www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws www.Bigoo.ws

Group Blog
 
All blogs
 
มนต์รักโคกสาริน...ตอนที่ ๑๓

ผู้ใหญ่หันมามองหน้าคุณปลัด แล้วทั้งสองก็เอ่ยออกมาพร้อมกัน..

“เอ่อ...”

ผู้ใหญ่จึงว่า “คุณปลัดพูดก่อนเถอะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผู้ใหญ่พูดก่อนดีกว่า” คุณปลัดเสียสละ

“งั้น ผมพูดก่อนก็ได้ เอ่อ คือ ผมนึกได้ว่ามีธุระที่ตลาด คงไม่ไปหาหมอแล้วล่ะครับ”

“ผมก็เหมือนกันครับ นึกได้ว่ามีธุระที่ตลาดเหมือนกัน ผมก็คงไม่ไปหาหมอเหมือนกันครับ”

ผู้ใหญ่ยิ้ม “อ้าว งั้นเราก็ไปทางเดียวกันสิครับ ไปด้วยกันไหมครับ”

ปลัดพยักหน้า “ครับ”

ทั้งสองจึงหันหลังให้กัน เอ้ย ไม่ใช่ หันหลังให้โรงพยาบาล เดินมุ่งหน้าไปที่ตลาดทันที

ระหว่างทาง ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เดินกันมาเงียบๆ ระยะหนึ่ง จู่ๆ ปลัดก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“ผู้ใหญ่ครับ ผมขอถามไรหน่อย”

ผู้ใหญ่หยุดเดินหันมามองหน้า “ตกลงปลัดจะถามผมหรือถามหน่อยครับ” อูย...มุขแป๊ก “แหะ ผมล้อเล่น ปลัดจะถามไรครับ”

ปลัดอึ้งไปชั่วครู่กับมุขแปีกของผู้ใหญ่ แต่ก็พยายามไม่สนใจ

“คุณพัดชานี่ เค้าเป็นคนยังไงหรอครับ”

ผู้ใหญ่ยิ้มหวานเมื่อเอ่ยถึงพัดชา “พัดเค้าก็เป็นสวย เก่ง มั่นใจในตัวเอง จิตใจดี สรุปว่าดีครับ”

ปลัดพยักหน้าแล้วถามต่อ “แล้วประพาสละครับ เค้าเป็นคนไง”

ผู้ใหญ่ยิ้มกวนเมื่อนึกถึงประพาส “พาสหรอครับ เป็นคนเก่ง ดูแลตัวเองได้ดี จิตใจก็ดี สรุปว่าดื้อครับ” อ้าว

ปลัดนิ่งไปเหมือนใช้ความคิด ก่อนจะถามออกมาอีก

“แล้วเจ้ากุ๊กละครับ มันเป็นเพื่อนกับเปรี้ยวนี่ มันเป็นคนยังไง”

ผู้ใหญ่หยุดเดินแล้วหรี่ตามองปลัดนิดหนึ่ง ยิ้มๆแล้วว่า

“แล้วคุณปลัดเห็นว่ามันเป็นคนยังไงล่ะครับ”

“มันก็...” ปลัดหยุดคิด “เป็นคนดื้อเหมือนกันครับ ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก ทำกับข้าวก็ไม่อร่อย ถูพื้นก็ไม่สะอาด ซุ่มซ่าม สารพัดแหละครับ สรุปว่ามันโก๊ะ”

ผู้ใหญ่มองแล้วยิ้มๆ..สรุปว่ามันจะถามตรูทำไมวะ เล่นเล่ามาเป็นฉากๆเลย...

“แล้ว พอจะทนอยู่กับมันได้ไหมครับ”

ปลัดอึ้งไป “ก็...พอทนได้ครับ” ตอบไปแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วผู้ใหญ่ละครับ”

“ผมหรอ ผมทำไมครับ”

“ก็ระหว่างคนดีกับคนดื้อ ผู้ใหญ่ทนคนไหนได้มากกว่ากัน”

ผู้ใหญ่อึ้งไป ยิ้มๆ แล้วกลับหุบลง คนดีกับคนดื้อหรอ ภาพที่เห็นเมื่อกี้...ดูท่าสองคนนั้นอาจไม่เห็นเราอยู่ในสายตาแล้วก็ได้

ผู้ใหญ่คิดแล้วหงอย ปลัดมองด้วยความแปลกใจ แต่ยังถามย้ำ

“ว่าไงล่ะครับ ผู้ใหญ่”

“อืม คนดีกับคนดื้อหรอครับ...ผม” ผู้ใหญ่จะอ้าปากตอบ ก็พอดีมีเสียงหนึ่งดังแผดขึ้นมาก่อน

“พี่ผู้ใหญ่” เจ้ากุ๊กนั่นเอง มันมาจากไหนไม่รู้ เห็นเข้าก็รีบวิ่งปรู๊ดมาจับมือผู้ใหญ่ทันที ทำเอาปลัดมองด้วยความ
รู้สึกแปลกๆ

“ไปไหนมาครับ” เจ้ากุ๊กถาม แกล้งไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่ยิ้มๆเหลือบมองเห็นปลัดเริ่มหงุดหงิดก็ยิ้มมากขึ้น

“ไปโรงพยาบาลมา”

“อ๋อ....” เจ้ากุ๊กเหลือบมองปลัด แล้วทำหน้ากวนใส่” ไปหาคุณพยาบาลมาใช่ไหมครับ โฮ่ๆๆ”

พูดถึงโรงพยาบาลแล้ว ผู้ใหญ่ก็หงอยลงไปอีก เฮ้อ

คุณปลัดเห็นท่าทางเย้ยหยันของเจ้ากุ๊กแล้วหมั่นไส้ อดไม่ได้

“แล้วเอ็งไปเกี่ยวอะไรด้วย เจ้ากุ๊ก หรือคิดจะริไปจีบคุณพัดชาเขา”

เจ้ากุ๊กหันมามองหน้า ทำกวนใส่ “เหอะ คุณปลัด อย่ามากินปูนร้อนท้อง ขอร้องเลย ตัวเองจะไปจีบเองก็บอกมาเหอะ โธ่ พี่ผู้ใหญ่เค้ามาแล้ว เค้าไม่สนใจคุณปลัดหรอก โฮ่ๆๆ”

ผู้ใหญ่ฟังแล้วหงอยลงเรื่อยๆ ค่อยๆเดินจากไป โดยที่ปลัดกับเจ้ากุ๊กไม่ทันได้สังเกต เพราะมัวแต่เถียงกันอยู่

เฮ้อ...อิจฉาเขาจูงมือกัน...อิจฉาเขาหอมแก้มกัน....ทำไมตัวชั้นจึงไม่มีสิทธิอย่างเขา....


