Group Blog
 
All Blogs
 

พระบรมธาตุในประเทศไทย ตอนที่ 3

 

พระบรมธาตุในประเทศไทย ตอนที่ 3

วัดพระธาตุวาโย (วัดห้วยน้ำทรัพย์)พระมหาธาตุเจดีย์ เจดีย์ทรงระฆัง
ประดับด้วยกระจกสีเหลือง น้ำเงิน ขาว สูง 50 เมตร ฐานรอบเจดีย์กว้าง 45 เมตร


ฉะเชิงเทรา

1.    พระธาตุวาโยนคร ใกล้นิคมอุตสาหกรรมเกทเวย์
 
ปราจีนบุรี

2.    วัดป่าพระธาตุโพธิ์ทอง ต.วังหว้า อ.ศรีมหาโพธิ์ (เจดีย์พระธาตุในป่าทุ่งหญ้า)
3.    วัดแจ้ง ต.หน้าเมือง อ.เมือง มีเจดีย์ทรงธาตุพนมบรรจุพระบรมธาตุ
 
ระยอง

4.    วัดสารนารถธรรมาราม ก.ม. 265 ถ.สุขุมวิท ปากทางเข้า อ.แกลง มีเจดีย์ทรงลังกาบรรจุพระบรมธาตุที่ยอด
5.    พระเจดีย์กลางน้ำ บนเกาะปากน้ำ ต.ปากน้ำ อ.เมือง ตั้งอยู่บนตอนกลางแม่น้ำระยอง มีงานสมโภชทุกวันเพ็ญเดือน 12 ในเขตวัดสมุทรคงคง หรือวัดปากน้ำ สุดถนนตากสิน ห่างจังหวัดไปทางใต้ 2 กม.

นครปฐม


6.    พระปฐมเจดีย์ 27 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง (สูง 120 เมตร) บรรจุพระบรมธาตุที่พระเจ้าอโศกประทานมา
7.    วัดพระงาม เนินวัดพระงาม ต.ประถม ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์เล็กน้อย
8.    วัดพระประโทน บนทางหลวงเพชรเกษมฝั่งขวา (ไปจากกทม.) ก่อนเลี้ยวเข้าเมืองนครปฐม บรรจุทันตธาตุและทะนานทองที่โฑณพราหมณ์ใช้ตวงพระบรมธาตุ
9.    เนินพระ ต.ดอนยายหอม ไปทางใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ประมาณ 9 กม.
10.    วัดธรรมศาลา บนทางหลวงเพชรเกษมฝั่งซ้าย (ไปจากกทม.) ก่อนถึงตัวเมืองนครปฐม ต.ธรรมศาลา ไปทางตะวันออกขององค์พระปฐมเจดีย์ประมาณ 6 กม. (ทั้ง 5 แห่งนี้บรรจุพระบรมธาตุตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช)
11.    วัดมหาธาตุกำแพงแสน อ.กำแพงแสน
12.    วัดประชานารถ อ.นครชัยศรี
13.    วัดห้วยจระเข้ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง ประดิษฐานพระบรมธาตุ ณ ห้องระฆัง ยอดมณฑป พ.ศ. 2530 ได้พระบรมธาตุจากเจดีย์เก่าจังหวัดอยุธยา เชียงราย ลำปาง พะเยา ศรีลังกา พระบรมธาตุมีหลายสี สีขาว เหลือง ดอกพิกุล งาช้างสีสดใสขาวใสมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารหัก เมล็ดถั่วแตก
 
สมุทรสาคร

14.    วัดเกตุวดีศรีวราราม บนทางหลวงธนบุรีปากท่อฝั่งซ้ายมือ (ไปจากกทม.) ต.บางโทรัด อ.เมือง
 
สมุทรสงคราม

15.    วัดเกตุการาม ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำแม่กลอง ม.3 ต.โรงหีบ อ.บางคณฑี (พระบรมธาตุในผอบแก้วในอุโบสถ)
16.    วัดแก้วเจริญ อ.อัมพวา (พระธาตุอยู่ในเพดานโบสถ์)
 
เจดีย์หักอยู่ในเขตตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง ยอดเจดีย์องค์นี้หักทลายลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480
องค์พระเจดีย์ก่อด้วยอิฐสอด้วยดินผสมยางไม้ ฐานเป็นรูปแปดเหลี่ยมรองรับองค์ระฆังทรงกลมรูปสูงเพรียวคล้ายกับกลุ่มเจดีย์แบบเมืองสรรคบุรี


ราชบุรี

17.    วัดมหาธาตุ 7 ต.หน้าเมือง อ.เมือง เป็นปรางค์ก่อด้วยศิลาแลง สูง 12 วา มีพระบรมธาตุจากเมืองคูบัว 3 องค์และของเดิมที่วัดนี้อีก 3 องค์
18.    วัดอรัญญิก อ.เมือง
19.    วัดธัมมเจดีย์ หรือวัดท่าถึง วัดหลุมดิน อ.เมือง (ปัจจุบันชื่อวัดท่าโขลง)
20.    วัดเจดีย์หัก อ.เมือง (สี่วัดนี้อยู่ในทิศทั้งสี่ของเมืองราชพลีเก่า วัดธัมมเจดีย์ อยู่ทิศเหนือ วัดมหาธาตุอยู่ทิศตะวันออก วัดเจดีย์หักอยู่ทิศใต้ วัดอรัญญิกอยู่ทิศตะวันตก)
21.    วัดศรีสุวรรณภูมิ หรือวัดโขงสุวรรณภูมิ ต.คูบัว อ.เมือง (บรรจุอัฐิธาตุพระโสณะเถระสร้างประมาณ พ.ศ.300)
22.    วัดราชสิงขร หรือวัดราชพลี อยู่บริเวณเขางูราชบุรี มีเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุตั้งแต่สมัยพุทธกาล
23.    วัดใหญ่โพธิ์หัก ต.โพธิ์หัก อ.บางแพ มีพระมหาธาตุเจดีย์สูง 81 เมตร
24.    วัดถ้ำสิงโต (วัดหลวงปู่โต๊ะ) ริมทางหลวงราชบุรี – จอมบึง ห่างตัวจังหวัด 20 กม. บรรจุพระบรมธาตุที่เศียรพระประธาน
 
เพชรบุรี

25.    วัดมหาธาตุ 2 ต.คลองกระแซง อ.เมือง สูง 55 เมตร (บรรจุพระบรมธาตุ 3 องค์ ที่ ร.9 พระราชทานเมื่อพ.ศ. 2497 รวมกับของเดิมอีก 3 องค์ คอระฆังทำด้วยแก้วผลึกใสเห็นผอบบรรจุพระธาตุ มีธรรมจักรเก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุด)
26.    วัดเพชรบุรี หรือพริบพลี อ.เมือง มีพระบรมธาตุ 7 สี (ขาว เขียว น้ำเงิน น้ำตาลอ่อน เหลืองประภัสสรหรือแสงอาทิตย์ และสีขาวมุก) สร้างประมาณ พ.ศ. 272 - 273 มีพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าซึ่งเคยอยู่ที่เมืองนาค
27.    เจดีย์พระธาตุจอมเพชร บนเขาวัง อ.เมือง เป็นเจดีย์เก่าแก่ก่อนการสร้างพระนครคีรี
28.    วัดพระธาตุศิริชัย บนทางหลวงเพชรเกษมฝั่งซ้าย (ไปจากกทม.) เลยเขาย้อยไปประมาณ 1 กม.
29.    วัดเขาตะเครา (ในตู้หน้าอุโบสถด้านใน) แยกจากอำเภอเมืองไปประมาณ 13 กม.
30.    วัดเขาพระ อ.เขาย้อย (เลยพระธาตุศิริชัยไปทางทิศใต้ อยู่ทางฝั่งขวาของถนนเพชรเกษม เข้าทาง บ.เขาพระ เข้าไปอีก 6 กม.)
31.    เขาพนมขวด เป็นภูเขาเล็กๆ สูง 20 เมตร อยู่ริมทางรถไฟ ติดกับ ร.พ.เพชรบุรี บนยอดเขามีเจดีย์องค์หนึ่ง ร.4 ได้ทรงบูรณะและบรรจุพระบรมธาตุ 7 องค์ ซึ่งได้จากพม่า น่าน และลำพูนไว้
 
ประจวบคีรีขันธ์

32.    วัดธรรมิการาม 8612 ต.เกาะหลัก อ.เมือง (เจดีย์พระธาตุบนยอดเขาช่องกระจก) เจดีย์สีขาวบรรจุพระบรมธาตุ พ.ศ. 2510
 
ระนอง

33.    วัดปทุมธาราม 34 บ้านกะปอร์ ม. 5 ต. กะปอร์ (เจดีย์บรรจุพระธาตุสาวก)
 
นครศรีธรรมราช

34.    วัดพระมหาธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง (สร้างเมื่อพ.ศ.1300 มีสิ่งน่าสังเกตคือจะไม่มีผู้ใดเห็นเงาของพระบรมธาตุเลย ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดเป็นเจดีย์แบบศรีวิชัยสูง 38 วา 2 ศอก บรรจุพระทันธาตุ) ส่วนยอดพระเจดีย์สูง 13 เมตร หุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม ยอดเจดีย์หุ้มด้วยทองคำหนัก 962 กก. มีพิธีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุช่วงเดือน 3 และเดือน 6 รอบๆ พระธาตุมีเจดีย์ 158 องค์
 
สุราษฎร์ธานี

35.    วัดพระบรมธาตุไชยา 50 ม.3 ต.ในเวียง อ.ไชยา (ทรงมณฑปศิลปะศรีวิชัยสูง 24 เมตร)
36.    พระบรมธาตุเกาะสมุย (พระธาตุหินงู) ต.มะเร็ด อ.เกาะสมุย บรรจุพระบรมธาตุ พ.ศ. 2498 มีงานประเพณีนมัสการทุก 24 เม.ย.
37.    พระธาตุศรีสุราษฎร์ บนยอดเขาท่าเพชร อ.เมือง จากตลาดบ้านดอนไปตามทางหลวง 4009 ประมาณ 7 กม. เจดีย์ทรงกลมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ยอดพระเจดีย์ พ.ศ. 2527
38.    พระธาตุวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ บ.หาดวังหิน อ.ดอนสัก เจดีย์พระบรมธาตุสูง 45 เมตร (พระบรมธาตุอัญเชิญมาจากวัดพระเกียรติ จ.เชียงใหม่)
39.    เจดีย์แหลมสอ ริมหาด อ.เกาะสมุย องค์พระเจดีย์บุด้วยกระเบื้องสีทองทั้งองค์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
 
ชุมพร

40.    พระเจดีย์วัดสวี (พระบรมธาตุเจดีย์กาวี) ม.1 ต.สวี เจดีย์สูง 15 วา สร้างสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
41.    พระเจดีย์วัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี 86130 เจดีย์บรรจุพระธาตุและสาวกธาตุสร้างเสด็จ พ.ศ. 2525 พระบรมธาตุสีชมพูโตเกือบเท่าเม็ดถั่วลิสงขนาดย่อมมีประกายรุ้ง 6 องค์ พระธาตุอริยสาวกหมื่นกว่าองค์พระสิวลี 2 พระสารีบุตร 1 พระโมคคัลลานะ 1
 
