นครราชสีมา - บูรพาจารย์เจดีย์ ... วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง วัดป่าสาลวัน เป็นสถานปฏิบัติธรรมของพระปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานเบื้องหน้าพระประธาน มีรูป หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่พร และหลวงพ่อพุธย้อนไปเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งทรงผนวชเป็นพระภิกษุได้มีพระราชดำริที่จะฟื้นฟูการสั่งสอนพระพุทธศาสนา และการประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยจึงทรงตั้งนิกายธรรมยุต แปลว่า ผู้ประกอบด้วยธรรม ขึ้นมาเมื่อครั้งที่ทรงประทับที่วัดสมอราย หรือวัดราชาธิวาสมีพระจากอุบลชื่อ พนฺธุโล (ดี)ได้เข้าไปศึกษาพระธรรมและบวชใหม่ในธรรมยุตนิกาย ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสุปัฏนาราม รูปแรกและได้นำหลาน ท่านเทวธมฺมี (ม้าว) ไปบวชในธรรมยุตนิกายด้วย ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีทอง หรือวัดศรีอุบลรัตนาราม รูปแรกหลวงปู่เสาร์ ท่านบวชในฝ่ายมหานิกาย ท่านได้ฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์ม้าว เทวธมฺมี และเกิดความเลื่อมใส จึงขอมอบตัวเป็นศิษย์และกระทำญัตติกรรมใหม่ในคณะธรรมยุติกนิกาย ณ พระอุโบสถวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)หลวงปู่มั่น ได้พบหลวงปู่เสาร์ขณะออกธุดงค์ที่บ้านคำบง อำเภอโขงเจียม จึงชวนให้บวชท่านได้ออกธุดงค์กับหลวงปู่เสาร์ และกับเจ้าคุณเทพมงคลปัญญาจารย์พ.ศ. 2457 เรียนพระปริยัติและจำพรรษา ณ วัดสระปทุม กรุงเทพพ.ศ. 2558 กลับไปวัดบูรพา อุบลราชธานี ได้พบและสั่งสอนธรรมปฏิบัติให้แก่หลวงปู่สิงห์หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ท่านได้อุปสมบทอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดสุทัศนาราม มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ขณะดำรงตำแหน่งพระศาสนดิลก เจ้าคณะมณฑลอีสาน เป็นพระอุปัชฌาย์ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยต่อในโรงเรียนสร่างโศกเกษมศิลป์ สอบไล่ได้มัธยมปีที่ 3เข้าสอบไล่ได้วิชาบาลีไวยากรณ์ ในสนามวัดสุปัฏน์ฯ พ.ศ.2455ได้รับแต่งตั้งจากกระทรวงธรรมการให้เป็นครูมูลและครูมัธยมประจำอยู่ที่โรงเรียนสร่างโศกเกษมศิลป์ในปี 2457 ท่านได้จัดการให้น้องชาย คือนายปิ่น บุญโท และได้มาอยู่ที่วัดสุทัศนารามด้วยกัน ภายหลังพระปิ่นได้ไปเรียนปริยัติธรรมที่วัดสระปทุม ได้เปรียญ 9 ประโยคจึงได้ชื่อว่า พระมหาปิ่น ปญฺญาพโลเพราะท่านเป็นครู วันหนึ่งท่านค้นพบหนังสือธรรมเทศนาเรื่องเทวสูตร ใจความว่าพระบรมศาสดาทรงตำหนิการบรรพชาอุปสมบทที่มีความบกพร่อง คือ การบวชแล้วไม่มีการประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยมีโทษมากท่านจึงอยากออกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานประจวบกับขณะเดียวกับที่หลวงปู่มั่นกลับมาจากกรุงเทพ มีดำริว่าจะสอนเรื่องธรรมปฏิบัติหลวงปู่สิงห์จึงได้เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น พ.ศ. 2458ท่านได้พบเรียนปฏิบิติไปด้วยกันกับ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ท่านมีศิษย์คือหลวงปู่เทสก์ เทสรังสีหลวงปู่พร สุมโนพ.