Group Blog
 
All blogs
 

Review : Olay EYES The Ultimate Eye Cream & Olay PRO-RETINOL Eye Treatment อายครีมสองสูตรจากอเมริกา






สวัสดีค่าสาวๆบล็อคนี้มีรีวิวผลิตภัณฑ์ใหม่จากโอเลย์มาฝากกัน
ซึ่งเป็นไลน์ใหม่ล่าสุดของเค้าเลยซึ่งทรายได้มีโอกาสไปงานเปิดตัวมาด้วย
และได้ทดลองใช้เป็นคนแรกๆถึงที่ประเทศอเมริกา!
นั่นก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรอบดวงตา Olay EYES นั่นเอง

ซึ่งตอนนี้ขอบอกว่าวางขายบ้านเราเรียบร้อยแล้ว
มีให้เลือก 2 สูตร ที่ตอบโจทย์ปัญหารอบดวงตาที่ต่างกัน
อยากรู้ว่าสูตรไหนเหมาะกับใคร ช่วยเรื่องอะไร บล็อคนี้ห้ามพลาดค่ะ



ทำไมเราจึงควรบำรุงรอบดวงตา?


ผิวรอบดวงตาเป็นจุดที่มีความบอบบางเสียความชุ่มชื่นได้ง่าย
ทำให้เกิดปัญหาได้ง่ายและเป็นจุดที่แสดงถึงอายุได้ชัดเจน
ซึ่งปัญหารอบดวงตาเกิดได้จากหลายๆปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในอย่างพื้นฐานกรรมพันธุ์ อายุที่เพิ่มขึ้น

หรือปัจจัยภายนอกจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แสนจะหนักหน่วง
ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นอนดึก ปาร์ตี้ เล่นมือถือ/คอมพิวเตอร์
ล้วนต่างทำให้เกิดปัญหาต่างๆขึ้นไม่ว่าจะรอยคล้ำ รอยบวม ริ้วรอย
ซึ่งถ้าไม่ดูแลกันตั้งแต่เนิ่นๆบอกเลยว่าเมื่อใต้ตาโทรมหน้าจะดูล้ำเกินวัยไปทันที




สำหรับโอเลย์ทั้ง 2 สูตร
จะตอบโจทย์ปัญหารอบดวงตาที่ต่างกัน ดังนี้

Olay EYES The Ultimate Eye Cream

ตัวนี้เน้นช่วยบำรุงและปกปิดรอยคล้ำ ริ้วรอย และรอยบวม

ส่วน Olay EYES PRO-RETINOL Eye Treatment

จะเน้นช่วยฟื้นฟูบำรุง เรื่องริ้วรอยและตีนกา



Olay EYES The Ultimate Eye Cream


ขนาด 15 ml ราคา 999 บาท
มีจำหน่ายตาม Watsons, Boots, Tops Supermarket และ Lazada

***ของเค้าเอามาจากอเมริกาเป็นขนาด 13ml
แต่ของไทยจะขนาด 15ml ได้เยอะกว่าในราคาถูกกว่าที่นู่นด้วย!


----------------------------------------------------------------------------

คุณสมบัติตามคำเคลม

ช่วยบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว และลดเลือนร่องรอย 3 ปัญหา
คือ รอยคล้ำ ริ้วรอย และรอยบวมของถุงใต้ตา
โดยตัวนี้มีเทคโนโลยี คัลเลอร์-คอเร็คติ้ง
ที่ช่วยลดเลือนรอยคล้ำใต้ตาทันทีที่ใช้ และอ่อนโยนสำหรับผิวรอบดวงตา



รายละเอียดส่วนผสม


ส่วนผสมที่เน้นมาเป็นจุดขายในการช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตา
คือ Peptide & Penta-Peptide
หน่วยย่อยสุดของโปรตีนช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
จึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวลดเลือนปัญหาริ้วรอย

Niacinamide หรือวิตามินบี 3
ส่วนผสมนางเอกที่พบได้ในทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์โอเลย์
เป็นวิตามินสารพัดประโยชน์ ช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
และให้เซลล์ผิวทำงานเป็นปกติ จึงช่วย
ให้ผิวเนียนละเอียด
ริ้วรอยลดเลือนลง และบางการวิจัยบอกว่ามีคุณสมบัติ
ออกฤทธิ์ในเชิงไวท์เทนนิ่งช่วยให้จุดด่างดำลดเลือนลง

และสารกลุ่มที่ให้ความชุ่มชื่นอย่าง Glycerin , Fatty Acid
(ชื่อที่ลงท้ายด้วย Alcohol เป็นกลุ่มกรดไขมันให้ความชุ่มชื่นไม่ใช่แอลกอฮล์เน่อ)

มี Titanium Dioxide ที่ช่วยกระจายและ
และ Iron Oxide ที่ออกสีเนื้ออ่อนๆช่วยพรางความหมองคล้ำ


***ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์



รุ่นนี้มาในรูปแบบกระปุกใสมีฝาปิดสีเงิน
ดังนั้นจึงไม่ควรวางในที่ที่โดนแสงแดด
เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อครีมเสื่อมก่อนเวลา



ลักษณะเนื้อและกลิ่น


ดูจากในกระปุกด้านบนจะดูเป็นเนื้อครีมข้นๆ
แต่เมื่อลองแตะลงบนผิวจะรู้สึกเลยว่าเนื้อมีความนุ่มๆฟูๆ
เค้าว่าคล้ายเนื้อวิปครีมเลยอ้ะ เนื้อมีความลื่นและเกลี่ยง่ายมากกก
หลังทาให้ลุคผิวแบบกึ่งแมทท์ แห้งสนิท ไม่มัน ไม่ขึ้นเงา ไม่เหนอะหนะ

เซ็ตตัวเป็นฟิลม์เคลือบผิว ให้ความรู้สึกเรียบลื่นขึ้นทันทีเหมือนการลงไพรเมอร์

สีในกระปุกจะออกสีเนื้ออ่อนค่อนข้างชัด
แต่เมื่อลงบนผิวสีจะค่อยๆกลืนและหายไปกับผิว
เรียกว่าแทบไม่ออกสีเลยหล่ะ จึงสามารถใช้ได้กับทุกสีผิว

โดยจะช่วยพรางพวกรอยด้วยหลังการกระจายแสง
ทำให้ใต้ตาให้ดูสดใสขึ้น ลองเทียบดูจากใต้ตาเค้าสองข้างได้เลย
ด้านที่ลง
Olay EYES The Ultimate Eye Cream รอยคล้ำจะดูจางนิดนึง
แต่อยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนว่าอายครีมก็คืออายครีมเน้นบำรุง
มิใช่คอนซีลเลอร์ดังนั้นการปกปิดจึงไม่ใช่แบบเนียนกริบนะฮะ

***เค้าใช้อายครีมทาที่เปลือกตาด้วยเพราะเป็นจุดที่เหี่ยวไว
มีความคล้ำเช่นเดียวกัน ซึ่งอายครีมตัวนี้ดีงามตรงช่วยเตรียมผิวให้เรียบขึ้น
เวลาทาอายแชโดวจะรู้สึกว่าเกลี่ยง่ายและติดทนขึ้นด้วย




ในเรื่องของเส้นริ้วใต้ตานี่ถ่ายแบบซุปเปอร์ซูมให้ดูชัดๆ
จะเห็นว่าเส้นริ้วมันก็ยังอยู่แหละแต่มันดูตื้นขึ้นและจางลงนิดนึง
เพราะเนื้อของอายครีมเข้าไปช่วยเติมร่องผิวและกระจายแสง



ส่วนในเรื่องความชุ่มชื่นวัดให้ดูกันไปเลย
เอาจริงๆตอนไปเทสที่อเมริกาคือลองตอนแรกแอบคิดเหมือนกัน
ว่าจะชุ่มชื่นดีไหมเพราะเนื้อตัวนี้ทาแล้วเซ็ตตัวค่อนข้างแมทท์
ผิวแห้งแบบเค้าที่ไม่ใช้อะไรแมทท์ก็เลยแอบมีความกังวล

ซึ่งเค้าก็ได้ให้ลองเทสกับเครื่องวัดความชุ่มชื่น
โดยผลออกมาว่าชุ่มชื่นขึ้นจริง
ดังนั้นไม่ต้องกังวลในเรื่องความชุ่มชื่นเน่อตัวนี้ชุ่มชื่นดีจ้า



สรุปความรู้สึกหลังทดลองใช้

ที่เค้าชอบสุดเลยคือเท็กซ์เจอร์ที่เกลี่ยง่ายและเซ็ตตัวแมทท์
ซึ่งเป็นข้อดีมากๆสำหรับสาวๆที่แต่งหน้า
เพราะอายครีมตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นไพร์เมอร์บางๆ
ในการเตรียมผิวรอบดวงตา ทำให้แต่งตาได้ง่าย
ติดทนขึ้น และไม่ตกร่อง ไม่เป็นคราบระหว่างวัน

และคุณสมบัติการกระจายแสงก็ช่วยพรางปัญหาใต้ตาได้ระดับนึง
ถ้าคนไม่มีปัญหาใต้ตามากมายวันด่วนๆสามารถลงอายครีมตัวนี้เดี่ยวๆ
แล้วแต่งหน้าตามโดยไม่ต้องโบกคอนซีลเลอร์ได้เลย
ใต้ตาจะดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

ในด้านของผลลัพธ์ในเรื่องของการบำรุง
เค้าว่าให้ฟิลหลังใช้ที่ดีในเรื่องของความชุ่มชื่น
ผิวใต้ตาจะดูอิ่มฟูขึ้น แต่ในเรื่องความหมองคล้ำและริ้วรอย
อันนี้ยังตอบให้มิได้ ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้มากนัก
จึงยังไม่ค่อยเห็นความเปลี่ยนแปลงค่ะ

ส่วนอาการบวมของถุงใต้ตาซึ่งเค้าเป็นคนตาบวมง่าย
ซึ่งส่วนตัวนอนน้อยไม่ค่อยบวมเท่าไหร่
แต่นอนมากไปตาจะพองเป็นปลาทองเลย
ก็เลยรู้สึกว่าอาการบวมขึ้นอยู่กับการพักผ่อนเป็นหลักมากกว่า
อายครีมแค่ช่วยเสริมลดความบวมได้แค่นิดหน่อยไม่ใช่ทาแล้วยุบทันตา
ดังนั้นไม่อยากตาบวมก็ควรมีวินัยในเรื่องการพักผ่อนกันนะฮะ

สรุปสั้นๆ ชุ่มชื่นดี ให้ผิวใต้ตาดูสดใสขึ้น
ให้ผลลัพธ์ในการเตรียมผิวได้ดี ช่วยให้เมคอัพง่ายขึ้น
สำหรับสูตรนี้เค้าชอบใช้ตอนกลางวัน
เพราะให้ผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทา
แต่ใครจะใช้ตอนกลางคืนด้วยก็ได้นะฮะ
ไม่ต้องกังวลเรื่องสี เค้าลองแล้วทาในปริมาณปกติ
สีเนื้อที่เห็นจะซึมเข้าผิวหมดไม่เลอะหมอนจ้า