วัดพะโคะ เป็นวัดจำพรรษาของ สมเด็จพะโคะหรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ซึ่งประชาชนให้ความนับถือเป็นอันมาก

สงขลา

42.    วัดควนมิตร 7 บ.ตลาดควนมีด ใ.2 ต.คลองเปียะ อ.จะนะ (เจดีย์)
43.    วัดจะทิ้งพระ 14 บ.จะทิ้งพระ ถ.เขาแดง – ระโนดบนทางหลวง 4083 ระหว่าง ต.บ้านเจดีย์งามกับ ต.บ้านเกาะยอ ม.4 ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ (เจดีย์มหาธาตุจากลังกา) สูง 42 เมตร
44.    วัดเจดีย์งาม บ.เจดีย์งาม ม.2 ต.บ่อตรุ อ.ระโนด (มีธรรมจักรสลักหินสมัยพระเจ้าอโศก) เจดีย์มหาธาตุทรงลังกาสูง 20 เมตร
45.    วัดชะแล้ บ.ชะแล้ ม.4 ต.ชะแล้ อ.สิงหนคร 90260 (พระบรมธาตุในเจดีย์โป่งขาม และพลอยสีต่างๆ ของโบราณ)
46.    วัดชัยมงคล หลังสถานีรถไฟสงขลาเลขที่ 1 บ.โคกเสม็ด ถ.ชัยมงคล ม.5 ต.บ่อยาง อ.เมือง (เจดีย์สูง 16 เมตร สร้างพ.ศ. 2437) พระบรมธาตุได้มาจากลังกา
47.    วัดในวัง 115 บ.นาทวี ถ.ต่างตานุสรณ์ ม.1 ต.นาทวี อ.นาทวี (บรรจุพระบรมธาตุในพระเกตุมาลาพระประธาน พ.ศ. 2523) และในเกตุมาลาพระปางมารวิชัย พ.ศ. 2520 และเจดีย์สูง 25 เมตร บรรจุพระบรมธาตุจากลังกาชื่อ พระธาตุทองชนูปกรณ์เจดีย์)
48.    วัดพะโคะ 60 บ.พะโคะ ม.6 ต.ชุมพล อ.สทิงพระ (เจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุสูง 90 เมตร)
49.    วัดเพชรมงคล 88 บ.โคกขี้หนอน ถ.เพชรมงคล ม.5 ต.บ่อยาง อ.เมือง
50.    วัดเลียบ 106 ถ.ไทรบุรี ม.7 ต.บ่อยาง อ.เมือง (เจดีย์โสภณ พ.ศ. 2430)
51.    วัดอ่างทอง 221 บ.อ่างทอง ถ.สงขลา – นาทวี ม.1 ต.ทุ่งหลัง อ.เมือง (เจดีย์)
52.    พระธาตุเจดีย์สามองค์วัดโพธิ์ปฐมมาวาส ถ.ไทรบุรี .บ่อยาง อ.เมือง (เจดีย์องค์หนึ่งบรรจุพระบรมธาตุ)
53.    วัดปรางค์แก้ว ต.ท่าลาน อ.หาดใหญ่ (พระบรมธาตุจากเมืองสารนาถ พ.ศ. 2505)
54.    พระบรมธาตุวัดไชยมงคล (วัดโคกสะเม็ด) กลางตลาด อ.เมือง พระบรมธาตุจากสถูปเจดีย์ปารามศรีลังกา พ.ศ. 2437 เจดีย์สูง 16 เมตร
 
พัทลุง

55.    วัดนิโครธาราม 20 บ.โคกข่อย ถ.อภัยบริรักษ์ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง (เจดีย์สูง 11.5 เมตร บรรจุพระบรมธาตุจากอินเดีย)
56.    วัดบางแก้ว 42 บ.บางแก้ว ม.4 ต.จองถนน อ.เขาชัยสน 93130 (มหาธาตุเจดีย์สูง 22 เมตร รูปทรงคล้ายที่นครศรีธรรมราชที่ได้จากลังกาบรรจุพระบรมธาตุจากลังกา) เดิมชื่อวัดตะเคียนบางแก้วหรือวัดเขียนบางแก้ว สร้าง พ.ศ. 1542 มีงานสมโภชวันชึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 6 (พร้อมกับเจดีย์วัดสะทัง, สทิงพระ)

นราธิวาส


57.    วัดนพาราม 149 บ.วัดใหม่ ม.4 ต.พร่อน อ.ตากใบ (เจดีย์)
58.    วัดพระพุทธ 111 บ.ใหญ่ ม.3 ต.พร่อน อ.ตากใบ
59.    พระเจดีย์ศริริมหามายา ณ พุทธอุทยานเขากง อ.เมือง เป็นเจดีย์ทรงระฆังยอดบนสุดประดิษฐานพระบรมธาตุ
60.    วัดบางนา ต.บางนาค เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง (เจดีย์เขามงคลพิพิธบรรจุอรหันตธาตุ)

ยะลา


61.    พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ วัดพุทธาธิวาส
65 ถ.รัตนกิจ บ.เบตง ต.เบตง อ.เบตง เจดีย์สูง 39.9 เมตร บรรจุพระบรมธาตุ 4 สัณฐาน (พันธ์ผักกาด, เมล็ดงาแตก, ถั่วแตก, ข้าวสารหัก) และอรหันตธาตุ 24 องค์ โกณฑัญญะ วัปปะ มหานามะ อัสชิ โมคคัลลานะ สารีบุตร อานนท์ มหากัสสปะ อุบาลี ภควัมปติ ราหุล พิมพาเถรี สีวลี กัจจายนะ มหากัจ จายนะ อนุรุทธะ องคุลีมาล กัสสปะ อุปคุต โสณะ อุตตระ นาคเสน สันตติมหาอำมาตย์
 
ปัตตานี

62.    วัดสำเภาเชย ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ 94130 พระธาตุเจดีย์และสถูปเก็บอัฐิหลวงพ่อหนอนซึ่งเคยแสดงปาฏิหาริย์เป็นดวงสว่างโตเท่าบาตรพระลอยอยู่เป็นประจำเหนือยอดเขามะรวด
63.    วัดมุจลินทวาปีวิหาร 10 ต.ตุยง อ.หนองจิก (เจดีย์สูง 15 เมตร หลวงพ่อทวดนวลสร้าง)
64.    วัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ (พระธาตุหลวงปู่ทวด)
65.    พระธาตุเจดีย์เขามะรวด ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ เจดีย์บรรจุพระบรมธาตุเมื่อ พ.ศ. 2462 มีงานสมโภชวันสงกรานต์
66.    เจดีย์อรหันตธาตุวัดถัมภาวาส วัดถัมภาวาส (วัดบางตะโละ) ถ.สายบางเก่า บ.บางตะโละ ม.3 ต.ปะเสวะยอ อ.สายบุรี สร้างพ.ศ. 2459 สูง 23.5 เมตร เป็นศิลปะศรีวิชัย

ตรัง


67.    วัดมัชฌิมภูมิ 86 บ.บางรัก ถ.บ้านหนองยวน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง (เจดีย์สูง 10 วา)
 
พังงา

68.    วัดคีรีเขต (วัดลุ่ม) 39 ถ.กลั่นแก้วเขตเทศบาลเมือง ต.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า 82110  (พระบรมธาตุในโกศทองคำสูง 10 ฟุต) มีลักษณะดัง เพรชทองอุไรสีแก้วผลึกสีพิกุล ลักษณะข้าวสาร มุกดา พันธุ์ผักกาด ถั่วแตก ข้าวโพด หินบด ยังมีพระธาตุโมคคัลลานะ สารีบุตร พระสีวะลี พระธาตุพิมพาเถรี มีงานฉลอง 1-3 ม.ค. เป็นพระบรมธาตุยุคเดียวกับพระธาตุนครศรีธรรมราช
69.    วัดมาตุคุณาราม,วัดใหม่, วัดหน้าเมืองหรือวัดกระโสมเขตสุขาภิบาลกระโสม ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง 82130 โทร.076-591056( เจดีย์เจ้าแม่ทองคำบรรจุพระบรมธาตุ 5 องค์ ) สมเด็จพระสังฆราช ( ญาณสังวร ) นำพระบรมธาตุมาบรรจุ ณ ส่วนองค์ระฆัง พ.ศ.2532
70.    พระธาตุเจดีย์นิมิต บนลานยอดเขาล้าน วัดราษฎร์อุปถัมภ์ ม.4 ต.บางเหรียง อ.ทับปุดแยกตรงข้างที่ว่าการอำเภอเข้าไป 10 กม. ( บรรจุพระบรมธาตุได้จาก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ณ จอมปลวกบนซากเจดีย์โบราณก่อนได้ปรากฏแสงโชติช่วงเป็นรัศมีพุ่งขึ้นไปในนภาอากาศ )
71.    วัดไตรมารคสถิต บ.โคกกลอย ถ.เพชรเกษม ม.2 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง

ภูเก็ต


72.    วัดวิชิตสังฆาราม 1 ถ.นริศร ม.6 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง (เจดีย์)
73.    วัดมงคลนิมิต 3 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง (บรรจุพระบรมธาตุ ร.ศ.112)
 
จาก :  หนังสือพระบรมธาตุ เขียนโดย : อ.บริภัทร
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2539
*ขอบคุณภาพประกอบทุกภาพจากอินเตอร์เน็ต




 

Create Date : 27 มีนาคม 2557    
Last Update : 27 มีนาคม 2557 17:43:38 น.
Counter : 1620 Pageviews.  

พระบรมธาตุในประเทศไทย ตอนที่ 2

พระบรมธาตุในประเทศไทย ตอนที่ 2

   วัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
โดยกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงสร้างพร้อมกับสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ระหว่าง พ.ศ. 2357-2358
พระอุโบสถเป็นเครื่องไม้ฝากระดาน และได้รับการปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ 4

สมุทรปราการ

1.    วัดอโศกการาม 136 ถ.สุขุมวิท ม.5 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง (พระบรมธาตุที่เศียรพระประธาน 3 องค์)
2.    วัดราษฎร์บำรุง 67 บ.คลองตาเจี่ย ถ.สุขุมวิท ม.1 ต.บางปู อ.เมือง (พระบรมธาตุที่เศียรพระประธาน 3 องค์)
3.    พระสมุทรเจดีย์ ร.4 ทรงอัญเชิญพระบรมธาตุจากพระราชวังมาประดิษฐานไว้ ณ เจดีย์สูง 39 เมตร
4.    วัดทรงธรรมวรวิหาร (นครเขื่อนขันธ์) อ.พระประแดง บรรจุพระบรมธาตุที่พระเมาฬีองค์ประธาน พ.ศ. 2528
5.    วัดบางนาใน ริมถนนสุขุมวิทใกล้ทางด่วนบางนา เป็นพระบรมธาตุที่ได้จากศรีลังกา

