บอกแล้วไม่ฟัง
Group Blog
 
All blogs
 

คิดถึงตัวเองเมื่อยามแก่

ไปร่วมประชุมกับผู้คนในแวดวงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนอยู่ในภาวะเหมือนกันคือ ทำอย่างไรกันดีในเมื่อผู้คนของประเทศเรา ไม่ชอบการอ่าน ชอบที่จะฟังแบบเชื่อบุคคลผู้พูด โดยไม่สนใจว่าเนื้อหา (content) ที่บุคคลผู้นั้นจะพูดว่าอะไร ถ้าเชื่อคนนั้นแล้วมีแนวโน้มว่าจะเชื่อไปหมด และท้ายที่สุดอาจจะหมดเนื้อหมดตัวกันไปข้างนึง โดยมีคดีความต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลกันก็มากเหลือเกิน เพราะเชื่อที่เขาพูดโดยไม่ไตร่ตรองนั่นเอง


ดังนั้นหากคนเราชอบการอ่าน รักการหาข้อมูล และนำข้อมูลมาคิดใคร่ครวญหาข้อดี ข้อเสีย หรือปรึกษาถามผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ แล้วค่อยตัดสินใจสิ่งที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุดน่าจะเป็นการดี


ประเด็นต่อมาที่เราหารือกันมากคือ ทำอย่างไรผู้คนในวัยทำงาน จะมองในระยะยาว มองไปไกล ๆ เมื่อวัฎจักรของชีวิตของเราทุกคนที่หลีกหนีไม่ได้คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังนั้นเราควรจะคิดถึงตัวเองเมื่อแก่กันด้วยว่า เมื่อแก่แล้วในสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เราจะอยู่อย่างไรให้มีสุข





จึงสรุปได้ว่า เราต้องจับมือกันเพื่อพยายามให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องการออมเพื่อการเกษียณกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อกระตุ้นให้คนทำงานนอกจากจะคิดว่าวันนี้มีเงินใช้แล้วต้องคิดเผื่อไปด้วยว่า แล้วเมื่อไม่ได้ทำงานและไม่มีเงินเดือนแล้ว จะทำอย่างไรกับชีวิตกันดี


ข้อมูลมีอยู่ทั่วไป แม้กระทั่งในหลักพุทธศาสนาของเรา พระพุทธเจ้ายังทรงสอนหลักการใช้เงินไว้ เรียกว่า “ประโยชน์การใช้ทรัพย์ 4 ประการ” ซึ่งเป็นหลักการง่าย ๆ โดยเมื่อทำงานแล้วได้รับเงินมาจำนวนหนึ่งทุกเดือน ก็ต้องแบ่งเงิน หรือการจัดเงินออกเป็น 4 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 ใช้เลี้ยงดูตัวเองและหมู่ญาติ ให้มีความสุขความสบายตามฐานะ นั่นหมายถึงทำชีวิตวันนี้ให้มีความสุขมีอาหารกิน มีที่อยู่ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานของชีวิต ส่วนที่ 2 คือใช้ซ่อมแซม สร้างเสริมที่อยู่อาศัยให้แข็งแรงเพื่อให้สามารถปกป้องเราให้พ้นภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ เพราะเมื่อเราสร้างบ้านแล้ว เราก็ยังคงมีหน้าที่ต้องคอยดูแลซ่อมแซมบ้านไม่ให้สึกหรอหรือเสื่อมสภาพไปจนใช้การไม่ได้ ส่วนที่ 3 เป็นส่วนของการบริจาคทาน เพื่อใช้มอบให้แก่บุคคลอื่น ๆ ที่ด้อยกว่าเรา รวมไปถึงการทำบุญต่าง ๆ ให้แก่สังคมที่เรารัก และการกันเงินเอาไว้เพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องตามหน้าที่ เพราะเมื่อสังคมอยู่ได้ เราก็ย่อมอยู่ได้เช่นกัน ส่วนที่ 4 ส่วนสุดท้ายคือการเก็บส่วนหนึ่งเอาไว้เมื่อใช้ในยามชรา จะเห็นได้ว่าพุทธศาสนายังไม่เว้นที่จะสอนให้เราต้องคิดถึงตนเองเมื่อยามแก่ แลวางแผนล่วงหน้าไว้โดยให้แบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วนตามข้างต้น แล้วเราซึ่งมีเงินเดือน อยู่ในวัยทำงานจะไม่คิดไปไกล ๆ ยาว ๆ ถึงการจัดการเรื่องเงินของตนเองได้อย่างไร


หลักการต่าง ๆ เพื่อการมีชีวิตที่มั่นคงมีอยู่รอบตัว ถ้าเพียงเราใส่ใจจะมองหา และเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องศาสนา ซึ่งหากเราเพียงคิดให้ยาว ๆ เข้าหาข้อมูลที่มีอยู่มากมาย ในหลากหลายช่องทาง แล้วนำมายึดถือปฏิบัติอย่างมีวินัยในตนเองให้ได้


เพียงเท่านี้ ก็เท่ากับว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราได้ครบถ้วนและดีที่สุดในทุกวันแล้ว





 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 19:44:23 น.
Counter : 537 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

amaridar
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add amaridar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.