Olay EYES PRO-RETINOL Eye Treatment

ขนาด 15 ml ราคา 999 บาท

มีจำหน่ายตาม Watsons, Boots, Tops Supermarket และ Lazada

----------------------------------------------------------------------------

คุณสมบัติตามคำเคลม


ช่วยฟื้นบำรุง และฟื้นฟูสภาพผิวจากปัญหาริ้วรอย และตีนกา
ด้วยส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์อย่างอ่อนโยน
ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้นและแลดูจางลง
สามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 4 สัปดาห์




รายละเอียดส่วนผสม


ส่วนผสมหลักที่ใส่มาแบบจัดเต็มมากยังคงเป็นนางเอกของโอเลย์
ก็คือ
Niacinamide หรือวิตามินบี 3
ที่ช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอย

แต่ส่วนผสมตัวที่เค้ายกมาเป็นตัวชูโรงจริงๆ
คือ Proprietary Retinoid และ Retinyl Propionate

สารในกลุ่มของวิตามินเอ ที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิว
จึงช่วยให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอขึ้น

นอกจากนี้ยังเสริมมาด้วยวิตามินอี (Tocopheryl Acetate)
ช่วยให้ความชุ่มชื่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
และ
วิตามินบี 5 (Panthenol)
ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นเรียบเนียน ให้เซลล์ผิวแข็งแรง
และช่วยปกป้องผิวจากอาการระคายเคือง

***ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์



เค้าชอบแพคเกจของอายครีมรุ่นนี้
มีความดีงามตรงหลอดพลาสติกทึบแสง
ที่ช่วยป้องกันความเสื่อมจากแสงได้ดี สะดวกในการพกพา
และปลายหลอดเรียวเล็กทำให้บีบกะปริมาณอายครีมได้ง่าย



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เนื้ออายครีมสีขาวบีบออกมาเหมือนจะข้น
แต่เกลี่ยแล้วจะพบกว่าเนื้อลื่นเกลี่ยง่าย
ให้สัมผัสแบบชุ่มชื่นดีเลย แต่จะใช้เวลาในการซึมผิวสักหน่อย
หลังทาผิวจะดูฉ่ำขึ้น มีความเงาและหนึบผิวเล็กน้อย
ไม่มีกลิ่นเพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เทคนิคการทาของเค้าคือใช้นิ้วนางที่มีน้ำหนักมือน้อยสุด
ค่อยๆเกลี่ยให้ทั่วรอบดวงตารวมถึงเปลือกตา
เสร็จแล้วบีบอายครีมเพิ่มอีกเล็กน้อยทาย้ำเข้าไปไปบริเวณร่องหางตา
เพราะเป็นจุดที่จะกลายเป็นรอยตีนกาได้เมื่ออายุเพิ่มขึ้น

ส่วนตัวเค้าใช้สูตรนี้ตอนก่อนนอนเลยจะโบกเยอะเป็นพิเศษ
เพราะตอนกลางคืนเราไม่ต้องกังวลในเรื่องการเยิ้มอ่านะ
เน้นหนาๆชุ่มๆจัดเต็มดีกว่า ผิวแห้งแบบเค้าและนอนห้องแอร์ที่อากาศแห้ง
โบกหนาแค่ไหนทิ้งไว้สักแป๊บก็ซึมหายเข้าผิวหมด



ในเรื่องของความชุ่มชื่นถ้าวัดจากเท็กซ์เจอร์และความรู้สึก
สูตรนี้ให้ฟิลที่ชุ่มกว่าแบบชัดเจน แต่วัดด้วยเครื่อง
ผลของความชุ่มชื่นที่เพิ่มขึ้นก็พอๆกันนะทั้งสองสูตร
เอาว่าในเรื่องความชุ่มชื่นให้ผ่านทั้งคู่
แต่จะเลือกใช้สูตรใดก็เลือกตามปัญหาที่กังวลเอาเนอะ

สรุปความรู้สึกหลังทดลองใช้

สำหรับสูตรนี้จะเน้นเรื่องริ้วรอยเป็นหลัก
ซึ่งเค้าก็ยังไม่ถึงกับมีปัญหาริ้วรอยใต้ตาขนาดนั้น
มีรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ทั่วไปซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เราต้องมี
ดังนั้นจึงไม่สามารถวัดผลได้ว่าริ้วรอยจางลงแค่ไหน

แต่ในเรื่องความรู้สึกของการใช้เค้าจะชอบสูตรนี้
ตรงฟิลหลังการทาที่มีความชุ่มผิวมากกว่า
เหมาะกับใช้โบกตอนก่อนนอนมากกว่าอีกสูตร
หลังทาจะรู้สึกว่าผิวนุ่มๆขึ้น เป็นฟิลที่ผิวแห้งรู้สึกดี

อ้อเค้าพกสูตรนี้ไปใช้ตอนไปเที่ยวยุโรปด้วย
ไปช่วงหน้าหนาอากาศเลขตัวเดียวถึงติดลบ
อายครีมตัวนี้เอาอยู่นะผิวใต้ตาชุ่มดีไม่แห้งไม่เยิน
ซึ่งสำหรับอากาศแห้งแบบนั้นทาตอนกลางวันก็รอด
ช่วยลดเมคอัพแห้งจนเกิดอาการแคร็กที่ใต้ตาได้โอเคเลย
(ลืมพกอีกสูตรไปเลยใช้สูตรนี้ทั้งเช้าและก่อนนอนฮะ)

---------------------------------------------------------------------------------



ได้ฟังความรู้สึกของเค้าไปแล้วก็ลองเลือกดูเนอะ
ว่าตัวเองมีปัญหารอบดวงตาแบบไหน
ซึ่งสองสูตรก็ถือว่าทำมาครอบคลุมปัญหาได้ครบ

ก่อนจบขอฝากไว้ว่าปัญหาใต้ตาต้องดูแลประกอบกัน
ทั้งการบำรุงและการพักผ่อนให้เพียงพอ
ถ้าเป็นปัญหาใต้ตาที่เกิดจากเรื่องสุขภาพอย่างอาการภูมิแพ้
ก็ต้องรักษาที่สาเหตุไปด้วย ดูแลตัวเองให้แข็งแรง

ถึงจะช่วยให้รอบดวงตาดูสดใสขึ้นได้นะฮะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า Smiley

-----------------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by OLAY
***All opinions are my own
Information//www.olay.co.th





 

Create Date : 22 มีนาคม 2560    
Last Update : 5 เมษายน 2560 16:26:43 น.
Counter : 10130 Pageviews.  

Review : The Body Shop Drops of Youth ใครเริ่มกังวลกับปัญหาริ้วรอยแรกเริ่มขอเชิญทางนี้









หนึ่งในสกินแคร์ดูแลริ้วรอยแรกเริ่มแห่งยุคที่ฮิตสุดพลังคงหนีไม่พ้น

The Body Shop Drops of YouthTM


ได้ยินกิตติศัพท์ความโด่งดังมาพักใหญ่ว่ามันเริ่ด
และมีแฟนเพจเรียกร้องให้รีวิวมาเยอะมากกกก

กระแสมาแรงขนาดนี้จะพลาดได้ไง อ้ะจัดไป!
เค้าได้ทำการทดลองใช้เองต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์
จึงรวบรวมทั้งขั้นตอนและวิธีการใช้
รวมถึงความรู้สึกหลังใช้ต่อเนื่องมาเล่าให้ฟังกันในรีวิวนี้ค่า


ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในไลน์
Drops of YouthTM
จะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชิ้น (ในภาพขาดไป 1)

คือ Liquid Peel , Essence-Lotion , Wonderblur,
Youth Concentrate , Eye Concentrate, Cream
และ Sleeping Mask

แต่เค้านำมารีวิวให้ชมกัน 3 ชิ้นเด็ด (ที่ไฮไลท์เป็นตัวหนา)
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไอเท็ม Must Have!
เป็นชิ้นที่แนะนำเลยสำหรับใครที่อยากลองใช้ไลน์นี้

***โปรลด 20% ที่ร้าน The Body Shop ทุกสาขา
ตามในภาพใช้ได้ถึง 1 มีนา 2017 นี้น้า
เช็คสาขาใกล้บ้านได้ที่ >>>CLICK<<<



ก่อนไปทำความรู้จักทั้ง 3 ชิ้น มาทำความรู้จัก
กับ
The Body Shop Drops of YouthTM กันก่อน

ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ช่วยบำรุงผิวในเรื่องของปัญหาริ้วรอยแรกเริ่ม
ส่วนใหญ่คนเราจะเริ่มตระหนักถึงริ้วรอยก็ซักอายุประมาณวัย 20++ เนอะ

เพราะเค้าเน้นในเรื่องการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง
ดูเปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น มีสุขภาพดี ทำให้ริ้วรอยเกิดช้าลง
และริ้วรอยแรกเริ่มที่พึ่งมีจะค่อยๆลดเลือนลง
เสมือนการย้อนเวลาให้ผิวกลับไปอ่อนเยาว์ตามชื่อ
Drops of YouthTM
ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2012 และได้มีการพัฒนาสูตรมาเรื่อยๆจนมีหน้าตาแบบปัจจุบันนี้


Credit : https://www.thebodyshop.com/en-gb/all-ingredients

ส่วนผสมหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของ
The Body Shop Drops of YouthTM ก็คือ
สารสกัดสเต็มเซลล์ที่ได้จากพืช 3 ชนิด ที่สามารถขึ้นอยู่ในที่ยากต่อการเจริญเติบโต
นั่นหมายความว่ามีคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ได้แก่

 • EDELWEISS
สเต็มเซลล์ของดอกเอเดลไวส์
เป็นดอกไม้ที่หายากเติบโตบนเทือกเขาแอลป์
และขึ้นชื่อในความคงทนในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
มีคุณประโยชน์ในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ยกกระชับผิวและคืนความอ่อนเยาว์

• CRISTE MARINE   เป็นพืชที่สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาพอากาศที่แห้ง
เติบโตตามโขดหินชายฝั่งทะเลประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทนต่อความแห้งแล้ง
โดยสามารถดูดซับสารอาหารสำคัญจากสภาพแวดล้อมโดยรอบได้

• SEA HOLLY  เป็นส่วนผสมใหม่ล่าสุดที่เพิ่มมา ได้จากชายหาดทางใต้
ของแคว้นบริททานี ประเทศฝรั่งเศส มีคุณสมบัติในการยกกระชับ,
ซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์
ช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอีลาสติน
เซลล์ผิวจึงมีความตื่นตัว และเปล่งปลั่งอยู่เสมอ


-------------------------------------------------------------------------------------

เค้าจะรีวิวโดยเรียงตามลำดับขั้นตอนการใช้นะฮะ เริ่มกันที่ชิ้นแรกเลย



The Body Shop Drops of YouthTM
Youth Liquid Peel


ขนาด 145 ml ราคา 1,190 บาท

เป็นผลิตภัณฑ์ที่พึ่งออกใหม่ล่าสุดสำหรับไลน์นี้
ใช้สำหรับผลัดผิวอย่างอ่อนโยนด้วยเนื้อเจลที่ไม่มีเม็ดสครับ
โดยมีส่วนผสมหลักคือสเต็มเซลล์จากพืชทั้ง 3 ชนิดที่เล่าไปด้านบน
และบาบาสสุออยล์ที่ช่วยบำรุงผิว ซึ่งได้จากโครงการการค้าชุมชนในประเทศบราซิล



