นิพพานเป็นอย่างไร กระทู้สนทนา
ศาสนาพุทธ
ในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า 0 0
ความคิดเห็นที่ 1.
นิพพานเป็นอย่างไร กระทู้สนทนา ติดตาม ศาสนาพุทธ ในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า 0 0 สมาชิกหมายเลข 7881572 1 ชั่วโมงที่แล้ว
------
https://pantip.com/topic/42367614/desktop . .
จุดหมายปลายทางของศาสนาพุทธ คือไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว หมายถึงไปนิพพานใช่ไหม
ครัย
--------- ความจริง เป้าหมาย คือ การพ้นทุกข์ทั้งมวล
คือ พ้นทั้งทุกข์ทางใจ ในชาติปัจจุบัน และพ้นทุกข์ทั้งทางกายและใจ ในอนาคต
และนิพพานอยู่ที่ไหน อยู่บนสวรรค์
---------- นิพพาน คือ สภาวะสงบ สันติสุข
ที่รับรู้ด้วยจิตใจ
(เหมือนที่ใจ การรับรู้ความสุข ความทุกข์)
คือ เมื่อ จิต มีสติ ดู ร่างกาย หรือจิต(เวทนา จิต ธรรม(สิ่งที่เกิดขึ้นในใจ)
เห็นการเกิดดับ ไม่คงที่ตลอดเวลา
จึงรู้ว่า กายและจิต ไม่คงที่ ไม่คงทน(วิปัสสนาญาณ) จะนับ ณ กายหรือจิตใดๆ ณ เวลาใดๆ ส่าเป็นตัวตนก็ไม่ได้
เมื่อ เห็นความจริง จิตก็ ปล่อยวาง ความยึดถือผิดว่า กายและจิต เป็นตน
มรรค 8 ประการ รวมตัวกันในจิต
(มัคคสมังคี, มัคคจิต, มัคคญาณ),
ตัดกิเลส ที่มีในจิต แต่ละขั้น(4ขั้น)
แล้วจิต รับรู้ สภาวะสงบสันติสุข (นิพพาน) นี้ (ผลจิต, จิตญาณ) ทันที
เมื่อตัดกิเลส 4 ขั้นแล้ว ก็ไม่มีความยึดถือที่ผิดว่ากายและจิตเป็นตน จิตใจสงบร่มเย็นเย็นตลอดเวลา(เพราะไม่มีเหตุ ทำให้เกิดความทุกข์ใจเลย)
เป็นบุคคลที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นและสังคมสูงสุด
เพราะไม่มีความเห็นแก่ตัวเลย ทำประโยชน์แก่คนอื่น
--------
(มรรค(มีองค์ประกอบด้านจิตใจ 8 ประการ)รวมกันในจิตใจเป็นหนึ่งเดียว(มัคคสมังคี, มัคคจิต, มัคคญาณ(อ่านว่า ยาน)) ตัดกิเลส แต่ละขั้น 4 ขั้น
มรรค(มีองค์8) เป็นสภาวะทางจิต จึงรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ในจิตได้ เช่น
เจตนา ละเว้นจากการ...ทำผิดทางกาย วาจา
https://abhidhamonline.org/aphi/p9/099.htm
(หน้านี้ คือหน้าที่99)
แล้วจิต สัมผัสรับรู้ความสงบสันติสุข(นิพพาน)(จากการหมดความเร่าร้อนของกิเลสและผลของกิเลส) ทันที
(ผลจิต, ผลญาณ(อ่านว่า ยาน), บรรลุธรรม)
https://abhidhamonline.org/aphi/p9/100.htm
(หน้านี้ คือหน้าที่100)
----------
.
.
