สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนที่ 1
เรื่องราวกรณีศึกษากฏแห่งกรรม
* ชี้แจงเรื่อง การนำเสนอเนื้อหา สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ของเว็บไซต์ต่างๆ
เนื่องจากทางสถานีโทรทัศน์ DMC ได้มีการนำเสนอเนื้อหาเรื่อง Where is Steve Jobs และได้มีเว็บไซต์ต่างๆ สรุปเนื้อหา Where is Steve Jobs ไปไว้ในเว็บไซต์ของตน ซึ่งการสรุปเนื้อหาดังกล่าวนั้น เป็นการสรุปโดยความเห็นส่วนตัว
ทั้งนี้ทางผู้จัดทำเนื้อหาไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเจตนาที่จะ ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเสียชื่อเสียง แต่เป็นไปเพื่อศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมเท่านั้น จึงขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณ
Where is Steve Jobs เป็นความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม, การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดให้เข้าใจได้ง่าย เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต นำไปสู่ผลการปฏิบัติของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความเกรงกลัวต่อบาป รักในการทำบุญกุศล รักการปฏิบัติธรรมสืบไป เรื่องราว ปรโลกนิวส์ ตอน สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน นี้เป็นเพียงทรรศนะหนึ่งเท่านั้น ผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ ทีมงาน //www.dmc.tv ปรโลกนิวส์ สตีฟ จ๊อบส์ ตอนที่ 1 สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน มีความรู้สึกอย่างไรก่อนตาย?
ฝันในฝัน หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
ผู้เสียชีวิต มิสเตอร์ สตีฟ จ็อบส์ เกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เสียชีวิตวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554 (อายุ 56 ปี) ด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ผู้ส่งเคส มิสเตอร์ โทนี่ ซวง (วิศวกรอาวุโสของบริษัทแอปเปิล)
ผมโทนี่ ซวง (Tony Tseung) เป็นวิศวกรอาวุโส ของบริษัทแอปเปิล จากนครคิวเปอร์ทีโน่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผู้คนทั่วโลกได้อาลัยกับการจากไปของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และอดีตประธานกรรมการบริหาร (CEO) ของบริษัทแอปเปิล ซึ่งมีชื่อเสียงด้วยผลงานนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์แมคอินทอช, Iphone, Ipod, Ipad
เมื่อถึงคราวเปิดตัวสินค้าใหม่ทีไร ผู้คนจำนวนมากต้องปักหลักเข้าคิวรอยาวเหยียดอยู่หน้าร้านค้าของแอปเปิลในแต่ละประเทศแบบข้ามวันข้ามคืนแอปเปิลประสบความสำเร็จในระดับโลกได้ถึงขนาดนี้ เพราะบุคคลคนหนึ่งที่คอยขับเคลื่อนงานอย่างมุ่งมั่น นั่นคือ สตีฟ จ็อบส์ เองครับ
สตีฟ จ็อบส์ เกิดในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวของพ่อแม่บุญธรรม จนอายุ 17 ปี เขาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยได้เพียงแค่เพียงหนึ่งภาคการศึกษาเท่านั้น เพราะเขาคิดว่าไม่มีวิชาใดในมหาวิทยาลัยที่น่าสนใจสำหรับเขา ด้วยความเป็นคนคิดนอกกรอบ เขาจึงร่วมกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุได้เพียง 21 ปี
ตลอดชีวิตการทำงานของเขา เขาได้พิสูจน์ฝีมือให้คนในวงการได้ประจักษ์ มิใช่เป็นเพียงผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่โลกเพียงอย่างเดียว แต่เขาเป็นนักศิลปะ นักคิด นักพูดที่โดดเด่น
แต่แล้วปี 2547 ขณะที่เขากำลังสนุกกับงานที่แอปเปิลอยู่นั้น เขาพึ่งรู้ตัวว่า ตนเป็นมะเร็งตับอ่อน แต่เขาเป็นนักสู้ สู้กับโรคร้ายด้วยการทำงาน โดยไม่ปล่อยบริษัทให้เดินลำพัง จนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2554 เขาก็จากโลกนี้ไปพร้อมทิ้งตำแหน่งผู้ร่ำรวยมากที่สุดในอันดับที่ 110 ของโลก พร้อมด้วยทรัพย์สินมูลค่า 8,300 ล้าน ดอลล่าร์สหรัฐ เอาไว้เบื้องหลัง
ท่านเจ้าอาวาสที่เคารพครับ สาเหตุที่ผมเขียนจดหมายมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์ทั้งหมดนี้ เพราะเขาเป็นชาวพุทธครับ ในสมัยที่สตีฟ จ็อบส์ยังเป็นหนุ่ม เขาเคยเดินทางไปอินเดีย และทำให้เขาตัดสินใจหันมานับถือพระพุทธศาสนาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเขา สตีฟ จ็อบส์ เคยคิดที่จะออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาด้วย แต่เพราะติดโครงการสร้างคอมพิวเตอร์ เขาจึงพลาดโอกาสบวชเป็นพระไปครับ
ฝันในฝัน หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ คำถามข้อที่ 1. สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนนี้ตัวเขาเป็นอย่างไรบ้าง คำตอบ.....ก่อนที่นักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลกจะได้ฟังเรื่องราว Case study ของคุณสตีฟ จ็อบส์นั้น โดยเฉพาะนักเรียนใหม่ เราก็ต้องมาศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจกันก่อนว่า......
ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด ตายแล้วไม่สูญ
ชีวิตหลังความตายนั้น มีอยู่จริง คือ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด หรือจะเป็นเด็กน้อยแรกเกิด เด็กปานกลาง หรือผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกือบร้อยปี ไม่ว่าจะอยู่ ณ มุมใดของโลกนี้ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็จะต้องไปบังเกิดใหม่อยู่ในภพภูมิต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งภพภูมิที่เป็นสุคติ หรือภพภูมิที่ดี และภพภูมิที่เป็นทุคติ หรือภพภูมิที่ไม่ดี คือพูดง่ายๆ ว่า ตายแล้วไม่สูญ นั่นเอง
ชีวิตหลังความตายทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งสิ้น บุญและบาปตามหลักของกฎแห่งกรรมที่เป็นของสากลซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อของศาสนาหรือเผ่าพันธุ์ใด
สำหรับ ชีวิตหลังความตาย บทตัดสินว่าใครจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่เป็นสุคติหรือทุคตินั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครที่จะมาพิพากษาตัดสินหรือลิขิตชีวิต แต่ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งสิ้น คือก่อนที่จะเสียชีวิต บุคคลนั้นมีใจที่ผ่องใสหรือเศร้าหมอง ซึ่งความผ่องใสและเศร้าหมองของใจแต่ละบุคคลนั้นก็ขึ้นอยู่กำลังของบุญและบาปที่บุคคลนั้นได้เคยกระทำเอาไว้ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ซึ่งบุญและบาปที่กล่าวมานี้ก็คือบุญและบาปตามหลักของกฎแห่งกรรมที่เป็นของสากล ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับความเชื่อของศาสนาหรือเผ่าพันธุ์ใด อุปมาเหมือนกับมือเปล่าที่จับไฟจับยังไงก็ร้อน คือไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะรู้หรือไม่รู้ จับยังไงมันก็ร้อนหรือตรงข้ามเอามือเปล่าจับน้ำแข็ง จับยังไงก็เย็น คือไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อจะรู้หรือไม่รู้ จับยังไงมันก็เย็น
ซึ่งถ้าหากบุคคลใดมีใจที่ผ่องใสบุคคลนั้นก็จะได้ไปบังเกิดอยู่ในสุคติภูมิ แต่ถ้าหากบุคคลใดมีใจที่เศร้าหมองบุคคลนั้นก็จะต้องไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิ ดังหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสสอนเอาไว้ว่า
“ จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป ”
รายละเอียดของสุคติภูมิจะมีการแบ่งเป็นชั้นๆ
ซึ่งรายละเอียดของสุคติภูมิ แบบคร่าวๆ นั้น ก็จะมีการแบ่งเป็นชั้นๆ ตามความผ่องใสของใจว่ามีความผ่องใสมากหรือน้อย ซึ่งถ้าใจของบุคคลใดมีความผ่องใสน้อย คือ ได้ทำทั้งบุญและบาปตามหลักของกฎแห่งกรรมเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือถ้าเป็นชาวพุทธก็พูดง่ายๆ ว่า วัดก็เข้าเหล้าก็กิน บุญก็ทำกรรมก็สร้าง เป็นต้น
เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้ละจากโลกไปแล้ว พวกเขาก็จะไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่มีความสุขสบายในระดับเบื้องต้น โดยเริ่มตั้งแต่ภพภูมิของภุมมเทวา หรือเทวดาที่มีที่อยู่ที่อาศัยซ้อนอยู่ในเมืองมนุษย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นภพซ้อนภพ หรือมิติที่ซ้อนกันอยู่ ไล่เรื่อยไปจนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา รุกขเทวา หรือเทวดาที่มีที่อยู่ที่อาศัยอยู่กับต้นไม้ เช่น อยู่ในต้นไม้ หรืออยู่บนต้นไม้ เป็นต้น อากาศเทวา หรือเทวดาที่มีที่อยู่ที่อาศัยลอยอยู่บนอากาศ ไล่เรื่อยไปจนถึง นาค, ยักษ์, คนธรรพ์, กุมภัณฑ์, ครุฑที่อยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 1 หรือสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานั่นเอง
บุคคลใดสั่งสมบุญไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อละจากโลกไป ก็จะได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่มีความสวยงาม สว่างไสว
แต่ถ้าใจของบุคคลใดมีความผ่องใสมาก คือ เป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี ชอบทำความดี ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ และก็ได้สั่งสมบุญต่างๆ เช่น ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา เป็นต้น เอาไว้อย่างมากมายในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้ละจากโลกไปแล้ว พวกเขาก็จะได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่มีความสวยงาม สว่างไสว และมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป เช่น สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานฯ ปรนิมฯ หรือพรหมโลก เป็นต้น
คนที่มีใจเศร้าหมองเพราะบาปอกุศลที่ได้เคยกระทำเอาไว้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ เมื่อละจะโลกไปก็จะไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิมีแต่ความมืดมิดเร่าร้อนรุนแรง
ส่วนคนที่มีใจเศร้าหมอง เพราะบาปอกุศลที่ตัวเองได้เคยกระทำเอาไว้ในสมัยที่มีชีวิตอยู่ได้มาห่อหุ้มใจ เช่น ดื่มเหล้า, เจ้าชู้, เล่นการพนัน เป็นต้น เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้ละจะโลกไปแล้ว พวกเขาก็จะไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิ ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีแต่ความมืดมิด, เร่าร้อนรุนแรง, เศร้าหมอง, หดหู่, น่าสะพรึงกลัวและมีแต่ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเกินกว่าที่จะบรรยายได้ เช่น ภพภูมิของสัตว์นรก, เปรต, อสุรกาย เป็นต้น เมื่อลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ ได้ศึกษาเรียนรู้หลักวิชชาในการเดินทางไปสู่ปรโลกตามหลักของพระพุทธศาสนาพอเป็นสังเขปเช่นนี้แล้ว เราก็มารับฟังเรื่องราว Case Study ของคุณสตีฟ จ็อบส์กันเลย ก่อนที่คุณสตีฟ จ็อบส์จะเสียชีวิตภายในใจของเขา ยังเป็นห่วงและกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ก่อนที่คุณสตีฟ จ็อบส์จะเสียชีวิตนั้น ภายในใจของเขาก็ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงและกังวลในเรื่องราวต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องครอบครัว ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นตัวเขาก็ยังอยากที่จะอยู่กับครอบครัวและยังไม่พร้อมที่จะจากครอบครัวของเขาไป หรือ เรื่องของบริษัทที่ตัวเขามีความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมากๆ ซึ่งตัวคุณสตีฟ จ็อบส์เอง ก็มีโปรเจ็คต่างๆ ที่ตัวเขาได้แพลน หรือ คิดเอาไว้เยอะแยะมากมาย ซึ่งยังไม่ได้ทำ อีกทั้งตัวเขาก็ยังมีความรู้สึกที่กังวลว่า “ บริษัทที่ตัวเขาได้ทุ่มเทสร้างมาจะมีอนาคตต่อไปเป็นอย่างไร ” เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่ตัวเขาคิดคำนึงนั้นก็ได้กลายเป็นภาพที่ติดเข้าไปอยู่ในใจของเขาซึ่งภาพเหล่านั้นก็มีทั้งภาพที่ทำให้ตัวเขารู้สึกสบายใจ ไม่สบายใจ และกังวลใจ หรือถ้าพูดเป็นภาษาที่พวกเรานักเรียนอนุบาลฯ คุ้นเคยหรือคุ้นหูกันก็คือภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่ทำให้ใจใสและใจหมองนั่นเอง
เขารู้สึกเป็นกังวลลึกๆว่าเมื่อตัวเขาตายไปแล้วชีวิตหลังความตายของเขาจะเป็นอย่างไร ตัวเขาจะได้ไปอยู่ที่ไหนและที่แห่งนั้นจะเป็นอย่างไร
และที่สำคัญมากๆ มากๆ คุณสตีฟ จ็อบส์เองก็รู้สึกเป็นกังวลลึกๆ ว่า “ เมื่อตัวเขาตายไปแล้วชีวิตหลังความตายของเขาจะเป็นอย่างไร ตัวเขาจะได้ไปอยู่ที่ไหน และที่แห่งนั้นจะเป็นอย่างไร หรือว่าจะเป็นอย่างที่อาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นและเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ได้เคยสอนเอาไว้หรือเปล่หรือว่าจะเป็นอย่างอื่น” เรียกได้ว่าทั้งความไม่แน่ใจ, ความวิตกกังวล, และความผูกพันในเรื่องคน งาน เงิน และโปรเจ็คต่างๆ มันได้กลายเป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในใจของคุณสตีฟ จ็อบส์ ณ ช่วงเวลานั้นอยู่ตลอดเวลา ช่วงเวลาที่คุณสตีฟ จ็อบส์กำลังจะจากโลกนี้ไป ภาพต่างๆ เช่น ความปลื้มใจ ความไม่ปลื้มใจก็ได้มาปรากฏฉายอยู่ภายในใจ
ดังนั้น จึงทำให้ ณ ช่วงเวลาที่คุณสตีฟ จ็อบส์กำลังจะจากโลกนี้ไป ภาพของความวิตกกังวลและภาพของความทรงจำที่มีทั้งความสุข ความทุกข์ ความปลื้มใจ ความไม่ปลื้มใจ ก็ได้มาปรากฏฉายอยู่ภายในใจของเขา ซึ่งภาพต่างๆ เหล่านั้น ก็มีทั้งภาพที่ทำให้ใจของเขาเศร้าหมอง, ภาพที่ทำให้ใจของเขาผ่องใส และภาพที่ทำให้ใจของเขาไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใสสลับปะปนกันไป ซึ่งภาพที่ทำให้ใจของเขาเศร้าหมอง ก็คือ ภาพที่ตัวเขาเป็นคนขี้โมโห, หงุดหงิดง่าย ชอบใช้อารมณ์รุนแรงและโหวกเหวกโวยวายกับลูกน้องที่ทำอะไรไม่ค่อยได้ดั่งใจ หรือไม่ถูกใจตัวเขาอยู่เป็นประจำ คือ บอกให้ทำอย่าง ก็ไปทำอีกอย่าง หรือบอกให้ทำอย่างเดียว ก็ไปทำหลายอย่าง หรือพูดง่ายๆ ว่า ผิดสเป็กตลอด เป็นต้น
ภาพที่ทำให้ใจของเขาไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใส คือภาพที่ตัวเขาไปทำงานหรืออยู่กับครอบครัว
ส่วนภาพที่ทำให้ใจของเขาผ่องใส ก็คือภาพที่ตัวเขาได้บริจาคทรัพย์และสิ่งของให้กับองค์กรการกุศล รวมถึงภาพที่ตัวเขาได้ให้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนร่วมงานและนิสิตนักศึกษาตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น ส่วนภาพที่ทำให้ใจของเขาไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใส ก็คือภาพที่ตัวเขาไปทำงาน หรืออยู่กับครอบครัว เป็นต้น
หลังจากที่คุณสตีฟ จ็อบส์ได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ได้ไปบังเกิดใหม่เป็นเทพบุตรภุมมเทวา
