต”
มัคนายกเห็นบุญออบแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ ทักทายว่า

“ สวัสดีครับ อบต. ไหนขอดูรูปปากหน่อย เอ้ยไม่ใช่”

ผู้ใหญ่เห็นมัคนายกลืมตัวไป จึงช่วยแก้สถานการณ์

“เอ่อ นี่มัคนายกทำอะไรอยู่ครับ”

“อ๋อ กำลังสอนเด็กสวดมนต์อยู่ครับ เด็กพวกนี้นี่ไม่ไหวเลย รูปปากยังใช่ไม่ได้” รูปปากอีกแล้ว คราวนี้ผู้ใหญ่อยู่ไม่ไหวรีบพาบุญออบลาจากมาทันที..

จากกนั้นผู้ใหญ่ก็พาเดินมาเรื่อยๆๆ จนถึงโรงเรียน แวะไปทักทายครูใหญ่รักเล็กน้อย ครูใหญ่ใจดีมากจนบุญออบอดคิดไม่ได้ว่า คนหมู่บ้านนี้คงจะใจดีกันทุกคน อ้อ จะยกเว้นก็แต่ยายดั้งสโลบนั่นคนเดียวละมั้ง...

..เดินต่อมาถึงโรงพยาบาล ก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังมาจากห้องคนไข้ บุญออบตกใจมาก รีบวิ่งเข้าไปดูทันที ท่าทางคนไข้จะอาการหนัก ไม่ก็คงเจ็บปวดแสนสาหัสจึงได้ร้องโหยหวนถึงเพียงนี้

แต่เมื่อบุญออบวิ่งมาถึงที่ห้อง เขากลับพบเพียงคนไข้นอนหลับตาพริ้ม ขณะที่พยาบาลสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยกำลังออกลีลาท่าทางพร้อมกับร้องเพลงโอเปร่าขั้นที่ 10

บุญออบยืนมองด้วยความตกตะลึง ผู้ใหญ่พิษณุเดินตามมาอย่างไม่รีบร้อน หันมองพยาบาลสาวยิ้มให้แล้วว่า

“ผมจะบอกอบต.แต่บอกไม่ทัน คือ ไม่มีอะไรหรอกครับ นี่คุณพยาบาลพัดชา เธอกำลังร้องโอเปร่าบำบัดให้คนไข้ฟังน่ะครับ”

ผู้ใหญ่พิษณุผายมือไปที่พยาบาลสาว เจ้าหล่อนยิ้มให้พลางเดินเข้ามาหา

“นี่ อบต. บุญออบจ๊ะพัด จะมาแทนอบต.บุญปลั่ง”

“สวัสดีค่ะ อบต. ยินดีที่ได้รู้จัก” พัดชาพูดพลางหยิบถุงคุ๊กกี้ที่ซ่อนไว้ในลิ้นชักออกมา มองอย่างลังเล และอาวรณ์เล็กน้อย ก่อนจะตัดใจยื่นให้บุญออบ

“ ทานคุ๊กกี้ไหมคะ” ว่าแล้วมองหน้าอย่างมีความหวัง บุญออบมองเห็นความหวังนั้นแล้วทำลายไม่ลง จึงส่ายหน้าพลางว่า

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” บุญออบตอบแล้วมองเห็นได้ทันทีว่า สีหน้าของพัดชานั้น โล่งใจแค่ไหน

เธอรีบชักถุงคุกกี้กลับทันที แล้วรีบนำมาใส่ลิ้นชักลงกุญแจแน่นหนา ทั้งหมดที่กล่าวนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีเท่านั้น ก่อนจะหันมายิ้มหวาน

“ พี่ผู้ใหญ่ มาถึงเจอกับหมอใหญ่หรือยังคะ”

“อ๋อ ยังเลยจ๊ะ หมอใหญ่อยู่ไหนล่ะ”

“ คงอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ เดี๋ยวพัดพาไปแล้วกันนะคะ เชิญค่ะ พี่ผู้ใหญ่ คุณอบต.”

แล้วพัดชาก็เชื้อเชิญให้ทั้งสองออกไปจากห้อง ก่อนจะสำรวจลิ้นชักอย่างดีก่อน แล้วเดินนำไปห้องหมอใหญ่

เข้าไปในห้องหมอใหญ่ บุญออบคิดว่าใครมาเปิดวิทยุไว้ในห้องหรือไร ดีเจคนนี้เสียงนุ่มดีจัง แต่เอ๊ะ ดูท่าจะพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเพลง

“อันนี้ก่อนอาหารนะครับ เม็ดสีเขียวหัวเป็ด อันนี้หลังอาหารเม็ดสีตองอ่อน อันนี้ก่อนนอนเม็ดสีเปลือกมังคุด อันนี้ก่อนตื่นนอน เม็ดสีแดงเลือดนก ส่วนอันนี้ก่อนออกจากบ้านเม็ดสีเขียวสะท้อนแสง จำได้นะครับ”

เสียงหมอใหญ่ลอดออกจากฉากกั้น ที่แท้ก็เสียงหมอใหญ่นี่เอง

เมื่อคนไข้ออกมาแล้ว ทั้งสามก็เข้าไปหาหมอใหญ่เพื่อแนะนำตัวบุญออบให้รู้จัก แวบแรกที่เห็นก็สะดุดตาบุญออบเสียแล้ว ก็หมอแกใช้หูฟังมิกกี้เม้าส์อันโตเชียว น่ารักน่าชัง..

หมอใหญ่ทักทายบุญออบด้วยเสียงนุ่มน่าฟัง ก่อนจะต้องขอตัวไปทำงานต่อ เพราะคนไข้รออยู่ (โรงพยาบาลนี้มีหมอ 1 คน พยาบาล 1 คน ก็ต้องยุ่งเป็นธรรมดา)

แล้วผู้ใหญ่พิษณุก็พาบุญออบมาที่อนามัยต่อ เจออนามัยขวัญกับอนามัยหนิง กำลังบรรยายความรู้เรื่องยุงลายให้แม่บ้าน อสม.ฟัง

“ยุงลายนั้นมันร้ายกว่าเสือมากมายนัก” อนามัยขวัญบรรยายแล้วทำท่าหน้าตาดุร้าย อนามัยหนิงต่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“มันสามารถคร่าชีวิตลูกหลานของเราได้โดยที่เราไม่ทันรู้ตัวและเตรียมใจเลย”

อนามัยขวัญขึ้นเสียงคำราม “เพราะฉะนั้น เราต้องกำจัดมันอย่าให้สิ้นซาก” ทำท่าเอามือปาดคอ

อนามัยหนิงน้ำตาร่วงเผาะๆๆ “ก่อนที่มันจะมาคร่าชีวิตลูกหลานเราเป็นรายต่อไป”

จบการบรรยาย เหล่า อสม. ปรบมือเสียงดัง นับเป็นการบรรยายที่ได้อารมณ์ลึกสุดใจจริงๆ ผู้ใหญ่พิษณุพาบุญออบไปแนะนำให้อนามัยขวัญและอนามัยหนิงรู้จัก

สักพักก็เจอโฆษกดุ๊กเดินมา ผู้ใหญ่พิษณุจึงร้องเรียก

“อ้าว สวัสดีครับ โฆษก ไปไหนมาละครับ”

โฆษกดุ๊กยิ้มนุ่มๆๆ ก่อนเอื้อนเอ่ยว่า

“สวัสดีครับ ผู้ใหญ่ พอดีเมื่อคืนนี้ผมนั่งอ่านหนังสือปรัชญาอยู่ครับ... แล้วสักตี 2 รู้สึกง่วง ก็เลยเข้านอน ตื่นมาเจ็ดโมงเช้า ....แน่ะ ยังเช้าอยู่เลยก็เลยนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมง ตื่นมาอีกที ....อ้อ ต้องมาฟังอนามัยขวัญกับอนามัยหนิงบรรยาย กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมาถึงก็บรรยายเสร็จพอดี..."

ทุกคนเงียบ อึ้งกันไป...............................

“คือว่า ที่ผมมาเนี่ยไม่ได้มาฟังบรรยายหรอกครับ คือว่า ผม....”

ทุกคนเงียบรอฟังใจจดจ่อ...............................

“ผมมาซื้อยากันยุงร้านของชำน่ะครับ พอดีเมื่อคืนตอนอ่านหนังสือ ยุงมันเยอะเหลือเกิน ฮ่าๆ”

(อ้าว แล้วมันจะมาชักแม่น้ำทั้งห้าทำไมฟ่ะ)ทุกคนคิดแบบอึ้งๆ....

