พาน้องๆ ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ Borehamwood หลังจากที่ทำเตรียมเรื่องวีซ่าให้หนุ่มกับหมูไปขอวีซ่าเพื่อมาเที่ยว เจ้าสองคนก็ไปยื่นเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนา แล้วก็รู้ผลวันที่ 3 เมษา แล้วก็เดินทางถึงอังกฤษเมื่อวันที่ 8 เมษา เล็กกับอเล็กไปรับที่ฮีทโธวตอนทุ่มครึ่ง แล้วทริปแรกเราก็เริ่มเดินทางกันเลย ในวันรุ่งขึ้นคือ ไปบ้านของเพื่อนชื่อสาว ที่ Borehamwood ซึ่งห่างจากลอนดอนออกไปประมาณครึ่งชั่วโมง เราจะค้างที่บ้านของสาวกันหนึ่งคืน การเดินไป ก็ต้องไปต่อรถไฟทั้งหมดสองครั้ง ค่ารถไฟทั้งหมด £26.10 ต่อคน คือ 1. จาก Reading ไป Paddington นั่งไปสุดสายเลย ถ้าเป็นรถเร็วจะใช้เวลาแค่ 20 นาที แต่ถ้าแบบธรรมดา จะประมาณ 35 นาที 2. แล้วต่อ tube ไปที่ King’s cross St. Pancras โดยต่อ สายสีชมพู Hammersmith&city line ใช้เวลาอีก 35 นาที ซึ่งจะผ่าน สถานี Paddington—Edgware Road—Baker Street—Great Portland Street—Euston Square—King’s cross St. Pancras 3. ถึงสถานี King’s cross St. Pancras ให้เดินไปต่อรถไฟ ไป Borehamwood สถานี King’s cross St. Pancras เป็นสถานีใหญ่ เพราะเป็นสถานี International Train ด้วย จากที่เราลง Tube มา ให้เดินเข้าไปในตัวสถานี แล้วพอผ่านเครื่องสอดบัตร ให้เลี้ยวซ้าย แล้วขึ้นบันได เลี้ยวขวา แล้วเดินสุดทาง ไกลพอสมควร จะเจอสถานีของรถไฟ ก็สอดบัตร ลงไปด้านล่างได้เลย ใช้เวลาการเดินทาง ประมาณ 25 นาที ซึ่งจะผ่านสถานีตามนี้ King’s St.Pancras—Kentish Town—West Hampstead Thameslink—Cricklewood—Hendon—Mill Bill Broadway—Estree&Borehamwood เท่ากับ รวมการเดินทางทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ถ้ารวมเวลาการเดิน และ รอรถ ก็สองชั่วโมง และแล้วเราก็มาถึงกันแล้ว Borehamwood มาถึงปุ๊บ สาวก็ทำอาหารให้เราได้กินกันเลย มื้อแรกเป็นน้ำพริกกะปิกับปลาทู แล้วก็พะโล้ไก่ ขอบอกว่าขอหากินยากของที่นี่ทั้งนั่น แต่เจ้าสองคนบอกว่า เหมือนอยู่เชียงใหม่ อยากกินอาหารฝรั่งของที่นี่มากกว่า คริสเลยบอกว่า เดี่ยวมื้อเช้าจัดให้ตามคำขอ หลังจากอิ่มแล้ว คริสก็ขับรถพาพวกเราไป โบสถ์ที่ St. alban ห่างออกไปประมาณ ครึ่งชั่วโมง เป็นโบสถ์ที่สวยมาก เราใช้เวลาที่นี่กันสี่ชั่วโมงเพราะ มีคริสเป็นไกด์ที่ดีมาก อธิบายทุกอย่างในโบสถ์ว่า สร้างเมื่อไหร่ สร้างเพราะอะไร ความหมายคืออะไร พวกเราก็เลยได้ซึมซับกันอย่างลึกซื้ง ประทับใจมากๆ ออกจาโบสถ์มา ก็กลับมาบ้าน กินข้าว แล้วก็ต่างคนต่างนอน โดยเฉพาะหนุ่มกับหมู นอนกันเร็วมาก เพราะยังปรับเวลากันไม่ได้ แต่เล็กกับสาวแล้วก็คริส นอนประมาณเที่ยงคืน