bloggang.com mainmenu search


ถ้าใครกำลังมองหาซีรีย์เกาหลีที่พระเอก-นางเอกหน้าตาดี รักกันได้น่ารักน่าเอ็นดู บรรยากาศของเรื่องตลกเฮฮาเป็นคอมเมดี้ได้ใจ อบอุ่นโรแมนติก ทั้งในเรื่องความรักหนุ่มสาว และความรักครอบครัว สอดแทรกสาระดีๆ ต่อวิถีการดำเนินชีวิต

Smile You : คุณหนูตกอับกับนายกระจอก (ความยาว 45 ตอน) เป็นทางเลือกที่ดีเรื่องหนึ่ง

การชอบซีรีย์แต่ละเรื่อง ขึ้นอยู่กับใจใครใจท่าน ของอย่างนี้มันแนวใครแนวมัน กับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นคอเกาหลี บางเรื่องเราก็ชอบเหมือนกัน บางเรื่องก็เคยมีที่รู้สึกต่างกันสุดขั้ว แต่สำหรับ Smile You การันตีกับเพื่อนคนนี้ไปอย่างไม่ยั้งใจไม่กลัวหน้าแหกในกรณีเพื่อนไม่ชอบ

“ถ้าดูแล้วไม่ถูกใจ ให้เอาแผ่นมาเขวี้ยงใส่หน้าได้เลย”

เพราะมั่นใจมาก ว่านางต้องคลั่ง

จากใจ คนรัก Smile You

*** Spoil ***



Smile You คือ เรื่องราวความรักของคังฮยุนซูและโซจองอิน ท่ามกลางความสัมพันธ์ขัดแย้งสุดอลเวงของสองครอบครัว เป็นซีรีย์ที่ดูแล้วได้ยิ้มกว้างขวาง ได้หัวเราะฮาๆ อย่างมีความสุข รู้สึกอบอุ่นใจ เพราะมีเนื้อหาความรัก “มากมาย” ที่ดูแล้ว "อิ่มเอม"มากกว่าซีรีย์ความรักเรื่องไหนๆ ที่เคยดูมา

และถ้าถามว่าชอบอะไรมากที่สุดในเรื่องนี้ คำตอบคือความฮาของพระเอก-คังฮยุนซู (แพ้ทางผู้ชายตลก)

ถ้าได้อ่านแค่ชื่อเรื่อง และเรื่องย่อ "คุณหนูตกอับกับนายกระจอก" คงไม่มีใจอยากดูซีรีย์เรื่องนี้สักนิด เพราะชวนให้เข้าใจว่าคงเป็นแนวดอกฟ้าร่วงกับหมาวัดเล่นของสูงที่ไม่ค่อยจะถูกกัน แต่โชคดีเหลือเกินที่ระหว่างเตร็ดเตร่อยู่ใน Youtube ได้หลงไปเจอโมเมนท์น่ารักๆ ของพระเอกนางเอกที่ถูกตัดต่อเป็น MV ประกอบเพลง เห็นแล้วน่ารักเกินห้ามใจ ถึงจะยาว 45 ตอนก็ขอสู้ เพราะนั่นเป็น 45 ตอนที่แสนจะคุ้มค่าที่ทำให้ Smile You กลายเป็นอีกหนึ่งซีรีย์ประทับใจในความทรงจำไปเลย แม้จะดูจบไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทุกคืนผ่านมาก็ยังคงเปิดซีรีย์ Smile You ดูซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่น และกำลังใช้ซีรีย์โศกนาฏกรรมมาช่วยเยียวยา เผือจะหายขาดจากอาการรักซึมลึกที่มีต่อ Smile You แล้วก็เลิกเปิดดูได้ซะที



