*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 

หลักการเปิดเผยคำสั่งทางปกครองของกรรมการผู้เชี่ยวชาญ

 เรื่องการฏิบัติราชการและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ 
....
การปฏิบัติราชการ คือ การปฏิบัติของรัฐที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่นำเงินงบระมาณในการปฎิบัติงานมาจากเงินของประชาชน ที่เราเรียกว่า Public Fund โดยหลักการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมตลอดถึงกรรมการที่มีอำนาจและหน้าที่ในการลงมติและมีผลผูกพันต่อประชาชน จึงต้องถือเป็นหน่วยงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ  กฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ   ดังจะเห็นได้ว่า อนุกรรมการ ฯลฯ ต่าง ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกคำสั่งให้มีผลผูกพันต่อประชาชน อนุกรรมการนั้น ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ปปช. ด้วย  นอกจากนี้ หากเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่อันมีผลผูกพันประชาชน การปฏิบัติราชการ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ ด้วย 
....
ในการปฏิบัติราชการ  ก็จะมีหลักราชการอย่างหนึ่ง คือ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น คำสั่ง หรือมติของกรรมการที่มีหน้าที่ในการออกคำสั่งทางปกครอง โดยหลักการตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องเปิดเผยโครงสร้างอำนาจหน้าที่ รวมถึงคำสั่งที่มีผลกระทบต่อประชาชน หากเป็นกฎที่มีผลเป็นการทั่วไป ถ้าไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ย่อมไม่สามารถใช้บังคับกับประชาชนเป็นการทั่วได้ อันนี้ ศาลได้เคยวินิจฉัยมานานแล้ว เช่นนี้ เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องยึดถือ 
...
ในกรณีของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ทางสำนักงานจะต้องทำหน้าที่ธุรการให้กับกรรมการไม่ว่าจะเป็น กคส. กกส. หรือ กชช. ( ตามที่บล๊อกก่อนได้พูดไปแล้ว)  คือ สำนักงานมีหน้าที่ต้องพิจารณาเปิดเผยเอกสารราชการทั้งหมด รวมถึงมติกรรมการฯ ต่อผู้ร้องขอให้เปิดเผย ไม่ว่าคนขอจะเป็นผู้เจ้าของข้อมูลด้วยหรือไม่ก็ตาม  ก็จะต้องเปิด เว้นแต่มีกฎหมายห้ามไว้
...
