|
Review : Kiehl's Nightly Refining Micro-Peel Concentrate ไนท์ทรีทเมนต์ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

ปกติผิวของเราจะผลัดเซลล์ผิวเก่าได้เองทุกๆ 3 สัปดาห์ แต่เมื่ออายุมากขึ้นแค่ผ่าน 20 ปีไปเท่านั้นเราจะผลัดเซลล์ได้น้อยลง ทำให้มีเซลล์ผิวเก่ากองอยู่สะสมอยู่บนผิวทำให้เท็กซ์เจอร์ผิวไม่สม่ำเสมอ สัมผัสแล้วขรุขระไม่เรียบเนียน การสะท้อนแสงของผิวก็แย่ลงทำให้ผิวดูไม่สดใส แถมยังทำให้เกิดการอุดตันผิวสาเหตุของสิวอีกด้วย
การผลัดเซลล์ผิว....จึงเป็นหนึ่งในวิธีการบำรุงผิวที่จะช่วยให้ผิวเนียนเรียบ ลดปัญหาพวกริ้วรอยตื้นๆ ลดความหมองคล้ำให้ผิวดูเปล่งปลั่งขึ้น ซึ่งถ้าต้องการทำให้เห็นผลและปลอดภัยก็ต้องทำโดยคุณหมอในคลินิก ไม่ว่าจะเป็นการทำด้วยเครื่องมือ หรือใช้สารเคมีอย่าง AHA หรือ BHA
การทำในคลินิกเรื่องเห็นผลไวแน่นอน แต่ปัญหาที่เรารู้ๆกันคือผลข้างเคียง อย่างปัญหาผิวลอก ผิวไวแดด ผิวระคายเคืองง่าย ฯลฯ แถมยัง "แพง" อีกด้วย ทำทีหมดเงินเป็นพัน แล้วยังเรื่องความสะดวกอีกใครจะไปทำได้บ่อยๆเนอะ
บล็อคนี้เลยมีสกินแคร์ออกใหม่จาก Kiehl's มาให้ชมกัน ที่เค้าทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ข้อจำกัดหลายๆอย่างของการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งเค้าได้ลองใช้ต่อเนื่องจนหมดขวดแล้วจึงนำมารีวิวให้ชมกัน ได้ผลอย่างไรบ้างไปชมรายละเอียดกันเลยค่า 

Kiehl's Dermatologist Solutions™ Nightly Refining Micro-Peel Concentrate
--------------------------------------------------------------------
ขนาด 30 มล. ราคา 2,650 บาท
เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ที่ร้านคีลส์ทุกสาขาค่า
คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตามคำเคลม
โอเวอร์ไนท์ทรีตเม้นต์ที่ทำหน้าที่เร่งการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยผลัดผิวเก่าเผยผิวใหม่ที่ดูเด็กลง ด้วยสารสกัดจากเปลือกเมล็ดควินัว (Quinoa Husk Extract) , กรดผลไม้หลายชนิด (Fruit Acids) , สารสกัดจากตะบองเพชร (Cactus Extract) และกรดไฟติก (Phytic Acid) เพื่อชะลอความร่วงโรยของผิว โดยให้ผลลัพธ์เทียบเท่าการผลัดเซลล์ผิวในคลินิก แต่อ่อนโยนต่อผิวสามารถใช้เป็นประจำได้ทุกคืน
ส่วนผสมหลักที่เป็นตัวชูโรงของทรีทเมนต์ตัวนี้ คือ สารสกัดจากเปลือกเมล็ดควินัว (Quinoa Husk Extract)
สำหรับคนที่ทานคลีนอยู่แล้วคงคุ้นกันดีกับ"ควินัว" ซูเปอร์ฟู้ดที่เป็นอาหารหลักของชาวโบลิเวีย อุดมไปด้วยโปรตีน กรดอะมิโนจำเป็น และวิตามินในปริมาณสูง
โดยการนำควินัวมาบริโภคจะต้องจำกัดส่วนของเปลือกทิ้งก่อน แต่ทางคีลส์ได้ค้นพบว่าส่วนของเปลือกที่เป็นเศษเหลือทิ้งนี้ มีคุณสมบัติในการจำกัดการเชื่อมแน่นของหนังกำพร้าชั้นบนสุด และรักษาโครงสร้างสารอินทรีย์จำพวกไขมันในชั้นบนสุดของหนังกำพร้า จึงช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้โดยไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง
นับว่าเป็นการค้นพบที่ดีงามมากนอกจากจะใช้ส่วนที่ไม่ได้ใช้แล้ว ทางคีลส์ยังมีการร่วมมือกับบริษัทจัดซื้อของโบลิเวีย ซึ่งจะรับซื้อควินัวจากเกษตรกรในท้องถิ่น จึงเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชนอีกด้วย 

