4 วัน 3 คืน ฟุกุอิ ดินแดนไดโนเสาร์ของประเทศญี่ปุ่น (ตอนที่ 3: Katsuyama city)
![](https://www.bloggang.com/data/s/sumatekso/picture/1718200776.jpg) สถานที่ท่องเที่ยว : พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งจังหวัดฟุกุอิ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum), Japan พิกัด GPS : 36° 5' 5.27
ที่จังหวัดฟุกุอิ (Fukui) ของประเทศญี่ปุ่น จะมีเมืองขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กอยู่เมืองหนึ่งครับ ที่นี่เป็นที่ตั้งของแหล่งขุดค้นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก รวมทั้งยังมีวัดขนาดใหญ่ ปราสาท และศาลเจ้าญี่ปุ่นตั้งอยู่กลางป่า เมืองนี้มีชื่อว่า คัตสึยามะ (Katsuyama) ครับ
วันที่สาม
สำหรับแผนการเดินทางในวันนี้ เรานั่งรถไฟท้องถิ่นของจังหวัดฟุกุอิสาย Katsuyama Eiheiji Line ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อมายัง เมืองคัตสึยามะ (Katsuyama) โดยจะมีค่าเดินทางขาละ 820 เยน แต่เนื่องจากรถไฟขบวนนี้มีพาสที่ใช้ขึ้นรถไฟขบวนนี้ได้ไม่จำกัดใน 1 วัน ที่เรียกว่า One day Unlimited Ticket All Echizen Line ราคา 1,200 เยน ผมเลยแนะนำให้ซื้อเป็นพาส เพราะราคาถูกกว่า และถ้ามี Have Fun in Fukui Pass หนึ่งในสิทธิของพาสตัวนี้ก็คือ เราสามารถแลก One day Unlimited Ticket All Echizen Line ได้ด้วย เพราะฉะนั้น วางแผนเที่ยวดีๆ จะประหยัดไปได้หลายต่อเลย
![](https://www.bloggang.com/data/s/sumatekso/picture/1718200985.gif) การเที่ยวที่เมืองนี้ เราต้องใช้รถเมล์ครับ ปัญหาคือ รถเมล์ที่เมืองนี้มีน้อย โดยเฉพาะในวันธรรมดา ผมเลยแนะนำให้พยายามจัดแพลนเที่ยวเมืองนี้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะรอบรถเมล์จะมีเยอะกว่า แต่ข้อดีของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นรวมทั้งที่เมือง Katsuyama คือถึงแม้รอบรถเมล์จะมีน้อย แต่ตรงเวลาครับ เราเลยวางแผนการเที่ยวได้ง่าย
ถ้าใครมีแผนจะไปเที่ยวที่เมืองนี้แบบนั่งรถเมล์แบบผม แนะนำให้ไปขอข้อมูลเรื่องรอบรถเมล์ที่ออฟฟิศของการท่องเที่ยวจังหวัดฟุกุอิที่หน้าสถานีรถไฟฟุกุอิ ใกล้ๆกับห้าง Happiring อีกทีนะครับ เผื่อตารางรถเมล์มีการเปลี่ยนแปลง (ถ้าพลาดรถเมล์ อาจต้องรอเป็นชั่วโมงเลย)
เรามาถึงที่เมือง Katsuyama ตอน 9.48 น.ครับ จากสถานีเรานั่งรถเมล์ไปที่ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุกุอิ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum) ที่ว่ากันว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ดีที่สุดติด 1 ใน 3 ของโลก ส่วนการจัดแสดงที่นี่มีภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่เข้าใจ
![](https://www.bloggang.com/data/s/sumatekso/picture/1718200776.jpg) จริงๆแล้วพิพิธภัณฑ์นี้มีค่าเข้าชม 1,000 เยนครับ แต่ถ้าเรามี Have Fun in Fukui Pass เราสามารถที่จะใช้สิทธิจากพาสนี้เข้าพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ได้ฟรีเลย (คุ้มมาก)