รายละเอียดส่วนผสม : มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และน้ำหอม
สำหรับผิวแพ้/ระคายเคืองง่ายแนะนำว่าทำการเทสก่อนก็ดีค่ะ



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เป็นเนื้อเจลใสๆมีความหนืดแค่เล็กน้อยคล้ายกับเจลลี่
เมื่อเกลี่ยไปบนผิวจะแตกตัวเป็นน้ำเหลวๆใสๆ
และเมื่อนวดวนจะจับตัวเป็นก้อนขึ้นเป็นคราบขี้ไคล
มีกลิ่นหอมอ่อนๆให้ความรู้สึกสดชื่น

ขั้นตอนและวิธีการใช้

ให้ใช้ หลังการเช็ดเครื่องสำอางออกเกลี้ยงแล้วแต่ก่อนทำการล้างหน้า
โดยกดเจลออกมาประมาณ 2 หยด (ใหญ่นิดนึง)
แล้ว นวดลงบนผิวที่แห้ง ไม่ต้องทำการพรมน้ำใดๆ

ค่อยๆนวดวนไปเบาๆ เนื้อเจลจะค่อยๆจับตัวขึ้นเป็นก้อนเหมือนขี้ไคล
ซึ่งจะช่วยดึงสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกมา
ตอนนวดวนไม่ต้องใช้แรงในการถูสแครชใบหน้านะฮะ
แค่วนเบาๆก้อนขี้ไคลก็ออกมาสะใจแล้ว

อันนี้เค้าลองสังเกตเองถ้าช่วงที่ใช้เรื่อยๆสีก้อนขี้ไคลจะออกขาวๆ
แต่ถ้าเว้นหลายวันหรือเป็นจุดที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดละเอียดๆ
คราบขี้ไคลจะออกสีอมน้ำตาลแหละ

***ส่วนตัวเค้าชอบกดปั๊มเพิ่มแล้วนวดที่คอด้วย
โดยเฉพาะต้นคอด้านหลังเป็นจุดสะสมคราบขี้ไคลชั้นดีเลย
หน้าสวยแล้วคอต้องสวยด้วยนะฮะ!


หลังจากนวดทั่วหน้าแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่า
แล้วทำการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าตามปกติ

โดย แนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แล้วแต่สภาพผิว
อย่างเค้าผิวแห้งก็ใช้แค่อาทิตย์ละ 2 ครั้งพอ
ไม่แนะนำให้ใช้บ่อยเกินไปเพราะการผลัดเซลล์ผิวถ้ามากไป
จะทำให้ผิวหนังแห้งลงได้ง่ายเป็นสาเหตุให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น



ความรู้สึกหลังทดลองใช้


ตอนนวดเจลไปบนผิวจะรู้สึกเย็นๆ สบายผิวดี
เค้าชอบกลิ่นนะเป็นแนวเฟรชๆให้ความรู้สึกสดชื่น
ยิ่งช่วงอากาศร้อนๆกลิ่นจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น

หลังล้างเจลออกจะรู้สึกฝืดๆผิวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงกับแห้งตึง
แต่เวลาลูบไปบนผิวจะรู้สึกเลยว่าสมูทขึ้น เท็กซ์เจอร์ผิวเรียบเนียนขึ้น

ผลลัพธ์เปรียบเทียบผิวให้แบบซูมๆ สำหรับเค้าก็เห็นชัดอยู่นะ
ว่ารูขุมขนดูเรียบเนียนขึ้น ผิวจะดูใสๆขึ้นเล็กน้อย
ตรงแนวจมูกพวกสิวเสี้ยนที่เป็นจุดดำๆมีหลุดออกบ้างแต่ไม่ได้ทั้งหมด
เอาว่าสภาพโดยรวมผิวดูเคลียร์ขึ้นเพราะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

ที่เค้าประทับใจสุดคือให้ความรู้สึกอ่อนโยนต่อผิวมากกว่าการสครัป
จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวค่อนข้างแห้งหรือค่อนข้างบอบบาง

สำหรับคนที่มีสิวทั่วหน้า มีสิวอักเสบ หรือใช้ยาสิว ไม่แนะนำให้ใช้กลุ่มผลัดเซลล์ผิวนะฮะ
แต่ถ้าเป็นสิวเล็กน้อยแค่บางจุด อยากใช้ก็ให้เว้นตรงที่มีสิวเอาไว้ระวังอย่าไปโดยเนอะ



The Body Shop Drops of YouthTM
Youth Concentrate


  ขนาด 50 ml ราคา 2,390  บาท
(ปรับลดราคาลงมาจากเดิมด้วยในปี 2017 นี้)

ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จัดอยู่ในกลุ่มของพรีเซรั่ม
คือใช้ก่อนลงเซรั่มตัวอื่น หรือจะใช้ตัวนี้เดี่ยวๆแทนเซรั่มก็ได้เช่นกัน

เรียกได้ว่าเป็นนางเอกของไลน์
Drops of YouthTM เลย
เป็นชิ้นที่ขายดีที่สุดการันตีด้วยยอดขาย
1 ขวดในทุก 28 วินาทีทั่วโลก!!! ซื้อกันถี่อะไรเบอร์นี้

โดยเน้นช่วยฟื้นฟูชั้นผิวตามกระบวนการธรรมชาติ
ด้วยการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่แทนที่เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพในแต่ละวัน

จึงช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เรียบเนียน ลดปัญหาริ้วรอยแรกเริ่ม



รายละเอียดส่วนผสม : อันนี้เปิดดูจากเว็ป https://www.thebodyshop.com ของอังกฤษ
โหเลิฟมากกกกอ้ะ ลงรายละเอียดให้ชัดเจนในวงเล็บเลยว่าส่วนผสมแต่ละตัวคืออะไร
อยากให้ทุกแบรนด์ทำแบบนี้ นี่คือความจริงใจต่อผู้บริโภคที่ขอปรบมือให้เลย 
Smiley

มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม
สำหรับผิวแพ้/ระคายเคืองง่ายแนะนำว่าทำการเทสก่อนก็ดีค่ะ




ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เซรั่มเนื้อใสมีความหนืดเล็กน้อย
แต่เกลี่ยแล้วลื่นปรื้ดกระจายตัวบนผิวได้ง่ายมาก
ให้ผิวดูฉ่ำและอิ่มน้ำขึ้นทันทีหลังทา
โดยไม่ได้ทำให้ผิวดูมัน หรือรู้สึกเหนอะหนะ

มีกลิ่นของแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นหอมอ่อนๆ
เป็นกลิ่นแนวเดียวกับ Liquid Peel
 แต่กลิ่นจะชัดกว่านิดนึงให้ความรู้สึกสดชื่น



ขั้นตอนและวิธีการใช้


ใช้เป็นพรีเซรั่มคือก่อนการลงเซรั่ม แต่ใช้หลังกลุ่มเอสเซนส์น้ำตบ
ใครงงเรียงง่ายๆให้ดูตามลักษณะของเนื้อ ตัวไหนเหลวกว่าทาลงไปก่อน
เพราะถ้าทาตัวข้นกว่าก่อนตัวที่เหลวกว่าก็จะถูกบล็อคให้ซึมผ่านลงไปมิได้

เนื้อพรีเซรั่มตัวนี้เค้าว่ามีความข้นกว่าน้ำตบแค่นิดนิดเดียว
สำหรับเค้าที่ผิวแห้งใช้ประมาณ 2 ดรอป (หนึ่งเหรียญบาท)
โดยเค้าจะดรอปใส่ฝ่ามือแล้วกระจายเนื้อพรีเซรั่มให้ทั่วสองมือก่อน
จากนั้นลงบริเวณแก้มที่แห้งง่ายให้ชุ่ม เสร็จแล้วที่เหลือติดมือไม่เยอะมาก
ค่อยทาลงไปตรงทีโซนที่มันง่ายกว่า เพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื่นตลอดวันโดยไม่มันเยิ้ม

 ตอนที่ทาจะใช้เวลาในการเซ็ตตัวเล็กน้อย
จะเป็นฟิลแบบค่อยๆซึมลงผิว ไม่ใช่ทาแล้วหายวาบทันที
หลังทาจะให้ความรู้สึกเป็นฟิลม์บางๆเคลือบผิวไว้
จับผิวดูจะมีความหนึบเล็กน้อยดูจากภาพขวามือได้
คือตบเบาๆบนผิวผิวจะเด้งๆติดมือขึ้นมาได้เลย

แต่พอผ่านไปซักแป๊บก็จะแห้งสนิทลูบผิวแล้วจะรู้สึกลื่นๆ
จัดว่าชุ่มชื่นดีโดยไม่หนักผิวและไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะ



ความรู้สึกหลังทดลองใช้


พรีเซรั่มตัวนี้เป็นตัวหลักที่เค้าใช้ต่อเนื่องทุกวันเช้าเย็นเป็นเวลา 3 สัปดาห์
โดยเค้าพกไปใช้ด้วยตอนไปทริปยุโรป 17 วัน
ตอนนี้ปริมาณพร่องลงมาเกือบถึงขอบฉลากสีเงินละ
ถ้าใช้ 2 ดรอปเช้าเย็นอย่างเค้าขวดนึงก็น่าจะอยู่ได้ประมาณสองเดือนนิดๆ

บอกเลยว่าทริปที่ไปมาอากาศสวิงมากมีตั้งแต่เลขตัวเดียวยันติดลบแบบมีหิมะ
แล้วเดินทางค่อนข้างทรหดใช้ได้เลยนั่งทั้งเครื่องบิน รถบัส รถไฟ ข้าม 6 ประเทศ
ก็ได้พิสูจน์กันไปเต็มๆเนอะว่าสเต็มเซลล์จากพืชที่เค้าเคลมว่าทนต่อสภาพอากาศ
จะช่วยให้ผิวเราอึดถึกทนได้แค่ไหน ซึ่งผลออกมาเค้าให้ผ่านนะ!