รายละเอียดส่วนผสม
ส่วนผสมชูโรงหลักๆที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ตามที่กล่าวไปอย่างแรก คือ สารสกัดจากเปลือกเมล็ดควินัว ในส่วนผสมคือ Chenopodium Qiunoa Seed Extract
นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับกรดผลไม้หลายชนิด (Fruit Acids) ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากส้ม, มะนาว, บิวเบอร์รี่(Vaccinium Myrtillus), สารสกัดจากอ้อย(Sugar Cane) , น้ำตาลเมเปิ้ล (Sugar Maple)
สารสกัดจากตะบองเพชร (Cactus Extract) คือ Hydrolyzed Opuntia Ficus Indica Flower Extract เป็นสารสกัดจากดอกต้นตะบองเพชรสายพันธุ์หนึ่ง มีโครงสร้างเป็นโมเลกุลน้ำตาลขนาดใหญ่ ที่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิว กรดไฟติก (Phytic Acid) กรดธรรมชาติอีกตัวหนึ่งที่ได้จากข้าวและพืชตระกูลถั่ว ที่นอกจากช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังช่วยยับยังเอนซ์ไซม์ที่สร้างเม็ดสีเมลานินอีกด้วย
นอกจากส่วนผสมหลักๆที่กล่าวมายังมี Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid หรือ HEPES เป็นสารที่จดสิทธิบัตรของ LOréal ที่ไปเสริมเอนไซม์ที่ทำหน้าที่สลายการยึดเกาะของเซลล์ผิว จึงช่วยเสริมการผลัดผิวตามธรรมชาติ
จากส่วนผสมจะเห็นว่ามี Alcohol Denat ใส่มาเป็นอันดับสอง ตอนแรกเค้าก็กังวลในจุดนี้เหมือนกันว่าผิวแห้งแบบเค้าจะใช้ได้ไหม แต่ตอนที่ได้ไปงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ญี่ปุ่นได้ถามแพทย์ผิวหนังจากทางคีลส์ คุณหมอแจ้งว่าใส่มาเพื่อทำละลายไม่มีผลที่ทำให้ผิวแห้งลง เพราะมีสารที่ให้ความชุ่มชื่นเข้มข้นใส่มาด้วย อย่าง Hydroxyethyl Urea , Glycerin , Aloe Babadensis Leave Juice Powder (สารสกัดจากว่านหางจระเข้) ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าจากการวิจัยพบกว่าเมื่อใช้ต่อเนื่อง กลับช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นที่เพิ่มมากขึ้นด้วย และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวแม้ผิวที่ระคายเคืองแพ้ง่าย เพราะเค้าปรับค่า pH ให้อยู่ที่ 4.5 ไม่ได้มีฤทธิ์เป็นกรดให้รู้สึกแสบยิบผิว
***ไม่มีส่วนผสมของสี , น้ำหอม และ พาราเบน

คำเตือนด้านหลังขวด!
ทรีทเมนต์นี้มีส่วนผสมของกรดธรรมชาติ AHA จึงแนะนำให้ใช้ตอนก่อนนอนเท่านั้น เพราะอาจจะทำให้ผิวไวแดดมากขึ้น ดังนั้นในขณะใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว จึงควรใช้ครีมกันแดดทุกวัน ร่วมกับการเลี่ยงแดด หรือใส่หมวกเพื่อไม่ให้ผิวโดนแดดโดยตรง จะได้ไม่เสี่ยงที่ผิวจะเกิดการไหม้แดด

ลักษณะเนื้อและกลิ่น
เนื้อทรีทเมนต์เป็นสีเซรั่มเหลวใสสีเหลืองอ่อน เนื้อลื่นเกลี่ยได้ง่ายซึมผิวค่อนข้างไว ไม่มัน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม กลิ่นจึงเป็นกลิ่นของส่วนผสมธรรมชาติ เค้าว่ากลิ่นแอบคล้ายโชยุจางๆถ้าดมจากขวดโดยตรงกลิ่นจะชัดหน่อย แต่พอทาบนผิวจะไม่ชัดเท่าตอนแรก เหลือกลิ่นติดผิวพอประมาณ

