Group Blog
 
All Blogs
 
สตีฟ จีอบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนที่ 3 : ทำไม สตีฟ จ็อบส์ จึงเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

* ชี้แจงเรื่อง การนำเสนอเนื้อหา สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ของเว็บไซต์ต่างๆ

     เนื่องจากทางสถานีโทรทัศน์ DMC ได้มีการนำเสนอเนื้อหาเรื่อง Where is Steve Jobs? และได้มีเว็บไซต์ต่างๆ สรุปเนื้อหา Where is Steve Jobs? ไปไว้ในเว็บไซต์ของตน ซึ่งการสรุปเนื้อหาดังกล่าวนั้น เป็นการสรุปโดยความเห็นส่วนตัว

     ทั้งนี้ทางผู้จัดทำเนื้อหาไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเจตนาที่จะ ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเสียชื่อเสียง แต่เป็นไปเพื่อศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมเท่านั้น  จึงขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณ      

     Where is Steve Jobs? เป็นความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม, การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดให้เข้าใจได้ง่าย  เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต นำไปสู่ผลการปฏิบัติของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความเกรงกลัวต่อบาป รักในการทาบุญกุศล รักการปฏิบัติธรรมสืบไป


      เรื่องราว ปรโลกนิวส์ ตอน สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน นี้เป็นเพียงทรรศนะหนึ่งเท่านั้น ผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้

ทีมงาน //www.dmc.tv
ปรโลกนิวส์ สตีฟ จ๊อบส์ ตอนที่ 3
ทำไม สตีฟ จ็อบส์ จึงเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
ทำไม สตีฟ จ็อบส์ จึงเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ


         หลังจากที่พวกเราได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับบุพกรรมที่ทำให้คุณสตีฟ จ็อบส์เป็นคนฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร จนทำให้ตัวเขาสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีผลต่อคนทั้งโลกกันไปเรียบร้อยแล้ว ในวันนี้คุณครูไม่ใหญ่ก็อยากที่จะมาสรุปประเด็นและขยายความเกี่ยวกับเรื่องบุพกรรมดังกล่าว ให้ลูกๆ นักเรียนทุกคนได้ฟังกันแบบเจาะลึกในทุกๆ รายละเอียด ซึ่งทุกๆ รายละเอียดที่คุณครูไม่ใหญ่จะเล่าต่อไปนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ มากๆ ต่อชีวิตการสร้างบารมีของเราเพื่อที่ลูกๆ นักเรียนจะได้เข้าใจและสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการสร้างบารมีได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป     

อุปมาก็เหมือนกับการที่เราจะกินถั่วให้อร่อย เราก็ต้องขบให้แตกแล้วก็ค่อยๆ เคี้ยวให้ละเอียด เพื่อที่เราจะได้สัมผัสถึงรสชาติของถั่วได้อย่างเต็มที่ ฉันใด เรื่องบุพกรรมของคุณสตีฟ จ็อบส์นี้ก็เช่นเดียวกันซึ่งถ้าหากเราฟังผ่านๆ โดยไม่นำมาขบคิดให้ดี หรือฟังไปผ่านๆ แบบเอาแค่ความรู้ประเด็นรวมๆ มันก็ไม่สมกับเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันทั่วโลกใช่มั้ย ดังนั้นคุณครูไม่ใหญ่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเรื่องนี้กลับมาวิเคราะห์เจาะลึกให้นักเรียนได้ฟังกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง


 หลังจากที่พวกเราได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับบุพกรรมของคุณสตีฟ จ็อบส์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พวกเราก็คงจะทราบกันดีแล้วว่า บุพกรรมที่ทำให้คุณสตีฟ จ็อบส์ มีความเฉลียวฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใคร  จนทำให้ตัวเขาสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีผลต่อคนทั้งโลกได้นั้น ทั้งนี้ก็เกิดจากเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างที่ตัวเขาได้เคยสั่งสมเอาไว้หลายภพหลายชาติ ซึ่งก็ไม่ได้เกิดแบบปุ๊บปั๊บ หรือเกิดขึ้นมาเอง หรือใครบันดาลให้เกิดได้ช่องตามมาส่งผลรวมกันในภพชาติปัจจุบันนี้ อุปมาก็เหมือนกับนกน้อยที่สร้างรวงรังที่ค่อยๆ  คาบกิ่งไม้มาทีละกิ่ง ทีละกิ่ง  ซึ่งกว่าที่จะประกอบเป็นรวงรังได้เสร็จสมบูรณ์ก็ต้องใช้เวลาฉันใด   ตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ ก็เช่นเดียวกันกว่าที่จะมาประสบความสำเร็จในภพชาติปัจจุบันนี้ได้   ตัวเขาก็ต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมเหตุปัจจัยต่างๆ มาทีละเล็กทีละน้อยจนผ่านกาลเวลามาแล้วหลายภพหลายชาติ

        แต่เราก็คงจะไม่สามารถลงรายละเอียดได้หมดทุกภพทุกชาติ เพราะมันถ้าจะให้พูดกันหมดทุกชาติก็คงจะต้องใช้เวลาเป็นกัปๆ ดังนั้น คุณครูไม่ใหญ่จึงได้ยกตัวอย่างมาเพียงบางชาติ พอเป็นไอเดียที่จะทำให้ลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของกฎแห่งกรรมได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป


ซึ่งเหตุปัจจัยที่ทำให้ตัวเขาประสบความสำเร็จในภพชาติปัจจุบันนี้ก็ประกอบไปด้วยเหตุทั้งหมด 7 ประการหลักๆ ดังต่อไปนี้คือ
ประการที่ 1. ตัวเขาได้พบกับกัลยาณมิตรที่ดี โดยเฉพาะในภพชาติที่ตัวเขาเกิดอยู่ในยุคที่มีทุพภิกขภัย แล้วก็ได้มีโอกาสฟังธรรมและสนทนาธรรมกับพระมหาเถระผู้มีฌานสมาบัติซึ่งในภพชาติดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทำให้ตัวเขามีความเฉลียวฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใครในภพชาติปัจจุบันนี้


ประการที่ 2.
  ตัวเขาได้สั่งสมและใช้ปัญญาบารมีไปในทางที่เป็นกุศลไม่ว่าจะเป็นแบบสงเคราะห์โลก  หรือใช้สั่งสมบุญในทางพระพุทธศาสนา มาหลายภพหลายชาติ โดยเฉพาะในภพชาติที่ตัวเขาได้เกิดเป็นพ่อค้าขายภาชนะและเครื่องครัวต่างๆ นั้น ตัวเขาได้ใช้ปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ชวนคนมาสร้างบุญ   ด้วยการแจกถ้วยโถโอชามให้ชาวเมืองทั้งหลายมาสร้างบุญร่วมกับตัวเขา ด้วยความปลื้มปีติและอะเลิร์ทเบิกบานในบุญอย่างสุดๆ 
ประการที่ 3.เกิดจากผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้เคยนั่งสมาธิ(Meditation)จนเห็นแสงสว่างนอกตัว ในภพชาติที่ตัวเขาได้เกิดเป็นพ่อค้าขายภาชนะและเครื่องครัวต่างๆ แล้วก็ได้ฝึกสมาธิกับพระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาสมาบัติ

ประการที่ 4. ตัวเขาได้เคยสั่งสมมหาทานบารมีเอาไว้ในแหล่งเนื้อนาบุญที่ดีซึ่งก็คือพระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาสมาบัติ และคณะพระภิกษุสงฆ์ที่มีสีลาจารวัตรงดงาม ในภพชาติที่ตัวเขาได้เกิดเป็นพ่อค้าขายภาชนะและเครื่องครัวต่างๆซึ่งในภพชาตินั้นตัวเขาได้สร้างมหาทานบารมีโดยเริ่มต้นจากทำอย่างต่อเนื่อง 7 วัน แล้วก็ขยับมาเป็นทำอย่างต่อเนื่องตลอด 3 เดือน และสุดท้ายตัวเขาก็ได้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีจนกระทั่งตัวเขาหมดอายุขัย
ประการที่ 5.  ตัวเขาได้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรชักชวนมหาชนผู้มีบุญทั้งหลายให้มาสั่งสมมหาทานบารมีร่วมกับตัวเขาด้วยหัวใจที่เบิกบาน พองโต และมีความปลื้มปีติใจกับการทำหน้าที่นี้ ในภพชาติที่ตัวเขาได้เกิดเป็นพ่อค้าขายภาชนะและเครื่องครัวต่างๆ 


ประการที่ 6.
  เมื่อตัวเขาได้ทำบุญแล้วตัวเขาก็ได้อธิษฐานจิตด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่และมีเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงเลยกล่าวคือแม้ภพชาติจะเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งตัวเขาจะชอบอธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำๆ ว่า “ขอให้ตัวเขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมีความคิดสร้างสรรค์ และขอให้สินค้าที่ตัวเขาออกแบบและผลิตออกมาเป็นที่ต้องการของมหาชนทั้งหลายทั่วทุกมุมโลก” 

 ซึ่งการอธิษฐานจิตนั้นก็ไม่ใช่เป็นการค้ากำไรเกินควรอย่างที่บางคนเข้าใจ เพราะเรื่องการสร้างบุญไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นการตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตของตัวเราเองด้วยการอธิษฐานจิต อุปมาก็เหมือนกับเรือที่จะต้องมีหางเสือ เพื่อนำเรือไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้อง ฉันใด ชีวิตของเราก็ต้องมีการอธิษฐานจิต เพื่อนำชีวิตของเราไปสู่จุดหมายที่เราตั้งใจเอาไว้ ฉันนั้น


ประการที่ 7.
ตัวเขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยรักในงานที่ทำ ขยัน มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ และทำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังหมั่นสังเกตจนพบเหตุแห่งข้อบกพร่องและช่องทางของการแก้ไขซึ่งอัธยาศัยนี้เป็นอัธยาศัยที่โดดเด่นและดีงามที่ติดตัวเขามาข้ามภพข้ามชาติ



ซึ่งเหตุปัจจัยทั้ง 7 ประการดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ก็เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของตัวสตีฟ จ็อบส์ ในภพชาติปัจจุบันนี้นั่นเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาประทานให้ แต่เราจะต้องสั่งสมด้วยตัวของเราเอง หรือพูดง่ายๆ ว่าอัตตา หิ อัตตะโนนาโถ  ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน


 และเมื่อลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ ได้ทราบเหตุปัจจัยทั้ง 7 ประการดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็จะได้มาลงรายละเอียดกันแบบเจาะลึกว่า “ ในแต่ละชาติที่เราได้เคยรับฟังกันไปแล้วนั้น ตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ได้สั่งสมเหตุปัจจัยทั้ง 7 ประการเอาไว้อย่างไร ”

        ซึ่งถ้าหากเรายังจำกันได้ในภพชาติที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเขามีความเฉลียวฉลาด  และมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมือนใครในภพชาติปัจจุบันนี้ เพราะตัวเขาได้พบกับกัลยาณมิตรที่ดี ซึ่งก็คือพระมหาเถระผู้มีฌานสมาบัติและด้วยความที่ตัวเขาได้พบกับกัลยาณมิตรที่ดีนี้เอง จึงทำให้ตัวเขาได้รู้ว่าการที่ตัวเขาได้ทิ้งพ่อแม่ในยามยากนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและเป็นกรรมหนักมากๆ แต่ทุกอย่างก็มีทางแก้ไข