คือให้ผ่านในแง่ของฟิลที่ดีตอนที่ทาลงไป สัมผัสได้เลยว่าชุ่มชื่น
ผิวจะดูฉ่ำน้ำและจับจะรู้สึกว่านุ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจน
และเค้าชอบที่เนื้อมันไม่ได้เหลวเกินไปจนรู้สึกเหมือนไม่ได้ทาอะไร
ฟิลที่เหลือบนผิวให้ความรู้สึกดีในแง่ของการคงความชุ่มชื่นตลอดวัน

โดยที่เมื่อเซ็ตตัวแล้วสามารถทาสกินแคร์อื่นๆต่อด้วยกันแดด
และเมคอัพตามลงไปได้โดยไม่ขึ้นเป็นคราบหรือเป็นขุยเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งปกติถ้าสกินแคร์กลุ่มที่ให้ฟิลเป็นฟิลม์เคลือบผิวแบบนี้
บางตัวจะไปจับตัวกับเนื้อกันแดดหรือรองพื้นแล้วขึ้นขุยเป็นขี้ยางลบได้
แต่ตัวนี้คือผ่านแบบจริงจัง เค้าลองสลับใช้กันแดดกับรองพื้นหลายตัวก็รอดหมด

แต่สำหรับเรื่องผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิว
นี่ก็ขอพูดตามจริงว่าเค้ายังไม่ได้มีปัญหาผิวอะไรขนาดนั้น
เพราะขยันโบกขยันทาครีมบำรุงมาตลอด
ซึ่งมันก็ถูกหลักของการดูแลผิวนะว่าเราควรทาเพื่อป้องกันไม่ใช่รอให้เกิดปัญหา
ยิ่งพวกปัญหาริ้วรอยถ้าเกิดแล้วมันแก้ยาก ดังนั้นดูแลตั้งแต่ยังไม่มีดีที่สุดนะฮะ

เอาว่าทริปยุโรปที่ผ่านมาแม้เจอความเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างหนักหน่วง
แต่ก็กลับมาไทยด้วยสภาพผิวที่จะปิ๊งอยู่ ไม่แห้ง ไม่ลอก
และตอนที่เที่ยวก็สามารถแต่งหน้าได้ติดทนทั้งวัน
ก็ถือว่าเป็นพรีเซรั่มที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลย

แต่ในส่วนผสมเค้าใส่แอลกอฮอล์มาเป็นตัวทำละลายค่อนข้างเยอะหน่อย
ถ้าให้แนะนำจริงๆทาเซรั่มหรือมอยส์เจอร์กลุ่มให้ความชุ่มชื่นตามอีกซักตัวก็ดีฮะ
แต่สำหรับผิวแห้งแบบเค้าโบกตามทั้งเซรั่ม ออยล์ มอยส์เจอร์อยู่ละ....เยอะสิ่ง แหะๆ



The Body Shop Drops of YouthTM
Youth Bouncy Sleeping Mask


     ขนาด 90 ml ราคา 1,690 บาท

เป็นมาส์กที่ใช้ทาก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออก
เป็นเหมือนแผ่นฟิลม์ที่เคลือบบำรุงผิวชั้นที่ 2
ที่จะช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูและบำรุงตลอดคืน
ให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นเมื่อตื่นนอน



รายละเอียดส่วนผสม : ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต่มีน้ำหอมเล็กน้อย



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เป็นเนื้อครีมกึ่งเจลสีขาวที่มีความยืดหยุ่นสามารถคืนรูปได้
คือต่อให้เราตักหรือเอาไม้พายกวนยังไง
ตั้งทิ้งไว้แป๊บเดียวก็จะคืนตัวเป็นผิวเรียบตามภาชนะที่ใส่เสมอ

นี่ก็สนุกกับการตักให้ยืดเพื่อถ่ายรูป
แต่ถ้าใช้จริงไม่จำเป็นไม่ควรตักกวนเล่นนะฮะ
เพราะการตักหรือกวนทำให้อากาศเข้าไปในเนื้อครีม
อาจทำให้เกิดการออกซิไดซ์ได้ซึ่งไม่ดีต่อการเสื่อมของส่วนผสม

กลิ่นดีหอมสดชื่นเหมือนทุกตัวแต่เทียบแล้วมาส์กจะกลิ่นอ่อนสุด



ขั้นตอนและวิธีการใช้

หลังลงสกินแคร์อื่นๆตามขั้นตอนครบถ้วนแล้ว
ให้ลงสลีปปิ้งมาส์กเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังมอยส์เจอร์ไรเซอร์
โดยใช้เฉพาะตอนกลางคืนและเข้านอนได้เลย
ย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องล้างออก และสามารถใช้ได้ทุกวัน

เนื้อตอนแรกดูข้นหนืดคล้ายครีมแต่พอเกลี่ยบนผิว
จะแตกตัวออกคล้ายเนื้อเจลลี่ แล้วค่อยๆกระจายตัวเป็นเนื้อเจลเข้มข้น
จะให้ความรู้สึกเป็นฟิลม์เคลือบผิว หลังทามีความหนึบเล็กน้อย
ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทา ส่วนตัวเค้าผิวแห้งเลยชอบทาหนาหน่อย
เรื่องหนึบไม่ใช่ปัญหาเพราะเรานอนห้องแอร์ที่อากาศแห้ง
โบกเยอะเผื่อไว้ได้ นอนๆไปมาส์กจะค่อยๆซึมผิวหายไปเอง
หรือไปอยู่ที่หมอนด้วยส่วนนึงถ้าใครชอบนอนคว่ำ Smiley

การลงมาส์กแนะนำให้ลงเน้นๆในจุดที่แห้งง่ายก็คือแนวแก้มยูโซน
และอย่าลืมลูบลงมาที่คอหน่อย บอกเลยว่าคอนี่แหละตัวบอกวัย
คนส่วนใหญ่ชอบกลัวเปลืองกับการทาคอ
แต่คอเป็นจุดที่ศัลยกรรมยังทำให้ตึงเป๊ะไม่ได้เลยนะเออ
ดังนั้นทุกครั้งทาทาหน้ามาส์กหน้าก็อย่าลืมเผื่อแผ่คอกันด้วยน้า



วันไหนขยันหน่อยตอนทามาส์ก
ก็สามารถนวดหน้ากระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตไปได้ด้วย
โดยที่ฝากล่องเค้าจะมีวิธีสอนอยู่
ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากก็แค่นวดแบบจากตรงกลางออกกรอบหน้า
สำหรับคอถ้ากังวลเรื่องหย่อนคล้อยก็นวดแบบลูบขึ้น

การนวดหน้าควรทำตอนที่มาส์กยังมีความลื่นๆฉ่ำๆบนผิว
ถ้านวดตอนที่เริ่มแห้งแล้วแรงเสียดสีจะยิ่งทำให้เป็นริ้วรอยนะจ๊ะ



ความรู้สึกหลังทดลองใช้

จากคำแนะนำของแบรนด์เค้าบอกว่าถ้าจับคู่ใช้ Concentrate + Sleeping Mask
จะให้ผลลัพธ์เริ่ดที่สุด เพราะจะช่วยเสริมประสิทธิภาพกันแบบ Power Duo

โดยเค้าเคลมมาว่าเมื่อใช้คู่กันผิวจะได้รับการพักผ่อน
ราวกับได้นอนอย่างเพียงพอ <<< โดนใจจริงๆ!
เพราะใครติดตามกันก็จะรู้ว่าเค้านอนดึก...นอนเช้ามากตี 2-4 เป็นปกติ
นั่งเขียนบล็อค/ตัดวิดีโอกลางคืนมันมีสมาธิกว่าอ่านะ

โดยเทคนิคเค้าถ้ารู้ว่าจะนอนเข้าจะลง
Concentrate ให้ชุ่มหน่อย
ตามด้วยเซรั่ม มอยส์เจอร์ให้เรียบร้อย
แล้วทา
Sleeping Mask รอบแรกไม่ต้องหนามาก
ระหว่างนั่งทำงานก็ทาเพิ่มไปบางๆสัก 1-2 รอบ แล้วแต่ว่าลากยาวอยู่ดึกแค่ไหน
ซึ่งผลลัพธ์คือเมื่อตื่นเช้ามาผิวจะยังดูชุ่มชื่น ไม่มีอาการแห้งให้เห็นเลย
ตอนแต่งหน้าก็จะรู้สึกว่าเมคอัพไม่ลอย ใช้เวลาเซ็ตตัวกับผิวไม่นาน ถือว่าดีงามฮะ

แต่จริงๆถ้าจะให้ดีก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอด้วยถึงจะดีที่สุดเนอะ
แต่ถ้ายังทำไม่ได้จริงๆ (แบบเค้า) แนะนำว่าระหว่างที่ยังไม่นอน
นอกจากโบกมาส์กเพิ่มแล้วก็ควรจิบน้ำเปล่าไปเรื่อยๆด้วย
เพราะการพักผ่อนน้อยทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่นได้มาก
ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยเลย

หวังว่าเทคนิคและขั้นตอนการใช้
ที่นำมาฝากกันในบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์นะค้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley XOXO
Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer
: Sponsored Content by THE BODY SHOP
***All opinions are my own
Information : https://www.facebook.com/TheBodyShopTH
//www.thebodyshop.co.th




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2560 10:14:05 น.
Counter : 34422 Pageviews.  

Review : Kudos Purebliss ฝักบัวกรองคลอรีนช่วยถนอมผิวและเส้นผม






แพ้น้ำ....ใครเจอปัญหานี้บ้างยกมือขึ้น
สังเกตง่ายๆเวลาเปลี่ยนที่ เช่นไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ
เมื่อใช้น้ำอาบน้ำล้างหน้าไปสักพักจะเริ่มมีอาการ
เช่น ผด ผื่น สิวอุดตัน หรือแห้งแดงคัน
บางคนผิวเซนซิทีฟมากหลังใช้น้ำปุ๊บเห็นผลปั๊บอาการมาเต็ม
แต่บางคนใช้น้ำนั้นไปเรื่อยๆแล้วถึงเริ่มเห็นอาการแพ้
และเมื่อเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำเดิมที่ใช้ประจำอาการเหล่านั้นก็จะดีขึ้น
นั่นเลยคืออาการแพ้น้ำ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งน้ำจากแหล่งธรรมชาติ
อย่างน้ำบาดาลที่ซึมผ่านชั้นดินทำให้มีแร่ธาตุและสารเคมีจากดินเจือปนอยู่มาก
และน้ำประปาที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วด้วยคลอรีน แต่คลอรีนนี่แหละที่คนก็แพ้กันมาก!

บล็อคนี้เลยจะมารีวิวตัวช่วยสำหรับคนที่แพ้น้ำให้ชมกัน
โดยเฉพาะคนที่แพ้คลอรีนในน้ำประปา ซึ่งเป็นสิ่งที่เลี่ยงยากเนอะ
จะใช้น้ำสะอาดอย่างอื่นเช่นน้ำดื่มมาให้อาบน้ำล้างหน้่าก็แพงเกิน
ทางออกง่ายๆก็คือการใช้ตัวกรอง ซึ่งเครื่องกรองก็ราคาสูงเว่อร์วัง
เลยขอหยิบอุปกรณ์ช่วยกรองคลอรีนแบบราคาเอื้อมถึงมารีวิวให้ชมกัน
ก็คือ "ฝักบัวกรองคลอรีน" นั่นเองจ้า



KUDOS PUREBLISS
SHOWER RANGE
----------------------------------
Kudos Skin Care Series


ฝักบัวราคาเต็ม 3,500 บาท
สามารถซื้อไส้กรองเปลี่ยนได้อันละ 900 บาท

แต่เค้าเข้าไปส่องดูในเว็ป //www.lazada.co.th/
มีโปรลดเยอะเลยฝักบัวลดเหลือแค่ 1,800 บาท ไส้กรอง 600 บาท
หรือหาซื้อได้ที่ HomePro , บุญถาวร  และร้าน Tsuruha จ้า

รายละเอียดผลิตภัณฑ์


เป็นฝักบัวที่มี
เทคโนโลยีฟิลเตอร์ Water-Pure Filter™
ที่ช่วยกรองคลอรีนอิสระคงเหลือในนํ้าให้มีปริมาณเหลือน้อยที่สุด
จึงช่วยแก้ปัญหาเรื่องอาการแพ้คลอรีนในน้ำสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง
ทำให้ผิวและเส้นผมยังคงความชุ่มชื้นไม่แห้งกระด้าง

พร้อมกับเทคโนโลยี Atomist™ คือการออกแบบรูหน้าฝักบัวให้มีปริมาณลดลง
ช่วยประหยัดนํ้าได้ถึง 45% และช่วยให้น้ำไหลแรงยิ่งขึ้น
แต่ยังคงความนุ่มนวลของสายน้ำทำให้รู้สึกผ่อนคลายระหว่างอาบน้ำ


Credit : //medicaltreasure.com/chlorine-rash
     //mddk.com/chlorine-rash.html


คลอรีนคืออะไร? มีผลต่อผิว/เส้นผมอย่างไร?