ผู้ใหญ่พิษณุได้สติก่อนใครเพื่อน ในขณะที่อนามัยขวัญเสียสติไปแล้ว ผู้ใหญ่ผายมือไปที่บุญออบพลางกล่าวแนะนำ

“ โฆษกครับ นี่อบต.คนใหญ่ อบต. บุญออบครับ” หันไปทางบุญออบแล้วว่า

“นี่โฆษกประจำหมู่บ้านครับ โฆษกดุ๊ก”

บุญออบยิ้มกว้างแล้วกล่าวสวัสดี ฝ่ายโฆษกดุ๊กยิ้มหล่อ

“สวัสดีครับ อบต. คุณเชื่อเรื่องโลกกลมไหมครับ”

บุญออบอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ก็ เอ่อ ก็เชื่อครับ”

ครูดุ๊กยิ้มอีกครั้ง กล่าวต่อว่า

“ อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่นะครับ โลกเรานี่มันกลม ไม่แบนแน่ๆ เพราะไม่งั้นคนที่ไม่เคยรู้กันมาก่อน ทำไมจึงมาเจอกันได้ ก็เพราะโลกมันหมุนวนรอบตัวเองไปมานี่เอง เราจึงได้มารู้จักกัน ว่าไหมครับ” (อ๋อ กว่าจะเข้าประเด็น)

“ อบต. รู้ไหม คนบนโลกนี้เนี่ย มีเป็นพันล้าน การที่เราจะเจอกับคนๆหนึ่งนี่มันยากมากนะครับ แต่ถ้าเรามีความตั้งมั่น.......”

“เอ่อ โฆษกครับ” ผู้ใหญ่พิษณุขัดเสียงเบาด้วยความเกรงใจ

“อะไรครับ ผู้ใหญ่ ผมเพียงแต่จะบอกว่า เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ อ้อ ถ้าเรามีความตั้งมั่น เรามีจิตใจที่สื่อถึงกัน เมื่อนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะอยู่.....”

“เอ่อ โฆษกครับ” ผู้ใหญ่พิษณุขัดอีกที

“อะไรครับ ผู้ใหญ่ ผมเพียงแต่จะบอกว่า ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด เราก็จะมาพบกันได้แน่นอน...” ทุกคนโล่งใจว่าจบได้เสียที แต่.....

“เพราะฉะนั้น..................” เอ้ย มาอีก ผู้ใหญ่พิษณุทนไม่ไหวรีบทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที

“เอ่อ โฆษกครับ ที่เหลือเอาไว้ก่อนได้ไหมครับ พอดีผมต้องพาอบต.เขาไปตลาดอีกน่ะครับ” ไม่งั้นต้องนั่งฟังไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงแน่ๆ ผู้ใหญ่คิดอย่างสยอง

“อ้าว หรือครับ แหมน่าเสียดาย เรายังคุยกันได้ไม่เท่าไหร่เลย” โฆษกทำหน้าเสียดายก่อนหันไปยิ้มกับบุญออบ

ข้างฝ่ายบุญออบที่เริ่มตาปรือเพราะเริ่มเคลิ้มรีบสะดุ้งตื่นขึ้นมาอำลาโฆษกทันที

“เอ่อ ต้องขอตัวก่อนนะครับ วันหลังค่อยคุยกันใหม่”

โฆษกดุ๊กพยักหน้า ยิ้มหล่อแล้วว่า

“ ครับ ผมเชื่อมั่น ผมเชื่อมั่นว่า......” ผู้ใหญ่พิษณุรีบลากบุญออบออกไปทันที......


และแล้ว ผู้ใหญ่พิษณุก็พาบุญออบมาถึงตลาดเสียที (เฮ้อ กว่าจะถึง) ทั้งสองเดินเข้ามาในตลาดยามเช้าที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา ดูจอแจไม่น้อย

บุญออบสังเกตได้เลยว่า ผู้ใหญ่พิษณุรูปหล่อดูท่าจะเป็นนิยมของชาวบ้านร้านตลาดไม่น้อย โดยเฉพาะแม่ค้าสาวๆ นั่น ดูท่าจะชื่มชมไม่เบา เดินผ่านหน้าร้านใคร คนนั้นก็ทำเป็นยิ้มเอียงอาย บ้างก็รีบเอาของให้ผู้ใหญ่โดยไม่คิดเงิน .......อืม ผู้ใหญ่นี่เจ๋งจริง บุญออบคิด

เดินผ่านแผงปลาทู ผู้ใหญ่ก็ร้องทัก “ วันนี้ขายดีไหมจ๊ะ น้องริน” อุ้ย ทักซะหวานเชียว แม่รินเอียงอายพลางส่งปลาทูตัวใหญ่ที่สุดในแผงให้ผู้ใหญ่ 2 ตัว

“ก็ดีจ๊ะ พี่ผู้ใหญ่ ชั้นเอาปลาทูตัวโตๆมาฝาก” ผู้ใหญ่พิษณุยิ้มตาหวานรับปลาทูมาแล้ว หันไปทางบุญออบพลางแนะนำ

“นี่ อบต.คนใหม่จ๊ะ ชื่อบุญออบ” บุญออบยิ้มให้พร้อมกล่าวสวัสดี ทำเอาแม่รินเขินอีกรอบ พลางส่งปลาทูตัวโต ให้บุญออบ 1 ตัว แหม ก็อบต.เขาก็น่ารักเหมือนกันนี่

ผู้ใหญ่พิษณุพาบุญออบเดินต่อไปถึงแผงขายส้มตำ เห็นแม่ค้ากำลังตำส้มตำขะมักเขม้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเจอผู้ใหญ่ยิ้มตาหวานเท่านั้นแหละ สากแทบหลุดจากมือเลยทีเดียว ผู้ใหญ่เอื้อนเอ่ย

“น้องพริ้วจ๊ะ วันนี้เป็นไงบ้าง” แม่ค้าส้มตำยิ้มหวานพลางส่งส้มตำถุงใหญ่ให้

“ ตอนนี้ยังเช้าอยู่จ๊ะ เลยไม่ค่อยมีคน นี่ ชั้นตำส้มตำมาฝากพี่ผู้ใหญ่ ส้มตำปูปลาร้า พริก 38 เม็ด เปรี้ยวเผ็ดกำลังดี ใช่ไหมจ๊ะ สูตรนี้ของพี่ผู้ใหญ่ ชั้นจำได้”

ผู้ใหญ่กล่าวขอบคุณแล้วรับถุงมา หันไปแนะนำบุญออบ แม่ค้าเห็นหน้าตาบุญออบแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ จึงคว้า ไก่ย่าง 1 ตัวมาส่งให้.... แหม ของโปรดเราพอดีเลย แม่ค้าที่นี่ใจดีจัง.... บุญออบคิด

เดินผ่านแผงผัก นั่นผู้ใหญ่พิษณุหยุดอีกแล้ว

“น้องชม วันนี้ผักสวยๆ จังนะ” พูดแล้วทำตาหวาน แม่ชมไม่รอช้าคว้าถุงขี้เหล็กส่งให้

“วันนี้ผักสวยจ๊ะ พี่ผู้ใหญ่ วันนี้ชั้นเอาขี้เหล็กมาฝาก แก้โรคนอนไม่หลับชะงัดนัก” ผู้ใหญ่รับมาแล้ว คิดในใจ เอ ประชดเราหรือเปล่านะ เราเคยนอนไม่หลับด้วยหรือ มีแต่นอนไม่ตื่น

“ น้องชม วันนี้พี่มี อบต. ใหม่มาแนะนำ นี่ อบต.บุญออบจ๊ะ” บุญออบสวัสดีแม่ค้าผัก แม่ชมเห็นหน้าใสๆ ของบุญออบแล้ว จึงหยิบแครอทออกมาส่งให้

“เอานี่จ๊ะ เอาแครอทมาฝาก กินแล้วหน้าใส ไร้สิวนะจ๊ะ” บุญออบรับของมาแล้วพลางนึกว่า... แหม แม่ค้าน่ารักดี ห่วงใยสุขภาพเราด้วย

เดินเข้ามาลึกในตลาดอีกหน่อย ผู้คนเริ่มเยอะมากขึ้น ผู้ใหญ่พิษณุแวะทักทายคนไปเรื่อย

“ หวัดดีครับ น้องอโศก แหมวันนี้มาซื้อกับข้าวหรอครับ” ยิ้มตาหวาน เล่นเอาเจ้าหล่อนบิดตัวไปมา

“จ๊ะ พี่ผู้ใหญ่ นี่ชั้นมาซื้อขาหมูน่ะจ๊ะ” โอ้โฮ.... ผู้ใหญ่มองเห็นขาหมูอันเบ้อเริ่มเลย แม่อโศกมองตามสายตาผู้ใหญ่แล้ว หน้าเจื่อนเล็กน้อย รีบแก้ตัวทันที

“ชั้นไม่ได้ซื้อไปกินเองหรอกจ๊ะ พี่ผู้ใหญ่ พอดีคุณป้าแจ่มที่มาจากเมืองกรุง เขามาพักที่บ้านก็เลยจะซื้อไปให้เธอกินทั้งขาเลย โศกเองน่ะ ไม่กินหรอกจ๊ะ” ว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วนั่น มากับแม่บุญใสหรอจ๊ะ” ผู้ใหญ่มองเลยไปที่แม่สาวอีกคนที่แอบหลังแม่อโศกด้วยความอาย ก่อนจะค่อยๆเยี่ยมหน้ามาตอบ

“จ๊ะ ชั้นมากับแม่โศกเขา มาซื้อขนมหวานน่ะจ๊ะ”

“แหม จะหวานกันไปถึงไหนล่ะ แค่นี้หวานไม่พออีกหรอจ๊ะ ”(กรี๊ดๆๆๆ) แม่บุญใสหน้าแดงเป็นตูดลิงเชียว

