Group Blog
 
All Blogs
 

สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนที่ 1

* ชี้แจงเรื่อง การนำเสนอเนื้อหา สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ของเว็บไซต์ต่างๆ

     เนื่องจากทางสถานีโทรทัศน์ DMC ได้มีการนำเสนอเนื้อหาเรื่อง Where is Steve Jobs และได้มีเว็บไซต์ต่างๆ สรุปเนื้อหา Where is Steve Jobs ไปไว้ในเว็บไซต์ของตน ซึ่งการสรุปเนื้อหาดังกล่าวนั้น เป็นการสรุปโดยความเห็นส่วนตัว

     ทั้งนี้ทางผู้จัดทำเนื้อหาไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเจตนาที่จะ ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเสียชื่อเสียง แต่เป็นไปเพื่อศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมเท่านั้น  จึงขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณ      

     Where is Steve Jobs เป็นความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม, การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดให้เข้าใจได้ง่าย  เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต นำไปสู่ผลการปฏิบัติของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความเกรงกลัวต่อบาป รักในการทำบุญกุศล รักการปฏิบัติธรรมสืบไป

      เรื่องราว ปรโลกนิวส์ ตอน สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน นี้เป็นเพียงทรรศนะหนึ่งเท่านั้น ผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้


ทีมงาน //www.dmc.tv


ปรโลกนิวส์ สตีฟ จ๊อบส์ ตอนที่ 1
สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน มีความรู้สึกอย่างไรก่อนตาย?
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ


สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน





ผู้เสียชีวิต  มิสเตอร์  สตีฟ จ็อบส์
เกิดวันที่  24  กุมภาพันธ์  พ.ศ.  2498
เสียชีวิตวันที่  5  ตุลาคม  พ.ศ.  2554  (อายุ  56  ปี)
ด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน




ผู้ส่งเคส  มิสเตอร์  โทนี่  ซวง
(วิศวกรอาวุโสของบริษัทแอปเปิล)


กราบนมัสการท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

         ผมโทนี่  ซวง  (Tony  Tseung) เป็นวิศวกรอาวุโส  ของบริษัทแอปเปิล จากนครคิวเปอร์ทีโน่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผู้คนทั่วโลกได้อาลัยกับการจากไปของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และอดีตประธานกรรมการบริหาร (CEO) ของบริษัทแอปเปิล ซึ่งมีชื่อเสียงด้วยผลงานนวัตกรรมทางเทคโนโลยี  เช่น  คอมพิวเตอร์แมคอินทอช, Iphone, Ipod, Ipad 

      เมื่อถึงคราวเปิดตัวสินค้าใหม่ทีไร ผู้คนจำนวนมากต้องปักหลักเข้าคิวรอยาวเหยียดอยู่หน้าร้านค้าของแอปเปิลในแต่ละประเทศแบบข้ามวันข้ามคืนแอปเปิลประสบความสำเร็จในระดับโลกได้ถึงขนาดนี้  เพราะบุคคลคนหนึ่งที่คอยขับเคลื่อนงานอย่างมุ่งมั่น นั่นคือ สตีฟ  จ็อบส์ เองครับ


สตีฟ จ็อบส์  เกิดในแคลิฟอร์เนีย  สหรัฐอเมริกา  ในครอบครัวของพ่อแม่บุญธรรม  จนอายุ  17  ปี  เขาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยได้เพียงแค่เพียงหนึ่งภาคการศึกษาเท่านั้น  เพราะเขาคิดว่าไม่มีวิชาใดในมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจสำหรับเขา  ด้วยความเป็นคนคิดนอกกรอบ  เขาจึงร่วมกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุได้เพียง  21  ปี 

       ตลอดชีวิตการทำงานของเขา  เขาได้พิสูจน์ฝีมือให้คนในวงการได้ประจักษ์  มิใช่เป็นเพียงผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ  ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่โลกเพียงอย่างเดียว  แต่เขาเป็นนักศิลปะ  นักคิด  นักพูดที่โดดเด่น 


      แต่แล้วปี  2547  ขณะที่เขากำลังสนุกกับงานที่แอปเปิลอยู่นั้น เขาพึ่งรู้ตัวว่า ตนเป็นมะเร็งตับอ่อน  แต่เขาเป็นนักสู้  สู้กับโรคร้ายด้วยการทำงาน โดยไม่ปล่อยบริษัทให้เดินลำพัง  จนเมื่อวันที่  5  ตุลาคม พ.ศ.2554  เขาก็จากโลกนี้ไปพร้อมทิ้งตำแหน่งผู้ร่ำรวยมากที่สุดในอันดับที่ 110  ของโลก  พร้อมด้วยทรัพย์สินมูลค่า  8,300  ล้าน  ดอลล่าร์สหรัฐ  เอาไว้เบื้องหลัง

