Bloggang.com : nongmalakor : เมื่อกาลเวลานำพาให้เราไปเยือน เมืองกาญจน์ (วันที่ 2 สังขละบุรี-บ้านอีต่อง)

เมื่อกาลเวลานำพาให้เราไปเยือน เมืองกาญจน์ (วันที่ 2 สังขละบุรี-บ้านอีต่อง)

ย้อนดูวันที่ 1 นนทบุรี-สังขละบุรี คลิกเลย

วันจันทร์ที่ 15 พ.ย.64

เช้านี้ตื่น 06.00 น.เตรียมตัวไปตักบาตรที่ซอยสะพานไม้

ส่วนอากาศไม่ถึงกับหนาวแค่เย็นๆนิดหน่อย

ที่ซอยสะพานไม้มีร้านให้เช่าชุดมอญพร้อมชุดตักบาตร 1 ชุด ชุดละ 99 บาท หลายเจ้ามากเดินเลือกได้เลยครับ

หรือจะติดต่อทางที่พักโดยตรงก็ได้

จัดมาคนละชุด

เวลาประมาณ 06.30 น.พระเริ่มมาบิณฑบาต ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวถือว่าไม่ค่อยเยอะเหมือนวันหยุด

ผมเคยมาสังขละตอนปี 51 ตอนนั้นการท่องเที่ยวยังไม่ค่อยบูมเท่าไหร่ ผ่านมา 13 ปี สังขละเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน มีโฮมสเตย์เกิดขึ้นมากมาย วิถีชีวิตต่างๆเริ่มเป็นธุรกิจมากขึ้นทำให้ชาวบ้านมีรายได้ ความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่ดีตรงที่ชุมชนเข้มแข็งยังไม่มีมินิ มาร์ทของนายทุนใหญ่ๆเข้ามาเปิดในฝั่งมอญ

เอารูปปี 51 สมัยนั้นมีแค่ชาวบ้านที่ใส่บาตรกันเอง ชีวิตต้องดำเนิน ปรับตัวไปตามกาลเวลา

หลังจากใส่บาตร ได้เวลาเดินถ่ายรูปบนสะพานไม้

พระอาทิตย์ยามเช้า สวยดีครับ

สายๆนักท่องเที่ยวเริ่มมาถ่ายรูปบนสะพานไม้กันเยอะ

เดินกลับไปฝั่งมอญ ตรงถนนสะพานไม้คึกคักน่าดู มีทั้งมอญแท้และเนียนเป็นมอญแบบผมเยอะเหมือนกัน

ร้านโจ๊กนั่งยอง เปิดกูเกิ้ลดูมีแต่คนแนะนำร้านนี้ แถมนักท่องเที่ยวก็เข้าไปนั่งกินกันเยอะ ขอลองหน่อย

มีอาหารให้เลือกเยอะเหมือนกัน

โต๊ะนั่งจะเป็นเก้าอี้ไม้เล็กๆเหมือนนั่งยองๆ เลยเรียกร้านโจ๊กนั่งยอง

ได้ที่นั่งโต๊ะที่ 15

ที่โต๊ะจะมีกาน้ำชา มีเครื่องปรุง พริกไทย ซอสแม๊กกี้ ขิงซอย ต้นหอมซอย น้ำส้ม น้ำปลา น้ำตาล พริกป่น มีครบทุกอย่าง พร้อมหมี่กรอบตักได้ฟรีตลอด

เมนูมา

วิธีการสั่งจะมีกระดาษมีเมนูต่างๆไว้ให้เพียงแค่เราติ๊กในช่องพร้อมส่งเมนูให้รอให้ร้านมาเรียกแล้วเราเดินไปรับที่หน้าร้านพร้อมจ่ายเงิน เป็นอันจบพิธี

สั่งปลาท่องโก๋ไป 2 ตัวเสิร์ฟมาพร้อมนมข้น (นมข้นเติมได้ตลอด)

ปลาท่องโก๋เย็นไปหน่อย แป้งก็เหมือนทั่วๆไปจิ้มกับนมก็พอใช้ได้

ตามด้วยชาพม่าร้อนกับไข่ลวก

ชาพม่าถึงจะไม่ใช่แนวแต่อร่อยดีเหมือนกันส่วนไข่ลวกใส่ซอสเหยาะพริกไทยนิดหน่อยโอเคเลย