ศ. 2469 หลวงปู่พรท่านตอนนั้นเป็นฆราวาส อายุได้ 28 ปีได้ทราบว่าหลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ท่านจึงได้ไปปรนนิบัติหลวงปู่มั่นจึงชวนให้บวชท่านปฏิญาณตนเป็นอุบาสก บวชเป็นตาชีผ้าขาว อยู่ 3 ปี บวชเณรอีก 3 ปีหลวงปู่มั่นได้พาไปกรุงเทพฯ ไปบวชเป็นพระ อยู่ที่วัดสระปทุมเมื่อได้กลับมาทำศพโยมแม่ที่อำเภอเขื่องใน หลวงปู่มั่นก็ให้ท่านปฏิบัติธรรมด้วยตนเองไม่ต้องตามหลวงปู่มั่นแล้วต่อมาท่านก็เข้าไปอยู่กับท่านหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ที่วัดบูรพาราม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานีและที่นี่หลวงพ่อพุธซึ่งงตอนนั้นเป็นสามเณรได้ฝากตัวเป็นศิษย์พ.ศ.2474 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ชั้นเจ้าคณะรอง (หิรัญญบัตร) ที่ พระพรหมมุนี เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมาท่านได้ชวน หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม พระมหาปิ่น ปญฺญาพโล มาอยู่ด้วยที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อปรึกษาหารือกันด้านวิปัสสนาและอบรมสมถวิปัสสนาแก่พุทธบริษัททั้งหลายหลวงปู่สิงห์และคณะมาถึงโคราช ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้นำคณะไปปักกลดโปรดสัตว์ที่ป่าช้าที่ 3 ทางตะวันตกของที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของ พ.ต.ต. หลวงชาญนิคม (ทอง จันทรศร) ผู้บังคับกองตำรวจภูธร กิ่งจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมาท่านหลวงชาญฯ และบุตรภรรยาจึงถวายที่ดินของท่านให้เป็นสำนักสงฆ์มีหลวงปู่สิงห์ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกส่วนพระมหาปิ่น ก็ได้พาหมู่ศิษย์อีกหมู่หนึ่งไปสร้างเสนาสนะที่ข้างกรมทหาร ต. หัวทะเล อ. เมือง จ. นครราชสีมา ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นป่าช้าที่ 2 สำหรับเผาศพผู้ที่ตายด้วยโรคติดต่อ เช่นอหิวาตกโรค และ กาฬโรค ฯลฯ เป็นต้น ให้ชื่อว่าวัดป่าศรัทธารวมเกิดมีวัดป่าพระกรรมฐานขึ้นสองวัดเป็นปฐมฤกษ์ของเมืองโคราชหลวงปู่สิงห์ ประจำอยู่ศูนย์กลางคือวัดป่าสาลวัน เป็นที่อบรมกรรมฐานและเป็นสถานที่ประชุมประจำ และได้มอบหมายให้พระรูปอื่นออกไปเผยแพร่พระธรรมปฏิบัติ เกิดวัดป่าขึ้นอีกหลายวัด เช่นพระอาจารย์ภุมมี ฐิตธมฺโม ไปสร้างวัดป่าคีรีวัลย์ อำเภอท่าช้าง (อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) และให้ไปสร้างวัดป่าอำเภอจักราช ... ตะวันออกพระอาจารย์ลี ธมฺมธโร ไปสร้างวัดป่า อำเภอกระโทก (ภายหลังท่านได้ไปสร้างวัดขึ้นที่วัดบางปิ้ง ตำบลท้ายบ้าน จังหวัดสมุทรปราการ) ... ตะออกเฉียงใต้พระอาจารย์ คำดี ไปสร้างวัดป่าเวฬุวัน อำเภอปักธงชัย- วัดป่าสะแกราช อำเภอปักธงชัย ... ใต้พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ไปสร้างวัดป่าบ้านมะรุม อำเภอโนนสูง ... เหนือพระอาจารย์กงมา วัดป่าบ้านใหม่สำโรง หรือวัดสว่างอารมณ์ ที่อำเภอสีคิ้ว ... ตะวันตกหลวงปู่สิงห์ท่านเป็นผู้จัดการศพหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นปฏิปทาของหลวงปู่สิงห์ได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันมิได้ขาดตอนเช้าทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านจะนำคณะออกบิณฑบาตแผ่บุญกุศลแก่ญาติโยม