คลอรีน (Cholrine) เป็นสารที่ใช้สำหรับฆ่า/ลดเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่างๆในน้ำ
ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตน้ำประปาทั่วโลกเพราะมีราคาถูก


โดยหลังจากใส่สารคลอรีนลงไปจะมีฤทธิ์ที่คงเหลืออยู่ในนํ้า
เพื่อปกป้องเชื้อโรคต่างๆไม่ให้เติบโตในนํ้า
ระหว่างการขนส่งนํ้าจากแหล่งกักเก็บนํ้าไปสู่ผู้ใช้นํ้า

จะเรียกว่า คลอรีนอิสระคงเหลือ (Free Residual Chlorine)

ซึ่งกำจัดเชื้อโรคได้คือข้อดีแต่ก็มีข้อเสีย
คือ คลอรีนอิสระคงเหลือจะไปทำลายวิตามินบางชนิด
รวมทั้งสามารถทำลายโปรตีนในเส้นผมและผิวหนัง

ทำให้เกราะป้องกันชั้นผิวหนังถูกทำลาย ความชุ่มชื่นผิวจึงลดลง
แบคทีเรียหรือโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ผิวหนังต่างๆก็จะเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
จึงเกิดอาการทางผิวหนังต่างๆ เช่น คัน ลอก ผื่นแดง หรือแห้งกร้าน นั่นเอง

สังเกตง่ายๆแม้ไม่ใช่คนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย
แต่เวลาเราไปว่ายน้ำซึ่งในสระว่ายน้ำจะมีปริมาณคลอรีนมากกว่าน้ำปกติ
หลังว่ายน้ำมักจะรู้สึกว่าผิวมีความกร้านกว่าปกติ
และเส้นผมจะดูค่อนข้างแห้งหยาบ พันกันง่าย
และสำหรับคนที่ทำสีจะเห็นเลยว่าสีผมก็จะเฟดค่อนข้างมาก
ดังนั้นถ้าเราสามารถลดลดการสัมผัสกับคลอรีนในน้ำได้
จึงเป็นการเซฟทั้งสุขภาพผิวและเส้นผม



Kudos : คูโดส เป็นแบรนด์อุปกรณ์ในห้องน้ำจากประเทศญี่ปุ่น
เข้ามาเปิดตัวในไทยเมื่อปี 2554 โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย
ไม่ว่าจะก๊อกน้ำ ราวจับ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ ฯลฯ
มีจำหน่ายทั่วไปใน HomePro , Global House , บุญถาวร

ซึ่ง Kudos Purebliss ก็จัดเป็นไลน์หนึ่งในผลิตภัณฑ์ฝักบัว
ในกลุ่มของ Skin Care Series ที่เน้นในเรื่องของการดูแลผิว

และฝักบัวรุ่นนี้ Made in Japan ผ่านการวิจัยและควบคุมคุณภาพ
เรื่องการกรองคลอรีนอิสระคงเหลือจาก San-ei Laboratory
ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันโรคผิวหนังที่ญี่ปุ่นประเทศญี่ปุ่น
ว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังบอบบางหรือมีอาการของผื่นแพ้ผิวหนัง

สารที่ใช้กรองผ่านมาตรฐาน NSF ที่อยู่ภายใต้ องค์การอนามัยโลก (WHO)
และเป็นฝักบัวเพื่อสุขภาพรายแรกที่มีการตรวจสอบ มอก.
ถึงโรงงานผู้ผลิตที่ประเทศญี่ปุ่น
ดังนั้นส่วนตัวเค้าว่าก็มั่นใจได้ในเรื่องความน่าเชื่อถือของแบรนด์และคุณภาพการผลิตนะ



วัสดุเป็นพลาสติกเนื้อหนามีน้ำหนักเบา
หัวฝักบัวรวมไส้กรองหนักแค่ขีดครึ่ง
ก็เหมาะกับการพกพาดีสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายแต่ต้องเดินทางต่างที่

มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี
เขียว ฟ้า ชมพู น้ำตาล และขาว
สำหรับสีขาวที่เค้าใช้จะเป็นพลาสติกแบบทึบแสงนะ
แต่สีอื่นรู้สึกจะเป็นแบบขุ่นที่มองเห็นไส้ในได้



KUDOS PUREBLISS จะประกอบด้วย 2 ส่วน
คือ ฝักบัว และ ไส้กรอง ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆด้วยตัวเอง
เกลียวหมุนจะลงล็อคพอดีมีเส้นขีดแสดงให้ชัดเจน
สิ่งควรระวังคืนไม่ฝืนหมุนเกลียวเกินรอบเพราะจะทำให้เกลียวหวานได้

โดยในไส้กรองคือ Water-Pure Filter™
ที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมซัลไฟต์ (Calcium Sulfite / CaSO3)

ผลิตจากบริษัท Tomita Pharmaceutical บริษัทยาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น
ที่ได้รับการวิจัยว่ามีประสิทธิภาพในการกรองคลอรีนสูง
 โดยไม่ส่งผลกระทบข้างเคียงต่อร่างกาย

***ไส้กรองแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 6 เดือนค่ะ
เพราะเมื่อใช้ไปเรื่อยๆที่ฟิลเตอร์จะขึ้นเป็นคราบ
ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองคลอรีนลดลง



หัวฝักบัวสามารถถอดเปลี่ยนกับสายฝักบัวได้ทุกรุ่นนะฮะ
เป็นขนาดมาตรฐานเท่ากันทั่วโลก หมุนหัวฝักบัวเดิมออก
ใส่
KUDOS PUREBLISS เสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งาน



ความแตกต่างระหว่างหัวฝักบัวปกติกับ
KUDOS PUREBLISS
ที่สังเกตได้ทันทีเลยคือความแรงน้ำที่เพิ่มขึ้น
บ้านเค้าที่จันท์น้ำประปาอ่อยมาก เปิดแรงสุดก็ได้แค่ในภาพซ้าย
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นคูโดส ดูเส้นสายน้ำได้เลยแรงขึ้นจริงๆ
น้ำแรงขึ้นเพราะลักษณะรูที่เล็กและลดลงจึงทำให้เวลาสัมผัสรู้สึกว่านุ่มผิว
และมีความรักษ์โลกในส่วนของการช่วยประหยัดน้ำขึ้นด้วย



แต่ในเรื่องของคุณภาพน้ำว่าปริมาณคลอรีนอิสระคงเหลือลดลงแค่ไหน
เค้าก็คงตอบให้ไม่ได้เนอะ มันไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกขนาดนั้น
แต่อิงจากผลการทดสอบของทางแบรนด์เค้าก็แจ้งว่า
หลังผ่านฟิลเตอร์
จะพบสารคลอรีนอิสระคงเหลือ
ก็คือลดได้มากจริงแต่ไม่ใช่กรองออกได้ทั้งหมด
แต่ถ้าเทียบกับก่อนกรองก็ต่างกันอย่างชัดเจนเลย



สรุปความรู้สึกหลังทดลองใช้

บอกเล่ากันก่อนว่าปกติเค้าไม่ใช่คนผิวระคายเคืองง่ายอะไร
ไม่ค่อยเกิดอาการแพ้น้ำเท่าไหร่ นานๆทีในกรณีน้ำไม่สะอาดจริงๆ

แต่สิ่งที่เค้ารู้สึกและสังเกตได้ชัดคือผม
เพราะผมเค้าทั้งฟอกทั้งทำสี เวลาเจอคลอรีนเยอะๆอย่างไปว่ายน้ำ
ผมนี่พังแบบทันตาเลย แม้จะขึ้นจากสระแล้วรีบล้างน้ำออกก็ตาม
เพราะน้ำจากก๊อกก็คือน้ำประปาที่ยังมีคลอรีน(อิสระคงเหลือ)อยู่ดี
ความพังคือจับแล้วจะรู้สึกเลยว่าผมสาก ปลายจะแห้งกรอบๆ สีเฟดซีดลง
แม้จะใช้พวกแฮร์แคร์ขั้นเทพอย่างไรมันก็ช่วยได้แค่ในระดับนึง

ดังนั้นเลยรู้สึกว่าถ้าเราสามารถกรองคลอรีนในน้ำออกได้ระดับนึง
ก็ถือว่าเป็นการเซฟสุขภาพผมได้มากขึ้น การบำรุงก็จะเห็นผลมากขึ้น
ผิวก็เช่นเดียวกันอ่าเนอะ ลดปัจจัยที่ไปทำร้ายก็ทำให้ผม/ผิวดีขึ้นได้เร็วขึ้น
แต่มันก็ต้องควบคู่กับการดูแลในด้านอื่นๆด้วยเนอะ
ไม่ใช่คาดหวังว่าแค่เปลี่ยนฝักบัวแล้วผิวจะดีผมจะเด้งในทันที

เอาว่าโดยรวม
KUDOS PUREBLISS เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยนึง
ที่จะลดปัจจัยเสี่ยงรายวันก็คือน้ำที่เราต้องใช้ทุกวันละกัน
อย่างเค้าไม่แพ้ง่ายอาจไม่ได้เห็นผลชัดเจนว่าใช้แล้วเป็นอย่างไร
แต่ก็ให้ความรู้สึกสบายใจในการใช้น้ำมากขึ้น
และให้ความรู้สึกสบายตอนอาบเพราะน้ำแรงขึ้นด้วย

ด้วยดีไซน์ ขนาด และน้ำหนักที่ไม่มากเค้าว่าเหมาะแก่การพกพา
เวลาที่เราต้องไปต่างที่ต่างถิ่น เพราะเราไม่รู้หรอกเนอะ
ว่าครั้งไหนที่ผิวจะแจ็กพ็อตแพ้น้ำขึ้นมา
ซึ่งเค้าว่าการลงทุนเพิ่มในเรื่องของตัวช่วยพวกนี้
ก็ยังถูกกว่าค่ารักษาผิวเวลาแพ้หล่ะ ลองศึกษาไว้เป็นตัวเลือกกันดูน้า
ใครใช้อยู่ได้ผลอย่างไรก็มาแชร์ให้ฟังกันบ้างนะค้า Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer
: Sponsored Content by
KUDOS PUREBLISS
***All opinions are my own
Information : https://www.facebook.com/KUDOSTHAILAND
//www.kudospurebliss.com




 

Create Date : 07 มกราคม 2560    
Last Update : 31 มกราคม 2560 10:40:02 น.
Counter : 15159 Pageviews.  

Review : Dermaction Plus by Watsons Advanced Sun กันแดด 5 สูตร 5 เท็กซ์เจอร์ ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว!