เวลาทาลงไปบนผิวหลังจากซึมหมด ลองสัมผัสดูจะเหลือความหนึบผิวเล็กน้อย สำหรับเค้าที่ผิวแห้งไม่เป็นปัญหา ถ้าคนผิวค่อนข้างมันอาจจะลดปริมาณการใช้ลง แต่จริงๆแล้วตัวนี้ใช้สำหรับทาตอนกลางคืนเท่านั้น ซึ่งเรานอนแอร์กันเป็นปกติผิวจึงขาดความชุ่มชื่นได้ง่าย การทาให้ชุ่มชื่นไว้ก่อนนอนก็ถือว่าให้ผิวได้บำรุงเต็มที่มากขึ้น

วิธีและขั้นตอนการใช้
ทางแบรนด์แนะนำให้ใช้ครั้งละ 2-3 หยด ทาทั่วใบหน้าหลังทำความสะอาดผิว โดยใช้เป็นขั้นตอนแรก ก่อนการใช้เซรั่มและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งสามารถใช้ควบคู่กับสกินแคร์อื่นๆที่เราใช้อยู่ได้เลย แต่กรณีสำหรับคนที่ใช้ยารักษาสิวที่มีอาการผิวแห้งลอกไม่ควรใช้พร้อมกันฮะ
วิธีการทาของเค้าจะหยดใส่ฝ่ามือแล้วประกบสองมือเข้าด้วยกัน กระจายเนื้อทรีมเมนต์ให้ทั่วแล้วกดลงเบาๆที่ผิวไม่ใช้การลูบหรือปาด โดยจะลงที่แก้มที่มีพื้นที่กว้างกว่าก่อนแล้วที่เหลือค่อยลงทีโซน การกดเบาๆจะช่วยให้ซึมผิวได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ทาสกินแคร์อื่นๆตามเหมือนขั้นตอนที่ทาปกติ

ช่วงที่เทสทรีทเมนต์ตัวนี้เค้าเดินทางค่อนข้างบ่อย ผิวจะแห้งง่ายเลยใช้คู่กับ Kiehl's Facial Deep Moisture Balm ทาแค่สองตัวนี้จบเลย....คือขี้เกียจทาหลายสิ่ง แหะๆ แต่ใช้แค่สองสิ่งมันเวิร์คมากนะ ตัวบาล์มข้นได้ใจให้ผิวชุ่มชื่นเต็มที่ ตื่นมาแล้วหน้ายังชุ่มอยู่แต่เสียดายตัวนี้ไม่มีขายในไทย เค้าเน้นวางขายแค่ประเทศเมืองหนาวเท่านั้น

สภาพผิวตอนเช้าหลังจากทาสองไอเท็มด้านบนคู่กัน จะเห็นว่าไม่มีความมันเหลืออยู่บนผิวแต่อย่างใด สิ่งที่รู้สึกตอนเช้าเลยคือผิวนุ่มมม...จับผิวตัวเองแล้วแฮปปิ้

เค้าลองใช้เองต่อเนื่องหมดไปแล้ว 1 ขวด ด้วยความที่ปริมาณการใช้ต่อวันน้อยมากแค่ไม่กี่หยด ดังนั้นขวดนึงอยู่ได้นานเลย เค้าไม่ชัวร์ว่าใช้ไป 5 หรือ 6 เดือนนี่หล่ะ
พกไปใช้เวลาไปเที่ยวด้วยสภาพขวดเลยเยินหน่อย ตัวเคลือบขวดสีเขียวลอกร่อนเชียว ขวดรุ่นนี้เค้าเคลือบกรองแสงมาแล้วระดับนึง แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าควรเก็บไว้ในในที่ไม่โดนแสงแดดนะฮะ