6.    วัดพระธาตุ ต.บ้านเกยชัย อ.ชุมแสง
7.    วัดวรนาถบรพต 188 ถ.ธรรมวิถี บ.เขากบ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง (เจดีย์บรรจุพระธาตุแบบสุโขทัย 2 องค์ คาดว่าสร้างสมัยพระเจ้าลิไท และมีต้นโพธิ์พุทธคยา)
8.    พระธาตุเขาตีคลี บนทางหลวงสาย 11 ขึ้นเหนือ อยู่ฝั่งซ้าย ห่างจาก กทม. 234 กม. อยู่ ต.บ้านตุ๊กแก อ.ท่าตะโก
9.    วัดเกยไชยเหนือ 58 บ.เกยไชย ม.4 ต.เกยไชย อ.ชุมแสง (เจดีย์สูง 26 เมตร)
10.   วัดชุมแสง 17 บ.ชุมแสง ม. 9 ต.พิกุล อ.ชุมแสง (มณฑปพระธาตุ)
ตาก

11.    พระธาตุดอยดินถี่ ม.วังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด เรียกอีกอย่างว่าพระธาตุหินกิ่ว อยู่บนก้อนหินใหญ่ชะง่อนผา เป็นเจดีย์ทรงมอญมีงานเทศกาลเดือน ก.พ. อีกชื่อหนึ่งคือพระธาตุพญาถ่อง หมายถึงเจดีย์อินทร์แขวน (หินกิ่ว) บรรจุพระบรมธาตุและอรหันตธาตุทองคำ 30 บาท นอกจากนี้ บริเวณนี้ (ดอยดินจี่) ยังมีรอยพระพุทธบาทข้างซ้ายและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรค รวมทั้งหินแก้วใสๆ สีชมพู เขียว
12.    วัดชุมพลคีรี อ.แม่สอด (เจดีย์ทอง)
13.    พระธาตุเจดีย์ทอง เขตแม่สอด – แม่ระมาด – เมียววดี อยู่ฝั่งพม่า ข้ามน้ำที่แม่สอด
14.    วัดมณีบรรพต 289 ต.ระแหง อ.เมือง
15.    ดอยโล้นเชียงรุ้ง อ.บ้านตาก (พระพุทธบาท พระพุทธหัตถ์ข้างขวา)
16.    วัดพระบรมธาตุ บ.ท่าพระธาตุ ม.3 ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก สร้างพุทธศตวรรษที่ 18 ฉลองพระธาตุทุกวันที่ 9 เดือน 9 ขึ้น 15 ค่ำ มีงานนมัสการพระธาตุในวันสงกรานต์ ยังมีงานเทศกาลเดือน 7 (มีประกวดบั้งไฟด้วย)
17.    วัดพระธาตุลอย หรือพระธาตุแก่งเมืองสร้อย อยู่ที่เนินเขาริมฝั่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลตอนกลางใกล้เรือนแพท่องเที่ยวเขต อ.สามเงา ริมแม่น้ำปิง ต.บ้านนาองค์ปัจจุบันหลังมีการสร้างเขื่อนภูมิพลย้ายไปอยู่ตรงข้ามกับผาสามเงา อ.สามเงา เป็นเจดีย์แบบล้านนา อีกชื่อหนึ่งคือวัดชลประทานรังสรรค์
18.    พระธาตุผาแดง วัดดอนมูล ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด
พระบรมธาตุนครชุมมหาเจดีย์ทรงสูงใหญ่ สวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมและสีทองอร่ามทั้งองค์
เสมือนดั่งเจดีย์ ชเวดากองในเมืองพม่า เป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 9 องค์

กำแพงเพชร

19.    วัดพระบรมธาตุ หรือพระบรมธาตุนครชุม 15/1 ปากคลองสวนหมาก บ.นครชุม ม.3 ต.นครชุม (สร้างสมัยพญาลิไท ทรงพม่าขนาดใหญ่ บรรจุพระบรมธาตุ 9 องค์ จากลังกาซึ่งใส่ไว้ในภาชนะรูปสำเภามีงานนมัสการทุกวันเพ็ญเดือน 3) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง มีตำนานว่า เมื่อครบอายุศาสนา 5,000 ปี พระบรมธาตุทั้งหลายจะมารวมเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระบรมธาตุเมืองนครชุมนี้ (บางตำนานว่ารวมที่ลังกา)
20.    วัดวังพระธาตุ เป็นวัดร้างบริเวณเมืองไตรตรึงส์ อ.เมือง มีเจดีย์ใหญ่
21.    วัดพระแก้ว มีเจดีย์ทรงลังกา อยู่ทางทิศตะวันตกของวัดพระบรมธาตุ
พิษณุโลก

22.    วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง (พระปรางค์สูง 18 วา บรรจุพระบรมธาตุ ณ เจดีย์เล็กๆ กลางช่องคูหากลางองค์พระปรางค์) มีงานฉลอง (งานวัดใหญ่) ในวันขึ้น 6 – 12 ค่ำเดือน 3
สุโขทัย

23.    วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.แก่งหลวง อ.ศรีสัชนาลัย (พระปรางค์สูง 1 เส้น)
24.    เจดีย์วัดช้างล้อม ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย สร้างสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พ.ศ. 1828 ภายในบรรจุพระบรมธาตุ มีช้างล้อมรอบ 36 เชือก
25.    วัดมหาธาตุ ต.เมืองเก่า (เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์) บรรจุพระบรมธาตุในดอกบัว
26.    วัดบูรพาราม ต.เมืองเก่า อ.เมือง มีพระบรมธาตุจากลังกาขนาดเท่าเมล็ดถั่วแตกสีดุจทองคำ องค์ขนาดกลางมีสีดั่งแก้วผลึก และดั่งสังข์ที่ขัดแล้วองค์เล็กขนาดเท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด สีดั่งดอกพิกุล
27.    วัดเขาพนมเพลิง อ.ศรีสัชนาลัย
28.    วัดเจดีย์เจ็ดแถว อ.ศรีสัชนาลัย
29.    วัดพิพัฒน์มงคล ม.9 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม 64150
30.    วัดเขาสุวรรณคีรี ต.แก่งหลวง อ.ศรีสัชนาลัย ภายในเมืองเก่า บนฝั่งขวาของแม่น้ำยมตรงแก่งหลวง ห่างยอดเขาพนมเพลิง 200 เมตรไปทางทิศตะวันตกมีเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุทรงระฆังคว่ำขนาดใหญ่ มีฐาน 5 ชั้นใน เขตอำเภอเมืองสุโขทัยมีเจดีย์ทรงลังกา สันนิษฐานว่าบรรจุพระบรมธาตุหลายแห่ง ได้แก่ วัดเจดีย์งาม วัดช้างรอบ วัดถ้ำหีบ วัดมังกร วัดป่ามะม่วง วัดตึก วันต้นจัน วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม วัดวิหารทอง (ทักษิณาราม) วัดอโศการาม (สลัดใด) วัดมุมลังกา วัดเจดีย์สูง วัดเกาะไม้แดง
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งตามตำนานการสร้างพระบรมธาตุกล่าวว่า
สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท ผู้ครองเมืองสุโขทัย ได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาบรรจุไว้ในถ้ำใต้ดินโดยขุดลงไปเป็นถ้ำแล้วก่อพระธาตุไว้

อุตรดิตถ์

31.    วัดพระบรมธาตุ (ทุ่งยั้ง) 158 บ.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล (เจดีย์สมัยพญาลิไท)
32.    วัดพระฝาง 48 บ.ฝาง ม.3 ต.ผาจุก อ.เมือง (บรรจุพระบรมธาตุไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช)
33.    วัดหน้าพระธาตุ บ.หน้าพระธาตุ ม.1 ต.ในเมือง อ.พิชัย 53120 พ.ศ. 2514 ขุดพบพระบรมธาตุขนาดเมล็ดพันธุ์ผักกาด 100 องค์ ในผอบทองคำทรงเจดีย์ ณ ซากเจดีย์เก่าซึ่งพระยาโคตรบองสร้างไว้ พ.ศ. 1470 ปัจจุบัน ได้สร้างพระเจดีย์ใหม่ซึ่ง ร.9 พระราชทานนามว่า “ปราสาทพระนวมะราชบพิตร” สูง 46 เมตร
34.    วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล
35.    วัดม่อนธาตุ อ.ลับแล
36.    พระธาตุกลางน้ำ อ.ท่าปลา
37.    พระธาตุเขาน้อย ริมทางหลวง 1025 จ.อุตรดิตถ์
เพชรบูรณ์

38.    วัดมหาธาตุ 17 ถ.นิกรบำรุง ต.ในเมือง อ.เมือง เจดีย์สร้างสมัยสุโขทัย สูง 18 วา
39.    สำนักสงฆ์ถ้ำพระพุทโธ บ.ซำอีเลิศ ม.2 ต.ท่าพล อ.เมือง มีพระประธานปางปฐมเทศนา สูง 9 เมตร บรรจุพระบรมธาตุ
40.    วัดพระธาตุตุมมณี อ.หล่มสัก
41.    พระบรมธาตุเขาค้อ บ.นาอั่ว อ.เขาค้อ
ชลบุรี

42.    สำนักวิปัสสนาพระธาตุเขาเจ้า ต.ธาตุทอง อ.บ่อทอง
43.    วัดญาณสังวราราม บ.มาบฟักทอง ม.11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง (พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์) และมีพระบรมธาตุบรรจุบนยอดมณฑปภายในฉัตรยอดมหามณฑปด้วย
44.    วัดพระธาตุ ต.หน้าพระธาตุ อ.พนัสนิคม
ตราด

45.    วัดบุปผาราม (วัดปลายคลอง) ออกไปทางทิศตะวันตกของอำเภอเมือง 2 ก.ม. (พระบรมธาตุได้จากเมืองร้างแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ) ต.วังกระแจะ อ.เมือง วัดอยู่บนเนินสูงชายตลิ่ง เป็นวัดเก่าแก่ มีพระบรมธาตุประดิษฐานในวิหาร

จาก :  หนังสือพระบรมธาตุ เขียนโดย : อ.บริภัทร
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2539
*ขอบคุณภาพประกอบทุกภาพจากอินเตอร์เน็ต




 

Create Date : 26 มีนาคม 2557    
Last Update : 26 มีนาคม 2557 17:59:24 น.
Counter : 1020 Pageviews.  