สมมตินะครับ  สมมติว่าถ้ามีคณะกรรมการมีมติแปลกประหลาดว่า ต่อไปนี้ ห้ามเปิดเผยเอกสารของกรรมการที่ดำเนินการทั้งหมด ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้า หรือการดำเนินการใด ๆ ในอนาคต สิ่งนี้ ย่อมไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะ ขัดต่อหลักกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการที่ต้องเปิดเผย
...
ตามกฎหมายเดียวกันนี้ การไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ จะมีน้อยกรณีมาก ๆ เช่น ข่าวสารเกี่ยวข้องกับสถาบันมหากษัตริย์ หรือกรณีเปิดเผยแล้วจะกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายทำให้ประสิทธิภาพเสื่อมทรามลง หรือความเห็นภายในของเจ้าหน้าที่ เพราะหากคำสั่งยังไม่ออกมา แต่มีแรงกดดัน ให้เจ้าหน้าที่ทำความเห็นแบบนั้นแบบนี้ เช่นนี้ ย่อมเปิดเผยไม่ได้ กฎหมายจึงบอกว่า ความเห็นภายในไม่ต้องเปิดเผย เพื่อคุ้มครองความเป็นอิสระของ จนท. นั่นเอง 
...
นอกจากนี้ การไม่เปิดเผย อาจจะเกิดจากข้อคิดเห็นที่ว่า ถ้าเปิดเผยแล้วจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของบุคคลอื่น  หรือเปิดแล้วจะกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของคนนั้นมากเกิดไป ก็อาจจะเปิดยังได้  
...
มีหลายกรณีที่ กรรมการินิจฉัย (กวฉ.) ตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ สั่งเปิดอยู่เนือง ๆ  เช่น ความเห็นของนิติกร/จนท. ที่รับผิดชอบในคดีนั้น ๆ ๆ ทั้งนี้ เพราะศาลเห็นว่า ไม่มีอะไรต้องปิด หรือจะกดดัน จนท. ได้แล้ว นั่นเอง เพราะคำสั่งก็ออกไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความเสื่อมทรามในการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯ 
...
ผมก็หวังว่า ท่านผู้อ่านจะเข้าใจ และถ้าได้มีวาสนาในการออกคำสั่ง ก็ต้องทำความเข้าใจ และเคารพเลื่อมในศรัทธาต่อการให้การบริการสาธารณะที่ต้องโปร่งใส เปิดเผยได้ รวมถึงต้องถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่กลั่วการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในมติและการกระทำของตนเอง หากไม่เลื่อมใสแล้ว ก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการทำหน้าที่อันทรงเกียรตินั้น
...
โดยสรุป  ผมเห็นว่า จะปกปิดได้น้อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ   จริง ๆ  อย่ากลัวที่จะโปร่งใสครับ  !!!!!