สรุปความรู้สึกหลังทดลองใช้ต่อเนื่อง
เกริ่นก่อนว่าเค้าเป็นผิวแห้งที่บำรุงผิวต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงยังไม่ค่อยมีปัญหาผิวอะไร แต่อายุที่เพิ่มขึ้น(ปีนี้ย่างเข้าเลข 3 หุหุ) ก็รู้หล่ะว่าการผลัดเซลล์ผิวจะทำงานน้อยลงมาก แต่ก็ไม่เคยคิดจะไปผลัดเซลล์ผิวตามคลินิกหรือใช้ผลิตภัณฑ์ด้านนี้โดยตรงเลย เพราะกังวลว่าจะทำให้ผิวแห้งลอกแล้วจะกลายเป็นผิวที่ระคายเคืองง่าย จนได้ไปงาน Pre-Launch ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้กับคีลส์ที่ประเทศญีปุ่นเมื่อครึ่งปีก่อน แล้วได้คุยกับแพทย์ผิวหนังจากคีลส์ว่าตัวนี้เค้าเทสมาแล้วว่าอ่อนโยนมาก สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวจริงๆ ก็เลยตัดสินใจลองใช้ต่อเนื่องดู
หลังจากหมดไปหนึ่งขวดสรุปให้เลยว่าผิวแห้งใช้ได้จริงๆ เค้าไม่มีอาการผิวลอกหรือระคายเคืองแต่อย่างใด ตอนที่ทาก็ไม่รู้สึกแสบยิบอะไรปกติมากเหมือนทาเซรั่มทั่วไป แต่เนื้อจะมีความหนึบพอควรจึงควรใช้ในปริมาณน้อยๆ และไม่ควรทาตัวนี้เดี่ยวๆอย่างน้อยควรทามอยส์เจอร์ตามด้วย
ผลลัพธ์อย่างที่เกริ่นแล้วว่ายังไม่ค่อยมีปัญหาผิว จึงไม่ได้เห็นความต่างชัดเจนมากนัก แต่ที่รู้สึกคือเรื่องของความนุ่มผิว ตอนเช้าตื่นมานี่สัมผัสได้เลย เรื่องเท็กซ์เจอร์ผิวรู้สึกเนียนเรียบเล็กน้อยแต่งหน้าติดผิวง่ายขึ้น ส่วนอาการเบิร์นแดดเค้าทากันแดดทุกวันอยู่แล้วไม่มีปัญหาใดๆจ้า ติดนิดเดียวเรื่องกลิ่น...ธรรมชาติมากกกก เค้าอ้ะรับกะกลิ่นได้นะ แต่คนนอนด้วยข้างๆนี่หล่ะวันไหนทานางจะถามเลยว่าทาตัวนี้อีกแล้ว กลิ่นมันเตะจมูกคุณผู้ชายไปนิดนึง แหะๆ อาจจะเพราะเค้าใช้แต่สกินแคร์แบบไม่มีกลิ่นด้วยแหละกลิ่นเลยเด่นขึ้นมา
สรุปในมุมมองของเค้าจัดเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวที่อ่อนโยนจริง ใช้ได้กับทุกสภาพผิวและได้ทุกคืนโดยไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ส่วนตัวไม่มีผลข้างเคียงใดๆและไม่ทำให้ผิวแห้งลงด้วย ถือว่าเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่ใช้ได้ทุกวันอย่างสบายใจ ไม่เห็นผลไวเท่าทำที่คลินิกแต่เทียบกับการที่ไม่มีผลข้างเคียง ก็ทำให้เราดูแลผิวได้ง่ายขึ้นจ้า
สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวให้ทำงานได้ตามวงจรผิว จะได้ไม่มีปัญหาผิวหลายๆอย่างตามมาเมื่ออายุมากขึ้นเนอะ
สำหรับใครที่สนใจอยากลอง Kiehl's Dermatologist Solutions™ Nightly Refining Micro-Peel Concentrate ไม่ต้องลุ้นว่าซื้อมาแล้วจะใช้กับผิวตัวเองได้ไหม สามารถเข้าไปรับผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองได้ฟรีๆ เพราะเค้ามีสนโยบาย Try Before You Buy เพื่อให้เราได้ทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อได้ แวะเข้าไปที่ร้านคีลส์ทุกสาขาได้เลยค่า  -----------------------------------------------------------------------------
Disclaimer : Sponsored Content by Kiehl's Thailand ***All opinions are my own Information : www.kiehls.co.th https://www.facebook.com/KiehlsThailand
Create Date : 20 มิถุนายน 2559 | | |
Last Update : 21 มิถุนายน 2559 10:27:34 น. |
Counter : 37060 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Review : ขาช้อปมุงด่วน TokyoBuzzOnline.com เว็ปช้อปออนไลน์ที่รวมไอเท็มเด็ดๆจากญี่ปุ่นไว้เพียบ!
Create Date : 10 มิถุนายน 2559 | | |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2559 0:53:48 น. |
Counter : 2673 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Review[Text+Video] : OLAY Regenerist Overnight Miracle รับคำท้า 5 Nights Challenge ฟื้นฟูผิวในห้าคืน
แป๊บๆปีนี้ก็ย่างเข้าสู่วัย 30 แล้ว แอร๊ยยยยปวดใจเนาะ!
การเปลี่ยนเข้าสู่วัยเลขสามถ้าพูดถึงเรื่องผิวสิ่งแรกที่โผล่มากวนใจเลย ก็คือเรื่องของ "ริ้วรอย" แม้ว่าจะยังไม่ได้มีริ้วรอยชัดเจน แต่ด้วยความที่เค้าผิวแห้งแน่นอนว่าการเกิดริ้วรอยจะเป็นได้ง่ายกว่าคนผิวมัน และล่าสุดได้ฟังเรื่องผลการวิจัยของคณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ยิ่งปวดใจ เพราะเค้าค้นพบว่าการฟื้นฟูสภาพผิวของแต่ละคนจะเป็นไปตามวงจรที่แตกต่างกัน
โดยช่วงเวลากลางคืนผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีมากเพราะระดับฮอร์โมนเมลาโทนิน จะลดลงในตอนกลางวันและเพิ่มสูงขึ้นในเวลากลางคืน ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้นอกจากจะช่วยควบคุมเวลาชีวิตในการนอนหลับและการตื่นแล้ว ยังทำหน้าที่คล้ายกับสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมผิวด้วย รวมถึงตอนกลางคืนก็ไม่มีปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดดหรือมลภาวะมารบกวน ทำให้ช่วงเวลากลางคืนนี่หล่ะเป็นช่วงเวลานาทีทองที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูผิวนั่นเอง!

