ตำนานนางตานี ในทางพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า นางตานีถือได้ว่าเป็นภูติชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โอปปาติกะ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เกิดขึ้นในขนาดร่างกายแตกดับไปแล้วหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นร่างต่อจากวิญญาณที่ไม่ได้ไปนรกแต่เกิดเลย และ ที่สำคัญไม่ได้เกิดเป็นคน ซึ่งถ้าตายไปแล้วเกิดใหม่ในนรกจะเรียกว่า สัตว์นรก แต่นางตานีเกิดเป็นอุปปาติกะซึ่งเป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ ในตำนานของนักพรตเต๋ากมีการจารึกถึงผีตานีของจีนเหมือนกัน ซึ่งได้จารึกไว้ว่า ผีตานีเป็นผีสาวแต่งกายสีแดง และ มักจะชอบคอยชายหนุ่มอยู่ที่ต้นกล้วย ซึ่งมีเนื้อเรื่องคล้ายกับของไทยเลยทีเดียว โดยนางตานีจะเป็นผีที่มากด้วยกามราคะ แต่ก็ไม่ได้เขียนไว้ว่าเอาไปทำเมียได้ ซึ่งการที่จะปราบนางตานีก็ต้องทำการขุดต้นกล้วยตานีทั้งต้นเอามาให้หมดทั้งรากทั้งโคนแล้วทำการเผารวมทั้งทำการสะกดวิญญาณไว้ในต้นกล้วยก็จะสามารถปรับได้แต่ถ้าทำพิธีไม่สำเร็จก็แยกย้ายตัวใครตัวมัน
เป็นผีที่มีรูปร่าง และ หน้าตาที่สวยงดงาม พร้อมกับห่มสไบสีเขียว นุ่งโจงกระเบนแบบหญิงโบราณ โดยจะชอบล่อลวงผู้ชายไปลวนลาม ที่สำคัญนางตานีก็ยังมีแรงหึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย หากถ้าชายใดที่มีอะไรกับนางแล้วเมื่อไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นนางตานีก็จะตามมาจากคอชายนั้นในทันที เพราะด้วยแรงหึงหวงนั้นเองความเชื่อของคนสมัยโบราณเกี่ยวกับนางตานี โดยเฉพาะในเรื่องของพรายนางตานีที่เป็นผี ชาวบ้านจึงไม่กล้าปลูกต้นกล้วยตานีไว้ใกล้กับเรือนแม้แต่จะปลูกไว้ใกล้เรือนถ้าจะต้องตัดเอาใบตองไปใช้ และ ห้ามไม่ให้ตัดใบตองเอาไปใช้ทั้งใบ แต่จะต้องทำการเจียนเอามาแต่ใบตองเท่านั้นหรือไม่ก็ต้องหักก้านเสียก่อน เพราะถ้าทำการเอาเข้ามาในเรือนทั้งใบถือได้ว่าเป็นรางร้ายแน่นอน
การนำใบตองเข้ามาในบ้านจะทำให้มีคนตายลงในไม่ช้า ทั้งนี้ก็จะเห็นได้ว่าเนื่องจากคติเดิมที่ใช้ใบตองกล้วยตานี 3 ใบ รองกันในโรงศพ กล้วยตานีนี้ถ้าถึงคราวออกปีก็จะมีพิธีพลีพรายนางตานี เครื่องพลีก็จะมี หัวหมูบายศรี สำรับคาวหวาน โดยของหวานก็จะมี ขนมต้มแดงต้มขาว และ นอกจากนี้ยังมีข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน และ เครื่องหอมต่างๆ อาทิเช่น แป้งกระแจะจันทร์เป็นต้น แล้วให้ทำการนำเอาแหวนสร้อยคอทองคำไปทำการคล้องไว้ที่วงปลีกล้วย เพื่อใช้แทนเครื่องประดับ โดยมีการนำผ้าที่มีสีแดงหรือสีอะไรก็ได้ไปทำการพันรอบบริเวณต้นกล้วยตานีเสมือนกับการนุ่งห่มให้แก่พรายนางตานี และ ขอให้นางตานีช่วยคุ้มครองรักษาคนในบ้าน ให้มีโชคลาภ เงินทองเข้ามาในบ้าน อย่างไม่ขาดมือขายสาย ในบางครั้งก็ทำการนิมนต์พระสงฆ์ไปทำการสวดมนต์ และ ทำบุญร่วมด้วย บางที่ก็มีการนำหมอไปทำพิธี เมื่อเส้นวักแล้วให้นำดอกในปลีกล้วยตานีไปทำการตากแดดให้แห้งสนิดแล้วนำมาบดเป็นผงทำการผสมกับผงอิทธิเจ หรือ ผงของดินสอขาวที่ลงยันต์