และนิพพานอยู่ที่ไหน อยู่บนสวรรค์ หรือไม่มีที่อยู่
----------- นิพพาน เป็น สภาวะสงบสันติสุข รับรู้ด้วยใจ
(เหมือนความสุข ทุกข์ ที่รับรู้ด้วยใจ)
(หลังการตัดกิเลสแต่ละขั้น หรือ เมื่อต้องการรับรู้อีก ก็เข้า ผลฌาน)
และจิตใจ ที่รู้ความจริง ตัดกิเลส(และรับรู้ นิพพาน)
แล้ว
เมื่อออกมาสู่ ภาวะปกติ ก็ไม่มีความทุกข์ร้อนใจ(ว่ามีอะไรมากระทบตน)
ใจสงบร่มเย็น
ทำภาระกิจ ต่างๆ ด้วยความมีสติ ให้ถูกต้อง ตลอดเวลา
นิพานคือที่ที่มีแต่ความสุข หรือที่ที่มีแต่ความว่างเปล่า
------- เป็น สภาวะสงบ สันติสุข ที่รับรู้ด้วยใจที่ตัดกิเลสแต่ละขั้นแล้ว หรือ เข้าผลญาณ
.
. แก้ไขข้อความเมื่อ 10 มกราคม เวลา 18:50 น. ตอบกลับ 0 1
วงกลม 10 มกราคม เวลา 18:46 น. Mahasati Neo ถูกใจ ความคิดเห็นที่ 2เป็นความสุข ถาวร ตลอดกาล โดยที่ไม่มีวันลดน้อยถอยลง ไม่มีความทุกข์หลงเหลืออยู่อีกเลย และเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ ประจักษ์แจ้งได้ด้วยตัวเราเอง
ลองมาปฏิบัติธรรมตามนี้ครับ https://www.dhamma.com/ ตอบกลับ 0 1
เมฆน้อยคอยดาว 10 มกราคม เวลา 18:47 น. Mahasati Neo ถูกใจ ความคิดเห็นที่ 3อันนี้ฟังมาจากครูบาอาจารย์นะครับ
นิพพาน
สงบ เย็น สันติ สว่าง ว่างไม่มีขอบเขต เป็นอิสระ สะอาด บริสุทธิ์ มีความสุข ไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะที่อยู่เหนือเหตุผลของมนุษย์ ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 1261517 10 มกราคม เวลา 18:50 น. ความคิดเห็นที่ 4...นิพพาน..คือ การหมดกิเลสโดยสิ้นเชิง ความทุกข์สิ้นสุด ไม่เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิใดๆอีก... ตอบกลับ 0 0
ผีเสื้อพเนจร 10 มกราคม เวลา 19:07 น. ความคิดเห็นที่ 5 ตอบกลับ 0 0
นักลงทุนไวไว 10 มกราคม เวลา 19:16 น. ความคิดเห็นที่ 6ไม่มีใครรู้หรอกครับ เพราะทุกคนที่ยังมีชีวิตก็ไม่เคยนิพพาน คนที่นิพพานไปแล้วก็ไม่เคยกลับมาบอกได้ว่าเป็นอย่างไร ตอบกลับ 0 0
zodiac28 10 มกราคม เวลา 20:12 น. ∨ดู 1 ความเห็นย่อย∨ ความคิดเห็นที่ 7ที่ตรงกันคือ หมดทุกข์ในใจโดยสิ้นเชิง และไม่ต้องมาเกิดอีก นอกจากนั้นไม่ค่อยจะตรงกัน ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 5727294 10 มกราคม เวลา 21:27 น. ความคิดเห็นที่ 8พระพุทธเจ้าสอนว่า ไม่ต้องทุกข์อีกแล้ว คือการพ้นทุกข์ถาวร ไม่ทุกข์ทางใจ ไม่ทุกข์ทางร่างกาย หรือทางอื่นๆอีกเลย ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 1101943 10 มกราคม เวลา 22:06 น. ความคิดเห็นที่ 9...นิพพาน ไม่ใช่สภาวธรรมที่จะเจอหลังจากตายไปแล้ว ...การเจอนิพพานจะเจอในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เท่านั้น แต่บางคน เมื่อเจอนิพพานเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะตายทันที ก็พอมีบ้าง ...การเจอสภาวนิพพาน เรียกว่า ได้บรรลุมรรคผล คือ จิตเห็นนิพพานปรากฏ กิเลสก็ถูกทำลายไปพร้อมๆกันในขณะนั้น เช่น ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะ ได้บรรลุธรรมในตอนเช้าวันวิสาขะ เป็นพระพุทธเจ้า ..นั่นแหละ ตอนนั้นพระองค์ได้เห็นนิพพานแล้ว หลังจากนั้น ทรงมีพระชนมายุต่อมานานอีก ๔๕ ปี ตอบกลับ 1 1
ผีเสื้อพเนจร 10 มกราคม เวลา 22:51 น. วงกลม ซึ้ง ความคิดเห็นที่ 10คือความว่างเปล่า ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 2009943 10 มกราคม เวลา 23:30 น. ความคิดเห็นที่ 11สวัสดีครับ "นิพพานเป็นอย่างไร"
จขกท.เคยดีใจอะไรมาก ๆ หรือเปล่า เช่น กลัวสอบตก แต่ผลออกมา "สอบผ่าน ได้ขึ้นชั้น" หรือกังวลอะไรหนัก ๆ แล้วปัญหา ได้รับการแก้ไข คลี่คลาย จะเกิดอารมณ์ ดีใจ โล่งใจ ปลอดโปร่งใจ ปิติ ชื่นใจ...