 

Create Date : 24 กันยายน 2568    
Last Update : 24 กันยายน 2568 15:14:10 น.
Counter : 135 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

PDPA กับความรับผิดชอบของสำนักงาน และกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการกระทำการตามหน้าที่

บล๊อกนี้ เป็นการอธิบายกฎหมายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใด ๆ นะครับ 
....
ตามกฎหมาย  PDPA  หรือ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( พ.ศ.๒๕๖๒) ของไทยเรา จะมีตัวละครที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กคส.)  กรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กกส.) และ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ (กชช.)  โดยบทบาทแต่กรรมการ จะแตกต่างกัน เช่น กคส. จะตีความกฎหมายและออกนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ส่วน กกส. จะทำหน้าที่ดูแลแผนคน งาน และปฏิบัติการของสำนักงาน โดย กชช. จะทำหน้าที่เหมือนตุลาการตัดสินคดี เกี่ยวกับการร้องเรียน กำหนดโทษปรับทางปกครอง และมาตรการในการกำกับดูแลผู้ควบคุมและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 
....
กลไกที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ  และนโยบายของ กคส. กกส. และ กชช. โดยจะทำหน้าที่เลขานุการของกรรมการทุกคณะด้วย   
...
อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกคณะแท้จริง เมื่อใช้อำนาจหน้าที่ใด ๆ ในทางปกครอง ก็จะทำการในนามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการกระทำละเมิดฯ ต่อบุคคลภายนอก สำนักงานก็จะต้องถูกเรียกเข้าไปในคดี แล้วรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแทนกรรมการ แต่ไม่ใช่กรรมการลอยตัว จะทำอะไรก็ได้  ไม่ต้องรับผิด  .... แท้จริงแล้ว  เมื่อสำนักงานถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย  สำนักงานก็จะมาเรียกจากกรรมการนั่นเอง ฯ 
....
บล๊อกนี้ ผมจึงขอพูดถึงความรับผิดทางละเมิดสักเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชนเข้าใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้  เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือน เงินค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน ต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเลื่อมใสการปกครองที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้เสมอ 
...
ความรับผิดทางละเมิด ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีสาระสำคัญ ที่เป็นแกนหลัก คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้าจะมีกรณีผิดพลาดจากการกระทำหน้าที่โดยสุจริต โดยหลักการ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ย่อมจะต้องเข้ามารับชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแทนเจ้าหน้าที่ผู้นั้น
...
การได้รับการปกป้องเช่นนี้ ต้องเน้นว่า "ใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริต" ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดพลาดก็ไม่ได้สนใจใยดีจะแก้ไขเลย กลับปล่อยให้เป็นภาระอันรุงรังของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เช่นนี้ ไม่ถือว่าสุจริต
...
อีกกรณีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิด คือ การกระทำผิดนั้น เกิดจากเหตุประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้จงใจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นเพราะประมาทเล็กน้อย ไม่ใช่ประมาทร้ายแรง เช่นนี้ รัฐยอมที่จะเข้ามารับผิดแทนเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่า จนท.กระทำแทนรัฐนั่นเอ
...
แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิดเลย ถ้ากระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายแรง หรือจงใจก่อละเมิดต่อประชาชน เช่นรู้อยู่แล้วตนเองออกคำสั่ง หรือกระทำการทางปกครองที่ผิดพลาด ก็ไม่แก้ไข ทั้ง ๆ ที่มีคู่กรณีมาร้องขอแล้วก็ไม่แก้ไข หรือเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไป ทักท้วงแล้ว ก็โมโหโกรธา เช่นนี้ หนีความรับผิดไม่ได้ ไม่ว่าแพ่ง อาญา หรือละเมิด และหน่วยงานของรัฐก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เลย
..
กรณีกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่แทนสำนักงาน เช่นนี้ กรรมการ/อนุกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่ ถือว่ากระทำแทนสำนักงาน เวลาโดนฟ้องคดี ศาลจะสั่งให้สำนักงานเข้าไปเป็นคู่ความเสมอ เช่นนี้ เมื่อศาลเห็นว่า กรรมการทำละเมิด ศาลก็จะให้สำนักงานฯ จ่ายไปก่อน
...
ผลคืออะไร สำนักงานต้องมาไล่เบี้ยเอาจากกรรมการ ที่กระทำการผิดพลาด ทีนี่ ถ้าหากสำนักงาน ได้แนะนำแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่กรรมการไม่สนใจนำพา เช่นนี้ สำนักงานย่อมอ้างได้ว่า ตนได้พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำละเมิดนั้นแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย
....
ทีนี่ โดนฟ้องอย่างไร กรรมการก็รับไปเต็ม ๆ .... นั่นแหละ ลงเอยด้วยประการละฉะนี้




 

Create Date : 24 กันยายน 2568    
Last Update : 24 กันยายน 2568 14:33:25 น.
Counter : 42 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

PDPA กับความรับผิดชอบของสำนักงาน และกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการกระทำการตามหน้าที่

บล๊อกนี้ เป็นการอธิบายกฎหมายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใด ๆ นะครับ 
....
ตามกฎหมาย  PDPA  หรือ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( พ.ศ.๒๕๖๒) ของไทยเรา จะมีตัวละครที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กคส.)  กรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กกส.) และ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ (กชช.)  โดยบทบาทแต่กรรมการ จะแตกต่างกัน เช่น กคส. จะตีความกฎหมายและออกนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ส่วน กกส. จะทำหน้าที่ดูแลแผนคน งาน และปฏิบัติการของสำนักงาน โดย กชช. จะทำหน้าที่เหมือนตุลาการตัดสินคดี เกี่ยวกับการร้องเรียน กำหนดโทษปรับทางปกครอง และมาตรการในการกำกับดูแลผู้ควบคุมและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 
....
กลไกที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ  และนโยบายของ กคส. กกส. และ กชช. โดยจะทำหน้าที่เลขานุการของกรรมการทุกคณะด้วย   
...
อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกคณะแท้จริง เมื่อใช้อำนาจหน้าที่ใด ๆ ในทางปกครอง ก็จะทำการในนามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการกระทำละเมิดฯ ต่อบุคคลภายนอก สำนักงานก็จะต้องถูกเรียกเข้าไปในคดี แล้วรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแทนกรรมการ แต่ไม่ใช่กรรมการลอยตัว จะทำอะไรก็ได้  ไม่ต้องรับผิด  .... แท้จริงแล้ว  เมื่อสำนักงานถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย  สำนักงานก็จะมาเรียกจากกรรมการนั่นเอง ฯ 
....
บล๊อกนี้ ผมจึงขอพูดถึงความรับผิดทางละเมิดสักเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชนเข้าใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้  เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือน เงินค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน ต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเลื่อมใสการปกครองที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้เสมอ 
...
ความรับผิดทางละเมิด ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีสาระสำคัญ ที่เป็นแกนหลัก คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้าจะมีกรณีผิดพลาดจากการกระทำหน้าที่โดยสุจริต โดยหลักการ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ย่อมจะต้องเข้ามารับชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแทนเจ้าหน้าที่ผู้นั้น
...
การได้รับการปกป้องเช่นนี้ ต้องเน้นว่า "ใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริต" ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดพลาดก็ไม่ได้สนใจใยดีจะแก้ไขเลย กลับปล่อยให้เป็นภาระอันรุงรังของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เช่นนี้ ไม่ถือว่าสุจริต
...
อีกกรณีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิด คือ การกระทำผิดนั้น เกิดจากเหตุประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้จงใจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นเพราะประมาทเล็กน้อย ไม่ใช่ประมาทร้ายแรง เช่นนี้ รัฐยอมที่จะเข้ามารับผิดแทนเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่า จนท.กระทำแทนรัฐนั่นเอ
...
แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิดเลย ถ้ากระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายแรง หรือจงใจก่อละเมิดต่อประชาชน เช่นรู้อยู่แล้วตนเองออกคำสั่ง หรือกระทำการทางปกครองที่ผิดพลาด ก็ไม่แก้ไข ทั้ง ๆ ที่มีคู่กรณีมาร้องขอแล้วก็ไม่แก้ไข หรือเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไป ทักท้วงแล้ว ก็โมโหโกรธา เช่นนี้ หนีความรับผิดไม่ได้ ไม่ว่าแพ่ง อาญา หรือละเมิด และหน่วยงานของรัฐก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เลย
..
กรณีกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่แทนสำนักงาน เช่นนี้ กรรมการ/อนุกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่ ถือว่ากระทำแทนสำนักงาน เวลาโดนฟ้องคดี ศาลจะสั่งให้สำนักงานเข้าไปเป็นคู่ความเสมอ เช่นนี้ เมื่อศาลเห็นว่า กรรมการทำละเมิด ศาลก็จะให้สำนักงานฯ จ่ายไปก่อน
...
ผลคืออะไร สำนักงานต้องมาไล่เบี้ยเอาจากกรรมการ ที่กระทำการผิดพลาด ทีนี่ ถ้าหากสำนักงาน ได้แนะนำแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่กรรมการไม่สนใจนำพา เช่นนี้ สำนักงานย่อมอ้างได้ว่า ตนได้พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำละเมิดนั้นแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย
....
ทีนี่ โดนฟ้องอย่างไร กรรมการก็รับไปเต็ม ๆ .... นั่นแหละ ลงเอยด้วยประการละฉะนี้




 

Create Date : 24 กันยายน 2568    
Last Update : 24 กันยายน 2568 14:33:19 น.
Counter : 15 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

PDPA กับความรับผิดชอบของสำนักงาน และกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการกระทำการตามหน้าที่