มั่วแต่นั่งเมาท์กันอยู่ เช้ามา หนุ่มกับหมู ก็ตื่นเร็วอีก ตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า พอคริสตื่นมา ก็เริ่มทำอาหาร English Breakfast ให้ตามคำขอ ถูกใจสองหนุ่มเป็นอย่างมาก นั่งรอด้วยความใจจดใจจ่อ ไส้กรอกของคริสไหม้นิดหน่อย แต่อร่อยใช้ได้เลย หรืออาจจะเป็นสูตรแบบนี้ต้องไหม้ๆเอาไว้ทอดไหม้ๆบ้าง เพราะเคยทอด แล้วไม่ไหม้ ไม่อร่อยเลย ฮา ฮา ฮา หนุ่มบอกว่า อาหารที่คริสทำ อร่อยมาก อร่อยกว่าของเล็กอีก เล็กเลยบอกว่า ให้เอาคริสกลับบ้านเราไปด้วย จะได้มีคนทำ พอบอกคริสว่าหนุ่มพูดแบบนี้ คริสก็บอกเล็กว่า ขออภัยด้วย ที่ทำอร่อยกว่า กินกับอิ่มก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะข้างๆ บ้านกัน ไปดูน้องเป็ด แล้วก็ถ่ายรูปเล่นกัน หลังจากนั่น จริงๆ มีโปรแกรมกันว่า คริสจะพาไปบ้านสงเคราะห์สัตว์ แต่พอดี ผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย ตอนคริสกำลังจะแปรงฟัน ก้มไปก้มมา เกิดปวดหลัง เลยขับรถไม่ได้ เพราะนั่งไม่ได้ นอนไม่ได้ น่าสงสารมาก เราก็เลยเปลี่ยนแผน กลับเรดดิ้งเลย แล้วมาเดินเล่นในย่านช้อปปิ้งที่นี่แทน เรากลับถึงเรดดิ้งกันตอนบ่าย แล้วก็เดินเล่นกันจนถึง บ่ายสี่ กลับถึงบ้าน หมดแรงกัน กินข้าว อาบน้ำ เก็บแรงเที่ยววันต่อไป   Create Date : 13 เมษายน 2551     Last Update : 13 เมษายน 2551 8:18:36 น. Counter : 398 Pageviews.   13 comment Share Tweet

เซินเจิ้นไปมาเก๊า มาเก๊ากลับกรุงเทพ ตื่นเช้ามาวันนี้ก็เก็บของเตรียมเดินทางข้ามกลับไปมาเก๊า เพื่อนอนค้างที่มาเก๊าหนึ่งคืน แล้วค่อยขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพกัน เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม พอดีพนักงานต้อนรับที่นั่น พูดภาษาอังกฤษได้ค่อยข้างดี ก็เลยให้เค้าช่วยเขียนภาษาจีน คำว่า ท่าเรือ ให้หน่อย เพราะไม่รู้จะบอกคนขับรถแท๊กซี่ยังไง เพราะวันนี้เราจะข้ามจากเซินเจิ้นไปมาเก๊าด้วยเรือ ซึ่งต้องไปที่ไปท่าเรือเสอโข่ว Shekou ซึ่งอยู่ในเซินเจิ้นเนี่ยแหละ ท่าเรือจะห่างจากโรงแรมที่เราพักประมาณครึ่งชั่วโมง ค่าแท็กซี่ก็ไม่เกิน 80 หยวน ซึ่งท่าเทียบแล้วก็คุ้มกว่าเดินทางกลับเข้าไปฮ่องกงอีกครั้ง ที่ท่าเรือ จะมีเรือหลายประเภท และมีหลายจุดหมายปลายทาง ไปถึงท่าเรือ ก็เข้าไปเลี้ยวซ้ายเดินไปสุด ก็จะเจอช่องขายตั๋ว พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่เล็กใช้ชี้แผนที่เอา ว่าจะไปไหน เพราะเรือที่จะไปมาเก๊า มีลงหลายท่าเรือ ของเล็ก เอาแผนที่โรงแรมให้เค้าดู แล้วเค้าก็พูดว่า ท่าเรือใหม่ เป็นภาษาอังกฤษ อ่ะ ใหม่ก็ใหม่ ไม่รู้หรอกว่าใหม่หรือเก่า เอาเป็นว่าให้ถึงก็แล้วกัน ค่าตั๋ววันนั่นประมาณ 140 หยวนต่อคน