โจ๊กหมู ใส่ไข่ 1 /ไม่ใส่ไข่ 1 /ผัดหมี่มอญ 1

โจ๊กหมู เฉยๆยังไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่เลวร้าย กินได้อยู่

ผัดหมี่มอญ

ไม่ชอบเลย เฉยๆไม่มีรสชาติจืดๆมันๆ ใครไม่เคยมาแล้วลองมาชิมได้ อาจจะถูกปากคุณก็ได้ส่วนผมครั้งเดียวพอ

เมนูดังเจ้านี้อีกอย่างคือโรตีโอ่ง ผมไม่ได้สั่งใครเคยชิมแล้วบอกกันบ้างนะครับว่ารสชาติเป็นยังไง ส่วนร้านขายโจ๊กยังมีอีก 2-3 ร้าน ใครเคยชิมร้านไหนแนะนำกันได้

ชิมพอหอมปากหอมคอได้เวลาเดินกลับไปห้องพัก เจอชุดนี้น่ารักกับขนมแวะซื้อไปฝากที่บ้านหน่อย

ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย

เดินกลับเข้าที่พัก มีขนม นมเนยไว้บริการให้ด้วย

เวลา 09.26 น.ระยะทาง 345.5 กม.ได้เวลา Check-out เดินทาง

เช้านี้ขับไปวัดวังก์วิเวการามหรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ วัดนี้หลายท่านคงรู้จักกันดีโดยเฉพาะหลวงพ่ออุตตมะท่านเป็นที่นับถือของชาวมอญ พม่าและคนไทยเป็นอย่างดี

จากที่พักขับตรงไปถึงแยกตัวทีเลี้ยวซ้ายขับไปประมาณ 1.5 กม.ก็ถึงวัดแล้วครับ ไปไม่ยากมีป้ายบอก

ได้เวลาเข้าไปไหว้ขอพรก่อนเดินทางในวิหารกันครับ

หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จขับไปยังเจดีย์พุทธคยา

สำหรับเจดีย์พุทธคยา คงไม่ต้องบรรยายอีกเหมือนกันนะครับ เป็นสิ่งยึดเหนียวของชาวสังขละอีกที่หนึ่งเหมือนกัน คลิกเลย

ได้เวลาเดินทางต่อ

ออกจากเจดีย์พุทธคยาเวลา 10.10 น.

ระยะทาง 348 กม. คืนนี้เราจะไปนอนที่บ้านอีต่องกัน

ตอนแรกตั้งใจจะไปด่านเจดีย์สามองค์ถามคนสังขละบอกตลาดฝั่งพม่ายังไม่เปิด เปิดแค่ฝั่งไทยของยังไม่ค่อยมีอะไร

เลยยิงตรงไปบ้านอีต่องแล้วกัน ขับรถเรื่อยๆมาถึง อ.ทองผาภูมิ ขับวนตัวเมืองทองผาภูมิ 1 รอบ มาถึงทองผาภูมิเวลา 11.34 น. ระยะทาง 426 กม.วิ่งตามกูเกิ้ล คลิกเลย

แวะกินข้าวร้านนี้ครับ

มื้อนี้ง่ายๆ ข้าวขาหมู น้ำขาหมูไม่หวานมากเนื้อหมูเปื่อยกำลังดีอร่อยพอได้ ชอบน้ำจิ้มเหมือนน้ำจิ้มซีฟูด

ซุปเปอร์ตีนไก่ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน จี๊ดจาดมาก กล่อมกลม อร่อยดีครับ ส่วนตีนไก่ตุ๋นได้เปื่อยมาก

เส้นเล็กต้มยำ เมนูนี้แฟนบอกอร่อยบีบมะนาวสดเติมพริกหน่อยอร่อยอยู่

หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ

แวะเติมน้ำมัน ปตท.ที่ตัวเมืองทองผาภูมิ ได้บัตรลดที่อเมซอนแวะซื้อกาแฟแก้ง่วงหน่อย

เวลา 12.00 น.ระยะทาง 428 กม. ออกจากปั๊ม ปตท.ทองผาภูมิ เดินทางไปบ้านอีต่อง

ตรงนี้เป็นถนน 2 เลนวิ่งสวนกัน ถนนกว้าง เรียบวิ่งได้สบายๆเป็นทางทางเรียบไม่มีโค้ง ไม่มีขึ้นเนิน

