บอกแล้วไม่ฟัง
Group Blog
 
All blogs
 

วิธีง่ายๆสำหรับคนที่ไม่อยากแก่

อาจกล่าวได้ว่า เมื่อเวลาเราเห็นใครๆที่ดูอ่อนกว่าวัย ย่อมเกิดคำถามตามมาว่า ทำอย่างไรจึงดูดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ที่ดูยังไงก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เขาเป็นพี่น้อง พ่อลูก หรือแม่ลูกกัน


ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้แนะวิธีคงความหนุ่มสาว ซึ่งมีทั้งหมด 14 ข้อ ดังนี้


1. แคลอรี่เยอะ เสื่อมเร็ว


การรับประทานอาหารที่ให้แคลอรี่สูงจะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญสารอาหารมาก ก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น อาหารที่เรารับประทานไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สุดท้ายก็จะถูกย่อยสลายกลายเป็นน้ำตาล ถ้าร่างกายรับแคลอรี่หนักทุกมื้อ ย่อมส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ๆ ต่ำ ๆ ร่างกายต้องหลั่งสารอินซูลินตลอดเวลาเพื่อนำน้ำตาลไปเก็บไว้ในเซลล์


คนที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้ย่อมเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้แก่เร็ว สมัยก่อนการกินอาหารเน้นแป้งและน้ำตาล รองลงมาคือ โปรตีน ผักผลไม้และไขมัน แต่ถ้าต้องการรับประทานอาหารให้ดีไม่ให้แก่เร็ว ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะสิ่งที่ควรกินมากที่สุดคือ น้ำบริสุทธิ์ 1-2 ลิตรต่อวัน เน้นผักผลไม้ อาหารกลุ่มโปรตีนมีประโยชน์ ไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า 3,6 และ 9 ส่วนสิ่งที่ควรกินให้น้อยที่สุดคือไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่ในแป้งและน้ำตาล


2. กินหลากแหล่ง


เลือกผักออร์แกนิกหรือจากหลากแหล่งผลิต เพราะเราไม่รู้ว่าแหล่งปลูกมีสารปนเปื้อนหรือไม่ วิธีนี้ช่วยลดการสะสมสารบางอย่างในร่างกาย เพราะมีงานวิจัยบ่งชี้ว่า การลดการกินอาหารที่มีสารพิษไม่ให้ผลดีเท่ากับกินอาหารจากหลากแหล่งผลิต


3. ร้อนไปไม่ดี กรอบไปไม่เวิร์ค


หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ผ่านกระบวนการร้อนจัดหรือทอดจนกรุบกรอบ นอกจากจะสูญเสียคุณค่าสารอาหารแล้ว ยังเพิ่มสารก่อมะเร็งมากขึ้นด้วย สู้เปลี่ยนมากินอาหารออร์แกนิกหรือผ่านกรรมวิธีนึ่งหรือต้มจะดีกว่า


4. ลดคาเฟอีน


ปกติร่างกายหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้เพียงพอ สร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารอะดีนาลีนอยู่เป็นประจำ อะดรีนาลินทำงานคล้ายฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้ร่างกายลดการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ไปโดยปริยาย ส่งผลให้ต่อมไทรอยด์เสื่อมเร็วกว่าปกติ


ถ้าเกิดภาวะไทรอยด์ต่ำ ทำให้การเผาผลาญต่ำลง แม้เราจะรับประทานอาหารเท่าเดิม แต่อ้วนง่าย บางคนมีอาการมือเท้าเย็น เวียนศีรษะ ความจำเสื่อม ผิวและผมแห้ง ไขมันในเลือดสูงเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เป็นลูกโซ่ไปเรื่อย ๆ