พระบรมธาตุในประเทศไทย ตอนที่ 1

 

พระบรมธาตุในประเทศไทย ตอนที่ 1
 

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว
เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325
 

กรุงเทพมหานครฯ

1.    วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
          -    พระศรีรัตนเจดีย์ (เจดีย์ทอง) ร.4 โปรดให้สร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุพระบรมธาตุ เสร็จสมัย ร.5 เป็นเจดีย์ ทรงลังกา สูง 40 เมตร
          -    พระแก้วมรกต บรรจุพระบรมธาตุ 7 ตำแหน่ง (พระโมฬี พระนลาฎ พระอุระ พระหัตถ์ 2 ข้าง พระชานุ 2 ข้าง)
          -    พระบรมธาตุบรรจุในพระเมาฬีพระรูป ร.1 และ ร.2 ในพระอุโบสถ
2.    วัดโพธิ์ พระมหาธาตุทรงปรางค์
3.    วัดมหาธาตุ ภายในพระมณฑปมีพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
4.    วัดราชบพิตร เจดีย์กลมบรรจุพระบรมธาตุไว้ที่ยอด
5.    วัดบวรนิเวศวิหาร เจดีย์ทองใหญ่
6.    วัดพระศรีมหาธาตุ เจดีย์บรรจุพระบรมธาตุซึ่งขุดพบจากมหาสถูปธรรมราชิกะ
7.    วัดสระเกศ ภูเขาทอง (พระบรมบรรพต) บรรจุพระบรมธาตุซึ่งได้จากกรุงกบิลพัสดุ์ สมัย ร.5
8.    วัดเครือวัลย์ เจดีย์ทรงลังกาฐานสี่เหลี่ยม
9.    วัดธรรมมงคล พระบรมธาตุจากลังกา (เป็นส่วนพระนลาฎ)
10.    วัดกระทุ่มราย 19 ถ.สุวินทวงศ์ ม.12 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจาก (เจดีย์กลางน้ำ)
11.    วัดหลักสี่ เจดีย์พระธาตุ
12.    วัดเทพนารี 807 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย (เจดีย์ใหญ่)
13.    วัดนิมมานนรดี 38 ถ.เพชรเกษม ม.15 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ (เจดีย์ พ.ศ.2417)
14.    วัดโสมนัสวรมหาวิหาร เจดีย์ลักษณะคล้ายพระปซมเจดีย์ สูง 55 เมตร
15.    วัดคูหาสวรรค์ หรือวัดศาลาสี่หน้า พระพุทธเทวปฏิมากรซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถ หน้าตัก 5 ศอกคืบ 4 นิ้ว ภายใน บรจุพระบรมธาตุ
16.    วัดธาตุทอง ระหว่างซอยสุขุมวิท 63 และ 65 มีพระพุทธเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ
17.    วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ใกล้พระบรมมหาราชวัง บรรจุพระบรมธาตุที่ยอดองค์พระเจดีย์
18.    วัดสุทัศน์เทพวราราม ถ.ดินสอ ใกล้เสาชิงช้า สมัย ร.3 พ.ศ. 2387 มีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุหล่อพระเจดีย์
19.    วัดบวรมงคล (วัดลิงขบ) ริมฝั่งขวาแม่น้ำเจ้าพระยา แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย กทม. มีเจดีย์ทรงไทย สูง 9.7 เมตร บรรจุพระบรมธาตุ
20.    วัดราชนัดดา ถ.มหาชัย เยื้องป้อมพระกาฬ เขตพระนคร พระบรมธาตุประดิษฐานอยู่ในบุษบก ณ มณฑปชั้นยอดสุดของโลหะปราสาท
21.    วัดปทุมวนาราม (วัดสระปทุม) เขตปทุมวัน บรรจุพระบรมธาตุ ณ เจดีย์ประธาน
22.    วัดมหรรณพาราม ถ.ตะนาว เยื้องศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร บรรจุพระบรมธาตุที่พระเจดีย์หลังอุโบสถ พ.ศ. 2403
23.    พระบรมสารีริกธาตุระย้ากินนร ณ พระที่นั่งจักพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง
24.    วัดใหม่พิเรนทร์ (วัดโพธิ์สามต้น) เขตบางกอกใหญ่ มีงานสรงน้ำพระธาตุ ปลายเดือน ม.ค. ถึง ต้นเดือน ก.พ.
25.    วัดนางชี เขตภาษีเจริญมีประเพณีชักพระทางน้ำอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานบนบุษบกเรือแห่ไปทางน้ำให้พุทธศาสนิกชนตั้งโต๊ะบูชาถวายสักการะ เป็นประเพณีสืบเนื่องมานานกว่า 200 ปีแล้ว กำหนดเอาข้างแรมของเดือน 12 (พ.ย.) เป็นวันแห่เรือชักพระ มีงานฉลองสมโภช 3 วัน 3 คืนทุกปี จำนวนพระบรมธาตุมี 30 กว่าองค์ (แต่ละปีมีเพิ่มมีลด อาจไม่เท่ากัน)
 
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง
ปรากฏตามตำนานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณ
ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

อยุธยา

26.    วัดวรนายกรังสรรค์เจดิยบรรพตาราม (วัดเขาดิน) ต.บางปะหัน อ.บางปะหัน (ทรงพม่า บูรณะสมัย ร.5)
27.    วัดสุวรรณดาราราม ต.หอรัตนไชย อ.เมือง (เจดีย์ใหญ่)
28.    วัดนิเวศธรรมประวัติ 60 ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน ร.5 บรรจุพระบรมธาตุในเจดีย์บนหอระฆังเบื้องหลังอุโบสถ พ.ศ. 2421
29.    วัดช่างเหล็ก 33 บ.ช่างเหล็ก ม.1 ต.ช่างเหล็ก อ.บางไทร
30.    วัดในบัว 2 ม. 9 ต.บ้านกระทุ่ม  อ.เสนา (เจดีย์ศรีเสนา พ.ศ. 2520 ได้พระบรมธาตุจากทุ่งลอ พะเยา)
31.    วัดพุทไธสวรรค์ 1518 บ.คลองพุทไธสวรรค์ ม.8 ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา (ปรางค์ 19 วา มีเจดีย์เรือนแก้วบรรจุพระบรมธาตุ)
32.    วัดสีกุก 35 ม.2 ต.น้ำเต้า อ.บางบาล (เจดีย์ 30 เมตร)
33.    วัดพระธาตุศรีรัตนาราม ต.บางพลี อ.บางไทร พระบรมธาตุจากลังกา (ทางหลวงปทุมธานี – เสนาฝั่งขวามือ)
34.    วัดบางนมโค อ.เสนา (เจดีย์พระธาตุประดับกระจกสี)
35.    วัดประดู่ทรงธรรม อ.พระนครศรีอยุธยา
36.    เจดีย์ศรีสุริโยทัย วัดสบสวรรค์ ต.สวนหลวง อ.พระนครศรีอยุธยา (บรรจุพระบรมธาตุในผอบทอง 223 องค์)
37.    วัดมหาธาตุ ขุดพบพระบรมธาตุ นำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ในอดีตเคยแสดงปาฏิหาริย์ต่อหน้าพระพักตร์พระราเมศวร มีลักษณะเหมือนเกล็ดพิมเสน สีขาวบริสุทธิ์เป็นรุ้งแพรวพราว มีขนาด 1 ใน 3 ของ เมล็ดข้าวสาร มีเจดีย์ซ้อน 8 ชั้น ก่อนถึงสถูปทองคำบรรจุพระธาตุเจดีย์แต่ละชั้นทำด้วยทอง แก้ว เงิน นาค ไม้สีดำ ไม้สีแดง
38.    วัดมเหยงคณ์ อ.พระนครศรีอยุธยา (เจดีย์เก่าด้านหน้า)

ชัยนาท

39.    วัดพระบรมธาตุ (วัดศรีธรรมิกราช) 106 ม.6 ต.ชัยนาท อ.เมือง ปากคลองแพรกศรีราช (แม่น้ำน้อยสร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ก่อด้วยศิลาแลงมีงานฉลองและปิดทองทุกวันเพ็ญเดือน 6)
40.    วัดมหาธาตุ หรือวัดศีรษะเมือง ริมแม่น้ำน้อยหลังตลาดสรรคบุรี ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ปัจจุบันหักพังเหลือความสูง 10 เมตร (เดิมสูง 1 เส้น หรือ 40 เมตร) วัดรอบฐาน 40 เมตร เป็นเจดีย์แบบละโว้ยอดกลีบมะเฟือง
 
พระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมก ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดป่าโมก ซึ่งมีชื่อเดิมว่า วัดตลาด
อยู่ที่อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง วัดป่าโมก เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง

อ่างทอง

41.    วัดเกศไชโย อ.ไชโย พระบรมธาตุที่เกศหลวงพ่อโต
42.    วัดต้นสน อ.เมือง มีพระเกศแก้วจุฬามณีบรรจุพระบรมธาตุ
43.    วัดป่าโมก อ.ป่าโมก บรรจุพระบรมธาตุ 36 องค์ในพระนอนซึ่งลอยน้ำมา เป็นพระลาวศักดิ์สิทธิ์พูดได้
44.    พระธาตุมหานาม ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย มีพระธาตุเจดีย์โบราณ และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากชื่อหลวงพ่อขาว มีงานนมัสการและปิดทององค์หลวงพ่อ ปลายเดือนมีนาคมทุกปี
45.    วัดท่าสุทธาวาส (วัดท่าสุวรรณภูมิ) ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฟากเดียวกับอยุธยา ต.บางเสด็จ อ.ป่าโมก เป็นวัดประจำพระองค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงวาดภาพนอุโบสถด้วยพระองค์เอง พระบรมธาตุที่ขุดพบ บรรจุอยู่ในโกศทองคำลงยาราชาวดีฝีมือละเอียดงดงามมาก

สิงห์บุรี

46.    วัดหน้าพระธาตุ ต.จักรสีห์ อ.เมือง เนินดินสูงมีพระปรางค์สูง 16 วา
47.    วัดกุฎีทอง ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี บรรจุพระบรมธาตุที่อัญเชิญจากดอยสุเทพ 16 องค์บนยอดองค์พระเจดีย์ พ.ศ. 2522 ต่อมา พ.ศ. 2532 เพิ่มเป็น 22 องค์
48.    วัดเขายายกะตา บ.เขายายกะตา ม.2 ต.ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล (เจดีย์)
49.    วัดถ้ำช้างเผือก ยอดเขาสมอคอน ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง มีเจดีย์พระธาตุบนยอดเขาด้านบนถ้ำช้างเผือก เป็นพระบรมธาตุที่มหาตมะคานธีถวายให้ เมื่อปี 2477 สร้างพระธาตุเสร็จ พ.ศ. 2480 และยังมีต้นโพธิ์ตรัสรู้จากต้นเดิมที่พุทธคยาด้วย
50.    หลวงพ่อใหญ่วัดจันทร์ศิรินิมิต อ.เมือง บรรจุพระบรมธาตุที่ยอดเศียร พ.ศ. 2536

สระบุรี

51.    วัดเขาแก้ว 1 ต. ต้นตาล อ.เสาไห้ (เจดีย์ 34 เมตร บรรจุพระบรมธาตุและพระธาตุสาวก)
52.    วัดปากบาง ม.3 ต.งิ้วงาม อ.เสาไห้ (เจดีย์สูง 37 เมตร)
53.    วัดอัมพวัน 19 บ.อัมพวัน ม.4 ต.ศาสลารีไทย อ.เสาไห้ (เจดีย์)
54.    วัดพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท มีเจดีย์หินอ่อนบรรจุพระบรมธาตุทางทิศ เหนือของมณฑปพระพุทธบาท ชื่อ “พระมกุฎภัณฑเจดีย์”

อุทัยธานี

55.    วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม หรือวัดทุ่งแก้ว 4 ถ. สุนทรสถิต ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง (พระปรางค์สูง 16 เมตร) ด้านเหนือพระปรางค์มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ เคยใช้ในพิธีบรมราชาภิเษก ร.6 และ ร.7
56.    วัดท่าซุง (จันทาราม) ต.น้ำซึม อ.เมือง

สุพรรณบุรี

57.    วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง สร้างสมัยพระมหาจักรพรรดิ ปรางค์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เคยแสดงปาฏิหาริย์ต่อหน้าสมเด็จพระนเรศวรและพระเอกาทศรถ
58.    วัดมหาธาตุสวนแตง หรือวัดพระธาตุนอก ต.ศาลายาว อ.เมือง 72210 สร้างสมัยพระมหาจักรพรรดิ ปรางค์บรรจุพระบรมธาตุเคยแสดงปาฏิหาริย์ต่อพระพักตร์สมเด็จพระเอกาทศรถ
 
วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อยู่ห่างจากเขื่อนแม่กลอง ประมาณ 5 กิโลเมตร ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนแม่กลอง
วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขามีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก
และยังมีอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา ข้างๆ มีเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท

กาญจนบุรี

59.    วัดวังวิเวการาม อ.สังขละบุรี (เจดีย์พระบรมธาตุ)
60.    วัดถ้ำเสื้อ อ.ท่าม่วง (พระบรมธาตุและพระธาตุสาวก) เข้าทางเขื่อนวชิราลงกรณ์
61.    วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ ตรงข้ามทางเข้าเขื่อนวชิราลงกรณ์ อ.ท่าม่วง (เจดีย์)
 

ปทุมธานี

62.    วัดเทียนถวาย 122 บ้านใหม่ ม.2 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง (พระธาตุที่มณฑป วัดนี้สร้างสมัยพระเจ้าอู่ทอง ร.5 เคยเสด็จชลมารคมาประทับแรมที่นี่)
63.    วัดสวนมะม่วง บ.สวนมะม่วง ม.4 ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก (เจดีย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา)
64.    วัดเจดีย์ทอง อ.สามโคก (เจดีย์)
65.    วัดสองพี่น้อง ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก
66.    วัดใหม่คลองเจ็ด ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา บรรจุพระบรมธาตุที่ได้จากสังฆราชลังกา ไว้ในเกศองค์พระประธานหน้าตัก 69 นิ้ว
68.    วัดตะวันเรือง ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง (ธาตุเจดีย์)
69.    วัดเจดีย์หอย ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว

นนทบุรี

70.    วัดโบสถ์บน (บางคูเวียง) อ.บางคูเวียง (อยู่ในโบสถ์เก่า ในผอบแก้ว)
71.    วัดเฉลิมพระเกียรติ ต.ศรีเมือง อ.เมือง สร้างสมัย ร.3 บรรจุพระบรมธาตุที่ยอดเจดีย์ พ.ศ. 2397
72.    วัดปรมัยยิกาวาส ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด บรรจุพระบรมธาตุที่พระมหารามัญเจดีย์ ลักษณะคล้ายด่านเจดีย์ 3 องค์
73.    วัดเขมาภิรตาราม ฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา อ.สวนใหญ่ ธาตุเจดีย์สูง 30 เมตร หลังพระอุโบสถบรรจุพระบรมธาตุ พ.ศ. 2496 มีงานฉลองในช่วงวันมาฆบูชา

---- โปรดติดตามตอนต่อไป ----
จาก :  หนังสือพระบรมธาตุ เขียนโดย : อ.บริภัทร
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2539
*ขอบคุณภาพประกอบทุกภาพจากอินเตอร์เน็ต




 

Create Date : 24 มีนาคม 2557    
Last Update : 24 มีนาคม 2557 17:45:14 น.
Counter : 2110 Pageviews.  

รับมือกับตัวป่วนที่ทำงาน

 

รับมือกับตัวป่วนที่ทำงาน
จากรายการทันโลก ทันธรรม ออกอากาศทางช่อง DMC
 
 


      คนในที่ทำงานถือว่าเป็นแหล่งรวมคนร้อยพ่อพันแม่นิสัยใจคอความชอบความคิดเห็นก็แตกต่างกัน ทำให้เราต้องปรับตัวกันมากและในที่ทำงานบางที่ ยังมีตัวป่วนประจำออฟฟิสให้เราอึดอัดปวดหัวอีก วันนี้รายการของเราก็มาพูดคุยกันในเรื่องของการรับมือกับตัวป่วน

       เชื่อว่าทุกคนก็คงจะเคย อยู่ออฟฟิสมาก่อน แล้วก็คงจะเคยเห็นตัวป่วนในออฟฟิส ฝรั่งเขาเรียกว่าเจิร์ค คือว่าในคนบางคนก็คือทำงานเก่งก็มีนะ บางคนทำงานเก่งมากเลยแต่ว่าชอบกวนชาวบ้านเขา

      เพราะฉะนั้นตัวป่วนในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเขามาทำให้ออฟฟิสเดือดร้อนแบบขาดผลงาน บางคนก็เป็นคนเก่งด้วย แต่บางครั้งความเก่งในที่ทำงานกับการที่สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมันคนละอันกัน คำว่าตัวป่วนในที่ทำงานในที่นี้คงจะหมายถึง บุคคลที่อาจจะทำงานดี แต่ชอบไปทำให้คนอื่นลำบากใจ ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกว่ารบกวนเขา นี่ล่ะครับที่เรียกว่าตัวป่วนซึ่งก็คงจะมีหลาย ๆ แบบด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ในที่ทำงาน ทำงานไปบางที คนทำงานก็ทำไปนะ แต่บางคนเอาแล้ว พอเจ้านายแว่บไปหน่อย ลุกขึ้นมาจับกลุ่มกันพูดคุยเมาส์กันเรื่องนู้นนี้ไม่เกี่ยวกับที่ทำงานเราแล้ว แล้วเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ  เดี๋ยวก็มีคนขาเมาส์มาแล้ว แจมกันใหญ่เลย อย่างนี้ใครทำงานอยู่ก็เสียสมาธิ(Meditation)

      หรืออีกประเภทหนึ่ง คือ เป็นคนที่ชอบปล่อยข่าวลือ บางครั้งก็ไม่เป็นผลดีต่อองค์กรไม่เป็นผลดีต่อบุคคล บางทีก็จิกกัดชาวบ้านเขา หรือบางทีก็ปล่อยข่าว ลือป่วนองค์กรเลย บอกว่าตรงโน้นตรงนี้ความไม่ยุติธรรมอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ก็ส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานเสียไปได้เหมือนกัน

      บางคนที่เขาเป็นคนชอบคุยเสียงดัง โดยนิสัยเขาเป็นคนชอบคุยเสียงดัง เจ้าตัวก็ไม่รู้ แล้วเผอิญบางครั้งการคุยเสียงดังโดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุยโทรศัพท์ตัวเองก็จะไปรบกวนผู้อื่นในที่ทำงานได้ คือต้องแชร์ใช้พื้นที่ร่วมกัน หรือว่าบางคนชอบใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นรุนแรง กลิ่นฉุนจัดอย่างนี้ เข้ามาที เรียกว่าฟุ้งไปทั่ว ทั้งออฟฟิสเลยก็มี ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้มันไปดึงดูดความสนใจของงานที่อยู่ตรงหน้าออกไป ทำให้เสียสมาธิไปเลย

      โดยภาพรวมแล้ว เราก็คงจะต้องมีวิธีที่ฉลาดในการทำงานในออฟฟิส คือตัวเราจะต้องมีไหวพริบปฏิภาณที่ดี แล้วก็อยู่ร่วมกับคนอื่นซึ่งเป็นตัวป่วนได้อย่างไร วันนี้ยกมาให้สัก 20 ข้อ

    อันแรกคือเราจะต้องรู้วิธีเปลี่ยนสถานการณ์จากการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นความต้องการที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะบอกว่างานชิ้นนี้เมื่อไรจะเสร็จ ต้องบอกว่า วันจันทร์หน้าจะเอาไปพรีเซนท์ให้ลูกค้านะ ถ้าเกิดเสร็จไม่ทันก็คือไม่ได้ใช้ อย่างนี้เป็นต้น เป็นการหักมุมไปนิดหนึ่ง

      ข้อที่สอง เราต้องไปโฟกัสที่ตัวผลลัพท์ บางครั้งรายละเอียดความคิดเห็นมันไม่เหมือนกันนะครับ เวลาคนมองก็คือมองคนละแบบ ถ้าเรามัวแต่ไปทะเลาะกันหรือว่าไปถกเถียงกันในประเด็นที่เป็นรายละเอียด บางครั้งก็จะลืมไปว่าเราอยากได้อะไร องค์กรต้องการอะไร เพราะฉะนั้นให้เราโฟกัสไปที่ผลลัพท์ แล้วก็ทุกอย่างทำไปเพื่อให้ได้ผลลัพท์ ตรงนั้นแล้วก็ให้โฟกัสตรงนั้นเป็นหลัก แต่ไม่ใช่เพื่อเถียงกัน เจาะประเด็นเข้าไปแล้วมันก็แตกประเด็นไปอย่างอื่น สุดท้ายก็ลืมไปเลย จริง ๆ แล้วเราต้องการอะไรกันแน่ องค์กรต้องการอะไร
 


      ข้อที่สามถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้คุยตรงเลย คุยตรงหมายความว่าเราเดินไปหาคนนั้นแล้วนั่งคุยกันต่อหน้าเลย หรือยกโทรศัพท์คุยกันตอนนั้นเลยอย่าไปผ่านคนอื่น อย่าไปส่งอีเมล์ เรื่องสำคัญ ๆ เรื่องที่อาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ ส่งอีเมล์ไปบางคนนะครับ ส่งอีเมล์ไปเสร็จ ก๊อปปี้ให้คนโน้นคนนี้เกิดความเข้าใจผิดกันแท้ ๆ เรื่องเล็ก ๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที เพราะฉะนั้นมีอะไรโทรหากันดีกว่าเคลียร์กัน อ๋อ เรื่องนี้ โอเค จบเรียบร้อย ทุกอย่าง  ทุกคนอยู่บนหน้าจอกันหมดลืมไปว่าจริง ๆแล้วเรายังคุยกันได้อยู่นะ แค่เดินไปคุย

      ข้อที่สี่ทุกอย่างที่เราจะไปนำเสนอหรือว่าเราจะไปคุยกับใครก็ตาม จะทั้งตัวป่วนตัวดีหรืออะไรแล้วแต่นะครับเราต้องมีบทสรุปในใจเพราะเวลาคุยกันไปคุยกันมา ประเด็นมันแตกนะครับ พอประเด็นมันแตกแล้วลืมไปว่าจริง ๆ แล้วบทสรุปของเรื่องนั้นคืออะไร เพราะฉะนั้นเวลาเราพูดอะไรเราพูดบทสรุปไปเลย เช่นบอกว่าอ๋อประเด็นนี้มันคืออย่างนี้ ต้องทำตรงนี้ เพราะว่ามันคืออย่างนี้ ๆ พูดง่าย ๆ คือประเด็นเราต้องเขียนไว้ชัดเจนอยู่ในใจ

       ข้อที่ห้า ก็คือว่า ในการคุยโดยเฉพาะคุยกับตัวป่วนนะครับสำคัญสุดเลยคือไหวพริบ เราต้องมีไหวพริบแสดงออกให้เขาเห็นก็ได้นะครับว่าเรายุ่งมากไม่มีเวลามานั่งต่อล้อต่อเถียง มีงานเข้ามาเยอะแยะ ต้องคุยต้องทำเรื่องนี้ต้องอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ แล้วเวลาพูดคุยทักทายอาจจะใช้คำพูดว่าสวัสดี คือจบ เราต้องพยายามจำกัด เรียกว่าไม่ให้มีประเด็นออกไปต่อนะครับ ไม่หยอดประเด็น