ขับจากตัวเมืองทองผาภูมิมาประมาณ 3 กม.จะถึงเขื่อนวชิราลงกรณ์ ดูในเวปนี้แล้ว คลิกเลย
อยากเข้าไปชม เสียดายยังไม่เปิด ไว้มีโอกาสจะไปเยี่ยม

เดินทางต่อ จากเขื่อน เริ่มเข้าสู่ตำบลปิล๊อคผ่านเส้นทางที่ไปยังหมู่บ้านอีต่อง เป็นถนนที่เริ่มคดเคี้ยวในหุบเขา ช่วงแรกเป็นถนนลาดยางอย่างดี แต่พอผ่านไปสักพักจะได้พบกับถนนที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อที่ระยะทางค่อนข้างยาวพอสมควร จึงได้ฉายา 399 โค้ง 10,000 หลุม

ต้องขับรถอย่างระมัดระวังกันนิดนึง แต่จากที่ดูๆมาหลายเวป ถือว่าตอนนี้ดีกว่าก่อนมาก ช่วงที่ผมไปมีดินสไลด์และทำทางเทปูน 3 จุดด้วยกัน ส่วนหลุมก็ไม่ถือว่าเยอะมากอย่างที่คิด

ก่อนถึงบ้านอีต่อง มีจุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล็อก ขอแวะพักรถหน่อย

เวลา 13.30 น. ระยะทาง 479 กม. ถึงจุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล็อก

จุดชมวิว บรรยากาศดีมาก มีลานจอดรถพร้อมห้องน้ำ ใครขับมาเหนื่อยแวะพักได้เลยครับ

รถประจำทางไม่รู้ชาวบ้านเหมามาหรือเปล่า มาจอดแวะพักรถอยู่เหมือนกัน

พักรถประมาณ 15 นาทีได้เวลาไปต่อ ขับตามทางมาเรื่อยๆ มาถึงบ้านปิล็อกเวลา 14.10 น.ระยะทาง 492 กม.

ป้ายทางเข้าหมู่บ้านปิล็อก

ขับผ่านหมู่บ้านปิล็อกขึ้นไปอีกประมาณ 4 กม.ก็ถึงบ้านอีต่องแล้วครับ สำหรับใครไม่ได้ขับรถมาเองสามารถนั่งรถสาธารณะได้ลองดูในเวปนี้นะครับ บอกรายละเอียดดี คลิกเลย

เวลา 14.16 น.ระยะทาง 495.7 กม.มาถึงลานจอดรถบ้านอีต่อง

จอดรถดูป้ายห้ามจอดด้วยนะครับ

จอดรถได้ลงเดินหาที่พักหน้าสระน้ำ ว่างทุกเจ้า เลือกที่พักได้เลย เดินวน 1 รอบตัดสินใจพักที่ปิล๊อก ต๊อกแต๊ก

อยู่ติดสระน้ำตรงกลางพอดี

เลือกห้องชั้นล่างหน้าสุด คืนละ 800 บาท พร้อมอาหารเช้า 2 คน

กุญแจเป็นแบบแม่กุญแจธรรมดาใช้คล้องกับห่วง ไม่มีระบบคีย์การ์ดไฟสามารถชาร์จได้ตลอดเวลา 24 ชม.

ด้านหน้าห้องจะทำเป็นที่นั่งเล่นส่วนตัว มีประตูไม้กั้นพร้อมโต๊ะและเก้าอี้ให้ 1 ชุด

ประตูห้องเป็นกระจกใสบานเลื่อน เปิดเข้าไปเป็นเตียงไม้ แข็งแรงขนาด 5 ฟุต ผ้าปูที่นอนสีขาว ผ้าห่มสีแดงลายดอกสดใสเป็นเอกลักษณ์ของที่พักในบ้านอีต่อง (ไม่ค่อยชอบผ้าห่มแบบนี้เป็นขนๆ เวลาห่มแล้วคันไม่ค่อยสบายตัว) ส่วนที่นอนเป็นที่นอนสปริงแอบแข็งไปหน่อย พร้อมผ้าเช็ดตัว 2 ผืน ผ้าถือว่าสะอาดระดับหนึ่ง ภายในห้องไม่มีกลิ่นอับ ห้องไม่กว้างมากแต่ไม่ดูอึดอัด พื้นปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาล ผนังฉาบปูนเรียบ

ปลายเตียงมีทีวีกับพัดลม ไม่มีแอร์ให้นะครับ ที่นี้อากาศเย็นตลอดปี ผมนอนยังไม่เปิดพัดลมเลย อากาศเย็นสบายมาก ชอบๆๆๆ