“นี่เอ็งมาทำไรที่นี่ งานบ้านน่ะ ทำเสร็จหรือยัง” ปลัดเห็นเจ้ากุ๊กแล้วติดลม ไม่ทันมองว่าผู้ใหญ่ เดินไปแล้ว

เจ้ากุ๊กเชิดหน้า “โฮ่ๆๆ ผมทำงานบ้านเสร็จแล้ว ก็มาเที่ยวเล่นมั่ง ไม่ได้หรอครับ”

“หนอย เที่ยวเล่น ทำงานเสร็จแล้วก็ไปเฝ้าบ้านสิ จะมาเที่ยวเล่นอะไร ชั้นจ้างมาดูแลบ้านนะเว้ย มานี่เลย” แล้วปลัดก็จับคอเสื้อเจ้ากุ๊กหิ้วไป

ระหว่างทาง เจ้ากุ๊กดิ้น ร้องโวยวาย “ปล่อยผมนะ ปลัด จะพาผมไปไหนเนี่ย”

ปลัดยิ้มกวน แต่ยังไม่ยอมปล่อย “ ก็พากลับบ้านสิ เอ็งมีหน้าที่อะไร ก็ไปทำเลย”

เจ้ากุ๊กฮึดฮัด “ถ้าจะพาผมกลับบ้าน ผมกลับเองได้ ผมแมนๆ อยู่แล้ว โฮ่ๆๆ” เจ้ากุ๊กทำเสียงใหญ่ แต่ก็ยังห้อยต่องแต่งอยู่ในมือปลัด

“เออๆ ชั้นรู้ว่าเอ็งน่ะ แมนมากเลยนะ นี่ๆ เฮ้ย อย่าดิ้นสิวะ” เจ้ากุ๊กดิ้นด้อกแด้กอยู่ในมือปลัด ทำเอาปลัดโวย

นั่นๆ....ดิ้นมากไปหน่อยแล้วเจ้ากุ๊ก...ดิ้นซะจนคอเสื้อที่ปลัดจับไว้ มันขาดออกมาดัง....แคว่ก....

เจ้ากุ๊กหลุดจากมือปลัดทันที ปลัดตกใจผวาเข้าไปรับไว้...ผลก็คือล้มกลิ้งกันไม่เป็นท่าอยู่บนพื้นนั่นเอง...

หลังจากเหตุการณ์สงบ ปลัดค่อยๆๆเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเจ้ากุ๊กนอนอยู่ในอ้อมกอด...

เสื้อตรงคอก็ขาด เห็นหัวไหล่ขาวๆ...ตัวก็นิ่มๆ...ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง...หัวใจใคร...

แล้วนั่น...หมวกแก๊บก็หลุดอีก...เห็นผมยาวสลวยของเจ้ากุ๊ก

ปลัดอึ้ง ตะลึงไปเสี้ยววินาที แต่เจ้ากุ๊กสิ เบิกตาโต

ทั้งสองคนจ้องตากันไปมา....ปลัดอดใจไม่ไหว..จึงเอื้อมมือมาปัดเส้นผมที่ระใบหน้าของเจ้ากุ๊ก

ตาเป็นประกายกรุ้มกริ่ม...เจ้ากุ๊กมองแล้วตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก...ได้แต่มองมือปลัดที่ค่อยๆ เอื้อมมาปัดเส้นผมบนใบหน้าของตัวเอง

แต่พอมือปลัดสัมผัสใบหน้าเจ้ากุ๊ก เท่านั้นแหละ เหมือนมีกระแสไฟสว่างวาบขึ้นมา....

เจ้ากุ๊กสะดุ้งทันที.....ปลัดก็สะดุ้งเช่นกัน....

ทั้งสองคนผุดลุกขึ้นพร้อมกัน..แล้วก็หน้าแดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ.....เอิ้ก เป็นอะไรกันหรอ

เจ้ากุ๊กรีบมองไปรอบๆ โชคดีที่ตรงนี้เป็นสวนสาธารณะ ไม่มีคนอยู่....

มองไปมองมาแล้วก้มมองตัวเอง....ใจหายวาบ...

ก็เสื้อมันหลุดไปเกือบทั้งแถบ ห้อยร่องแร่ง...เจ้ากุ๊กรีบรวบคอเสื้อขึ้นทันที....(ไม่เห็นหรอกน่า ไม่ต้องกลัว ผู้เขียนยืนยันได้)

ปลัดเหล่มอง แต่ไม่กล้ามองตรงๆ....กลัวเจ้ากุ๊กมันจะอาย....นี่มันคงไม่ทันได้สังเกตหรอกว่า...หมวกแก๊บมันหลุดอีกแล้ว...

“เอ็งรีบกลับบ้านแล้วกัน ชั้น เอ่อ ไปทำงานก่อน” ปลัดรีบพูด ไม่ยอมมองหน้าเจ้ากุ๊ก แล้วรีบเดินจากไปทันที

เจ้ากุ๊กเองก็ไม่ยอมมองหน้าปลัด เมื่อปลัดเดินไปแล้ว มันจึงค่อยๆหันหน้ามาดู สำรวจสารรูปตัวเอง แล้วก็เห็นว่าหมวกแก๊บตกอยู่ จึงหยิบขึ้นมาสวมแล้วเดินกลับบ้าน ใจยังเต้นแรงอยู่เลย

เจ้ากุ๊กมันลืม (อีกแล้ว) ว่า....หมวกแก๊บหลุดต่อหน้าปลัด (เป็นครั้งที่ 2 ) เฮ้อ....


ที่ตลาดบ้านโคกสาริน...

ผู้ใหญ่พิษณุเดินหงอยๆ มานั่งที่ร้านกาแฟ คิดอะไรๆ ไปเรื่อยๆ จนลืมทักทายเหล่าแม่ค้าสาวๆเหมือนเคย

อาโกชายื่นหน้ามาร้องทัก “อ้าว ผู้ใหญ่ วันนี้รับอะไรดีครับ”

“อือ อาโก มีน้ำแห้วไหม”

“มีครับ มี ได้เลยผู้ใหญ่ รอเดี๋ยวนะครับ” อาโกชาตอบพลางนึกสงสัย เอ ร้อยวันพันปี ผู้ใหญ่รูปหล่อ ไม่เคยกินน้ำแห้ว มีแต่อาโกชานั่นแหละ แอบกินประจำ ไหงวันนี้มาแย่งอาโกกินซะได้เล่า

สักพัก น้ำแห้ว ก็มาวางตรงหน้า ผู้ใหญ่รับมาดื่มอึกใหญ่ ตามองไปข้างหน้า ก็เห็นเปรี้ยวเดินมาแต่ไกล

เปรี้ยวเดินเข้ามาในร้าน เสียงอาโกชาร้องขึ้นเสียงหลงว่า

“น้องเปรี้ยว ระวัง เดินดีๆ”

เปรี้ยวชะงัก หันมาไปถามด้วยความแปลกใจ

“ทำไมอ่ะ โก”