เกริ่นมาขนาดนี้แน่นอนว่าสิ่งที่จะนำมาฝากกันในบล็อคนี้ ก็คือสกินแคร์ในกลุ่มบำรุงผิวตอนกลางคืนนั่นเอง เชื่อว่าหลายๆคนค่อนข้างมองข้ามการบำรุงตอนกลางคืนไป หลักๆก็เพราะขี้เกียจกันอ่าเนอะ กลับบ้านมาเหนื่อยแทบหมดแรง แค่ล้างหน้าได้ก็อยากจะพุ่งตัวลงนอนแล้ว ถ้าจะต้องบำรุงอีกหลายเสต็ปคงจะท้อ บล็อคนี้เลยมีสกินแคร์บำรุงผิวตอนกลางคืนที่ง่ายครบจบใน 2 เสต็ปมาให้ชมกัน ซึ่งเค้าเคลมมาว่าช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 5 คืน! เคลมแรงขนาดนี้จะจริงอย่างว่าไหมไปชมกันเลยค่า 

สองเสต็ปที่ว่าก็คือ
Olay Regenerist Overnight Miracle ประกอบไปด้วย
Olay Regenerist Miracle Boost Youth Pre-Essenceและ Olay Regenerist Micro-Sculpting Night Cream
ซึ่งทางโอเลย์ได้ท้าให้เค้าเข้าร่วมกิจกรรม 5 Nights Challenge ทดลองใช้ 2 เสต็ปนี้ติดต่อกัน 5 คืน แล้วเปรียบเทียบผลการเปลี่ยนแปลง ด้วยการวัดผลจากเครื่องตรวจผิวเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยมีรีวิวมาฝากกันทั้งแบบวิดีโอและแบบภาพนิ่งจ้า
 Olay Regenerist Overnight Miracle
คำเคลมผลิตภัณฑ์
เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชิ้นควบคู่กัน จะทำให้ส่วนผสมมีสารต่อต้านริ้วรอยเข้มข้นขึ้น 2 เท่า และสามารถซึมลงสู่ผิวมากถึง 10 ชั้นผิว โดยเข้าไปเร่งกระบวนการการผลัดเซลล์ผิวใหม่ได้มากขึ้นถึง 60% และช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ได้นับล้านเซลล์ ภายใน 5 คืน ผลลัพท์คือ ผิวดูกระชับ นุ่มเด้ง เต่งตึง ริ้วรอยดูลดเลือนอย่างเห็นได้ชัด
 OLAY Regenerist Miracle Boost Youth Pre-Essence โอเลย์ รีเจนเนอร์ริสท์ มิราเคิล บูสท์ ยูธ พรี-เอสเซ็นส์ ขนาด 40 ml. ราคา 899 บาท มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
----------------------------------------------------------------------
พรีเอสเซ็นส์จัดอยู่ในขั้นตอนการเตรียมผิว
ใช้ในขั้นตอนแรกสุดหลังจากทำความสะอาดผิวหน้า/โทนเนอร์ ช่วยเติมความชุ่มชื่นและช่วยเสริมให้สกินแคร์ที่ใช้ในขั้นตอนต่อไป มีประสิทธิภาพมากขึ้นและซึมซาบได้ล้ำลึกยิ่งขึ้น สำหรับพรีเอสเซ็นส์ตัวนี้เค้าเคยรีวิวแบบเจาะลึกให้ชมไปแล้วตอนที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีก่อน รวมถึงสาธิตวิธีการใช้ในรูปแบบคลิปวิดีโอให้ดูด้วย สามารถเข้าไปชมรีวิวก่อนหน้าได้ที่ >>>CLICK<<<
 ส่วนผสมที่เป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ คือ
Niacinamide หรือวิตามินบี 3 ช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เร่งการผลัดเซลล์ผิว
เพื่อผิวดูอ่อนเยาว์ เนียนละเอียด และริ้วรอยดูลดเลือน >>> จัดว่าเป็นตัวชูโรงจริงๆเพราะใส่มาเป็นอันดับสอง เป็นส่วนผสมที่เราสามารถพบได้ในสกินแคร์ทุกตัวของโอเลย์ อาจดูเป็นส่วนผสมเดิมๆที่ไม่ได้ทำให้เราตื่นเต้นมากนัก แต่ด้วยสรรพคุณของตัวมันเองที่ค่อนข้างหลากหลาย เป็นวิตามินสารพัดประโยชน์ช่วยทั้งเรื่องชุ่มชื่น ริ้วรอย กระจ่างใส จากปริมาณที่ใส่มาค่อนข้างมากก็น่าจะพอคาดหวังผลได้จ้า
Amino Peptide - Pro-Collagen molecules (Palmitoyl Pentapeptide-4) สารบำรุงสำคัญเพื่อผิวดูตึงกระชับและริ้วรอยดูลดเลือน
>>> สารอะมิโนเพ็พไทด์เป็นส่วนย่อยๆ ของโปรตีนของผิวหนังที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโน 5 ชนิด ที่ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังได้ จึงช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้นทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
Olivem - สารสกัดจากผลมะกอก (Sodium PEG7 Olive Oil Caboxylate) มีฤทธิ์เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากมลภาวะภายนอก พร้อมช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรง
>>> สารที่มีส่วนผสมของกรดไขมันจากผลมะกอก ซึ่งจากการวิจัยเค้าว่ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Lipid ในผิวหนังของเรา จึงช่วยในเรื่องให้ชั้นผิวแข็งแรงขึ้นได้
------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากตัวหลักๆที่เค้ายกมาเป็นจุดขายก็เป็นสารกลุ่มให้ความชุ่มชื่น มีแถมวิตามินมาอีกหน่อยอย่างวิตามินอี (Tocopheryl Acetate) และอนุพันธ์วิตามินซี (Sodium Ascorbyl Phosphate) ตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ที่จะไปทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่นนะฮะ
แต่ก็ มีส่วนผสมของน้ำหอม (Fragrance) ในลำดับกลางๆ
ใครมีปัญหาเรื่องผิวระคายเคืองง่ายแนะนำให้ป้ายเทสบริเวณหลังใบหู ทิ้งไว้ซัก 24-48 ชั่วโมงแล้วสังเกตอาการก่อนทาจริงบนหน้าก็ดีจ้า