สวัสดีค่า...แป๊บๆก็เข้าสู่ปีใหม่กันอีกแล้ว
ต้นปีแบบนี้แสงแดดยังคงเดิมเพิ่มเติมคืออากาศเย็นลงนิดหน่อย
แต่ไม่ว่าฤดูไหนบ้านเราก็ยังถือเป็นประเทศในเขตศูนย์สูตร
ที่มีค่าความทะลุทะลวงของรังสี UV ติดอันดับ Max
ดังนั้นต่อให้ผิวสตรองแค่ไหนก็ไม่ควรลืมทากันแดดกันนะจ๊ะ



บล็อคนี้มีรีวิวกันแดดมาฝากกันถึง 5 สูตร
มีทั้งทาหน้า ทาตัว เท็กซ์เจอร์สารพัดแบบ
เค้าว่าต้องมีซักสูตรหล่ะที่ตอบโจทย์! Smiley

กับ แบรนด์
 Dermaction Plus by Watsons Advanced Sun
เดอมาแอคชั่นพลัส บายวัตสัน แอดวานซ์ซัน
[ ขอเรียกสั้นๆว่า DAP Sun นะฮะ ]


เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์บำรุงผิวของวัตสันเอง
ดังนั้นแน่นอนว่าหาซื้อได้ที่ร้าน Watsons ทุกสาขานะจ๊ะ

DAP Sun เป็นกันแดดที่มีค่าการปกป้องรังสี UV แบบจัดเต็ม
คือ SPF50+ PA+++ เท่ากันทุกชิ้น
แต่มีความต่างกันที่เท็กซ์เจอร์เนื้อของกันแดด
จะได้เลือกใช้ตามสภาพผิวและความชอบกันได้เนอะ



จุดขายของ
DAP Sun คือเป็นกันแดด
ที่ครอบคลุมคุณสมบัติถึง 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่

 1. ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ครบถ้วน

ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะคือ HEVshield
(High Energy Visible Light Shield Technology)
ที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวทั้งจากรังสี UVA , UVB
รวมถึงรังสีที่มองเห็นได้ (Visible Light)
เช่น พวกแสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์ หรือ แสงสีขาวจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
ซึ่งรังสีประเภทนี้กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากกว่า 50 %
และ
สามารถทะลุทะลวงเข้าไปทำลายเซลล์ผิวในชั้นลึก
และก่อให้เกิดริ้วรอยแห่งวัยได้มากกว่ารังสี UVC, UVB และ UVA อีกด้วย
และมีส่วนผสมของ IRblock ที่ช่วยปกป้องผิว
จากรังสีอินฟราเรด(IR/Infrared) ซึ่งก็คือความร้อนจากแสงแดด
และความร้อนนอกเหนือความร้อนจากแสงแดด เช่น ความร้อนจากหลอดไฟที่เราต้องเจออยู่ทุกวัน
ที่เป็นสาเหตุของจุดด่างดำและริ้วรอยก่อนวัย (Thermal Aging)

2. มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวด้วยนวัตกรรม BioActive
ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่โดนทำร้ายจากแสงแดด
ด้วยสารบำรุงผิวซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับเซลล์ผิว
และ TE Complex ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ

3.
นวัตกรรม Photogenic Scattering
เนื้อผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส
เปล่งประกาย



เริ่มกันด้วยสองสูตรแรก
เป็นแบบที่สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย

DAP Sun Aqua Mist
face & body spray spf 50+ PA+++

สเปรย์กันแดดสูตรน้ำชนิดสเปรย์
เนื้อบางเบาให้ความรู้สึกสบายผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ

ขนาด 90 ml ราคา 550 บาท

-----------------------------------------------

DAP Sun Complete Care
face & body lotion spf 50+ PA+++


โลชั่นบำรุงผิวสูตร Oil Free จึงไม่อุดตันรูขุมขน
มีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น
และฟื้นบำรุงผิวจากการเผชิญแสงแดด

ขนาด 150 ml ราคา 550 บาท




ลักษณะเนื้อ/กลิ่น และวิธีการใช้


DAP Sun Aqua Mist
: เขย่าขวดก่อนใช้ทุกครั้ง
หัวสเปรย์เวลาพ่นจะออกเป็นเส้นๆกระจายตัวเป็นหยดเล็กๆ
ไม่ใช่เป็นฝอยละเอียด ดังนั้นสำหรับการใช้กับผิวหน้าต้องพ่นใส่ฝ่ามือก่อน
แล้วค่อยนำไปทาที่ผิวหน้า ห้ามพ่นลงบนผิวหน้าโดยตรง
แต่สำหรับผิวกายพ่นลงบนผิวโดยตรงได้เลยแล้วค่อยๆลูบให้ซึมผิว

ลักษณะเนื้อเป็นแบบสูตรน้ำสีขาวมีความข้นแค่เล็กน้อย
เนื้อลื่นผิวเกลี่ยง่าย ซึมผิวได้ไว เซ็ตตัวแห้งแล้วไม่มันเงา
ไม่เหนอะหนะ จะให้ความรู้สึกฝืดผิวเล็กน้อย
มีส่วนผสมของน้ำหอมแต่กลิ่นบางเบา เค้าว่ากลิ่นออกแนวแป้งๆ
อ่านรายละเอียดส่วนผสมได้ตามภาพด้านล่างค่า

DAP Sun Complete Care : เป็นครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวในขวดเดียว
โลชั่นสีขาวครีม เนื้อลื่นเกลี่ยไปบนผิวได้ง่าย ซึมผิวค่อนข้างไว
ตอนที่ทาจะรู้สึกเย็นผิวเล็กน้อย หลังซึมผิวไม่เหลือเป็นคราบขาว
ผิวจะรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นเหมือนการทาโลชั่นบำรุงผิว แต่ไม่เหนอะหนะ
รู้สึกหนึบผิวแค่เล็กน้อย ผิวดูขึ้นเงานิดๆไม่ถึงขนาดแห้งแมทท์
มีกลิ่นหอมอ่อนๆแนวแป้งๆเหมือนตัวสเปรย์

อ่านรายละเอียดส่วนผสมได้ตามภาพด้านล่างค่า


ฝั่งซ้ายเป็น
DAP Sun Aqua Mist
และฝั่งขวาเป็น
DAP Sun Complete Care จ้า
มีส่วนผสมของน้ำหอมแต่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทั้งคู่



มาถึงกลุ่มกันแดดสำหรับผิวหน้า กันบ้าง จะมีด้วยกัน 3 สูตร คือ

DAP Sun Ultra Light
Face Fluid SPF 50+ PA+++

โลชั่นน้ำนมเนื้อบางเบา ช่วยปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส
พร้อมปกปิดจุดด่างดำ ให้ผิวเรียบเนียน

ขนาด 50 ml ราคา 550 บาท


-----------------------------------------------

DAP Sun Matte Finished CC Cream
Nude Skin SPF50+ PA+++


ครีมซีซีเนื้อเนียนนุ่ม สำหรับปรับสภาพสีผิวใบหน้า
สามารถใช้เป็นเมคอัพเบส ช่วยปรับผิวให้แลดูเนียนเรียบกระจ่างใส
เนิ้อสัมผัสแบบแมทท์ ให้ความรู้สึกสบายผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มันวาว

ขนาด 40 ml ราคา 550 บาท


-----------------------------------------------

DAP Sun Water Drop
Cream Gel spf 50+ PA+++


เนื้อครีมบางเบาสูตร watery ให้ผิวฉ่ำน้ำ
พร้อมให้ความรู้สึกสบายผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ
สีส่วนผสมช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวนุ่มและแลดูอ่อนเยาว์

ขนาด 40 ml ราคา 500 บาท




คุณสมบัติในเรื่องของประสิทธิภาพการกันแดดไม่ต่างกัน
แต่ต่างที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งเมื่อเทียบ 3 สูตรตามในภาพ
จะเรียบความเข้มข้นของเนื่องกันแดดจากน้อยไปมาก ได้แก่

1. Ultra Light Face Fluid
2. Water Drop Cream Gel
3. Matte Finish CC Nude Skin




ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เค้าขอเทียบสองสูตรที่ให้ลุคผิวแบบแมทท์เหมือนกันก่อน
ซึ่งจะเหมาะกับคนผิวผสม หรือผิวค่อนข้างมัน
สามารถใช้เป็นเบสเมคอัพลงก่อนการแต่งหน้าได้เลย ได้แก่

DAP Sun Ultra-Light Face Fluid
เป็นกันแดดเนื้อน้ำนมสีขาวครีมนวลๆ เนื้อเหลวบางเบามากกก ซึมผิวค่อนข้างไว
เมื่อซึมจะแห้งแมทท์...แมทท์มากเลยหล่ะ และเซ็ตตัวเป็นแป้งเคลือบผิว
ช่วยปรับสีผิวให้ดูสว่างขึ้นเล็กน้อย หน้าจะดูผ่องๆแต่ไม่เป็นคราบขาวและไม่ทำให้ดูวอก
คุณสมบัติบอกช่วยปกปิดจุดด่างดำแต่กระระดับที่เค้าเป็นไม่ปกปิดนะฮะ
แต่จะช่วยในเชิงเบลอผิว ให้ผิวโดยรวมดูนวลๆผ่องๆเลยทำให้รอยกระดูไม่ชัดเจนมาก


ในส่วนผสมบอกว่ามีน้ำหอมแต่เค้าดมแล้วไม่รู้สึกเลยว่ามีกลิ่น
อ่านรายละเอียดส่วนผสมได้ตามภาพด้านล่างค่า


DAP Sun Matte Finish CC Nude Skin
เนื้อซีซีสีออกครีมอ่อนๆ มีเฉดสีเดียวเค้าว่าเหมาะกับผิวค่อนข้างขาวหน่อย
เนื้อข้นหนืดระดับนึงต้องใช้เวลาสักแป๊บในการเกลี่ยให้เซ็ตตัวซึมผิว
เมื่อซึมผิวจะแป้งแมทท์มากกกกเช่นเดียวกับสูตรด้านบน ให้ฟิลเป็นแป้งเคลือบผิว

สูตรซีซีจะปรับผิวให้ดูสว่างขึ้นกว่าสูตรน้ำนมนิดหน่อย
ให้การปกปิดผิวมากขึ้นนิดนึง แต่ก็เหมือนเดิมนะช่วยแค่เบลอผิวไม่ได้ปิดพวกรอยกระ

ใครผิวไม่มีปัญหาอยู่แล้วใช้เดี่ยวๆได้เลย น่าจะช่วยคุมมันได้ระดับนึง
เพราะเค้าผิวแห้งลองแล้วรู้สึกว่าเซ็ตตัวแล้วแห้งสนิทมากๆ
แต่แนะนำว่าให้ทาน้อยๆก่อน และค่อยๆเกลี่ยไปทีละด้านไม่ควรแต้มห้าจุด
เพราะถ้าเกลี่ยไม่ทันบางจุดที่แห้งก่อนถ้าไปเกลี่ยซ้ำจะเป็นคราบได้

ส่วนเรื่องกลิ่นในส่วนผสมบอกว่ามีน้ำหอม
แต่เค้าดมแล้วไม่รู้สึกถึงกลิ่นเช่นเดียวกับสูตรด้านบน
อ่านรายละเอียดส่วนผสมได้ตามภาพด้านล่างค่า



ฝั่งซ้ายเป็น DAP Sun Ultra-Light Face Fluid
และฝั่งขวาเป็น
DAP
Sun Matte Finish CC Nude Skin จ้า
มีส่วนผสมของน้ำหอม(แต่เค้าดมแล้วไม่รู้สึกน่าจะบางเบามาก)
แต่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทั้งคู่



มาถึงกันแดดสูตรที่โดนใจเค้าที่สุดในบรรดากันแดดทั้ง 5 สูตร ได้แก่

DAP Sun Water Drop
Cream Gel spf 50+ PA+++


เพราะเป็นสูตรที่มีสารช่วยบำรุงและกักเก็บให้ผิวชุ่มชื่น
ลุคผิวที่ได้จะดูฉ่ำน้ำ เหมาะกับผิวแห้งแบบเค้าที่สุด!