         ท่านเจ้าอาวาสที่เคารพครับ  สาเหตุที่ผมเขียนจดหมายมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์ทั้งหมดนี้  เพราะเขาเป็นชาวพุทธครับ ในสมัยที่สตีฟ จ็อบส์ยังเป็นหนุ่ม เขาเคยเดินทางไปอินเดีย  และทำให้เขาตัดสินใจหันมานับถือพระพุทธศาสนาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเขา สตีฟ จ็อบส์ เคยคิดที่จะออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาด้วย แต่เพราะติดโครงการสร้างคอมพิวเตอร์ เขาจึงพลาดโอกาสบวชเป็นพระไปครับ


ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ 

คำถามข้อที่  1. สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนนี้ตัวเขาเป็นอย่างไรบ้าง

คำตอบ.....ก่อนที่นักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลกจะได้ฟังเรื่องราว Case study ของคุณสตีฟ จ็อบส์นั้น โดยเฉพาะนักเรียนใหม่ เราก็ต้องมาศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจกันก่อนว่า......


ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด ตายแล้วไม่สูญ


ชีวิตหลังความตาย
นั้น มีอยู่จริง   คือ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด หรือจะเป็นเด็กน้อยแรกเกิด   เด็กปานกลาง   หรือผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบร้อยปี   ไม่ว่าจะอยู่ ณ มุมใดของโลกนี้   เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็จะต้องไปบังเกิดใหม่อยู่ในภพภูมิต่างๆ   ซึ่งก็มีทั้งภพภูมิที่เป็นสุคติ หรือภพภูมิที่ดี  และภพภูมิที่เป็นทุคติ หรือภพภูมิที่ไม่ดี   คือพูดง่ายๆ ว่า ตายแล้วไม่สูญ นั่นเอง



ชีวิตหลังความตายทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งสิ้น บุญและบาปตามหลักของกฎแห่งกรรมที่เป็นของสากลซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อของศาสนาหรือเผ่าพันธุ์ใด


        สำหรับ ชีวิตหลังความตาย  บทตัดสินว่าใครจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่เป็นสุคติหรือทุคตินั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครที่จะมาพิพากษาตัดสินหรือลิขิตชีวิต แต่ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งสิ้น คือก่อนที่จะเสียชีวิต บุคคลนั้นมีใจที่ผ่องใสหรือเศร้าหมอง ซึ่งความผ่องใสและเศร้าหมองของใจแต่ละบุคคลนั้นก็ขึ้นอยู่กำลังของบุญและบาปที่บุคคลนั้นได้เคยกระทำเอาไว้ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ซึ่งบุญและบาปที่กล่าวมานี้ก็คือบุญและบาปตามหลักของกฎแห่งกรรมที่เป็นของสากล ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อของศาสนาหรือเผ่าพันธุ์ใด อุปมาเหมือนกับมือเปล่าที่จับไฟจับยังไงก็ร้อน  คือไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะรู้หรือไม่รู้ จับยังไงมันก็ร้อนหรือตรงข้ามเอามือเปล่าจับน้ำแข็ง จับยังไงก็เย็น  คือไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะรู้หรือไม่รู้ จับยังไงมันก็เย็น


         ซึ่งถ้าหากบุคคลใดมีใจที่ผ่องใสบุคคลนั้นก็จะได้ไปบังเกิดอยู่ในสุคติภูมิ แต่ถ้าหากบุคคลใดมีใจที่เศร้าหมองบุคคลนั้นก็จะต้องไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิ ดังหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสสอนเอาไว้ว่า

“ จิตเต  อสังกิลิฏเฐ  สุคติ  ปาฏิกังขา   เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง   สุคติเป็นที่ไป  
จิตเต  สังกิลิฏเฐ  ทุคติ  ปาฏิกังขา   เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส   ทุคติเป็นที่ไป ”  


รายละเอียดของสุคติภูมิจะมีการแบ่งเป็นชั้นๆ

       ซึ่งรายละเอียดของสุคติภูมิ แบบคร่าวๆ นั้น ก็จะมีการแบ่งเป็นชั้นๆ ตามความผ่องใสของใจว่ามีความผ่องใสมากหรือน้อย ซึ่งถ้าใจของบุคคลใดมีความผ่องใสน้อย คือ ได้ทำทั้งบุญและบาปตามหลักของกฎแห่งกรรมเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าเป็นชาวพุทธก็พูดง่ายๆ ว่า วัดก็เข้าเหล้าก็กิน บุญก็ทำกรรมก็สร้าง  เป็นต้น


     เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้ละจากโลกไปแล้ว พวกเขาก็จะไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่มีความสุขสบายในระดับเบื้องต้น โดยเริ่มตั้งแต่ภพภูมิของภุมมเทวา หรือเทวดาที่มีที่อยู่ที่อาศัยซ้อนอยู่ในเมืองมนุษย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นภพซ้อนภพ  หรือมิติที่ซ้อนกันอยู่ ไล่เรื่อยไปจนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา รุกขเทวา หรือเทวดาที่มีที่อยู่ที่อาศัยอยู่กับต้นไม้  เช่น อยู่ในต้นไม้ หรืออยู่บนต้นไม้  เป็นต้น อากาศเทวา หรือเทวดาที่มีที่อยู่ที่อาศัยลอยอยู่บนอากาศ ไล่เรื่อยไปจนถึง   นาค,   ยักษ์,   คนธรรพ์,   กุมภัณฑ์,  ครุฑที่อยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 1 หรือสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานั่นเอง 

บุคคลใดสั่งสมบุญไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่ละจากโลกไป
ก็จะได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่มีความสวยงาม สว่างไสว


         แต่ถ้าใจของบุคคลใดมีความผ่องใสมาก คือ เป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี ชอบทำความดี ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์  และก็ได้สั่งสมบุญต่างๆ  เช่น ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา เป็นต้น เอาไว้อย่างมากมายในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้ละจากโลกไปแล้ว พวกเขาก็จะได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่มีความสวยงาม สว่างไสว และมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป เช่น สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานฯ ปรนิมฯ   หรือพรหมโลก เป็นต้น


คนที่มีใจเศร้าหมองเพราะบาปอกุศลที่ได้เคยกระทำเอาไว้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่
เมื่อละจะโลกไปก็จะไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิมีแต่ความมืดมิดเร่าร้อนรุนแรง


         ส่วนคนที่มีใจเศร้าหมอง เพราะบาปอกุศลที่ตัวเองได้เคยกระทำเอาไว้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ได้มาห่อหุ้มใจ  เช่น ดื่มเหล้า,  เจ้าชู้,  เล่นการพนัน  เป็นต้น เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้ละจะโลกไปแล้ว พวกเขาก็จะไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิ ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีแต่ความมืดมิด, เร่าร้อนรุนแรง, เศร้าหมอง, หดหู่, น่าสะพรึงกลัวและมีแต่ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเกินกว่าที่จะบรรยายได้ เช่น ภพภูมิของสัตว์นรก,  เปรตอสุรกาย  เป็นต้น เมื่อลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ ได้ศึกษาเรียนรู้หลักวิชชาในการเดินทางไปสู่ปรโลกตามหลักของพระพุทธศาสนาพอเป็นสังเขปเช่นนี้แล้ว  เราก็มารับฟังเรื่องราว Case Study ของคุณสตีฟ จ็อบส์กันเลย 



ก่อนที่คุณสตีฟ จ็อบส์จะเสียชีวิตภายในใจของเขา
ยังเป็นห่วงและกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมาย


ก่อนที่คุณสตีฟ จ็อบส์จะเสียชีวิตนั้น ภายในใจของเขาก็ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงและกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องครอบครัว ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นตัวเขาก็ยังอยากที่จะอยู่กับครอบครัวและยังไม่พร้อมที่จะจากครอบครัวของเขาไป  หรือ เรื่องของบริษัทที่ตัวเขามีความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมากๆ ซึ่งตัวคุณสตีฟ จ็อบส์เอง ก็มีโปรเจ็คต่างๆ ที่ตัวเขาได้แพลน หรือ คิดเอาไว้เยอะแยะมากมาย ซึ่งยังไม่ได้ทำ  อีกทั้งตัวเขาก็ยังมีความรู้สึกที่กังวลว่า “ บริษัทที่ตัวเขาได้ทุ่มเทสร้างมาจะมีอนาคตต่อไปเป็นอย่างไร ”  เป็นต้น   ซึ่งสิ่งที่ตัวเขาคิดคำนึงนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่ติดเข้าไปอยู่ในใจของเขาซึ่งภาพเหล่านั้นก็มีทั้งภาพที่ทำให้ตัวเขารู้สึกสบายใจ ไม่สบายใจ และกังวลใจ หรือถ้าพูดเป็นภาษาที่พวกเรานักเรียนอนุบาลฯ คุ้นเคยหรือคุ้นหูกันก็คือภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่ทำให้ใจใสและใจหมองนั่นเอง