5. ดื่มนมมากไปกระดูกพรุน


ในวัยผู้ใหญ่ไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนเอเชียมีอุบัติการณ์ Cow’s Milk Intolerance มากกว่าคนอเมริกาและยุโรป นอกจากนี้ผลการวิจัยล่าสุดในอเมริกาพบว่า คนที่ดื่มนมมาก ๆ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่า เหตุผลคือ กรดแอมิโนบางอย่างในนมทำให้เลือดเป็นกรด ส่งผลให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมและแมกนีเซียมจากกระดูกไปในปัสสาวะ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในวัยผู้ใหญ่ ทางที่ดีเลือกทานแคลเซียมจากแหล่งอื่น ๆ เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ธัญพืช หรือเต้าหู้จะดีกว่า





6. ดื่มน้ำจากขวดแก้ว


การดื่มน้ำบริสุทธิ์จากขวดแก้วดีกว่าดื่มน้ำจากขวดพลาสติก เพราะสารพิษในพลาสติกละลายปะปนในน้ำตลอดเวลา ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษ ก่อให้เกิดความเสื่อมอย่างไม่ต้องสงสัย


7. หน้าแก่เพราะฟิตเกิน


คุณเคยเห็นคนออกกกำลังกายหนักจนหน้าแก่ หรือบางคนฟิตจัด แต่จู่ ๆ เกิดหัวใจวายกะทันหันกลางสนามกีฬาหรือไม่ นั่นเป็นเพราะร่างกายเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเหตุของความเสื่อมของร่างกาย ดังนั้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เหมาะสมจึงควรอยู่ที่ 30-45 นาทีต่อวัน จากนั้นยกเวทนิดหน่อย ทำ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าผลเสีย


8. ดื่มเหล้ามาก จากชายกลายเป็นหญิง


การดื่มเหล้าทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย แถมเหล้าที่ดื่มเข้าไปกลายเป็นน้ำตาลสะสมในรูปไขมัน ถ้าเทียบการได้รับแคลอรี่จากโปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ แต่เหล้าปริมาณเท่ากันให้พลังงานถึง 7 กิโลแคลอรี่ แถมยังทำให้ผู้ชายที่ดื่มจัดรูปร่างเหมือนถังเบียร์ หัวล้าน มีเต้านมเหมือนผู้หญิง นั่นเป็นเพราะเหล้ามีผลต่อตับ ทำให้มีการเปลี่ยนฮอร์โมนจากชายกลายเป็นหญิงมากขึ้น ซึ่งโดยธรรมชาติของฮอร์โมนเพศหญิงใช้ในการเก็บไขมัน คนที่ดื่มหนักจะลงพุงและแก่เร็ว นอกจากนี้ยังทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ในผู้หญิงที่ดื่มหนักมาก มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเช่นเดียวกัน


9. หยุดสูบเสียแต่วันนี้


สูบบุหรี่ 1 มวนกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 1014 ล้านโมเลกุล ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคถุงลมโป่งพองและโรคมะเร็ง


10. หลีกเลี่ยงโลหะหนักและสารปรอท


ในอเมริกาและยุโรปสั่งห้ามใช้อะมัลกัม (Amalgum : ทำมาจากปรอทซึ่งเป็นโลหะหนัก) ในการอุดฟันคนไข้ เพราะพบว่ามีการระเหยปล่อยสารปรอทเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลา มีงานวิจัยบ่งชี้ว่าคนเป็นมะเร็งเต้านมและอัลไซเมอร์มีผลส่วนหนึ่งมาจากปรอทและโลหะหนัก ปัจจุบันคนเยอรมันหันมาใช้ “เซอร์โคเนียม” (เพชรรัสเซีย) ในการอุดฟัน รวมถึงการผลิตข้อเทียม กระดูก และรากฟันเทียมแทน เพราะไม่ทำปฏิกิริยาต่อร่างกาย





11.วางโทรศัพท์มือถือไกลตัว


มีงานวิจัยว่าการใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งใช้คลื่นความถี่สูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ถ้าเป็นไปได้ ควรวางโทรศัพท์ไว้ห่างจากร่างกายจะดีกว่า