ลักษณะเนื้อและกลิ่น
พรีเอสเซ็นส์เนื้อเป็นแบบ Water-Base คือมีความเหลวใสคล้ายน้ำแต่จะมีความหนืดกว่าเล็กน้อย เนื้อลื่นบางเบาเกลี่ยง่ายและซึมผิวได้ไวมาก หลังทาให้ความรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นแต่ไม่เหนอะหนะและไม่มีความมัน สามารถทาสกินแคร์ขั้นตอนอื่นๆตามเลย ซึ่งหลังการใช้พรีเอสเซ็นส์จะสังเกตได้ว่าสกินแคร์อื่นจะซึมผิวได้ไวขึ้นนิดนึงฮะ
กลิ่นเป็นกลิ่นหอมสไตล์โอเลย์ที่เราคุ้นเคยกันดี ดมเนื้อผลิตภัณฑ์ตรงๆกลิ่นจะค่อนข้างชัดนิดนึง แต่เมื่อเกลี่ยซึมผิวจะเหลือกลิ่นติดผิวแค่เล็กน้อยค่ะ
 OLAY Regenerist Micro-Sculpting Night Cream โอเลย์ รีเจนเนอรีส ไมโคร-สคัลป์ติ้ง ไนท์ ครีม ขนาด 50 ml. ราคา 1,099 บาท มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
----------------------------------------------------------------------
ครีมบำรุงผิวหน้าตอนกลางคืนช่วยในเรื่องการลดเลือนริ้วรอย โดยจะใช้เป็นเสต็ปที่สองหลังจากลงพรีเอสเซ็นส์เรียบร้อยแล้ว
 ส่วนผสมที่เป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ ตัวที่เค้าชูโรงมาหลักๆก็จะคล้ายกับตัวพรีเอสเซ็นส์ คือ
- Niacinamide (วิตามินบี 3)
- Amino Peptide - Pro-Collagen molecules (Palmitoyl Pentapeptide-4)
- Olivem - สารสกัดจากผลมะกอก (Sodium PEG7 Olive Oil Caboxylate)
แต่จะมีอีกสองส่วนผสมตัวเด่นที่เพิ่มขึ้นมา คือ
Hyaluronic Acid + Glycerol เป็นสารในกลุ่มให้ความชุ่มชื่นทำให้ผิวอิ่มฟู นุ่มเด้ง เต่งตึง
และ
Lys'Lastine (Peudedanum Graveolens (Dill) Extract) สารสกัดจากเมล็ดผักชีลาวหรือ Dill seeds ช่วยเพิ่มความนุ่มเด้งยืดหยุ่นให้แก่ผิว
>>> จากการวิจัยพบว่าสารสกัดชนิดนี้ช่วยกระตุ้นการเพิ่มขึ้น ของเอนไซม์ LOXL (Lysyl oxidaselike) ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญเปรียบเสมือนสปริงขึ้นชั้นผิว จึงช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น วิตามินอี (Tocopheryl Acetate) ------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 5 (Panthenol) ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นเรียบเนียน ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงและช่วยปกป้องผิวจากอาการระคายเคือง และวิตามินอี (Tocopheryl Acetate) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ข้อดีมากๆของไนท์ครีมตัวนี้คือ
ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และ ไม่มีแอลกอฮอล์ จึงใช้ได้กับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่ระคายเคืองง่ายค่ะ ถือว่าโดยรวมเป็นไน์ครีมที่ส่วนผสมดีงามเน้นการให้ความชุ่มชื่นจัดเต็มดีมาก