นิพพานอารมณ์จะเป็นอย่างนั้น แต่มันจะมากกว่านั้นอีกหลายเท่า ภาษาธรรมเรียก ว่า "วูปสโม สุโข" แปลกันว่า "สุขที่ยิ่งกว่าสุข" และอาการอย่างนั้นมันจะอยู่กับเราแบบ ยาวนานตลอดไป (เพราะทุกข์ตัวสุดท้ายมันหมดแล้ว และจะไม่เกิดทุกข์ขึ้นมาอีก) นิพานเป็นอย่างนี้แหละ....โดยประมาณ ............................................................................................................................ ทางคำภีร์ "นิพพาน" จะแบ่งเป็น 2 อย่าง(สองช่วง) คือ
1.ยังมีชีวิตอยู่เหมือนคนปกติ แบบเรา ๆ แต่สภาวะจิตใจหมดทุกข์แล้ว มีอารมณ์เหมือนที่กล่าวแล้ว เรียก "สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ" 2.ต่อมาคนนั้น "ตาย" จริง ๆ ไม่มีลมหายใจ ตายแบบร่างกายเน่าเปื่อย เรียก "อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ" และคนนี้จะไม่มาเกิดอีกแล้ว
ปล.จะมีอารมณ์ "นิพพาน" ได้ต้องปฎิบัติตามคำสอนของศาสนาพุทธอย่างถูกต้อง หลัก ๆ คือ ต้องพบสัตบุรุษ(ครู อาจารย์) ที่สอนให้ เรารู้จักทำใจ ในใจ(เรียก โยนิโส มนสิการ) เป็น
ขอบคุณครับ ตอบกลับ 0 0
จุ๊ด.จุ๊ด 10 มกราคม เวลา 23:48 น. ความคิดเห็นที่ 12คือความอมตะ ในพระไตรปิฎก มีคำนี้เยอะมาก ความอมตะ ตอบกลับ 0 1
สมาชิกหมายเลข 5993621 11 มกราคม เวลา 00:17 น. Mahasati Neo ถูกใจ ความคิดเห็นที่ 13นิพพาน คือคำที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ และหากศึกษาดี ๆ เราจะพบว่า การจินตนาการถึงนิพพานไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้น เราจึงต้องมาดูสิ่งอื่นประกอบด้วย เช่น ผู้เข้าถึงนิพพานนั้นเป็นอย่างไร
อันดับแรก นิพพานไม่ใช่การดับสูญ หากนิพพานเป็นการดับสูญ แล้วทำไมจึงต้องมาสอนให้นิพพานกัน และทำไมเมื่อมีผู้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าสอนการขาดสูญ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่าพระองค์สอนการขาดสูญของกิเลสเท่านั้น การกล่าวว่าพระองค์สอนการขาดสูญจึงเป็นเรื่องผิด
อีกทั้งนิพพานนั้นมีคุณสมบัติอันวิเศษหลายประการ เช่น มีความเป็นอมตะ มีความเที่ยงแท้ เป็นบรมสุข (ไม่ใช่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์) ผู้ที่เข้าถึงนิพพานก็กลับเป็นผู้เบิกบาน มีสติ มีปัญญาเหนือกว่าคนทั่วไป ซึ่งไม่น่าจะเป็นคุณสมบัติของความขาดสูญที่ไม่ควรจะมีอะไรเลย แต่ปรากฎว่าผู้ที่ถึงฝั่งพระนิพพานแล้ว มักมีคุณสมบัติที่เลิศกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ เช่น มีความประพฤติดี มีปัญญาดี มีฤทธิ์ มีความแตกฉานด้านภาษา เป็นต้น