รายละเอียดส่วนผสม

สารกันแดดที่ใช้ในกันแดดสูตรนี้
เป็นแบบ Chemical ผสมกับ Physical Sunscreen ได้แก่

- Ethylhexyl Methoxycinnamate
(Octinoxate) ปกป้องผิวจากรังสี UVB

- Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone)
ปกป้องผิวจากรังสี UVA-I และ UVA-II


- Ethylhexyl Salicylate
ปกป้องผิวจากรังสี UVB  มีความเสถียรสูง

- Titanium Dioxide สารกันแดดกลุ่ม Physical Sunscreen
ที่
ปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ครบถ้วนทุกช่วงคลื่น มีความเสถียรสูง

- Melanin อันนี้เก๋มากยังไม่ค่อยเห็นจากแบรนด์อื่น
คือการใส่เมลานินมาเพื่อช่วยในเรื่องการดูดซับ
รังสีที่มองเห็นได้ (Visible Light)

***จากหลายการวิจัยกล่าวว่า Octinoxate และ Titanium Dioxide
สามารถไป Degrade ให้
Avobenzone เสื่อมไวขึ้นได้
ดังนั้นในเรื่องการกันแดดจึงน่าคาดหวังในส่วนผสมสองตัวหลังที่มีความเสถียรมากกว่า


-------------------------------------------------------------------


ส่วนผสมในกลุ่มที่ช่วยเติมและกักเก็บความชุ่มชื่น
ที่แบรนด์ยกมาเป็นจุดขาย ได้แก่

Witch Hazel (
Hamamelis Virginiana Water)
มีคุณสมบัติเป็น antioxidant ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ
บำรุงผิวให้ชุ่มชื่นรวมถึงเพิ่มความแข็งแรงให้ชั้นผิวทำให้กักเก็บความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น
และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียอ่อนๆ จึงช่วยลดการเกิดสิวได้

และ Hyaluronic Acid (Sodium Hyaluronate)
สารอุ้มน้ำที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมี Viamin E (Tocopheryl Acetate)
ที่ช่วยเสริมเรื่องความชุ่มชื่นและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน
และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Barbadensis Leaf Juice)
ที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นปลอบประโลมผิวจากอาการเบิร์นแดดด้วย

***ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน
แต่มีส่วนผสมของน้ำหอม คนที่ผิวระคายเคืองง่ายแนะนำให้เทสก่อนจ้า



แพ็คเกจดีงามเป็นหลอดที่มาพร้อมหัวปั๊ม
น้ำหนักเบา พกพาสะดวก กดใช้งานกะปริมาณได้ง่าย

สำหรับการทากันแดดถ้าต้องการใช้ให้ได้ประสิทธิภาพในการกันแดดสูงสุด
เท่ากับค่า SPF และ PA ที่แสดงบนฉลาก เราจะต้องใช้ในปริมาณที่มากเพียงพอ
ซึ่งสำหรับการทาทั่วใบหน้าเค้าจะกดออกมา ประมาณ 2 ข้อนิ้ว ตามในภาพ
อันนี้ไม่รวมลำคอนะฮะ สำหรับทาคอก็กดออกมาในปริมาณที่เท่ากัน



ลักษณะเนื้อและกลิ่น


อ่านชื่อตอนแรกอาจจะงงๆเล็กน้อยกับการเรียกลักษณะเนื้อกันแดดสูตรนี้
เพราะมีทั้งวอเตอร์ ครีม และเจล ซึ่งพอลองจะเก็ทว่าอ่อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

คือกดออกมาทีแรกจะดูเหมือนเนื้อครีมข้นๆ สีครีมนวลๆ
แต่พอลองเกลี่ยเนื้อจะพบว่ามีความเหลวและหยุ่นในแบบของเจล
และเมื่อลูบไปบนผิวเนื้อจะค่อยๆแตกตัวออกมีความใสและเหลวขึ้นคล้ายน้ำ
เก๋นะ! ทาตัวเดียวได้ฟิลเท็กซ์เจอร์ตอนทาถึงสามแบบ

เนื้อลื่นปรื้ดเกลี่ยง่ายมากกก ยิ่งพอแตกตัวเป็นน้ำแล้วซึมผิวไวมากกก
ตอนที่ทาจะรู้สึกเย็นผิวนิดๆให้ความรู้สึกสดชื่นดี
ทาแล้วจะรู้สึกว่าผิวชุ่มชื่นขึ้น โดยที่ยังคงให้ความรู้สึกบางเบาไม่หนักหน้า
มีกลิ่นหอมอ่อนๆสไตล์แป้งๆเหมือนกับสูตรด้านบน



นี่คือเท็กซ์เจอร์ผิวเค้าหลังทากันแดด
สูตร
DAP Sun Water Drop Cream Gel 
ผิวจะดูฉ่ำน้ำมีความขึ้นเงากำลังดี ซึ่งผิวฉ่ำกะผิวมันนี่ต่างกันนะ
ผิวฉ่ำแบบนี้จะดูชุ่มชื่นดูสุขภาพดี แต่ผิวมันจะดูเยิ้มๆโทรมๆ

สำหรับผิวแห้งแบบเค้าบอกเลยว่าเป็นกันแดดที่ให้ฟิลหลังทาที่ดีงาม
ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นสบายผิวไม่แห้งตึง ลองสลับใช้กับสกินแคร์และเมคอัพหลายตัว
ก็ยังไม่เคยประสบปัญหาว่าทำให้เป็นคราบ เพราะเนื้อตัวนี้จัดว่าบางเบา
จึงไม่ไปรบกวนสิ่งที่ทาไปก่อนหน้าหรือทาตามลงไป
หลังทาหน้าจะดูผ่องขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องการปกปิดใดๆนะฮะ



สรุปความรู้สึกหลังทดลองใช้

เค้าใช้กันแดดสูตร
DAP Sun Water Drop Cream Gel ต่อเนื่องมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ
สิ่งที่ชอบสุดเลยคือฟิลหลังทาและเท็กซ์เจอร์ผิวที่ได้ มันเหมาะกับผิวแห้งมากๆ
แต่เอาจริงๆในความบางเบาระดับนี้เค้าว่าก็ใช้ได้ทุกสภาพผิวนะถ้าเป็นคนชอบผิวลุคฉ่ำๆ

โดยที่ความฉ่ำของกันแดดไม่ได้ไปรบกวนเมคอัพที่ในขั้นตอนถัดไป
ให้เกิดการเยิ้มง่ายแต่อย่างใด แต่จะกลับกับสำหรับคนผิวแห้งขาดน้ำ
การเตรียมผิวให้ฉ่ำก่อนแต่งหน้ากลับจะช่วยให้เมคอัพติดทนมากขึ้นด้วย

ส่วนประสิทธิภาพในการกันแดดเค้าได้เริ่มลองใช้หลังจากไปลุยทะเลมา 7 วัน
เมื่อใช้คู่กับสกินแคร์กลุ่มไวท์เทนนิ่งก็ช่วยให้ผิวฟื้นสภาพจากความแทนมากได้ไวขึ้น
ตอนนี้ผิวหน้ากลับมาเกือบเป็นสีผิวปกติแล้ว ก็ถือว่ากันแดดได้โอเคนะ
ข้อดีคือไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แต่ว่ามีน้ำหอมนิดหน่อย
ดังนั้นใครที่ผิวแพ้ง่ายก็ยังแนะนำให้ทำการเทสก่อนก็ดีจ้า

สรุปโดยรวมสำหรับ
Dermaction Plus
by Watsons Advanced Sun
ทั้ง 5 สูตร
ถือว่าทำออกมาเพื่อเอาใจผู้บริโภคตรงที่มีลักษณะเนื้อสัมผัสให้เลือกหลากหลาย
ตอบโจทย์ในเรื่องสภาพผิวและความชอบที่แตกต่างได้ดีงาม
และมีนวัตกรรมในเรื่องการป้องกันผิวจากแสงแดดที่ครอบคลุมมากกว่าแค่รังสี UV
เมื่อเทียบกับราคาก็ไม่ได้แพงมากเกินไป ยิ่งถ้าช่วยจัดโปรนะถูกลงมาก
และด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์ของวัตสันเอง
เราสามารถใช้บัตรวัตสันเพื่อลดราคา 5% ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอช่วงโปรด้วย!

รายละเอียดพวกโปรโมชั่นหรือใครอยากจะช้อปออนไลน์
ก็สามารถเข้าไปได้ที่  //www.watsons.co.th นะค้า

หวังว่าบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์กัน แล้วเจอกันบล็อคหน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley XOXO Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by
Dermaction Plus by Watsons
***All opinions are my own
Information :
//www.watsons.co.th
https://www.facebook.com/watsonsthailand




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2559    
Last Update : 31 มกราคม 2560 10:39:35 น.
Counter : 13560 Pageviews.  

Review : Natcare Scar Cream ครีมลบเลือนรอยแผลเป็นสูตรเข้มข้นจากธรรมชาติ







สวัสดีค่า....บล็อคนี้พาป๋าบัวมาทักทาย
เพราะจะมารีวิวไอเท็มนึงที่บอกเลยว่าทาสแมวควรมีติดบ้านไว้
สิ่งนั่นก็คืออออ....."ครีมลบเลือนรอยแผลเป็น" นั่นเอง
ทาสแมวใดไม่มีรอยสักยันต์จากเจ้านายนั้นถือว่าผิดปกติยิ่งนัก
จะแผลเล็กแผลใหญ่ก็ไม่อยากให้เห็นรอยแผลเป็นทั้งนั้นเนอะ
ดังนั้นไปดูกันดีกว่าว่าเค้ามีวิธีดูแลอย่างไรไม่ให้เป็นรอยแผลเป็น




ครีมลบเลือนรอยแผลเป็นสูตรเข้มข้นจากธรรมชาติ
Made in Natherlands

-------------------------------------------------------------------

ขนาด 10g 450 บาท และ 18g 760 บาท

หาซื้อได้ที่ Home Fresh Mart
ที่ The Emporium, Emquartier, Paragon,
The Mall สาขาบางกะปิ งามวงศ์วาน และบางแค,
ร้านขายยา Apex , ร้านขายยา Ucare
ทุกสาขา
และตามร้านยาชั้นนำทั่วไปค่ะ



คุณสมบัติตามคำเคลม

สการ์ครีมสูตรเข้มข้นที่รวม 5 ประสิทธิภาพในหนึ่งเดียว คือ

1. ช่วยสมานผิว เพิ่มความยืดหยุ่นและลดการเกิดรอยแผลเป็น
2. ลดอาการอักเสบ รอยแดง หรือไหม้เกรียมจากการตากแดด
3. บรรเทาอาการแผลพุพองจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
4. ใช้บำรุงผิวหลังการทำเลเซอร์ ทรีทเมนต์ หรือการผ่าตัด
5. ลดอาการคันและการอักเสบเนื่องจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื่น