      ข้อที่หก เราต้องจับประเด็นให้ดีนะครับประเด็นต้องให้ชัดเจน จดให้ชัดเลยว่าวันนี้เราจะคุยอะไรจดใส่กระดาษไปเลย เวลาคุย มันแตกออกไปหลายทางก็ตบกลับ อันที่สองคืออย่าตื่นเต้น พยายามทำใจให้นิ่งแล้วสุดท้าย สาม พรีเซนท์งานนำ เสนองานแล้วพูดคุยแบบมืออาชีพนะครับ คือไม่ตื่นเต้นตกใจเวลาพูดอะไรออกมามีข้อมูลรองรับชัดเจน เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่จะไปพูดคุยเตรียมทำการบ้านให้ดีอย่าไปโดยที่เราไม่พร้อม ถ้าวันนั้นเรายังไม่พร้อมขอเลื่อนไปก่อน บอกว่ามีข้อมูลที่ต้องรอการวิเคราะห์ หรือว่ามีข้อมูลที่เราจะต้องหาเพิ่ม ถ้าพร้อมถึงจะคุยไม่พร้อมไม่คุยไม่งั้นคือเสียเปล่าเสียเวลาด้วย

      ข้อที่เจ็ดเราต้องเลิกบ่น ต่อไปนี้อะไรเกิดขึ้นคือเราหยุดบ่น พร่ำบ่นนะครับ มองปัญหาว่าเกิดจากอะไร วิเคราะห์ให้ชัดเจนแล้วแก้ให้ตรงจุด มุ่งไปที่เหตุที่เกิดของปัญหานั้น มันเริ่มต้นมาจากอะไรมันมีเหตุอะไรแล้วก็แก้ไขที่เหตุนะครับอย่าไปพร่ำบ่นว่าทำไมอย่างนั้นทำไมอย่างนี้

     ข้อที่แปด ก็คือต้องระงับความโกรธเอาไว้ เพราะฉะนั้นการใช้เสียงอะไรต่าง ๆ เหล่านี้นะครับ เรียกว่าจะต้องข่มอารมณ์โกรธคืออย่าไปแสดงออกด้วยกิริยาท่าทางวาจาตลอดจนน้ำเสียง คือเราต้องรักษาใจให้นิ่งนั่นเองครับ

      ข้อที่เก้าแม้ว่ามีเรื่องอะไรฟีดแบ๊คมา อย่าคิดว่าโดนจับผิด  เพราะพอจับผิดปุ๊บใจเราจะสั่นครับ พอใจสั่นเสียงมันก็จะสั่น สั่น แสดงออกไปด้วยพารานอยด์ วิตกกังวลนู่นนี่นั่น ถ้ามีอะไรฟีดแบ๊คกลับมาถือว่าเป็นการแก้ไขในจุดที่เราอาจจะมองไม่ครบรอบด้านนะครับ แล้ววิเคราะห์ตรงนั้นแล้วยอมรับว่าโอเคตรงนี้ เราจะเอากลับไปปรับปรุงแก้ไขอย่างไร อย่าคิดว่ากำลังถูกจับผิดอยู่

      ข้อที่สิบก็คือประเด็นจะต้องชัดเจนเวลา เจอแย้งมา เจอตู้มา เราดึงกลับเลยครับ ถ้ามันอยู่นอกประเด็นเราดึงกลับเลย ประเด็นที่แท้จริงในวันนี้ เรามีข้อสรุปเรื่องนี้ ชัดเจนอย่างนี้นะครับ ไม่อย่างนั้นจะถูกลากไปนะครับ เหมือนน้ำที่อยู่บนโต๊ะครับจะลากไปลงตรงไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องชัดเจนว่าเราจะมาทางนี้ ถ้าใครแย้งไปทางอื่นไม่ได้ เราดูประเด็นเสร็จ อ๊ะไม่ใช่เรา ต้องให้ประเด็นชัดเจน

      ข้อที่สิบเอ็ด งานต่าง ๆ ที่ทำอยู่ให้แจกแจงให้มันเป็นระบบนะครับ แจกแจงเนื้องานให้เป็นระบบไม่ให้เกิดการโอเวอร์แล๊บหรือข้ามเส้นกันหรือทับกันหรือว่าเกิดการซ้ำซ้อน พอเราแจกแจงเป็นระบบแล้วมันจะชัดเจนตรงนั้น และมีคู่มือในการทำงานเหมือนจะเดินทางนะครับ มันต้องจากกรุงเทพฯ ไป เชียงใหม่ มันต้องผ่านใครบ้าง ผ่านพิจิตรไหม ผ่านพิษณุโลกไหม ผ่านเชียงรายไหมอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ก็วางไว้ให้เป็นระบบชัดเจนนะครับ มีทางเลือกคือถ้าไปทางนี้ไม่ได้ ไปทางอื่นได้ไหม พอมีระบบตรงนี้ชัดเจน มันเหมือนเป็นโรดแม๊บเป็นคู่มือที่เราจะไปให้ถึงง่าย ๆ นะครับ

      ข้อที่สิบสอง ถ้ามีขาวีนอยู่ในที่ทำงานก็มีวิธีที่ดีในการจัดการกับขาวีน ต้องตอบเขาไปอย่างชัด ๆ ว่า เราต้องการมืออาชีพ
    
      ข้อที่สิบสาม เลือกคำพูดแล้วก็เลือกน้ำเสียง อย่างเช่นพอมี คนมาป่วนให้เรามาหงุดหงิดใจนะครับ ถามเขาไปตรง ๆ เลยนะครับว่ามีเรื่องอะไรไหม หรือมีเหตุผลอะไรไหม

      ข้อที่สิบสี่ เวลาที่เราต้องการจะบอกใครในเรื่องของบุคลิกภาพของเขาหรืองานของเขาเราอย่าคลุมเคลือครับ บอกไปตรง ๆ เลยว่าอันนี้เป็นอย่างนี้นะ

      ข้อที่สิบห้า คือเลิกซุบซิบนินทากัน  

        ข้อที่สิบหก  คือเราต้องรักษาระยะห่างนะครับ จริง ๆ อยู่นะครับในที่ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ทุกคนจะต้องมีชีวิตส่วนตัว เพราะฉะนั้นที่บ้านก็คือชีวิตส่วนตัวของเราสิ่งไหนที่เราไม่ควรจะเอาไปทับซ้อนกัน ชีวิตที่บ้านกับชีวิตที่ทำงานเราต้องรักษาระยะห่างให้ดีคือหมายถึงว่า เราไม่ควรที่จะเอาการทำงานเป็นทั้งหมดของชีวิต Keep distance life กับทุกคนที่เราติดต่อสื่อสารด้วยให้มีระยะห่างกันอย่างเหมาะสมไม่ใช่ว่าคลุกคลีตีโมงกันมากเกินไป

      ข้อที่สิบเจ็ด ก็คือว่า ใช้เรื่องเบา ๆ ในการผูกมิตรกัน เช่น วันนี้เสื้อผ้าสีสวยดี ลูกเป็นอย่างไรบ้าง คือ เรื่องราวอะไรที่เป็นเรื่องเบา ๆ เพื่อผูกมิตรกับคนใหม่ หรือคนที่เรา อยู่กันมาแต่ไม่เคยทักกันเลย

      ข้อที่สิบแปด ควบคุมอารมณ์นะครับ ก็คือพยายามอย่าส่งเสียงแหลมหรือว่าเวลามีเรื่องอะไรพยายามใช้โทนเสียงที่เป็นปกติ คือควบคุมตรงนั้นให้ได้ก่อน  ให้ใจมันนิ่งก่อน เวลาได้รับอะไรมา  กระทบจิตใจเรา  อย่าเพิ่งตุ้มออกไปนะครับให้จิตนิ่งสบายใจก่อนนึกถึงอะไรก็ได้ให้สบายใจแล้วค่อยพูด พูดด้วยความสบายใจนั่นเอง

     ข้อที่สิบเก้า ถ้าจะวิจารณ์นะครับ  ให้วิจารณ์เฉพาะในด้านดี ลองบ้าง ลองวิจารณ์ในด้านดีบ้าง คือคนเรามันรู้แล้วล่ะ ว่าเรื่องนี้จะต้องวิพากษ์วิจารณ์เสียหน่อย แต่เราลองยกประเด็นดี ๆ มาหน่อย จริง ๆ แล้วการทำงานชิ้นนี้มันมีจุดดี ตรงนี้ถือเป็นจุดแข็งเลย วิจารณ์ด้านดีดูบ้างนะครับ

     ข้อยี่สิบ ก็คือตัวเราเองต้องเปิดใจกว้างนะครับไม่ว่าจะได้รับเสียงชมเสียงบ่น ได้รับการที่ใครมาป่วนเรา หรืออะไรต่าง ๆ เหล่านี้ สุดท้ายแล้วก็คือว่าเราต้องลองเปิดใจให้กว้างดูแล้วดูสิว่าเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร
 

ส่วนของทันธรรมพระอาจารย์พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ  ท่านจะมีข้อแนะนำไว้ว่า....

      เจริญพร วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการรับมือกับตัวป่วนในที่ทำงานคิดว่าทุกคนก็คงมีประสบการณ์เจอทั้งนั้น  ว่าในสังคมชุมชนที่เราเองอยู่  บางทีก็มีตัวป่วนเกิดขึ้นไม่ว่าสมัยเรียนหนังสือแต่ละห้องก็มีคนเฮี้ยว ๆ อยู่นะ เพื่อน เฮี้ยว ๆ พอจบไปทำงานก็มักจะเจอเพื่อนร่วมงานประเภทที่ว่าแต่ละคนก็มีสไตล์หลากหลายกันไป  บางทีเราเองก็ขัดอกขัดใจบ้างก็มีเหมือนกัน ถามว่าเราจะรับมือกับกรณีเหล่านั้นได้อย่างไรเอ่ย ก่อนอื่นนะให้เราต้องยอมรับธรรมชาติความจริงอย่างหนึ่งว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบแต่ละคนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง เราลองเช็คดูดี ๆ เถิดที่ว่าเราดี ๆ นี่นะ ในสายตาของบางคนเราเป็นตัวป่วนบ้างหรือเปล่า  คำว่ารับมือกับตัวป่วนไม่ใช่รับมือกับคนอื่นเขาอย่างเดียวนะ  จะต้องเช็คตัวเองดี ๆ ว่าแล้วเราล่ะทำความหงุดหงิด รำคาญใจให้กับเขาหรือเปล่า  เพราะคำว่าป่วนไม่ใช่หมายถึงไปเอะอะอาละวาดเป็นอันธพาลอย่างเดียวแต่บางทีแค่ว่าทำงานไปแล้วเราตามเพื่อนเขาไม่ทันบ้างหรือว่ามีสไตล์เฉพาะตัวเองบ้าง  ชอบปลีกวิเวกคนเดียวไม่ค่อยเข้าหมู่เข้าพวกอะไรแบบนี้เป็นต้น มันก็ทำให้เกิดการอึดอัดคับข้องในความรู้สึกของคนอื่นได้ทั้งนั้นแหละ พอมองเข้าใจอย่างนี้แล้ว  ใจเราจะเปิดกว้างขึ้น 
 