“วันนี้พี่มีอบต.ใหม่มาแนะนำให้รู้จักนะ นี่อบต.บุญออบจ๊ะ” เพียงแค่บุญออบยกมือไหว้แล้วส่งยิ้มทักทายเท่านั้น 2 สาวก็ถึงกับเขินตัวบิดไปมา พันกันเป็นเกลียวเชียว กว่าจะแกะกันออก 2 หนุ่มก็เดินกันออกมาไกลแล้ว

ร้านกาแฟอาโกชา ตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยสภากาแฟกำลังถกเครียดเรื่องยาสตรีเบนโลอยู่ บ้างก็ว่า 5 เดือน บ้างก็ว่า 7 เดือน บ้างก็ว่าคลอดแล้ว เฮ้อ หมู่บ้านนี้รู้ข่าวสารช้าไปหน่อยนะ

ผู้ใหญ่พิษณุพาบุญออบมาถึงกลางวงสภากาแฟพลางทักทาย

“เฮลโหล สวัสดีครับ ทุกคน วันนี้ผมมีอบต.ใหม่ที่จะมาแทนอบต.บุญปลั่ง มาแนะนำให้รู้จักครับ” ว่าแล้วก็ผายมือมาที่บุญออบ บุญออบยกมือไหว้ทุกคน

“ เดี๋ยวผมแนะนำให้รู้จักคนใหญ่คนโตของหมู่บ้านนะครับ ที่นั่งโขกหมากรุกกันอยู่นั่น น้าฉิวกับน้าขิ่น"

ชายแก่ 2 คนที่กำลังโขกหมากรุกอย่างเมามัน หันมาทักทายแล้วยิ้มให้ ระหว่างที่ตาขิ่นเผลอ ตาฉิวก็แอบเอาเบี้ยของตาขิ่นออกไปตัวหนึ่ง พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“นั่นคุณแจ่มครับ เธอมาจากกรุงเทพฯ มาซัมเมอร์หลบร้อนที่นี่”

ผายมือไปยังสาวไฮโซที่นั่งกรีดกรายจิบกาแฟ พร้อมฉีกปาท่องโก๋กินด้วยนิ้ว 2 นิ้ว เจ้าหล่อนหันมายิ้มให้พร้อมพยักหน้าอย่างถือตัว

“นั่น คุณนุชช่างผมคนดังของหมู่บ้าน ใครก็ต้องมาตัดผมกับแกทั้งนั้น (ก็มีอยู่ร้านเดียวทั้งหมู่บ้านนี่) แกตัดได้ทั้งหญิงชายตัดขนหมาขนแมวก็ได้ครับ คุณนุชครับ นี่อบต.บุญออบ”

บุญออบยกมือไหว้หญิงสาวที่กำลังนั่งดึงผมตัวเองอยู่ อุ้ยคุณนุชรู้สึกตัวเอามือออก ยิ้มหวานให้ พลางว่า

“แหม สวัสดีค่ะอบต.ถ้าอยากตัดผมเมื่อไหร่ มาที่ร้านนุชได้เลยนะคะทรงอะไรมีหมด จะเอาทรงโมฮ็อค หรือจะเอาเดดร็อค ก็ตัดได้ค่ะ” แหม พูดไม่ดูหน้าเราเล้ย คุณนุชเนี่ย โมฮ็อคเนี่ยนะ บุญออบคิด

“ แล้วนี่ก็ ลุง ป้า น้าอาชาวบ้านโคก นั่นคุณดีเจประจำหมู่บ้านครับ แกเปิดเพลงสนุกดีครับ แต่ส่วนใหญ่เน้นเรื่องกำลังภายใน คือพอดีพวกเรากำลังติดอยู่เรื่องหนึ่งน่ะครับ อบต. มาอยู่ที่นี่คงจะได้ฟังแน่”

บุญออบทักทายทุกคน........แล้วพลันก็รู้สึกถึงรังสีร้อนแรงอย่างหนึ่งพุ่งเข้ามากระทบ เขาจึงหันไป

นั่นไง รังสีอาเสี่ยฉายชัดอยู่ที่ชายคนหนึ่ง เขานั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ ตัวที่เด่นที่สุดและสวยที่สุดของร้าน ข้างๆมีชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำกำลังก้มหน้าก้มตาวาดอะไรอยู่

ผู้ใหญ่พิษณุมองตามสายตาของบุญออบแล้วก็เข้าใจ เขาจะลืมบุคคลสำคัญที่รวยที่สุดของหมู่บ้านไปได้อย่างไร เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงผายมือไปทางชายผู้ทรงอิทธิพล

“และนี่ เสี่ยมายครับ เจ้าของกิจการค้าผงซักฟอกที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน“ แล้วหันไปทางบุญออบ

“นี่ อบต. ใหม่ ชื่อบุญออบครับ”

เสี่ยมายยิ้มนิดๆแล้วกล่าวด้วยเสียงแหบเสน่ห์

“ สวัสดีครับ อบต. แหม ยังหนุ่มยังแน่นเลยนะครับ ดีครับๆ ดีต่อไปหมู่บ้านเราจะได้พัฒนาขึ้น ตั้งใจทำงานนะครับ จะได้คืนกำไรให้ชาวบ้านด้วย..” เสี่ยมายพูดแล้วหัวเราะ บุญออบฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็รับคำ

ผู้ใหญ่พิษณุหันมาหาชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับเสี่ยมาย พลางแนะนำ

“นั่น คุณประเวศ ลูกชายเสี่ยครับ คุณเวศ นี่อบต. บุญออบครับ”

ประเวศเงยหน้าขึ้นมายิ้ม เห็นฟันขาวชัดเจน ดูท่าทางเขาเป็นมิตรกับบุญออบมากทีเดียว บุญออบจึงทักทาย

“สวัสดีครับ คุณประเวศ”

“เรียกผมเวศเฉยๆก็ได้ครับ เราคนกันเองอยู่แล้ว” เขาว่าแล้วยิ้มเห็นฟันขาวอีกรอบ

เสี่ยมายมองลูกชายคนโตแล้วนึกถึงลูกชายคนเล็กขึ้นได้ พลางถาม

“ อ้าวแล้วนี่เจ้าดลไปไหนล่ะ”

“เอ๊ะ เมื่อกี้ก็นั่งอยู่ด้วยกันนี่ครับ ป๊า” ประเวศตอบ พลางมองหาน้องชาย “ดลๆ ไปไหนน่ะ”

แล้วเสียงๆ หนึ่งก็ลอยมาเบาๆ ใกล้ๆ

“ดลอยู่นี่ครับ พี่เวศ ป๊า”

เสียงนั้นดังมาจาก.....................ไหน ประเวศพยายามเงี่ยหูฟัง

นั่นไง มันมาจากใต้โต๊ะ เพราะปฎลผุดลุกขึ้นมายิ้มเผล่ ในมือถือแคนคู่ใจ

“ดลอยู่นี่ครับ”

“อ้าว แล้วมุดเข้าไปทำไมใต้โต๊ะ” ประเวศถามอย่างสงสัย

“พี่เวศไม่รู้อะไร ใต้โต๊ะนี่มันมี รูซ่อนอยู่ เมื่อกี้ดลลองเอานิ้วจิ้มดู ดินมันเค็มด้วยพี่”

“แล้วยังไง”

“ดลก็เลยสงสัยว่า ลึกลงไปมันอาจจะเป็นชั้นหินเกลือ หรือไม่อาจจะมีน้ำมันอยู่ใต้นี้ ดีไม่ดี หมู่บ้านเราอาจจะมีน้ำมันก็ได้นะพี่ รวยกันแน่ทีนี้”

เอ้อ ท่าจะเพ้อเจ้อใหญ่แล้วน้องเรา ประเวศกลุ้มใจเล็กน้อยก่อนจะบอกน้องชายเป็นการตัดบท

“เอาเหอะ เรื่องนั้น ไว้มาสำรวจทีหลัง อาโกชาเค้าคงให้ดลได้แงะดินไปสำรวจที่บ้านหรอก ร้านนี้โกเขาก็เช่าป๊าเราอยู่แล้ว ดลพักไว้ก่อนนะ นี่ผู้ใหญ่เขาพา อบต. ใหม่ มาให้รู้จัก” ประเวศหันมามองผู้ใหญ่พิษณุ

ผู้ใหญ่พิษณุได้บทแล้ว จึงรีบแนะนำทันทีก่อนที่ปฎลจะมุดโต๊ะเข้าไปใหม่

“ คุณดลครับ นี่ อบต บุญออบครับ” หันมาทางบุญออบ “นี่คุณปฎล ลูกชายคนเล็กของเสี่ยมายครับ”

บุญออบเห็นรอยยิ้มกว้างขวางของปฎลแล้ว รู้สึกถูกชะตาด้วยมาก หันไปเห็นแคนในมือปฎลจึงว่า

“คุณดลเป่าแคนได้ด้วยหรือครับเนี่ย”

ปฎลมองแคนในมือแล้วยิ้มเขิน “ครับ พอดีผมชอบน่ะครับ เพลงมันซึ้งได้อารมณ์ดี ถ้าคุณ อบต. ชอบฟัง เดี๋ยวผมจะเป่าให้ฟังนะครับ”

ปฎลเตรียมเป่าแคน แต่ยังไม่ทันจะได้เป่าเลย....




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:04:01 น.
Counter : 249 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๓

เสียงแหลมเสียงหนึ่งก็ดังแหวกอากาศเข้ามาเสียก่อน....

“ต้ายๆตายๆ... มานั่งสำเริงสำราญกันอยู่นี่เองหรือย่ะ สบายกันนักใช่ไหม ค่าแชร์น่ะ ส่งหรือยัง"

เจ๊เป็ดเจ้าแม่เท้าแชร์มาด้วยเสื้อสายเดี่ยว แต่งหน้าพริ้มเพราเดินมาพร้อมกับหมวยนกคนสวย

แต่พอเห็นว่ามีใครอยู่เท่านั้นแหละ เจ๊เป็ดเปลี่ยนน้ำเสียงทันที รีบเข้าสวัสดีเสี่ยมายที่นั่งเด่นอยู่

“อ้าว นั่นเสี่ยมายมานี่นา สวัสดีค่ะ แหม พอดีเป็ดไม่ทันดู แน่ะ พ่อประเวศก็มาด้วยหรือเนี่ย” รีบหันไปหาหมวยนกแล้วสั่งว่า

“หมวยๆ นี่ๆไปตามหนูลูกตาลมาหน่อยสิ บอกว่าพ่อประเวศมารอที่ร้านอาโกชา”

.......อ้าว..รวบรัดตัดความซะอย่างงั้น.... ประเวศสะดุ้งรีบร้องห้าม แต่ไม่ทันหมวยนกที่เต้นเสต็บออกไปตามคำสั่งเจ๊เป็ดอย่างรวดเร็ว

นอกจากจะเรียกหนูลูกตาลลูกสาวมาใกล้ชิดกับพ่อประเวศแล้ว ยังได้ขัดขวางหนุ่มๆๆที่มาจีบหมวยนกน้องสาวเราอีกด้วย

แหม พี่อยู่ท่นโท่ทั้งคน สวยก็สวยกว่า ดันไม่สนใจ มาสนใจน้องเราได้ไง ไม่รู้ว่าสวยตรงไหน เจ๊เป็ดคิดอย่างไม่เข้าใจ แต่เจ๊เป็ดก็สงสัยได้ไม่นานเพราะ

เมื่อเจ๊เป็ดหันมามองอีกด้านหนึ่งก็พบกับ...............

“ผู้ใหญ่ๆ.... มาเมื่อไหร่ค่ะเนี่ย โถ มาไม่บอกเป็ดเลย (กระซิบกับตัวเอง เป็ดจะได้ไม่เอาหมายนกมาด้วย)” ยิ้มหวานให้ผู้ใหญ่เต็มที่

ผู้ใหญ่พิษณุยิ้มตอบแล้วแนะนำบุญออบให้เจ๊เป็ดรู้จัก

“สวัสดีครับ เจ๊เป็ด ผมเพิ่งมาเมื่อกี้เองครับ จะพาอบต.ใหม่มาแนะนำให้รู้จัก นี่ อบต. บุญออบครับ”

บุญออบยกมือไหว้เจ๊เป็ด ฝ่ายเจ๊เองก็มองหัวจรดเท้า พลางคิดว่า หน้าตาใสๆ ตี๋ๆดีหรอก แต่พูดเสียงเหน่อเชียว ไม่เข้าเป๊กเลย แต่ปากก็ยิ้มหวานแล้วว่า

“สวัสดีค่ะ อบต. แหม ดูภูมิฐานมีสง่าราศรีดีจังนะคะ” อ้าว เจ๊เป็ดชมหรือนั่น

แต่ก่อนที่ทุกคนจะพูดอะไรกันอีก ปฎลที่ถือแคนเป่าค้างมานานแล้ว ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“เอ่อ ยังอยากฟังผมเป่าแคนอยู่อีกหรือเปล่าครับ อบต.”

บุญออบเห็นเป็นทางเดียวที่จะหลบเสียงเจ้เป็ดได้ จึงรีบรับคำ

“ครับๆ อยากฟังครับ เป่าเลย”

ปฎลตั้งท่าเป่าแคนอีกครั้ง แต่..................

เสียงดังเสียงหนึ่ง แหวกอากาศเข้ามาให้ได้ยินอีกแล้ว

“ไอ้บัตร หยุดดดดดด เดี๋ยวนี้นะ แก” นั่นมันเป็นเสียงไอ้เปรี้ยว ตลาดแตกอย่างไม่ต้องสงสัย

สิ้นเสียงเปรี้ยว ก็ปรากฏร่างชายคนหนึ่งวิ่งหัวซุกหัวซุนมาทางร้านกาแฟ

เจ้าเปรี้ยววิ่งตามมาทันที่หน้าร้านพอดี ตรงเข้ามาตะลุมบอนกันที่หน้าร้าน ผู้คนลุกฮืออย่างตื่นเต้น บุญออบลุกขึ้นเตรียมจะไปจับโจร แต่ผู้ใหญ่ห้ามไว้ซะก่อน

“ไม่ต้องครับ อบต.เดี๋ยวไอ้เปรี้ยวจัดการเอง” แล้วหันไปสั่งเด็ก

“เฮ้ย เอ็งไปตามจ่าปุ้มกับจ่าอาร์ทมาเร็ว บอกว่าเปรี้ยวจับไอ้บัตรได้แล้ว”

แล้วไอ้เปรี้ยวก็จัดการไอ้บัตร โจรกระจอกประจำหมู่บ้าน ที่ชอบมาลักเล็กขโมยน้อยได้สำเร็จ

ไอ้บัตรปากเบี้ยว หน้าปูด ช้ำไปหมดด้วยฝีมือของเจ้าเปรี้ยวคนเดียว ตอนนี้มันนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่หน้าร้าน โดยมีเปรี้ยวยืนยิ้มมองอยู่

ผู้ใหญ่พิษณุเดินไปหน้าร้าน บุญออบเดินตามไปด้วย ผู้คนเริ่มไทยมุงกันเป็นกลุ่มใหญ่ ได้ยินเสียงใสๆ ร้องสั่งสมุนว่า

“เอ้า ไอ้อั้น เอาเชือกมัดมือ มัดตืนไว้เลยแก อย่าให้มันดิ้นหลุดไปได้นะ”

เจ้าอั้น ลูกน้องเปรี้ยวปฏิบัติตามที่ลูกพี่สั่งอย่างคล่องแคล่ว เสร็จแล้วหันมายิ้มเผล่ให้ลูกพี่

“เรียบร้อยแล้วฮะ พี่เปรี้ยว”

“เออ ดีมาก สิ้นลายซะทีนะ ไอ้บัตร” หันไปเห็นพี่ผู้ใหญ่เดินมาก็ยิ้มหวานให้ แต่พอเห็นคนที่เดินตามมาด้วย ยิ้มหวานๆ เมื่อกี้แทบจะหุบไม่ทัน

บุญออบก็ตกใจปนดีใจเหมือนกัน ที่ได้รู้ว่า ยายสโลบที่เขาเจอเมื่อวานนั้น คือ คนที่จับโจรตัวใหญ่ที่นอนโอดโอยตรงหน้าด้วยมือเปล่า

...เก่งไม่ใช่เล่นเลย แล้วดูเมื่อกี้ยังยิ้มหวานให้ผู้ใหญ่น่ารักอยู่เลย มาเห็นเรา ทำเป็นหน้าบึ้ง

ฝ่ายเปรี้ยวเมื่อเห็นว่าคนที่เดินตามพี่ผู้ใหญ่มาเป็นใคร ก็จำได้ทันที ..ไอ้ตี๋ที่มากอดเอวเรา หนอย... มาเดินเสนอหน้าอยู่นี่เอง ทั้งมือทั้งเท้าไวเท่าความคิด เปรี้ยวกระโจนใส่บุญออบทันที

“เฮ้ย” ผู้ใหญ่พิษณุเห็นไม่ได้การ รีบจับตัวเปรี้ยวไว้ก่อนที่จะกระโจนเข้าไปหาบุญออบได้ พลางร้องว่า

“นี่มันอะไรกัน เจ้าเปรี้ยว”

“พี่ผู้ใหญ่ ปล่อยเปรี้ยวนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย เปรี้ยวจะต่อยหน้ามัน”

"เดี๋ยว เปรี้ยว ใจเย็นๆ ก่อนนี่เราจะทำไรน่ะ" ผู้ใหญ่พิษณุไม่ยอมปล่อยมือ

"พี่ผู้ใหญ่ ไอ้นี่มัน...มัน"

"มันทำไม พูดจาไม่เพราะเลยนี่เราน่ะ นี่อบต. คนใหม่ อบต.บุญออบ ไหว้เขาซะ พลีส"

พี่ผู้ใหญ่สั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าเปรี้ยวชักจะดื้อเกินไปแล้ว เจ้าเปรี้ยวเชิดหน้าตอบ

"ไม่ไหว้ จะทำไม"

"ทำไมล่ะ"