ส่วนผสมมีสารสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ ได้แก่
ว่านหางจระเข้จากเกาะอะรูบาแถบทะเลคาริบเบียน
ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ว่านหางจระเข้
ที่มีคุณภาพดีที่สุดโดยใช้วิธีสกัดเย็นแบบดั้งเดิม,
โจโจบาออยล์จากต้นโจโจบา, วิตามินอี และวิตามินซี
ที่บำรุงผิวจากภายในด้วยการคืนความชุ่มชื่นให้กับผิว
จึงช่วยให้ผิวนุ่มและรอยแผลเป็นจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ซึมซาบไว ไม่เป็นคราบ ไม่มีน้ำหอม ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ผ่านการรับรองโดยแพทย์ผิวหนังว่ามีความปลอดภัย
สามารถใช้ในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายได้



รายละเอียดส่วนผสม

ส่วนผสมหลักที่ใช้เป็นตัวชูโรงคือ

Aloe Barbadensis Leaf Juice = สารสกัดจากว่างหางจระเข้
มีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบ/ระคายเคือง
ช่วยสมานผิว เร่งการแบ่งตัวของเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้น
เป็นส่วนผสมหลักที่ใส่มาเยอะสุดสามารถคาดหวังผลได้มากสุด

Tocopherol = วิตามินอี
ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดความหยาบกร้านของผิว
ลดรอยแดง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระลดการเกิดริ้วรอยและแผลนูน

Ascorbic Acid = วิตามินซี
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
เสริมการทำงานของวิตามินอี
ในการลดริ้วรอยและจุดด่างดำจากรังสี UV
ช่วยซ่อมแซมบริเวณผิวที่เป็นแผลโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว**

**การที่วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้นั้น
ต้องมีความเข้มข้นใน%ที่ค่อนข้างสูง แต่ในส่วนผสมใส่มาในอันดับค่อนไปทางท้ายๆ
จึงน่าจะคาดหวังผลในเรื่องการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า


Simondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil = ออยล์จากต้นโจโจบา
มีโครงสร้างใกล้เคียงน้ำมันผิวตามธรรมชาติจึงให้ความชุ่มชื่นได้ดีไม่อุดตัน
มีวิตามินอีสูงจึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
ช่วยปกป้องผิวจากความร้อน แสงแดด และบรรเทาอาการแสบไหม้จากแดด

ส่วนผสมอื่นๆก็เป็นพวกสารเคลือบผิวและสารให้ความชุ่มชื้น
ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอล์
(Cetearyl Alcohol และ Stearyl Alcohol
ไม่ใช่แอลกอฮอล์นะฮะจัดเป็นกรดไขมันให้ความชุ่มชื้น)


สารกันเสียที่ใช้คือ Methylparaben, Propylparaben,
Sodium Benzoate, Potassium Sorbate
<<< สารกันเสียที่ใช้ในอาหาร



ลักษณะบรรจุภัณฑ์

เป็นหลอดพลาสติกสีขาวทึบแสง
ขนาดที่เค้าถือคือไซส์เล็กขนาด 10g



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เนื้อครีมสีขาวข้น แต่เกลี่ยให้ซึมผิวได้ง่าย
หลังซึมผิวไม่ทิ้งความเหนอะหนะ  ไม่ขึ้นเงา ไม่มีความมัน
ให้ความรู้สึกสบายผิว ชุ่มชื้น และนุ่มขึ้นทันทีหลังทา

สามารถใช้ทารอยแผลเป็นหรือรอยสิวบนใบหน้าได้
โดยที่ไม่ไปจับตัวกับกันแดดหรือเมคอัพแล้วขึ้นเป็นขุยหรือเป็นคราบ
ไม่มีกลิ่นใดๆเพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม



วิธีใช้

ทาครีมบางๆลงบนรอยแผลเป็น หรือบริเวณผิวหนังที่ต้องการความชุ่มชื้น
โดยแบรนด์แนะนำให้ทา 3-4 ครั้งต่อวัน
คือไม่ต้องทาหนาแต่เน้นทาถี่ๆ
และควรใช้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ
แต่ไม่ควรทาลงบนแผลเปิดหรือแผลที่ยังไม่แห้งสนิทดี



และนี่คือตัวการที่ทำให้เกิดรอยแผลที่ใช้ในการรีวิวครั้งนี้
ป๋าบัวไม่ชอบให้อุ้ม วันนั้นจับอุ้มแป๊บเดียวป๋าก็ดีดตัวเพื่อถีบตัวออกจากอ้อมแขน
จังหวะนั้นกรงเล็บขาหน้าจิกลงมาที่หน้าอกเลยจร้า
ข่วนฟืดดดดดด.....ได้แผลอย่างที่เห็นในภาพด้านล่าง
Smiley



ผลการทดลองใช้
Natcare ต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลา 30 วัน


ลักษณะแผลตอนแรกเป็นรอยข่วนทางยาวที่มีอาการอักเสบและแดง
มีจุดที่เข้าเนื้อลึกกว่าจุดอื่นอยุ่ด้านขวา ซึ่งเป็นจุดที่เค้ากังวลว่าจะเป็นแผลเป็น

หลังโดนข่วนก็ใส่ยารักษาแผลสดกันการติดเชื้ออยู่ 1-2 วัน จนแผลเริ่มแห้งเป็นสะเก็ด
พอสะเก็ดเริ่มหลุดออกสภาพแผลดูแห้งดีเค้าก็เริ่มทา
Natcare
โดยทาวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำ ถ้ากลางวันนึกได้ก็หยิบมาแต้ม
แต่ส่วนใหญ่จะลืมและขี้เกียจ แหะๆ

หลังใช้ไปประมาณ 20 วันสิ่งที่เห็นได้ชัดคือรอยแดงลดลงมาก
และแผลไม่นูนขึ้น ลองลูบแบบไม่ส่องกระจกคือคลำหาแผลไม่เจอ
แต่ในภาพเค้าถ่ายซูมมากด้วยความที่ผิวจุดที่เป็นรอยมันยังไม่เสมอกับผิวปกติ
เลยอาจจะดูเหมือนนูนแต่ของจริงไม่นูนเน่อ

เมื่อครบ 30 วันสภาพรอยโดยรวมโอเคมาก สีเริ่มใกล้เคียงผิวปกติ
รอยยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ก็จัดว่าจางไวใช้ได้เลย

ที่เหลือก็ต้องทาบำรุงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอ่านะ รอยแบบนี้ต้องใช้เวลา

 ที่เค้าคือในเรื่องการให้ความชุ่มชื่น
เพราะหลังสะเก็ดหลุดปกติมันจะมีอาการคันๆตึงๆผิว
แต่ทา
Natcare แล้วไม่รู้สึกเลย ถือว่าให้ความชุ่มชื้นได้ดี



ภาพแอบสยองนิดนึงมาโครหลุมสิวชัดเกิ๊น
อันนี้เค้าลองเทสทากับรอยสิวบนหน้าด้วย
ภาพแถวบนคือตอนแรกสิวมันปะทุแล้วแห้งไปแล้วรอบนึง
เค้าก็ทา
Natcare มาเรื่อยๆ ก็สงสัยว่าทำไมมันไม่ยุบลงเสียที
แถมตรงกลางยังดูขึ้นเป็นไตแข็งๆด้วย

สรุปคือหัวสิวยังออกไม่หมดจร้าาาา....ต้องเปิดหัวใหม่แล้วดึงไส้ออกมา
แหม่ก้อนไขมันคาอยู่ข้างในเม็ดบะเริ่ม แบบนี้ทาให้ตายก็ไม่ยุบ

แต่พอเคลียร์สิ่งที่อุดตันอยู่ได้หมด
แต้ม
Natcare ต่อเนื่องไม่ถึงสองอาทิตย์ดี
รอยแดงและความนูนก็ยุบไวเฟร่อ
คือถ้าไม่ถ่ายซูมโครตจะมาโครก็หารอยแทบไม่เจอแล้วฮะ

ก็ถือว่ามาแชร์เป็นประสบการณ์ให้ไว้เนาะว่าถ้าจะแต้มรอยสิว
ต้องมั่นใจก่อนว่าเคลียร์หัวสิวหรือสิ่งที่อุดตันออกเกลี้ยงหมดแล้ว แหะๆ



เทียบสภาพแผลตอนแรกกับหลังใช้ 30 วันให้เห็นชัดๆ
จางลงแบบสัมผัสได้ รอยที่เหลือขอให้หายหมดโดยไวด้วยเถิดเพี้ยงงง!

***ความไวในการฟื้นตัวของแผลขึ้นอยู่กับ
สภาพผิวและการดูแลของแต่ละคนนะฮะ




สรุปความรู้สึกโดยรวมหลังทดลองใช้


จากส่วนผสมจัดว่าเป็นสกินแคร์ไม่ใช่ยา
ใช้ทาต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง
เน้นหลักๆในเรื่องให้ความชุ่มชื่นด้วยส่วนผสมของว่านหางจระเข้
ซึ่งมีข้อดีคือได้คุณสมบัติในเรื่องของการลดการอักเสบไปด้วย
จึงเหมาะสำหรับการใช้ในหลายๆกรณีที่มากกว่าแค่ทาแผลเป็น
จากการลองใช้เองก็พบว่าช่วยให้รอยจางไวใช้ได้โดยเฉพาะรอยแดงจากการอักเสบ

โดยรวมก็ถือว่าเป็นครีมสารพัดประโยชน์ที่ใช้ทาได้หมดละกัน
จะรอยแผล ผิวแห้ง ผิวไหม้แดด แผลพุพอง หรือผิวหลังทำเลเซอร์
ซึ่งส่วนตัวเค้าว่าเนื้อครีมแบบนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ดีกว่า
และยาวนานกว่าสารสกัดว่านหางจระเข้แบบที่เป็นเนื้อเจล
อย่างเค้าผิวแห้งสามารถใช้สการ์แคร์ตัวนี้ทาทั่วผิวหน้าแทนมอยส์เจอร์ได้เลย
ชุ่มชื่นดีมาก สบายผิวไม่เหนอะด้วย....แต่เปลือง555

ฝากทิ้งท้ายไวให้ว่าถ้าไม่อยากเป็นรอยแผลเป็นหรือรอยสิว
สิ่งสำคัญสุดคือการดูแลแผลตั้งแต่เนิ่นๆด้วยการรักษาความสะอาดแผลให้ดี
ระวังพยายามอย่าให้แผลโดนน้ำหรือโดนสิ่งสกปรกเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ยิ่งแผลหายได้ไวเท่าไหร่ก็จะยิ่งลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นเท่านั้น
และเมื่อแผลแห้งสนิทการใช้ครีมทาลดรอยแผลเป็นก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง
ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดีไม่แห้งตึง ผิวจะฟื้นตัวได้ไวขึ้นจ้า

------------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by
Natcare
***All opinions are my own
Information :
www.facebook.com/NatcareThailand




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2559    
Last Update : 31 ธันวาคม 2559 11:49:11 น.
Counter : 13169 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.