 ซึ่งพระมหาเถระรูปนั้นก็ได้เมตตาชี้ทางสว่างให้กับตัวเขาว่า “ บุญเท่านั้นที่จะไปช่วยตัดรอนวิบากกรรมที่ตัวเขาทำผิดทำพลาดเอาไว้ได้ ” ซึ่งจะเห็นได้ว่าโลกนี้ขาดกัลยาณมิตรไม่ได้ฉันใด  ตัวสตีฟ จ็อบส์ก็ขาดกัลยาณมิตรไม่ได้ฉันนั้น   ดังนั้น ตัวเขาจึงได้พระมหาเถระผู้มีฌานสมาบัติมาเป็นกัลยาณมิตรให้กับตัวเขา
        และเมื่อตัวเขาได้ทราบวิธีการแก้ไขวิบากกรรมเช่นนั้นแล้ว ตัวเขาจึงได้ทุ่มเททำบุญและอุปัฏฐากดูแลพระมหาเถระรูปนั้นเป็นอย่างดีอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกับอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับพ่อแม่ของตัวเขา


  นอกจากตัวเขาจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้กับพ่อแม่ของเขาแล้ว ในแต่ละครั้งที่ตัวเขาทำบุญเขาก็ยังได้อธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำๆ ในสิ่งที่ตัวเขาชอบอีกด้วย ว่า “ ขอให้ตัวเขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ว่าตัวเขาจะทำอะไรก็ขอให้ตัวเขาประสบความสำเร็จอย่างดีที่สุด ” 
       ซึ่งคำอธิษฐานจิตที่ตัวเขาได้ตอกย้ำซ้ำๆ ในภพชาตินี้เองก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณสตีฟ จ็อบส์ มีความเฉลียวฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์อย่างที่เราได้เห็นในภพชาติปัจจุบันนี้


 และด้วยผลแห่งบุญที่ตัวสตีฟ จ็อบส์ได้อุปัฏฐากดูแลพระมหาเถระผู้มีฌานสมาบัติเป็นอย่างดี เมื่อมารวมกับคำอธิษฐานจิตที่ตัวเขาได้เคยอธิษฐานเอาไว้ในภพชาตินั้นนี้เอง จึงทำให้ในภพชาติถัดๆ มาตัวเขาจึงเป็นคนที่มีความฉลาดและมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นไปกว่าเดิม อีกทั้ง ตัวเขายังได้นำความฉลาดและความคิดสร้างสรรค์นี้ไปใช้การสร้างกุศลและสงเคราะห์โลกอีกด้วย

 ดังจะเห็นได้จากในภพชาติที่ตัวเขาได้เกิดมาเป็นเกษตรกร แล้วก็ได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบชลประทานในหมู่บ้านให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม เรียกได้ว่าแม้ในภพชาตินั้นจะไม่ใช่ยุคไฮเทคเพราะเป็นยุคเกษตรกรรม แต่สิ่งที่ตัวเขาคิดออกมานั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ หรือแนวการแก้ปัญหาแบบใหม่ที่ไฮเทคมากๆ สำหรับในยุคนั้น   เพราะไม่มีใครสามารถคิดและนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงเหมือนอย่างกับตัวเขาเลย



หรือในอีกภพชาติหนึ่ง ที่ตัวเขาได้เกิดอยู่ในหมู่บ้านที่มักจะเกิดภัยพิบัติอยู่เป็นประจำ แล้วตัวเขาก็ได้ใช้ดวงปัญญาของเขาคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับกังหันสัญญาณเตือนภัย ที่สามารถช่วยให้ทุกคนในหมู่บ้านได้รู้ และสามารถรับมือกับภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นผลงานการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดแบบสุดๆ
       และด้วยความที่ตัวเขาได้ใช้ดวงปัญญาของเขาในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นการทำบุญแบบสงเคราะห์โลกนี้เอง จึงทำให้ปัญญาบารมีของเขามีปริมาณที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าปัญญาของเขายิ่งใช้ยิ่งมีไม่หมดสักทีติดไปชาติหน้าเลยทีเดียว



จนกระทั่งมาถึงภพชาติที่สำคัญซึ่งเป็นภพชาติที่พลิกชีวิตของเขาเลย นั่นก็คือภพชาติที่ตัวเขาเกิดเป็นพ่อค้าขายภาชนะและเครื่องครัวต่างๆ  ซึ่งในภพชาตินี้ตัวเขาได้สั่งสมเหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้ง 7 ประการดังที่ได้กล่าวไปแล้วอย่างเต็มที่เต็มกำลังด้วยหัวใจที่พองโตและปลื้มปีติในบุญอย่างสุดๆ
      ซึ่งจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทำให้ตัวเขาได้สั่งสมเหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้ง 7 ประการนั้น ก็คือตัวเขาได้เห็นวัดแห่งหนึ่งที่มีบรรยากาศร่มรื่นและแลดูสะอาดสะอ้าน จนทำให้ตัวเขาเกิดความรู้สึกประทับใจและอยากที่จะเข้าไปภายในวัดแห่งนั้น หรือพูดง่ายๆ ว่าแรกเห็นก็ประทับใจแล้ว
       ซึ่งลูกๆ ทุกคนโดยเฉพาะลูกๆ พระธรรมทายาททุกรูปจะเห็นได้ว่าวัดที่มีบรรยากาศร่มรื่นและแลดูสะอาดสะอ้านนั้น เป็นประดุจแม่เหล็กที่จะดึงดูดใจของผู้คนที่ได้พบเห็น ให้เกิดความปรารถนาอยากที่จะเข้าไปศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น เราจึงต้องช่วยกันทำให้ใครๆ ที่ได้เห็นและได้เข้ามาในวัดแล้ว เกิดความรู้สึกประทับใจเหมือนกับคุณสตีฟ จ็อบส์ ในภพชาตินั้น



และเมื่อตัวเขาได้เข้าไปภายในวัดแห่งนั้นแล้ว ตัวเขาก็ได้พบกับมงคลชีวิตข้อที่ 29 คือ "สะมะณาณัญจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การได้เห็นสมณะนั้น เป็นมงคลอย่างสูงสุด"  เพราะทันทีที่ตัวเขาได้เห็นพระภิกษุสงฆ์หลายรูป กำลังกวาดลานวัดอยู่  ตัวเขาก็เกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุเหล่านั้นเป็นอย่างมาก