ฉะนั้น ดูจากผู้ที่เข้าถึงนิพพานมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น นิพพานย่อมไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายหรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนจินตนาการ เพราะพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้เข้าถึงนิพพาน ล้วนเป็นผู้มีอัธยาศัยอันดีงามและเบิกบาน ไม่ใช่ห่อเหี่ยวไร้อารมณ์ อีกทั้งไม่ใช่การสูญหายไปเฉย ๆ เป็นการสูญหายของเหตุและปัจจัยเท่านั้น สิ่งที่เกิดแต่เหตุ สิ่งนั้นย่อมดับ นั่นคือทุกอย่างที่เรารับรู้ในโลกนี้ แต่นิพพานไม่เคยเกี่ยวข้องกับโลกนี้ นิพพานไม่มีเกิด จึงไม่มีการดับ ทว่านิพพานก็คือนิพพาน ไม่ใช่ความดับสูญและไม่ใช่ตัวตนด้วย เพราะตัวตนมันเกิดได้และดับได้
ในหลายพระสูตรมีการแจกแจงไปว่า ผู้คนยึดตัวตนเพราะเป็นสัตว์บ้าง เป็นมนุษย์บ้าง เป็นรูปพรหมบ้าง เป็นอรูปพรหมบ้าง ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีวิญญาณเป็นเครื่องรู้ และการยึดตัวตนก็สุดเพียงแค่นี้ แต่พอเลยจากอรูปพรหมไปถึงนิพพานก็ไม่มีการยึดตัวตนแล้ว ที่ไม่ต้องยึดเพราะนิพพานไม่มีปัจจัยใด ๆ ให้หลงผิด ไม่มีปัจจัยใด ๆ ให้สมมติ มันเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่ถึงจุดนี้เพราะการจินตนาการของคนธรรมดาไปไม่ถึง จึงมีวาทะต่าง ๆ กันไป แปลตำราต่าง ๆ กันไป หรือมีผลการปฏิบัติต่าง ๆ กันไป แต่ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวถึงจุดนั้น รู้แค่ว่านิพพานนั้นดีจริงก็พอ เพราะผู้ที่บรรลุถึงนิพพานแล้ว ย่อมเห็นด้วยตนเองว่าไม่มีสิ่งใดเปรียบได้ ไม่ใช่แค่ความดับสูญอย่างที่เราจินตนาการ ไม่ใช่อะไรสักอย่างที่เราจินตนาการจากสิ่งที่เราเคยพบเห็น พระพุทธเจ้าจึงทรงปฏิเสธทิฎฐิของนักปราชญ์ทั้งหลาย เพราะการจินตนาการใด ๆ ในโลกมันไปเทียบเคียงนิพพานไม่ได้นั่นเอง
ถ้าจะกล่าวโดยสรุป นิพพานนั้นคือจุดหมายปลายทางของทุกคน และเป็นทุกสิ่งที่ทุกคนต่างแสวงหา ไม่มีใครเลยที่ไปถึงนิพพานแล้วจะไม่พอใจ ไม่ว่าเราจะปรารถนาอะไรในโลกนี้ พอถึงนิพพานแล้วย่อมพอใจเฉพาะนิพพานนั้น เพราะไม่มีอะไรเปรียบได้ แต่ที่เรายังไม่เข้าใจหรือยังไม่อยากปรารถนานิพพาน เพราะเราเคยชินกับสภาพของใจที่มีกิเลสสิงอยู่ในใจ ซึ่งกิเลสคือโลภ โกรธ หลง จะคอยสอนให้เราพอใจและชอบใจกับสิ่งอื่นที่มีสุขเป็นประตูแต่มีปลายทางเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
เปรียบเหมือนโจรที่มีความสุขกับทรัพย์ที่ขโมยมาได้ แต่ก็ต้องคอยหนีตำรวจ คอยหลบซ่อน คอยวางแผนปล้น เอาชีวิตไปเสี่ยงตายกับทรัพย์จำนวนไม่มาก ย่อมไม่เข้าใจความสุขของคนที่ทำมาหากินสุจริตจนฐานะมั่นคงและไม่ต้องคอยระวังตำรวจฉันใดฉันนั้น ความสุขที่มนุษย์แสวงหาก็ฉันนั้น เมื่อเทียบกับนิพพานแล้วเทียบไม่ได้เลย เหมือนฝุ่นที่ปลายเข็ม ไม่สามารถเทียบกับผืนปฐพีอันกว้างใหญ่ได้เช่นนั้น ดังนั้น นิพพานจึงกล่าวได้ว่าเป็นเลิศที่สุด เป็นยอดที่สุด ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนได้ และแน่นอน ที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะมันเป็นสิ่งที่มีสาระ ไม่ใช่สิ่งที่ไร้สาระเหมือนความคิดที่ว่านิพพานแล้วจะดับสูญเหมือนการตายแล้วสูญ เพราะความดับสูญมันหาสาระไม่ได้ ซึ่งตรงข้ามกับนิพพานเลย ความจริงคือทุกสิ่งที่ดับสูญไปล้วนไม่ใช่นิพพาน เพราะนิพพานไม่มีการเกิดและไม่มีการดับ แต่ทว่ามีการเข้าถึงได้อยู่ ตอบกลับ 0 0
