The Druk Gyalpo พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุก ประสูติเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1955 ใน พระราชวัง Dechenchholing เมืองทิมพู ประเทศราชอาณาจักรภูฏาน จากนั้นได้เข้ารับการศึกษาภายในประเทศ และ ประเทศสหราชอาณาจักร
ต่อมาในปี 1972 เจ้าชายจิกเม่ สิงหเย วังชุก ได้เข้ามาศึกษาเกี่ยวกับพระราชภาระกิจตามพระบัญชาของพระบิดา พระเจ้า จิกเม่ ดอร์จี วังชุก และได้รับการสถาปนาเป็นมกุฏราชกุมาร จากนั้นเพียงไม่กี่เดือน พระเจ้าจิกเม่ ดอร์จี วังชุก ได้เสด็จสวรรคต เจ้าชายจิกเม่ สิงหเย วังชุก จึงได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดา บริหารประเทศภายใต้ผู้แทนพระองค์
สองปีต่อจากนั้น ในปี 1974 พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุก จึงได้ทำพิธีขึ้นครองราชสมบัติแห่งประเทศราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ
ในปี 1979 พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุกได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสอย่างไม่เป็นทางการกับ เจ้าหญิงสี่พระองค์ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
ต่อมาในปี 1988 จึงได้มีการจัดพิธีอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการอีกครั้งพร้อมแต่งตั้งพระชายาเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฎานทั้งสี่พระองค์ และ แต่งตั้ง เจ้าชายจิกมี เคซาร์ นัมเกล วังชุก พระโอรสองค์โต เป็นมกุฏราชกุมาร
ในพระราชพิธีอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการที่เปิดเผยต่อชาวโลกครั้งนี้เอง เป็นครั้งแรกที่ผู้คนได้รับทราบว่า พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุก ทรงประทับอยู่ ณ เรือนหลังเล็กส่วนพระองค์ แยกต่างหากจากพระราชินีทั้งสี่ ซึ่งมีพระราชวังของพระองค์เองทั้งสี่พระองค์ และ มิได้พำนักในพระราชวัง Tashichhodzong อันงดงามแห่งเมืองทิมพู แต่จะเสด็จไปพำนักตามพระราชวังทั้งหลายเป็นครั้งคราว
ทฤษฎีหลักที่พระเจ้าจิกเม สิงหเย วังชุก ทรงประกาศยึดถือเป็นหลักในปกครองประเทศแห่งดินแดนหิมาลัยแห่งนี้ เป็นที่ทราบกันดีคือ หลักเกณฑ์ "Gross National Happiness" หรือ GHP ที่ตรงกันข้ามกับการวัดระดับความเจริญของประเทศตามแบบประเทศตะวันตกด้วย "Gross National Product" หรือ GDP "Gross National Happiness" หรือ GHP นี้คือ หลักการวัดการพัฒนาของประเทศจากความสุขมวลรวมของประชาชาติ ระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและคงรักษาจิตวิญญาณวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศไว้
ประการสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้พระองค์เป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวภูฏานและทำให้ข้าราชการภายในประเทศยำเกรง นั่นคือการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตัวพระองค์ได้อย่างไม่ถือพระองค์ ในการทำเรื่อง "การทูลเกล้าถวายฎีการ้องทุกข์" ด้วยเหตุนี้ ทำให้ประชาชนชาวภูฏานมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์และสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด
นับแต่ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 1972 เป็นต้นมา พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุก ประเทศภูฏานได้รับการพัฒนาทางเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการเพิ่มพูนรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ
ในปี 1988 ได้ทรงเน้นย้ำถึงความเป็นประเทศชาติวัฒนธรรมอันเข้มแข็งของชาวภูฏาน ตามหลักการของพระองค์ พระองค์ประกาศหลักการให้ประชาชนชาวภูฏานแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ คือผู้ชายต้องสวมชุด โค Kho และผู้หญิงสวมชุด Kira และกำหนดให้มีการสอนภาษา Dzongkha อันเป็นภาษาประจำชาติในโรงเรียนทั่วประเทศ
ในปี 1998 ทรงปรับเปลี่ยนระบอบการบริหารราชการแผ่นดิน ที่เดิมทีทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาด Absolute Power มาเป็นการบริหารราชการแผ่นดินผ่านคณะที่ปรึกษาราชการแผ่นดินของพระองค์ (the Council of Ministers ) อาทิ การบริหารทางด้านการปกครองท้องถิ่น