     มีเรื่องหนึ่งที่เราสามารถมาเทียบเคียงกันได้ พวกเราคงเคยได้ยินชื่อหมอชีวกโกมารภัฎ  ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นหมอที่เก่งที่สุด แพทย์แผนไทยจะต้องมีรูปปั้นหมอชีวกโกมารภัฎไว้เคารพบูชาแล้วเป็นแพทย์ประจำพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่าเก่งที่สุดในยุคพุทธกาล โดยแต่เดิมเมื่อท่านไปฝึกวิชาแพทย์ที่ตักศิลากับอาจารย์  เรียนอยู่ 7 ปี วิธีการพิสูจน์ว่าจบหลักสูตรหรือยัง คืออาจารย์ก็เอาเสียมไปให้เล่มหนึ่ง บอกว่าให้ไปเดินในรัศมีหนึ่งโยชน์ 16 กิโลเมตร รอบเมืองตักศิลาเจอต้นหมากรากไม้ต้นหญ้าต้นไม้ใหญ่ไม้เล็กไม้ใหญ่สารพัดอย่างอะไรที่ไม่ใช่ยาก็ช่วยขุดมาด้วยมาให้อาจารย์ดู หมอชีวกไปเดินจนรอบหนึ่งโยชน์เลยนะปรากฏว่าไปหาอาจารย์มือเปล่า บอกอาจารย์ครับไม่เจอเลยครับคือต้นหมากรากไม้ต้นเล็กต้นใหญ่ทุกต้น ก็เห็นว่าต้นนั้นทำยานี้ได้ต้นนี้ทำยานั้นได้สรุปคือไม้ทุกชนิดที่หมอชีวกโกมารภัฎเห็นเขามองเห็นว่าเป็นยาได้หมดเลยในหลากหลายรูปแบบ
 
     อาจารย์ก็บอก ชีวกเธอจบหลักสูตรแล้วแสดงว่าเรียนจบแล้ว  อันนี้น่าคิดไม้บางอย่างเราเห็นต้นหญ้ามันก็เป็นวัชพืชใช่ไหม  วัชพืชในสายตาของคนอื่น  แต่ในสายตาของหมอชีวกปรากฎว่าวัชพืชชนิดนี้เอาไปรักษาโรคนั้นได้ชนิดนี้ไปรักษาโรคนั้นได้ คนที่เป็นหัวหน้างานที่เก่งจะต้องรู้จักค่าของคน มองออกว่าลูกน้องแต่ละคนเขามีจุดเด่นอยู่ตรงไหน บางคนดูเฮี้ยว ๆ มีข้ออ่อนตรงนี้ แต่เขามีข้อเด่นตรงโน้นนะถ้าหยิบจุดเด่นเขามาใช้ถูกแล้วล่ะก้อ เขาก็จะสร้างประโยชน์ให้เราได้เพราะฉะนั้นต้นหมากรากไม้เป็นพันเป็นหมื่นชนิดได้หมดทุกชนิดเลย  แล้วคนเราเหนือกว่าต้นไม้ตั้งเยอะ ทำไมจะใช้ประโยชน์ไม่ได้
 
       เพราะฉะนั้นเราต้องมองอย่างนี้ใจเราจะได้เปิดกว้างขึ้น แล้วก็มีโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโวท่านให้ข้อคิดไว้น่าคิดทีเดียวนะ ท่านบอกสังเกตหรือเปล่าก้อนหินในลำธารมันจะสะอาด เราหยิบขึ้นมาจากลำธารหินมันจะสะอาดนะแล้วก็กลม ๆ เกลี้ยง ๆ แต่ถ้าเป็นก้อนหินบนบกล่ะก้อ มันมีเหลี่ยมมีคม แล้วไม่ค่อยสะอาดหรอก  ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นก็เพราะก้อนหินในลำธารจะถูกน้ำซัดเซาะไป มันก็ไปกระทบกระแทกกันขูดกันไปข่วนกันมา ไอ้ที่เป็นเหลี่ยมเป็นคมมันก็ค่อย ๆ เกลี้ยง ๆ  ๆ ๆ แล้วของสกปรกก็ถูกน้ำพาไป คนเราก็เหมือนกัน ถ้าเกิดอยู่ตัวใครตัวมัน บางทีเหลี่ยมคมของเราเองเราไม่รู้สึกนะ เรานึกว่าเราเองปกติ แต่ความปกติของเราเองมันไม่ปกติ ในสายตาคนอื่นเขาก็มี แต่พออยู่ด้วยกันแล้วมีเรื่องที่จะกระทบกระทั่งกันบ้าง อด ๆ ทน ๆ กันบ้างเรียนรู้ซึ่งกันและกันบ้างค่อย ๆ ปรับตัว สุดท้ายแล้วเท่ากับเป็นการลบเหลี่ยมลบคมของเราเองให้กลมเกลี้ยงแล้วก็อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุกเพราะฉะนั้นต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนมีข้อดีแล้วก็ข้อด้อย
 
 
     ขณะเดียวกันเราเองก็ต้องอดทนต่อสิ่งเหล่านั้นให้ได้ เพราะชีวิตมนุษย์เราจะไปหาความสมบูรณ์พร้อมจากใครคงไม่ได้ ถ้าหากจะมีล่ะก็ ตั้งใจฝึกตัวเองให้สมบูรณ์พร้อมสิ อย่างนี้จะเข้าท่ามาก ๆ เลย มีตัวอย่างวิธีการบริหารจัดการคนที่เป็นตัวป่วนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดูว่าพระพุทธเจ้าใช้วิธีการอย่างไร คือพระองค์ใช้การวางกรอบพระวินัยเริ่มต้น ต้นพุทธกาล ผู้ที่มาบวชมาด้วยความศรัทธามีบารมีแก่กล้าส่วนใหญ่บวชแล้วปฏิบัติธรรมเป็นพระอรหันต์ทั้งนั้นไม่จำเป็นต้องบัญญัติพระวินัย ทุกคนที่มาเมื่อเป็นพระอรหันต์มันก็จบ รู้ว่าอะไรควรไม่ควรอยู่แล้ว แต่ต่อมาพวกที่บวชเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นๆ แล้วไม่ได้เป็นพระอริยบุคคลก็มีเป็นสมมติสงฆ์ก็มี  มีผู้ที่ไปทำไม่ถูกต้องเข้าแต่ละเรื่องทำเข้าแล้วก็มีเสียงโจษจรรย์กันอึงคนึงอย่างเป็นพระวินัยข้อแรกนะ พระสุทินมีศรัทธาออกบวช แต่กลับมาเยี่ยมบ้าน โยมที่บ้านบอกว่าท่านจะบวชก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอสืบเชื้อสายไว้หน่อยไว้สืบสมบัติต่อไป เอ๊ะพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามไว้นี่นะ เพราะตอนนั้นยังไม่มีพระวินัยเลยนะ ท่านก็เลยไปสืบเชื้อสายให้กับภรรยาเก่า โอ้โฮทั้งมนุษย์ทั้งเทวดาโจษกันอึงคะนึงเลย เรื่องรู้ถึงพระพุทธเจ้าพระองค์จึงประชุมสงฆ์ตำหนิบัญญัติพระวินัยข้อแรกคือพระภิกษุห้ามเสพมาถุนใครไปทำเข้าถือว่าอาบัติปาราชิกต้องขาดจากความเป็นพระทันทีอย่างนี้เป็นต้นพูดง่าย ๆ ว่าพระวินัยแต่ละข้อเกิดขึ้นมาเพราะพุทธบัญญัติคือมีเหตุเกิด
 
     วิธีการพระพุทธเจ้าคือจัดประชุมสงฆ์ทั้งหมดที่อยุ่ในที่นั้น ๆ แล้วก็ตามทั้งบุคคลที่เป็นต้นเหตุด้วย บุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วถามต่อหน้าสงฆ์ทั้งหมดว่าจริงไม่จริงประการใด เมื่อซักไซ้ไล่เรียงได้ความชัดแล้วพระองค์ก็จะบัญญัติพระวินัยที่เหมาะสมพร้อมระบุว่าถ้าใครไปทำผิดเข้าอีกจะมีโทษอย่างไรหนักสุดก็ปาราชิกขาดจากความเป็นพระทันที เทียบทางโลกเหมือนโทษประหาร รองลงมาอาบัติสังฆาทิเสก เทียบทางโลกก็เหมือนโทษจำคุก แล้วรองลงมาเป็นอาบัติปาจิตตี ที่ว่าปลงอาบัติแล้วหาย บางอย่างก็ต้องมีการสละของบ้าง เช่นว่าถ้าเป็นอาบัติเกี่ยวกับเรื่องบาตรไปทำบาตรไม่ถูกต้องไปทำจีวรไม่ถูกต้องปลงอาบัติแล้วก็ต้องสละสิ่งเหล่านั้นออกไปถึงจะพ้นจากอาบัติอย่างนี้เป็นต้น แล้วพอหลังจากนั้นใครไปทำผิดตามนี้ต้องถือตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้าพระองค์บัญญัติเอาไว้แต่ถ้าใครไปทำผิดในเรื่องที่พระพุทธเจ้ายังไม่เคยบัญญัติไว้ ท่านถือว่าบุคคลผู้นั้นยังไม่ต้องโทษนะ เป็นอาทิกัมมิกะ คือเป็นบุคคลต้นบัญญัติ รอด อย่างพระสุทิน ไม่ได้ปาราชิกนะ เพราะว่าตอนที่ท่านไปทำ ยังไม่มีพระวินัยห้ามเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าพระองค์แฟร์มากเลยนะ คือถ้ามีพระวินัยบัญญัติไว้แล้ว ทำปั๊บพอขาดต้องผิด แต่ถ้ายังไม่ได้บัญญัติเอาไว้ระเบียบยังไม่มีก็ถือว่ารอด ถือว่าขาดสามัญสำนึกไม่รุ้ว่าอะไรควรไม่ควรพระองค์ก็จะตำหนิ
 
     ดูก่อนภิกษุผู้เป็นโมฆะบุรุษ แล้วพระองค์ก็จะทรงตำหนิเสร็จแล้วก็ทรงบัญญัติพระวินัยให้สงฆ์ทั้งหลายรับรู้รับทราบจากนี้ไปอย่าไปทำอย่างนี้อีกนะ ทำแล้วก็ผิดอย่างนี้ทีเดียว พระองค์ไม่ได้ปล่อยปละละเลยเกิดเหตุอะไรขึ้นก็จะเรียกประชุมสงฆ์สอบถามแล้วก็บัญญัติพระวินัยขึ้นมาเป็นข้อ ๆ ๆ ๆ แล้วพระ บางองค์ต้องบอกว่ามีความสามารถในการแฉลบพอสมควรเลยนะ สังฆาทิเสสครึ่งหนึ่งมาจากพระอุทายี ห้ามอย่างนี้ก็แฉลบไปอย่างโน้น พอพระองค์บัญญัติพระวินัยเพิ่ม ห้ามอีกก็แฉลบไปอีก แฉลบไปแฉลบมาหรือว่าภิกษุฉัพพะคี มี กลุ่ม 6 มีพวก 6 รูปเข้ากลุ่มกัน คนเราก็มีพวกมีแก๊ง มีเพาเวอร์ทีเดียวนะก็ไปทำอะไรผิดไว้เยอะแล้วพระพุทธเจ้าก็บัญญัติพระวินัยขึ้น แต่พระเหล่านี้ก็เก่งนะพอพระพุทธเจ้าบัญญัติพระวินัยแล้ว บางท่านก็จะไม่ทำอีกแต่จะไปหาทางทำอย่างอื่นต่อไป เรียกว่าทำให้ปวดหัวพอสมควร ไปดูในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าอดทนมากนะ ไม่ใช่ก่อเรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกตัดขาดไปเลย  เปล่า ทุกอย่างว่าตามพระวินัย ถ้ามองในแง่มุมหนึ่ง ภิกษุที่เฮี้ยว ๆ เหล่านี้ก็ถือว่ามีข้อดีเหมือนกัน คือทำให้เกิดพระวินัยขึ้นมาเป็นกรอบร้อยรัดหมู่คณะ หมู่สงฆ์ในภายหลังให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรอะไรถูกอะไรผิด มีพระวินัยบัญญัติไว้ชัดถ้าครั้งพุทธกาลไม่มีพระภิกษุเฮี้ยว ๆ อย่างนี้เลยนะไม่มีพระวินัยเลยสักข้อเดียวแล้วนี่ ก็ยังไม่รู้พระภิกษุในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรบ้าง เราก็ไม่มีกรอบพระวินัย 227 ข้อเอาไว้เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ
 
