กลุ่มไกลบ้านพันทิบ
ฮิตเล่อร์ และ สงครามโลกครั้งที่สอง
ไวน์..และ..สงคราม
การเปิดร้านอาหารไทยในอเมริกา...!!
วงจรกอล์ฟ กอล์ฟ
ซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
รักร้าวๆของเจ้านาย
เชลย....!!
กรกฏาคม 2556
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
24 กรกฏาคม 2556
เชลย....ตอนยี่สิบเจ็ด (จบ)
เชลย....ตอนยี่สิบหก
เชลย....ตอนยี่สิบห้า
เชลย....ตอนยี่สิบสี่
เชลย....ตอนยี่สิบสาม
เชลย....ตอนยี่สิบสาม
เชลย....ตอนยี่สิบสอง
เชลย....ตอนยี่สิบเอ็ด
เชลย....ตอนยี่สิบ
เชลย....ตอนสิบเก้า
เชลย....ตอนสิบแปด
เชลย....ตอนสิบเจ็ด
เชลย....ตอนสิบหก
เชลย....ตอนสิบห้า
เชลย....ตอนสิบสี่
เชลย....ตอนสิบสาม
เชลย....ตอนสิบสอง
เชลย....ตอนสิบเอ็ด
เชลย....ตอนสิบ
เชลย....ตอนเก้า
เชลย....ตอนแปด
เชลย....ตอนเจ็ด
เชลย....ตอนหก
เชลย....ตอนห้า
เชลย....ตอนสี่
เชลย....ตอนสาม
เชลย....ตอนสอง
เชลย....ตอนหนึ่ง
เชลย....ตอนยี่สิบเจ็ด (จบ)
เชลย....ตอนยี่สิบหก
เชลย....ตอนยี่สิบห้า
เชลย....ตอนยี่สิบสี่
เชลย....ตอนยี่สิบสาม
เชลย....ตอนยี่สิบสาม
เชลย....ตอนยี่สิบสอง
เชลย....ตอนยี่สิบเอ็ด
เชลย....ตอนยี่สิบ
เชลย....ตอนสิบเก้า
เชลย....ตอนสิบแปด
เชลย....ตอนสิบเจ็ด
เชลย....ตอนสิบหก
เชลย....ตอนสิบห้า
เชลย....ตอนสิบสี่
เชลย....ตอนสิบสาม
เชลย....ตอนสิบสอง
เชลย....ตอนสิบเอ็ด
เชลย....ตอนสิบ
เชลย....ตอนเก้า
เชลย....ตอนแปด
เชลย....ตอนเจ็ด
เชลย....ตอนหก
เชลย....ตอนห้า
เชลย....ตอนสี่
เชลย....ตอนสาม
เชลย....ตอนสอง
เชลย....ตอนหนึ่ง
เชลย....ตอนสิบเอ็ด
ยายออกไปช่วยคนทำความสะอาดลากที่นอนออกไปตาก จนเกิดอุบัติเหตุที่กล้ามเนื้อที่ท้องเกิดปริขึ้นมา
จึงได้เข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด แต่ยายไม่ได้รอดออกมา..
เพราะได้เสียชีวิตขณะที่อยู๋บนเตียงผ่าตัดนั่นเอง
ตา..แทบไม่เชื่อว่ายายจะรีบด่วนจากไปอย่างรวดเร็วแบบนั้น จึงเสียใจมาก และ ทำใจให้ยอมรับการสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้เลย ตายังเรียกหาและมองหายายเสมอๆ
และหลังจากที่ยายจากไปไม่นาน เหล่านานาชาติในยุโรปได้จัดส่งตัวแทนของแต่ละประเทศเข้ามาประชุมในญัตติเกี่ยวกับการที่จะยื่นมือมาช่วยชาวยิวในออสเตรียกันได้อย่างไร
การประชุมครั้งนี้ ได้จัดอย่างหรูหราที่ Evian-les-Bains รีสอร์ตและสปาชั้นดีที่เทือกเขาแอลป์ฝั่งฝรั่งเศส บริเวณใกล้กับทะเลสาบเจนีวา
นายไอคมันน์ได้ส่งตัวแทนไปเข้าร่วมประชุมด้วย พร้อมทั้งข้อความที่ประกาศอย่างเยาะเย้ยต่อผู้ที่เข้าร่วมประชุมว่า
"ได้เลยขอรับ ถ้าท่านมีจิตเมตตาจะช่วยพวกยิวจริงแล้ว..ช่วยได้เลย..เชิญครับ ยิวที่ฉลาด นิสัยดี ความรู้สูง อันเป็นรากฐานของสังคมออสเตรียในปัจจุบัน เชิญเลือกไปได้เลย
ตามราคาดังนี้ครับ..400 เหรียญ(ยูเอส) ต่อหัว..อ้าว..นั่งนิ่งทำไมล่ะครับ แพงไปหรือไง ถ้างั้นเอางี้ ..ผมลดให้เหลือหัวละ 200 ว่าไง.. ยังสนใจจะช่วยไหมล่ะครับ ??"
ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครควักเงินออกมาสักสลึง ยกเว้นผู้นำของ Dominican Republic ที่ได้ยอมเลือกยิวไปกลุ่มหนึ่ง เพื่อไปช่วยในการปรับปรุง ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ
(ได้ข่าวว่า..พวกเขาทำสำเร็จด้วยนะ)
วันที่ 9 พฤศจิกายน 1938 ฉันงดการไปทำงานที่บ้านนายเดนเนอร์หนึ่งวัน เพราะวันนั้นคือ วันที่เราต้องไปส่ง ฮันซี่ที่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางสู่ประเทศสู่ปาเลสไตน์ หลังจากที่แม่ได้ถอนเงินจนหมดธนาคารเพื่อจ่ายค่า
ใบอนุญาตเดินทางซึ่งเป็นราคาที่สูงลิ่ว
จนทั้งฉันและมิมี่ต่างรู้ดีว่า แม่ไม่มีเงินเหลือเลยสำหรับค่าใบอนุญาตของพวกเรา แต่แม่ว่า..เพราะทั้งฉันและมิมี่ต่างก็มีชายคนรักคอยช่วยเหลือ
แต่..น้องฮันซี่..เธอไม่มีใครเลยที่จะช่วยประคับประคอง
ในกระเป๋าเดินทางใบเดียวของน้อง ตามที่กำหนดนั้น ไม่มีอะไรมาก นอกจากรองเท้า เสื้อผ้าชั้นใน..เสื้อตัว กางเกงตัว กระโปรงชุด และกระโปรงครึ่งท่อน
ส่วนแม่ได้เตรียม ใข่ต้ม ขนมนมเนย นมกระป๋อง ให้ไปกินระหว่างเดินทาง
ก่อนจาก..พวกเรากอดกันร้องไห้ ยกเว้นฮันซี่คนดียว ที่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยด เธอย้ำหนักหนาว่า..
"ออกมาจากไอ้ประเทศบ้าๆนี่ให้ได้นะ อย่างเร็วที่สุดด้วย นะ..นะ.."
รถไฟเคลื่อนขบวนอออกไปช้าๆ เรามองน้องที่ยืนชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง...จนลับหายไป
ระหว่างทางที่เดินกลับมาบ้านนั้น เราได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมมาแต่ไกล..เหลียวมองไปทางต้นเสียง..ก็พบกับแสงไฟแดงฉานขึ้นมาขอบฟ้าไกลๆโน่น..
นั่นหมายความว่า อีกด้านหนึ่งของเมืองกำลังเกิดเพลิงใหม้ครั้งใหญ่ เสียงรถหวอของนาซีวิ่งกันให้พล่าน เสียงทหารที่ยกกันมาเป็นกองทัพ..เอะอะ ชุลมุน ท่าทางเอาเรื่อง
ทั้งฉันและมิมี่ต่างรีบจูงแม่คนละคนละข้าง..พาวิ่งออกไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว..