      และเมื่อมาถึงจุดนี้ลูกๆ  นักเรียนทุกคนอย่าฟังผ่านกันนะ เพราะไม้กวาดที่พระภิกษุใช้กวาดลานวัดนั้น   แม้จะไม่ได้มีราคาแพง แต่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) มากๆ  เรียกได้ว่าการได้เห็นพระภิกษุกวาดลานวัด (ซึ่งเป็น 1 ในกิจวัตร 10 ประการนั้น) ถือว่าเป็นไวรัสแห่งความดี ที่แม้จะเป็นจุดเล็กๆแต่มันก็ขยายได้ จนสามารถไปปิดประตูอบายและเปิดประตูสวรรค์ให้กับผู้ที่ได้พบเห็นเลยทีเดียว(สรุปได้ว่า ถ้าวัดน่าเข้า พระน่าใกล้ ก็จะทำให้ใจหยุดนิ่งได้)



และเมื่อคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ได้เข้าไปสนทนากับพระภิกษุที่อยู่ในวัดแห่งนั้นแล้ว ตัวเขาก็ได้ทราบข้อมูลสำคัญว่า “ พระมหาเถระที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้   ได้ปลีกวิเวกไปนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ” ซึ่งทันทีที่ตัวเขาได้ทราบเช่นนั้น ตัวเขาก็รู้สึกอยากที่จะพบกับพระมหาเถระรูปนั้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสร้างมหาปีติให้กับตัวเขาอย่างสุดๆ



ภายหลังจากที่ตัวเขาออกจากวัดแห่งนั้นมาแล้วด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในข้อวัตรปฏิบัติของคณะสงฆ์ที่อยู่ในวัดแห่งนั้นนี้เอง จึงทำให้ตัวเขาคิดตลอดเส้นทางว่า “ ตัวเขาอยากที่จะทำบุญกับคณะสงฆ์ที่อยู่ในวัดแห่งนั้นมากๆ มากๆ  ”  โดยที่ตัวเขาไม่ได้กังวลเลยว่า ณ ตอนนี้  ตัวเขาเองมีทรัพย์น้อย เพราะตัวเขาคิดเพียงแค่ว่า “ ตัวเขาจะต้องสร้างมหาทานครั้งนี้ให้ได้ ”ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ตัวเขาเกิดความปลื้มปีติในบุญไปตลอดเส้นทาง
       แล้วตัวเขาก็ได้ครุ่นคิดหาวิธีการที่จะทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ให้ได้ และในที่สุดผู้แสวงหาก็ย่อมค้นพบเพราะเมื่อตัวเขาได้มองดูรอบๆ ตัวของเขาแล้ว   ตัวเขาก็พบว่า “แม้ตัวเขาจะไม่มีเงินตรา แต่ตัวเขาก็มีสินค้าอยู่นี่ตัวเขาจะต้องนำสินค้าที่ตัวเขามีอยู่นี้มาทำความปรารถนาของเขาให้สำเร็จให้ได้”



และเมื่อตัวเขาคิดได้เช่นนี้ตัวเขาจึงได้เอาสินค้าพวกถ้วยโถโอชามของตัวเขาที่เป็นภาชนะใส่อาหาร มาแปรเปลี่ยนเป็นภาชนะที่ใช้ตักตวงบุญ ด้วยการชักชวนชาวเมืองให้มาทำบุญร่วมกับตัวเขา 
       โดยตัวเขาได้จัดโปรโมชั่นที่พิเศษสุด  คือถ้าใครนำภาชนะที่ตัวเขานำมาขายนี้ไปใส่ภัตตาหารแล้วก็นำไปถวายแด่พระภิกษุที่วัดแห่งนั้นร่วมกับตัวเขา หลังจากที่พระภิกษุสงฆ์ได้ขบฉันภัตตาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ตัวเขาก็จะมอบภาชนะดังกล่าวให้กับคนๆ นั้นไปเลย เรียกได้ว่าตัวเขานี้เป็นผู้ที่ไม่อับจนปัญญาจนทำให้ปัญหาต้องอับจนต่อตัวเขา ซึ่งการที่ตัวเขามีปัญญามากนั้นก็เกิดจากการที่ตัวเขาได้สั่งสมปัญญาบารมีมาหลายภพหลายชาติแล้วนั่นเอง



และจากเรื่องราว ณ ตรงนี้ ไม่คิดก็ไม่แปลก ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลก และยิ่งคิดเพิ่มขึ้นไปก็ยิ่งอัศจรรย์ เพราะถ้วยโถโอชามใครๆ เขาก็มีกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครสามารถที่จะคิดเอามาแปรเปลี่ยนเป็นบุญได้เหมือนอย่างคุณสตีฟ จ็อบส์ในภพชาตินั้น อีกทั้งตัวเขาก็ยังอยู่ในช่วงที่ไม่ค่อยมีเงิน แต่ตัวเขาก็กล้าที่จะเสี่ยงโดยการแจกภาชนะให้กับชาวเมืองทั้งหลายเพื่อทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ ซึ่งจะว่าไปการแจกภาชนะเหล่านั้นไปแล้ว ตัวเขาก็อาจจะไม่ได้เห็นภาชนะเหล่านั้นกลับมาอีกเลยก็เป็นได้ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้กังวลใจในจุดนี้เลย ซึ่งก็ถือได้ว่าตัวเขาเป็นคนที่ใจใหญ่มากๆ เพราะถ้าหากตัวเขามีเงินมากๆ ในขั้นมหาเศรษฐีเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เล็กๆ เท่านั้นเอง
      จากนั้นตัวเขาก็ได้ชวนคนทำบุญด้วยความปลื้มปีติเบิกบานใจอย่างสุดๆ เรียกได้ว่าเจอเป็นชวน เจอเป็นชวน   ยิ่งชวนก็ยิ่งสนุก ยิ่งชวนก็ยิ่งปลื้มคือ ก่อนทำ ตัวเขาทั้งปลื้มทั้งสนุกนั่นเอง