12.เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม


ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตีสองเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งส่งผลให้หลับลึก ทำให้ความจำดี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และทำให้การหลั่งฮอร์โมนอื่น ๆ ในร่างกายสมดุล ขณะเดียวกันช่วงที่ร่างกายหลับลึกส่งผลให้โกร์ทฮอร์โมนหลั่งออกมาเพื่อเสริมสร้างโปรตีนในร่างกาย ได้แก่ คอลลาเจนใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรง ช่วยลดไขมันที่สะสมในร่างกาย ถ้าไม่อยากแก่ อย่านอนดึกจนเกินไป


13. กินวิตามิน


วิตามินบางตัวออกฤทธิ์เป็นสารอนุมูลอิสระ เช่น กลุ่มวิตามินเอ อี ซี ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายต้องการตลอดเวลาเพราะสร้างเองไม่ได้ และต้องทำงานเป็นระบบ แต่ละตัวมีคุณสมบัติต่างกัน เช่น วิตามินซีละลายในน้ำ ช่วยปกป้องดีเอ็นเอ ส่วนวิตามินเอ อี โคเอนไซม์คิว 10 ละลายในไขมัน ช่วยปกป้องผนังเซลล์ให้แข็งแรง ถ้ามั่นใจว่าได้รับสารเหล่านี้เพียงพอจากการกินอาหารจะไม่กินวิตามินเสริมก็ได้


แต่ปัญหาก็คือ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า อาหารที่กินเข้าไปให้วิตามินเหล่านั้นเพียงพอ เช่น ร่างกายต้องการวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม เท่ากับส้ม 14 ลูก วิตามินอี 500 IU เท่ากับกินน้ำมันพีนัท 12.5 ช้อนโต๊ะ ซึ่งในชีวิตประจำวันเราไม่มีโอกาสได้รับอย่างครบถ้วน จึงต้องใช้วิตามินเสริมทดแทนสารอาหารที่ร่างกายขาดไป เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราขาด ก็ด้วยการตรวจปริมาณสารเหล่านี้ในเลือดว่าเพียงพอหรือไม่ มีความจำเป็นต้องได้รับในปริมาณเท่าไหร่ต่อวันจึงจะเหมาะสมที่สุด


14. เสริมฮอร์โมน


ปกติร่างกายต้องใช้ฮอร์โมนในการทำงาน แต่ผู้หญิงผู้ชายถูกกำหนดไว้แล้วโดยเฉลี่ยเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่ภาวะผลิตฮอร์โมนลดลง เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อ่อนเพลีย อารมณ์หงุดหงิด ความจำแย่ลง การเผาผลาญลดลง ร่างกายเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวหนังเหี่ยวย่น แห้ง ผมร่วง ตามหลักการของเวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Anti-Aging Medicine นั้น ถ้าไม่มีข้อห้าม สามารถได้รับฮอร์โมนทดแทนเพื่อรักษาสมดุลเหล่านั้นกลับคืนมา แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์


ที่มาของข้อมูล รพ.กรุงเทพ วิชาการดอทคอม และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)




 

Create Date : 27 เมษายน 2553    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 19:10:08 น.
Counter : 329 Pageviews.  

อยากบอกให้ฟังแบบนี้

เช้าวันนี้ รู้สึกดีมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่อากาศร้อนแต่เช้าเลย นั่นเป็นเพราะเรื่องราวที่ดิฉันได้เขียนนั้น มีคนอ่านและส่ง comment เข้ามา สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันมีความสุขทุกวัน และยิ้มได้แต่เช้าทุกเช้า




แต่มีสิ่งที่ต้องยังต้องขอเวลาเรียนรู้ เพื่อจะทำการสื่อสารกับท่านผู้อ่าน ๆ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน นั่นคือเรื่องระบบ ที่ยังทำอะไรไม่ชำนาญนัก นอกจากเอาเรื่องที่เขียนนั้น ใส่เข้าใน blog ได้เท่านั้น ทั้งที่จริง ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มทุกวัน และหากยังไม่ได้สื่อสารกลับไปยังทุกท่าน อย่าเพิ่งเคืองกันเลยนะคะ ขอเวลาอีกสักนิดค่ะ