ลักษณะเนื้อและกลิ่น
เนื้อครีมสีขาวนวลลักษณะเป็นครีมเจล มีความข้นพอควรแต่ไม่หนืดเกลี่ยแล้วลื่นผิวดีซึมไว ไม่มีกลิ่นใดๆเพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมค่ะ

ถ้าเทียบความเป็นไนท์ครีมก็จัดว่าเนื้อบางเบากว่าครีมทั่วไปนะ เกลี่ยบนผิวแป๊บเดียวซึมวาบไม่เหนอะหนะไม่ทำให้ผิวขึ้นเงา แต่จะให้ความรู้สึกเป็นฟิลม์เคลือบผิวไว้ ฟิลเหมือนเวลาใช้ไพร์เมอร์ที่หลังทาจะรู้สึกว่าผิวเรียบลื่นขึ้น
ส่วนตัวเค้าผิวแห้งใช้แต่ครีมเนื้อข้นๆหนักๆ มาใช้ตัวนี้จะไม่ค่อยชินมันรู้สึกซึมไวไปเลยจะชอบโบกหนาๆหน่อย ไนท์ครีมตัวนี้ไม่มีน้ำหอมเค้าเลยใช้แต้มรอบดวงตา ทาแทนอายครีมไปเลยไม่ต้องใช้หลายสิ่ง

ความรู้สึกหลังทดลองใช้ผลิตภัณฑ์
ก่อนนอนเค้าทาพรีเอสเซ็นส์ 2 ดรอป แล้วโบกทับด้วยไนท์ครีมแบบว่าหนามากควักมาประมาณเหรียญสิบได้ ในภาพคือผิวตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนสดๆร้อนๆ อย่างที่เห็นเลยคือไม่มีความมันแต่อย่างใดทั้งๆที่ทาเยอะมาก ในเรื่องความชุ่มชื่นก็โอเคเลยนอนแอร์แต่หน้าไม่แห้งลองจับผิวดูผิวนุ่มๆดีฮะ
ถ้าใครโบกหนาแบบเค้าตอนเช้าเวลาล้างโฟมล้างหน้าอาจจะรู้สึกเหมือนกัน คือลักษณะของฟิลม์ที่เคลือบผิวให้ความชุ่มชื่นจะทำให้ได้สัมผัสลื่นๆเวลาล้าง ถ้าใช้โฟมแบบอ่อนโยนที่ไม่ค่อยมีฟองอาจจะต้องใช้เวลาในการล้างนิดนึง แต่ว่าไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องทำให้อุดตันแต่อย่างใดฮะ

ในช่วงที่ร่วมกิจกรรม 5 Nights Challenge แต่ละวันก็ใช้ชีวิตแบบปกติเลย....คือหนักหน่วงปกติ555 เค้าเป็นคนไม่อยู่นิ่งมีนู่นนั่นนี่ทำทุกวัน ไม่ว่าจะไปงาน ถ่ายงาน ตระเวนกิน รวมถึงออกกำลังกาย ซึ่งทุกวันผิวต้องเจอกับสิ่งรบกวนสารพัดสารพัน ก็อย่างที่เค้าวิจัยอ่านะนอกจากสิ่งเร้าภายนอกแล้ว ระบบภายในร่างกายเราก็ไม่ได้สร้างมาให้ฟื้นฟูตัวเองช่วงกลางวัน ดังนั้นถ้าใช้ชีวิตประจำวันอย่างหนักหน่วง การดูแลช่วยกลางคืนก็จัดว่าสำคัญมากกกถึงมากที่สุด!