และเมื่อถึงวันจริงตัวเขาก็ยิ่งรู้สึกปลื้มหนักเข้าไปอีก เพราะเขาได้เห็นพวกชาวบ้านเอาภาชนะกลับมาพร้อมกับภัตตาหารที่หลากหลายมากมายไม่ซ้ำอย่างกันเลย ดังนั้น ตัวเขาจึงไม่รอช้าได้รีบทำหน้าที่จัดคิวเจ้าภาพภัตตาหารด้วยความเบิกบานและปลื้มปีติอย่างสุดๆ ด้วยความคิดว่า “ ชิตังเม เราทำได้แล้ว  เราทำสำเร็จแล้ว   เราสามารถเลี้ยงพระสมดังความตั้งใจของเราได้แล้ว”

      และแม้เหตุการณ์ทำบุญใหญ่ในครั้งนั้นจะผ่านไปแล้ว ตัวเขาก็ยังปลื้มไม่เสร็จ ปลื้มไม่จบ ปลื้มไม่เลิก   และเมื่อนึกถึงทีไร ก็เป็นปลื้มทุกครั้งเลย และด้วยความที่ตัวเขาปลื้มในการสั่งสมบุญทุกขั้นตอน คือตั้งแต่ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำนี้เอง จึงทำให้ผังแห่งความสำเร็จของตัวเขาหนาแน่นมากๆ  



ซึ่งการสร้างมหาทานบารมีตลอด 7 วันของคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์มากๆ มากๆ  ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะตัวเขาเพิ่งจะมาเจอกับคณะสงฆ์ที่วัดแห่งนี้เป็นครั้งแรก แต่ตัวเขากลับเกิดศรัทธาอย่างเฉียบพลัน  แล้วก็กล้าตัดสินใจอย่างกะทันหันที่จะทำบุญใหญ่โดยการเลี้ยงพระถึง 7 วัน   ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย

       เมื่อลูกๆ ทุกคนติดตามเรื่องราวมาถึงตรงนี้ลูกๆ ทุกคนจะเห็นได้ว่าแม้คุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) จะมีทรัพย์น้อย แต่ตัวเขาก็สามารถชวนคนโน้นคนนี้มาทำบุญได้จนสำเร็จ



และเมื่อกาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปจนครบ 1 ปีคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ก็ยังปลื้มไม่รู้จบ จนกระทั่งตัวเขาได้เดินทางกลับมาที่วัดแห่งนั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ตัวเขาก็ได้ยินข่าวดีที่ตัวเขารอคอยมาข้ามปี  นั่นก็คือ “ อีกไม่กี่วัน พระมหาเถระที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ซึ่งได้ปลีกวิเวกไปนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำกำลังจะกลับมาแล้ว ”

       เมื่อตัวเขาได้ทราบเช่นนี้ตัวเขาก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และก็ปลื้มปีติใจในระดับที่กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว อย่างนี้สมควรแล้วที่เขาจะรวย ที่ตัวเขารู้สึกเช่นนี้นั้นทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวเขาปรารถนาอยากที่จะพบพระมหาเถระรูปนี้มากๆ มากขนาดที่ว่าแม้เวลาจะผ่านไปเป็นปี แต่ความปรารถนานี้ก็ไม่ได้เลือนรางจางหายไปจากใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว



เรียกได้ว่าหัวใจของเขาในตอนนั้น ไม่แตกต่างอะไรไปจากท่านสุทัตตะเศรษฐี หรือที่เรารู้จักกันในนามว่าอนาถบิณฑิกเศรษฐีเลย คือทันทีที่ท่านสุทัตตะเศรษฐีได้ยินคำว่า “ บัดนี้  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นแล้ว ”  ตัวท่านก็เกิดความปลื้มปีติจนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ และก็อยากที่จะเร่งวันเร่งคืนให้ดวงอาทิตย์ขึ้นไวๆ เพื่อที่ตัวท่านจะได้รีบรุดไปพบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเร็ว



แต่เมื่อท่านสุทัตตะเศรษฐีไม่สามารถเร่งวันเร่งคืนหรือเร่งดวงอาทิตย์ให้ขึ้นได้ ตัวท่านก็เลยตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านไปในทันที โดยไม่รอให้ดวงอาทิตย์ขึ้นเสียก่อน
       ซึ่งในระหว่างที่ตัวท่านเดินทางไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่นั้น ก็ได้มียักษ์ที่ไม่ปรากฏตัวมาส่งเสียงว่า “ให้ท่านเศรษฐีเดินต่อไป ให้เดินต่อไป ให้เดินต่อไป ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น” ที่ยักษ์มาคอยเป็นดูแลความปลอดภัยและคอยให้กำลังใจให้ท่านสุทัตตะเศรษฐีมุ่งหน้าที่จะไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไรเลยนั้นทั้งหมดนี้ก็เป็นบุญของยักษ์ แล้วในที่สุดท่านสุทัตตะเศรษฐีก็ได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามความปรารถนาที่ตัวท่านได้ตั้งใจเอาไว้นั่นเอง



ส่วนตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) หลังจากที่ตัวเขาได้ทราบข่าวดีว่า “ อีกไม่กี่วันพระมหาเถระที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ซึ่งได้ปลีกวิเวกไปนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำกำลังจะกลับมาแล้ว ”ตัวเขาก็รีบเดินทางนำสินค้าไปขายในตัวเมืองทันที ด้วยความตั้งใจว่า “ ในปีนี้ตัวเขาจะต้องสร้างบุญใหญ่ให้ยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา ”
      และเมื่อตัวเขาได้ไปตั้งร้านขายสินค้าของเขาในตัวเมืองแห่งนั้นแล้ว ก็ได้มีผู้คนแห่มารอซื้อสินค้าตัวเขาอย่างมากมายแบบถล่มทลายเลยทีเดียว ซึ่งตรงกันข้ามกับเหตุการณ์ในปีที่ผ่านมาอย่างลิบลับที่ตัวเขาขายสินค้าไม่ค่อยออกเลย