และหากมีคำแนะนำใด ๆ ดิฉันยินดีที่จะรับฟัง เนื่องจากอายุเกิน 45 ไปแล้ว ( เรียกได้ว่าเป็นคนยุด Baby Boommer ได้เลยค่ะ ) เวลาจะเรียนรู้อะไรสักอย่างจึงช้าเมื่อเทียบกับความเร็วสุด ๆ ของโลกปัจจุบันนี้


วันนี้มีความสุข เลยขอ 2 อย่างนะคะ นั่นคือ ขออภัย และ ขอขอบคุณทุกคนเลยค่ะ สำหรับ "โอกาส"


วันนี้...รู้สึกเช่นนี้ จึงอยากบอกให้ฟังแบบนี้หละค่ะ




 

Create Date : 26 เมษายน 2553    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 19:19:41 น.
Counter : 344 Pageviews.  

แนวทางสร้างความสุขหลังเกษียณ


1. อยู่ได้ด้วยตนเอง และพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด

2. อย่าให้ชีวิตไร้คุณค่า เป็นที่พึ่งทางปัญญาให้กับลูกหลาน และทำตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม

3. พึงตระหนักในสัจธรรมที่ว่า ชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลง อย่ายึดติด และจงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

4. ศึกษาธรรมะ และหลักคำสอนของศาสนา เพื่อจิตใจที่สุขสงบ



คัดลอกจากบางส่วนของ //www.ku.ac.th/e-magazine/nov48/know/secret.htm




 

Create Date : 23 เมษายน 2553    
Last Update : 23 เมษายน 2553 9:35:01 น.
Counter : 576 Pageviews.  

5 สิ่งที่ทำให้คนสุขภาพดีอายุยืนยาว

ผลการวิจัยที่น่าสนใจของต่างประเทศที่ทำการวิจ้ยจากประชากรต่างเชื่อช่าติในทวีปต่าง ๆ ทั่วโลก เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีอายุเฉลี่ยยืนยาวที่สุด (Longevity)พบว่ามีชนชาติอยู่ 3 ชนชาติ นั่นคือ Sardinians , Adventists และ Okinawans ที่แม้ว่าจะอยู่คนละแห่งคนละที่และมีความแตกต่างกันหลายประการก็ตาม แต่ทั้ง3 ชนชาติมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ 5 ประการที่ทำให้มีอายุเฉลี่ยยืนยาว ซี่งได้แก่


หนึ่ง ไม่สูบบุหรี่

สอง เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องแรกเสมอ

สาม ใช้ชีวิตอย่างกระตืนรือล้นทุกวัน

สี่ มีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ ในสังคมของตน

ห้า ทานผักและผลไม้ รวมถึงขนมปังธัญพืช





จะเห็นได้ว่า ด้วยสิ่งที่เหมือนกันทั้ง 5 ประการนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ผลวิจัยชี้ว่า ส่งผลดีต่อการมีอายุเฉลี่ยยืนยาว ดังนั้น หากเราจะเรียนรู้จากหลักการดังกล่าวนี้ คงไม่ยากนักที่จะปรับให้ชีวิตเราไปในทิศทางที่จะเข้าสู่แนวทางข้างต้นนี้ เริ่มต้นจากการไม่สูบบุหรี่ หรือการหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปอยู่ใกล้หรือในที่มีควันบุหรี่ เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สูบหรี่ แต่การได้สูดกลิ่นเข้าไปนั่นทำร้ายตัวเราเองไม่น้อยไปกว่าการสูบด้วยตัวเองเลย ซึ่งปัจจุบันก็มีการณรงค์เรื่องการให้ผู้สูบลดละเลิก หรือห้ามสูบในที่สาธารณะ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นโทษของและไม่การสูบบุหรี่ ดังนั้น เราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุหรี่เลยจะเป็นการดีมาก


