Review : ผิวสวยในทุกแสงกับแป้ง cute press Evory Stellar Oil Control Foundation Powder SPF30 PA+++
ถ้าพูดถึงแป้งผสมรองพื้นถูกและดี ต้องมีแบรนด์ cute press ติดอันดับไปด้วยเสมอ ก็ต้องยอมใจในการทำราคาและคุณภาพสินค้า ที่เน้นออกแบบมาให้เหมาะกับผิวสาวไทยโดยเฉพาะจริงๆ
แป้งผสมรองพื้นเค้าจะเป็นตระกูล cute press Evory ที่มีออกมาหลายรุ่น โดยจะเน้นเรื่องการปกปิดและคุมมัน ซึ่งบล็อคนี้มีน้องใหม่รุ่นล่าสุดมาอัพเดทให้ชมกัน จุดเด่นของรุ่นใหม่นี้คือ "สวยมีมิติในทุกแสง" คอนเซ็ปต์เริ่ดเนาะ แต่จะเวิร์คเหมือนรุ่นพี่รุ่นก่อนๆไหม เชิญรับชมได้เลยจ้า
cute press Evory Stellar Oil Control
Foundation Powder SPF30 PA+++
-----------------------------------------------------------------
ตลับจริงขนาด 12 กรัม ราคา 399 บาท
ตลับรีฟิล ราคา 369 บาท
มีจำหน่ายที่ช็อป cute press ทุกสาขา
หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้ที่ https://www.cutepress.com/ จ้า [เช็คสาขาช็อปที่ใกล้ๆบ้านได้ในเว็ปเช่นกันฮะที่ Store Location มุมขวาบน]
ชื่อเต็มนางยาวเกิ๊นขอเรียกว่าแป้งอิเวอร์รี่สเตลล่าร์ ละกัน จุดเด่นของแป้งตัวนี้คือเค้าใช้นวัตกรรม Photochromic Technology ที่อณูแป้งสามารถปรับโทนสีอัตโนมัติให้เข้ากับความแรงของแสง เพื่อให้ผิวดูสวยมีมิติในทุกสภาพแสง! ไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่มแสงน้อย กลางแดด แสงไฟ แสงแฟลชก็คือรอด มีส่วนผสมของ Halo Powder คือผงมุกอณูละเอียดที่ช่วยกระจายแสง
เน้นการปกปิดแต่ให้สัมผัสเนื้อแป้งที่นุ่ม บางเบา สบายผิวมากขึ้น ไม่ดรอป ไม่เป็นคราบระหว่างวัน คุมมันนาน 12 ชั่วโมง กันน้ำ กันเหงื่อ ปกป้องผิวหน้าจากรังสี UV ด้วยค่า SPF30 PA+++
โอ้โหวอ่านคุณสมบัติแล้วตาโต เคลมมายิ่งใหญ่อลังการมากเว่อร์ แต่จะทำได้จริงแค่ไหนอันนี้ก็ต้องมาพิสูจน์กัน
รายละเอียดส่วนผสมตามนี้ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมนะจ๊ะ
ตลับสีหวานเว่อร์มีความพาสเทลไล่เฉดชมพู-ม่วง ตัวตลับเนื้อพลาสติกแข็งแรงดีไม่ก๊องแก๊ง ขนาดกำลังพกพาไม่กินพื้นที่ในกระเป๋าดี
ด้านในแบ่งเป็นสองชั้น เก็บพัฟแยกด้านบนแป้งด้านล่าง แยกแบบนี้สะอาดสะอ้านดี มีกระจกในตัว
ฟัพเนื้อนุ่มแต่แน่น ปาดแป้งติดง่าย ดังนั้นเวลาใช้เบามือหน่อยเน่อไม่ต้องจกแรง เพราะแป้งเค้าเนื้อนุ่มด้วยปาดเบาๆก็ติดพัฟมาเยอะแล้ว