“ก็ ระวังจะสะดุด....รัก โกน่ะสิ” อ้วกกกกก

เปรั้ยวหมั่นไส้ ทำเป็นไม่สนใจ เห็นพี่ผู้ใหญ่นั่งอยู่ ก็เดินเข้าไปหา

“พี่ผู้ใหญ่ มานั่งทำไรตรงนี้ล่ะจ๊ะ” เปรี้ยวถามพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พี่ผู้ใหญ่หันมายิ้มให้

“พี่ก็ไม่รู้ อยู่ดีๆเท้าก็พาเดินมาถึงนี่แหละจ๊ะ แล้วเปรี้ยวล่ะ ไปไหนมา เจ้าอั้นไปไหน” ผู้ใหญ่สงสัย เพราะไม่เห็น เจ้าอั้น คู่หูของเปรี้ยวเหมือนเคย

“ก็ พอดี เปรี้ยวไปคุมเด็กช่อมห้องแถวหลังตลาด มันยังไม่เสร็จ ก็เลยให้ไอ้อั้นมันคุมไว้ก่อน เปรี้ยว ก็มา...เอ่อ..มากินข้าวเที่ยงจ๊ะ” เปรี้ยวพูดตะกุกตะกัก จะให้บอกได้ไงว่า นัดพี่ออบไว้...

“อ้าว ข้าวที่หลังตลาดก็มีนี่ มากินทำไมที่นี่” ผู้ใหญ่ยังสงสัยต่อไป แต่เปรี้ยวไม่ตอบ ก้มหน้างุด ผิดวิสัยเจ้าเปรี้ยวคนเดิม

สักพักนึงก็เห็นบุญออบเดินมาแต่ไกล ผู้ใหญ่จึงยิ้ม เริ่มเข้าใจอะไรหน่อยๆ

บุญออบเดินเข้ามาเห็นผู้ใหญ่นั่งอยู่กับเปรี้ยวก็ยิ้มเขิน ค่อยๆเดินเข้ามา ทำทีเป็นทักผู้ใหญ่

“สวัสดีครับ ผู้ใหญ่ มาทานข้าวเที่ยงหรอครับ”

“อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมมานั่งพัก แล้วก็กะจะไปเยี่ยมชาวบ้านหน่อย แล้วนี่ อบต. มาทานข้าวเที่ยงหรอครับ “

บุญออบมองหน้าเปรี้ยว “เอ่อ ครับ”

“แหม อุตส่าห์มาจากที่ทำการ อบต. เลยนะครับ ไกลไม่ใช่เล่น งั้น อบต. นั่งก่อนครับ” ผู้ใหญ่ชวน เห็นท่าทางของคนทั้งคู่แล้วก็ขำ

“เมื่อกี้เปรี้ยวเขาก็มาก่อนหน้า อบต. แปบเดียวเองครับ เอ่อ....โทษนะครับ” ผู้ใหญ่กลั้นยิ้ม

“นัดกันไว้หรือเปล่า”

“เฮ้ย ปะ เปล่าครับ / จ๊ะ” ทั้งสองสะดุ้งโหยง ปฏิเสธพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เปรี้ยวเปล่านะพี่ผู้ใหญ่ แค่จะมากินข้าวเฉยๆ” เจ้าเปรี้ยวรีบพูดทันที ตามมาด้วยบุญออบที่ไม่รอช้าเช่นกัน

“ผมก็มากินข้าวเฉยๆครับ”

ผู้ใหญ่หัวเราะ หึหึ “ในเมื่อทั้งสองคนกะจะมากินข้าวเที่ยงเหมือนกัน ก็นั่งด้วยกันซะเลยแล้วกันน่ะครับ อบต ครับ ผมฝากเปรี้ยวด้วยนะครับ”

“อ้าว แล้วพี่ผู้ใหญ่จะไปไหน” เจ้าเปรี้ยวรีบถาม หลังจากที่ผู้ใหญ่จ่ายค่าน้ำแห้วให้อาโกชาแล้ว กำลังจะเดินออกจากร้านไป

“ก็พี่ไม่มีคู่ เอ้ย ไม่ใช่ พี่จะไปเยี่ยมชาวบ้านหน่อยนะ เปรี้ยวกินข้าวเถอะ”

แล้วผู้ใหญ่ก็เดินจากไปพร้อมฮัมเพลงไปด้วย (เพลงเดิมอีกแล้ว)

อิจฉาเขาจูงมือกัน...อิจฉาเขาหอมแก้มกัน...ทำไมตัวชั้นจึงไม่มีสิทธิอย่างเขา...


เมื่อผู้ใหญ่เดินออกไปจากร้านแล้ว บุญออบก็หันไปกระซิบกับเปรี้ยว

“ทำไมเปรี้ยวต้องห้ามพี่ไว้ก่อน ไม่ให้บอกใครด้วยว่า เรานัดกันมากินข้าวเที่ยงนะ”

เปรี้ยวก้มหน้าอุบอิบ “เถอะน่า ห้ามบอกใครเด็ดขาด สั่งให้ทำอะไรก็ทำเหอะน่า”

บุญออบฟังแล้วยิ้ม “ยังไม่ทันไรเลย สั่งพี่ซะแล้ว แต่ไม่เป็นไร ยอม อ๊ะ ยอม”

เปรี้ยวเขิน จึงแสร้งตีหน้าขรึม “ไม่ต้องพูดมากเลย ไม่สบายหายหรือยัง”

“ก็ ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้วจ๊ะ....แต่ว่า...ยังไม่หายเจ็บคอเลย”

“อ้าว ยังไม่หายอีกหรอเนี่ย พี่ออบกินยาที่ให้ไว้หรือเปล่า”

บุญออบพยักหน้า

“แล้วน้ำอุ่นล่ะ จิบตลอดเวลาไอหรือเปล่า”

บุญออบพยักหน้าอีกครั้ง

“อ้าว" เปรี้ยวทำหน้างง “แล้วทำไมไม่หายเจ็บคอซะทีล่ะ”

“ที่พี่ยังเจ็บคอไม่หายเนี่ย....ก็เพราะว่า...ความรักมันค้ำคออยู่น่ะจ๊ะ” ฮิ้ววววว

เปรี้ยวฟังแล้วเขิน เหลียวไปมองรอบๆๆ ไม่มีใครสนใจ ก็แอบมาทำหน้าดุใส่บุญออบ

“พูดอะไรบ้าๆอีกแล้ว”

บุญออบยิ้มๆ พลางร้องสั่งอาหารกลางวัน แล้วทั้งสองก็กินไป คุยกันไปเงียบๆ แต่ท่าทางจะมีความสุข คนที่ไม่มีความสุขก็ยืนหน้าบึ้งอยู่โน่น อาโกชานั่นไง

บุญออบกินข้าวไปนิดเดียวก็อิ่ม เปรี้ยวมองอย่างสงสัย

“ไม่อร่อยหรอ กินนิดเดียว”

“ไม่ใช่ไม่อร่อย กินกับเปรี้ยวอร่อยอยู่แล้ว แต่เพิ่งฟื้นไข้ก็เลยกินไม่ค่อยลง” บุญออบทำตาหวาน

“อ๋อ" เปรี้ยวทำหน้าเข้าใจ แต่ไม่วายเป็นห่วง “กลับไปบ้าน ก็พักผ่อนเยอะๆๆล่ะ”

บุญออบยิ้มปลื้ม “ขอบใจจ๊ะ ที่เป็นห่วง...แต่...เปรี้ยว”

“อะไรหรอ” เปรี้ยวเงยหน้ามามองด้วยความสงสัย

“ขอคำนึงได้ไหม”

เปรี้ยวมองไปที่จานข้าวตัวเอง “พี่ออบจะกินหรอ อ๊ะ เอาสิ”

แต่บุญออบส่ายหน้า

เปรี้ยวงง “อ้าว ไม่กินหรอ แล้วขอคำอะไร“

“ขอคำนึง...ก็ขอคำว่ารักน่ะจ๊ะ” ฮิ้วววววววววววว


ผู้ใหญ่พิษณุเดินเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมาย.....