เมื่อมาถึงบ้าน คนที่ดูแลอาคาร คุณนายฟาลัต ได้ยืนรออยู่ชั้นล่างด้วยสีหน้าเป็นกังวล
รีบบอกพวกเราว่า.." พวกมันกำลังพังโรงสวดทั่วเมือง และเข้าทำลายร้านค้าของชาวยิวแทบทั้งหมด คืนนี้ต้องอยู่กับบ้าน ออกไปไหนไม่ได้เลยเชียว"
(9-10 พฤศจิกายน 1938 คือวัน Kristallnacht ที่เล่ามาแล้วในเรื่อง ฮิตเล่อร์...วิวันดา)
สักพักเดียว มิโลก็ก้าวเข้ามา ด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ ใบหน้าซีดเผือด แต่ก็ยังขอว่า " ขอผมอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ คุณนายฮาห์น เพราะว่ามีข่าวออกมาว่าคืนนี้พวกนาซีจะ
ไปเกณฑ์ชายหนุ่มตามบ้าน เพื่อเอาไปเข้าค่ายแรงงาน ไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน ดักเฮา หรือ บัคเชนวัลด์ "
แล้วเขาก็ไปนั่งบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง มิมี่รีบไปนั่งแทบพื้นซบแทบเข่าชายผู้เป็นที่รักด้วยความเห็นใจ..
เสียงเพล้ง พล้าง ดังมาจากอีกฝั่งของถนน เสียงผู้คนที่กำลังทำลายข้างของอย่างบ้าคลั่งดังมาเป็นระลอก..จนเวลาสี่ทุ่ม ที่ญาติของฉันคนหนึ่งชื่อ เออร์วิน ที่เป็นนักเรียนแพทย์
ก็เข้ามาขอหลบภัยอีกคน..เขาว่าเขาเพิ่งกลับจากการปฏิบัติการในห้องแลบ และมาประสบเหตการณ์เผาโรงสวด และเห็นกับตาว่า ชาวยิวถูกลากไปซ้อมจนสลบ
จึงรีบกลับหลังหันมาทางทิศทางนี้..
ต่อมา..เปปปิ..ก็อีกคนหนี่งที่ก้าวเข้ามาในห้อง และเป็นคนเดียวที่ดูมีสติมากกว่าคนอื่นๆ..ท่าทางเขาเยือกเย็นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาว่า
"พวกม็อบเดี๋ยวมันเหนื่อย..ก็สลายตัวไปเอง จะมีอาร๊ายย นอกจากเศษกระจกที่ต้องทำความสะอาด ซ่อมซะ เดี๋ยวอาทิตย์หนึ่งผ่านไปคนก็ลืมแล้ว"
เขาพูดอย่างง่ายๆ ที่ทำให้พวกเราทุกคนต่างหันไปจับจ้องที่เขาพร้อมทั้งคิดว่า จะบ้าไปหรือปล่าว?
แม่หลุดปากออกมาว่า..แหม..เธอนี่ไปเป็นทนายจริงนะ..เพราะมองเห็นแต่ทางได้..
เขารีบแก้ตัวว่า.."ปล่าวหรอกครับ..เพียงแค่ผมไม่อยากให้แม่หวานใจของผมต้องมาเป็นกังวล" ว่าพลางเขาก็ลูบไล้ไปที่หน้าผากฉันเบาๆ และเอ่ยต่อว่า
"เดี๋ยวหน้าย่น..ไม่สวยนะ"
แค่นั้นพร้อมกับการโอบประคองให้ไปนั่งคู่ด้วยกันบนโซฟา ก็ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาอย่างประหลาด เปปปิเป็นคนนิสัยดีอย่างนี้เสมอ กล้าหาญ และอยู่เคียงข้างพวกเรามาโดยตลอด
แม้แต่ยามที่ภัยมาจ่อถึงประตูบ้าน..เขาช่างน่าบูชาเสียเหลือเกิน !!
แต่แล้ว..จู่ๆ ร่างท้วมๆของแอนนาก็พรวดพราดเข้ามา ตัวเนื้อสั่นไปด้วยความโมโหโกรธา เสียงเธอกรีดก้องว่า
"อยู่นี่เอง..ไอ้โง่..หนอย...ชั้นสู้อุตส่าห์ไปติดสินบนใครต่อใครเพื่อที่จะให้แกพ้นออกจากความเป็นยิว..เอาแกมาเป็นคริสเตียนจนได้ แล้วไง..แล้วง๊ายยย..