มีให้เลือก 6 เฉดสี มี 3 อันเดอร์โทน
B1 สีสว่างสุด สำหรับสาวผิวขาวจัด เน้นผิวมีออร่า B2 สีเข้มสุด สำหรับสาวผิวน้ำผึง
N1 , N2 อันเดอร์โทนเหลือง มีสองเฉด
P1 , P2 อันเดอร์โทนชมพู มีสองเฉด
เทียบสีให้ดูชัดๆ เอาจริงๆเค้าว่า cute press ทำเฉดสีมาค่อนข้างติดโทนเหลือง ต่อให้เป็นสี P อันเดอร์โทนชมพูก็ยังอมเหลืองอยู่ดีไม่ได้ชมพูจ๋า ซึ่งสำหรับผิวคนไทยแล้วค่อนข้างเข้ากับผิวได้ง่าย แต่ถ้าเป็นสาวผิวอมชมพู๊ ชมพู
อันนี้ควรเทสกับหน้าจริงๆดูเน่อเกรงว่าสีจะชมพูไม่พอ
อ้ะชัดๆบนผิวหน้า คือระดับความสว่างผิวเค้าอยู่เบอร์ 1 ชัดเจน เพราะเบอร์ 2 นี่สีเหลืองโดดขึ้นมาจากผิวมากเลย ส่วนอันเดอร์โทนเอาจริงๆผิวเค้ากลางๆไม่ได้เหลืองมากและไม่ได้ชมพู จริงๆน่าจะเป็นโทน B แต่ B1 ก็สว่างกว่าผิวมากไป ส่วน N ก็เหลืองกว่าผิวมากเช่นกัน ดังนั้นผิวเค้าจึงมาจบที่สี P1
มาดูเท็กซ์เจอร์และระดับการปกปิดกัน อันนี้คือทาเพียวๆ ไม่ลงเบส ไพรเมอร์ หรือคอนซีลเลอร์
ทาด้วยพัฟเกลี่ยบางให้ทั่วๆหนึ่งรอบ และปาดทับเพิ่มตรงโหนกแก้มเพื่อปิดกระซ้ำอีกครั้ง
สำหรับเค้าที่เป็นคนผิวแห้งลุคผิวที่ได้แมทท์จริงอะไรจริง ไม่มีจุดขึ้นเงาใดๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ผิวดูด้านๆนะ ส่วนการปกปิดถือว่าทำได้ดี ปิดได้ประมาณ 80% สำหรับรอยกระ คือทาแป้งเดี่ยวๆแล้วมองระยะใกล้ก็ยังเห็นจางๆ แต่ถ้าแต่งหน้าลงบลัชออน ไฮไลท์ เฉดดิ้ง ก็แทบไม่เห็นกระแล้วหล่ะ
เนื้อแป้งรุ่นนี้มีความเนียนและนุ่มดังนั้นต้องระวังตอนทา เพราะปาดติดพัฟง่ายทาทาซ้ำไปมาหลายๆรอบจะทำให้ผิวดูหนาได้ ควรปาดน้อยๆ และทาอย่างเบามือ อยากทาเพิ่มต้องค่อยๆเติมทีละนิดนะฮะ
เทียบครึ่งหน้าเห็นการปกปิดชัดเจนเนอะ รอยคล้ำใต้ตาดูดีขึ้น แต่ถ้าเป็นคนใต้ตาคล้ำมาก ก็แนะนำให้ลงคอนซีลเลอร์ก่อนเน่อ
ทาครึ่งเดียวแบบนี้ชัดเจนว่าสีที่เลือกถูกต้องหรือไม่ ก็ถือว่า P1 ให้ผ่านนนน...กลมกลืนกับผิวดี ปรับผิวให้สว่างขึ้นนิดนึง
เทคนิคการใช้สำหรับสาวผิวแห้ง
ด้วยความที่เป็นแป้งเนื้อแมทท์สูตรคุมมัน สำหรับสาวผิวมันก็ใช้ทาตามปกติได้เลย
แต่สำหรับสาวผิวแห้งแบบเค้าต้องมีเทคนิคนิดนึง
>>> แนะนำให้โบกสกินแคร์ให้ชุ่มกว่าปกติส่วนตัวเค้าชอบลงออยล์ จะช่วยให้แป้งเกาะผิวได้ดีขึ้นและไม่แห้งแคร็กระหว่างวัน
>>> ลงเบสเติมความชุ่มชื่นเพื่อเตรียมผิวก่อนการลงแป้ง