เมื่อเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ สิ่งแรกที่เราจะเจอก็คือ หุ่นจำลองทีเร็กซ์ ตัวใหญ่ขนาดเท่าของจริงมารอต้อนรับเรา (ขยับได้ด้วยนะ)
นอกจากนี้ยังมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งโครงกระดูกไดโนเสาร์ด้วย
เนื่องจากบริเวณที่เป็นหุบเขาของเมือง Katsuyama แห่งนี้ มีการค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ถึง 5 ได้แก่ ฟุกุอิแรปเตอร์ (Fukui Raptor) ตัวในรูปด้นล่าง, ฟุกอิซอรัส (Fukuisaurus), ฟุกุอิเวเนเตอร์ (Fukuivenetor), ฟุกุอิไตตัน (Fukuititan) และ โคชิซอรัส (Koshisaurus) นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมที่นี่ถึงมีจุดขายเป็นไดโนเสาร์ และมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ดีๆแบบนี้
ไม่เฉพาะไดโนเสาร์นะครับ ที่นี่ยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ยุคโบราณอื่นๆ เช่น กลุ่มสัตว์เลื้อยคลานที่บินได้ หัวกะโหลกของมนุษย์ยุคโบราณ ช้างแมมมอธ กวางยักษ์
นอกจากนี้ที่นี่ยังสามารถชมการทำงานของนักบรรพชีวินวิทยาที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตยุคโบราณอย่างใกล้ชิดผ่านตู้กระจกด้วยครับ
เราเที่ยวที่นี่จนถึงตอน 12.26 จากนั้นก็นั่งรถเมล์ต่อไปที่ วัดไดชิซัง เซไดจิ (Daishizan Seidaiji Temple) ซึ่งมีไฮไลท์คือ องค์พระใหญ่เอจิเซ็นไดบุตสึ (Echizen Daibutsu) (วัดนี้มีค่าเข้าชม 500 เยนครับ)
วัดนี้จริงๆเป็นวัดใหม่ครับ สร้างเมื่อปี 1987 โดย คุณคิโยชิ ทาดะ (Kiyoshi Tada) ผู้ที่เป็นเจ้าของบริษัทรถแท็กซี่ที่โอซาก้าและทำธุรกิจจนร่ำรวย และด้วยความที่เขาเป็นคนเมืองคัตสึยามะ เขาจึงอยากตอบแทนบ้านเกิดด้วยการสร้างทั้งวัดและปราสาทเพื่อให้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มายังที่นี่
วัดนี้สร้างขึ้นด้วยศิลปะสมัยราชวงศ์ถังของจีนครับ ไฮไลท์ของวัดนี้ก็คือ องค์พระใหญ่เอจิเซ็นไดบุตสึ (Echizen Daibutsu) ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า บิรุชานะ เนียวไร (Birushana Ryonai) โดยองค์พระนี้จำลองมาจากองค์พระพุทธรูปที่ ถ้ำผาหลงเหมิน ที่ เมืองลั่วหยาง ของจีน และถือเป็นพระพุทธรูปในร่มที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูงถึง 17 เมตร (สูงกว่าพระพุทธรูปที่วัดไทโดจิ เมืองนารา)
อีกจุดหนึ่งที่กลายมาเป็นมุมถ่ายรูปใน IG ที่ฮอตฮิตในหมู่คนญี่ปุ่นก็คือ บริเวณผนังทั้งสองข้างของโถงที่เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระใหญ่ จะเต็มไปด้วยพระพุทธรูปหิน 1,281 องค์
วัดนี้ยังมีเจดีย์แบบห้าชั้นที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นครับ โดยเจดีย์นี้มีความสูงถึง 75 เมตร ด้านบนจะมองเห็นวิวมุมสูงของเมือง Katsuyama รวมทั้ง ปราสาทคัตสึยามะ (Katsuyama castle) ที่เราจะไปเที่ยวเป็นจุดต่อไป จากวัด เรานั่งรถเมล์ต่อมาที่ ปราสาทคัตสึยามะ (Katsuyama castle) ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่โดยเงินทุนจากคุณคิโยชิ ทาดะ คนเดียวกับที่สร้างวัดที่เราไปมาก่อนหน้านี้ (ปราสาทมีค่าเข้า 500 เยน) พอซื้อตั๋วเข้าชมปราสาท เราก็ขึ้นลิฟต์ไปดูวิวชั้นบนสุดก่อนเลย ปราสาทนี้ถือเป็นปราสาทที่สูงที่สุด เพราะสูงถึง 57.8 เมตร ด้วยศิลปะแบบเดียวกับปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ที่จังหวัดเฮียวโงะ