เขารู้สึกเป็นกังวลลึกๆว่าเมื่อตัวเขาตายไปแล้วชีวิตหลังความตายของเขาจะเป็นอย่างไร ตัวเขาจะได้ไปอยู่ที่ไหนและที่แห่งนั้นจะเป็นอย่างไร


และที่สำคัญมากๆ มากๆ คุณสตีฟ จ็อบส์เองก็รู้สึกเป็นกังวลลึกๆ ว่า “ เมื่อตัวเขาตายไปแล้วชีวิตหลังความตายของเขาจะเป็นอย่างไร ตัวเขาจะได้ไปอยู่ที่ไหน และที่แห่งนั้นจะเป็นอย่างไร หรือว่าจะเป็นอย่างที่อาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นและเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ได้เคยสอนเอาไว้หรือเปล่หรือว่าจะเป็นอย่างอื่น”  เรียกได้ว่าทั้งความไม่แน่ใจ, ความวิตกกังวล, และความผูกพันในเรื่องคน งาน เงิน  และโปรเจ็คต่างๆ  มันได้กลายเป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในใจของคุณสตีฟ จ็อบส์ ณ ช่วงเวลานั้นอยู่ตลอดเวลา


ช่วงเวลาที่คุณสตีฟ จ็อบส์กำลังจะจากโลกนี้ไป
ภาพต่างๆ เช่น ความปลื้มใจ ความไม่ปลื้มใจก็ได้มาปรากฏฉายอยู่ภายในใจ


 ดังนั้น จึงทำให้ ณ ช่วงเวลาที่คุณสตีฟ จ็อบส์กำลังจะจากโลกนี้ไป ภาพของความวิตกกังวลและภาพของความทรงจำที่มีทั้งความสุข ความทุกข์ ความปลื้มใจ ความไม่ปลื้มใจ ก็ได้มาปรากฏฉายอยู่ภายในใจของเขา ซึ่งภาพต่างๆ เหล่านั้น ก็มีทั้งภาพที่ทำให้ใจของเขาเศร้าหมอง,  ภาพที่ทำให้ใจของเขาผ่องใส  และภาพที่ทำให้ใจของเขาไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใสสลับปะปนกันไป  ซึ่งภาพที่ทำให้ใจของเขาเศร้าหมอง ก็คือ ภาพที่ตัวเขาเป็นคนขี้โมโห,  หงุดหงิดง่าย  ชอบใช้อารมณ์รุนแรงและโหวกเหวกโวยวายกับลูกน้องที่ทำอะไรไม่ค่อยได้ดั่งใจ หรือไม่ถูกใจตัวเขาอยู่เป็นประจำ คือ บอกให้ทำอย่าง ก็ไปทำอีกอย่าง  หรือบอกให้ทำอย่างเดียว ก็ไปทำหลายอย่าง หรือพูดง่ายๆ ว่า ผิดสเป็กตลอด เป็นต้น




ภาพที่ทำให้ใจของเขาไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใส
คือภาพที่ตัวเขาไปทำงานหรืออยู่กับครอบครัว


       ส่วนภาพที่ทำให้ใจของเขาผ่องใส ก็คือภาพที่ตัวเขาได้บริจาคทรัพย์และสิ่งของให้กับองค์กรการกุศล   รวมถึงภาพที่ตัวเขาได้ให้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนร่วมงานและนิสิตนักศึกษาตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น ส่วนภาพที่ทำให้ใจของเขาไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใส ก็คือภาพที่ตัวเขาไปทำงาน หรืออยู่กับครอบครัว เป็นต้น


หลังจากที่คุณสตีฟ จ็อบส์ได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว
ก็ได้ไปบังเกิดใหม่เป็นเทพบุตรภุมมเทวา