ถัดไปเป็นอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงา 1 บานอยู่หน้าห้องน้ำ

ด้านข้างเป็นหน้าต่างบานเกร็ดพร้อมมุงลวด มีม่านให้ ทำให้ห้องไม่ค่อยเก็บเสียงเท่าไหร่ โชคดีที่ผมไปเงียบมากไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่แต่ข้อดีทำให้ห้องระบายอากาศได้ดี

ห้องน้ำเป็นสุขภัณฑ์ชักโครกพร้อมสายชำระ

ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นระบบแก๊ส

หัวเตียงมีโต๊ะวางของ 1 ตัว ให้น้ำเปล่า 2 ขวด กระดาษทิชชู และรีโมททีวี

ชอบห้องนี้อีกอย่างคือมีปลั๊กไฟให้เสียบทั้งหมด 4 จุดจุดละ 2 เต้าไม่ต้องแย่งกันชาร์จสายไฟ

มองจากห้องออกไปเป็นกระจกใสเต็มบาน เห็นสระน้ำอย่างเต็มๆ

อยากส่วนตัวค่อยปิดม่านได้ครับ

บันไดขึ้นไปชั้น 2 ใครชอบมุมสูงนอนชั้น 2 ได้

ทางขึ้นบันไดจะมีมุมกาแฟชงดื่มได้ตลอด

สรุป โดยรวมชอบการตกแต่งห้อง ไม่ฉูดฉาด เรียบง่ายดี วิวดี ห้องสะอาด ผ้าต่างๆสะอาด น้ำไหลแรง เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ไฟมีตลอด ไม่มีตกหรือกระชากให้เห็น สัญญาณไวไฟไม่ได้ใช้ของโฮมสเตย์ แต่สัญญาณไวไฟแรงปกติใช้ได้ดีทั้ง 2 ค่าย (ทรูกับเอไอเอส) ส่วนดีแทคไม่ทราบครับไม่ได้ใช้ของเจ้านี้ ทีวีดูได้ปกติทุกช่องไม่มีสะดุด ปลั๊กไฟมีให้หลายจุด ที่ไม่ค่อยชอบคือที่นอนแข็งไปหน่อยกับผ้าห่มแบบขน นอกนั้นให้ผ่าน ก่อนเข้าพักจะมีขอดูประวัติการฉีดวัคซีนพร้อมขอชื่อและเบอร์โทร แต่ถ้าใครไม่ได้ฉีดวัคซีนไม่รู้ให้เข้าพักเปล่า ลืมถาม

โฮมสเตย์ ปิล็อก ต๊อกแต๊ก ถ่ายจากลานจอดรถฝั่งตรงกันข้ามสระน้ำ จะเห็นมีที่พักอยู่ติดๆกันตลอดริมสระน้ำ

ถ่ายจากหน้าห้อง ลานจอดรถจะอยู่ฝั่งตรงกันข้าม

ได้เวลาเดินสำรวจบ้านอีต่องกันแล้วครับ จากห้องเดินออกทางซ้ายมือเลาะริมสระไปจะถึงจุดที่นักท่องเที่ยวเอาป้ายไม้มาแขวนตรงราวสะพานกัน

เดินไปสุดสระจะมีทางแยกด้านซ้ายไปตลาด

ส่วนทางด้านขวาไปยังลานจอดรถจะผ่านจุดไฮไลท์ที่แขวนป้ายไม้

ถ่ายตรงจุดแขวนป้ายไม้จะเห็นที่พักตลอดริมสระน้ำ

อยู่ตรงหัวมุมสระน้ำ

ตรงข้ามมีสะพานเหมืองแร่ สร้างตั้งแต่ปี 2482

เดินไปหน่อยตรงหัวมุมสระน้ำจะมีจุดบริการรถนำเที่ยว

สถานที่พร้อมราคาตามป้ายเลยครับ

ถัดไปเป็นลานจอดรถ สามารถเดินวนรอบสระน้ำกลับไปยังที่พักเราได้ไม่ต้องเดินย้อนกลับ

เดินกลับไปยังถนนด้านในตลาดกันบ้าง

ท่ารถสองแถว อีต่อง-ทองผาภูมิ จะขึ้นตรงนี้

จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก ขนม ของฝากจากพม่าเยอะอยู่เหมือนกัน ราคาจะสูงกว่าแถวสังขละนิดหน่อย ดีตรงที่พวก 7/11 ร้านมินิมาร์ทยังเข้าไม่ถึง

