ชัยภูมิ - โบราณวัตถุ ... ใบเสมาทวารวดีวัดกุดโง้ง ต้องรีบเขียนต่อไม่รอช้า ก่อนจะลืมเลือนไปออกจากคอนสวรรค์บ่ายสี่โมงฟ้าครึ้มด้วยฝนแรกของฤดูกาลนี้วนลงมาทล. 2054 ด้านตะวันออกของชัยภูมิ ไปยังวัดกุดโง้ง ตำบลบุ่งคล้า อำเภอเใือง จังหวัดชัยภูมิปั้นแข่งกับฝนที่กำลังจะมาฝ่าฝูงวัว ... ตัวใหญ่ หรือหัวหน้าเขาจะคอยคุ้มกันให้ตัวที่อ่อนแอกว่าเสมอค่ะผ่านคูน้ำเข้าสู่เมืองในวัฒนธรรมทวารวดี กุดโง้งถึงแยกเลี้ยวขวาอ้อมหมู้บ้านไปจนถึงทางเข้าวัดชาวบ้านกลุ่มแรกที่มาอยู่มี 2 ครัวเรือนเข้ามาเมื่อ พ.ศ. 2450 จากอุบลราชธานีและต่อมามีคนอพยพเพิ่มเติมเข้ามา ... ตั้งบ้านที่บ้านกุดโง้งเพราะสูงกว่าที่อื่นและน้ำท่วมไม่ถึงเมื่อมาอยู่ก็พบว่ามีใบเสมาอยู่แล้ว ในหลาย ๆ จุด และได้รวบรวมมาไว้ที่วัด เท่าที่ย้ายได้ทวารวดีในอิสานมีลักษณะเฉพาะคือมี เสมา หรือ หินตั้ง สันนิษฐานว่า 1. แสดงเขตศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา ... ตั้งล้อมบริเวณใดบริเวณหนึ่งไว้2. ปักไว้เหนือหลุมศพเพื่อเป็นเครืองเซ่นหลุมศพ สันนิษฐานจากที่พบเสมาสลักเป็นรูปหม้อและเครื่องบายศรีเป็นชั้น ๆหรือเสมาที่ไม่มีรูปสลักใด ๆ อาจเป็นป้ายสุสานก็ได้3. เป็นการสร้างบุญกุศลอันเทียบเท่ากับการสร้างพระพุทธรูป หรือเจดีย์ อาจสลักเป็นรูปสถูป รูปธรรมจักร รูปชาดก รูปพระพุทธประวัติ เรียกแผ่นหินพุทธบูชาเสมาหรือแผ่นหินบูชาจากวัดกุดโง้ง ... อ่านตามที่ค้นมาผสมกับการสันนิษฐานเองหรือที่เรียกว่าเดาใบเสมารูปปฐมเทศนา ... จักกัปวัฒนสูตรอันประกอบด้วย พระพุทธเจ้าประทับสมาธิเพ็ชรเปล่งฉัพพรรณรังสี ... รอบพระวรกายพระหัตถ์ขวา นิ้วหัวแม่มือแตะกันกลมเป็นดั่งกงล้อ วิตรรกะมุทรา แสดงถึงการแสดงธรรม ต้นโพธิ ... พระสมณโคดมเท่านั้นที่ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์บัลลังก์ ... มีรูปดอกบัวแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์กวางหมอบ ... แสดงถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แปลว่า ป่าอันยกให้แก่หมู่กวาง สองข้างเห็นรูปบุคคล ยกมือไหว้เลือน ๆ ฝั่งซ้ายของภาพอาจเป็นหมู่เทวดามาพังธรรม และฝั่งขวาเกล้าผมแบบพราหมณ์อาจเป็นปัญจวัคคีย์เสมาเรื่อง วิทูรบัณฑิตมีฤาษี 4 ตนเป็นเพื่อนกันมาแต่ก่อนบวช ในฤดูฝนหนึ่งได้เข้ามาอยู่ในเมืองเดียวกันในเมืองนั้นมีเศรษฐี 4 คนเป็นเพื่อนกัน มีความเลื่อมใสในฤาษีทั้ง 4 จึงนิมนต์ฤาษีไปแต่ละตนไปบ้านแต่ละบ้านก่อนถึงเวลารับนิมนต์ ฤาษีทั้งสี่ได้ไปพักผ่อน 4 สถานที่คือ ดาวดึงส์... เทวดา เมืองบาดาล... นาค วิมาณฉิมพลี ... พญาครุฑ และในราชอุทยานของพระเจ้าธนญชัยโกรพเมื่อรับนิมนต์ ฤาษีแต่ละท่านได้เล่าให้เศรษฐีแต่ละคนฟังในที่ที่ได้ไปมา ทำให้เศรษฐีทำบุญแล้วปราถนาขอให้ได้สมบัตินั้น ๆเมื่อตายไป เศรษฐี่ 4 คนนั้นได้ไปเกิดเป็น พระอินทร์ในดาวดึงส์ , พญาวรุณนาค เมืองบาดาล , พญาครุฑ วิมานฉิมพลี และ พระราชโอรสของพระเจ้าธนญชัยโกรพ ชื่อโกรพกุมาร ครองเมืองต่อมาชื่อพระเจ้าโกรพด้วยชอบพอกันมาแต่ชาติก่อน วันหนึ่งทั้ง 4 ได้มาพบกันหลังจากออกจากการรักษาศีลในอุทยานพระเจ้าโกรพ จึงสนทนากันเรื่อง ใครมีศีลประเสริฐกว่ากันพญาวรุณนาคว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะอดกลั้นความโกรธได้ เพราะนาคเมื่อโกรธขึ้นมาและมองอะไรจะทำให้สิ่งนั้นไหม้เป็นจุลพญาครุฑว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะ อดกลั้นความอยากไว้ได้ เพราะครุฑพบนาคอันเป็นอาหารอันโอชาเมื่อไหร่จะต้องจับกินพระอินทร์ว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะอดกลั้นในกามคุณ สมบัติทิพย์ มารักษาศีล พระเจ้าโกรพว่า ศีลของตนประเสริฐที่สุดเพราะเห็นโทษของ กามคุณ จึงได้สละออกมารักษาศีลพระเจ้าโกรพจึงให้วิทูรบัณฑิตมาตัดสิน ได้ความว่าศีลของทั้ง 4 เสมอกัน มิได้ประเสริฐไปกว่ากันทั้ง 4 เกิดโสมนัสปีติยินดีจึงบูชาพระธรรมพระอินทร์ บูชาด้วยผ้าทิพย์ ,พญาครุฑบูชาด้วย ดอกไม้ทอง , นาคบูชาด้วย แก้วคล้องพระศอ , พระเจ้าโกรพทรงบูชาด้วย โคนมพันตัวเมื่อพญาวรุณนาค กลับเมืองบาดาล นางวิมาลามเหสีก็ถามถึงสร้องพระศอเมื่อทราบความก็อยากฟังธรรมบ้างจะขึ้นไปก็ขึ้นไม่ได้ ... ไม่รู้ว่าทำไมถึงขึ้นมาไม่ได้เนาะจึงแสร้งเป็นป่วย อยากกินหัวใจวิทูรบัณฑิต อิรันทตี ธิดาพญานาคจึงอาสาไปนำหัวใจมานางอิรันทตี ขึ้นมายังมนุษยโลก เหาะไปยังเขาสูงตกแต่งชะง้อนหินแห่งหนึ่งด้วยดอกไม้หลายหลาก ... เป็นฉากประดับประดาตนอย่างงดงาม ยืนฟ้อนรำขับร้องอยู่ยังสถานที่นั้น ... จัดแสดงพรรณนาถึงความงามของนางและความปรารถนาที่จะได้ดวงใจของเจ้าวิทูรบัณฑิตถ้าผู้ใดทำให้สำเร็จนางจะมอบตัวให้เป็นคู่ครองแล้วยักษ์ปุณณกะบินผ่านมา จึงเข้าอาสา ยักษ์ปุณณกะไปเล่นสกากับพระเจ้าโกรพ ชนะ ได้วิทูรบัณฑิตวิฑูรบัณฑิตได้ไปสั่งเสียที่บ้าน 3 วัน ระหว่างนั้นนั้นก็รับรองให้ยักษ์ปุณณกะพักอยู่ที่บ้านถึงเวลาเดินทางก็เกาะหางม้ายักษ์ปุณณกะไประหว่างทางยักษ์ปุณณกะไปพยายามฆ่าเพื่อเอาหัวใจหลาย ๆ วิธี แต่ทำอะไรวิทูรบัณฑิตไม่ได้ก็ชักม้ามายังภูเขาให้เจ้าวิทูรบัณฑิตนั่งบนยอดเขา จึงคิดจะฆ่าด้วยมือของตัวเองภาพชาดกสมัยยุคหลัง ๆ จะเขียนเป็นภาพยักษ์ปุณณกะ กำลังจับวิทูรบัณฑิตกำลังจะขว้างออกไปไกลถึง 15 โยชน์ แต่ก็ไม่ตายจนถึงตอนนี้ในภาพบุคคลในภาพก้มลงมอง นั่งมือวางบนตักแบบสมาธิ แสดงว่ากำลังฟัง บุคคลที่นั่งต่ำกว่าน่าจะก้มหน้า มือขวาจับเข่า เล่าแบบท้อใจ วิทูรบัณฑิตจึงถามเหตุผลที่ต้องการฆ่า ยักษ์ปุณณกะก็เล่าให้ฟังต่อจากนี้คือ วิทูรบัณฑิต ได้แสดงธรรมว่า 1. ให้เดินตามบุคคลผู้ก่อนนั้น คือผู้ใดมีคุณแก่ตน ก็พยายามตอบแทนผู้นั้น 2. อย่าเผามือชุ่มนั้น คือตนได้อาศัยในเรือนท่านผู้ใดด้วยกันไม่ประทุษร้ายท่านนั้น 3. อย่าประทุษร้ายมิตรนั้น คือท่านผู้ใดมีคุณแก่ตน พึงคิดตอบแทนให้จนได้ไม่คิดมุ่งร้ายเลย 4. อย่าลุอำนาจแก่ผู้ประกอบด้วยกามนั้น คืออย่าลุ่มหลงสตรี ทำความชั่วแล้วยักษ์ปุณณกะก็กลับใจ วิทูรบัณฑิตให้พาไปเมืองบาดาล ได้แสดงธรรมให้นางวิมาลา ยักษ์ปุณณกะแต่งงานกับอิรันทตี ใบสีมาคู่ สันตรงกลางเป็นปูรณกลศ อ่านว่าปู- ระ -นะ-กะ-ละ-สะ หรือ ปูรณฆฏะคือหม้อแห่งความมั่งคั่ง ใช้บรรจุน้ำเพื่อประกอบพิธีต่าง ๆ ใบเสมานี้ป้ายข้าง ๆ ว่าเป็นเรื่องเตมีย์ใบ้พระเตมีย์โอรสพระเจ้ากาสิกราช