หลังจากนั้นท่านจะทำการอบรมพระภิกษุสามเณรให้ปฏิบัติกรรมฐานทุกๆ วันมิให้ขาดตอนเย็นเมื่อกระทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ท่านจะอบรมธรรมะ แก้ปัญหาธรรมที่มีภิกษุสามเณรติดขัดจนเป็นที่เข้าใจตอนกลางคืนท่านจะให้พระภิกษุสามเณรนั่งสมาธิภาวนาทุกรูปพอตอนเช้าท่านก็จะเรียกพระภิกษุสามเณรที่ไม่ปฏิบัติกรรมฐานมาว่ากล่าวตักเตือนชี้ให้เห็นถึงความเสียหายต่าง ๆ จนเป็นที่ยำเกรงของคณะศิษย์ทุกรูปหลวงปู่สิงห์ฉันหนเดียว และฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตรตลอดชีวิต ท่านถือผ้าไตรจีวรสามผืนเป็นวัตรท่านถือผ้านิสีทนะปูนั่งเป็นวัตร คือจะนั่ง ณ ที่ใดก็ตาม ท่านด้องปูผ้านิสีทนะของท่านก่อนจึงจะนั่งทับลงไป(ผ้าปูรองนั่ง มีพระพุทธบัญญัติให้พระรู้จักรักษาไตรจีวรให้สะอาด โดยลาดผ้านิสีทนะก่อน แล้วจึงนั่ง ห้ามมิให้นั่งกับพื้นโดยไม่มีผ้าปู)การปฏิบัติต่าง ๆ หลวงปู่สิงห์ถือเคร่งครัดมากท่านละสังขารที่วัดป่าสาลวัน ด้วยโรดมะเร็ง พ.ศ. 2504หลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระราชสังวรญาณเกิดที่จังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2464 เมื่อท่านอายุได้ 4 ขวบ บิดา-มารดาถึงแก่กรรมญาติที่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร มารับท่านไป อุปการะพ.ศ. 2479 อายุได้ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณรได้ติดตามท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาธารธุดงค์ออกไปยังจังหวัดอุบลราชธานีเข้าพักที่วัดบูรพา และฝากตัว เป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์พร (พี่ชายของพระอาจารย์บุญ ชินะวังโส)ท่านพระอาจารย์พรเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ตอนนั้นท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่เสาร์สามเณรพุธจึงได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์เสาร์ และรับการอบรมทางด้านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นครั้งแรกหลวงพ่อพุธสอบได้นักธรรมเอก เมื่อมีอายุเพียง 18 ปีพระอาจารย์พรจึงได้ส่งสามเณรพุธ วัดปทุมวนาราม ไปยังกรุงเทพพ.ศ. 2485 ท่านจึงได้รับการอุปสมบท โดยมีท่านเจ้าคุณพระปัญญาพิศาลเถระ (หนู) พระอาจารย์ของท่านเป็น พระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "ฐานิโย"พ.ศ. 2487 เป็นสมัยสงครามเอเซียบูรพา ท่านได้อพยพ กลับไปจำพรรษาที่วัดบูรพา จังหวัดอุบลราชธานีและท่านได้อยู่จำพรรษา ที่วัดนี้ จนถึงปี พ.ศ. 2489ในระหว่างนั้นท่านได้เกิดอาพาธหนัก เป็น วัณโรคอย่างแรง จนหมอไม่รับรักษาในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ท่านพระ อาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดบูรพา ตามคำสั่งของ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) เช่นกันท่านพระอาจารย์ฝั้นสอนให้ ท่านตั้งใจเพ่งอาการ 32 โดยให้พิจารณาถึงความตายให้มากที่สุด ทั้งยัง คอยให้กำลังใจกับท่านตลอดเวลาท่านได้ดำรงตำแหน่งดังนี้ผู้ช่วยเจ้าคณะอำเภอวารินชำราบ เมื่อ พ.ศ. 2495เจ้าอาวาสวัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ พ.ศ. 2496เจ้าคณะอำเภอวารินชำราบ เมื่อ พ.