- ประวัติ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ : About Pol.Col.Dr.Siriphon Kusonsinwut
- กฎหมาย PDPA น่ารู้
 - ชีวิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน (กงสุล)
- ชีวิตนักเรียนฯ ในสหรัฐ : My Life & Experience in the United States School of Law
- การเรียนกฎหมายสหรัฐ :Course Outlines & Study In U.S. Law School [ JD. / LL.M. / JSD./ SJD. Program ]
- ว่าด้วยหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ : The U.S. Constitutional Law : Rule and Legal Issues
- กระบวนการยุติธรรมสหรัฐ: Law & Order - Criminal Justice System: Criminal Law & Criminal Procedure Issues, 4th, 5th, & 6th Amendment, to the U.S. Constitution
- กฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ : U.S. Intellectual Property Law : Trademark & Unfair Competition Law, Patent and Copy Rights Law
- Conflict & Peace Resolution: การจัดการปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
- กฎหมาย อำนาจ ผลประโยชน์ กับ การเมืองของไทย : Law & Problems in Thai Politics v. Fucking Coup
- บางปัญหาหลักกฎหมายมหาชน และหลักนิติรัฐของไทย: Rule of Law (Etatdedroit ) & Constitutional & Legal Issues in Thailand
- เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวนและสั่งคดีของพนักงานอัยการ
- เพื่อสถาบันตำรวจไทย : The Royal Thai Police
- แด่ทวีธาภิเศก เตรียมทหาร นายร้อยตำรวจ และธรรมศาสตร์ : Educational Institute Alumni
- ขายความคิด นานาสาระ เล่าสู่กันฟัง : Idea Retailor & Current Global Problem Story
- ชีวิตหลังการศึกษา สู่โลกแห่งความเป็นจริง
- นำเที่ยวในสหรัฐและแคนนาดา : Travel Around the United States & Canada [ Victoria, Vancouver, California, Arizona, Florida, Pennsylvania, Ohio, Chicago, Indiana, New York, etc.]
- ท่องเที่ยวในอังกฤษ & ยุโรป : Travel Around England, Scotland and Europe [France, Belgium, Germany ]
- การท่องเที่ยวในเอเชีย : ไต้หวัน เวียดนาม มาเลเซีย และญี่ปุ่น : Travel Around Taiwan Japan and other Country in Asia
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
หลักการเปิดเผยคำสั่งทางปกครองของกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
เรื่องการฏิบัติราชการและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ .... การปฏิบัติราชการ คือ การปฏิบัติของรัฐที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่นำเงินงบระมาณในการปฎิบัติงานมาจากเงินของประชาชน ที่เราเรียกว่า Public Fund โดยหลักการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมตลอดถึงกรรมการที่มีอำนาจและหน้าที่ในการลงมติและมีผลผูกพันต่อประชาชน จึงต้องถือเป็นหน่วยงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ กฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังจะเห็นได้ว่า อนุกรรมการ ฯลฯ ต่าง ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกคำสั่งให้มีผลผูกพันต่อประชาชน อนุกรรมการนั้น ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ปปช. ด้วย นอกจากนี้ หากเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่อันมีผลผูกพันประชาชน การปฏิบัติราชการ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ ด้วย .... ในการปฏิบัติราชการ ก็จะมีหลักราชการอย่างหนึ่ง คือ การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น คำสั่ง หรือมติของกรรมการที่มีหน้าที่ในการออกคำสั่งทางปกครอง โดยหลักการตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องเปิดเผยโครงสร้างอำนาจหน้าที่ รวมถึงคำสั่งที่มีผลกระทบต่อประชาชน หากเป็นกฎที่มีผลเป็นการทั่วไป ถ้าไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ย่อมไม่สามารถใช้บังคับกับประชาชนเป็นการทั่วได้ อันนี้ ศาลได้เคยวินิจฉัยมานานแล้ว เช่นนี้ เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องยึดถือ ... ในกรณีของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทางสำนักงานจะต้องทำหน้าที่ธุรการให้กับกรรมการไม่ว่าจะเป็น กคส. กกส. หรือ กชช. ( ตามที่บล๊อกก่อนได้พูดไปแล้ว) คือ สำนักงานมีหน้าที่ต้องพิจารณาเปิดเผยเอกสารราชการทั้งหมด รวมถึงมติกรรมการฯ ต่อผู้ร้องขอให้เปิดเผย ไม่ว่าคนขอจะเป็นผู้เจ้าของข้อมูลด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็จะต้องเปิด