Veritatem dies aperit. เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงเสมอ

Justice of the Peace
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Justice of the Peace's blog to your web]
Links
 

 
16. วัดเท็นริวจิ ชมสวนสวย ลุยสวนไผ่ หลงทางไป JR

วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji)



วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji) เป็นวัดพุทธศาสนา นิกายเซน มีประวัติที่เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงสมัยนัมโบะคุโช (Namboku-cho Period) คือ เมื่อ ค.ศ.1333 อะชิคางะ ทากาอุจิ (Ashikaga Takauji) เป็นแม่ทัพให้ พระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ (Emperor Go-Daigo) เพื่อทำสงครามกับ โฮโจ ทากาโทกิ (Hojo Takatoki) หัวหน้าตระกูลโฮโจ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น ชิคเค็น (Shikken) หรือ ผู้สำเร็จราชการ ครองอำนาจอยู่ในขณะนั้น โดยตั้งใจว่าจะฟื้นฟูอำนาจให้พระจักรพรรดิ แต่เมื่อโค่นล้มตระกูลโฮโจสำเร็จแล้ว ทากาอุจิ กลับทรยศต่อพระจักรพรรดิ โดยแต่งตั้งตัวเองเป็นโชกุน เมื่อ ค.ศ.1338 แล้วเนรเทศพระจักรพรรดิไปยังเมืองที่ห่างไกลจนสวรรคต เมื่อ ค.ศ.1339



ต่อมาปรากฏว่า โชกุนอะชิคางะ ทากาอุจิ ฝันร้ายว่า มีมังกรมารังควาน โหรบอกว่า มังกรนั้นคือดวงพระวิญญาณของพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะที่เคียดแค้นจองเวร ดังนั้น เมื่อ ค.ศ. 1339 โชกุนทากาอุจิจึงสั่งให้สร้างวัดเท็นริวจิขึ้น เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลให้แก่ดวงพระวิญญาณของพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ โดยใช้เงินกำไรที่ได้จากการค้ากับราชวงศ์หยวนของจีน คนจึงเรียกฉายากองเรือสินค้าในครั้งนั้นว่า “กองเรือสินค้าเท็นริว”



วัดเท็นริวจิ สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ.1343 ด้านในวิหารโฮโจ จะมีภาพวาดมังกรขนาดใหญ่ วาดโดยจิตรกรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนั้น ซึ่งมีตำนานเล่าว่า เคยมีคนเห็นว่ามังกรในภาพนี้มีชีวิตออกมาจากภาพจริง ๆ



แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า วัดเท็นริวจินี้ นับแต่สร้างเสร็จจนถึงปัจจุบัน ถูกไฟไหม้มาแล้วถึง 8 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อปี ค.ศ.1864 ดังนั้น สิ่งก่อสร้างเกือบทุกอย่างในวัดนี้จึงเป็นของที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยเมอิจิ ของดั้งเดิมที่หลงเหลือมาตั้งแต่ ค.ศ.1343 มีอยู่เพียงสิ่งเดียวก็คือ สวนโซเง็นฉิ (Sogenchi) โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาอะระชิยะมะ ที่สวยงามมาก วัดเท็นริวจิ ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก เมื่อ ค.ศ.1994 (ข้อมูลจากแผ่นพับของทางวัดครับ)

บรรยากาศทั่วไปของสวนโซเง็นฉิ... (ค่าเข้าชม 500 เยน ครับ)







เมื่อเดินตามทางเดินในสวนไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นทางออกวัดทางด้านทิศเหนือ ก็จะพบกับป่าไผ่ (Bamboo Grove) ที่เราตั้งใจเดินทางมาหาครับ...



...แต่...เอิ่ม...คนเยอะมาก ถึงมากที่สุดครับ แทบไม่มีที่ว่างเลย...







...บอกตรง ๆ ว่า แอบผิดหวังกับสวนไผ่ Bamboo Groves นี้เล็กน้อย... เพราะคาดหวังเอาไว้มาก คิดว่าน่าจะมีอะไรที่มากกว่านี้ แต่บรรยากาศโดยรวมรู้สึกเฉย ๆ มาก แถมเป็นทางสั้น ๆ เดินได้แป๊บเดียวเอง แถมมีรถวิ่งเข้าไปได้ ทำให้เสียความรู้สึกมาก...



จากนั้นเราก็เดินออกมาอีกทางหนึ่ง (พูดง่าย ๆ คือ เดินตามชาวบ้านเขาไปเรื่อย ๆ) นึกว่า จะไปออกที่สถานี JR Saga เพื่อจะนั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Emmachi แล้วจะต่อรถบัสไปเที่ยวที่วัดคินคะคุจิต่อ ...แต่…

…ปรากฏว่า หลง ครับ...พี่น้อง !!! เส้นทางที่ว่า มันคือไปออกสถานี Torokko Arashiyama ต่างหาก ก็คือ ทางรถไฟสายโรแมนติก Sagano Romantic Train นั่นเอง... ถามพี่ลากรถริกชอว์แถวนั้น บอกว่าให้เดินตามทางไปเรื่อย ๆ ก็จะไปเจอสถานี JR ...เราก็นึกว่าจะอยู่ใกล้ ๆ แต่ที่ไหนได้... เดินมาราธอนกันเลยทีเดียว แถมเส้นทาง ก็เป็นแบบถนนซอยในหมู่บ้านชานเมือง ไร้ป้ายบอกทางใด ๆ ทั้งสิ้น



หลงทางแล้วยังมีกะใจจะถ่ายรูปโมมิจิอีกแน่ะ...