          และด้วยความที่ใจของเขามีทั้งความเศร้าหมอง ทั้งความผ่องใส และทั้งความไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใสปนเปกันไป กอปรกับตัวเขาก็ยังมีความผูกพันกับหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างบนโลกมนุษย์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน งาน  เงิน และโปรเจ็คต่างๆ เป็นต้น เมื่อเหตุดังกล่าวได้มาส่งผลรวมกับอัธยาศัยพื้นฐานของตัวเขาซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และสุนทรียภาพทางศิลปะสูงมาก คือเป็นคนที่ชอบอยู่กับสิ่งของที่สวยงาม และชอบความเพอร์เฟ็ค จึงส่งผลทำให้หลังจากที่คุณสตีฟ จ็อบส์ได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว ตัวเขาก็ได้ไปบังเกิดใหม่เป็น “ เทพบุตรภุมมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ ” ที่มีที่อยู่ที่อาศัยซ้อนอยู่บนโลกมนุษย์ใกล้ๆ กับที่ทำงานเดิมของตัวเขาในทันที


          เมื่อมาถึงจุดนี้ลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ ก็คงอยากที่จะรู้ว่า “ ภุมมเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ ” นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร สำหรับภุมมเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์นั้นก็คือภุมมเทวาที่มีอัธยาศัย 2 อย่างมาผสมผสานกัน  ได้แก่ อัธยาศัยของวิทยาธรที่รักในการเรียนรู้ศาสตร์และความรู้ต่างๆ  กับอัธยาศัยของยักษ์ที่มักโกรธ  ขี้โมโห และหงุดหงิดง่าย ดังนั้น เมื่ออัธยาศัยทั้งสองอย่างดังกล่าว หรืออัธยาศัยที่รักในการเรียนรู้กับอัธยาศัยที่มักโกรธ ได้มาผสมผสานกันแล้ว จึงทำให้ภุมมเทวาสายนี้มีลักษณะเป็นวิทยาธรกึ่งยักษ์นั่นเอง    


          โดยเฉพาะเทพบุตรสตีฟ จ็อบส์ จะมีลักษณะกายเหมือนกับเทพบุตรภุมมเทวาระดับกลาง  เพียงแต่ผิวของเขาจะเป็นสีดำอมแดงมีเลือดฝาดและหยาบกว่าผิวของเทพบุตรภุมมเทวาระดับกลาง ซึ่งโดยปกติทั่วไปภุมมเทวาระดับกลางจะมีผิวขาว  ผ่องใสและละเอียดกว่าผิวของมนุษย์ ซึ่งถ้าจะอุปมาให้เห็นภาพกันแบบชัดๆ ผิวของภุมมเทวาระดับกลางก็จะมีความละเอียดและนุ่มนวลละม้ายคล้ายกับสำลีที่นุ่มๆ   ส่วนผิวของเทพบุตรสตีฟ จ็อบส์ซึ่งเป็นภุมมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์  จะมีความละเอียดคล้ายกับฟองน้ำ 


วิมานของท่านมีลักษณะเรียบๆ ง่ายๆ ขนาดปานกลาง

ส่วนวิมานหรือที่อยู่ที่อาศัย ของท่านเทพบุตรใหม่จะมีลักษณะเป็นวิมานที่เรียบๆ ง่ายๆ ขนาดปานกลาง ที่สูงประมาณตึก 6 ชั้น ซึ่งตัววิมานจะประกอบด้วยโลหะสีเงินสีขาวและแก้วผลึกขนาดใหญ่ที่มีขอบเขตกว้างขวาง   และอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานเดิมในสมัยที่ตัวเขายังเป็นมนุษย์  ซึ่งโดยรอบวิมานของท่านเทพบุตรใหม่จะมีวิมาน ของเหล่าภุมมเทวาที่มีความชอบคล้ายๆ กันอยู่หลายวิมาน นอกจากนี้ ท่านเทพบุตรใหม่ยังมีบริวารอันเป็นทิพย์ที่คอยรับใช้ดูแลอยู่ประมาณ 20 ตน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดจากผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้เคยทำบุญแบบสงเคราะห์โลกเอาไว้ในสมัยที่ตัวเขายังเป็นมนุษย์ เช่น บริจาคทั้งเงิน สิ่งของ ความรู้ให้แก่ผู้อื่นและสังคม  เป็นต้น






ต่อด้านล่างค่ะ (ส่วน comment)
v
v




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2555    
Last Update : 21 สิงหาคม 2555 16:57:04 น.
Counter : 3006 Pageviews.  

แมวดื้อ...... [ภาษิตนิทัศน์]



ภาษิตนิทัศน์

Smiley

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพ @Single Mind for Peace [2009]Smiley





เจ้าแมวเหมียว..........น่ารัก..........แต่มักดื้อ
ยามเรายื้อ...............ยุดลง.........มันโก่งหลัง
ดึงขึ้นกลับ...............แอ่นท้า.......ว่าไม่ฟัง
แต่ก็ยัง..................ไม่ล้น..........คนดื้อเอย

Smiley




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2555    
Last Update : 18 สิงหาคม 2555 16:39:50 น.
Counter : 1447 Pageviews.  

สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ตายแล้วไปไหน ?? ติดตามได้ที่นี่ !!! ที่เดียว

สตีเวน พอล จอบส์ (Steve Jobs)

ประวัติสตีฟ จอบส์ Steve Jobs ผู้ให้กำเนิด Apple



ประวัติสตีฟ จอบส์ Steve Jobs หลังความตาย . . .


 สตีฟ จ๊อบ ตายแล้วไปไหน

สตีฟ จ๊อบ ตายแล้วไปไหน ที่นี่ที่เดียว!!!


ประวัติสตีฟ จอบส์ Steve Jobs สมัยมีชีวิต . . .

. . . ติดตาม ประวัติชีวิต สตีฟ จอบส์

ประวัติสตีฟ จอบส์
 
สตีฟ จอบส์ Steve Jobs ผู้ให้กำเนิด Apple 
 

ประวัติสตีฟ จอบส์ Steve Jobs

 
     สตีเวน พอล จอบส์ (Steve Jobs) เกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 เกิดที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรบุญธรรมของนายพอล และนางคลารา จอบส์ส่วนบิดา มารดาที่แท้จริงของจอบส์ คือ บิดา อับดุลฟัตตะห์ จันดาลี มารดา โจแอน ซิมป์สัน สตีฟ จอบส์ เข้าพิธีสมรส กับ ลอเรนซ์ โพเวลล์ เมื่อวัน18 มีนาคม ค.ศ. 1991 และมีบุตรด้วยกันสามคน สตีฟ จอบส์ ยังมีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อลิซา จอบส์ ที่เกิดจากสตรีผู้หนึ่งซึ่งเขาไม่ได้แต่งงานด้วย และ สตีฟ จอบส์ นับถือศาสนาพุทธ
 
สตีป จอบส์และภรรยา 
 
สตีฟ จอบส์ และลอเรนซ์ โพเวลล์ ภรรยาของเขา 

การศึกษาของสตีฟ จอบส์   

 
      ในปีค.ศ. 1972 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) จบการศึกษาจาก โฮมสตีดไฮสคูล ในเมืองคิวเปอร์ทีโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้สมัครเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยรีด (Reed College) ในเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ก็ต้องลาพักการเรียนหลังจากเข้าเรียนได้เพียงหนึ่งภาคการศึกษา หลายปีต่อมา ในปาฐกถาครั้งหนึ่งในพิธีสำเร็จการศึกษาของบัณฑิตมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปีค.ศ. 2005 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs)ได้กล่าวว่าเพราะเขาลาพักเรียนไป จึงมีเวลาเข้าชั้นเรียนคัดตัวหนังสือ
 
“ถ้าผมไม่ได้เรียนวิชานั้นที่วิทยาลัยรีด เครื่องแมคอินทอชคงจะไม่มีรูปแบบอักษรหลากหลาย และปราศจากฟอนต์ที่มีการแบ่งระยะห่างอย่างถูกสัดส่วนเช่นนี้“
 

สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล

สตีป จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง apple 
 
สตีฟ จอบส์ Steve Jobs ผู้ให้กำเนิด Apple


 
ประวัติสตีป จอบส์ 
 

เขาร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก

 
     ปี ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา เขาเป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหาร
 
สตีป จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง apple 
สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) (คนซ้าย) กับ สตีฟ วอซเนียก

 
สตีป จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง apple 
 
สตีฟ จอบส์ Steve Jobs (คนขวา) และสตีฟ วอซเนียก Steve Wozniak

 
     ปี ค.ศ. 1984 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิล
 
สตีป จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง apple 
 
สตีฟ จอบส์ ผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา 
 
      ปี ค.ศ. 1996 ทำให้ จอบส์กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และเขารับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 สตีฟ จอบส์ ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไป
 
Steve Jobs เมื่อปี ค.ศ. 1981 
 
Steve Jobs เมื่อปี ค.ศ. 1981
 
      ปี ค.ศ. 2006 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกมะเร็งออกจากตับอ่อน เขาเป็นโรคมะเร็งในตับอ่อนซึ่งในแบบที่พบได้น้อยมาก ที่เรียกว่า “เนื้องอกในเซลล์ที่ผลิตอินซูลินอันส่งผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย” (islet cell neuroendocrine tumor) ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่ต้องการเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดแต่อย่างใด ระหว่างที่เขาป่วย ทิม คุก ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานขายและปฏิบัติการทั่วโลกของแอปเปิลเป็นผู้บริหารงานแทน
 