วิ่งประมาณชั่วโมงหน่อยๆ เราก็ถึงมาเก๊าแล้ว อ้อ อยากจะบอกว่า ถ้าเรามาจากมาเก๊าหรือจีน อย่าเอาเงินเหรียญฮ่องกงไปแลกเป็นเงินมาเก๊าเด็ดขาด เพราะที่มาเก๊า ถ้าเราจะเข้าไปเล่นคาสิโน เราต้องใช้เงินฮ่องกงเล่นเท่านั้น แล้วที่สำคัญ ก่อนจะกลับไทยให้แลกเงินมาเก๊าคืนให้หมด อย่าเอากลับมา เพราะเมืองไทยไม่รับแลก พอถึงมาเก๊าเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเข้าคิวแท๊กซี่ ถึงจะอยู่ทางซ้ายมือ เพื่อไปโรงแรมกัน โรงแรมของเล็กชื่อ โรงแรม Metro park โรงแรมนี้ไม่มีคาสิโน ไม่มีไนท์คลับ ค่อยข้างเงียบดี จริงๆ แล้วที่โรงแรมมีบริการรถรับส่งจากท่าเืรือไปโรงแรม และจากโรงแรมไปท่าเรือ ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง แต่เล็กไม่รู้ ก็เลยแท็กซี่ดีกว่า ซึ่งก็ไม่แพงมาก เพราะอยู่ไม่ไกลมากจากท่าเรือ เราเอาของสัมภาระไปเก็บเรียบร้อย ก็อยากออกไปเดินเล่นกันที่เซนาโด้แสควร์ ที่นี่จะเหมือนจุดนับพบและแหล่งช้อปปิ้งของที่นี่ จะมีผู้มากมาย ร้านขายของเยอะแยะ ล้วนแล้วแต่แบรนด์เนมทั้งนั่น วิธีไปเซนาโด้จากโรงแรม ก็ขึ้นรถเมล์จาก 3 และ 10 เหมือนกัน ทั้งไปและกลับ ที่เซนาโด้ เล็กเดินไปเจอร้านขายปลาหมึกสดย่างแล้วบด ดูแปลกดี อีกอย่างน่ากินมาก ก็เลยถามดูว่า ราคาเท่าไหร่ ฟังราคาแล้วตกใจ แพงอ่ะ ตัวละ 45 ปากาตาร์ เออ แต่เอาก็เอา กินดู อร่อยมาก เซนาโด้ จะอยู่ติดๆ กับ แกรนด์ ลิบัว คาสิโน เราสามารถเดินไปถ่ายรูปหรือเข้าไปเดินดูได้ เล็กก็เดินไปถ่ายรูปเหมือนกัน แต่ถ่ายได้สองรูป แบตหมด เลยขึ้นรถเมล์กลับโรงแรม นั่งรอเวลา ขึ้นรถของโรงแรมไปท่าเรือ เพราะเราจะไป venetian casino กัน ซึ่งที่คาสิโนนี้ เค้ามีรถบริการที่ท่าเรือ เราไปขึ้นฟรีได้ รถจะเป็นรถ shutter bus คันใหญ่ สะอาด และดูหรูดี มีวิ่งถึงตีสอง อเล็กซ์ตื่นเต้นมากจะได้เล่นคาสิโน เพราะไม่เคยสัมผัสมาก่อน พูดตลอดเวลาว่า คาสิโน คาสิโน แล้วพอไปถึง เล็กก็ต่อรองว่า ต้องไปถ่ายรูปกับเล็กก่อน แล้วถึงจะให้เล่นได้ คุณเธอก็ทำตาม เพราะแรงปรารถนามันมีมากเหลือเกิน ถึงเวลาที่ได้เล่น ไปนั่งเล่น black jack อเล็กซ์ดวงดี ได้ตลอด ได้กำไรประมาณ 100 เหรียญฮ่องกง เธอก็เดินถือ ดีใจ ดีใจ เสร็จแล้วก็เดินไปเล่นเครื่องสล็อตต่อ ใส่ไป 20 เหรียญ ก็ได้แจ๊กพ็อตอีก กดไปไม่กี่ที ขึ้นมาเป็น 1400 กว่าๆ เล็กบอกว่า ให้หยุด ให้หยุด ให้เปลี่ยนเครื่อง คุณเธอไม่เชื่อ กดไปกดมา เหลือ ศูนย์ เดินทำหน้าเศร้า อันนี้ช่วยไม่ได้ แต่สรุป ก็ได้กำไร ไม่ขาดทุน แต่กำไรแค่ไม่ถึงร้อยเหรียญ แต่โอเค ได้ความสนุก วันนี้เรากลับโรงแรมกันประมาณเกือบตีหนึ่ง นอนหลับด้วยความเหนื่อย ตื่นเช้ามาก็ แพคกระเป๋าอีกครั้ง เตรียมกลับบ้านกัน แต่ยังไม่วาย