ไฮโซแฟมิลี่ – ครอบครัวโซ โซจองกิล (Kang Suk Woo) ทำธุรกิจล้มละลาย ทำให้เขาพยายามจัดการให้โซจองอิน (Park Min Jung) ลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับ ลีฮันเซ (Lee Kyu Han) ลูกชายเจ้าของบริษัท โกลบอล มอเตอร์ หวังจะใช้ฐานะของลูกเขยมาช่วยกอบกู้วิกฤติครอบครัว แต่ความลับเรื่องสถานภาพถังแตกได้ถูกเปิดเผยไปไปสู่ครอบครัวเจ้าบ่าวในวันแต่งงาน ลีฮันเซจึงถูกพ่อแม่บังคับให้เลิกกับโซจองอินแบบสายฟ้าแลบ เพราะไม่กล้าขัดคำสั่งที่อาจเสี่ยงถึงขั้นต้องชวดรับช่วงตำแหน่งประธานบริหารบริษัทฯ ต่อจากพ่อ ลีฮันเซจำต้องทิ้งโซจองอินระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทางจะไปฮันนิมูนกัน



โลโซแฟมิลี่ – ครอบครัวคัง คังมันบ๊ก (Choi Bool Am) เป็นพนักงานขับรถเก่าแก่ของตระกูลโซ เคยรับใช้ใกล้ชิดพ่อของโซจองกิลที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้จะอายุมากแต่เขาก็ยังคงภักดีต่อครอบครัวเจ้านายเก่าโดยรับใช้โซจองกิลต่อมา แต่โซจองกิลไม่ชอบใจที่โชเฟอร์คังคอยว่ากล่าวตักเตือน (ด้วยความหวังดี) จึงไล่คังมันบ๊กออกและจ้างพนักงานขับรถคนใหม่ สองครอบครัวเหมือนจะสิ้นสุดกันแค่นั้น ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก อย่างที่โซจองกิลได้ลั่นวาจา .. อย่ามาพบเจอกันอีกต่อไป



แต่บุญคุณต่อชีวิตของเจ้านายเก่ามันลบล้างกันอย่างไรก็ไม่หมด อีกทั้งคุณหนูไฮโซ โซจองอิน ก็ดันมีสายสัมพันธ์แน่นเหนียวกับโชเฟอร์คังมานับตั้งแต่เธอเกิด เพราะเธอเป็นหลานรักของคุณปู่ และเธอก็เป็นลูกหลานเพียงคนเดียวภายในบ้านของครอบครัวโซ ที่มีน้ำใจไมตรีต่อคุณปู่คังมันบ๊ก เธอเรียกเขาว่าคุณปู่ด้วยความรักและนับถือ เมื่อปู่ของเธอเสียชีวิตไป คังมันบ๊กก็เหมือนกับเป็นตัวแทนคุณปู่ของเธอเอง



ในวันเดียวกันกับที่คุณหนูโซจองอินแห่งครอบครัวโซแต่งงาน คังฮยุนซู (Jung Kyung Ho ) ของครอบครัวคัง ลูกชายของคังซังฮุน (Chun Ho Jin ) และแบ๊กกึมจา ( Song Ok Sook) หลานชายของปู่คังมันบ๊ก ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่ปู่ของเขาส่งเสียให้ไปเรียนต่อจนจนปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์และกำลังจะกลับมารับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ความสำคัญของโซจองอิน-หลานสาวของครอบครัวเจ้านายเก่าที่คังมันบ๊กรักและเอ็นดูมีมากขนาดไหน? ก็ขนาดที่ไม่ยอมให้ลูกชายลูกสะใภ้อยู่รอต้อนรับคังฮยุนซูในวันที่เขากลับมาจากต่างประเทศ แต่กลับสั่งให้ลูกชาย-ลูกสะใภ้ ไปร่วมงานแต่งงานของโซจองอินแทน



คังซังฮุน และ แบ๊กกึมจา (พ่อแม่ของฮยุนซู) ไม่ชอบครอบครัวโซมาแต่ไหนแต่ไร เพราะคังซังฮุนไม่กินเส้นกันกับโซจองกิลลูกชายเจ้านายของพ่อมาตั้งแต่เล็ก ซังฮุนไม่ชอบที่จองกิลชอบดูถูกพ่อของตน-และมักก่อปัญหามาให้สารพัด ตั้งแต่เด็กยันแก่ซังฮุนและจองกิลรู้จักกันมาก็ 50 ปี แต่เป็น 50 ปีที่ไม่เคยรู้สึกดีต่อกันและกัน แบ๊กกึมจา-ภรรยาของซังฮุนก็ไม่ชอบหน้าโซจองกิลและกงจูฮี (Heo Yoon Jung) ภรรยาไฮโซของเขาที่ชอบทำตัวเลอเลิศ (ประสาสะใภ้คนรวย) และไม่เคยละเว้นจะดูถูกคนจนผู้ด้อยกว่า แต่ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวโซ สองสามีภรรยาไม่เคยขัดความต้องการของคุณปู่ได้