ส่วนเรื่องต่อไปคือ การที่เรื่องของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องแรกเสมอ นั่นหมายถึงการที่คน ๆ หนึ่ง ควรจัดเวลาให้เกิดความสมดุลในการดำเนินชีวิตท้งเรื่องงานเรื่องครอบครัว ( Worklife balance )ไม่ให้เรื่องใดเรื่องหนึ่งมีน้ำหนักมากจนทำให้เรื่องอีกเรื่องเสียไป ไม่ว่าจะมุ่งงานจนลืมครอบครัว หรือมัวแต่มุ่งครอบครัวจนไม่ทำงานอย่างอื่นเลย ซึ่งอะไรก็ตามที่มากจนเกินพอดี ย่อมส่งผลเสียเสมอ แต่การให้น้ำหนักกับครอบครัวเป็นเรื่องแรกของชีวิตนั้น เป็นสิ่งสมควรทำ เพราะครอบครัวเปรียบเสมือนรากฐานของชีวิตเราทุกคนเช่นเรื่องพ่อ แม่ของเรา เรื่องโรงเรียนและกิจกรรมของลูก ๆ เรื่องการดูแลคู่ชีวิตให้ดีตามสมควร ทุกอย่างนี้หากสมดุลแล้วจะทำให้เราตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข คิดบวก และหากมีปัญหาก็จะมีสติในการแก้ไขได้ และเมื่อเวลาทุกข์มาถึง เราก็ยังมีครอบครัวที่เรารักและรักเราคอยให้กำลังใจอย่างไม่สิ้นสุดกับเราอย่างแน่นอน


เรื่องที่สามและสี่ เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะการมีความกระตือรือล้น เป็นประเด็นที่ทำให้เราคิดบวกได้เป็นอย่างดี ไม่คิดมองเฉพาะด้านอับเฉาของชีวิต เราจะตื่นมาทุกวันด้วยจิตใจร่าเริง และมีความสุข มีแรงและประการที่สี่คือการมีส่วนรวมในกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมนั้น เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ในครอบครัวคนไทย เช่นในหมู่บ้านมีงานบุญ มีกิจกรรมให้เราได้มีส่วนร่วม หรือการมีส่วนร่วมได้ในกิจกรรมของที่ทำงานก็ตาม เป็นสิ่งดีทั้งนั้น เพราะจะทำให้เรารู้สึกได้ว่าเรามีคุณค่าและสิ่งนี้จะส่งผลให้เรามีความสุขนั่นเอง


สำหรับประการสุดท้าย คือการเลือกทานอาหาร เรามีเวลาอาหารวันละ 3-5 มื้อต่อวัน เราควรเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผัก ผลไม้ ธัญพืช เพื่อให้ร่างการได้รับสิ่งที่มีประโยชน์ไม่มากหรือน้อยเกินไปทำให้สุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วย


ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่สอนเราได้ว่า การมีพื้นฐานโครงสร้างร่างกายจิตใจที่แข็งแรงแล้วนั้น ต่อให้เรามีเรื่องราวอะไรเข้ามาในชีวิตก็ตาม เราก็จะมีแนวทางแก้ไขและปรับตัวได้อย่างง่าย เสมือนการจะปลูกสร้างตึกสูงสวยงามนั้น การลงเสารากฐานต้องแข็งแรงอย่างมาก ไม่เช่นนั้น ตึกอาจพังถล่มได้ในพริบตา อย่างที่เราได้เห็นในข่าวเป็นระยะนั่นเอง และการดำเนินชีวิตให้มีความสุขและอายุยืนยาวก็เช่นกัน แนวทาง 5 ประการ เป็นเสมือนรากฐานที่จะทำให้เราเป็นได้เช่นตึกสูงใหญ่แข็งแรงและอายุยืนยาวแม้ว่าจะผ่านไปกี่ฝน กี่หนาวก็ตาม


ท่านผู้อ่านเห็นมั๊ยคะว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ" เสมอค่ะ


สู้ ๆ นะคะ ทุกท่าน ดิฉันขอเป็นกำลังใจค่ะ





 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 19:27:11 น.
Counter : 893 Pageviews.  

