bloggang.com mainmenu search




งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปีนี้เริ่มขึ้นแล้วค่ะ และมีไปจนถึงวันที่ ๖ เมษายน ที่จะถึงนี้
จะว่าไป งานครั้งนี้เริ่มต้นด้วยความโชคร้ายของตัวเองกับเรื่องของสุขภาพที่ย่ำแย่สะสมกันมานาน ก็ได้ฤกษ์ตัดริบบิ้นไปหาคุณหมอมาเรียบร้อยเช่นกัน เมื่อวานก็รีบไปงานหลังจากโดนคุณหมออัดยาแก้ปวดมาให้ พออยู่ไปนานๆ ยาแก้ปวดหมดฤทธิ์ก็ต้องพักแล้วกลับบ้านก่อนที่จะหนักไปกว่านี้่....ต้องบอกว่าไม่เคยสะบักสะบอมเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆค่ะ

ปีนี้คงไม่ได้ไปงานหลายวันอย่างที่เคยทำมาเพราะคงไม่เหลือสภาพไปยืนอยู่ได้ทั้งวันค่ะ แต่แค่ไปวันเดียวก็เกิดความรู้สึกประทับใจขึ้นมากมาย ต้องบอกว่า ช่วงเวลาที่มีความหมายของตัวเองที่สุดจะเรียกว่าช่วงเวลานี้ก็เป็นได้ค่ะ เพราะจะได้รับเสียงสะท้อนจากคนอ่านโดยตรง ชอบ ไม่ชอบ เกลียด ชัง รัก ก็จะมาตรงนี้ ซึ่งแน่นอน คนอย่างวรรณวรรธน์ อยากฟังเสียงของคนอ่านทุกคน...ขออย่างเดียว...ขอให้อ่านจริงๆนะคะ ช่วยอ่านด้วยเถิดค่ะ ขอแค่เท่านั้น ที่สำคัญคือต้องขอขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ยังติดตามงานของ วรรณวรรธน์

เมื่อวานนี้ มีภาพน่ารักหลายๆอย่าง เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน กลายเป็๋นประทับใจคนเขียนงานตัวเล็กๆคนหนึ่งที่อยากมาทำงานตรงนี้อย่างที่สุด อย่างเช่นตอนที่เดินหมดแรงอยู่ที่แคนทีนริมพลาซ่าตามลำพัง ก็มีเพื่อนคนหนึ่งเดินมาจับแขน แล้วก็บอกว่า "ทำไมไม่ออกหนังสือเลยคะ งานนี้" พอเห็นก็คลับคล้ายคลับคลา่ว่าเป็นเพื่อนนักอ่านนี่เอง ตอนนั้นถึงกับอ้ำอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีคนจำหน้าได้ท่า้มกลางผู้คนล้านเจ็ดในศูนย์ประชุมสิริกิติ์นี้นะค่ะ เลยต้องบอกขอโทษไปจริงๆว่าหนังสือออกงานสัปดาห์นี้ไม่ทัน เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ชีวิตประสบชะตากรรมระหกระเหินเกินกว่าจะแบ่งเวลาไปเขียนงานได้ ก็เลยกระทบยาวมาถึง้สัปดาห์หนังสือครั้งนี้

พอเดินมาที่บู้ท ก็มีคนมาสอบถามเยอะจริงๆว่าทำไมหนังสือไม่ออกใหม่ ก็ต้องสารภาพอย่างละอายใจกับทุกคนว่าขอเลื่อนไปก่อนค่ะ และตั้งใจว่าไม่น่าพลาดในช่วงเดือนกรกฏาคม บางท่านก็บ่นเหมือนกันว่าไม่มีอะไรใหม่ให้อ่าน
แต่ที่เป็นน้ำเย็นลูบหัวใจคนเขียนได ้คือมีท่านหนึ่ง บอกว่า "ไม่ต้องรีบนะคะ....ไม่ต้องรีบ ค่อยๆเขียนออกมาก็ได้ เพราะงานของคุณจะได้ออกมาดี อย่างไรก็จะอ่าน" โห....สองมือกราบขอบคุณเลยค่ะ

อีกท่านหนึ่ง...เดินมาจ้องหน้าที่บู้ทแล้วก็บอกตัวอาการดีใจ บอกว่า
"คุณวรรณวรรธน์คะ ได้อ่าน "ข้าบดินทร์" แล้วค่ะ...ดีมาก ดีมากๆๆ คนที่รักชาติอยู่แล้วยิ่งรักชาติรักแผ่นดินอีกร้อยเท่า อยากให้เด็กๆมาอ่านเรื่องนี้กันเยอะๆ"

ท่านพูดย้ำแต่คำว่า "ดี" หลายครั้งมาก จนตัวเองรู้สึกว่า "ดี" ไปด้วยจริงๆ จนยกมือกราบขอบพระคุณจริงๆจากหัวใจ
ทราบไหมคะในหัวอกคนเขียนงานคนหนึ่งที่รับฟังเสียงนี้ความรู้สึกในวินาทีนั้นมันเป็นอย่างไร อยากบอกว่า...เสี้ยววินาทีนั้นความทุกข์ทรมานในช่วงเวลาที่เขียนนิยายเรื่อง"ข้าบดินทร์" ตลอดปีเต็มๆหายไปหมดสิ้นเลยค่ะ มันได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าแล้ว นั่นคือ คำพูดจากท่านผู้อ่านคนนี้เอง จริงๆ