เว้นแต่มีกฎหมายห้ามไว้ ... สมมตินะครับ สมมติว่าถ้ามีคณะกรรมการมีมติแปลกประหลาดว่า ต่อไปนี้ ห้ามเปิดเผยเอกสารของกรรมการที่ดำเนินการทั้งหมด ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้า หรือการดำเนินการใด ๆ ในอนาคต สิ่งนี้ ย่อมไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะ ขัดต่อหลักกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการที่ต้องเปิดเผย ... ตามกฎหมายเดียวกันนี้ การไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ จะมีน้อยกรณีมาก ๆ เช่น ข่าวสารเกี่ยวข้องกับสถาบันมหากษัตริย์ หรือกรณีเปิดเผยแล้วจะกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายทำให้ประสิทธิภาพเสื่อมทรามลง หรือความเห็นภายในของเจ้าหน้าที่ เพราะหากคำสั่งยังไม่ออกมา แต่มีแรงกดดัน ให้เจ้าหน้าที่ทำความเห็นแบบนั้นแบบนี้ เช่นนี้ ย่อมเปิดเผยไม่ได้ กฎหมายจึงบอกว่า ความเห็นภายในไม่ต้องเปิดเผย เพื่อคุ้มครองความเป็นอิสระของ จนท. นั่นเอง ... นอกจากนี้ การไม่เปิดเผย อาจจะเกิดจากข้อคิดเห็นที่ว่า ถ้าเปิดเผยแล้วจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของบุคคลอื่น หรือเปิดแล้วจะกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของคนนั้นมากเกิดไป ก็อาจจะเปิดยังได้ ... มีหลายกรณีที่ กรรมการินิจฉัย (กวฉ.) ตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ สั่งเปิดอยู่เนือง ๆ เช่น ความเห็นของนิติกร/จนท. ที่รับผิดชอบในคดีนั้น ๆ ๆ ทั้งนี้ เพราะศาลเห็นว่า ไม่มีอะไรต้องปิด หรือจะกดดัน จนท. ได้แล้ว นั่นเอง เพราะคำสั่งก็ออกไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความเสื่อมทรามในการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯ ... ผมก็หวังว่า ท่านผู้อ่านจะเข้าใจ และถ้าได้มีวาสนาในการออกคำสั่ง ก็ต้องทำความเข้าใจ และเคารพเลื่อมในศรัทธาต่อการให้การบริการสาธารณะที่ต้องโปร่งใส เปิดเผยได้ รวมถึงต้องถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่กลั่วการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในมติและการกระทำของตนเอง หากไม่เลื่อมใสแล้ว ก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการทำหน้าที่อันทรงเกียรตินั้น ... โดยสรุป ผมเห็นว่า จะปกปิดได้น้อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ จริง ๆ อย่ากลัวที่จะโปร่งใสครับ !!!!!
| Create Date : 24 กันยายน 2568 | | |
| Last Update : 24 กันยายน 2568 15:14:10 น. |
| Counter : 135 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
PDPA กับความรับผิดชอบของสำนักงาน และกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการกระทำการตามหน้าที่
บล๊อกนี้ เป็นการอธิบายกฎหมายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใด ๆ นะครับ .... ตามกฎหมาย PDPA หรือ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( พ.ศ.๒๕๖๒) ของไทยเรา จะมีตัวละครที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กคส.) กรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กกส.) และ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ (กชช.) โดยบทบาทแต่กรรมการ จะแตกต่างกัน เช่น กคส. จะตีความกฎหมายและออกนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่วน กกส. จะทำหน้าที่ดูแลแผนคน งาน และปฏิบัติการของสำนักงาน โดย กชช. จะทำหน้าที่เหมือนตุลาการตัดสินคดี เกี่ยวกับการร้องเรียน กำหนดโทษปรับทางปกครอง และมาตรการในการกำกับดูแลผู้ควบคุมและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล .... กลไกที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ และนโยบายของ กคส. กกส. และ กชช. โดยจะทำหน้าที่เลขานุการของกรรมการทุกคณะด้วย ... อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกคณะแท้จริง เมื่อใช้อำนาจหน้าที่ใด ๆ ในทางปกครอง ก็จะทำการในนามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการกระทำละเมิดฯ ต่อบุคคลภายนอก สำนักงานก็จะต้องถูกเรียกเข้าไปในคดี แล้วรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแทนกรรมการ แต่ไม่ใช่กรรมการลอยตัว จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิด .... แท้จริงแล้ว เมื่อสำนักงานถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย สำนักงานก็จะมาเรียกจากกรรมการนั่นเอง ฯ .... บล๊อกนี้ ผมจึงขอพูดถึงความรับผิดทางละเมิดสักเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชนเข้าใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือน เงินค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน ต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเลื่อมใสการปกครองที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้เสมอ ... ความรับผิดทางละเมิด ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีสาระสำคัญ ที่เป็นแกนหลัก คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้าจะมีกรณีผิดพลาดจากการกระทำหน้าที่โดยสุจริต โดยหลักการ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ย่อมจะต้องเข้ามารับชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแทนเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ... การได้รับการปกป้องเช่นนี้ ต้องเน้นว่า "ใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริต" ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดพลาดก็ไม่ได้สนใจใยดีจะแก้ไขเลย กลับปล่อยให้เป็นภาระอันรุงรังของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เช่นนี้ ไม่ถือว่าสุจริต ... อีกกรณีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิด คือ การกระทำผิดนั้น เกิดจากเหตุประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้จงใจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นเพราะประมาทเล็กน้อย ไม่ใช่ประมาทร้ายแรง เช่นนี้ รัฐยอมที่จะเข้ามารับผิดแทนเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่า จนท.กระทำแทนรัฐนั่นเอ ... แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิดเลย ถ้ากระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายแรง หรือจงใจก่อละเมิดต่อประชาชน เช่นรู้อยู่แล้วตนเองออกคำสั่ง หรือกระทำการทางปกครองที่ผิดพลาด ก็ไม่แก้ไข ทั้ง ๆ ที่มีคู่กรณีมาร้องขอแล้วก็ไม่แก้ไข หรือเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไป ทักท้วงแล้ว ก็โมโหโกรธา เช่นนี้ หนีความรับผิดไม่ได้ ไม่ว่าแพ่ง อาญา หรือละเมิด และหน่วยงานของรัฐก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เลย .. กรณีกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่แทนสำนักงาน เช่นนี้ กรรมการ/อนุกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่ ถือว่ากระทำแทนสำนักงาน เวลาโดนฟ้องคดี ศาลจะสั่งให้สำนักงานเข้าไปเป็นคู่ความเสมอ เช่นนี้ เมื่อศาลเห็นว่า กรรมการทำละเมิด ศาลก็จะให้สำนักงานฯ จ่ายไปก่อน ... ผลคืออะไร สำนักงานต้องมาไล่เบี้ยเอาจากกรรมการ ที่กระทำการผิดพลาด ทีนี่ ถ้าหากสำนักงาน ได้แนะนำแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่กรรมการไม่สนใจนำพา เช่นนี้ สำนักงานย่อมอ้างได้ว่า ตนได้พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำละเมิดนั้นแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย .... ทีนี่ โดนฟ้องอย่างไร กรรมการก็รับไปเต็ม ๆ .... นั่นแหละ ลงเอยด้วยประการละฉะนี้
| Create Date : 24 กันยายน 2568 | | |
| Last Update : 24 กันยายน 2568 14:33:25 น. |
| Counter : 42 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
PDPA กับความรับผิดชอบของสำนักงาน และกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการกระทำการตามหน้าที่
บล๊อกนี้ เป็นการอธิบายกฎหมายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใด ๆ นะครับ .... ตามกฎหมาย PDPA หรือ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( พ.ศ.๒๕๖๒) ของไทยเรา จะมีตัวละครที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กคส.) กรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กกส.) และ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ (กชช.) โดยบทบาทแต่กรรมการ จะแตกต่างกัน เช่น กคส. จะตีความกฎหมายและออกนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่วน กกส. จะทำหน้าที่ดูแลแผนคน งาน และปฏิบัติการของสำนักงาน โดย กชช. จะทำหน้าที่เหมือนตุลาการตัดสินคดี เกี่ยวกับการร้องเรียน กำหนดโทษปรับทางปกครอง และมาตรการในการกำกับดูแลผู้ควบคุมและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล .... กลไกที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ และนโยบายของ กคส. กกส. และ กชช. โดยจะทำหน้าที่เลขานุการของกรรมการทุกคณะด้วย ... อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกคณะแท้จริง เมื่อใช้อำนาจหน้าที่ใด