สตีป จอบส์ Steve jobs 
 
สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล
 

ประวัติและชีวิตการทำงานของ สตีฟ จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล

 
      เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) มักจะท้าทายขีดความสามารถของอุปกรณ์ไฮเทคอยู่เสมอ ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้นี้ดูเหมือนจะรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร ก่อนที่ผู้บริโภคจะรู้ความต้องการของตัวเองเสียอีก   การที่เขานำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานง่ายออกสู่ตลาดให้คนส่วนใหญ่ได้ใช้นั้น ทำให้งานอดิเรกของหนุ่มบ้าคอมพิวเตอร์คนหนึ่งกลายมาเป็นเสาหลักสำคัญในชีวิตประจำวันของคนสมัยใหม่เลยทีเดียว เครื่องคอมพิวเตอร์แอปเปิล II (Apple II) ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นกับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล สตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) ในโรงรถและได้วางขายเมื่อปี ค.ศ. 1977 ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ต้องกระวนกระวายรีบพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของตัวเองเพื่อวางขายบ้าง   แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1985 ยอดขายที่ตกลงและบริษัทคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคู่แข่งอย่างวินโดว์ส บีบให้จอบส์ต้องลาออกจากบริษัทที่เขาเองร่วมก่อตั้งขึ้นมา  
 
สตีป จอบส์ Steve jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple 
 
สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ชอบที่จะท้าทายขีดความสามารถของอุปกรณ์ไฮเทคอยู่เสมอ
 
      ในช่วงเวลาสิบปีต่อมา สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ได้เป็นผู้บริหารของบริษัทสองบริษัท คือ เนกซ์ (Next) บริษัทคอมพิวเตอร์ที่สร้างสรรค์พื้นฐานของซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการของบริษัทแอปเปิลในปัจจุบัน อย่าง Mac OS 10 และ บริษัท   พิกซาร์ (Pixar) สตูดิโอสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง ทอย สตอรี (Toy Story) เมื่อปี ค.ศ. 1997 ที่ สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ได้กลับมาอยู่กับแอปเปิล เขายังคงทำหน้าที่อยู่ในสองบริษัท คือเป็นทั้ง CEO ของพิกซาร์ และของแอปเปิล แต่สุดท้าย จอบส์ได้ขายพิกซาร์ให้กับดีสนีย์ โดยแลกกับหุ้นของดีสนีย์ในจำนวนที่มากขนาดที่ทำให้เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทดีสนีย์
 
 สตีป จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง apple

สตีฟ จอบส์มักปรากฏตัวบนเวที ในชุดกางเกงยีนส์กับเสื้อคอเต่าสีดำ

 
      สตีฟ จอบส์ (Steve jobs)  

     สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ไม่ได้เฝ้าฝันและจิตนาการสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมา แต่ความเป็นอัจฉริยะของเขาอยู่ตรงที่สามารถสังเกตเห็นเทคโนโลยีน่าสนใจใหม่ๆและนำมาประยุกต์ให้ผู้บริโภคทั่วไปใช้ได้ ในซีรีย์สารคดีเรื่อง “Triumph of the Nerds” ของสถานีโทรทัศน์ PBS ที่ออกอากาศเมื่อปี ค.ศ. 1996 จอบส์เคยพูดเอาไว้เองว่าบริษัทแอปเปิลเคยไม่อายที่จะต้องขโมยความคิดที่ยอดเยี่ยมของผู้อื่นมักปรากฏตัวบนเวที ในชุดที่เป็นเหมือนยูนิฟอร์มของเขา คือกางเกงยีนส์กับเสื้อคอเต่าสีดำ แล้วทำให้ผู้ชมตกอยู่ในภวังค์เมื่อฟังการอธิบายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แม็ค iPhone และ iPad รุ่นใหม่ๆ นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้แอปเปิลเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้แซงหน้าคู่แข่งตลอดกาลอย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 
      
     ภายใต้การบริหารงานของสตีฟ จอบส์ (Steve jobs) บริษัทแอปเปิลมักจะปิดการทำงานของบริษัทเป็นความลับมากเสียจนทำให้นักลงทุนและสื่อมวลชนหงุดหงิดกันอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้แอปเปิลลอยตัวขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในทุกรูปแบบ

 
สตีป จอบส์ Steve jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple 
สตีป จอบส์ ลาออกจากการเป็น CEO ของแอปเปิลด้วยปัญหาสุขภาพ