ส่วนสาเหตุที่ทำให้ในปีที่ผ่านมาตัวเขาขายสินค้าไม่ค่อยออกนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวเขามีความมั่นใจในตัวเองสูงมากๆ ว่า“สินค้าของเขานั้นดีกว่าสินค้าของเจ้าอื่นในทุกๆ ด้าน” ซึ่งความจริงมันก็เป็นอย่างนั้นเพราะคุณสตีฟ จ็อบส์เป็นคนที่มีอัธยาศัยมุ่งมั่น ตั้งใจ และพัฒนาสินค้าของเขาให้ออกมามีคุณภาพที่ดีกว่าดีที่สุด ดังนั้น ตัวเขาก็เลยตั้งราคาสินค้าของเขาสูงกว่าสินค้าของเจ้าอื่นๆแต่ด้วยความที่ลูกค้าตามความคิดของเขาไม่ทันจึงทำให้สินค้าของเขาที่เพิ่งเปิดตัวในเมืองแห่งนั้นขายไม่ค่อยจะออกนั่นเอง

        แต่มาในปีนี้สินค้าของเขากลับพลิกล็อกขายดิบขายดีอย่างถล่มถลายแบบเทน้ำเทท่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะด้วยผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้ตั้งใจทุ่มเทสั่งสมเอาไว้ในปีผ่านมา ทั้งที่ทำด้วยตัวเองและชักชวนผู้อื่นให้มาทำร่วมกันกับตัวเขาได้ช่องตามมาส่งผล  จึงทำให้ในช่วง 1 ปีผ่านมาหลังจากที่พวกชาวบ้านได้นำภาชนะของเขา ที่ได้รับหลังจากที่ใส่ภัตตาหารไปทำบุญร่วมกับคุณสตีฟ จ็อบส์ไปใช้แล้ว  พวกชาวบ้านก็เกิดความรู้สึกติดใจและได้รู้ว่า “ ของเขาดีจริง  สุดยอดจริง ”




ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พวกชาวบ้านได้พูดกันแบบปากต่อปากในทำนองที่ว่า “ของเจ้านี้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นมีด  กระทะ  หม้อ  ไห  หรือถ้วยโถโอชาม ทั้งดีทั้งทนและได้มาตรฐานกว่าเจ้าอื่น ซึ่งในตอนนี้ คนขายก็ได้นำสินค้ากลับมาที่เมืองนี้อีกแล้ว พวกเราจะรอช้าไม่ได้ รีบไปซื้อดีกว่า ของดีๆ อย่างนี้ ถ้าไม่รีบไปซื้อละก็   เดี๋ยวของจะหมดเสียก่อน”

         เมื่อเป็นเช่นนี้พวกชาวบ้านจึงได้แห่กันมาแย่งซื้อและทำให้สินค้าของคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ทำรายได้อย่างถล่มทลาย โดยที่ไม่ต้องมีโปรโมชั่นใดๆ เลยนั่นเอง (ซึ่งก็อาจจะคล้ายๆ  กับในภพชาติปัจจุบันนี้ที่ผลิตภัณฑ์ของตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน ไอแพ็ดหรือไอพ็อด ที่มีผู้คนมาต่อคิวรอซื้ออย่างยาวเหยียด



และเมื่อตัวสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ได้ทรัพย์มาจากการขายสินค้าแล้ว ตัวเขาก็ได้เอาไปเป็นบุญต่อบุญ   ด้วยการไปจัดเตรียมภัตตาหารหวานคาวมาถวายพระมหาเถระผู้ทรงอภิญญาสมาบัติในทันที
        และทันทีที่ตัวเขาได้พบกับพระมหาเถระรูปนั้นแล้ว ตัวเขาก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ  และปีติใจอย่างสุดๆ  ที่ตัวเขาจะได้ถวายภัตตาหารแด่ท่านสมดังที่ตัวเขาได้ตั้งใจเอาไว้มา 1 ปีเต็ม




มีต่อส่วน comment ค่ะ
v
v



Create Date : 27 สิงหาคม 2555
Last Update : 27 สิงหาคม 2555 17:45:38 น. 14 comments
Counter : 2563 Pageviews.

 


ภายหลังจากที่ตัวเขาได้ถวายภัตตาหารแด่พระมหาเถระรูปนั้นแล้ว ตัวเขาก็รู้สึกปลื้มปีติใจและเลื่อมใสศรัทธาปสาทะในพระมหาเถระเป็นอย่างมากทั้งในข้อวัตรปฏิบัติและกิริยาอาการที่แลดูสงบเสงี่ยมสง่างามและสำรวมน่าเลื่อมใส อีกทั้งผิวพรรณวรรณะของท่านก็แลดูเปล่งปลั่งผ่องใสมากๆ


และด้วยความเลื่อมใสศรัทธาที่เต็มเปี่ยมอยู่ในจิตใจของเขานี้เองจึงทำให้ตัวเขาอยากที่จะขอเรียนสมาธิกับพระมหาเถระรูปนั้น แล้วในที่สุดตัวเขาก็ได้เรียนสมาธิกับพระมหาเถระดังที่ตัวเขาได้ตั้งใจเอาไว้

ซึ่งต่อมาตัวเขาก็ได้อยู่ฝึกสมาธิ, อุปัฏฐากพระมหาเถระ และถวายมหาทานแด่คณะพระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ในวัดแห่งนั้นตลอด 3 เดือนเต็มด้วยความรู้สึกปลื้มปีติใจอย่างสุดๆ





โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:46:53 น.  

 


ซึ่งในระหว่างที่ตัวเขาได้สั่งสมมหาทานบารมีและปฏิบัติธรรมตลอด 3 เดือนนั้น ตัวเขาก็จะชอบอธิษฐานจิตว่า “ ขอให้ตัวเขาร่ำรวย ขอให้ตัวเขาสามารถผลิตสินค้าดีๆ ออกมาขายได้เยอะๆ และขอให้สินค้าที่ตัวเขาออกแบบและผลิตออกมานี้เป็นที่นิยมของมหาชนทั้งหลายทั่วทุกมุมโลก ”

และเมื่อตัวเขาได้ปฏิบัติธรรมอย่างตลอดต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือนเช่นนี้ จึงทำให้ตัวเขามีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี คือได้เห็นแสงสว่างนอกตัว ซึ่งก็ทำให้ตัวเขารู้สึกเป็นสุขใจและมีความสุขเป็นอย่างมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:47:31 น.  