และในปี 2003 นี่เองที่ประเทศราชอาณาจักรภูฏานได้ดำเนินการทางทหารขับไล่ผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ จนกลายเป็นปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนกับทางสหประชาชาติ ที่ทำให้พระองค์ต้องเดินทางระหว่างประเทศบ่อยครั้ง เพื่อหาจุดยืนบางประการเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
ปี 2005 ได้ทรงจัดทำร่าง รัฐธรรมนูญของประเทศราชอาณาจักรภูฏานขึ้นมา และกำหนดประกาศให้มีผลบังคับใช้ในปี 2008 โดยจะเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศภูฏาน จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปัจจุบัน เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
นอกจากนั้นพระองค์ได้สร้างความประหลาดใจแก่ชาวโลก ในปี 2005 ที่ผ่านมา ที่ทรงประกาศจะสละราชสมบัติในปี 2008 โดยให้ เจ้าชายจิกเม เคซาร์ นัมเกล วังชุก มกุฏราชกุมาร เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ในขณะนี้รัฐบาลประเทศภูฏานจึงได้มีการรณรงค์เรื่องการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนชาวภูฏานมีความคุ้นเคยกับการใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบการปกครองแบบใหม่ ให้ทันเวลาภายในสองปีข้างหน้า
จะเห็นได้ว่า ตลอดรัชสมัย 34 ปีที่ทรงครองราชย์ การบริหารประเทศราชอาณาจักรภูฏานมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยพระองค์ทรงใช้หลักการในการ ทดลอง experiment มาใช้ในการปกครองประเทศ ไม่เคยหยุดนิ่ง
นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงเล็งเห็นเส้นทางการพัฒนาของประเทศในแง่มุมของการลงทุนระหว่างประเทศ อินเดียกับภูฏาน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและสนุบสนุนกันอย่างแน่นแฟ้น อินเดียให้ความร่วมมือทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา หรือแม้แต่ความช่วยเหลือทางทหารต่อประเทศเล็กๆแห่งหิมาลัยประเทศนี้
ในวันที่ 27 กค. 2006 พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุก ได้เสด็จไปลงนามเพื่อต่อสัญญาเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านพลังงานกับทางประเทศอินเดียอีกสิบปี หลังจากสัญญาฉบับดังกล่าวได้สิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ภายหลังจากการประกาศสละราชสมบัติในปี 2008 ประเทศรอบข้างควรจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของประเทศราชอาณาจักรภูฏานอย่างระมัดระวัง ในจังหวะการก้าวลงจากบัลลังก์มังกรสายฟ้าของพระมหากษัตริย์ผู้เปรียบเสมือนรัฐบุรุษ และ ทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพเฉียบแหลมผู้นี้
...เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับทดลองของภูฏานได้รับการประกาศใช้....
พระองค์จะสร้างปรากฏการณ์ใดให้โลกได้ตื่นตะลึงอีก.....ไม่มีผู้ใด คาดเดา
พระเจ้าจิกเม่ สิงหเย วังชุก The Statemanship and wisdom พระองค์นี้ได้เลย....
29/07/2006
อ้างอิง//www.photius.com/countries/bhutan/government.html
//www.bhutanmajestictravel.com/100_years_of_monarchy.html
//www.hindu.com/2005/12/30/stories/2005123003011000.htm
(ไม่มีคำบรรยาย)
โดย: สายลมอิสระ 31 กรกฎาคม 2549 18:20:20 น.
เราว่าต่อให้คุณโตมิโตฯ ประกาศว่าไม่ให้เผยแพร่
อาจมีมือดีเผยแพร่นะคะ แนะนำให้ใส่โค้ดกันก็อปปี้อะค่ะ
แหะๆ มีคนบอกอยากกินหัวเราสองคนแล้วง่ะ
แต่เราชอบรูปนั้นมากๆ นะคะ เราว่ามันฮาดี
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 1 สิงหาคม 2549 11:45:50 น.
เรื่องลงโค้ดนั้น บ๊อกนี้ลงไปแล้วระดับหนึ่งค่ะ ห้ามลอก
แต่ยังแก้ในส่วนของเซิร์ฟเว่อร์ไม่ได้ เพราะ ทำไปไม่ถึง กลัวเวบมาสเตอร์ของบ๊อกแก๊ง จะดีดเอา
โดย: โตมิโต กรูโชว์ดะ IP: 58.9.199.210 1 สิงหาคม 2549 23:10:38 น.
พระองค์ท่านหน้าตามีอำนาจเหลือเกิน ...เกินห้ามใจไม่หวายยย
มีอีกมั้ยพี่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดตบท้ายอีกทีนะคะ
โดย: หยกค๊า IP: 68.227.55.7 2 สิงหาคม 2549 10:05:43 น.
เวลานี้ คุณพี่นะ....หัวใจบินปร๋อออไปภูฐานแล้ว.....แง๊ อยากไปขอลายเซ็นต์
โดย: โตมิโตฯ (ผู้ท้าทายราชภัย) IP: 202.57.168.24 2 สิงหาคม 2549 14:01:36 น.
โดย: Elenthari IP: 58.9.142.127 28 ตุลาคม 2549 15:56:33 น.
เพน้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
โดย: ฮันเยจิน IP: 124.121.156.42 22 มิถุนายน 2551 10:35:49 น.
โดย: arnancha IP: 58.9.209.211 14 ตุลาคม 2554 7:21:49 น.