"ก็ มัน เอ่อ" พูดแล้วก็เจ็บใจ จะให้บอกได้ไงว่ามันมากอดเอวเปรี้ยว ...แล้วดูไอ้ตี๋นั่นสิ มาทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยักคิ้วให้อีกต่างหาก

"เอ้า เปรี้ยว จะไหว้หรือไม่ไหว้ นี่เขาโตกว่าเรานะ เสียมารยาทจริง ๆ เสียแรงพี่อุตส่าห์สอนมารยาทแบบอังกฤษให้"

บุญออบกลั้นยิ้มแทบแย่ที่เห็นเจ้าเปรี้ยวทำหน้าบูด ยกมือไหว้ตนประหลก ๆ ดูสิ หน้าก็งออยู่แล้ว มาตอนนี้ งอขึ้นอีกเป็น 2 เท่า แต่ก็....น่ารักดี

ผู้ใหญ่พิษณุหันไปหาบุญออบแล้วว่า

"แหม ผมต้องขอโทษแทนเจ้าเปรี้ยวด้วยนะครับ แก่นทะโมนอย่างนี้เอง"

ก่อนจะหันไปเห็นจ่าคู่หูเดินมา

"อ้าว จ่า นี่จะจับไอ้บัตรไปโรงพักใช่ไหม มาผมไปด้วย ไปเปรี้ยว อบต.จะไปด้วยไหมครับ"

บุญออบมองหน้าเจ้าเปรี้ยวแล้วยิ้ม วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ต่อไปค่อยยั่ว........โมโหใหม่

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมรอที่ตลาดก็แล้วกัน"

"โอเคครับ งั้นผมไปโรงพักแปบเดียว เดี๋ยวมา เอ้า พวกไทยมุงทั้งหลาย แยกย้ายกันไปได้แล้ว"

ขาดคำผู้ใหญ่พิษณุ ไทยมุงก็กระจายหายกันจ้อย บุญออบเองก็กลับไปนั่งร้านกาแฟ ทิ้งปฎลยืนถือแคนค้างอยู่อย่างนั้น

นี่ตกลงจะมีใครสนใจฟังแคนผมไหมเนี่ย.........ปฎลนึก พลันก็ได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ

"เซย์ เฮลโหลสักนิด" นั่นโอริโอ๋ เด็กลูกครึ่งเดินทำหน้างงเข้ามา

"เฮ้ วอทส อัพ เกิดไรขึ้นค๊า" มาช้าประจำ เขาเสร็จเรื่องกันไปตั้งนานแล้ว แต่ปฎลก็ยังมีแก่ใจตอบ

"เปรี้ยวเขาจับไอ้บัตรได้แล้วครับ"

"ไอ้บัตร อ๋อ ไอ้แต่ ชื่อแปลกดีนะค๊า....." เข้าใจไปซะงั้น "แล้วนั่น ถืออะไรน่ะ"

ปฎลมองแคนในมือแล้วตอบ

"อ๋อ นี่เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง เรียกว่า แคน เป็นไทยแซค"

"แคน โอ้ว อเมซซิ่ง ไออยากฟังจัง"

ปฎลมองโอริโอ๋อย่างมีความหวัง

"อยากฟังจริงหรือครับ"

"ทำไมยูถามงั้นล่ะ"

"ก็ ทุกคนก็พูดแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่เห็นมีใครฟังกันเลย" ปฎลว่าทำหน้าหมอง

"โอ๋ๆ อย่าร้องนะ ไม่เป็นไรนะ ไอจะฟังเอง ไอชอบ มาๆ เป่าเดี๋ยวนี้เลย พลีส"

ปฎลยิ้มกว้าง จัดการเป่าแคนให้โอริโอ๋ฟังทันที แหม ฟังแล้วเคลิ้ม.......


ที่โรงพัก........

จ่าอาร์ทกำลังสอบปากคำไอ้บัตรอยู่ ส่วนจ่าปุ้มกำลังบันทึกปากคำเปรี้ยว

ประพาสเดินเข้ามา เห็นผู้ใหญ่พิษณุก็ร้องทัก

"อ้าว ยังไม่เสร็จเรื่องหรอพี่ผู้ใหญ่"

"ยังเลย นี่เปรี้ยวกำลังให้ปากคำอยู่ พาสมีอะไรกับพี่หรือเปล่า"

"มีแขกมาที่บ้านน่ะพี่ แม่คำพูที่อยู่บ้านโคกอีแร้ง ญาติของน้องเมียเพื่อนพ่อพี่ไง เขาแวะมาเยี่ยม พาสเลยมาตาม"

"งั้น...." หันไปมองเปรี้ยว "เปรี้ยวอยู่ได้ใช่ไหม"


เปรี้ยวเงยหน้าเหมือนจะค้อน แต่ไม่ใช่ เพราะเปรี้ยวค้อนไม่เป็น

"อยู่ได้ดิพี่ แค่นี้เอง พี่ผู้ใหญ่จะไปไหนก็ไปเหอะ"

ผู้ใหญ่พิษณุหัวเราะแล้วส่ายหน้า สงสัยเจ้าเปรี้ยวยังงอนไม่หาย

"งั้นเสร็จเรื่องแล้ว รีบกลับบ้านนะ อย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ"

เปรี้ยวเชิดหน้าไม่สนใจ ผู้ใหญ่จึงจูงมือประพาสเดินออกจากโรงพักไป


ระหว่างทางเดินกลับบ้าน ประพาสทำขยุกขยิก ผู้ใหญ่พิษณุหันมามอง

"เป็นไรพาส ทำยุกยิกไปได้"

"ก็...พี่ผู้ใหญ่ เมื่อไหร่จะปล่อยมือสักทีเล่า" ประพาสก้มหน้างุด มองมือตัวเองที่ตกอยู่ในมือผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่พิษณุยิ้มๆ........

"อ้าว ทำไม จับไม่ได้หรอไง ก็จับมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่"

ประพาสยังก้มหน้าอยู่

"ก็ตอนนี้โตแล้วนี่"

ผู้ใหญ่พิษณุหยุดเดินหันมามองหน้า

"ทำไมหรอพาส โตแล้วจับมือไม่ได้หรอ"

"ก็ พาสอายเค้า พาสเป็นคนคุมตลาดนะพี่ ลูกน้องมันเห็นเอาไปล้อตาย"

"อ๋อ กลัวลูกน้องล้อ แล้วไม่กลัวพี่น้อยใจมั่งหรอ เอ้า ไม่จับก็ได้"

ผู้ใหญ่ปล่อยมือแล้วเดินนำหน้าไปทันที ประพาสรีบวิ่งตาม...

"พี่ผู้ใหญ่ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ฟังพาสก่อน" แต่ผู้ใหญ่ไม่หยุดเดิน ประพาสจึงคว้ามือผู้ใหญ่มาจับไว้แทน

ผู้ใหญ่หยุดเดิน แล้วหันมายิ้มตาหวานให้ประพาส เล่นเอาประพาสบ่นอุบ

"ก็เป็นซะอย่างนี้ สาวๆ ทั้งหมู่บ้านถึงได้ติดกันหมด ชอบยิ้มอย่างนี้จัง"

"อ้าว มาว่าพี่ได้ไง พี่เป็นผู้ใหญ่นะ เดี๋ยวใครเขาก็หาว่าหยิ่งสิ ว่าแต่...มือนิ่มนะเราน่ะ..."

ประพาสส่ายหน้ายิ้มๆ

"บ้า พี่ผู้ใหญ่ ก็มืออย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

"หรอ เพิ่งสังเกตนะเนี่ย น้องสาวพี่เนี่ย มือนิ่มไม่เบาเลยนะ อย่าให้ไอ้หนุ่มคนไหนมาจับล่ะ ไม่งั้นโดนพี่ต่อยปากแน่"

"งั้นพี่คงต้องต่อยปากตัวเองคนแรกแหละ" ประพาสว่ายิ้มๆ

"เฮ้ย พี่ยกเว้นดิ พี่จับได้คนเดียว ฮ่าๆ..."

แล้วสองพี่น้อง(หรือเปล่า) ก็เดินจับมือกันไป......





 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:02:52 น.
Counter : 258 Pageviews.  

มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๔

บ้านปลัด...........ในเวลาค่ำคืน........

เสียงหรีดหริ่งเรไรร่ำร้อง......

เสียงหมาหอนโหยหวน.....

เจ้ากุ๊กนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

"โอ้ย ไอ้หมาบ้า เมื่อไหร่จะเลิกหอนสักทีนะ"

เสียงหมาหอนหยุดไป ราวกับรู้ว่าเจ้ากุ๊กไม่ชอบ เจ้ากุ๊กค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากโปงผ้าห่ม

....ฉับพลันหมาเจ้ากรรมก็ร้องโหยหวนขึ้นมาอีก คราวนี้มันดังใกล้ๆ หน้าต่างห้องเจ้ากุ๊กด้วย

เจ้ากุ๊กสะดุ้งโหยงตกใจกระโดดลงจากเตียง แต่ขาไปแล้ว หัวยังไม่ไป ผลสุดท้ายก็คือ

"โครมมมมมมม"

หัวเจ้ากุ๊กไปกระแทกกับแง่เตียงอย่างจัง

"โอ้ยยยยยย" เจ้ากุ๊กร้องโหยหวน ได้ยินกันไปสามบ้านแปดบ้าน

เสียงเคาะประตูดังถี่ๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงของปลัดกฤตย์ที่แสดงถึงความตกใจ

"เจ้ากุ๊ก เป็นไรไป ร้องยังกับแมวถูกเชือด มาเปิดประตูให้ชั้นเข้าไปหน่อย....."