 


ซึ่งหลังจากที่ตัวเขานั่งสมาธิจนเห็นแสงสว่างนอกตัวแล้ว ไม่ว่าตัวเขาจะเดินทางไปค้าขายสินค้าที่ไหนก็ตาม ตัวเขาก็จะมีความสุขมากๆ ดังนั้นตัวเขาจึงได้ทำสมาธิควบคู่ไปกับการค้าขายสินค้าด้วยความอิ่มเอิบเบิกบานใจ


ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ใจของเขายิ่งผ่องใส ยิ่งสว่างไสว และก็ยิ่งมีความคิดดีๆ พรั่งพรูออกมาอย่างมากมาย ซึ่งก็ส่งผลทำให้ในเวลาต่อมาตัวเขาก็สามารถจับจุดการค้าของการตลาดได้ จนทำให้สินค้าของเขาได้กลายเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างสุดๆในยุคนั้น



โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:48:12 น.  

 


และในทุกๆ ปี เมื่อถึงช่วงที่พระเถระเจ้าอาวาสของวัดแห่งนั้นออกจากฌานสมาบัติและกลับมายังวัดแห่งนั้น ตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ก็จะรีบเชิญชวนชาวเมืองคนอื่นๆ ให้มาทำบุญร่วมกับตัวเขา โดยตัวเขาก็ยังคงแจกจ่ายภาชนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหม้อ ไห, จาน หรือชาม เป็นต้นให้กับชาวเมืองเหล่านั้น เพื่อให้ชาวเมืองเหล่านั้นได้ใส่ภัตตาหารมาทำบุญร่วมกันเหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา

ซึ่งตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ก็ได้ทำบุญใหญ่เช่นนี้อยู่เป็นประจำอย่างตลอดต่อเนื่องจนกระทั่งตัวเขาหมดอายุขั


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:48:45 น.  

 


และเมื่อตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) หมดอายุขัยแล้ว ด้วยผลแห่งบุญทุกๆ บุญที่ตัวเขาได้สั่งสมเอาไว้ในภพชาตินั้น ไม่ว่าจะเป็นผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้อุปัฏฐากดูแลและทำบุญกับพระเถระผู้ทรงอภิญญาสมาบัติมาอย่างตลอดต่อเนื่องทุกๆ ปี ผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้ชักชวนชาวเมืองทั้งหลายให้มาทำบุญร่วมกับตัวเขาและผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้นั่งสมาธิจนเห็นแสงสว่างนอกตัวเป็นต้น นี้เอง จึงทำให้ตัวเขาก็ได้ไปบังเกิดเป็น “เทพบุตรสุดหล่อ” อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:49:19 น.  

 



และเมื่อถึงคราวที่ตัวเขาจะต้องจุติ (หรือตาย) จากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว คุณสตีฟ จ็อบส์ก็ได้จุติลงมาเกิดเป็น “กุลบุตรหนุ่มผู้รักงานศิลปะ” อยู่ในตระกูลเศรษฐีที่นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งในภพชาตินั้นจะเป็นยุคที่คำสอนของพระพุทธศาสนาเริ่มแตกเป็นหลายนิกายคล้ายๆ กับในภพชาติที่ตัวเขาได้เกิดเป็นพ่อค้าขายภาชนะและเครื่องครัวต่างๆ และก็คล้ายๆ ในภพชาติที่ในภพชาติปัจจุบันนี้ด้วย


แม้ว่าคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) จะรักงานศิลปะมากแค่ไหนก็ตาม แต่ทางบ้านของตัวเขาก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนตัวเขาในเรื่องนี้เลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะทางคุณพ่อคุณแม่ของคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) อยากที่จะให้ตัวเขามาช่วยเหลือกิจการของที่บ้านมากกว่าที่จะให้ตัวเขาไปเป็นศิลปิน


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:50:20 น.  

 


และเมื่อตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) เอาแต่สนใจในงานศิลปะมากกว่าการดูแลเอาใจใส่กิจการของที่บ้านเช่นนี้ จึงเป็นเหตุทำให้ทางบ้านของตัวเขารู้สึกไม่พอใจและโกรธเป็นอย่างมาก แล้วในที่สุด คุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) ก็ถูกครอบครัวไล่ออกมาจากบ้าน แม้ว่าตัวคุณสตีฟ จ็อบส์ (ในภพชาตินั้น) จะถูกครอบครัวไล่ออกจากบ้านมาแล้วก็ตาม แต่ตัวเขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะศึกษาและพัฒนางานทางด้านศิลปะของเขาต่อไป ไม่เพียงแค่นั้นตัวเขายังได้ศึกษางานทางด้านการก่อสร้าง, การวางผังอาคาร รวมไปถึงงานออกแบบสถาปัตยกรรมอีกด้วย



โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:50:51 น.  

 


ในเวลาต่อมา ด้วยผลงานของตัวเขาที่โดดเด่น สร้างสรรค์ แปลกใหม่ และมีความประณีตสวยงามมากกว่างานศิลปะของศิลปินคนอื่นๆ ในยุคนั้น จึงทำให้ตัวเขาได้กลายเป็นประติมากรที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงแคว้นต่างๆ ในยุคนั้น ซึ่งถ้าหากจะอุปมาให้เห็นภาพอย่างชัดๆ แล้วตัวเขาก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังคล้ายๆ กับไมเคิล แองเจโล ที่เป็นจิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลีในยุคปัจจุบันนี้นั่นเอง


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:51:18 น.  