ด้านในก็จัดแสดงโบราณวัตถุที่ค้นพบที่เมืองนี้ ของจริงบ้าง ของจำลองบ้าง
จากปราสาท เรานั่งรถเมล์ต่อมายังจุดสุดท้าย นั่นก็คือ ศาลเจ้าฮากุซังเฮเซนจิ (Hakusan Heisenji Shrine) ศาลเจ้านี้เดิมทีเป็นวัดครับ เนื่องจากสมัยก่อนศาสนาพุทธกับศาสนาชินโตในประเทศญี่ปุ่นอยู่รวมกันอย่างแยกกันไม่ออก ตามประวัติศาสตร์ วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.717 เพื่อเป็นที่พักของพระสงฆ์ และต่อมาก็ได้พัฒนากลายเป็นเมืองทางศาสนาบริเวณตีน ภูเขาฮากุซัง (Hakusan)
ว่ากันว่าในช่วงพีคสุด เมืองศาสนาแห่งนี้มีศาลเจ้า 48 แห่ง และวัดอีก 36 แห่ง มีพระสงฆ์มากกว่า 8,000 รูปอาศัยอยู่ที่นี่ แต่แล้วในปี ค.ศ.1574 เมืองนี้ก็พ่ายแพ้ และถูกเผาทำลายจนหมด เหลือเพียงบริเวณที่เป็นศาลเจ้านี้ที่ถูกบูรณะขึ้นมาเมื่อ 500 ปีก่อน สิ่งแรกที่เจอเมื่อมาถึงที่ศาลเจ้านี้คือ ป้ายเตือนให้ระวังหมี ครับ เพราะที่นี่เข้าเขตป่าแล้ว สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของศาลเจ้านี้คือ พรมมอสแบบนี้ครับ อลังการจนบางคนบอกว่า เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเทพนิยายเลย ต้นไม้บริเวณศาลเจ้านี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 450 ปี เราใช้เวลาอยู่ที่ศาลเจ้านี้ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์ต่อไปกลับไปสถานีรถไฟ แล้วนั่งรถไฟกลับไปยังเมืองฟุกุอิ ทริปในวันที่สามที่จังหวัดฟุกุอิก็จบเพียงเท่านี้ครับ
วันที่สี่
วันนี้ไม่มีแผนเที่ยวแล้วครับ เราเดินทางออกจากจังหวัดฟุกุอิ เพื่อไปเที่ยวต่อยัง จังหวัดโทยามะ (Toyama) ซึ่งผมจะเอามารีวิวในตอนต่อๆไปนะครับ สำหรับภาพรวมของจังหวัดฟุกุอิตลอดทั้งทริป 4 วันที่ผ่านมา ถือว่าชอบจังหวัดนี้มากกว่าที่คิดครับ โดยส่วนตัวผมชอบไดโนเสาร์นะ และวัตถุประสงค์ของทริปนี้จริงๆก็คือจะมาดูพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แค่นั้น แต่พอทำแผนเที่ยว ก็เริ่มรู้สึกว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิด ผมเลยแพลนเที่ยวที่นี่ 4 วัน 3 คืนไปเลย และพอเที่ยวจริงก็ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดของญี่ปุ่นที่ประทับใจ จึงอยากชวนให้ทุกคนมาเที่ยวที่นี่กันครับ
รีวิวในส่วนของจังหวัดฟุกุอิก็ขอจบเพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ใครมีคำถามอะไร ทิ้ง message ไว้ที่ด้านล่าง หรือหลังไมค์มาถามในพันทิปก็ได้ ยินดีตอบทุกคำถามครับ
บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง
Create Date : 12 มิถุนายน 2567 | | |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2567 21:12:23 น. |
Counter : 158 Pageviews. |
| |
|
|
|