และด้วยความที่ใจของเขามีทั้งความเศร้าหมอง ทั้งความผ่องใส และทั้งความไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใสปนเปกันไป กอปรกับตัวเขาก็ยังมีความผูกพันกับหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างบนโลกมนุษย์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน งาน เงิน และโปรเจ็คต่างๆ เป็นต้น เมื่อเหตุดังกล่าวได้มาส่งผลรวมกับอัธยาศัยพื้นฐานของตัวเขาซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และสุนทรียภาพทางศิลปะสูงมาก คือเป็นคนที่ชอบอยู่กับสิ่งของที่สวยงาม และชอบความเพอร์เฟ็ค จึงส่งผลทำให้หลังจากที่คุณสตีฟ จ็อบส์ได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว ตัวเขาก็ได้ไปบังเกิดใหม่เป็น “ เทพบุตรภุมมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ ” ที่มีที่อยู่ที่อาศัยซ้อนอยู่บนโลกมนุษย์ใกล้ๆ กับที่ทำงานเดิมของตัวเขาในทันที
เมื่อมาถึงจุดนี้ลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ ก็คงอยากที่จะรู้ว่า “ ภุมมเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ ” นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร สำหรับภุมมเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์นั้นก็คือภุมมเทวาที่มีอัธยาศัย 2 อย่างมาผสมผสานกัน ได้แก่ อัธยาศัยของวิทยาธรที่รักในการเรียนรู้ศาสตร์และความรู้ต่างๆ กับอัธยาศัยของยักษ์ที่มักโกรธ ขี้โมโห และหงุดหงิดง่าย ดังนั้น เมื่ออัธยาศัยทั้งสองอย่างดังกล่าว หรืออัธยาศัยที่รักในการเรียนรู้กับอัธยาศัยที่มักโกรธ ได้มาผสมผสานกันแล้ว จึงทำให้ภุมมเทวาสายนี้มีลักษณะเป็นวิทยาธรกึ่งยักษ์นั่นเอง
โดยเฉพาะเทพบุตรสตีฟ จ็อบส์ จะมีลักษณะกายเหมือนกับเทพบุตรภุมมเทวาระดับกลาง เพียงแต่ผิวของเขาจะเป็นสีดำอมแดงมีเลือดฝาดและหยาบกว่าผิวของเทพบุตรภุมมเทวาระดับกลาง ซึ่งโดยปกติทั่วไปภุมมเทวาระดับกลางจะมีผิวขาว ผ่องใสและละเอียดกว่าผิวของมนุษย์ ซึ่งถ้าจะอุปมาให้เห็นภาพกันแบบชัดๆ ผิวของภุมมเทวาระดับกลางก็จะมีความละเอียดและนุ่มนวลละม้ายคล้ายกับสำลีที่นุ่มๆ ส่วนผิวของเทพบุตรสตีฟ จ็อบส์ซึ่งเป็นภุมมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ จะมีความละเอียดคล้ายกับฟองน้ำ
วิมานของท่านมีลักษณะเรียบๆ ง่ายๆ ขนาดปานกลาง
ส่วนวิมานหรือที่อยู่ที่อาศัย ของท่านเทพบุตรใหม่จะมีลักษณะเป็นวิมานที่เรียบๆ ง่ายๆ ขนาดปานกลาง ที่สูงประมาณตึก 6 ชั้น ซึ่งตัววิมานจะประกอบด้วยโลหะสีเงินสีขาวและแก้วผลึกขนาดใหญ่ที่มีขอบเขตกว้างขวาง และอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานเดิมในสมัยที่ตัวเขายังเป็นมนุษย์ ซึ่งโดยรอบวิมานของท่านเทพบุตรใหม่จะมีวิมาน ของเหล่าภุมมเทวาที่มีความชอบคล้ายๆ กันอยู่หลายวิมาน นอกจากนี้ ท่านเทพบุตรใหม่ยังมีบริวารอันเป็นทิพย์ที่คอยรับใช้ดูแลอยู่ประมาณ 20 ตน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดจากผลแห่งบุญที่ตัวเขาได้เคยทำบุญแบบสงเคราะห์โลกเอาไว้ในสมัยที่ตัวเขายังเป็นมนุษย์ เช่น บริจาคทั้งเงิน สิ่งของ ความรู้ให้แก่ผู้อื่นและสังคม เป็นต้น
ต่อด้านล่างค่ะ (ส่วน comment)
v v
Create Date : 21 สิงหาคม 2555 | | |
Last Update : 21 สิงหาคม 2555 16:57:04 น. |
Counter : 3006 Pageviews. |
| |
|
|
|