กำลังจะเดินออกจากตลาดอยู่แล้ว....นั่น...ดันมาเจอโจทย์....

ประพาสกับพัดชาควงคู่คุยกันกระหนุงกระหนิง หัวร่อต่อกระซิกเชียวนะ....ผู้ใหญ่คิด

เมื่อทั้งสองหันมาเห็นผู้ใหญ่เข้า ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที..

“อ้าว พี่ผู้ใหญ่มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย” ประพาสทัก ผู้ใหญ่ค้อน

“สนใจด้วยหรอว่าพี่มาทำอะไร”

ประพาสงง “อ้าว ไม่สนใจจะถามหรอ พี่ผู้ใหญ่นี่ เป็นอะไร ท้องผูกหรอ ถึงอารมณ์ไม่ดี”

“พี่ผู้ใหญ่ท้องผูกหรอคะ นี่ๆๆ พัดมีคุ๊กกี้แม่เนิก อันนี้รสใหม่ รสสมุนไพรค่ะ ใส่ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด (นี่มันรสต้มยำกุ้งหรือเปล่าเนี่ย) ทานแล้ว ท้องไม่ผูกค่ะ”

พัดชายื่นคุ๊กกี้ให้ แต่ผู้ใหญ่เมิน

“พี่กินไม่ลงหรอก พัดเก็บไว้กินกับพาสเถอะ” ผู้ใหญ่ตอบพลางนึกไปถึงภาพที่คนทั้งคู่ป้อนคุ๊กกี้ให้กัน ฮึ แสลงใจสิ้นดี...

พัดชางง ถือคุ๊กกี้ค้าง หันไปมองประพาส ประพาสจึงว่า

“พี่ผู้ใหญ่ก็เป็นยังงี้แหละ แก่แล้ว เลือดจะไปลมจะมา พัดอย่าไปสนใจเลย ถ้าพี่ผู้ใหญ่ไม่กิน ก็เอามาให้พี่กินก็ได้ นะจ๊ะพัด”

แล้วประพาสก็หยิบคุ๊กกี้ถุงนั้นมากินซะเอง พัดชาหันไปมองผู้ใหญ่ด้วยความเป็นห่วง

“พี่ผู้ใหญ่คะ พัดกับพี่พาสจะมาทานข้าวเที่ยงกัน พี่ผู้ใหญ่ไปกินด้วยกันสิคะ”

ผู้ใหญ่เมินอีกครั้ง “พัดอยากกินกับพี่จริงอ่ะ ไม่ได้อยากกินกับคนอื่นหรอ” พูดแล้วปรายตามองประพาส

ประพาสกับพัดชาหันมามองหน้ากันแล้วทำตาโต....

ประพาสพูดยิ้มๆ “พี่ผู้ใหญ่ไม่รู้อะไร พัดน่ะ เขาอยาก...อะโอ้ย” คุ๊กกี้สมุนไพรถูกส่งเข้าปากประพาสไปแล้ว

พัดชาหันมาดุประพาสเบา ๆ “พี่พาส เดี๋ยวเหอะ”

ผู้ใหญ่มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำ เมินไปแล้วว่า

“มีความลับอะไรกัน”

ทั้งสองรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่มีนี่พี่ผู้ใหญ่”

“เออ เดี๋ยวนี้พี่มันเป็นคนอื่นไปแล้วใช่ไหม มีอะไรกัน ไม่บอกให้พี่รู้น่ะ”

ประพาสมองอย่างอ่อนใจ “โธ่ พี่ผู้ใหญ่ก็ เรื่องนี้บอกพี่ผู้ใหญ่ไม่ได้ เอ้ย ไม่ใช่ เรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไรเลย”

พัดชารีบเสริมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทันที

“ใช่ค่ะ เรื่องมันไม่มีอะไรเลยนะ เอางี้ดีกว่า เราไปทานข้าวกัน ดีไหมคะ” ว่าแล้วก็มองหน้าประพาส อมยิ้มแล้วตรงเข้าไปจับมือผู้ใหญ่ออกเดิน อีกมือหนึ่งจูงมือประพาสไปด้วย

“ไปค่ะ พี่ผู้ใหญ่ อยากกินอะไรบอกพัด พัดรู้ดีคะ ว่าเจ้าไหน ของเค้าดีจริงหรือไม่จริง”

ผู้ใหญ่มีสาวมาจูงค่อยคลายหายงอนหน่อย ยิ้มตาหวานใส่พัด

“พี่ก็กินเหมือนพัดแหละจ๊ะ พัดกินอะไรพี่ก็กินอย่างนั้นเลย พี่น่ะ ไม่เรื่องมากหรอก”

ประพาสที่เดินอีกข้างหนึ่งของพัดชาแสยะยิ้ม “อือๆ ไม่เรื่องมากเลยเนอะ ที่งอนเมื่อกี้นี่ ไม่เรื่องมากเลยจริงๆ”

ผู้ใหญ่แยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะเอื้อมมือไปเขกหัวประพาส 1 ที
ประพาสร้องโอ้ย...

พัดชามองภาพนั้นแล้วหัวเราะ ก่อนจะหน้าหมองลงไป ประพาสเห็นเข้าจึงไปกระซิบข้างหูพัดชา...อุ้ย เอาอีกแล้ว กระซิบอะไรกันหรอ

ผู้ใหญ่พยายามเงี่ยหูฟัง...แต่ไม่ได้ยิน..เฮ้อ...สองคนนี้มีลับลมคมในอะไรกันนะ ...อยากรู้จริงๆ.....

เมื่อทั้งสามทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พัดชาขอตัวไปทำงานที่โรงพยาบาลต่อ...

ผู้ใหญ่และประพาสจึงเดินไปส่ง....