 
     สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ลาออกจากการเป็น CEO ของแอปเปิลเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 หลังจากต้องพักงานไปหลายครั้งเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการปลูกถ่ายตับ และการเข้ารับการรักษามะเร็งในตับอ่อน (pancreas cancer)
 
      “สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับอ่อน ด้วยวัย 56 ปี เขาจากไปอย่างสงบ พร้อมกับขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา“  
 
    สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปในความทรงจำของคนในครอบครับ ซึ่งได้แก่ พี่สาวแท้ๆของเขา โมนา ซิมสัน ลูกสาว ลิซา เบรนเนน จอบส์ และภรรยาของเขา ลอรีน พาวเวล และลูกๆทั้งสามของพวกเขา
 
       สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) เจ้าพ่อบริษัท แอปเปิล ผู้ล่วงลับเป็นบุคคลผู้คิดค้นนวัตกรรม ซึ่งเปลี่ยนแปลงโลก จ็อบส์ แตกต่างจากคนอื่นตรงที่เขาเลือกมองสิ่งที่คนอื่นมองข้าม และจ็อบส์ยังเชื่อมั่นในพลังแห่งการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่จะเนรมิตสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยพัฒนาชีวิต แต่ยังเปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปจากเดิม
 

คลิปสตีฟ จอบส์ กล่าวสุนทรพจน์


 
บทความที่เกี่ยวข้องกับประวัติสตีฟ จอบส์ Steve Jobs ผู้ให้กำเนิด Apple
 
 
 




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2555    
Last Update : 18 สิงหาคม 2555 16:13:02 น.
Counter : 2043 Pageviews.  

สะพานชีวิต [ภาษิตนิทัศน์]


ภาษิตนิทัศน์





Smiley


สะพานมีสองข้าง..............ทางประสงค์.
ขึ้นและลงหัวท้าย..............ผ่อนผายผัน.
ชีวิตเหมือนขึ้นสะพาน....... ไม่นานวัน.
ต้องลงกันทุกคน...............ไม่พ้นเอยฯ




ที่มา : หนังสือภาษิตนิทัศน์ โดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต)
ภาพ : @Single Mind for Peace Smiley




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2555    
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 18:40:29 น.
Counter : 1252 Pageviews.  

กฎหมายห้ามดื่มเหล้าบนรถ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

[ 14 ส.ค. 2555 ]

กระทรวงสาธารณสุขเผยถึงความคืบหน้าการใช้ร่างประกาศตามพรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เรื่อง การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่หรือขณะโดยสาร มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา


กฎหมายห้ามดื่มเหล้าบนรถมีโทษทั้งจำทั้งปรับ 
               กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้ร่างประกาศตามพระราชบัญญัติ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เรื่อง การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่หรือขณะโดยสาร มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2555 ที่ผ่านมา


               ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้ร่างประกาศตามพระราชบัญญัติ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เรื่อง การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่หรือขณะโดยสารอยู่ในรถหรือบนรถทุกประเภท ซึ่งหมายรวมถึงท้ายรถด้วยว่า ขณะนี้ประกาศเรื่องดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมเป็นต้นไป เป็นตามขั้นตอนกฎหมายที่เมื่อคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พิจารณาเห็นชอบร่างประกาศดังกล่าว และเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม แล้วจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาทันที


               สำหรับบทลงโทษผู้กระทำผิดตามประกาศดังกล่าวนั้น ในกฎหมายระบุชัดถึงการห้ามผู้บริโภคที่อยู่บนรถทุกประเภทที่อยู่บนท้องถนน เว้นรถไฟ รถราง ซึ่งในการพิจารณาความผิดต้องดูก่อนว่า อยู่บนรถที่อยู่บนท้องถนนสาธารณะหรือไม่ ซึ่งถนนสาธารณะรวมถึงทางเท้า และไหล่ทาง หากพบว่าผู้ดื่มเข้าข่ายฝ่าฝืนตามข้อห้ามก็ถือว่าผิด โดยจะเอาผิดเฉพาะคนดื่ม เจ้าของรถ หรือคนข้างเคียงไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม แต่หากดื่มในซอยบ้าน ทว่าซอยดังกล่าว เป็นถนนที่คนใช้จำนวนมาก ถือเป็นสาธารณะก็ผิดเช่นกัน.






 

Create Date : 15 สิงหาคม 2555    
Last Update : 15 สิงหาคม 2555 17:39:52 น.
Counter : 2539 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

อุ่นอาวรณ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.