ตรงนี้จะเป็นท่าจอดรถสาธารณะ

ระหว่างทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง

มองกลับไปที่เราเดินผ่านมา

จากท่ารถเลี้ยวซ้ายเป็นถนนด้านหลังของโฮมสเตย์ที่เราพัก

ด้านขวามือมีป้ายบอกไปเขาช้างเผือก

ถนนด้านนี้จะมีร้านขายของที่ระลึก โฮมสเตย์ ร้านอาหารเยอะมาก

ร้านช้างแก่ มีเมนูหมี่ผัดช้างแก่เป็นเมนูเด็ด แต่ผมก็ไม่เคยลองชิมนะครับ

ครัวเจ๊ณี อยู่ติดกับร้านช้างแก่เดี๋ยวเย็นๆจะมาชิมร้านนี้

เดินมาอีกหน่อย

อยู่ด้านซ้ายมือร้านครัววิวสุดแดน ร้านนี้ขายชาบู-หมูกระทะ อากาศหนาวๆใครชอบปิ้งๆย่างๆร้านนี้เลยครับ (แต่เห็นที่โฮมสเตย์แต่ละที่ก็มีสั่งหมูกระทะไปกินกันหน้าห้องก็มีอยู่หลายเจ้านะครับ ใครสนใจหมูกระทะลองถามที่พักกันเอาเองเน้อ)

เดินไปเรื่อยๆ

เดินมาสุดถนนเจอป้ายหมู่บ้าน

ออกจากป้ายหมู่บ้านทางซ้ายมือไปลานจอดรถกับสระน้ำหมู่บ้าน

ขวามือเดินขึ้นไปโรงเรียนเพียงหลวง 3 ลานจอด ฮ.

ลานกางเต้นท์

วิวจากลานจอด ฮ.

เดินลงกลับมาขวามือเป็นทางเข้าเหมืองปิล็อก

ป้ายบอกจุดต่างๆ

บังเกอร์ ข้างในไม่ค่อยมีอะไร

ด้านซ้ายมือจะเป็นเครื่องมือ+อุปกรณ์ขุดแร่ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน

ตรงไปเป็นบ่อน้ำ ใสมาก มีปลาคราฟว่ายเล่นอยู่ในบ่อ สวยดี ตรงนี้ดูเพลินตามาก ไม่คิดว่าเมืองไทยจะบ่อน้ำธรรมชาติที่ใสแบบนี้

เดินขึ้นไปทางขวาเป็นเรือนรับรอง อุปกรณ์ทำแร่ ของเก่าในอดีต

เดินกลับเป็นลานจอดรถรอบสระน้ำหมู่บ้าน

ผ่านบ้านนี้ สระน้ำมีปลาคราฟเยอะมาก

ประมาณ 17.00 น.เดินมาขึ้นรถรับจ้างไปเนินช้างศึก คนละ 50 บาท

คันนี้แหละครับ ทางโหดมาก ดีแล้วที่ไม่ขับขึ้นมาเอง เห็นทางแล้วสงสารรถเลย

แต่ขึ้นมาคุ้มค่าครับ วิวสวยมาก เสียดายพระอาทิตย์วันนี้ขี้อายไปหน่อยแอบตกไปแบบเงียบๆ

เดินขึ้นไปฐานช้างศึก

ลานจอดรถที่พาเรามาบนเนินช้างศึก

จะจอดอยู่บริเวณนี้

มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาชมวิวกันพอสมควร

เดินชมวิวได้ประมาณ 30 นาที อากาศข้างบนเย็นมากอยู่ไม่ไหว สมาชิกที่นั่งมาด้วยกันพร้อมใจขอกลับไปที่พัก (ช่วงที่ผมไปรถโดยสารไม่กำหนดเวลาลง แล้วแต่สมาชิกอยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้ครับ)

ลาเนินช้างศึกด้วยวิวมุมสูงหมู่บ้านอีต่อง

ลงมาบ้านอีต่อง เดินเล่นในหมู่บ้านยามเย็น

เย็นนี้ตั้งใจมากินอาหารทะเลร้านเจ๊ณี

วันนี้อาหารทะเลพวก กุ้ง ปู ปลาหมึกไม่มี ทางร้านบอกว่าฝั่งพม่าปิด ไม่ได้ส่งอาหารทะเลมาเป็นปีแล้ว