บางช่วงก็มีดาวกับเราเดินอยู่แค่สองคน บรรยากาศเงียบวังเวงมาก ได้แต่ภาวนาขอให้เจอทางออกไปถนนใหญ่เร็ว ๆ แม้จะยังหลง แต่ก็ยังดีที่ได้มีโอกาสพบเห็นทัศนียภาพอันสวยงาม เงียบสงบ ของหมู่บ้านชานเมือง…




ถ้าไม่หลง ไม่ได้เห็นภาพสวย ๆ แบบนี้นะเนี่ย...


ตอนเดินวนเวียน ๆ อยู่ เราก็ทำใจแล้วล่ะครับ...ว่า ไม่มีผู้ใดที่มาเที่ยวเองแล้วไม่หลง ถือว่า ได้ประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน (ถ้าเที่ยวเองแล้วไม่หลงก็ดูจะขาดสีสันไปนะ... อิอิ)

...แต่ในที่สุดพวกเราก็สามารถแกะรอยไปเจอป้ายบอกทางไปสถานี JR ได้ (ทั้งป้ายอ่านออกอยู่คำเดียว คือ JR ...) จากนั้น เราก็เริ่มเกมไล่ตามหาป้ายบอกทางไปสถานี JR ไปเรื่อย ๆ อย่างกับเล่น Walk Rally ยังไงยังงั้น...




แล้วพวกเราก็เดินมาจนถึงศาลเจ้าโนโนมิยะ เห็นมีผู้หญิงแต่งชุดเป็นไมโกะมาเดินเที่ยวด้วย...




ในที่สุดเราก็หลุดออกมาสู่ถนนใหญ่จนได้ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของสถานี JR เห็นป้ายจอดรถบัส เขียนว่า Nonomiya เอา Bus Navi Map มาดู ก็รู้ว่าเรากลับมาสู่บริเวณ อะระชิยะมะอีกแล้ว แต่ถ้าจะเดินไปสถานีรถไฟ JR Saga นี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน เพราะตอนนั้นเราหลงทิศแล้วล่ะ

ระหว่างที่เรากำลังงง ๆ อยู่ ก็มีเด็กผู้หญิงวัยรุ่นญี่ปุ่น 2 คน เดินมาดู ๆ ที่ป้ายจอดรถบัสพอดี ดูท่าทางเหมือนมาเที่ยวมากกว่าจะเป็นคนท้องถิ่นแถวนั้น เราเลยเข้าไปถามทางว่าจะไปสถานีรถไฟ JR Saga ยังไง เขาสองคนก็ไม่ค่อยแน่ใจ พูด ๆ คุย ๆ เถียง ๆ กันเอง แล้วก็บอกว่า ต้องเดินไปทางเหนือ แต่เราดูแผนที่เปรียบเทียบกับสถานที่จริงตอนนั้นแล้วเราก็ยังงง ๆ คือ ใจเราคิดว่า น่าจะเดินไปทางทิศใต้มากกว่า เขาสองคนคงคิดว่า พูดยังไงไอ้กะเหรี่ยงคนนี้ก็คงไม่เข้าใจละมั้ง... ก็เลยบอกว่า ให้เดินตามพวกเขามา...

แล้วเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนั้นก็เดินนำเราไปจริง ๆ เดินเร็วมากด้วย ตอนแรกเราก็นึกว่าพวกเขาคงพาไปจนถึงถนนใหญ่ที่พอจะดูรู้ว่าจะต้องไปทางไหนต่อแล้วชี้ทางบอกเราให้เดินต่อไปเอง ...แต่เดิน ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่ามันไกลมาก ๆ สักประมาณกิโลเมตรกว่า ๆ ได้ จนมาถึงหน้าสถานี JR Saga พวกเขาก็ขอตัวกลับ ...แล้วก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมน่ะแหละ... แบบว่าเรางงมาก ๆ เลย ว่า นี่เขาลงทุนเดินเป็นกิโล ๆ พาเราสองคนมาส่งจนถึงหน้าสถานีเลยหรือเนี่ย... เรากับดาวถึงกับอึ้ง ประทับใจในน้ำใจคนญี่ปุ่นสุด ๆ



พวกเราเดินทางกันด้วยรถไฟ จากสถานี JR Saga ไปลงสถานี Emmachi ออกจากสถานีแล้วก็รีบหาอะไรทานกันก่อน เพราะเราหลงทางไปหลายชั่วโมง เสียแรงงานไปมาก หิวข้าว มาเจอร้าน Yoshinoya ได้ข้าวราดหน้าหมูชามใหญ่ไปคนละชาม ก็พอมีเรี่ยวแรงเที่ยวต่อได้ พนักงานที่ร้านใจดี พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย รู้ว่าเราจะไปวัดคินคะคุจิต่อ ก็บอกทางให้ไปเราขึ้นรถบัส สาย 205 ที่มีป้ายที่อยู่เลยร้านไปอีกหน่อย ซึ่งเราเองก็กำลังไม่แน่ใจอยู่ว่าจะต้องไปขึ้นรถบัสที่ป้ายไหนพอดี.


Create Date : 27 พฤษภาคม 2553
Last Update : 27 พฤษภาคม 2553 7:33:53 น. 2 comments
Counter : 3204 Pageviews.

 
หุหุ ตามมาอ่าน.. หลงระทึก แต่ประทับใจใช่มั้ยล่ะคะ

คราวก่อนไป แต่ไม่ได้ไปชมสวนไผ่ เวลาไม่พอ.. มืดซะก่อน..


โดย: poongie วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:11:52 น.  

 


โดย: chokun123 วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:05:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.