ขากลับ ประพาสเดินเงียบๆเหมือนคิดอะไรอยู่ ผู้ใหญ่เห็นเข้าจึงเอาศอกกระทุ้งสีข้าง 1 ที ประพาสสะดุ้งโหยง

“โอ้ย อะไรอ่ะ พี่ผู้ใหญ่”

ผู้ใหญ่ยิ้มๆ “อะไรอ่ะ ก็นี่ไง ศอก หรือจะลองเข่าดูบ้าง”

“เอ๊ พี่ผู้ใหญ่นี่ อย่ามากวนได้ไหม คนกำลังใช้ความคิดอยู่” ประพาสทำหน้าบึ้ง

“ใช้ ความคิดอะไรเล่า มีความลับอะไรกับพัดหรอ บอกพี่มั่งดิ” ผู้ใหญ่ถามเอาดื้อๆ

“พี่ผู้ใหญ่อยากรู้จริงๆหรอ” ประพาสถามทำหน้าระอา

ผู้ใหญ่พยักหน้างึกงัก หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่ต้นมะขาม (ต้นเดิม) ที่อยู่หน้าบ้านประพาส

“เอียงหูมา” ประพาสสั่ง

“ได้เลย” พี่ผู้ใหญ่รีบเอียงหูเข้าไปใกล้ ประพาสเงยหน้าไปกระซิบที่หู

“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...”ประพาสกระซิบ “ที่หมู่บ้านโคกสารินของเราน่ะ..”

“มีผู้ใหญ่บ้านที่สอดรู้สอดเห็นที่สุดเล้ยยยยยยย” ประโยคหลังประพาสตะโกนใส่หูผู้ใหญ่เต็มเหนี่ยว

ผู้ใหญ่ร้อง “โอ้ย “ หูแทบแตก

ประพาสเห็นแล้วหัวเราะขำ แล้ววิ่งหนีพี่ผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่วิ่งตามคว้าเอวได้ ก็รวบมากอดซะงั้น..

ประพาสดิ้น “เฮ้ย พี่ผู้ใหญ่ปล่อยนะ”

ผู้ใหญ่หัวเราะ “ฮ่าๆ ไม่ปล่อยๆๆ อย่างนี้ต้องแกล้ง กอดต้องกอด แค่ดูข้างนอกไม่รู้ มันต้องดู ดูข้างใน...ฮ่าๆ”

ประพาสดิ้น “ ไม่เอา พี่ผู้ใหญ่อย่าเล่น เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

ผู้ใหญ่ยิ้มกวน “ก็เห็นเด่ะ ไม่กลัวอยู่แล้ว อายใช่ไหม เดี๋ยวอุ้มไปตลาดเลย ฮ่าๆ” ทำท่าจะอุ้มจริงๆ

“อย่านะ พี่ผู้ใหญ่” ประพาสร้องเสียงหลง ผู้ใหญ่หัวเราะชอบใจ

“ตัวหนักจะตาย ใครจะไปอุ้มไหว”

“ก็ทีวันนั้นยังแบกไหวเลยนี่” ประพาสเถียง ผู้ใหญ่ได้ยินแล้วหัวเราะ หึหึ

“จำได้ด้วยหรอ เรื่องวันนั้นน่ะ”

“ก็จำได้สิ ก็พี่ผู้ใหญ่แพ้พนันพาส แล้วก็แบกพาสมาส่งบ้าน” ประพาสทำหน้าเย้ยๆ

“จำได้แค่นั้นหรอ” ผู้ใหญ่ยังกอดเอวประพาสอยู่ ถามยิ้มๆ

“อือ จำได้ แค่นั้น มันมีอะไรมากกว่านั้นหรอ” ประพาสหันหน้าไปถาม ผู้ใหญ่ส่ายหน้ายิ้มๆ

“ก็ ไม่มีอะไรหรอก เรื่องบางเรื่อง มันก็มีเวลาที่จะเปิดเผยมาเองแหละ”

ประพาสมองอย่างไม่เข้าใจ แต่เริ่มรู้สึกตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดของพี่ผู้ใหญ่นานเกินไปแล้ว จึงเริ่มขยุกขยิก

“พี่ผู้ใหญ่อ่ะ ปล่อยได้ยัง”

“ไม่ปล่อย จนกว่าพาสจะบอกพี่ก่อนว่า มีความลับอะไรกับพัด”

ประพาสเงียบไปนิดหนึ่ง “พี่ผู้ใหญ่ อยากรู้เรื่องพัดมากเหรอ”

“อืม อยากรู้สิ อยากรู้พอๆกับเรื่องพาสน่ะแหละ” ประพาสค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย

“ถ้าพาสไม่บอกล่ะ”

“ไม่บอกก็กอดอยู่อย่างนี้แหละ” ผู้ใหญ่แกล้งกอดแน่นขึ้นอีกนิด

ประพาสว่ายิ้มๆ “พี่ผู้ใหญ่ รู้ไหมนี่อะไร”

“อะไรอ่ะ ไหน” ผู้ใหญ่งง เหลียวมองเลิ่กลั่ก ประพาสจึงเอาศอกกระทุ้งสีข้างพี่ผู้ใหญ่ แบบเดียวกับที่พี่ผู้ใหญ่ทำเมื่อกี้

ผู้ใหญ่ไม่ทันระวัง สะดุ้ง ร้อง “โอ้ย...” แล้วปล่อยมือทันที ประพาสยิ้มร่า

“ฮ่าๆ ก็นี่ไงศอกอ่ะ พี่ผู้ใหญ่ หรือพี่ผู้ใหญ่จะลองเข่าดูบ้าง” แน่ะ ดันมาเลียนแบบคำพูดกันอีก ผู้ใหญ่นิ่วหน้าแล้วชี้หน้าประพาส

“ เออ คอยดูนะเว้ย คราวหน้าเผลอ เมื่อไหร่ ไม่ใช่กอดอย่างเดียวนะ เดี๋ยวขอหอมเลย”

“เอ้ย ไอ้พี่ผู้ใหญ่บ้ากามมมม....” ประพาสชี้หน้าตอบแล้วหัวเราะ...ใจเต้นโครมคราม


ในเวลาบ่ายคล้อยๆ.....

ประเวศกำลังเคลิ้มๆ อยู่บนเก้าอี้ผ้าใบที่ใต้ต้นมะม่วงหน้าคฤหาสถ์...

เขานอนอยู่ท่ามกลาง ต้นไม้ใบหญ้า...อา...ธรรมชาติช่างน่าหลงรักจริงๆ

พลันก็มีเสียงตะโกนดังก้องมาเข้าหู...นั่น...เสียงปฎลนี่นา...

“พี่เวศ.....ช่วยด้วย.....ลูกตาล...บุก”

เสียงโอริโอ๋สำทับ “ช่วยด้วย....ค๊า....พี่เวศค๊า....Help me !!!! “

ประเวศ สะดุ้ง แทบตกเก้าอี้ หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน แล้วเค้าก็เห็น....

ลูกตาลยืนอยู่นั่น...ใบหน้าขาวๆตอนนี้เป็นสีแดง...หูกางขึ้นๆ...