เมืองพาราณาสี เห็นพระราชบิดาตัดสินลงโทษนักโทษอย่างทารุณ จึงแกล้งทำเป็นใบ้หมอรักษาก็ไม่หาย เอาช้างมาแกล้งขุ่ก็ไม่ไหวหวั่น โหรทำนายว่าเป็นกาลกิณี จึงรับสั่งให้นายสุนันทะพาไปฝังเสียในป่า ... ในภาพมีต้นไม้จึงอ่านว่าเป็นป่าขณะกำลังขุดหลุมพระเตมีย์ก็แสดงให้นายสุนันทะเห็นว่าพระองค์มีร่างกายแข็งแรงดีได้ทรงสอนนายสุนันทะว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ไม่ควร ... ดูจากพระเตมีย์ประทับสมาธิเพ็ชร มือขวาทำวิตรรกะมุทรา หมายถึงแสดงธรรมแล้วพระเตมีย์ก็ทรงไปบำเพ็ญพรตในป่า ใครมาเชิญก็ไม่กลับเมืองใบเสมาอัมพชาดก ... อัมพ แปลว่ามะม่วงเกี่ยวกับความกตัญญูกตเวที ความรู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณเมื่อพระเทวทัตกล่าวว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า พระสมณโคดมมิใช่อาจารย์ ไม่ได้บวชให้เรา ทำให้ฌานเสื่อม ถูกธรณีสูบพระพุทธเจ้าจึงเล่าว่าเป็นอดีตของพระเทวทัตที่เกิดเป็นพราหมณ์ ได้ไปเรียนมนต์เสกมะม่วงจากอาจารย์วรรณจัณฑาลอาจารย์สั่งไว้ว่าถ้าใครถามว่าเรียนมาจากใครให้ตอบไปตามจรืง ไม่งั้นมนต์จะเสื่อมพราหมณ์ก็ได้ใช้มนต์นี้หาเลี้ยงชีพ จนวันหนึ่งคนรักษาพระราชอุทยานได้ซื้อไปถวายพระเจ้ากรุงพาราณสีในภาพพราหมณ์เกล้ามวยแบบนักบวชถือมะม่วงกำลังเสกมะม่วง กับพระเจ้าพาราณาสีต่อจากนี้คือพระเจ้ากรุงพาราณสีติดใจจึงถามว่าเรียนมนต์มาจากไหน พราหมณ์ตอบว่าจากสำนักทิศาปาโมกข์แห่งกรุงตักศิลาจึงเสกมะม่วงไม่ได้อีกต่อไปเพราะโกหกมนต์จึงเสื่อม จึงถูกเฆี่ยนและขับไล่ออกจากเมืองไปขออาจารย์สอนอีก อาจารย์ก็ไม่สอนให้ใบเสมาภาพบุคคล ยืนตริภังค์ ... ยืนเอียง เกล้ามวย บนมวย มีรูปสามเหลี่ยมคล้ายมีพระพุทธรูปประทับสมาธิ อยู่บนผมหรือชฎามุกุฎ แสดงว่าเป็นพระโพธิสัตว์พระพุทธรูปประทับสมาธิบนผมหรือชฎามุกุฎ หมายถึงพระอมิตาภะ สวมศิราภรณ์ แสดงสถานะเป็นกษัตริย์พระหัตถ์ขวาเชื่อว่าทำวิตรรกะมุทรา คือ แสดงธรรม พระหัตถ์ซ้ายถือวัตถุทรงกลมสูง คือ หม้อน้ำหรือแจกัน เป็นหม้อน้ำอมฤตที่พระอวโลกิเตศวรมีไว้ให้เปรตเพื่อดับกระหายยืนบนดอกบัวถ้าถือดอกบัวด้วยสักหน่อย เราว่า น่าจะเป็นพระอวโลกิเตศวร เพราะท่านจะถือหม้อน้ำและดอกบัวคำบรรยายทติดไว้ว่าเป็น พระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ นิกายเถรวาทในวัฒนธรรมทวารวดีจะนับถือพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัลป์ภัทรกัลป์แปลว่ากัลป์ที่ดี คือกัลป์ปัจจุบัน ตำนาน นางกาเผือกออกไข่มา 5 ฟอง ระหว่างที่นางไม่อยู่รังเกิดมีพายุพังรังหายไปนางกาเผือกก็ตรอมใจตายไข่กระจัดกระจายไปในที่ต่าง ๆ มีผู้เก็บไปฟักออกมาเป็นชายหนุ่ม 5 คนและออกบวชเป็นฤษีบำเพ็ญบารมีเพื่อได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตไข่ฟองแรกไปตกที่แม่ไก่ ... พระกกุสันธะพุทธเจ้าไข่ฟองที่สองไปตกที่นางนาค ... พระโกนาคมนะพุทธเจ้าไข่ฟองที่สามไปตกที่แม่เต่า ... พระกัสสปะพุทธเจ้าไข่ฟองที่สี่ไปตกที่แม่โค ... พระโคตมะพุทธเจ้า -ปัจจุบันพระพุทธเจ้าไข่ฟองสุดท้ายไปตกที่นางราชสีห์ ... พระอริยเมตไตรยะเสมาชาดกเรื่องมโหสถภาพเสมานี้คล้ายเสมาที่เมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ และวัดคอนสวรรค์ ชัยภูมิมโหสถเป็นบัณฑิตให้กับพระเจ้าวิเทหราช กรุงมิถิลาพระเจ้าจุลนีต้องการครอบครองเมืองมิถิลาจึงมีการออกอุบายเพื่อให้ได้มาแตที่สุดได้พ่ายแพ้แก่ปัญญาของมโหสถ และอยากให้มโหสถมาอยู่ด้วยเมื่อพระเจ้าวิเทหราช สิ้นพระชนม์ มโหสถจึงได้มาอยู่กับพระเจ้าจุลนีนางเภรี ปริพาชิกา หรือนักบวชหญิง ในเสมานี้จะเห็นผู้หญิงถักผมและเกล้ามวยแบบนักบวขได้ถามปัญหาด้วยเครื่องหมายแห่งมือจึงมองมโหสถ แล้วแบมือออก ... ถามว่าพระเจ้าจุลนีนำมโหสถมาจากเมืองอื่น ทรงทำนุบำรุงหรือไม่ได้ทำนุบำรุงมโหสถตอบด้วยการกำมือ ... ตอบว่าพระเจ้าจุลนียังไม่พระราชทานอะไรให้ในรูปคือตอนต่อไปนี้นางเภรีเข้าใจคำของมโหสถ จึงยกมือขึ้นลูบศีรษะของตน ... ถ้าท่านลำบาก ทำไม จึงไม่บวชเหมือนอาตมาเล่ามโหสถจึงลูบท้องของตน ... ตอบว่า มีบุตรภรรยาที่ต้องเลี้ยงดูอีกมากเสมาเรื่องปัญจาวุธชาดกพระเจ้าพรหมทัตได้ส่งโอรสไปเรียนวิชาที่ตักศิลาเมื่อสำเร็จอาจารย์ได้มอบอาวุธให้มา 5 อย่าง ... ปัญจอาวุธ ... คือ พระขรรค์ ธนู หอกซัด ขวาน ตะบองขณะเดินทางกลับได้เข้าไปในเขตป่าที่มียักษ์อยู่ยักษ์จะจับกิน พระโอรสก็ทรงซัดอาวุธใส่ยักษ์ ในเสมาน่าจะกำลังซัดพระขรรค์บุคคลด้านล่างมีตาโปน เป็นยักษ์แต่ยักษ์มีขนเหนียว ขว้างเข้าไปเท่าไหร่อาวุธก็ติดขนหมดจึงตัดสินใจพุ่งตัวเข้าไปประชิดตัวชกต่อย แขนขาก็ติดขนยักษ์ เอาหัวชน ก็ติดขนยักษ์อีกยักษ์สงสัยทำไมไม่กลัวโอรสตอบว่า เรามีวชิราวุธอยู่ในท้องของเรา ถ้าท่านกินเราเข้าไปไส้ของท่านก็จะขาดเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ ถึงซึ่งความตายไปกับเราด้วย โดยเหตุนี้เราจึงไม่กลัวท่าน ข้อที่พระราชกุมารนั้นกล่าวว่า มีวชิราวุธอยู่ในท้องนั้น หมายถึงปัญญาคืออาวุธแต่ยักษ์ไม่เข้าใจกลัวตายเลยปล่อยพระโอรสพระโอรสจึงสอนให้ยักษ์งดฆ่าสัตว์ และถือศีล 5 จะได้ไปเกิดในภพที่ดีกว่าเรื่องนี้สอนว่าจงสู้อย่ายอมแพ้ เสมาเรื่องภูริทัตชาดกพระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์ครองกรุงพาราณสี เกิดหวาดระแวงว่าโอรสจะยึดสมบัติจึงขับโอรสให้ออกจากเมืองโอรสไปตั้งบรรณศาลา แปลว่า ที่พำนักของผู้บำเพ็ญพรตมุงด้วยใบไม้ อยู่ระหว่างแม่น้ำยมุนา , มหาสมุทร และภูเขามีนาคหม้ายที่ต้องการมีคู่มาพบจึงอยู่กินกัน มีลูกสองคน ชายชื่อสาครพรหมทัต เพราะเกิดริมแม่น้ำ-หญิงชื่อสมุททชาเพราะเกิดริมมหาสมุทรพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต โอรสกลับไปครองเมืองพาราณสีนางนาคไม่ได้มาด้วยเพราะกลัวว่าถ้าเกิดโมโหแล้วจะทำลายล้างสิ่งที่มองอยู่เป็นจุลลูกสองคนไปอยู่ในเมืองก็ต้องมีสระโบกขรณีไว้ด้วยเป็นนาคต้องเล่นน้ำวันหนึงมีเต่าหลงเข้าไปในสระ ทำให้ลูกทั้งสองตกใจจึงถูกลงโทษให้โยนลงไปตรงน้ำวนของแม่น้ำยมุนาเต่าตกลงไปถึงเมืองนาค กำลังจะถูกฆ่าจึงออกอุบายว่าเป็นฑูตมาพบท้าวธตรฐ เพื่อทำมิตรธรรมกับท้าวธตรฐโดยยกนางสมุททชาให้ท้าวธตรฐส่งนาคไปรับ มีขัดกัน ขู่กันจนที่สุดก็ได้นางสมุททชามาทั้งสองมีบุตรชาย 4 ตน คือ สุทัสสนะ ทัตตะ สุโภคะ อริฏฐะวันหนึ่งทัตตะได้ตามท้าวราชวิรูปักข์ ... มหาราชของนาค ... ขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์บนสวรรค์ได้แก้ปัญหาที่ถกกันได้ พระอินทร์จึงตั้งชื่อให้ว่า ภูริทัตต แปลว่า ผู้มีปัญญาไพศาลดุจแผ่นดิน เมื่อได้เห็นสวรรค์ ภูริทัตตก็อยากเกิดเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์บ้าง จึงขอพระบิดาพระมารดาขึ้นมาบำเพ็ญศีลอยู่ที่โลกมนุษย์ โดยขดรอบจอมปลวกอยู่ใกล้ต้นไทรริมแม่น้ำยมุนา ได้ตั้งสัจจอธิษฐานว่า แม้ผู้ใดต้องการหนัง เอ็น กระดูก เลือดเนื้อของตน ก็จะยอมบริจาคให้ ขอเพียงให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ก็พอ วันหนึ่งมีพรานล่าเนื้อสองพ่อลูกพราหมณ์เนสาท และโสมทัตจากเมืองพาราณสี มาพบภูริทัตตจึงถามว่าเป็นใครภูริทัตตะก็ตอบไปตามจริง แล้วก็เห็นว่าพ่อพราหมณ์นั้นดูโหดร้าย กลัวจะไปพาหมองูมา จึงชวนให้ไปอยู่เมืองนาคทั้งคู่ไปอยู่ได้หนึ่งปีก็ขอกลับมายังโลกมนุษย์ ภูริทัตตะจึงให้ลูกแก้วมาด้วยเพื่อจะได้เนรมิตสิ่งต่าง ๆ จะได้ไม่แพร่งพรายเรื่องที่ภูริทัตตขึ้นมาบำเพ็ญศีลระหว่างทางพราหมณ์เห็นสระน่าอาบน้ำ จึงถอดเสื้อผ้าและเอาลูกแก้ววางไว้ ลูกแก้วก็จมดินไปยังบาดาล ตัดแช๊ปไยังอีกฉากครุฑตัวหนึ่งจับนาคเพื่อจะกินเป็นอาหารได้ จึงบินไปใกล้ต้นไทรที่มีฤาษีอยู่นาคเอาหางพันต้นไทร ครุฑก็ดึงทำให้ต้นไทรถอนรากมา เมื่อกินนาคแล้วก็เห็นต้นไทรก็จำได้ว่าเป็นที่อยู่ของฤาษีจึงแปลงเป็นคนกลับไปดู แล้วให้มนต์อาลัมพายน์บูขาแก่ฤาษีนั้น มีพราหมณ์หนีหนี้ออกจากเมืองไปอาศัยอยู่กับฤาษี ปรนนิบัติวัตถาก ฤาษีจึงสอนมนต์อาลัมพายน์ให้พราหมณ์อาลัมพายน์จึงลาฤาษีขณะเดินทางก็ท่องสยายมนต์ นาคสาวๆ ที่มาเล่นน้ำและเอาลูกแก้วมาด้วยได้ยินก็รีบมุดดินหนี นึกว่าครุฑมา จึงลืมลูกแก้วไว้พราหมณ์อาลัมพายน์จึงเก็บลูกแก้วไปพราหมณ์เนสาท และโสมทัต เห็นลูกแก้วในมือพราหมณ์ พราหมณ์เนสาทจึงขอซื้อพราหมณ์ก็ไม่ขายแทนที่จะไปขอลูกแก้วที่ภูริทัตตะใหม่ กลับชวนไปยังที่ภูริทัตตะถือศีลโสมทัตผู้ลูกจึงโกรธพราหมณ์เนสาทที่เนาคุณภูริทัตต จึงลาจากไปเมื่อถึงจอมปลวกก็ขอเอาลูกแก้วไว้เพื่อพราหมณ์จะได้จับนาคถนัดมือ พราหมณ์อาลัมพายน์โยนให้แต่ลูกแก้วตกลงดิน และก็จมกลับไปเมืองบาดาล ... อดพราหมณ์อาลัมพายน์จับนาคภูริทัตตะได้ดังภาพในเสมาต่อจากนี้คือจากวันนั้นพระนางสมุทชามารดาก็ฝันร้ายตลอดไปหาก็พบว่าพระภูริทัตตหายไปพี่น้องทั้งสามจึงปลอมเป็นดาบสไปตามหายังเมืองมนุษย์ส่วนพราหมณ์อาลัมพายน์เอาภูริทัตตะไปออกแสดงหาเงินจนวันหนึ่งนำไปแสดงต่อหน้าพระเจ้ากรุงพาราณสี สุทัสสนะตามมาเจอภูริทัตตะเห็นสุทัสสนะพี่ชายก็เข้าไปซบร้องไห้พราหมณ์อาลัมพายน์คิดว่าดาบสถูกนาคกัด ก็จะรักษาดาบสบอกว่าเป็นยิ่งกว่าหมองู จึงทำอันตรายท่านไม่ได้ ท่านรู้ว่านาคนี้ไม่มีพิษ และถ้าคนอื่นรู้ว่านาคไม่มีพิษ ก็คงไม่ให้ทรัพย์ต่อพราหมณ์อาลัมพายน์ต่อไปจึงท้าพราหมณ์อาลัมพายน์ว่าจะเอาพิษลูกเขียดมาสู้พราหมณ์อาลัมพายน์ถูกแค่ไอพิษกลายเป็นขี้เรื้อนด่าง จึงยอมปล่อยนาคราชพระเจ้ากรุงพาราณสีคือ สาครพรหมทัต ลุงของนาคทั้งสีนั้นเอง ... จบเสมานี้จารึกอักษร เขาว่า ภาษาปัลลวะ เสมาเรื่องพรหมนารทชาดกพระเจ้าอังคติราชเป็นกษัตริย์ซึ่งทรงทศพิธราชธรรมแห่งเมืองมิถิลา ไปหลงเชื่อคุณาชีวกกัสสปโคตร ว่าไม่มีบุญมีบาปสัตว์คน เสมอกัน จะได้ดีได้ชั่วก็มาเอง เวียนว่ายตายเกิด 84 กัปป์ก็บริสุทธิ์เอง พระนางรุจาราชธิดาจึงไปกราบไหว้เทวดาขอให้ปลดเปลื้องพระชนกนาถจากมิจฉาทิฏฐิ พระพรหม ... ใครที่อยู่สวรรค์ชั้นพรหม ก็เรียกพรหมทั้งหมด ... ชื่อนารทะ จึงแต่งกายแบบฤาษ๊ ใส่ชฏา ปักปิ่นทอง คานหาบทอง สาแหรกทอง คณโฑแก้วประพาฬ เหาะลงมาสู่ปราสาท ดังภาพในใบเสมาต่อไปคือพระเจ้าอังคติราช ซักถามว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาพระพรหมนารท ตอบว่ามาจากพรหมโลก ชื่อนารทะพระเจ้าอังคติราชถามว่าทำไมมีฤทธิ์ยืนบนอากาศได้ พระพรหมนารท ตอบว่า ภพก่อนได้ประพฤติคุณธรรม 4 ประการนี้คือ สัจจะ ธรรมะ ทมะ จาคะ จึงไปไหนได้ตามความปรารถนา พระเจ้าอังคติราชก็ยังไม่เชื่อเรื่องบุญ เทวดา มารดาบิดา ปรโลก ว่ามีอยู่จริง ถึงกับขอยืมทรัพย์ 500 ตำลึงและจะคืนให้ 1000 ตำลึงในปรโลก พระพรหมนารท ตอบว่า ถ้ารู้ว่ามหาบพิตรทรงมีศีล ก็จะให้มหาบพิตรทรงยืมสัก 500 ตำลึงแต่มหาบพิตรหยาบช้า เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว จะต้องไปอยู่ในนรก ใครจะไปได้ทรัพย์คืน เพราะคงเบี้ยวหนี้และขู่ต่อว่าใครจะไปทวงทรัพย์ถ้า ผู้ตกอยู่ในนรก ถูกฝูงกา ฝูงแร้ง ฝูงสุนัข รุมกัดกิน ตัวขาด กระจัดกระจาย เลือดไหลโทรม อยู่ในสถานที่ที่มีแต่ความมืดมิดสุดท้ายพระเจ้าอังคราชก็ละมิจฉาทิฏฐิ เสมานี้วาดยากที่นี่ แบบนี้และอิ่มตา อิ่มใจ ที่ได้ไปเยือน Create Date :07 กันยายน 2562 Last Update :23 เมษายน 2566 10:58:04 น. Counter : 417 Pageviews. Comments :23 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก รีบเขียนก็รีบอ่านจ้าาาก่อนจะมั่วๆแล้วไม่ทันได้เห็นตามบ้านนี้ไปเที่ยวไม่ผิดหวังไม่ลืมแวะให้ลูกทัวร์แวะอิ่มทั่วไทยด้วยเนอะ แต่วันนี้ไม่ได้อิ่มท้องจิ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 7 กันยายน 2562 11:48:23 น.อ่านนิทานชาด. จากท่านประธาน เสียจนตาลาย..อาจจะต้องแบ่งกลับมาอ่านกันทีละตอน ทีละตอน เนื่อหามากจริงๆมิฉนั้นจะมั่วไปแน่ๆ อิ อิตอนนี้จำได้แค่พระเจ้า 5 พระองค์ มาจากไข่ลอยน้ำ เท่านั้นครับ 555 โดย: พายุสุริยะ 7 กันยายน 2562 11:50:11 น.ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ โดย: เริงฤดีนะ 7 กันยายน 2562 12:18:53 น.ขอบคุณครับสำหรับเรื่องเสมาชาดก ไม่เคยอ่านมาก่อนเลยครับ โดย: จันทราน็อคเทิร์น 7 กันยายน 2562 12:56:54 น.ร้านโอชารสเลยเหรอก็เล่นซะหลายถ้วยเลยจิคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 7 กันยายน 2562 14:49:43 น.งานพุทธศิลป์ในสมัยโบราณมีความสวยงาม ส่วนหนึ่งอาจเพราะตั้งใจทำด้วยศรัทธานะครับสร้างงานอย่างตั้งใจ ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงคุณค่าอยู่เสมอครับ โดย: กะว่าก๋า 7 กันยายน 2562 15:47:18 น.