พักผ่อน 11 มกราคม เวลา 00:34 น. ความคิดเห็นที่ 14ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรหรอก แต่เข้าถึงได้ยาก ตอบกลับ 0 0
สะพานหมุนติ้ว 11 มกราคม เวลา 01:29 น. ความคิดเห็นที่ 15มีแต่ ใครๆ จะเอา นิพพาน แต่.
นิพพาน ไม่เอาใคร ตอบกลับ 0 0
ผ่าน 11 มกราคม เวลา 05:52 น. ความคิดเห็นที่ 16“ธรรมชาตินี้สงบ ธรรมชาตินี้ประณีต : คือภาวะที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความคลายกำหนัด (วิราคธรรม) เป็นความดับ .
ธรรมเป็นที่ดับแห่งทุกข์ทั้งปวงโดยไม่เหลือ 🔥เพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง
🌍🌏🌎 ธรรมเครื่องสลัดตนออกจากโลก.
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ฯ" (เพราะนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง) ตอบกลับ 0 1
สมาชิกหมายเลข 3459975 11 มกราคม เวลา 07:12 น. Mahasati Neo ถูกใจ ความคิดเห็นที่ 17นิพพานคือ อมตะ เพราะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ตอบกลับ 0 2
สมาชิกหมายเลข 7326608 11 มกราคม เวลา 11:34 น. Mahasati Neo ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3402001 ถูกใจ ความคิดเห็นที่ 18ต้องการนิพพานต้องรู้ถูก https://pantip.com/topic/30134196/comment5
สีเล ปติฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏเยชฏํ
ความว่า นรชาติชายหญิง ผู้มีปัญญาแต่กำเนิด มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลสมีปัญญาบริหารจิต เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิด ตั้งมั่นในศีล อบรมสมาธิและวิปัสสนาปัญญาเท่านั้น นรชนชาติชายหญิงนี้เท่านั้น จึงจะสามารถสางรกชัฏที่เป็นเสมือนข่ายคือ ตัณหาออกได้
ความหมายของพระนิพพานจาก พระไตรปิฏก อรรถกถา https://pantip.com/topic/31817916/comment1
https://pantip.com/topic/33679699/comment15
นิพพานมี ๒ ประเภท นิพพาน เมื่อกล่าวโดยปริยายแห่งเหตุ(การณูปจารปัจจัย)แล้ว มี ๒ ประเภท คือ ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ได้แก่ นิพพานที่เป็นไปกับขันธ์ ๕ = ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ได้แก่ นิพพานที่ไม่มีขันธ์ ๕
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สภาพของนิพพาน https://abhidhamonline.org/aphi/p6/084.htm
อาจารย์ผู้บอกกรรมฐานอย่างน้อยที่สุด ก็ต้องเป็นผู้ไม่เลอะเลือนทั้งในพระไตรปิฎกและอรรถกถา https://pantip.com/topic/38517496/comment9 ตอบกลับ 0 1