 
     เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าในเสียก็มีดีในดีก็มีเสียให้เรามองทุกอย่างด้วยความเข้าใจเท่านั้นเองแล้วก็อย่าลืมย้อนมาดูตัวเองเยอะ ๆ ว่าคนอื่นเขาจะอย่างไรก็ยังเป็นส่วนหนึ่งนะ แต่สำคัญที่สุดสำรวจตัวเองดูให้ดี ๆ เถิด ไม่ใช่ไปนั่งมองว่าเราจะรับมือตัวป่วนในออฟฟิส ป่วน ขณะเดียวกันไปแอบสอบถาม ปรากฏว่าเพื่อนคนอื่นในออฟฟิสหาว่าเราเป็นตัวป่วน ปวดหัวน่าดูคนนี้มันไม่เข้าท่า เป็นอย่างนั้นไปก็แย่ทีเดียว ท่านผูกโครงโลกนิติไว้สอนใจว่า
 
"โทษท่านผู้อื่นเพี้ยงเมล็ดงา ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น โทษตนเท่าภูผาหนักยิ่ง ป้องปิดคิดซ่อนเร้นเรื่องร้ายหายสูญ"
 
     เราอย่าให้เป็นอย่างนั้นนะ จับผิดตัวเองเยอะ ๆ ปรับปรุงพัฒนาตนเองมาก ๆ แล้วก็มองทุกคนรอบข้างด้วยความเข้าใจ
 
     ถ้าเราเป็นหัวหน้างานก็จะสามารถวางระบบระเบียบในที่ทำงานได้อย่างดีสามารถกลั่นกรองสมาชิกใหม่ที่จะมาช่วยงานเราเองได้อย่างดีแล้วเมื่อเราเองมีหลักในการดูแลการบริหารคนอย่างดี เราจะรวมคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยเราได้เยอะแล้วใครก็ตามที่สามารถรวมหมู่รวมคณะรวมทีมผู้ที่มีความรู้ความสามารถผู้ที่มีคุณธรรมมาได้มาก คนนั้นจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เราไปดูเถอะมหาเศรษฐีใหญ่เจ้าของกิจการใหญ่ผู้บริหารใหญ่ประสบความสำเร็จได้เพราะเขามีทีมงานทั้งนั้นแหละต้องมีทีม แต่เราจะมีทีมได้เราก็ต้องบริหารทีมเป็นรวมใจคนได้
 
      เพราะฉะนั้น เช็คสำรวจตัวเองให้ดีไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานภาพเป็นเพื่อนร่วมงานกันหรือเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับชั้นต่าง ๆ หรือเป็นเจ้าของกิจการก็ตาม ก็มีหลักอยู่ว่ามองทุกคนด้วยความเข้าใจเห็นข้อดีข้อเสียเขาชัดแล้วก็มองตัวเองชัดเห็นข้อบกพร่องตัวเองชัดเจนด้วยเช่นเดียวกันแล้วช่วยกันวางกรอบวางวินัยของหมู่คณะให้ดี ประคับประคองกันไปมองทุกคนด้วยจิตที่เมตตาไม่ไปหงุดหงิดหมั่นไส้เขาก่อน พออย่างนี้ล่ะก้อเราก็จะประคับประคองเดินไปด้วยกันได้จนกว่าจะถึงฝั่งคือเป้าหมายปลายทางในที่สุด เจริญพร




 

Create Date : 21 มีนาคม 2557    
Last Update : 21 มีนาคม 2557 17:05:41 น.
Counter : 1394 Pageviews.  

Sharing Loving Kindness การแผ่เมตตา

 

Sharing Loving Kindness การแผ่เมตตา

 We can explain the objective of Sharing Loving Kindness easily; The sharing of loving kindness is something we do every day, both before and after daily meditation. แปลว่า การแผ่เมตตาเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ทุกวันทั้งก่อนและหลังนั่งสมาธิ(Meditation

Sharing Loving Kindness 
แปลว่า การแผ่เมตตา

The benefits of sharing loving kindness everyday includes radiating happy feelings when we are awake and asleep. We will be rid of anger and we will be positive thinkers. 
แปลว่า ประโยชน์ของการแผ่เมตตาทุกๆ วันนั้นรวมในเรื่องของการส่งผ่านตลื่นความสุขทั้งเวลาที่เราตื่น และหลับและยังช่วยขจัดความโกรธ และทำให้เป็นผู้ที่คิดบวกด้วย 

Radiate 
แปลว่า การแผ่รังสี. การแสดงความรู้สึก 
Positive Thinking แปลว่า การคิดบวก

The sharing of loving kindness as such helps us improve our meditation experience and spreads the purity of our peaceful minds around ourselves and subsequently towards others. 
แปลว่า การแผ่เมตตายังช่วยให้เราพัฒนาผลการปฏิบัติธรรมได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นการแผ่ขยายความบริสุทธิ์ของใจที่ฝึกสมาธิไปรอบๆตัวเรา และส่งผ่านไปยังผู้อื่น 

We can share loving kindness before ending our meditation session when our minds come to a standstill and hence, filled with happiness, we can actually share loving kindness, good wishes and peacefulness with all other people in the world. 
แปลว่า เราสามารถแผ่เมตตาก่อนที่จะจบรอบการปฏิบัติธรรม เมื่อใจเราสงบนิ่ง และเติมเต็มไปด้วยความสุข เราสามารถแผ่ความเมตตา ความปรารถนาดี และความสงบไปยังผู้คนทั่วโลก 

Standstill 
แปลว่า หยุดนิ่ง 
Peacefulness แปลว่า ความสงบ
Good Wish แปลว่า ความปรารถนาดี 

We start by focusing our still mind at the centre of our body. Imagine the crystal sphere of love and good wishes expanding in all directions from the body's centre towards all other beings. Let all good feelings spread from the crystal sphere of love to all around the world. 
แปลว่า เราสามารถเริ่มต้นด้วยกสนหยุดใจเราไปที่ศูนย์กลางกายแล้วจินตนาการว่าดวงกลมใสแห่งความรัก และปรารถนาดี แผ่ขยายไปทั่วทิศทางจากศูนย์กลางกายไปยังสรรพชีวิต และปล่อยให้ความรู้สึกอันดีงามแผ่จากดวงกลมใส ให้ความรักขยายไปทั่วโลก

Imagine 
แปลว่า จินตนาการ
Crystal sphere แปลว่า ดวงกลมใส

Then you can wish that All living beings share the peace and happiness that you have received from meditation. 
แปลว่า จากนั้นคุณสามารถอธิษฐานว่า ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้แบ่งปันความสงบสุขที่เราได้รับจากการทำสมาธินี้ 

Living Beings 
แปลว่า สรรพสัตว์ 
 

Sharing Loving Kindness

Whether they are in my country or anywhere else, whether they are a member of my race or any other race. 
แปลว่า ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในประเทศนี้ หรือ ประเทศอื่นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะมีเชื้อชาติเดียวกัน หรือ เชื้อชาติอื่นๆ 

Race 
แปลว่า เชื่อชาติ 

Whether they are a follower of Buddhism or any other spiritua; system. Whether they love me or loathe me. 
แปลว่า ไม่ว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาเดียวกันหรือ มีความเชื่ออื่นๆ พวกเขาจะรักเรา หรือ รังเกียจเรา 

Loathe 
แปลว่า รังเกียจ

Whether they see me as a family, friend or foe. May this air of purity resulting from the meditation dissolve all the anger, sadness and suffering in their hearts. 
แปลว่า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนครอบครัว หรือ เป็นศัตรูของเรา ขอให้คลื่นแห่งความบริสุทธิ์จากการทำสมาธินี้ไปขจัดความโกรธ ความเศร้า ความทุกข์ในใจของพวกเขาทั้งหลาย 

Foe 
แปลว่า ศัตรู
Dissolve แปลว่า ขจัด, ทำให้เจือจาง 
Anger แปลว่า ความโกรธ 

May those in pain be free from suffering and those already happy be happier. 
แปลว่า ขอให้ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้มลายหายไปและขอให้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป 

May people of all races, nationalities and faiths live together in peace, forgiveness and compassion. 
แปลว่า ขอให้ผู้คนทุกเชื้อชาติ สัญชาติ และความเชื่ออยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ให้อภัย และ เห็นอกเห็นใจกัน 

Nationality 
แปลว่า สัญชาติ 
Faith แปลว่า ความศรัทธา 
Forgiveness แปลว่า การให้อภัย 
Compassion แปลว่า ความเห็นอกเห็นใจกัน 

We expand our minds from our surroundings and continue outwards until it reaches the entire sky. we feel unlimited love and kindness towards people of the world in every continent and beyond. 
แปลว่า ขยายใจของเราให้คลอบคลุมไปทั่วบริเวณ และแผ่ขยายต่อๆ ไปจนกระทั่งครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า รู้สึกถึงความรักและปรารถนาดีที่ไม่มีที่สิ้นสุดไปยังผู้คนทั่วโลก ทุกทวีป และทุกๆที่ 

Unlimited 
แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด 
Continent แปลว่า ทวีป 

Eventually, we will change the world and bring about true peace. 
แปลว่า ในที่สุด เราจะเปลี่ยนโลกใบนี้ และนำสันติสุขมาสู่ชาวโลกได้ 
 

Sharing Loving Kindness

Today we've learned a lot of vocabulary about "Sharing Loving kindness" as well as other useful words. For example; 

Sharing Loving Kindness แปลว่า การแผ่เมตตา
Peacefu;ness แปลว่า ความสงบ
Good Wish แปลว่า ความปรารถนาดี 
Crystal Sphere แปลว่า ดวงกลมใส 
Living Beings แปลว่า สรรพสัตว์ 
Dissolve แปลว่า ขจัด, ทำให้เจือจาง 
Faith แปลว่า ความศรัทธา 
Forgiveness แปลว่า การให้อภัย
Compassion แปลว่า ความเห็นอกเห็นใจกัน




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2557 17:26:47 น.
Counter : 1459 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.