Veritatem dies aperit. เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงเสมอ

Justice of the Peace
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Justice of the Peace's blog to your web]
Links
 

 
5. ย้อนเวลาหาอดีต ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า

วันที่ 3 : 14 พ.ย. 2552 : โกเบ-โอซาก้า

เช้ารุ่งขึ้น เรา Check out ออกจากโรงแรม ราว ๆ 08.00 น. เพราะนัดดาวไว้ที่สถานี Sannomiya เพื่อเดินทางไปโอซาก้า เวลา 09.00 น. เราเผื่อเวลาไว้เป็นชั่วโมง เพื่อจะเดินชิล ๆ ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศระหว่างทางไปเรื่อย ๆ



สรุปแล้ว เราก็ยังไม่ได้เที่ยวเมืองโกเบจริง ๆ ซักเท่าไร แต่เท่าที่เราหาข้อมูลมา สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโกเบมีไม่มากนัก แถมไม่ค่อยโดนใจเราเท่าไร... ที่ดัง ๆ ก็มีแถว ย่าน Habour Land ที่มีหอคอยโกเบ และห้าง Mosaic, ย่านโกเบ ไชน่าทาวน์ ที่ถือว่าเป็นไชน่าทาวน์ที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น, ย่านคิตะโนะโจ ซึ่งมีบ้านเรือนแบบตะวันตกสวย ๆ,ยอดเขาร็อคโค่ ชมวิวเมืองโกเบยามค่ำคืน หรือถ้าใครชอบอาบน้ำแร่อนเซ็น ก็ต้องไปที่ อาริมะ อนเซ็น...



เรามายืนรอดาวที่สถานี Sannomiya ฝั่ง East Gate หน้าร้านอาหารที่ทานมื้อกลางวันด้วยกันเมื่อวาน ตามที่ตกลงกันไว้ ตอน 09.00 น. เพื่อจะนั่งรถไฟไปเที่ยวโอซาก้าเป็นวันแรก แต่ 10.00 น. เราก็ยังไม่เห็นดาว อีกสักพักใหญ่ ๆ เกือบ 10.20 น. ดาวถึงได้เดินมา บอกว่า มาถึงตั้งแต่ 09.30 น.แล้ว แต่ไปยืนรอคนละฝั่ง เพราะจำผิด...

เราทั้งสองคน ขึ้น JR Kobe Line ไปลงสถานี Osaka ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วก็เริ่มใช้บัตรเบ่ง Osaka Unlimited Pass เป็นครั้งแรก โดยลงรถไฟใต้ดิน Midosuji Line จากสถานี Umeda ไปลงสถานี Nakatsu เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่โรงแรม Toyoko Inn Umeda-Nakatsu ซึ่งจะเป็นที่พักของเรา 2 คืน

ขอ comment ว่า โรงแรม Toyoko Inn Umeda-Nakatsu สะดวกมาก เดินออกจากรถไฟใต้ดินสถานี Nakatsu แป๊บเดียว เลี้ยวซ้ายหน้าร้าน Family Mart ก็ถึงโรงแรมเลย ไม่ต้องเดินไกลให้เหนื่อย



จากนั้นพวกเราก็เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Tanimachi 4-chome เพื่อไปเที่ยวแถว ๆ ปราสาทโอซาก้า ตอนนั้นก็ใกล้ๆ เที่ยงแล้วล่ะ ความจริงตามแผนเดิมที่วางไว้ คือ ตอนเช้าเที่ยวปราสาทโอซาก้า แล้วตอนบ่ายเที่ยวพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะใช้ Pass เข้าได้ทั้งคู่ แต่ดู ๆ แล้ว ปราสาทโอซาก้ากว้างมาก อาจจะเดินไม่ไหว เวลาก็มีไม่มาก เลยตัดสินใจเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าก่อน กะว่าคงใช้เวลาไม่นาน ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง - 2 ชั่วโมง ก็น่าจะดูครบแล้ว ว่าแล้ว เราก็เดินเข้าพิพิธภัณฑ์กันเลย...

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า (Osaka Museum of History)... ชื่อก็บอกอยู่แล้วล่ะนะว่า เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองโอซาก้า ตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน แต่ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้เป็นแค่ที่เก็บของเก่าโบราณล้าสมัยอย่างที่เราเคยเห็นที่พิพิธภัณฑ์ที่อื่น แต่มันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไฮเทคมาก แค่ตัวตึกภายนอกก็ทันสมัยไฮเทคอย่างที่เห็นแล้ว โดยเขาจะกำหนดให้เราเริ่มต้นชมพิพิธภัณฑ์ที่ชั้น 10 กันก่อนเล้ยยยยย



ชั้น 10 เป็นส่วนจัดแสดงความเป็นมาของเมืองโอซาก้า สมัยโบราณที่สุด เรียกว่า นะนิวะเคียว (Naniwa-kyo) ปี ค.ศ.744 ได้มีการย้ายเมืองหลวง จาก เฮโจเคียว (Heijo-kyo) หรือ นาระ (Nara) ในปัจจุบัน มาที่เมืองนะนิวะ ก็คือ โอซาก้าในปัจจุบัน และสถานที่ที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังโบราณนะนิวะ ก็คือ บริเวณปราสาทโอซาก้า และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั่นเอง แต่ นะนิวะเคียว เป็นเมืองหลวงอยู่ได้แค่ปีเดียว พอ ค.ศ.745 ราชสำนักก็ย้ายเมืองหลวงกลับไปที่ เฮโจเคียวตามเดิม