ในทางเสน่ห์เมตตามหานิยมก็ให้เอาดอกในปีกล้วยตานีไปใส่ไว้ในตลับสีผึ้งสีปากที่ได้ทำการปลุกเสกเพื่อทำให้เกิดเสน่ห์ในเรื่องของเมตตามหานิยม เช่นเดียวกันเมื่อใช้สีผึ้งสีปากนี้แล้วทำการพูดออกมาก็จะทำให้ดูมีเสน่ห์ และ ทำให้ผู้ใหญ่เมตตา หากเป็นหญิงสาวก็จะทำให้เกิดความรักขึ้นมาได้ในทันที โดยในทางตรงกันข้ามหากผู้หญิงที่ทาสีผึ้งนี้แล้วเมื่อแย้มปากพูดออกมากับชายก็จะเกิดความรักขึ้นในทันทีเช่นเดียวกัน
หากกล้วยตานีที่ทำพิธีเซ่นวักแล้วออกปลีกลางต้นก็ถือได้ว่าเป็นกล้วยตานีที่เกิดมีปพลายนางตานีขึ้นแล้ว กล้วยตานีที่ออกปลีกลางต้นพวกชายหนุ่มที่ยังเป็นโสดอยู่ถ้าเป็นผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับพรายนางตานีก็จะทำพิธีเซ่นวัก ซึ่งเป็นทำนองเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้นแล้วไปทำการตัดกล้วยตานีในเวลากลางคืน และ เมื่อไปถึงก็ให้ทำการกล่าวคำเกี่ยวปะโลมพรายนางตานี ซึ่งอาจจะต้องใช้ความเพียรในการเกี้ยวเป็นอย่างมากจนกว่าพลายนางตานีจะใจอ่อน และ เห็นอกเห็นใจ จากนั้นให้เอามีดเฉือนตอนโคนกล้วยที่มีลักษณะเป็นเหมือนเงาออกมาก้อนหนึ่ง และ ทำการแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงใส่ในตลับหรือภาชนะไว้ ซึ่งต้องทำการเซ่นวักเช้าเย็น โดยจะต้องทำอย่างนี้อยู่หลายๆวัน จากนั้นพลายนางตานีก็จะมาปรากฏร่างให้เห็นในความฝัน โดยจะมาในลัการะของเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยสมใจดั่งที่เคยนึกไว้ เพราะการพะวงเป็นจินตนาการมาก่อนแล้วนางก็จะยอมทนเป็นเมียผู้นั้นอันเป็นความฝันอีกเหมือนกัน
เมื่อนางพรายตานีได้เป็นเมียแล้วชายคนผู้นั้นจะไปมีเมียคนอื่นอีกไม่ได้ซึ่งถ้ามีก็มักจะมีอันตราย แต่ถ้าอยากจะมีเมียจริงๆก็ทำได้ โดยจะต้องทำการบอกกล่าวขออนุญาตพรายนางตานีเสียก่อน หากพรายนางตานีเป็นเมียที่ดีเมื่อเห็นสามีซื่อสัตย์ไม่ปิดบังความจริงก็จะอนุญาต และ ก็จะช่วยเหลือให้การนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดีอีกด้วยเช่นกัน
Create Date : 11 เมษายน 2565 |
Last Update : 11 เมษายน 2565 8:09:29 น. |
|
1 comments
|
Counter : 785 Pageviews. |
 |
|
สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับภูตตานี คืออยู่ในภพ
สุคติชนิดนึง แต่คนชอบเรียกรวมๆ ว่าผีเนอะ