“เวศ...” ลูกตาลเห็นก็ร้องเรียกแล้วเดินเข้ามาหา ทิ้งปฎลและโอริโอ๋ที่วิ่งเข้ามาจับมือกันตัวสั่นด้วยความกลัว

เสียงปฎลถามโอริโอ๋ “โอ๋ เป็นไรมั่งหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ แล้วดลล่ะ”

“ดลก็ไม่เป็นไร” ปฎลยิ้มให้

“เทคแคร์นะ” ทั้งสองยิ้มให้กัน (หวานกันเข้าไป ไอ้คู่นี้)...


ลูกตาลมองภาพของทั้งสองแล้วพยักเพยิดให้ประเวศดู

“เป็นไง ดูแล้วอิจฉาเขาไหม”

ประเวศยอมรับอ่อยๆ “ก็ อิจฉาอยู่เหมือนกัน”

ลูกตาลพยักหน้าอย่างยินดี

“แล้ว ดูแล้วเค้ามีความสุขกันไหม”

ประเวศพยักหน้าหงึกๆ

“อยากมีความสุขอย่างเขาไหม”

ประเวศพยักหน้าอีกครั้ง ลูกตาลจึงว่า

“ถ้าอยากมีความสุขอย่างเขา เราต้องทำอะไรสักอย่าง ลืมไปแล้วหรอ นี่ รู้ไหม หม่ามี้ชั้นไปดูฤกษ์หมั้นมาแล้วนะ ชั้นทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว”

ลูกตาลว่าแล้วก้มลงไปจูงมือประเวศ ออกแรงพาออกเดินทันที

ประเวศเดินตามแรงจูงของลูกตาลอย่างไม่ขัดขืน ให้ไปไหนเขาก็ไป ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ขัดใจคน

เดินออกมาจากบ้านแล้ว ประเวศจึงถาม

“นี่แกจะพาชั้นไปไหน”

ลูกตาลหันมามองหน้า “ก็เราตกลงกันแล้วไง ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่เราชอบน่ะ ชั้นก็จะพาแกไปทำไง”

“เฮ้ย ว่าไรนะ”

“ไม่ต้องมาถามแล้ว ตกลงแกชอบใคร ไปบอกเค้าเดี๋ยวนี้เลย”

ประเวศสะดุ้งเฮือก “จะบ้าหรอแก ให้ชั้นไปบอกได้ไง”

“อ้าว เอ๋” ลูกตาลเอียงคอทำหน้างง “ทำไมถึงจะบอกไม่ได้”

ประเวศส่ายหน้าแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ริมน้ำ ที่ทั้งคู่เพิ่งเดินมาถึง

“ชั้นไม่กล้า...” ประเวศพูดแล้วหน้าหมองลงไปอีก “ ชั้นกับเค้า จะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกล”

ลูกตาลทรุดตัวลงนั่งตาม เอียงคอร้อง “เอ๋” อีกครั้ง

“มันก็เหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์นั่นแหละ เราอยู่บนฟ้าเดียวกัน แต่ไม่มีเวลาไหนเลย ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”

ลูกตาลมองอย่างเห็นใจ “เวศ แกเป็นคนดีมากนะ ไม่มีใครที่ไหนเขาปฏิเสธแกหรอก”

“แกไม่เคยได้ยินหรอ ลูกตาล ที่เค้าบอกกันว่า คนดีน่ะ ไม่ได้มีไว้ให้รัก คนดีมีไว้ให้นับถือต่างหาก”

โถ ๆ พ่อประเวศ

“แต่คนดีอย่างแก ก็ไม่ควรคู่แค่ความนับถือนะ แกควรจะได้รับความสุขในความรักของตัวเองบ้าง หลังจากที่แกได้มอบความรักให้กับชาวโลกไปหมดแล้วน่ะ”

ประเวศมองแล้วยิ้มๆ “ ถ้าคนบนโลกนี้สมหวังกันหมด โลกนี้ก็ไม่มีคำว่าอธิษฐานหรอก ”

“แกยังไม่ได้บอกเค้าเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะสมหวังหรือเปล่า ไม่แน่นะ เขาเองก็อาจจะชอบแกอยู่เหมือนกัน”

ประเวศส่ายหน้าทันที “ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เพราะชั้นรู้ไง ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ชั้นถึงไม่บอกเค้า ไม่รู้จะตอกย้ำความเสียใจให้ตัวเองทำไม”

ลูกตาลเอียงคอมองเพื่อน วันนี้รู้สึกประเวศจะเศร้ากว่าที่เคย

“ เค้ามีคนรักอยู่แล้วหรอ”

“ก็คล้ายว่าอย่างนั้น”

“เออ ตกลงแกบอกชั้นหน่อยได้ไหมว่า ....เขาเป็นใคร”

ประเวศส่ายหน้า”แกอย่ารู้เลยนะ...ชั้นขอเก็บใว้ในใจดีกว่า...”

“แต่ชั้นอาจช่วยแกได้นะ”

ประเวศหันมามองหน้าลูกตาล “ ในเรื่องของความรู้สึกน่ะนะ ไม่มีใครช่วยใครได้หรอก เราต้องช่วยตัวเราเอง ขอบใจแกมากที่หวังดี แต่ชั้นไม่อยากเป็นภาระกับแกอีก”

โถๆ พ่อประเวศ ที่แท้ก็ไม่อยากเป็นภาระกับเพื่อน ช่างดีแท้

“ว่าแต่แกเหอะ.....ตกลงคนที่แกชอบน่ะ ว่าไง”

ลูกตาลอมยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น ชั้นจัดการได้....” แล้ว ไปจัดการกันตอนไหนล่ะเนี่ย...

หลังจากที่ประเวศและลูกตาลคุยกันแล้วยังคิดกันไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรดี ลูกตาลก็ต้องรีบกลับบ้านก่อน เพราะเย็นมากแล้ว ส่วนประเวศ เขาขอนั่งริมฝั่งน้ำเงียบๆอีกสักพักหนึ่ง

เย็นมากแล้ว ท้องฟ้าเริ่มครึ้มลงเรื่อยๆ...

สักพักก็มีกิ่งไม้ปลิวมากระทบหลังดัง “ผลั่ก”

ประเวศร้อง “โอ้ย” หันไปมองข้างหลัง....นั่น..อลิสกำลังยืนหัวเราะร่ามือถือถุงสับปะรดปั่นร้านแม่ยิ้มมาด้วย

“จ๊ะเอ๋...” อลิสเดินเข้ามาใกล้...สงสัยจะลืมเรื่องงอนเมื่อวันนั้นไปแล้ว...หรือว่าอารมณ์ดีเรื่องอื่น...