เดินลงมาเช็คเอาท์ ก็ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เดินออกมาหาของกินกัน แล้วก็เดินจูงมือกันเข้าไปในคาสิโนเล็กๆ แถวนั่นอีกแล้ว เพราะที่มาเก๊า ทุกที่ ทุกแห่ง มีแต่คาสิโนล้วนๆ เรียกว่า เยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด เล่นจนถึงเวลาก็นั่งแท็กซี่ไปสนามบิน บินกลับบ้าน ด้วยความสุขและสนุกสนาน แต่ถึงเมืองไทยร้อนมาก ต่างจากที่มาเก๊าและจีน อย่างกับฟ้ากับเหว ที่โน้นออกจะหนาว ที่เมืองฟ้าอมรบ้านเรา ร้อนตับจะแลบ แต่ยังไงก็ดีที่สุด   Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2551     Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2551 9:02:24 น. Counter : 675 Pageviews.   16 comment Share Tweet

ฮ่องกงไปเซินเจิ้น วันนี้เราจะข้ามจากฮ่องกงไปเซินเจิ้นกันแล้ว หลังจากอยู่ฮ่องกงมา 4 คืน ตื่นเช้ามา หาของกิน เสร็จก็เดินทางกันได้เลย จากที่พักเรา เดินออกมาประตูที่เปิด 24 ชั่วโมง แล้วเดินย้อนไปด้านหลัง ประมาณ 200 เมตรก็จะเจอบันไดขึ้นไปรถไฟ ทั้ง MTR และ KCR เดินตามป้าย KCRไป ไปถึงสถานที KCR ก็ไปซื้อตั๋วที่เครื่องอัตโนมัีติ ไปยังสถานี Lo Wu(สถานีปลายทาง) เพื่อข้ามแดนไปยัง เซินเจิ้น (ShenZhen) ค่าโดยสาร HK$33 ใช้เวลา 45 นาที เดินเข้าไปในสถานที ที่ขึ้นรถไฟอยู่ชั้นใต้ดิน ให้เดินลงบันไดไปก็จะเจอเลย ถึงสถานี Lo Wu และเดินไปยัง ตม. เพื่อข้ามไปยัง เซินเจิ้น แต่เราต้องขึ้นไปชั้นสองเพื่อทำวีซ่าก่อน ค่าวีซ่าคนไทย 150 HK แต่คนอังกฤษอย่างอเล็กซ์แพงมาก 430 HK( อเล็กซ์ถึงกับถามเค้าว่า ทำไมแพงจัง ไม่ยุติธรรมเลย เจ้าหน้าที่หน้าเสีย ตอบว่า ไม่รู้) เสร็จแล้วลงมาเขียน Arrival card เข้า เซินเจิ้น จึงจะไปต่อแถวผ่าน ตม. ได้ ออกจาก ตม. มา ก็จะเจอกับห้างหลอวู่เซ็นเตอร์( Lowu Center) เลย ห้างนี้จะขายของก๊อปเป็นส่วนใหญ่ หาของแท้ไม่มี เหมือนมาบุญครองบ้านเรา แต่ที่ไม่เหมือนที่ ความน่ากลัว คนขายที่นี่ คอยจะล่าเราเข้าร้าน เข้าไปแล้วก็เลิกคิดที่จะออกมามือเปล่าด้วย เค้าจะหากรรมวิธีทุกรูปแบบเพื่อให้เราซื้อ ทั้งฉุดแขน ลากเรากลับเข้าไปในร้าน ทุกอย่าง น่ากลัวมากๆ แต่ก็สนุก เพราะถูกมาก ซื้อของที่นี่ ต้องต่อลงไป 80 เปอร์เซ็นต์ คือ ต้องซื้อแค่ 20 เปอร์เซ็นต์จากราคาที่บอกมา อย่างที่เล็กซื้อกระเป๋าเดินทางล้อลากของ โปโล มาให้เพื่อน ขนาด 22 นิ้ว เค้าบอกมา 520 หยวน เล็กต่อได้ 110 หยวน เค้าก็ขาย แล้วทุกอย่างที่ซื้อ ก็ได้ราคา 20 เปอร์เซ็นต์มาทุกร้าน ไม่ต้องกลัวคนขายด่า เค้าไม่ด่า เค้าขาย แต่ถ้าร้านไหนด่า ไม่ต้องไปสนใจ เดินออกมาเลย มีอีกหลายร้าน ที่ห้างนี้จะเป็นสินค้าพวกกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด นาฬิกา เสียส่วนใหญ่ พวกเสื้อผ้าไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่เดินห้างนี้ห้างเดียวก็หมดตัวแล้ว กลับออกมาไปโรงแรม เราพักที่ kaili hotel ห่างจาก ตม. ไม่ไกลมากนัก นั่งแท๊กซี่ ก็แค่ราคาเริ่มต้น ก็ถึง แต่เวลาจะบอกแท็กซี่ว่าจะไปไหน เค้าจะฟังภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้ ทางที่ดี ก็ปรินซ์รูปโรงแรมไว้ด้วย ให้เค้าดูเอง เล็กก็ทำวิธีนี้ ง่ายที่สุด และวิธีการเดินไปไหน ก็ดูแผนที่ข้างถนนได้ เค้าจะมีให้ตลอดเป็นป้ายแผนที่บอกทางเป็นระยะๆ เดินไป เดินมา เราก็ไปเจอร้านอาหารร้านหนึ่ง ร้านนี้มีหลายสาขา เหมือนฟาร์ดฟู้ดทั่วๆ ไป แต่อาหารของเค้า คือ ข้าวและซุป เป็นเซ็ต ราคาไม่แพง ชุดหนึ่งก็แค่ 20 กว่าหยวน ในหนึ่งชุดจะมี ข้าว, ซุปไก่ดำ, กับข้าว เป็น หมู หรือไก่ แล้วก็ผัดผัก ถูกและอร่อย เล็กไปกินทั้งเช้าและเย็นเลย แต่อ่านชื่อร้านไม่ออก แต่รูปโลโก้เหมือนพี่เจ็ทลี่ ก็เลยตั้งให้ว่า ร้านพี่นักสู้ ก็แล้วกัน เวลาบอกอเล็กซ์ ก็จะบอกว่า ไปกินร้าน fighting man กัน ถ่ายรูปมาให้ดู ด้วย แต่เริ่มกินไปแล้ว ถึงนึกได้ ว่า เออ ลืม ถ่ายรูป ชุดของเล็ก มี ข้าวสวย, ซี่โครงหมูอบ, ผัดผักกาดแก้ว, ซุปไก่ดำ ราคาก็ 28 หยวน เดี๋ยววันรุ่งขึ้น เราก็จะย้ายจากเซินเจิ้นไปมาเก๊ากันต่อ   Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551     Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2551 3:18:24 น. Counter : 1453 Pageviews.   4 comment Share Tweet

ฮ่องกง Symphony of Lights วัีนนี้เราก็ตื่นสายกันอีกตามเคย เพราะนอนดึก มั่วแต่เดินช้อปปิ้ง หาของกินกันอยู่ ก็ที่พักเรามันอยู่กลางแหล่งช้อปปิ้งเลย เที่่ยงคืนคนยังเดินกันวุ่นวาย แทบเหยียบกันตาย เราก็เลยสรุปว่า ไปไหนคงไม่ทันล่ะ งั้นหาของกิน เดินเล่น แล้วเย็นๆ ไปชมการแสดงที่ อ่าววิคตอเรีย ดีกว่า การเดินทางก็ ไปด้วยรถไฟ MTR ไปสถานี Tsim Sha Tsui เดินไปทางประตู G เดินลอดใต้ทางใต้ดิน (Underground tunnel)จะเป็นทางเดินในสถานีนั่นแหละ ยาวมากๆ แล้วไปยัง KCR สถานี East Tsim Sha Tsui ออกประตู J แล้วตามป้ายบอกทาง Avenue of Star ซึ่งสามารถเดินทะลุห้างได้ (จำชื่อห้างไม่ได้ อยู่หน้าประตูทางออกรถไฟใต้ดินเลย) เดินทะลุเข้าไปในห้าง ตรงไปอย่างเดียว จะเจอประตูทางออก ติดกับทะเล เดินไปทางขวาคือ Avenue of Star แล้วเดินไปขวาสุดเลยจะมีบันไดให้ขึ้นไปชั้นสอง จะเป็นที่ให้เรานั่งดูโชว์ไฟ Symphony of Lights ซึ่งจะเริ่มเวลา 20:00 น. ทุกวัน โชว์ก็จะเป็น การแสดงไฟประกอบเสียงเพลงบนตึกหลายๆ ตึก รอบอ่าววิคตอเรีย พอดีวันนี้ มีหมอกเยอะมาก เลยไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่ก็สวยดี แล้วก็หนาวมากๆ ด้วย   Create Date : 29 มกราคม 2551     Last Update : 31 มกราคม 2551 9:44:10 น. Counter : 383 Pageviews.   2 comment Share Tweet