ขนาดวาดเส้นไว้ให้ดูยังดูไม่ค่อยออกเลยค่ะไปอิสานเจอน้ำท่วมหรือเปล่าคะขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ โดย: วลีลักษณา 7 กันยายน 2562 17:52:38 น.บ้านกุดโง้ง นี่ อ.เต๊ะ เคยอ่านเจอว่า เป็นชุมชนโบราณ เคยขุดค้น เจอใบเสมามากมาย บางแผ่นยังฝังอยู่ในท้องนา ไม่ได้เอาขึ้นมาไม่ไหวก็มี เพราะแผ่นใหญ่มากที่น่าสนใจก็คือ โบราณวัตถุต่างๆ เผลอๆอาจจะมีทรัพย์สมบัติ ถูกฝังไว้บ้างแหละนะครับคุณตุ๊กบอก เออ ข้าก็คิดแบบเอ็ง แต่วันนั้น ข้า 2คน ช่วยกันขุดหา จนหน้ามืดยังไม่เจอ ฝนก็จะตกเลย ข้าเลยรีบกลับก่อน คราวหน้าข้าจะไปแก้มือใหม่ เย้ย 555ส่วน ใบเสมาที่มี บายศรี บูชาชุดใหญ่ ที่อ.เต๊ะ อ่านเจอ เค้าบอกว่า ชาวบ้านนับถือ กันว่าเป็น พ่อปู่เทพ ชาวบ้านเคารพและศรัทธามาก มีพิธีสักการะบูชาประจำทุกปีเลยนะครับ โดย: multiple 7 กันยายน 2562 18:21:36 น.ตามไปเที่ยวกับคุณตุ๊กค่ะ โดย: Tui Laksi 7 กันยายน 2562 21:28:58 น.ตวยมาแอ่วกับปี้ตุ๊กเจ้าวัตถุโบราณนักขนาดเน้อ โดย: JinnyTent 7 กันยายน 2562 21:31:51 น.ถ้าไม่มีข้อมูลนี่ดูแปบๆ กลับแน่นอนครับ เพราะไม่รู้ว่าต้องสังเกตอะไรตรงไหน อย่างไรช่วงฝนล่ะนะ ไปไหนก็เจอแต่ฝน โดย: คุณต่อ (toor36 ) 7 กันยายน 2562 23:15:30 น.อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตุ๊ก โดย: กะว่าก๋า 8 กันยายน 2562 6:35:01 น.tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blogครึ้มจนภาพดูมืดไปเลยนะคะพี่ตุ๊ก โดย: หอมกร 8 กันยายน 2562 12:23:01 น.โคราช มีโอกาสต้องไปแก้มือ อีกซักรอบละครับ คราวที่แล้วรีบ ยังดูไม่ทั่วเลยครับขอบคุณสำหรับโหวต และที่แวะไปดู อ.เต๊ะ คุยกับนกด้วยนะครับ 555 โดย: multiple 8 กันยายน 2562 19:48:39 น. ได้ความรู้มากมาย พี่ตุ๊กดูลายเสมาเก่งและแปลออก เก่งมากๆค่ะ โดย: mcayenne94 8 กันยายน 2562 20:16:13 น. โดย: กะว่าก๋า 8 กันยายน 2562 22:40:50 น.สวัสดียามเช้าครับพี่ตุ๊ก โดย: กะว่าก๋า 9 กันยายน 2562 6:23:53 น.มาเกาะขอบเวทีติดตามการเดินทางเชิงวัฒนธรรม น่าสนใจทั้งนั้นเลยครับ โดย: Insignia_Museum 9 กันยายน 2562 12:40:45 น.ตะก่อนผมก็บ่าใค่ฮู้เรื่อง ใบเสมา ซุ้มประตูจนกระทั่งได้ไป เมือง ทวารวดีที่ ปราจีนบุรีไปล่องแก่ง..หินเพลิงเกยหันหินแกะสลัก คนโบราณเปิ้นมีความคิดริเริ่มนักเหมือนกั๋น..น่าจะเป็นคนมีสตางค์กับบริวารนักตวยเนาะหันคุณตุ๊กค้นคว้ามา แสดงว่าชอบโบราณคดี กับแป๋งเขี้ยวฮื่อคนอื่นเนาะ โดย: ไวน์กับสายน้ำ 9 กันยายน 2562 15:37:33 น.ขอบคุณครับพี่ตุ๊ก โดย: กะว่าก๋า 9 กันยายน 2562 19:26:54 น.Yes, good opportunityใช่แล้วโอกาสดีI hurriedly accepted it.ผมจึงรีบรับเอาไว้History of the studyประวัติศาสตร์ที่หน้าศึกษาThanks for sharingขอบคุณที่แบ่งปัน โดย: ลุงแอ็ดคิดถึงอดีตที่ผ่านมา (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) 9 กันยายน 2562 23:54:16 น.สวัสดียามเช้าครับพี่ โดย: กะว่าก๋า 10 กันยายน 2562 6:23:36 น.Create Date : 07 กันยายน 2562Last Update : 7 มีนาคม 2565 15:33:12 น. ลบ Blog แก้ไข Blog 22 commentsCounter : 3219 Pageviews. โดย: tuk-tuk@korat 23 เมษายน 2566 10:57:24 น.