ดังนั้น ที่ชั้น 10 จึงได้จำลองบรรยากาศของท้องพระโรง ของพระราชวังโบราณนะนิวะ มีทั้งหุ่นจำลองของพวกขุนนาง นางสนมกำนัล แบบจำลองของพระราชวัง แล้วก็วัตถุโบราณจากซากพระราชวังนะนิวะ ส่วนที่ชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์จะมีจัดแสดง Site งานขุดค้นทางโบราณคดีให้ชมกันด้วย



แต่ที่ถูกใจ ประทับใจพวกเรามากที่สุด ก็คือ เขามีบริการให้แต่งชุดโบราณสมัยนะนิวะ แล้วถ่ายรูปให้ฟรีด้วย ตอนที่ดาวกำลังแต่งชุดอยู่ มีกลุ่มเด็ก ๆ เล็ก ๆ เดินมาดูด้วย มีเด็กผู้หญิงคนนึง เห็นดาวใส่ชุดสวย ก็เข้ามาจับที่ชายเสื้อแล้วก็บอกว่า “คิเรนะ คิเรเนะ”… (น่ารักจัง) ทำเอาดาวยิ้มหน้าบานเลย ที่มีเด็กมาชมว่าน่ารัก...



ทีมงานที่ให้บริการแต่งชุดโบราณให้ เป็นอาสาสมัครจากคนในท้องถิ่นแถวนั้น ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมให้บริการมาก แม้ว่าแต่ละคนจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ (บางคนก็พูดแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ !!!) แต่ก็พยายามชวนเราทั้งสองคนคุยเรื่องต่าง ๆ ตลอดเวลาระหว่างคอยคิวแต่งชุด... มีคุณป้าท่านหนึ่ง พอพูดอังกฤษได้กระท่อนกระแท่น มาคุยกับพวกเรา พอรู้ว่าพวกเรามาจากเมืองไทย แกก็ดีใจใหญ่ บอกว่า แกเคยไปเที่ยวที่เมืองไทยมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ วัดพระแก้ว ฟาร์มจระเข้สามพราน แล้วก็พัทยา แกชอบโชว์ช้างที่ฟาร์มจระเข้สามพรานมาก...

ดาวกับเรารู้สึกประทับใจมิตรจิตมิตรใจของทีมงานแต่งชุดให้นี้มาก ก่อนเราจะออกจากชั้นนี้ เราเลยมอบของที่ระลึกที่เราเตรียมไปจากเมืองไทย เป็น Magnet ที่เกี่ยวกับประเทศไทยให้ทีมงานทุกคน บอกว่าเป็น Souvenirs from Thailand โดยเฉพาะ Magnet รูปช้างให้กับคุณป้าคนนั้น คุณป้ากับทีมงานดีใจมาก ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก เราเองก็ต้องโค้งขอบคุณพวกเขากันหลายรอบเลยทีเดียว



เมื่อลงมาชั้นอื่น ก็จะเป็นการจัดแสดงประวัติของเมืองโอซาก้าในสมัยต่าง ๆ เช่น สมัยที่เป็นที่ตั้งของวัดอิชิยามะฮอนงันจิ และเมืองซะไก (ปัจจุบันเป็นเขตหนึ่งของจังหวัดโอซาก้า) ที่เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขาย, สมัยสร้างปราสาทโอซาก้า, โอซาก้าในสมัยเอโดะ แล้วก็โอซาก้า ในสมัยใหม่ ก็มี Model สไลด์ รูปภาพและสิ่งของหลายแบบ จำลองวิถีชีวิต บ้านเรือนสมัยก่อนให้ดู เราสามารถเดินดู แล้วก็มีมุมให้ถ่ายรูปได้ไม่รู้เบื่อ






น่าเสียดายที่คำอธิบาย กับสไลด์เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน ๆ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็คิดว่าสำหรับคนที่ไม่ค่อยสนใจ หรือรู้เรื่องประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ก็ยังสามารถสนุกไปกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ไม่ยาก เพราะพิพิธภัณฑ์วางรูปแบบการจัดแสดงได้น่าสนใจ มีความหลากหลาย น่าตื่นตาตื่นใจทำให้เดินดูได้ ไม่น่าเบื่อเลยสักนิดเดียว




ถ้ามาเที่ยวโอซาก้า อย่าลืมแวะเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าให้ได้เลยนะครับ...





น่าสนใจ หรือน่าเบื่อ ก็คงดูได้จากว่า จากเดิมที่เรากะว่าจะใช้เวลาที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เอาเข้าจริง ๆ กว่าจะออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็เกือบ 16.00 น. หรือ รวม ๆ แล้ว เราใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นานถึงเกือบ 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว



เราดูเวลาแล้ว คงจะไม่มีเวลาพอที่จะเข้าปราสาทโอซาก้า เลยตัดสินใจกลับไปโรงแรม Toyoko Inn Umeda-Nakatsu เพื่อ Check in แล้วจะไปเที่ยวต่อในค่ำคืนนี้ที่ Umeda Sky building จ้า.


Create Date : 21 เมษายน 2553
Last Update : 26 เมษายน 2553 13:39:32 น. 1 comments
Counter : 1102 Pageviews.

 


โดย: thanitsita วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:15:10:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.