>>>ใช้พัฟแตะแป้งทีละน้อยแล้วทาในจุดที่เราต้องการปกปิด ของเค้าคือบริเวณใต้ตา จมูก แนวกระที่โหนกแก้ม ส่วนอื่นยังไม่ต้องทา
>>> เสร็จแล้วใช้แปรงแตะแป้งปัดบางๆให้ทั่วผิวหน้า ผิวจะนวลเนียน แต่ดูไม่หนาไม่โบกจนเกินไป
อ้ะโคลสอัพให้ดูความเนียนกันชัดๆ
จากนั้นก็ทำการแต่งหน้าตามปกติ และเทคนิคปิดท้ายที่อยากแนะนำสำหรับสาวผิวแห้ง คือการพ่นน้ำแร่เติมความชุ่มชื่นหลังแต่งหน้าเสร็จ จะช่วยให้เมคอัพของเราเซ็ตตัวได้ไวขึ้น หน้าจะดูไม่ลอย ไม่แห้งเป็นแป้งๆ สีเมคอัพจะดูกลมกลืนกับผิวมากขึ้น
ท๊าาาา ดาาาา....และนี่ก็คือฟินิชลุคที่ได้ เอ๊ออออสวยงามอ้ะเธอ เนียนได้ใจเจ้ ไม่มีรองพื้น ไม่มีคอนซีลเลอร์ และโนรีทัชนะจ๊ะ
เห็นมะบอกแล้วว่าทาแป้งเดี่ยวๆยังเห็นรอยกระจางๆ แต่พอมันมีสีของเมคอัพเข้ามาช่วยก็มองรอยกระไม่เห็นแล้ว ดังนั้นยั้งมือนิดนึง ยังไม่ต้องโบกเบสเมคอัพให้ปิดแบบกริบขั้นสุด เอาแค่พรางๆให้ดูจางลงก็พอ เดี๋ยวแต่งหน้าเสร็จก็กริบขึ้นเอง
สำหรับรูปนี้คือถ่ายในที่ร่มมีแสงธรรมชาติเข้าทางหน้าต่าง แสงนี้ผ่านฉลุยหน้าดูเนียน ผ่อง มีมิติสวยงาม เดี๋ยวไปดูแสงอื่นกันว่าจะรอดไหม
***รูปทั้งหมดถ่ายด้วย Sony A5100 เลนส์ 35mm f1.8 โหมด P จ้า
อ้ะแสงธรรมชาติเอาท์ดอร์ คอนทราสก์จัดมาเลย แสงเงามาเต็มแบบนี้ก็ต้องเห็นรอยนูนพวกรอยกระเนื้อบนผิวอ่านะ แต่ในเรื่องความเนียนเค้าว่าก็ยังได้อยู่นะ เส้นเขียวๆที่พาดบนหน้านั่นใบไม้เด้อ
โอ๊ยแสงนี้ดีงามจุงเลย แสงเอาท์ดอร์แต่มีรีเฟล็กซ์สะท้อนจากด้านล่าง ช่วงเปิดเงาใต้ตา เงาใต้คาง นี่ภาพดิบๆเลยย่อภาพใส่ลายน้ำแค่นั้น โครงหน้าและผิวดูมีมิติมากเว่อร์ แนะนำเลยแสงนี้
แผ่นรีเฟล็กซ์สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายอย่างนะ แผ่นกันแดดรถยนต์ที่เป็นฟรอยด์เงินๆก็ใช้ได้ แผ่นโฟมหรือกระดาษสีขาวก็ได้ หลักการสะท้อนคือวางเฉียงรับแสงแล้วลองปรับองศาการเอียงเพื่อให้สะท้อนเข้าหน้า จะเป็นการเปิดเงาทำให้หน้าดูเด้งขึ้นมาแบบสุดๆ
มุมนี้แสงน้อยคอนทราสก์จัด แสงนี้ไม่จำเป็นไม่แนะนำให้ถ่ายเด้อ ต่อให้แป้งเนียนดีแค่ไหน แต่มันมีแสงเงาที่ทำให้เห็นรอยนูนสูงนูนต่ำบนผิว ใครมีพวกรอยสิว รอยหลุมสิว แสงนี้คือฆ่าตายไปเลยดังนั้นเลี่ยงได้เลี่ยงค่ะ
แสงธรรมชาติใช้รีเฟล็กซ์สะท้อนเบาๆอีกซักรูป เวลายิ้มเต็มๆรอยเค้ามีรอยยับใต้ตาขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว นี่คือสาเหตุว่าทำไมถึงควรบำรุงให้ชุ่มมากๆก่อนทาแป้ง เพราะผิวแห้งเวลาผิวยับขึ้นรอยไปแล้วมันจะแคร็กคือตัวยาก เนื่องจากไม่ค่อยมีน้ำมันผิวไปช่วยเบลนเนื้อแป้งให้เนียนกลืนผิวอ่านะ