บล๊อกนี้ เป็นการอธิบายกฎหมายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใด ๆ นะครับ 
....
ตามกฎหมาย  PDPA  หรือ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( พ.ศ.๒๕๖๒) ของไทยเรา จะมีตัวละครที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กคส.)  กรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กกส.) และ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ (กชช.)  โดยบทบาทแต่กรรมการ จะแตกต่างกัน เช่น กคส. จะตีความกฎหมายและออกนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  ส่วน กกส. จะทำหน้าที่ดูแลแผนคน งาน และปฏิบัติการของสำนักงาน โดย กชช. จะทำหน้าที่เหมือนตุลาการตัดสินคดี เกี่ยวกับการร้องเรียน กำหนดโทษปรับทางปกครอง และมาตรการในการกำกับดูแลผู้ควบคุมและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 
....
กลไกที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ  และนโยบายของ กคส. กกส. และ กชช. โดยจะทำหน้าที่เลขานุการของกรรมการทุกคณะด้วย   
...
อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกคณะแท้จริง เมื่อใช้อำนาจหน้าที่ใด ๆ ในทางปกครอง ก็จะทำการในนามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการกระทำละเมิดฯ ต่อบุคคลภายนอก สำนักงานก็จะต้องถูกเรียกเข้าไปในคดี แล้วรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแทนกรรมการ แต่ไม่ใช่กรรมการลอยตัว จะทำอะไรก็ได้  ไม่ต้องรับผิด  .... แท้จริงแล้ว  เมื่อสำนักงานถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย  สำนักงานก็จะมาเรียกจากกรรมการนั่นเอง ฯ 
....
บล๊อกนี้ ผมจึงขอพูดถึงความรับผิดทางละเมิดสักเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชนเข้าใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้  เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือน เงินค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน ต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเลื่อมใสการปกครองที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้เสมอ 
...
ความรับผิดทางละเมิด ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีสาระสำคัญ ที่เป็นแกนหลัก คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้าจะมีกรณีผิดพลาดจากการกระทำหน้าที่โดยสุจริต โดยหลักการ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ย่อมจะต้องเข้ามารับชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแทนเจ้าหน้าที่ผู้นั้น
...
การได้รับการปกป้องเช่นนี้ ต้องเน้นว่า "ใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริต" ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดพลาดก็ไม่ได้สนใจใยดีจะแก้ไขเลย กลับปล่อยให้เป็นภาระอันรุงรังของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เช่นนี้ ไม่ถือว่าสุจริต
...
อีกกรณีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิด คือ การกระทำผิดนั้น เกิดจากเหตุประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้จงใจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นเพราะประมาทเล็กน้อย ไม่ใช่ประมาทร้ายแรง เช่นนี้ รัฐยอมที่จะเข้ามารับผิดแทนเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่า จนท.กระทำแทนรัฐนั่นเอ
...
แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิดเลย ถ้ากระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายแรง หรือจงใจก่อละเมิดต่อประชาชน เช่นรู้อยู่แล้วตนเองออกคำสั่ง หรือกระทำการทางปกครองที่ผิดพลาด ก็ไม่แก้ไข ทั้ง ๆ ที่มีคู่กรณีมาร้องขอแล้วก็ไม่แก้ไข หรือเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไป ทักท้วงแล้ว ก็โมโหโกรธา เช่นนี้ หนีความรับผิดไม่ได้ ไม่ว่าแพ่ง อาญา หรือละเมิด และหน่วยงานของรัฐก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เลย
..
กรณีกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่แทนสำนักงาน เช่นนี้ กรรมการ/อนุกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่ ถือว่ากระทำแทนสำนักงาน เวลาโดนฟ้องคดี ศาลจะสั่งให้สำนักงานเข้าไปเป็นคู่ความเสมอ เช่นนี้ เมื่อศาลเห็นว่า กรรมการทำละเมิด ศาลก็จะให้สำนักงานฯ จ่ายไปก่อน
...
ผลคืออะไร สำนักงานต้องมาไล่เบี้ยเอาจากกรรมการ ที่กระทำการผิดพลาด ทีนี่ ถ้าหากสำนักงาน ได้แนะนำแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่กรรมการไม่สนใจนำพา เช่นนี้ สำนักงานย่อมอ้างได้ว่า ตนได้พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำละเมิดนั้นแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย
....
ทีนี่ โดนฟ้องอย่างไร กรรมการก็รับไปเต็ม ๆ .... นั่นแหละ ลงเอยด้วยประการละฉะนี้




 

Create Date : 24 กันยายน 2568    
Last Update : 24 กันยายน 2568 14:33:17 น.
Counter : 38 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ตำรวจไม่สามารถบังคับเอา Password โทรศัพท์ของเราได้โดยอำนาจตำรวจ เพราะอะไร ??? PDPA ???