ศ. 2500เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ พ.ศ. 2511เจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2513และในปี พ.ศ. 2535 ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น พระราชสังวรญาณหลวงพ่อพุธ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 ด้วยโรคมะเร็งในลำคอ รวมสิริอายุได้ 78 ปีคราวที่แล้วเล่าเรื่องวัดป่าศรัทธารวม วันนี้วัดป่าสาลวัน สองวัดธรรมยุตแรกในจังหวัดนครราชสีมา Create Date :20 เมษายน 2564 Last Update :12 มีนาคม 2566 16:50:19 น. Counter : 165 Pageviews. Comments :12 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก ตามมาไหว้พระด้วยคนครับ มีรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังด้วย โดย: คุณต่อ (toor36 ) 20 เมษายน 2564 15:57:43 น.มากราบพระอีกคนคราบ โดย: ทนายอ้วน 20 เมษายน 2564 19:59:37 น.ตามมาไหว้พระด้วยค่ะ โดย: เนินน้ำ 20 เมษายน 2564 20:36:50 น.ตามมาไหว้พระด้วยคนครับ อนุโมทนาสาธุครับ โดย: The Kop Civil 20 เมษายน 2564 22:07:25 น.ขอบคุณที่แบ่งปัน โดย: Kavanich96 21 เมษายน 2564 3:43:31 น.ได้ยินแต่เชื่อค่ะไม่เคยมาวัดนี้เลย โดย: อุ้มสี 21 เมษายน 2564 10:16:37 น.ขอบคุณพี่ตุ๊กที่พามาเที่ยวค่ะ โดย: หอมกร 21 เมษายน 2564 12:42:23 น.สวัสดีตอนค่ำๆ วันพฤหัสอีกครั้งครับขอบคุณสำหรับกำลังใจให้บล็อก - ครัวห้วยทราย ชะอำ ด้วยครับ โดย: ทนายอ้วน 22 เมษายน 2564 20:22:16 น.น่าสนใจครับ วัดธรรมยุกติกนิกายผมเองชินกับวัดในกรุงเทพ และไม่ไกลไปจากอยุธยานอกนั้นนี่ไม่มีความรู้เลยว่ามีที่ไหนบ้าง โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว 14 พฤษภาคม 2564 13:51:17 น.ไปน่าไหว้พระค่า โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 27 พฤษภาคม 2564 12:48:22 น. โดย: สมาชิกหมายเลข 2239055 16 พฤษภาคม 2565 15:23:04 น.Create Date : 20 เมษายน 2564Last Update : 7 มีนาคม 2565 15:31:28 น. ลบ Blog แก้ไข Blog 11 commentsCounter : 2344 Pageviews. โดย: tuk-tuk@korat 12 มีนาคม 2566 16:49:49 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 20 เมษายน 2564 15:57:43 น.
โดย: ทนายอ้วน 20 เมษายน 2564 19:59:37 น.
โดย: เนินน้ำ 20 เมษายน 2564 20:36:50 น.
โดย: The Kop Civil 20 เมษายน 2564 22:07:25 น.
โดย: Kavanich96 21 เมษายน 2564 3:43:31 น.
ไม่เคยมาวัดนี้เลย
โดย: อุ้มสี 21 เมษายน 2564 10:16:37 น.
โดย: หอมกร 21 เมษายน 2564 12:42:23 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้บล็อก - ครัวห้วยทราย ชะอำ ด้วยครับ
โดย: ทนายอ้วน 22 เมษายน 2564 20:22:16 น.
ผมเองชินกับวัดในกรุงเทพ และไม่ไกลไปจากอยุธยา
นอกนั้นนี่ไม่มีความรู้เลยว่ามีที่ไหนบ้าง
โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว 14 พฤษภาคม 2564 13:51:17 น.
โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 27 พฤษภาคม 2564 12:48:22 น.
โดย: สมาชิกหมายเลข 2239055 16 พฤษภาคม 2565 15:23:04 น.
Last Update : 7 มีนาคม 2565 15:31:28 น. ลบ Blog แก้ไข Blog 11 comments
Counter : 2344 Pageviews.
โดย: tuk-tuk@korat 12 มีนาคม 2566 16:49:49 น.