ๆ ในทางปกครอง ก็จะทำการในนามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการกระทำละเมิดฯ ต่อบุคคลภายนอก สำนักงานก็จะต้องถูกเรียกเข้าไปในคดี แล้วรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแทนกรรมการ แต่ไม่ใช่กรรมการลอยตัว จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิด .... แท้จริงแล้ว เมื่อสำนักงานถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย สำนักงานก็จะมาเรียกจากกรรมการนั่นเอง ฯ .... บล๊อกนี้ ผมจึงขอพูดถึงความรับผิดทางละเมิดสักเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชนเข้าใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือน เงินค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน ต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเลื่อมใสการปกครองที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้เสมอ ... ความรับผิดทางละเมิด ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีสาระสำคัญ ที่เป็นแกนหลัก คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้าจะมีกรณีผิดพลาดจากการกระทำหน้าที่โดยสุจริต โดยหลักการ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ย่อมจะต้องเข้ามารับชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแทนเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ... การได้รับการปกป้องเช่นนี้ ต้องเน้นว่า "ใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริต" ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดพลาดก็ไม่ได้สนใจใยดีจะแก้ไขเลย กลับปล่อยให้เป็นภาระอันรุงรังของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เช่นนี้ ไม่ถือว่าสุจริต ... อีกกรณีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิด คือ การกระทำผิดนั้น เกิดจากเหตุประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้จงใจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นเพราะประมาทเล็กน้อย ไม่ใช่ประมาทร้ายแรง เช่นนี้ รัฐยอมที่จะเข้ามารับผิดแทนเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่า จนท.กระทำแทนรัฐนั่นเอ ... แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิดเลย ถ้ากระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายแรง หรือจงใจก่อละเมิดต่อประชาชน เช่นรู้อยู่แล้วตนเองออกคำสั่ง หรือกระทำการทางปกครองที่ผิดพลาด ก็ไม่แก้ไข ทั้ง ๆ ที่มีคู่กรณีมาร้องขอแล้วก็ไม่แก้ไข หรือเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไป ทักท้วงแล้ว ก็โมโหโกรธา เช่นนี้ หนีความรับผิดไม่ได้ ไม่ว่าแพ่ง อาญา หรือละเมิด และหน่วยงานของรัฐก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เลย .. กรณีกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่แทนสำนักงาน เช่นนี้ กรรมการ/อนุกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่ ถือว่ากระทำแทนสำนักงาน เวลาโดนฟ้องคดี ศาลจะสั่งให้สำนักงานเข้าไปเป็นคู่ความเสมอ เช่นนี้ เมื่อศาลเห็นว่า กรรมการทำละเมิด ศาลก็จะให้สำนักงานฯ จ่ายไปก่อน ... ผลคืออะไร สำนักงานต้องมาไล่เบี้ยเอาจากกรรมการ ที่กระทำการผิดพลาด ทีนี่ ถ้าหากสำนักงาน ได้แนะนำแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่กรรมการไม่สนใจนำพา เช่นนี้ สำนักงานย่อมอ้างได้ว่า ตนได้พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำละเมิดนั้นแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย .... ทีนี่ โดนฟ้องอย่างไร กรรมการก็รับไปเต็ม ๆ .... นั่นแหละ ลงเอยด้วยประการละฉะนี้
| Create Date : 24 กันยายน 2568 | | |
| Last Update : 24 กันยายน 2568 14:33:19 น. |
| Counter : 15 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
|
PDPA กับความรับผิดชอบของสำนักงาน และกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการกระทำการตามหน้าที่