ทางด้านคังฮยุนซู เขากลับมาจากต่างประเทศด้วยความหวังและพลังใจเต็มเปี่ยมกับการจะสานต่อความสัมพันธ์รักแรกที่รักเขาอยู่ข้างเดียวมานานกว่า 8 ปี ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สมัยไปเป็นทหารในกองทัพ และสมัยไปเรียนต่อต่างประเทศ ความรักของคังฮยุนซูไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป กลับมาครั้งนี้เขามีปณิธานมุ่งมั่นจะตามตื๊อสาวรักแรกของเขาอย่างจริงจัง ให้มันรู้กันไปถ้าการตื้ออย่างจริงใจจะไม่ครองโลก

และคังฮยุนซูคงยากจะเปลี่ยนใจไปจากความรักแรกดั่งเช่นเคยเป็นมา
ถ้าหากโชคชะตาจะไม่นำพาใครคนหนึ่งมาพบเจอ



เธอ..ในชุดแต่งงานสีขาวชายกระโปรงขาดรุ่ย เดินเท้าเปล่า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเลอะเทอะ ดวงตาขุ่นขวาง ท่าทางสติไม่สมประกอบ เธอ..ที่เกือบจะทำให้รถบัสที่เขานั่งมาจากสนามบินเกิดอุบัติเหตุชนรถแท็กซี่บนถนนไฮย์เวย์ เธอ..ที่ผ่านเข้ามาในสายตา แว่บหนึ่ง ก่อนจะลับตาจากไป และเขาคงไม่ได้พบเห็นเธออีกในชีวิต ..แน่นอน (ลาก่อน คนไม่เต็ม)

แต่แล้วฮยุนซูก็ได้พบเธออีกครั้งที่ป้ายรถเมล์ จากสภาพที่ฮยุนซูเห็น เธอต้องเป็นเจ้าสาวสติแตกที่ไม่ปกติแน่ๆ และเขาควรต้องอยู่ให้ห่างเข้าไว้

โชคร้าย ....ที่นั่งข้างฮยุนซูบนรถเมล์ดันว่างอยู่พอดีเมื่อเธอเดินขึ้นมาก่อนที่รถเมล์จะออก ขอกันท่าอย่างไม่เป็นสุภาพบุรุษสักครั้งด้วยการกันที่ไม่ให้เธอนั่ง แต่มันก็ไม่ได้ผล เธอเอ่ยปากถามถึงป้ายที่เธอต้องการจะลง แหม่.. ลงป้ายเดียวกันกับเขาซะด้วย รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ฮยุนซูจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักป้ายที่ว่านั้น และลงจากรถไปเมื่อถึงจุดหมายโดยไม่บอกเจ้าสาวสุดโทรมที่นั่งอยู่ข้างๆ สักคำ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ลงมาถูกได้ที่ป้ายเดียวกัน ฮยุนซูหาข้ออ้างเมื่อจองอินตั้งท่าจะเอาเรื่องที่เขาแกล้งไม่รู้จักป้ายที่เธอถามถึง แต่ดูแล้วคงยากจะแก้ปัญหาด้วยวิธีเจรจากับคนไม่เต็ม ฮยุนซูจึงตัดสินใจยกกระเป๋า แล้ว ...วิ่งหนี

แต่มันยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเขาได้พบเธออีกครั้งในเวลาต่อมา