สำหรับเค้าเมื่อเกิดรอยพับแล้วอยากให้เส้นคืนตัว จะใช้สเปรย์น้ำแร่พ่นให้หน้าชุ่มชื่นขึ้นแล้วเอานิ้วตบๆเกลี่ยๆเบาๆ รอยเส้นจะตื้นขึ้นแม้จะไม่หายไปหมดแต่ก็ดูโอเคขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือมิควรโบกแป้งทับ ยิ่งโบกยิ่งทำให้ผิวแห้งยิ่งตกร่องผิวเด้อ
สำหรับสาวๆเหงื่อเยอะแบบเค้าเรามักจะมีจุดประจำที่แป้งจะต้องหลุดเป็นปกติ ของเค้าก็คือเหนือปาก อากาศร้อนนิดเดียวเหงื่อนี่ผุดมาเป็นเม็ดๆๆตรึม แล้วด้วยความที่เราขยับปากทั้งวัน เอาทิชชู่ซับ เผลอเอามือปายังไงก็ต้องหลุดบ้าง ซึ่งการเติมแป้งในจุดที่หลุด แป้งบางตัวคือเติมได้แต่บางตัวก็พังนะเออยิ่งเติมยิ่งเป็นคราบ
สำหรับ แป้งอิเวอร์รี่สเตลล่าร์ ตัวนี้ลองให้แล้วผลลัพธ์คือรอดนะจ๊ะ วิธีเกลี่ยจุดที่แป้งหลุดคือเอาพัฟเปล่าๆที่ยังไม่ได้ปาดเนื้อแป้ง เกลี่ยขอบที่ยังมีแป้งให้เบลนฟุ้งๆไปกับผิวก่อน เสร็จแล้วแตะแป้งขึ้นมานิดเดียวแล้วค่อยๆทาเติมเข้าไปจะเนียนสวยงามเลย สิ่งควรระวังคือไม่ควรทาหนาไปเพราะมันจะเกลี่ยยากกว่าเด้อ และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะทำให้แป้งหลุดแล้วไม่โป๊ะก็คือการเลือกสีแป้ง ถ้าเลือกสีให้ตรงกับผิวต่อให้แป้งหลุดมันก็ดูไม่ด่างมากนั่นเอง
อ้ะมาดูกับแสงไฟกันบ้าง อันนี้คือไฟริงไลท์ฮะ เห็นรายละเอียดความนูนของพวกรอยกระบนผิวนิดหน่อย แต่ความเนียนก็ยังได้อยู่เนอะ
โคลสอัพให้ชัดๆ ทามาทั้งวันออกไปถ่ายเอาดอร์จนกลับมาถ่ายแสงไฟ สำหรับผิวเค้าสีไม่ดรอปเลยแฮะ แต่งหน้าเสร็จสีไหนก็อยู่สีนั้นยาวเลย
และแสงที่ถ่ายยังไงก็พังคือแสงแฟลชนั่นเอง แฟลชเล็กหัวกล้องแสงมันจะสาดเข้าเฉพาะจุด กลางหน้าเลยขาวเด่นกว่าจุดอื่น อันนี้ไม่ได้วอกที่แป้งนะเธอ แต่อยากให้ดูในความเนียนเฮ้ยคือรอดนะ
คะแนนความพอใจ Mhunoiiis Score [5/5]
เนื้อแป้งนุ่มเกลี่ยง่าย 4.5/5 ระดับการปกปิด 4/5 ความบางเบา สบายผิว 3.5/5
ผิวดูมีมิติ 4.5/5 ควบคุมความมัน -/5
(เค้าผิวแห้งตอบให้มิได้เน่อ ผิวเค้าคือทาทีเดียวอยู่ได้ยาวยันค่ำ) สีไม่ดรอประหว่างวัน 5/5 (สำหรับผิวเค้านะ)
Create Date : 31 พฤษภาคม 2561 | | |
Last Update : 2 มิถุนายน 2561 11:04:25 น. |
Counter : 15794 Pageviews. |
| |
|
|
|