"โอ้ย ปลัดมาทำไงดีๆ"

เสียงเคาะประตูดังขึ้นๆ ถี่ขึ้นๆ

"เจ้ากุ๊ก นั่นตายหรือยังละ" ทักดีจริงๆนะปลัด

“ โฮ่ๆๆ ไม่เป็นไรฮะ” เจ้ากุ๊กนึกอะไรไม่ออก ทำเสียงใหญ่ไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรได้ไง ร้องซะขนาดนั้นน่ะ มาเปิดประตูให้ชั้นเข้าไปเดี๋ยวนี้”

เสียงปลัดกฤตย์เฉียบขาดอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

เจ้ากุ๊กจะทำอะไรได้ ค่อยๆ เดินกุมหัวไปเปิดประตูให้ปลัดแต่โดยดี

.....ให้ตาย.... เจ้ากุ๊กลืมใส่หมวกแก๊บ.....

ปลัดกฤตย์เห็นเจ้ากุ๊กแล้วตกตะลึง ยิ้มนิดๆ คิดกับตัวเองเบาๆ ว่า

.....ดูสิดู จะปลอมตัวเป็นผู้ชายก็ลืมใส่หมวก ดันปล่อยผมออกมาหมดเลย สงสัยจะลืมตัว......

...น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย เจ้ากุ๊ก สงสัยคงดูละครมากไปหน่อย นี่คงคิดว่าเราไม่รู้ล่ะสิ ...เอา อยากให้ไม่รู้ ไม่รู้ก็ได้........

ปลัดกฤตย์มองหน้าแล้วเอ่ยขรึมๆ

“ไปโดนอะไรเข้าล่ะ”

เจ้ากุ๊กส่ายหัวทันที...

“เอ้า ก็ยืนกุมหัวอยู่เนี่ย จะบอกไม่เป็นไรได้ไง อยู่ดีๆ หัวจะแตกเองได้ไหม ฮึ” ปลัดกฤตย์ดุเล็กๆ

เจ้ากุ๊กพยายามทำเสียงใหญ่เข้าสู้ แต่ฟังอ่อยๆ

“โฮ่ๆ คือว่า หัวโขกเตียงฮะ”

ปลัดกฤตย์ขำ คิดในใจ เออ เสียงเอ็งใหญ่จัดเลยนะ...นั่นน่ะ ทำเสียงเป็นซานตาครอสไปได้

“เออ ดีนะ อยู่ดีๆ เอาหัวไปโขกเตียงเล่น คงสนุกมากละสิ ไหนๆ มาขอดูหน่อย”

เจ้ากุ๊กรีบเบนหลบทันที แต่ปลัดกฤตย์ไม่ยอม เอามืออันใหญ่โตราวกับมือคิงคองออกมาจับหัวเจ้ากุ๊กไว้แล้วก้มไปดูจนใกล้

เอ่อ.......ใกล้เกินไปหรือเปล่าเนี่ย.............

เจ้ากุ๊กใจเต้นแรงขึ้นมาไม่มีเหตุผล แม้ความเจ็บเมื่อครู่ก็ไม่รู้สึก...

ปลัดกฤตย์พินิจพิเคราะห์อยู่นานจนเจ้ากุ๊กอดรนทนไม่ไหว ไม่รู้จะทำยังไงจึงโพล่งออกไป

“โฮ่ๆๆๆ.......”

ได้ผล ปลัดกฤตย์ผงะทันที ตกใจน่ะสิ เอ้อ กำลังดูซึ้งๆเลย ได้สติแล้วก็เอ่ยขรึมๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ

“เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล ไปหาหมอดูหน่อย”

“อะไรนะ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ไปโรง'บาลทำไมอ่ะ”

เจ้ากุ๊กร้องค้านเสียงหลง แต่ปลัดไม่สนใจ มองหน้ากวนๆ

“ รู้ได้ไงว่าไม่เป็นไร เป็นหมอหรือไงเราน่ะ”

แป่ววววววว.............

“ถ้าไม่ได้เป็นหมอ ก็ไม่ต้องมาเถียง เดี๋ยวชั้นออกไปรอข้างนอก แต่งตัวให้เรียบร้อย ให้ไวด้วย”

ปลัดกฤตย์ว่าแล้วเดินออกจากห้องไป...

เจ้ากุ๊กจะทำอะไรได้ โชคดีที่แต่งชุดผู้ชายอยู่แล้ว เพียงแต่หยิบหมวกแก๊บมาสวมก็เรียบร้อย แต่เจ้ากุ๊กคงลืมไปว่า เมื่อกี้ที่ปลัดเข้ามานั้น......มันไม่ได้สวมหมวกแก๊บ.....

เจ้ากุ๊กออกมาก็เห็นปลัดนั่งรออยู่ สงสัยอาการกำเริบหรืออะไรไม่รู้ เจ้ากุ๊กเข่าอ่อนลงดื้อๆ ปลัดเห็นดังนั้นทำท่าจะเข้ามารับ แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ยืนยิ้มมองเฉย

“เอ้าๆ เป็นไร เมื่อยหรอ นั่งพับเพียบเรียบร้อยเชียว”

เจ้ากุ๊กเงยหน้ามาจะค้อน แต่นึกขึ้นได้ว่า ผู้ชายเขาไม่ค้อนกัน จึงเม้มปากบอกเสียงใหญ่ๆ

“โฮ่ๆๆ ผมเป็นไรไม่รู้ ไม่มีแรง เจ็บแผลด้วยฮะ”

“นั่นไง แล้วเมื่อกี้บอกไม่เป็นไรทำไม ทำเป็นเก่งไปได้ มา” ปลัดกฤตย์ว่าแล้วตรงเข้ามา...........

....อุ้มเจ้ากุ๊กออกไปขึ้นรถ เจ้ากุ๊กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนปลัด แต่ไม่มีทางหลุดไปได้ ไม่ขยับเขยื้อนด้วยซ้ำ ก็โธ่ รูปร่างมันผิดกันขนาดนั้นนี่

ระหว่างที่อุ้มกันไปที่รถ ถ้าใครอยู่แถวนั้นอาจได้ยินเสียงประหลาดมันดังขึ้นเรื่อย ๆ....

เสียงอะไร......อ้อ......เสียงเต้นของหัวใจนี่เอง




โรงพยาบาล.............

ปลัดกฤตย์อุ้มเจ้ากุ๊กลงจากรถมา แล้วพาเดินไปที่ห้องคนไข้ เอ ไปห้องไหนนะ เราไม่เคยมาซะด้วย

อ้าว...เจ้ากุ๊กดิ้นอีกแล้ว ปลัดกฤตย์จึงดุ

“ดิ้นทำไม”

เจ้ากุ๊กหลบสายตาปลัดกฤตย์แล้วว่าอ่อยๆ

“คือ ผมเดินเองได้แล้วฮะ”

ปลัดกฤตย์มองหน้าแล้วปล่อยมือทันที ดีเหมือนกัน เมื่อยแล้วด้วย

เจ้ากุ๊กลงเดินเองแล้วพาปลัดกฤตย์ไปห้องคนไข้

“ห้องนี้ครับ”

“เออๆ เอ็งเข้าไป”

ปลัดกฤตย์รุนหลังเจ้ากุ๊กเข้าไปนั่ง ตัวปลัดเองเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ที่มีพยาบาลสาวนั่งทำอะไรอยู่น่ะ

“โด โด เร มี ฟา ซอล ลา ที ที โด๊ โด๊”

พยาบาลพัดชาห่อรูปปากให้ถูกต้อง แล้วเปล่งเสียงออกมาอีกอย่างสบายอารมณ์

“กิ๊ซซี่ กิ๊ซซี่ ยา ยา ย่ะ อู้ว ” เอ้า นั่น คนมายืนมองอยู่แล้วนั่นน่ะ หันมองหน่อย

พัดชาหันมามองคนที่ยืนตัวโตอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เมื่อทั้งสองได้พบหน้ากัน พลันปลัดกฤตย์ก็นึกครึ้ม ร้องออกมาว่า

“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด”

ต่อด้วยเสียงหวานๆ ของพัดชา

“ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ”

เอ้า เอาเข้าไป ยิ้มกรุ่มกริ่มใหญ่เชียวนะพ่อปลัด

ทั้งสองร้องเพลงกันต่อไปจนจบ แล้วก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นด้านหลัง....