มีคนว่าไว้ คนแปลกหน้าพบกันสามครั้งในวันเดียวอาจเป็นบุพเพสันนิวาสของการเป็นเนื้อคู่ แต่กรณีนี้น่าจะเป็นเนื้อคู่อลเวง ตามที่ฮยุนซูได้มีส่วนช่วยให้เธอไปลงเอยพักพิงที่สถานีตำรวจในฐานะคนบ้า คนจรจัด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่โดนใส่กุญแจมือเอาไว้

และนับจากคืนนั้น ชีวิตของฮยุนซู และครอบครัวคัง ก็เริ่มถูกความวุ่นวายเข้าครอบงำ อลหม่านด้วยความครื้นเครง อลเวงด้วยการคร่ำครวญ (หวนไห้ด้วย) สุดจะยุ่งเหยิง

แม่ของเขาแบ๊กกึมจา เธอเป็นสุดยอดของความปากร้าย-จู้จี้ขี้บ่น แต่ยัยตัวร้ายอีกคน -โซจองอิน ก็เป็นคนปากแสบมิใช่เล่นๆ เธอมักทำให้เขาต้องหัวปั่น และมักทำให้แม่ของเขาต้องหัวเสีย ด้วยพฤติกรรมต่างๆ นานา ที่ชวนความดันขึ้น



บ้านของครอบครัวคัง นอกเหนือจากคุณปู่เคยเป็นคนขับรถของครอบครัวโซ เขายังเปิดคาร์เซนเตอร์เป็นธุรกิจของครอบครัว แบ่งห้องในบ้านห้องหนึ่งให้คนเช่า ฮยุนซูจึงต้องอาศัยห้องใต้ดินเป็นห้องนอนมาตั้งแต่เล็ก เมื่อเขาเรียนจบกลับมา แม่จึงอยากให้เขามีห้องเป็นของตัวเองไม่ต้องอุดอู้อยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงจัดแจงตกแต่งห้องที่เพิ่งว่างจากคนเช่าคนก่อนให้เป็นห้องใหม่ ติดวอลเปเปอร์ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้มาเตรียมให้ลูกชาย ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งคุณปู่ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านและเห็นว่าห้องใต้ดินไม่ได้แย่อะไร (กว้างขวางน่าอยู่มากด้วย) และฮยุนซูก็เคยอยู่มาแต่เล็กจนโต ควรจะเก็บห้องเอาไว้ให้เช่าเพื่อเป็นรายได้แก่ครอบครัวมากกว่า



คุณปู่คังมันบ๊กเป็นคนใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัย ขยันขันแข็งในการทำมาหาเงิน รู้จักประหยัดอดออมมาทั้งชีวิตจนสามารถซื้อบ้าน ลงทุนทำคาร์เซนเตอร์ และช่วยส่งเสียฮยุนซูไปเรียนต่อต่างประเทศได้ (แต่พระเอกก็ต้องทำงานช่วยเหลือตัวเองด้วย) เพราะชีวิตทุกคนต้องพึ่งพาคุณปู่เสมอมา ดังนั้นถึงแม้พ่อแม่ของเขาจะไม่มีใครเห็นด้วยที่คุณปู่รับเอาคุณหนูไฮโซจากตระกูลเจ้านายเก่าเข้ามาในบ้าน ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นว่าอย่างอารมณ์เสีย เพราะไม่มีใครจะกล้าคัดค้านคุณปู่ได้ตรงๆ



เวลาต่อมาเมื่อบ้านของโซจองกิลถูกยึด คุณปู่จึงช่วยเหลือให้ครอบครัวจองกิลย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนคำสัญญาที่เคยมีต่อพ่อของโซจองกิล ซึ่งเป็นเจ้านายที่มีบุญคุณเคยช่วยเหลือคุณปู่มาก่อน พ่อของโซจองกิลมองการณ์ไกลและรู้ดีว่าในอนาคตลูกชายไม่เอาไหนของตนอาจนำพาครอบครัวและกิจการไม่รอด จึงได้ฝากฝังครอบครัวไว้กับคุณปู่ให้คอยช่วยตักเตือนดูแล