บล๊อกนี้ เป็นการอธิบายกฎหมายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลใด ๆ นะครับ .... ตามกฎหมาย PDPA หรือ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( พ.ศ.๒๕๖๒) ของไทยเรา จะมีตัวละครที่ทำหน้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ กรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กคส.) กรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (กกส.) และ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ (กชช.) โดยบทบาทแต่กรรมการ จะแตกต่างกัน เช่น กคส. จะตีความกฎหมายและออกนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่วน กกส. จะทำหน้าที่ดูแลแผนคน งาน และปฏิบัติการของสำนักงาน โดย กชช. จะทำหน้าที่เหมือนตุลาการตัดสินคดี เกี่ยวกับการร้องเรียน กำหนดโทษปรับทางปกครอง และมาตรการในการกำกับดูแลผู้ควบคุมและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล .... กลไกที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. จะมีหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ และนโยบายของ กคส. กกส. และ กชช. โดยจะทำหน้าที่เลขานุการของกรรมการทุกคณะด้วย ... อย่างไรก็ตาม กรรมการทุกคณะแท้จริง เมื่อใช้อำนาจหน้าที่ใด ๆ ในทางปกครอง ก็จะทำการในนามของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากมีการกระทำละเมิดฯ ต่อบุคคลภายนอก สำนักงานก็จะต้องถูกเรียกเข้าไปในคดี แล้วรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแทนกรรมการ แต่ไม่ใช่กรรมการลอยตัว จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องรับผิด .... แท้จริงแล้ว เมื่อสำนักงานถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย สำนักงานก็จะมาเรียกจากกรรมการนั่นเอง ฯ .... บล๊อกนี้ ผมจึงขอพูดถึงความรับผิดทางละเมิดสักเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนและสาธารณชนเข้าใจ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินเดือน เงินค่าตอบแทนจากภาษีประชาชน ต้องเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง และเลื่อมใสการปกครองที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้เสมอ ... ความรับผิดทางละเมิด ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น มีสาระสำคัญ ที่เป็นแกนหลัก คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ถ้าจะมีกรณีผิดพลาดจากการกระทำหน้าที่โดยสุจริต โดยหลักการ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัด ย่อมจะต้องเข้ามารับชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแทนเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ... การได้รับการปกป้องเช่นนี้ ต้องเน้นว่า "ใช้อำนาจหน้าที่โดยสุจริต" ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทำผิดพลาดก็ไม่ได้สนใจใยดีจะแก้ไขเลย กลับปล่อยให้เป็นภาระอันรุงรังของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เช่นนี้ ไม่ถือว่าสุจริต ... อีกกรณีหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการยกเว้นความรับผิด คือ การกระทำผิดนั้น เกิดจากเหตุประมาทเลินเล่อ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้จงใจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นเพราะประมาทเล็กน้อย ไม่ใช่ประมาทร้ายแรง เช่นนี้ รัฐยอมที่จะเข้ามารับผิดแทนเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่า จนท.กระทำแทนรัฐนั่นเอ ... แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้รับการยกเว้นความผิดเลย ถ้ากระทำโดยประมาทเลินเล่อร้ายแรง หรือจงใจก่อละเมิดต่อประชาชน เช่นรู้อยู่แล้วตนเองออกคำสั่ง หรือกระทำการทางปกครองที่ผิดพลาด ก็ไม่แก้ไข ทั้ง ๆ ที่มีคู่กรณีมาร้องขอแล้วก็ไม่แก้ไข หรือเจ้าหน้าที่ระดับรองลงไป ทักท้วงแล้ว ก็โมโหโกรธา เช่นนี้ หนีความรับผิดไม่ได้ ไม่ว่าแพ่ง อาญา หรือละเมิด และหน่วยงานของรัฐก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เลย .. กรณีกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่แทนสำนักงาน เช่นนี้ กรรมการ/อนุกรรมการที่ใช้อำนาจหน้าที่ ถือว่ากระทำแทนสำนักงาน เวลาโดนฟ้องคดี ศาลจะสั่งให้สำนักงานเข้าไปเป็นคู่ความเสมอ เช่นนี้ เมื่อศาลเห็นว่า กรรมการทำละเมิด ศาลก็จะให้สำนักงานฯ จ่ายไปก่อน ... ผลคืออะไร สำนักงานต้องมาไล่เบี้ยเอาจากกรรมการ ที่กระทำการผิดพลาด ทีนี่ ถ้าหากสำนักงาน ได้แนะนำแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่กรรมการไม่สนใจนำพา เช่นนี้ สำนักงานย่อมอ้างได้ว่า ตนได้พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำละเมิดนั้นแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย .... ทีนี่ โดนฟ้องอย่างไร กรรมการก็รับไปเต็ม ๆ .... นั่นแหละ ลงเอยด้วยประการละฉะนี้
| Create Date : 24 กันยายน 2568 | | |
| Last Update : 24 กันยายน 2568 14:33:17 น. |
| Counter : 38 Pageviews. |
| |
|
| |
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#21
|
| |
|
|
|
|
|
|
| |
|
|