ความรู้สึกหลังจากทดลองใช้ต่อเนื่อง 5 คืน
ในช่วงเวลาที่รับคำท้าตอนกลางวันก็ดูแลผิวปกติใช้สกินแคร์เดิมที่ใช้ประจำ แค่เปลี่ยนไปใช้เซ็ต Olay Regenerist Overnight Miracle ในตอนกลางคืน ความดีงามอย่างแรกเลยคือ....ประหยัดเวลามากกกกก ปกตินี้ทา 5-6 เสต็ปเป็นอย่างน้อย ช่วงที่เทสนี่คือ 2 เสต็ป จบ! ชีวิตง่ายขึ้นเยอะแต่จะมีช่วง 2-3 วันแรกๆคือไม่ชินมันน้อยไปไหม กลัวผิวจะชุ่มชื่นไม่พอ555 ก็อาศัยโบกตัวไนท์ครีมเยอะหน่อย
ผลการใช้ในด้านของความรู้สึกเอาจริงๆอย่างที่บอกว่าไม่ได้มีปัญหาริ้วรอย คงตอบให้ในจุดนั้นไม่ได้ แต่ที่สัมผัสได้คือตอนเช้าตื่นมาจับผิวหน้าแล้วมันนุ่มดี และเค้าเป็นคนนอนดึกมาก....เรียกว่านอนเช้าดีกว่าตี 3-5 เป็นปกติ ใช้สองตัวนี้คู่กันผิวมันดูไม่ค่อยโทรมเท่าไหร่ มีแต่ใต้ตานี่หล่ะที่เอาไม่อยู่ แต่ก็ต้องแก้ที่การนอนเอาอ่านะอันนี้เราก็เข้าใจอยู่ แหะๆ
ส่วนในด้านของการวัดผลด้วยตัวเลขจากการไปตรวจด้วยเครื่องวัดสภาพผิว สิ่งที่ชัดเจนมากคือค่าการสูญเสียน้ำในผิวของเค้าลดลงแบบเห็นได้ชัด! ซึ่งค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี วันแรกที่วัดไว้คือประมาณ 11 แต่พอครบห้าวันวัดได้ 5.5 ฮริ้วววปรบมือค่ะ ในสภาพผิวพื้นฐานที่เป็นผิวแห้งได้ค่าที่จัดว่าดีขนาดนี้คือปลื้มปริ่ม แต่อย่างไรก็ตามมันก็ต้องประกอบกับการใช้ชีวิตของเราด้วยนะฮะ การทานน้ำให้เพียงพอและการบำรุงตอนกลางวันก็สำคัญเช่นกัน แม้ตอนกลางวันผิวจะไม่ฟื้นฟูเท่ากลางคืนแต่ก็เป็นช่วงที่ผิวต้องเจอสิ่งรบกวนเยอะมาก ดังนั้นถ้าไม่ปกป้องผิวในตอนกลางวันเลยจะหวังฟื้นฟูอย่างเดียวเค้าว่าก็ไม่ไหวนะ ซึ่งส่วนตัวเค้าขยันทาทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผลส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการดูแลตัวเองด้วยฮะ

สรุปจากการทดลองใช้ต่อเนื่อง...หมดไปเกินครึ่งเกินห้าคืนไปหลายวันละ เค้าว่าคู่นี้ถือเป็นสกินแคร์บำรุงผิวตอนกลางคืนที่สะดวกดีนะ 2 ขั้นตอนง่ายๆเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบทาอะไรหลายขั้นตอน โดยรวมก็ให้ผลลัพธ์เรื่องความชุ่มชื่นที่ดีเลยตามผลการตรวจผิวที่ได้ ซึ่งพื้นฐานของการดูแลผิวให้ไม่เกิดริ้วรอยก็คือการเติมความชุ่มชื่นนี่หล่ะ เหมาะกับคนที่เริ่มมีความกังวลในเรื่องของริ้วรอย และเป็นสกินแคร์ที่อยู่ในราคาที่จับต้องได้และหาซื้อง่ายค่ะ -----------------------------------------------------------------------------------------
Disclaimer : Sponsored Content by OLAY ***All opinions are my own
Create Date : 05 มิถุนายน 2559 | | |
Last Update : 13 มิถุนายน 2559 21:45:07 น. |
Counter : 2691 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]

|
..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!
---------------------------------------------------------
|
|
| |