การรับครอบครัวโซจองกิลมาอยู่ด้วยทำให้ครอบครัวของคังฮยุนซูค่อนข้างยุ่งเหยิง เพราะโซจองกิลและครอบครัวทำงานการอะไรกันไม่เป็นสักคน ทั้งหมดเคยชินกับการใช้เงิน แล้วมาอาศัยอยู่โดยไม่คิดช่วยเหลืองานการในบ้าน อีกทั้งยังวางมาดข่มคุณปู่กับครอบครัวที่เป็นเพียงคนขับรถ โซจองกิลหลอกเงินคุณปู่ไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปหาลูกชายคนโตแต่ถูกจับเสียก่อน คุณปู่จำต้องไปติดต่อเข้าพบคนเกี่ยวข้องที่เคยทำธุรกิจกับเจ้านายคนเก่า ให้เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีต่อพ่อของโซจองกิลในอดีต เพราะพ่อของโซจองกิลเป็นที่รู้จักดี เช่นเดียวกับที่คุณปู่คังมันบ๊กก็เป็นคนขับรถที่ได้รับการรู้จักนับถือกัน จึงยอมทำตามคำขอร้องของคุณปู่เรื่องวิธีจัดการหนี้สินที่จะช่วยให้โซจองกิลไม่ต้องติดคุก แต่ครอบครัวของโซจองกิลก็ถึงคราวสิ้นเนื้อประดาตัว



แทนที่จะเห็นความดีของคุณปู่ผู้เอื้อเฟื้อให้ครอบครัวจองกิลย้ายไปอยู่ที่บ้านชั่วคราวเพื่อหาทางตั้งต้นชีวิตใหม่ โซจองกิลกลับยังคงหยิ่งผยองและวางตัวเป็นเจ้านาย ทำให้คังซังฮุน (พ่อของฮยุนซู) ไม่พอใจมาก ที่พ่อของเขายังคงโดนดูถูกดูแคลนและยังคงถูกเรียกว่า "โชเฟอร์คัง" ทั้งที่เขาก็ถูกจองกิลไล่ออกจากตำแหน่งนั้นมานานแล้ว



ครอบครัวโซ พยายามติดต่อหาลูกชายคนโตโซซองจุนที่อเมริกา (Lee Chun Hee) เพราะจองกิลได้ยักย้ายถ่ายโอนสมบัติส่วนหนึ่งไปให้ ตั้งแต่ธุรกิจเริ่มมีปัญหาและจะถูกฟ้องละลาย จองกิลหวังจะใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นมากู้สถานการณ์วิกฤติของครอบครัวได้ ทำให้ยังมีแก่ใจจะดูถูกดูแคลนครอบครัวคังอย่างไม่แยแสคำว่าบุญคุณ เพราะคิดแต่ว่าพ่อของเขาเคยมีบุญคุณท่วมหัวต่อครอบครัวนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คังมันบ๊กจะต้องช่วยเหลือเขาในยามเดือดร้อนและปรนนิบัติดูแลครอบครัวของเขาเสมือนเป็นครอบครัวเจ้านายเช่นเคยเป็นมา



แต่กลับกลายเป็นว่า ลูกชายคนโต โซซองจุน นอกจากจะล้มเหลวในการเป็นโปรกอล์ฟ ยังไปติดการพนันที่ลาสเวกัสและผลาญทรัพย์สินเงินทองที่พ่อของเขาโอนให้ไปกับการเล่นพนันจนหมดตัว และหนีหนี้จากอเมริกากลับมาเกาหลี มาขออาศัยอยู่ที่บ้านคุณปู่ด้วยอีกคน และนิสัยก็ไม่ต่างจากแต่ละคนในครอบครัวคือ ไม่เอาถ่าน งานการไม่คิดจะทำ