สมาชิกหมายเลข 3402001 11 มกราคม เวลา 12:54 น. Mahasati Neo ถูกใจ ความคิดเห็นที่ 19กรณีธรรมกลาย https://www.watnyanaves.net/th/book_detail/10
https://dharmasamathi.wordpress.com/2013/05/17/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA/
นิพพานเป็นอนัตตา…..42 นิพพาน ไม่ใช่ปัญหาอภิปรัชญา…..42 แหล่งความรู้ที่ชัดเจนมีอยู่ ก็ไม่เอา กลับไปหาทางเดาร่วมกับพวกที่ยังสับสน…..47 พระพุทธเจ้าตรัสไว้แน่นอนเด็ดขาด ว่าลัทธิถืออัตตาไม่ใช่คำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า…..50 พระไตรปิฎกและอรรถกถาระบุว่า นิพพานเป็นอนัตตา…..53 การหาทางตีความ ให้นิพพานเป็นอัตตา…………60 การใช้ตรรกะที่ผิด เพื่อให้คิดว่านิพพานเป็นอัตตา…..64 การจับคำความที่ผิดมาอ้างเป็นหลักฐาน เพื่อให้นิพพานเป็นอัตตา…..66 เมื่อจำนนด้วยหลักฐาน ก็หาทางทำให้สับสน……68 เมื่อหลักฐานก็ไม่มี ตีความก็ไม่ได้ ก็หันไปอ้างผลจากการปฏิบัติ…..71 เพราะไม่เห็นแก่พระธรรมวินัย จึงต้องหาทางดิ้นรนเพื่อหนีให้พ้นสัจจะ…..73 ความซื่อตรงต่อหลักพระศาสนา และมีเมตตาต่อประชาชน คือหัวใจของการรักษาระบบไตรสิกขาไว้ให้แก่ประชาสังคม…..75
คณะธรรมกลาย คณะแอบจิตและ จิตเที่ยง เป็นอมตะ มหานิรันดร์กาล ตั้งกระทู้ เลี่ยงพระบาลี บิดเบือนพระธรรมวินัย ครับ ให้ จิตเที่ยง และ นิพพาน เป็นอัตตา ตัวตน https://pantip.com/topic/39040011/comment6
ความเห็นผิดสุดโต่ง ๒ สาย (ธรรมกลาย&มโนอิทธิ, พุทธทาส+นักบวชคึก+สันติอโศก) https://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y2639614/Y2639614.html ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 3402001 11 มกราคม เวลา 12:55 น. ความคิดเห็นที่ 20คือความดับ สุข สงบเย็น
https://m.pantip.com/topic/37487612?
ตอบกลับ 0 0
Mahasati Neo 11 มกราคม เวลา 13:13 น. ความคิดเห็นที่ 21คือ บรมสุข ไม่มีสิ่งปรุงแต่งให้เกิดขึ้น เมื่อไม่เกิดก็จะไม่เสื่อมสลาย และไม่มีการดับสูญ ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 869744 11 มกราคม เวลา 14:52 น. ความคิดเห็นที่ 22ถามเรื่องที่เป็นอจินไตย ยิ่งถามยิ่งบ้า เพราะที่อยู่กันในโลกนี้ ไม่เคยมีใครเห็นนิพพาน ถามได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ อย่าว่าคำตอบมโนเลย คำถามก็มโนเพ้อเจ้อ
แก้ไขข้อความเมื่อ 12 มกราคม เวลา 19:34 น. ตอบกลับ 0 0
สมาชิกหมายเลข 5107524 12 มกราคม เวลา 12:24 น. ความคิดเห็นที่ 23ขอบคุณครับ
Create Date : 22 มกราคม 2567 |
|
3 comments |
Last Update : 22 มกราคม 2567 7:23:59 น. |
Counter : 3113 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 15 มีนาคม 2567 20:18:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|