ก่อนอื่น ขอยืนยันว่า บทความข้างล่างนี้ดีในแง่ของการป้องกันสิทธิในความเป็นส่วนตัวของประชาชน โดยผลทางกฎหมายถูกต้อง แต่อ้างกฎหมายผิดไปจากเจตนารมณ์และบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
..........
ตำรวจ / ผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน ป้องกันละปราบปรามอาชญากรรม /รักษาความสงบเรียบร้อย ได้รับการยกเว้นบางประการ ในการเก็บรวมรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตาม มาตรา ๔ แห่งกฎหมาย PDPA และตามมาตรา ๓ แห่งกฎหมาย PDPA บัญญัติโดยชัดแจ้งว่า หากมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ก็ให้ใช้กฎหมายนั้น และใช้ กม. PDPA เป็นส่วนเสริม คือ เสริมในแง่การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บมาได้ เช่น เอกสารต่าง ๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคล จะเอาไปขายต่อ พับถุงกล้วยแขก ฯลฯ ให้ปรากฎทั่วไปไม่ได้ จะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยฯ
....
กรณีตามปัญหาของบทความนี้ ตำรวจยึดโทรศัพท์ได้ ตาม ป.วิ.อาญา ก็ต้องใช้ ป.วิ.อาญา ในการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน หากเป็นข้อความ บทสนทนา ฯลฯ จะได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ ตาม รธน. และ กม.ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารโทรคมนาคม ที่การสื่อสารระหว่างบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง ฯ การละเมิดต้องใช้อำนาจพิเศษตามกฎหมาย รวมถึงหมายของศาลฯ หากต้องหารข้อความ หรือรายละเอียดการสนทนาฯ ตำรวจใช้อำนาจตาม ป.วิ.อาญา สั่งการให้ส่งมอบพยานหลักฐานแบบกรณีหลักฐานทั่วไปไม่ได้
...
สรุปง่าย ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ PDPA โดยตรงหรอกครับ
....

ตำรวจยึดมือถือไป แล้วบอก "ขอ Password ด้วย!" 📱🔑 เราในฐานะผู้ต้องสงสัย ต้องให้หรือไม่?

เป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้สิทธิของตัวเองไว้ครับ

💡 คำตอบคือ... ไม่ต้องให้ครับ! ✅ หากตำรวจไม่มี "หมายศาล"

สิ่งสำคัญคือต้องแยก 2 ประเด็นออกจากกัน:

👮‍♂️ การ "ยึด" โทรศัพท์มือถือ:

ตำรวจมีอำนาจ ยึดโทรศัพท์ ที่อยู่กับตัวผู้ถูกจับได้เลย เพื่อเป็นวัตถุพยาน โดยไม่จำเป็นต้องมีหมาย

🔓 การ "เปิดดูข้อมูล" หรือ "ขอรหัสผ่าน":

การจะเข้าถึงข้อมูลที่อยู่ข้างในโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ต้องมี "หมายศาล" ที่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลเท่านั้น!

สิทธิของคุณ:
หากตำรวจไม่มีหมายศาลมาแสดง คุณมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะ ปฏิเสธการให้รหัสผ่าน และการกระทำของคุณไม่ถือว่าผิดกฎหมายหรือขัดขวางการปฏิบัติงาน

⚠️ ข้อควรระวัง: หากคุณ "สมัครใจ" ให้รหัสผ่านไปเองโดยไม่มีการบังคับ จะถือว่าคุณได้ให้ความยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลนั้นแล้ว

สรุปให้จำง่ายๆ:

ยึดเครื่อง ➡️ ทำได้ (ไม่ต้องมีหมาย)

ขอรหัส / เปิดดูข้อมูล ➡️ ต้องมีหมายศาลเท่านั้น

ไม่มีหมาย ➡️ เรามีสิทธิ์ปฏิเสธ

แชร์เก็บไว้เป็นความรู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ในข้อมูลส่วนบุคคลของคุณกันนะครับ!

#กฎหมายน่ารู้ #PDPA




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2568    
Last Update : 20 สิงหาคม 2568 23:35:11 น.
Counter : 107 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

1  2  3  

BlogGang Popular Award#21


 
POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ ขาดไม่ได้ แม้มองไม่เห็น "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.