“ร้องเพราะจางเลย”

นั่น เจ้ากุ๊กลืมตัวอีกแล้ว ได้ฟังเพลงเพราะๆเข้าหน่อย เป็นงี้ทุกที ครั้นรู้สึกตัวก็รีบตีหน้าใหม่

“โฮ่ๆๆๆ” มันยังพยายามทำเสียงใหญ่ต่อไป

พัดชายิ้มหวานให้ปลัดกฤตย์ กล่าวว่า

“พาคนไข้มาตรวจหรือค่ะ คุณเอ่อ”

ปลัดกฤตย์ทำเสียงนุ่ม “ผมเอ่อ ปลัดขิก เอ้ย ไม่ใช่ ปลัดกฤตครับ เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่”

ุ”อ้อ คุณปลัดนี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว พาใครมาตรวจหรอคะ”

พัดชาถามพลางมองเลยไปที่เจ้ากุ๊กที่นั่งอยู่ ปลัดกฤตย์มองตามสายตาไปแล้วเอ่ยขึ้นเหมือนไม่สนใจนัก

“อ้อ เด็กที่บ้านมันเล่นซนน่ะครับ หัวเหอแตกหมด"

“งั้นเดี๋ยวพาไปหาหมอใหญ่ให้ตรวจเลยนะคะ เชิญค่ะ”

แล้วพัดชาก็พาเจ้ากุ๊กไปให้หมอใหญ่ตรวจที่ห้องตรวจ เสร็จแล้วกลับมาประจำที่เคาน์เตอร์ต่อ เห็นปลัดกฤตย์ยืนอยู่แถวนั้นไม่ไปไหน จึงเข้าไปชวนคุย...

“คุณปลัดขิก เอ้ย ปลัดกฤตร้องเพลงเพราะดีนะคะ”

“ขอบคุณครับ พอดีผมชอบร้องเพลงน่ะครับ คุณพยาบาลก็ร้องเพราะเหมือนกันนี่ครับ”

“ เรียกพัดก็ได้ค่ะ พอดีพัดเรียนดนตรีบำบัดด้วย เวลาคนไข้ปวดหัว พัดจะร้องโอเปร่าให้คนไข้ฟัง ได้ผลชะงัดเลยค่ะ”

“จริงหรอครับ แหม ผมชักอยากฟังแล้วสิ”

“อยากฟังหรือค่ะ ได้เลย”

ว่าแล้ว พยาบาลพัดชาผู้น่ารักก็เริ่มบรรเลง แฟนท่อม ออฟ ดิ โอเปร่า โอ้ว สูงส่งยิ่งนัก...............

จนจบเพลงหันกลับมา พบปลัดทำหน้าปั้นยาก

“อ้าว นั่นคุณปลัด เป็นอะไรไปค่ะ”

“เอ่อ ผม เอ่อ...............ผมปวดหัวแล้วครับ”

.......แป่วววว...........


เช้าวันรุ่งขึ้น...............................

ณ ตลาดบ้านโคกสารินที่เดิมๆ.......................

ที่ร้านอาโกชา ร้านเดิมๆ.................

บุรุษหนุ่มผิวคล้ำเดินด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าร้าน ตาฉิวที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่กับตาขิ่นที่เดิม เห็นเข้าก็ร้องทัก

“อ้าว พ่อเวศ ทำอะไรล่ะนั่นน่ะ”

ประเวศหันมายิ้มยิงฟันขาว กล่าวตอบไปว่า

“เมื่อวานนี้ตอนที่ชุลมุนจับไอ้บัตรกันน่ะครับ ผมเห็นหมามันโดนลูกหลงนอนอยู่ตรงนี้ ว่าจะพามันไปหาหมอสักหน่อย เอ หายไปไหนนะ”

ประเวศมองหาตามซอกตามซอย แล้วก็เห็นเจ้าด่างนอนร้องหงิงๆอยู่ เขาตรงเข้าไปอุ้มมันอย่างทนุถนอม พามานั่งที่ร้านกาแฟอาโกชา

..พลันก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้น

..เสียงเจ้ากุ๊กนี่เอง ตอนนี้มันกำลังเถียงกับปลัดหน้าดำหน้าแดง

“โฮ่ๆๆ คุณปลัดเรื่องมากจังเลย ก็ผมไม่สบายอยู่เนี่ย จะกินไข่เจียวก็ไม่ได้ อยากจะกินปลาดุกย่างซะอย่างงั้นแหละ ดูสิ เห็นไหม มันลำบากผม”

ปลัดกฤตย์ส่ายหัวแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าเจ้ากุ๊กอย่างหัวเสีย

“ก็เอ็งแหละ เมื่อคืนบอกไม่เป็นไรไง ไม่เป็นไรจริง ก็ต้องซื้อปลาดุกย่างให้ข้าได้สิวะ รีบๆไปเลยให้ไว จะรออยู่ที่ร้านอาโกชานี่แหละ”

เจ้ากุ๊กสะบัดหน้าพรืด ทำเสียงใหญ่ๆ

“โฮ่ๆๆ นึกว่ากลัวหรอ....กลัวที่ไหนเล่า..........แล้วตังค์อ่ะอยู่ไหนเล่า” มันแบมือหรา ปลัดกฤตย์ส่ายหน้าด้วยความระอาแล้วส่งเงินให้

เจ้ากุ๊กสะบัดหน้าอีกครั้ง กำลังจะเดินไปร้านปลาดุกอยู่แล้ว สายตาก็ไปปะทะเข้ากับประเวศที่กำลังอุ้มหมาอยู่

“เฮ้ย อะะะะะะ...” ประเวศพูดไม่ทันจบประโยค เจ้ากุ๊กรีบกระโดดเข้าไปปิดปากทันที (แหม แทบปิดไม่มิดแน่ะ ตรงส่วนที่ห้อยน่ะ อุ๊บ ขออภัย)

เจ้ากุ๊กกระซิบกระซาบพอได้ยินกัน 2 คน

“พี่เวศ อย่าเพิ่งมาทักลิสตอนนี้ได้ไหม มีอะไรเดี๋ยวเราไปคุยกันที่วัดโคกสารินตอนเที่ยงนะ อ้อ แล้วอย่าทำเป็นรู้จักลิศตอนนี้ ขอร้องล่ะ”

“อ้าว อลิส ทำไมอ่ะ แล้วนี่เป็นอะไร พันหัวทำไม” ประเวสยังงง

“น่า พี่ อย่าเพิ่งถามไรเลย นะ เดี๋ยวเที่ยงนี้เจอกันที่วัดแล้วกัน” แล้วเจ้ากุ๊กก็เดินไป ปล่อยให้ประเวศงงอยู่คนเดียว เออ เดี๋ยวไปถามที่วัดก็ได้วะ

ข้างฝ่ายปลัดมองเห็นภาพความใกล้ชิดที่ทั้งคู่กระซิบกระซาบกันแล้ว ก็ต้องหรี่ตา นิ่งอึ้งไปอย่างใช้ความคิด...


คืนนี้ที่วัดโคกสารินมีงานวัดครึกครื้น...

แต่มุมๆหนึ่งของป่าช้าข้างเมรุ

ประเวศเดินเมียงๆมองๆ ไปรอบๆ ดูสิ เสียงหมาหอนโหยหอนเชียว บรรยากาศก็เงียบสงัด น่ากลัว เสียงนกแสกร้องแควกๆ

ประเวศสะดุ้ง

"เฮ้ย เสียงนกอะไรฟ่ะ ร้องแควกๆ ร้องน่ากลัวแบบนี้มันน่าจะเป็นนกกลางคืน สายพันธ์อะไรหว่า เอ น่าจะเป็นสายพันธ์จากปากัวนิวกีนีนะ อ๋อ มันคือ นกแสกนั่นเอง"

ประเวศดีดนิ้วเปาะเมื่อคิดออก

"แล้วทำไม อลีสมันต้องนัดมาที่ป่าช้าด้วยว่ะ ที่อื่นมีให้นัดก็ไม่นัด เอ้อ" ประเวศบ่นไป สำรวจสัตว์อื่นที่ผ่านมาในสายตาไปเรื่อยๆ

สักพักหนึ่งก็มีเงาดำๆ เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา เข้ามา...