ประเวศยิ้มด้วยความเอ็นดู ”ไปไหนมาล่ะ ลิส”

อลิสมองด้วยความแปลกใจ เอ ปกติ เล่นกับพี่เวศอย่างงี้ มันต้องมีโวยวายกันบ้าง แต่นี่เฉยๆ อลิสงง

จึงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ประเวศ แล้วตอบ “ไปตลาดมา ไปซื้อกับข้าว”

ว่าแล้วชูถุงกับข้าวให้ดู “พี่เวศเป็นไร มานั่งทำไรตรงนี้อ่ะ กินสับปะรดปั่นดิ พี่เวศชอบไม่ใช่หรอ”

ประเวศยิ้ม “จำได้ด้วยหรอเราน่ะ”

“ไมจะจำไม่ได้ เมื่อก่อนตอนที่เราไปออกค่ายกันไง สนุกจะตาย ที่พี่เวศเป็นพี่รหัสลิสไง ซื้อสับปะรดปั่นมาให้ลิสทุกวันเลย ฮ่าๆ ซื้อจนลิสชอบไปด้วยอีกคน ชอบจนติดมาถึงทุกวันนี้เลย”

อลิสว่าแล้วยื่นถุงสับปะรดปั่นให้ แต่ประเวศส่ายหน้า

“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนที่เราเป็นเด็กน่ะนะ เราไม่ต้องคิดถึงอะไรมาก นอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ เพราะมีคนที่เราต้องคิดถึงรออยู่”

ประเวศพร่ำเพ้อ ทำเอาอลิสมองอย่างไม่เข้าใจ เอ กับแค่กินสับปะรดปั่นนี่ เราต้องคิดถึงชาวโลกด้วยหรอวะ......

“ลิสไม่เข้าใจหรอก เข้าใจแค่ว่า เมื่อก่อนพี่เวศชอบกินสับปะรดปั่น ก็นึกว่าตอนนี้ยังชอบอยู่”

“ตอนนี้หรอ...อืม” ประเวศอึ้งไปพัก “ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่...แต่พี่กินตอนนี้ไม่ได้” อ้าว

“ตอนนี้พี่อยากกิน น้ำแห้ว สละ ระกำ กับบ๊วยมาปั่นรวมกันมากกว่า”

อลิสงง เอ พี่เวศแกจะท่าจะเป็นไรไปสักอย่างแล้ว ผิดปกติ....

“พี่เวศ” อลิสตะโกนเรียกใส่หู ประเวศสะดุ้งอีกครั้ง

“อะไร เรียกซะตกอกตกใจ”

“ก็นี่ไง พี่เวศ ทำเป็นเศร้าไปได้ เอางี้ เดี๋ยวลิสเต้นไก่ย่างให้ดูนะ ที่พี่เวศเคยขำตกเก้าอี้ไง”

“ไก่ย่างถูกเผา.....ไก่ย่างถูกเผา.....มันจึงโดนไม้เสียบ....โอ้ว....มันจึงโดนไม้เสียบ.....”

ว่าแล้วอลิสก็กระโดดไปเต้นท่าไก่ย่างให้ประเวศดู ประเวศหัวเราะ นึกถึงสมัยที่เรียนด้วยกัน อลิสเคยเต้นอย่างนี้จนประเวศขำตกเก้าอี้มาแล้ว

เต้นไปเต้นมาก็ตามเคย.....อย่างที่อลิสชอบเป็น...

ถุงสับปะรดปั่นหลุดจากมือ เพราะเจ้าของกำลังมัน......ถุงตกลงไปที่พื้น....

แล้วอลิสก็เหยียบซ้ำ...แล้วอลิสก็เซ....แล้วรองเท้าแตะที่สวมอยู่ก็หลุด....แล้วเท้าเปล่าๆก็เซไปเหยียบเศษแก้วอีกที...

ซับซ้อนเหลือเกิน...แต่สรุปได้ว่า อลิสเหยียบเศษแก้วเข้าอย่างจัง...

“โอ้ยย” อลิสร้องโวยวาย..ประเวศตกใจรีบเข้ามาดู...

ก็เห็นว่าเศษแก้วบาดเท้าอลิสจนเลือดไหล ประเวศรีบควักผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา....อุ้ย พกผ้าเช็ดหน้าด้วย...(ขนาดเจ้าอลิสมันผู้หญิงแท้ๆ ยังไม่พกเลยอ่ะ)

ผ้าเช็ดหน้าสีขรึมๆของประเวศกำลังจะโปะลงไปที่แผลเพื่อห้ามเลือด แต่อลิสห้ามไว้ซะก่อน

“พี่เวศอย่า เดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าสกปรก เสียดายผ้าเช็ดหน้า”

ประเวศส่ายหน้า ดุเบาๆ “เหลวไหล ผ้าเช็ดหน้า กับแผลของลิส มันเทียบกันไม่ได้นะ”

แล้วประเวศก็เอาผ้าเช็ดหน้าห้ามเลือดให้อลิส ผูกไว้ที่เท้าจนแน่น เสร็จแล้วก็ถามว่า

“แล้วนี่เดินกลับบ้านไหวไหมเนี่ย”

อลิสหน้าม่อย “อือ แค่ยืนยังจะไม่ไหวแล้วอ่ะ พี่เวศ”

ประเวศส่ายหน้าอีกครั้ง “ก็ลิสนี่ละน้า เคยโก๊ะยังไง ก็โก๊ะอย่างงั้นไม่เคยเปลี่ยนเลย มาๆ” ประเวศหยิบถุงกับข้าวมาใส่มืออลิส

แล้วประเวศก็จับอลิสมาขี่หลัง

อลิสยิ้ม “ฮ่าๆ สบายจัง พี่เวศ”

ประเวศเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ปากก็ว่า “ใช่สิ แกสบาย แต่พี่ลำบาก อย่างนี้ทุกที”

อลิสยิ้มอีกครั้ง “แหม พี่เวศก็ ทำยังกับไม่เคยให้ลิสขี่หลังงั้นแหละ”

“พี่จำได้ไม่ลืมหรอก ว่าตอนที่เราไปออกค่ายอาสาที่ภูเรือน่ะ แกไปเต้นท่าไก่ย่างให้เด็กๆดู เต้นอีท่าไหนไม่รู้
กลิ้งตกเขา ข้อเท้าแพลง แล้วใครล่ะ พาแกขี่หลังกลับหมู่บ้านน่ะ”

อลิสหัวเราะ “ฮ่าๆ นึกแล้วขำเนอะ ตอนนั้นน่ะ ลิสน่ะรู้เสมอแหละว่า...."

“พี่เวศน่ะน่ารักกับลิสตลอดมา....”

ประเวศหัวเราะ แล้วหยุดไปนิดหนี่ง

“เออๆ ลิส.....ตกลงเรื่องคุณปลัดน่ะ” เขายังเป็นห่วง...ห่วงใคร....ก็ทั้งอลิสและคุณปลัดนั่นแหละน่า...

“ทำไม ปลัดทำไม” อลิสถามพลางนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน แล้วก็หน้าแดงอยู่ข้างหลังประเวศ โดยที่ประเวศไม่รู้

“ก็ ลิสตัดใจได้ยัง” ประเวศยังเป็นห่วง

อลิสอึ้งไป ก็จะตัดใจได้อยู่แล้ว ก็ปลัดบ้า....ดันมา...ทำอะไรหรอ.....