เลยสั่งอาหารพื้นๆมากิน

ไข่เจียวหมูสับ

ทอดได้กรอบมากแต่ไม่อมน้ำมันเลย เสียดายจืดไปหน่อย

แกงจืดเต้าหู้สาหร่าย

รสชาติกลมกล่อมน้ำซุปเค็มกำลังดี หอมสาหร่าย อร่อยดี

กระเพรากุ้ง

ไม่เหมือนกระเพรา เหมือนผัดพริกเผามากกว่า จานนี้เฉยๆ ไม่โดนแต่กุ้งสดมาก เนื้อเด้งดี ร้านนี้เค้าดังเมนูกุ้งซอสมะขาม ถ้ามีโอกาสจะลองมาชิมเมนูนี้

ตามด้วยน้ำแร่บ้านอีต่อง ให้มาขวดใหญ่ 1.5 ลิตร

ค่าเสียหายทั้งหมด 295 บาท ไม่แพงอย่างที่คิด

ก่อนกลับเข้าห้องเดินผ่านร้านปิ้งหมาล่า ซื้อกลับไปกินที่ห้อง

บ้านอีต่องเพิ่งเคยมาครั้งแรก ประทับใจมาก เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางขึ้นลำบากหน่อย แต่ได้มาเที่ยวแล้วคุ้มค่าการเดินทางมาก ชอบอากาศ ชอบบรรยากาศ ไว้มีโอกาสจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง

ลาด้วยลูกชิ้นปิ้งหมาล่า คืนนี้ฝันดีครับ

พรุ่งนี้ไปนอนแพที่ไทรโยคกันครับ คลิกเลย

ค่าใช้จ่ายวันที่ 2 สังขละบุรี-บ้านอีต่อง

ใส่บาตรพระ 100 บาท (2 ชุด)

ดอกไม้ใส่บาตร 20 บาท (2 ไม้)

ทาแป้งนาคาที่หน้า 40 บาท (2 คน)

อาหารเช้าร้านโจ๊กนั่งยอง 165 บาท (ชาพม่า 1 แก้ว 15 บาท/ปลาท่องโก๋ 2 ตัว 40 บาท/โจ๊กหมูธรรมดา 25 บาท/โจ๊กหมูใส่ไข่ 35 บาท/ไข่ลวก 10 บาท/ผัดหมี่มอญ 30 บาท)
ของฝาก

ชุดเด็ก 310 บาท (2 ชุด)

ชุดผู้ใหญ่ 540 บาท (3 ชุด)

ผ้าถุง 120 บาท (สีแดง 1 ชุด)

ผ้าถุง 200 บาท (1 ผืน)

ขนมพม่า 100 บาท (4 ถุง)

แป้งทานาคา 50 บาท (1 กระปุก)

ปลาใบอ้อย 100 บาท (1 ถุง)

ทำบุญวัดวังก์วิเวการาม 200 บาท
ตลาดทองผาภูมิ

มื้อเที่ยง 165 บาท (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ/ข้าวขาหมู/ซุปเปอร์ตีนไก่ อย่างละ 1 จาน)

น้ำมันดีเซล B7 ปตท. 800 บาท (เติม 26.23 ลิตร ลิตรละ 30.49 บาท)

กาแฟมอคค่า 50 บาท (ราคาเต็ม 65 บาทได้ส่วนลดเติมน้ำมัน ปตท. 15 บาท 1 แก้ว)

ร้าน 7/11 ขนม 44 บาท
บ้านอีต่อง

ค่ารถขึ้นเนินช้างศึก 100 บาท (2 คน)

ข้าวร้านเจ๊ณี 300 บาท (กระเพรากุ้ง 120 บาท/ไข่เจียวหมูสับ 60 บาท/แกงจืดเต้าหู้สาหร่ายหมูสับ 80 บาท/ข้าวเปล่า 2 จาน 20 บาท/น้ำเปล่า 1 ขวดใหญ่ 15 บาท/ทิป 5 บาท)

ลูกชิ้นปิ้งหมาล่า 70 บาท (6 ไม้ ไม้ละ 10 บาท เห็ดพันแฮมไม้ละ 20 บาท)

ค่าที่พักโฮมสเตย์ ปิล๊อก ต๊อกแต๊ก 800 บาท (1 คืน)