ประเวศตัวเย็นวาบ หลับตานับหนึ่งสองสาม แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าเป้าหมายทันที

แต่เป้าหมายนั้นหลบทันหวุดหวิด ประเวสจึงลืมตาขึ้นแล้วก็เห็นว่า นั่นมัน อลิสนี่นา แล้วดูแต่งตัวแปลกๆ ยังกับเด็กผู้ชาย สวมหมวกแก๊บซะด้วย แต่ดูยังไงก็ดูออกอยู่ดีว่าเป็นผู้หญิง

"พี่เวศ มานานหรือยัง" อลิศกระซิบกระซาบ

"แกจะกระซิบทำไม อลิส มีใครอยู่แถวนี้ที่ไหนเล่า เล่นนัดมาป่าช้ายังงี้ คนคงไม่มีหรอก แต่จะมีอย่างอื่นแทน"

"เฮ้ย พี่" อลิสสะดุ้งโหยง "จะพูดทำไม ลิสยิ่งกลัวๆอยู่ โธ่ แค่หมาหอน ลิสก็แย่แล้ว" อลิสพูดพลางนึกไปถึงคืนหมาหอน วันนั้น วันที่...เอ่อ หัวโขกเตียงไง

"แล้ววันนี้นัดเที่ยง ทำไมไม่มา ให้เปรี้ยวมาเลื่อนนัดเนี่ย"

"เฮ้อ ก็วันนี้มีงานสวดภาณยักษ์ ลิสก็นึกว่าจะแวบมาได้มั่งสิ ที่ไหนได้ ตาปลัดเกิดอยากจะกินผัดเผ็ดหมูป่า ลิสต้องห้อไปซื้อมาให้ที่ตลาด กลับมาต้องทำงานบ้านอีก เลยไม่ได้มาตอนกลางวัน ต้องให้เปรี้ยวมาเลื่อนนัดนี่แหละ"

"อ้าว แล้วนี่มาได้แล้วหรอ เออ แล้วเราไปเกี่ยวอะไรกับปลัดล่ะ"

"ฮึ เรื่องมันยาวน่ะ ยาวมาก พี่เวศจะฟังจริงๆหรอ"

"อือ ก็เล่ามาสิ ยาวมากไหมล่ะ ไม่บอกก่อนนี่หว่าว่ายาว จะได้เตรียมที่นอนหมอนมุ้งมานอนรอฟัง"

"แหม พี่ มันก็ไม่ยาวขนาดนั้นหรอก คือว่า"

"อะไรล่ะ" ประเวศเงี่ยหูฟังเต็มที่

"คือ ลิสถูกพ่อจับหมั้นกับคุณสนธยาน่ะ ก็เลยหนีมาปลอมตัวเป็นผู้ชายทำงานบ้านปลัด"

"อ๋อ.............แค่นี้หรอ"

"แค่นี้แหละ" ไหนว่ายาวไงฟ่ะ

"เพราะฉะนั้นนะพี่เวศบอกใครไม่ได้เด็ดขาดว่าเราเรียนมหาลัยเดียวกัน ทางที่ดีเราไม่รู้จักกันเลยดีกว่า โอเคป่าว"

"อือๆ ก็ได้ แล้วจะอยู่อีกนานไหมเนี่ย"

"ก็ อีกพักนึงน่ะพี่ ตอนนี้ได้ข่าวว่าพ่อลิสตามหาทั่วจังหวัดแล้วมั้ง"

"เออ พี่สงสัยอีกอย่างนะ พี่ถามจริงๆเหอะ ปลัดเขาดูไม่ออกหรอว่าแกเป็นผู้หญิงน่ะ"

อลิสอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

"โฮ่ๆๆ ก็ใช่สิพี่ ปลัดเขานึกว่าลิสเป็นผู้ชาย ปลัดนี่ซื่อบื้อเนอะ จริงๆ อย่างที่เปรี้ยวมันว่าเลย โฮ่ๆๆ"

"เปรี้ยวมันว่าอะไรหรอ"

"โฮ่ๆๆ ก็เปรี้ยวมันบอกว่า ถ้าแต่งตัวอย่างนี้แล้วสวมหมวกแก๊บ ผู้ชายเขาก็มองกันไม่ออกแล้ว จริงๆ ด้วยนะพี่ นี่แสดงว่าพี่เวศนี่ ฉลาดไม่เบาเลยนะ เจ๋งจริงๆๆ โฮ่ๆๆ"

อลิสยกนิ้วโป้งให้ประเวศอย่างนับถือ แต่ประเวศส่ายหน้า พลางนึกในใจ นี่ยังมีผู้ชายในโลกนี้อีกหรือว่ะ ที่ดูไม่ออกน่ะ เฮ้อ

ขณะนั้นเอง... ทั้งสองก็ได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบจากด้านหลัง อลิสหยุดหัวเราะมองหน้ากับประเวศ ต่างค่อยๆหันไปมอง

นั่น...ใครน่ะ.....ผมขาวโพลน ผอมกระหร่อง ยืนโงนเงนอยู่หน้าเมรุ

นั่นมัน....สัปเหร่อป๋อนี่นา....

สัปเหร่อป๋อหัวเราะแหะๆ ค่อยๆเดินโงนเงนเข้ามาหาทั้งสอง ใครๆในหมู่บ้านก็รู้จักสัปเหร่อป๋อดีทั้งนั้น ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดงหรือคนแก่เฒ่า

ไม่มีใครรู้ว่าตาป๋อนั้นอายุเท่าไหร่กันแน่ เพราะไม่ว่าก่อนหน้านี้สัก 10 ปีหรือต่อจากนี้อีก 10 ปี ตาป๋อก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้

จนเขาลือกันว่า ตาป๋อเป็น...ผีดิบ...

"เอ่อ นั่นคุณเวศนี่ครับ แล้วนั่น" หันมามองอลิส

"อ๋อ ลูกน้องป๊าน่ะ พอดีมันมาวิ่งเล่นแถวนี้ ป๊าให้ผมมาตาม ตาป๋อสบายดีหรอ"

"สบายดีครับ คุณเวศ พ่อคุณของป๋อ มีแต่คุณเวศคนเดียวเท่านั้นที่มีน้ำใจกับผม"สัปเหร่อป๋อน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซึ้งใจกับบุรุษหนุ่มผิวคล้ำคนนี้ นอกจากเขาจะมีน้ำใจกับคน สัตว์ สิ่งของแล้วยังมีน้ำใจกับผีดิบอย่างแกด้วย

แล้วตาป๋อทำท่าเงี่ยหูฟังเสียงบางอย่าง

"นั่น กุมารทองเรียกผมแล้ว ผมต้องไปก่อนนะครับ วันหลังผมจะเอารักยมมาฝากคุณเวศ รับรองคุณเวศจะต้องเอ็นดูแน่ๆ"

แล้วสัปเหร่อป๋อก็เดินโงนเงนออกไป

"แหม พี่เวศเนี่ย เป็นที่รักของทุกคนจริงๆ" อลิสว่าพลางโหนกิ่งลั่นทมข้างๆเล่น

"แกน่าสงสารออกนะ ไม่มีใครคบ เขาว่าปากแกไม่ค่อยดีน่ะ" ประเวศหัวเราะแก้เขินที่ถูกชมซึ่งๆหน้า

"โอ้ยยยย"อลิสทำหน้าแหย แต่มือยังโหนกิ่งลั่นทมอยู่

"อ้าว เป็นไร ร้องทำไม ปล่อยมือสิ"

"ลิสปล่อยไม่ได้ แมงมุมมันใต่มือลิส พี่เวศ" อลิสทำท่าจะร้องให้เมื่อแมงมุมตัวหนึ่งกำลังไต่มาที่มือที่โหนกิ่งลั่นทม

"พี่เวศช่วยลิสด้วย" อลิสร้องให้จริงๆ แล้วด้วยความกลัวแมงมุม

ประเวศหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจเข้าไปรับตัวอลิสไว้ แต่เจ้าอลิสมันดิ้น...

ดิ้นไปดิ้นมาก็ล้มลงไปกองทั้งคู่.....

ขณะที่ทั้งสองชุลมุนชุลเกกันอยู่นั้น ไกลออกไปที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง (พุ่มใหญ่หน่อย เดี๋ยวบังไม่มิด) ปลัดกฤตย์ยืนอยู่ในมุมมืด

เขาเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะเขาตามเจ้ากุ๊กมาตั้งแต่มันออกจากบ้านแล้ว หนอยมาบอกเขาว่าจะไปเที่ยวงานวัด ดอดมาหาผู้ชายซะได้

เขาสังเกตตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่า เจ้ากุ๊กมันดูสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้นมาก เสียดายจริงๆที่เราอยู่ไกลเกินไปไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกัน

เฮ้ย....นั่น....เจ้ากุ๊กกับผู้ชายคนนั้น

มันลงไปนอนกอดกันแล้ว......

เฮ้ยยยยยยย....

ทนไม่ไหวแล้วโว้ย......ตาร้อนผ่าวๆ

เราเป็นอะไรไป....ปลัดชะงักพลางคิด...





 

Create Date : 29 ธันวาคม 2548    
Last Update : 5 มีนาคม 2549 8:05:20 น.
Counter : 191 Pageviews.  

1  2  

ชมเช้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ชมเช้า..มาจาก ชมเช้า ชมสาย ชมบ่าย ชมเย็น ชมค่ำ ทุกกาลเวลาช่างน่าชื่นชม จะเวลาไหนก็เลือกชมเอาตามสะดวก..

...เวลาเช้า เป็นเวลาที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใส จอมแก่นแสนซน ที่ไหนได้ ใครๆ เห็นชื่อแล้วบอกว่า 40 ขึ้นแน่ๆ บ้างก็ว่าป้า..เอ่อ เป็นงั้นไป...ขอบอกว่ายังห่างค่ะ ห่างมาก อิอิ...

ตอนนี้มีภารกิจเพื่อชาติให้ปฏิบัติค่ะ รู้สึกภูมิใจจังเลย (โบกมือแบบนางงาม) ดิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ เอาใจช่วยด้วยนะคะ อิอิ...

คุณที่เข้ามาอย่าเพิ่งงงค่ะ ภารกิจอะไรขอเก็บไว้เป็นความลับ(ว่าแต่ ไม่ได้มีใครเขาอยากรู้สักหน่อย ^^") แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ อีกอย่าง เป็นแฟนหงส์ค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

Friends' blogs
[Add ชมเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.