เอ...หรือพี่เวศจะหึงปลัด....ถึงได้เตือนเราอีกแล้วให้ตัดใจ...

แต่ถ้าปลัดกับพี่เวศเค้า....จริงๆ....เราก็ควรจะตัดใจ...เฮ้อ

เพื่อพี่เวศ....เราต้องทำได้สิ.....เจ้ากุ๊กคิดในใจเงียบๆ ขณะที่ขี่หลังประเวศ

ประเวศเห็นเจ้ากุ๊กเงียบไปก็ถามซ้ำ “ว่าไง ลิส”

อลิสสะดุ้ง “อะอ๋อ อือๆ ลิสจะพยายามเพื่อ....เอ่อ....(เพื่อพี่เวศ)” คำหลังเบาจนไม่ได้ยิน

ประเวศได้ยินก็ยิ้ม อารมณ์ดีขึ้น “ ดีแล้วล่ะลิส พี่ไม่อยากให้ลิสเจ็บปวด (เหมือนพี่)....พี่เป็นห่วงลิสนะ”

“จ๊ะ พี่เวศ” อลิสยิ้มอ่อยๆ “ลิสจะเชื่อพี่เวศ ลิสรู้ว่า..พี่เวศเป็นห่วงลิสเสมอ”

แล้วทั้งสองก็เดินกลับบ้านกันอย่างเงียบๆ จนมาถึงหน้าบ้าน ก็เห็นปลัดนั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน

นั่น...ปลัดนั่งเกากีต้าร์เพลง...เพียงแค่ใจเรารักกัน...ซะด้วย

แน่ะๆ...อารมณ์ดีอะไรมาหรอจ๊ะ ปลัด....หรือว่าเรื่องเมื่อกลางวัน...

แต่ปลัดก็ต้องเลิกซึ้งในทันใด เมื่อมองเห็นว่าใครขี่หลังใครเดินเข้ามาในบ้าน

นั่นๆ....เอาอีกแล้วนะ....เจ้ากุ๊กกับคุณเวศ....

หนอย....พามาหยามกันถึงในบ้าน.....แสลงใจ...

เอ....แล้วนี่เราเป็นอะไร ใส่อารมณ์ทำไม....ปลัดชะงักอึ้ง นึกขึ้นได้ ว่าเกือบออกอาการ

ต้องเก็บอาการหน่อยดีกว่า....เราต้องเก๊กแมน เอ้ย ไม่ใช่ เก๊กเฉยๆ....ปลัดคว้ากีต้าร์มาจับไว้แน่น....นี่ปลัดจะแอบเอากีต้าร์ตีหัวประเวศหรือเปล่าเนี่ย...อูย...สยอง

เมื่อประเวศเห็นปลัดนั่งอยู่ที่หน้าระเบียงบ้าน... ก็หยุดกึก..

กลัวอ่ะ...ฃ.เรารีบส่งแล้วรีบไปดีกว่า....แล้วก็ทำใจแข็ง

เดินเข้าไปถึงในบ้าน วางอลิสลงบนเก้าอี้ริมระเบียง มีปลัดมองตามไม่วางตา

นี่ปลัดมองเราหรือมองอลิสวะ...ประเวศระแวง..แต่ก็ยิ้มสู้

“สวัสดีครับ คุณปลัด”

“สวัสดีครับคุณประเวศ ไปไงมาไงละครับเนี่ย....แล้ว” ปรายตาไปมองอลิสที่นั่งหน้าบูดไม่ยอมมองหน้าปลัด

“เด็กผมเป็นอะไรหรอครับ” พูดมาได้..เด็กผม

อลิสหันขวับมามอง แล้วเม้มปากเงียบ ประเวศจึงตอบซะเอง “พอดี อะ เอ้ย เจ้ากุ๊กน่ะครับ ไปเหยียบเศษแก้ว เดินไม่ไหว ผมก็เลยพามาส่ง”

“อ้อ...” ปลัดยิ้มเยาะๆ...ปรายตามองเจ้าตัวต้นเรื่อง เห็นทำหน้ามุ่ยก็หมั่นไส้ ทีเมื่อกี้ละยิ้มหน้าระรื่นเชียว ทีงี้ละมาทำหน้าบูด

“เด็กผมมันก็งี้แหละครับ ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน”

อลิสหันขวับมามองอีกครั้ง ทั้งคู่จ้องตากัน...เอ่อ ลืมประเวศไปแล้วมั้ง

ประเวศเห็นท่าไม่ดี รีบเผ่นก่อนดีกว่าเรา เดี๋ยวปลัดหันมาเล่นเราจะลำบาก

“เออ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ปลัดจึงค่อยรู้สึกตัวว่ามีประเวศอยู่อีกคน “ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

“ครับ” ประเวศรับคำ “อ้อ คุณปลัดรู้เรื่องที่นายอำเภอสะอาดจะมาตรวจหมู่บ้านพรุ่งนี้แล้วใช่ไหมครับ ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงที่บ้านป๊านะครับ”

“ครับ ผมรู้แล้วครับ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเตรียมงานต้อนรับนายอำเภอสะอาดเหมือนกัน" ปลัดรับคำ

เมื่อหมดธุระแล้ว ประเวศก็เดินออกจากบ้านปลัดไป...ระหว่างทางก็อดนึกถึง

คนที่เป็น...มายเกิร์ล....ของเขาไม่ได้...จะเป็นไงบ้างนะ




Create Date : 28 ธันวาคม 2548
Last Update : 5 มีนาคม 2549 12:29:24 น. 0 comments
Counter : 266 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมเช้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ชมเช้า..มาจาก ชมเช้า ชมสาย ชมบ่าย ชมเย็น ชมค่ำ ทุกกาลเวลาช่างน่าชื่นชม จะเวลาไหนก็เลือกชมเอาตามสะดวก..

...เวลาเช้า เป็นเวลาที่รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ดูสดใส จอมแก่นแสนซน ที่ไหนได้ ใครๆ เห็นชื่อแล้วบอกว่า 40 ขึ้นแน่ๆ บ้างก็ว่าป้า..เอ่อ เป็นงั้นไป...ขอบอกว่ายังห่างค่ะ ห่างมาก อิอิ...

ตอนนี้มีภารกิจเพื่อชาติให้ปฏิบัติค่ะ รู้สึกภูมิใจจังเลย (โบกมือแบบนางงาม) ดิฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ เอาใจช่วยด้วยนะคะ อิอิ...

คุณที่เข้ามาอย่าเพิ่งงงค่ะ ภารกิจอะไรขอเก็บไว้เป็นความลับ(ว่าแต่ ไม่ได้มีใครเขาอยากรู้สักหน่อย ^^") แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ อีกอย่าง เป็นแฟนหงส์ค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

Friends' blogs
[Add ชมเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.