 


ซึ่งในภพชาตินั้นตัวเขาก็ได้มีโอกาสสั่งสมบุญใหญ่เพิ่มเติคือตัวเขาได้ไปสร้างวัดร่วมกับสาธุชนผู้มีบุญที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะสร้างวัด ซึ่งตัวเขาเองก็ได้ใช้ความรู้ความสามารถและฝีมือที่ตัวเขามีมาใช้ในการสร้างวัดแห่งนี้ด้วยความปลื้มปีติใจเบิกบานใจเป็นอย่างมาก


ซึ่งในระหว่างที่ตัวเขาสร้างวัดแห่งนี้ตัวเขาก็จะชอบอธิษฐานจิตอยู่เป็นประจำว่า “ขอให้ตัวเขาร่ำรวย มีความเชี่ยวชาญชำนาญในงานฝีมือและขอให้ผลงานของเขาเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ”


แต่ว่าในชาตินี้เองแม้ว่าตัวเขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังและมีความสามารถในงานด้านศิลปะเป็นอย่างมากก็ตาม แต่สิ่งที่ตัวเขาขาดไปก็คือการฟังธรรมและการประพฤติธรรม เช่น การนั่งสมาธิ เป็นต้นเพราะตัวเขามัวไปเพลินอยู่กับเรื่องงานและศิลปะที่ตัวเขาชอบ


แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้ทุ่มเทสร้างวัดอย่างเต็มที่เต็มกำลังด้วยความปลื้มปีติใจอย่างสุดๆ นี้เองจึงทำให้หลังจากที่ตัวเขาละจากภพชาตินั้นไปแล้วตัวเขาก็ได้กลับไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้งหนึ่งเป็นระยะเวลายาวนาน


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:51:56 น.  

 


จนกระทั่งมาถึงในภพชาติปัจจุบันนี้ ตัวเขาก็ได้จุติ (หรือตาย) จากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วก็ลงมาเกิดเป็น“คุณสตีฟ จ็อบส์” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่พวกเรารู้จักกันนั่นเอง


และเมื่อคุณสตีฟ จ็อบส์ได้มาเกิดมาในภพชาติปัจจุบันนี้แล้ว อัธยาศัยที่โดดเด่นและดีงามของตัวเขาก็ได้ติดตัวเขามาข้ามภพข้ามชาติด้วย ซึ่งอัธยาศัยที่ว่านั้นก็คืออัธยาศัยที่ตัวเขาเป็นคนรักและชอบในงานของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ตัวเขามีความสุขใจและและอยากที่จะทำงานนั้นไปเรื่อยๆ


และเมื่อตัวเขาลงมือทำงานนั้นแล้วตัวเขาก็จะมี ความเพียรพยายามในการที่จะทำงานนั้นออกมาให้ดีที่สุด และไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นมาระหว่างการทำงาน ตัวเขาก็ไม่ได้ย่อท้อ ท้อแท้ หรือท้อถอยต่อปัญหาและอุปสรรคเหล่านั้นเลย ตรงกันข้ามตัวเขากลับยิ่งฮึดสู้และมุ่งมั่นที่จะทำงานนั้นให้ออกมาสำเร็จให้ ได้


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:52:23 น.  

 


ไม่เพียงแค่นั้น ตัวเขายังเป็นคนที่เอาใจใส่ในทุกๆ รายละเอียดของงานนั้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์,โปรแกรมสำหรับการใช้งาน, รูปลักษณ์ภายนอก ตลอดจนถึงชิ้นส่วนเล็กๆ ภายในผลิตภัณฑ์ หรือส่วนของแผงวงจรที่โดยทั่วๆ ไปแล้ว ก็ไม่มีใครเห็น ซึ่งตัวเขาจะเอาใส่ใจแล้วก็ลงรายละเอียดทุกๆ อย่าง เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของเขาออกมาเนี๊ยบ เฉียบ กริ๊บ สวยหรูดูดี มีสไตล์ไฮคลาส และโดนใจผู้ใช้งานมากที่สุด

และที่สำคัญ เมื่อตัวเขาทำงานไปเรื่อยๆ ตัวเขาก็ได้หมั่นประกอบประกอบเหตุ สังเกตผล แล้วก็พัฒนางานของตัวเขาให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งก็จะเป็นผลทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเขามีคุณภาพที่ดี ทันสมัยและถูกใจลูกค้าอยู่เสมอ




โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:52:53 น.  

 


ดังนั้น เมื่อเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างที่ตัวเขาได้สั่งสมมาหลายภพหลายชาติ ไม่ว่าจะเป็นมหาทานบารมี ปัญญาบารมี อธิษฐานบารมี หรือการทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรชักชวนผู้อื่นให้มาทำบุญร่วมกับตัวเขา รวมถึงผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้นั่งสมาธิจนเห็นแสงสว่างนอกตัวดังกล่าว เป็นต้น ได้ช่องตามมาส่งผลร่วมกับอัธยาศัยของตัวเขาในภพชาติปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นอัธยาศัยที่โดดเด่นและดีงามที่ติดตามตัวเขามาข้ามภพข้ามชาติ


จึงส่งผลทำให้ในภพชาติปัจจุบันนี้ ตัวเขาจึงเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร จนทำให้ตัวเขาสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆที่มีผลต่อคนทั้งโลก อีกทั้งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของตัวเขาก็มักประสบความสำเร็จ และเป็นที่ต้องการของคนส่วนใหญ่ในโลกเหมือนอย่างที่เป็นอยู่นี้นั่นเอง


โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:53:24 น.  

 


จากเรื่องราวที่เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมานี้ก็สอนให้เราได้รู้ว่า ลำพังแค่ 1 สมอง 2 มือ หรือใจถึง ทุนถึง ทีมถึง มือถึง หรืออะไรถึงๆ แต่ถ้าหากบุญไม่ถึงเสียแล้วก็ไปไม่ถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งใจเอาไว้ เพราะเบื้องหลังความสุขความสำเร็จในชีวิตของเรานั้นขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเราได้สั่งสมเอาไว้ทั้งสิ้น เหมือนอย่างเรื่องราวความสำเร็จของคุณสตีฟ จ็อบส์ในภพชาติปัจจุบันนี้ก็ล้วนเกิดจากการผลแห่งบุญที่หลากหลายรูปแบบ ที่ตัวเขาได้เคยสั่งสมเอาไว้หลายภพหลายชาตินั่นเอง


ดังนั้น ลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ พึงสั่งสมบุญเอาไว้เถิด ประเสริฐนัก เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้




โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:53:51 น.  

 




โดย: อุ่นอาวรณ์ วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:17:54:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.