จะมีสักกี่ท่านทราบมากว่า "ข้าบดินทร์" เป็นนิยายที่เกิดจากน้ำตาของคนทำงานที่สาหัสสากรรจ์มาก สารภาพตามตรงว่าตลอดเวลาที่เขียนนิยายมา เรื่องนี้ทั้งท้อ ทั้งเหนื่อย จะเลิกเขียนอาชีพเพราะเรื่องนี้ก็หลายหน หนึ่งปีเต็มที่กัดฟันอยู่กับข้อมูล อยู่ในห้องสมุดร้องไห้กับหนังสือเกือบทุกครั้งที่เปิดออกอ่าน เพราะข้อมูลจากพงศาวดารกับเล่มที่ถูกคัดลอกตามกันออกมา บ้างก็ไม่ตรงกัน บ้างก็แย้งกัน บ้างก็ไม่อาจนำมาสานต่อได้ ไม่ว่าเป็นเรื่องของ ศักราชและข้อเท็จจริง ตอนนั้นรู้สึกแต่เพียงว่า มันต้องเขียน ต้องทำให้สำเร็จ โดยที่รู้ว่าผลตอบแทนก็เท่าเดิม ค่าตอบแทนก็แบบเดิมเหมือนกับนิยายเรื่องอื่นของคนอื่น การรีไรท์ครั้งสุดท้ายนั้น ทำไปทั้งที่ไมเกรนขึ้นเลยค่ะ ตาพร่าอาเจียนแต่ก็นั่งแก้ไขหมดตั้งแต่บรรทัดแรกจนบรรทัดสุดท้ายก่อนส่งโรงพิมพ์

แต่ว่า....เพื่อตรงนี้ไงคะ...นี่ คือผลที่ตัวเองอยากได้รับ

แล้วก็พอได้รับสิ่งที่รอมา....คนเขียนถึงต้องมานั่งร้องไห้อยู่หน้าแป้มคอมเวลานี้...ผลตอบแทนที่ตัวเองใฝ่ฝันเหลือเกิน จากการเฝ้าเขียนหนังสือมาตลอดหลายปี พอได้รับฟังต้องบอกกับตัวเองว่า "ข้าบดินทร์" เอ๋ย... สิ่งที่ตั้งใจทำ สิ่งใฝ่ฝันไว้นั้น ได้รับแล้ว จากเสียงตอบรับคนอ่าน คำนี้คำเดียวจริงๆ คือที่ี่คนอ่านเพียงคนเดียว ที่ได้ี่เดินมาบอก ว่า "ดี"

แล้วที่ตามมาก็คือ คนอ่านอยากอ่านงานแบบนี้อีก...มีคนสอบถามภาคต่อของ "ข้าบดินทร์" เยอะ จนรู้สึกเกินความคาดหมายจริงๆนะคะ....เพราะไม่คิดว่ายังมีนักอ่านที่ชอบอ่านงานแนวพีเรียดอิงประวัติศาสตร์หนักๆแบบนี้ เลยต้องบอกแผนไปว่าภายในสองปีนี้จะมีอิงประวัติศาสตร์ อีกสองเรื่องค่ะ แต่คอนเซปต์เดียวกับข้าบดินทร์ มีเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องมีข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่ได้วางโครง เพราะคงต้องติดต่อขอติดต่อกับอาจารยประวัติศาสตร์์ที่เนเธอร์แลนด์ก่อน

...เป็นเรื่องปกติค่ะ นิยายของ วรรณวรรธน์ ต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่เสมอ ทำให้ยุ่งยากเข้าว่า เพราะงานที่ออกมาต้องหนักด้วยข้อมูลแต่แน่นด้วยน้ำตาลค่ะ

สรุปว่า....งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาิติคราวนี้ แม้จะไม่ได้ไปงานอีกเพราะคนเขียนมีปัญหาสุขภาพ.....แต่คนอ่านทุกท่าน ยังมีความหมายกับคนเขียนเสมอ และทุกอย่างที่ทำก็เพื่อเสียงสวรรค์จากคนอ่านที่ทำให้คนเขียนงานคนนี้ยังกัดฟันนั่งค้นข้อมูลและกลั่นสมองเพื่อทำออกมาเป็นงาน
ไขว่คว้าหาคำว่า "ดี" ออกมาจากคนอ่านอีกให้จงได ้

ขอบพระคุณคนอ่าน และ ขอบพระคุณงานสัปดาห์หนังสือ ที่ทำให้้คนเขียนงานอีกคนหนึ่ง เลิกท้อ และยังไม่ถอดใจไปกับผลตอบแทนที่ได้รับจากการประกอบอาชีพนี้ค่ะ


Create Date :28 มีนาคม 2551 Last Update :23 กันยายน 2551 5:16:28 น. Counter : Pageviews. Comments :43