อะไรคือความสุขของชีวิต

การทำงานหรือการจะพูดอะไรออกมานั้น เราจำเป็นต้องคิดและวางแผนก่อนให้ดี เพื่อให้การดำเนินงานหรือดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด หรือหากจะผิดพลาดก็จะเกิดน้อยที่สุด เพื่อให้เราไม่ต้องมาเสียเวลากับการเป็นทุกข์ในการแก้ไขปัญหาซ้ำซาก สู้เอาเวลาไปหาความสุขในการดำรงชีวิตจะดีกว่า หากมีเวลาว่างลองถามตัวเองดูกันบ้างดีหรือไม่ว่า อะไรคือความสุขของชีวิตกัน บางคนอาจบอกว่าการได้กินอาหารดี ๆ การได้ไปท่องเที่ยว การได้สนทนากับเพื่อนสนิทที่ถูกใจ การมีตัวเลขในบัญชีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นว่าอะไรคือความสุข ซึ่งจริง ๆ แล้วหาได้ไม่ยากเลยหากจะมองและลองทำดู





เมื่อเร็ว ๆ นี้ อ่านพบบทความในหนังสือเล่มหนึ่งระบุถึง “สุขของคนอีสาน 7 อย่าง” ซึ่งเมื่ออ่านจบแล้วคิดว่าไม่น่าจะจำกัดวงอยู่เฉพาะคนอีสานเท่านั้น จึงขออนุญาตนำมาขยายวงให้กว้างขวางครอบคลุมคนทุกคนให้ลองคิดตามดูว่าสุขของคนอีสานนั้นมีอะไรกันบ้าง ซึ่ง 7 อย่างนั้น ได้แก่ “มีอาหารกิน มีดินอยู่ มีคู่นอนนำ มีเงินคำเต็มถุงเต็มไถ้ มีเฮือนหลังใหญ่ มีลูกหลานมานั่งเฝ้า ได้เข้าวัดฟังธรรม” ซึ่งเป็นข้อเขียนของพ่อบุญเต็ม ชัยลา ผู้ใหญ่บ้าน ขอนแก่น จะเห็นได้ว่าปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งของความสุข 7 อย่างนั้นคือ การมีเงินเต็มถุงเต็มไถ้ เพื่อให้สามารถทำทุกเรื่องที่เหลืออีก 6 อย่างได้อย่างไม่ติดขัด หากวันนี้เราคิดได้ว่าความสุขง่าย ๆ จำเป็นต้องมีปัจจัยเรื่องเงินเป็นตัวช่วย เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งต้อง “วางแผนการเงิน” ของเราให้ดีนั่นเอง


การวางแผนเงินทองนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นและเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีใครทำให้เราได้ดีไปกว่าการทำด้วยตนเอง เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการ “ใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้” บางคนบอกว่าพูดง่ายแต่ทำได้ยากมาก แต่หากคิดในทางกลับกัน หากทำได้ยากจริง ๆ วันนี้คงไม่มี “เศรษฐี” กันเกลื่อนเมือง เนื่องจากเศรษฐีตัวจริงมักจะขี้เหนียว นั่นแปลว่าเศรษฐีไม่ชอบใช้เงินมากกว่าที่หาได้หรือมีอยู่นั่นเอง


ดังนั้น เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ จึงต้องวางแผนเพื่อให้ชีวิตมีความสุขด้วยเหตุนี้ และดิฉันอยากให้ทุกท่านได้ค้นหาวิธีการและเป้าหมายที่จะมีชีวิตที่มีอิสระเสรีโดยปราคจากพันธนาการใด ๆ ได้ในเร็ววันค่ะ




 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 19:35:00 น.
Counter : 485 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

amaridar
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add amaridar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.