คืนนี้ที่ใครต่อใครเขาต่อต้านพวกยิวบ้านี่..ถึงขนาดทั้งเผาทั้งรื้อ แล้วแกทำงัย..ดันมานั่งเอ้อระเหยเป็นใข่แดงในบ้านยิว.. แกไม่รู้หรือไง ว่าใครๆเขาก็รังเกียจพวกมันทั้งนั้น
ไป..กลับไปบ้านกับชั้นเดี๋ยวนี้"
เท่านั้นไม่พอ..แอนนาหันมาทางฉันพร้อมชี้หน้าว่า
"ปล่อยเขาไปนะ..แม่อีดิธ ถ้าหล่อนว่าหล่อนรักเขาจริง เพราะขืนมาอยู่กับหล่อน ลูกชั้นจะได้ถูกลากคอไปเข้าคุกด้วย ชั้นมีลูกชายคนเดียว ที่เปรียบเสมือนทุกสิ่ง..ทุก..อย่างงงง"
เสียงเธอเริ่มขาดหายเป็นห้วงด้วยก้อนสะอื้นในตอนท้ายๆ..แม่ก็ยังอุตส่าห์ใจดี..ไปรินบรั่นดีมาให้ซดปลอบใจแก้วหนึ่ง เปปปิรวบรวมสติได้ จึงพูดว่า
"แม่ครับ..เลิกโวยวายซะทีเถอะ อายเค้า ผมกับอีดิธ เรากำลังจะหาทางออกไปจากที่นี่ อาจจะเป็นอังกฤษ หรือ ปาเลสไตน์"
"อาไรนะ..ไหนแกว่าใหม่ซิ..นี่หมายความว่าพวกแกกำลังคิดจะทิ้งชั้นไปงั้นเหรอ..โธ่เอ๋ย..ในที่สุด หญิงม่ายที่น่าสงสารอย่างฉันก็ไม่มีใครเหลียวแลจริงๆ"
แอนนาเริ่มออกท่าออกทางกราดเกรี้ยวมากขึ้น..และ..สลับรำพัน
"แม่...ขอเสียทีเถอะ คำว่าหญิงม่ายที่น่าสงสารเนี่ย แม่ลืมไปแล้วหรือ ว่า สามีแม่ ก็คือ นายฮอฟเฟอร์ไงล่ะ เขาก็ดูแลแม่ดีนี่"
ประโยคนี้จากปากของเปปปิเล่นเอาแอนนาสะอึก เพราะ ในที่สุดความลับที่เก็บงำไว้ต้องมาเปิดเผยต่อหน้าคนหลายคน..แต่เธอก็หายอมไม่ ยังคงอาละวาดต่อไป
"เอาซี้..แกจะทิ้งชั้นไปใช่ไหม..ถ้างั้นชั้นก็ไม่ขออยู่ให้มันเกะกะนัยตาของแก..มะ..ชั้นจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเดี๋ยวนี้" ว่าแล้ว เธอก็รีบไปที่หน้าต่าง ทำท่าจะปีนไปบนรางกระถางต้นไม้
เหมือนจงใจจะเตรียมกระโดดสู่เบื้องล่าง..
ชายหนุ่มรีบคว้าเอวที่แสนเทอะทะของมารดา เข้ามาสู่อ้อมอก และลูบหลังลูกไหล่ปลอบประโลม "ไม่เป็นไรนะครับ..โอ๋..โอ๋..."
แต่แอนนาก็ยังโวยไม่เลิก ว่า..ไปกลับบ้านเดี๋ยวนี้..เลิกกับมันซะ..อย่าไปยุ่งกับมันอีก !!
Create Date : 24 กรกฎาคม 2556
Last Update : 24 กรกฎาคม 2556 2:32:33 น.
0 comments
Counter : 981 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
WIWANDA
Location :
กรุงเทพ United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 99 คน [
?
]
ศรเมฆา ฟ้าแว๊บๆ
พัตเตอร์สีเงิน
หมาร่าหมาหรอด
โขมงโฉงเฉง
แพนด้ามหาภัย
เด็กเหนือหนีหนาว
นายFee
เกือกซ่าสีชมพู
tiny
มีนะ กะ กาโม่
WIWANDA
Webmaster - BlogGang
[Add WIWANDA's blog to your web]
Iseehistory
winescale
Bloggang.com