ฮ่องกง โอเชียร์พาร์ค วันนี้ เราไปโอเชียร์พาร์คกัน โดยใช้เวลาทั้งวันที่นี่ ตั้งแต่สายๆ ถึงค่ำเลย เรียกว่าไม่ปิดไม่กลับ จะเอาให้คุ้มค่าตั๋วที่จ่ายไป เริ่มจาก ขึ้นรถไฟ MTR ไปลงสถานี Admiralty (Exit B) จากนั้นต่อรถเมล์สาย 629 ด้านนอกตึก Lippo Centre ไปลงที่ หน้า Ocean Park เลย ด้านหน้าป้ายรถเมล์ 629 จะมีตู้ขายบัตร Ocean Park อยู่ ผู้ใหญ่คนละ 208 เหรียญ สามารถเล่นได้ทุกอย่างเลย รวมถึงดูโชว์ต่างๆ ด้วย Ocean Park เป็นสวนสนุกที่อยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์มหาสมุทรจากบนผาสูงนั้นได้ เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูงชัน การเดินขึ้นจึงต้องใช้บันไดเลื่อน ที่ยาวมากๆๆ การเข้าสวนสนุกมีสองทางเนื่องจาก สวนสนุกแห่งนี้แบ่งเป็น 2 zone ใหญ่ๆ โดยมีภูเขากั้นกลางไว้อยู่ การไปมาก็ต้องนั่งกระเช้าเท่านั้น (หรือสามารถย้อนกลับไปนั่งรถประจำทางเมื่อไปอีกประตูหนึ่ง) เราไปเล่นเครื่องเล่นหลายอย่าง เพราะอเล็กซ์ชอบ ยิ่งน่ากลัว หวาดเสียวเท่าไหร่ ยิ่งชอบ แล้วก็ไปดูโชว์ปลาโลมา ต่อด้วยโลกใต้น้ำ ที่มีทั้งปลาน้ำลึก ปลาฉลาม แมงกะพรุน ปลาหมึก แมวน้ำ จากนั่นก็นั่งกระเช้าข้ามไปอีกฝั่ง แล้วก็ไปดูหมีแพนด้า ถึงจะกลับที่พักด้วย รถเมล์ 629 เหมือนเดิม วันนี้อเล็กซ์ขนรองเท้ากับเสื้อแขนยาวให้ ในกระเป๋าเป้จะมีรองเท้าบูธและเสื้อแขนยาวของเล็ก ไว้ให้เปลี่ยนเวลาหนาว เห็นม่ะ อเล็กซ์น่ารักขนาดไหน วันนี้สนุกมาก เหนื่อยมากด้วย ปล. คุณนายสาว เล็กลงรูปให้คุณนายโดยเฉพาะเลย คราวนี้โอเคแล้วใช่ป่ะ   Create Date : 27 มกราคม 2551     Last Update : 27 มกราคม 2551 21:31:51 น. Counter : 309 Pageviews.   3 comment Share Tweet

• เที่ยวๆ เดินทางๆ
• เรื่องราวชีวิตที่เมืองไทย
• ชีวิตที่อังกฤษ
• เรื่องล่าสุด
• ว่าที่คุณแม่
• เรื่องน่ารักๆของหนูเอ็มมิลี่

• AUTUMN IN LOVE
• ปูขาเก เซมารู
• แม่สลิ่ม
• ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
• งาขาว
• A Little Catz
• ramazoti
• bagarbu
• roslita
• grippini
• แม่บ้าน Uk
• LiLu's
• กะตุ้งนิ้ง
• Nerine
• Febie
• Patarawan H
• ~lovelybooth~
• narellan
• BeamerFamily
• D.K.H.N.
• ta/'o-o/'
• jjbd
• นางฟ้าของชาลี
• Jubnosuke
• hamble pie
• กิน ๆ เที่ยว ๆ
• babymommy
• Webmaster - BlogGang

• little life by littlegem
• ครัวไกลบ้าน
• ซ้อเจ็ด
• สะใภ้อินเตอร์
• lindsay Shonteff
• BlogGang.com