ก่อนจะมั่วๆแล้วไม่ทันได้เห็น
ตามบ้านนี้ไปเที่ยวไม่ผิดหวัง
ไม่ลืมแวะให้ลูกทัวร์แวะอิ่ม
ทั่วไทยด้วยเนอะ แต่วันนี้ไม่ได้
อิ่มท้องจิ
โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 7 กันยายน 2562 11:48:23 น.
อาจจะต้องแบ่งกลับมาอ่านกันทีละตอน ทีละตอน เนื่อหามากจริงๆ
มิฉนั้นจะมั่วไปแน่ๆ อิ อิ
ตอนนี้จำได้แค่พระเจ้า 5 พระองค์ มาจากไข่ลอยน้ำ เท่านั้นครับ 555
โดย: พายุสุริยะ 7 กันยายน 2562 11:50:11 น.
โดย: เริงฤดีนะ 7 กันยายน 2562 12:18:53 น.
โดย: จันทราน็อคเทิร์น 7 กันยายน 2562 12:56:54 น.
ก็เล่นซะหลายถ้วยเลยจิคะ
โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 7 กันยายน 2562 14:49:43 น.
มีความสวยงาม ส่วนหนึ่งอาจเพราะตั้งใจทำด้วยศรัทธานะครับ
สร้างงานอย่างตั้งใจ
ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
ก็ยังคงคุณค่าอยู่เสมอครับ
โดย: กะว่าก๋า 7 กันยายน 2562 15:47:18 น.
ไปอิสานเจอน้ำท่วมหรือเปล่าคะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
โดย: วลีลักษณา 7 กันยายน 2562 17:52:38 น.
ที่น่าสนใจก็คือ โบราณวัตถุต่างๆ เผลอๆอาจจะมีทรัพย์สมบัติ ถูกฝังไว้บ้างแหละนะครับ
คุณตุ๊กบอก เออ ข้าก็คิดแบบเอ็ง แต่วันนั้น ข้า 2คน ช่วยกันขุดหา จนหน้ามืดยังไม่เจอ ฝนก็จะตกเลย ข้าเลยรีบกลับก่อน คราวหน้าข้าจะไปแก้มือใหม่ เย้ย 555
ส่วน ใบเสมาที่มี บายศรี บูชาชุดใหญ่ ที่อ.เต๊ะ อ่านเจอ เค้าบอกว่า ชาวบ้านนับถือ กันว่าเป็น พ่อปู่เทพ ชาวบ้านเคารพและศรัทธามาก มีพิธีสักการะบูชาประจำทุกปีเลยนะครับ
โดย: multiple 7 กันยายน 2562 18:21:36 น.
โดย: Tui Laksi 7 กันยายน 2562 21:28:58 น.
วัตถุโบราณนักขนาดเน้อ
โดย: JinnyTent 7 กันยายน 2562 21:31:51 น.
ช่วงฝนล่ะนะ ไปไหนก็เจอแต่ฝน
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 7 กันยายน 2562 23:15:30 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตุ๊ก
โดย: กะว่าก๋า 8 กันยายน 2562 6:35:01 น.
ครึ้มจนภาพดูมืดไปเลยนะคะพี่ตุ๊ก
โดย: หอมกร 8 กันยายน 2562 12:23:01 น.
ขอบคุณสำหรับโหวต และที่แวะไปดู อ.เต๊ะ คุยกับนกด้วยนะครับ 555
โดย: multiple 8 กันยายน 2562 19:48:39 น.
โดย: mcayenne94 8 กันยายน 2562 20:16:13 น.
โดย: กะว่าก๋า 8 กันยายน 2562 22:40:50 น.
สวัสดียามเช้าครับพี่ตุ๊ก
โดย: กะว่าก๋า 9 กันยายน 2562 6:23:53 น.
โดย: Insignia_Museum 9 กันยายน 2562 12:40:45 น.
จนกระทั่งได้ไป เมือง ทวารวดีที่ ปราจีนบุรี
ไปล่องแก่ง..หินเพลิง
เกยหันหินแกะสลัก คนโบราณเปิ้นมีความคิด
ริเริ่มนักเหมือนกั๋น..น่าจะเป็นคนมีสตางค์
กับบริวารนักตวยเนาะ
หันคุณตุ๊กค้นคว้ามา แสดงว่าชอบโบราณ
คดี กับแป๋งเขี้ยวฮื่อคนอื่นเนาะ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ 9 กันยายน 2562 15:37:33 น.
โดย: กะว่าก๋า 9 กันยายน 2562 19:26:54 น.
ใช่แล้วโอกาสดี
I hurriedly accepted it.
ผมจึงรีบรับเอาไว้
History of the study
ประวัติศาสตร์ที่หน้าศึกษา
Thanks for sharing
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: ลุงแอ็ดคิดถึงอดีตที่ผ่านมา (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) 9 กันยายน 2562 23:54:16 น.
สวัสดียามเช้าครับพี่
โดย: กะว่าก๋า 10 กันยายน 2562 6:23:36 น.
Last Update : 7 มีนาคม 2565 15:33:12 น. ลบ Blog แก้ไข Blog 22 comments
Counter : 3219 Pageviews.
โดย: tuk-tuk@korat 23 เมษายน 2566 10:57:24 น.