ครอบครัวโซ ทำให้ครอบครัวคังอยู่ไม่เป็นสุข เมื่ออยู่กันหลายคน แต่ไม่มีใครสักคนที่ทำงาน แม่ของฮยุนซูต้องทำงานบ้านอยู่คนเดียว เหนื่อย หนัก อารมณ์เสีย และปากก็....บลา บลา บลา บรรยากาศของบ้านเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและเสียงบ่นว่าอารมณ์เสีย พ่อของฮยุนซูก็อารมณ์ไม่ดีที่ปู่คังต้องมาพินอบพิเทาต่อจองกิล ลูกชายเจ้านายเก่า ความภักดีในอดีตที่ไม่อาจตัดรอนมาถึงปัจจุบันและยังเอาใส่ใจดูแลพวกเขาในฐานะแขกอย่างดี
พ่อๆ แม่ๆ ก็มีปัญหา ลูกๆ ก็มีปัญหา เมื่อลูกสาวครอบครัวโซ ก่อแต่เรื่องให้ลูกชายครอบครัวคังต้องคอยตามประกบ (เพราะไม่เช่นนั้น ความวุ่นวายอาจจะบานปลายยิ่งกว่าเดิม)



ยัยตัวร้ายโซจองอิน เธอเป็นคนฉลาดดังที่แม่ของเขาเรียกว่า “ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์” เธอใช้ความใสซื่อประจบคุณปู่ของเขาอย่างน่ารัก แต่ในอีกมุมเธอร้ายกาจ อารมณ์ร้อน และดื้อดึง แถมยังดื่มจัด ..เมาเละเทะ ให้เขาต้องเดือดร้อน แล้วทั้งที่เมาแอ๋เธอยังอุตส่าห์ล่อลวงให้เขาคายความลับเรื่องความรักในหัวใจไปจนหมดไส้ เพราะมันอึดอัดใจกับรักกี่ทีก็ไม่ดีสักหน รักข้างเดียวรักทรหดมานานถึง 8 ปี เขาเลยเผลอระบายออกไปกับคนเมา ใครจะคิดว่าเมาแอ๋ขนาดนั้นเธอจะยังอุตส่าห์จำได้ในรายละเอียด เก็บมาล้อเลียน เก็บมาซ้ำเติม โซจองอินเรียกรักแรกในดวงใจของเขาว่า "สาวนักตบ" (เพราะเธอตบหน้าฮยุนซูอยู่หลายครั้ง)



และคังฮยุนซูเพิ่งได้รู้ในวันที่ครอบครัววุ่นวายของโซจองอินได้ย้ายมาอยู่ที่บ้าน เธอมีพี่สาวแท้ๆ อยู่หนึ่งคน และคนๆ นั้นก็คือรักแรกรักเดียวในดวงใจของคังฮยุนซูเอง

โซจองคยอง (Choi Jung-Yoon) เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวโซ เธอแตกต่างจากสมาชิกครอบครัวตรงที่มีหน้าที่การงานมั่นคง เธอใฝ่เรียนและกลายเป็นหมอ ขณะที่น้องสาวโซจองอินเป็นคนรักสุขสบาย การเกิดมาในครอบครัวร่ำรวยและเป็นหลานรักของคุณปู่ทำให้เธอไม่ใส่ใจเรื่องศึกษาเล่าเรียน คิดแค่ว่าจะเรียนทำไมมากมาย ในเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายดีๆ จากครอบครัวร่ำรวยที่จะดูแลและมอบความรักต่อเธอและมีชีวิตที่สุขสบายต่อไปอย่างไม่มีอะไรต้องห่วง



แต่โซจองอินน้องสาวคนเล็กก็เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและรักครอบครัวขณะที่จองคยองพี่สาวคนโต เป็นคนเย็นชาที่ห่างเหิน แม้ครอบครัวจะอยู่ในภาวะวิกฤติเธอก็ไม่ค่อยให้ความใส่ใจใคร (นอกจากตัวเอง) เท่าที่ควรจะเป็น



เมื่อบ้านไม่มีอีกต่อไป จองคยองก็ไม่คัดค้านที่ครอบครัวของเธอจะไปอยู่อาศัยที่บ้านคุณปู่ สวนตัวเธอเองก็ย้ายไปอยู่อพาตเมนท์ที่แฟนของเธอหาให้อย่างไม่มีแก่ใจจะเอื้อเฟื้อขอพาครอบครัวไปอยู่ด้วย มีเพียงแวะเวียนมาเยี่ยมพวกเขาที่บ้านคุณปู่เป็นครั้งคราว กับคังฮยุนซูที่ตลอด 8 ปี ผ่านมาเธอปิดกั้นโอกาสและไม่เคยเห็นค่าในความพยายามของเขา การได้พบกันบ่อยครั้งขึ้นแม้จองคยองจะไม่ตั้งใจเปิดโอกาส แต่เธอก็ได้รู้จักฮยุนซูมากขึ้นและซึบซับในความซื่อตรงจริงใจของเขา คังฮยุนซูที่ยังรักและหวังดีต่อจองคยองแม้ว่าจะโดนเธอปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม



การอยู่ด้วยกันของครอบครัวคังและครอบครัวโซในแต่ละวันไม่ความสงบสุขเกิดขึ้นในบ้านเลย โดยเฉพาะครอบครัวโซที่สร้างปัญหาขึ้นมากมาย คุณปู่ที่เคยต้อนรับครอบครัวโซในฐานะแขกก็ย่อมต้องมีภาวะฟางเส้นสุดท้าย และด้วยสำนึกในบุญคุณของเจ้านายเก่า ที่คุณปู่ควรจะตอบแทน การจะดูแลครอบครัวโซ คุณปู่จำเป็นต้องทำอย่างถูกต้องด้วยวิธีรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี คุณปู่จึงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนด้วยการประกาศใช้ไม้แข็งเพื่อดัดแปลงนิสัยของทุกคนในครอบครัว



พวกเขาไม่ใช่แขกอีกต่อไป แต่เป็นแค่คนอาศัยที่ต้องเคารพกฏเหล็กของบ้าน สมาชิกครอบครัวโซจองกิลทุกคนต้องทำงาน ใครไม่ทำงานไม่มีสิทธิ์กินข้าว และต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบต่างๆ ของบ้านทุกอย่าง อย่างเคร่งครัดด้วย ถ้าใครไม่ทำ หรือทำไม่ได้ ก็ไสหัวออกจากบ้านไปได้เลย เพราะคุณปู่ไม่มีใจจะรับเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์

แม้แต่ละคนจะดิ้นรนคัดค้านโดยเฉพาะโซจองอินที่รู้ว่าคุณปู่รักเธอแค่ไหน ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่ใจร้ายกับเธอ แต่ผิดคาด เพราะคุณปู่ได้เชือดไก่ให้ลิงดูด้วยการไล่จองอินที่คุณปู่รักมากว่าใครออกจากบ้านไปเป็นคนแรก พร้อมกันกับลูกสะใภ้เจ้าปัญหา แบ๊กกึมจา – แม่ของคังฮยุนซู



โซจองอินก่อเรื่องให้ฮยุนซูโอปป้าต้องปวดหัว และ .. เป็นห่วง อีกแล้ว
แบ๊กกึมจาแม่ของเขาเป็นคนดื้อดึง ส่วนจองอินเป็นคนสุดดื้อรั้น การกระเด็นออกจากบ้านไปด้วยกัน ทำให้สองนางต่างวัยที่ไม่ค่อยลงรอยกันนักในระยะแรก เริ่มมีความสนิทชิดเชื้อทางใจต่อกันมากขึ้น แม้ว่าทางวาจาจะยังเป็นคู่จิกกัดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ฮยุนซูต้องคอยตามเป็นห่วงจองอินและแม่ของเขา พยายามเกลี้ยกล่อมจองอินให้หาทางพาแม่ของเขากลับบ้าน

กระทั่ง ศรีสะใภ้ แบ๊กกึมจา ผู้ครองตำแหน่งแม่บ้านที่สุดจำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนภายในบ้าน คุณปู่ยังไม่เอาไว้ กระทั่งหลานรักนอกไส้อย่างโซจองอิน คุณปู่ยังไม่ลังเลจะขับไล่ไสส่ง แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นๆ ที่เหลือกันเล่า

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะครอบครัวคัง หรือครอบครัวโซ เมื่อทุกคนไม่มีทางไปและจำเป็นต้องมีที่ซุกหัวนอน จึงจำยอมทำตามเงื่อนไขของคุณปู่ ครอบครัวคังจำต้องยอมให้ครอบครัวโซอยู่ร่วมกันในบ้านลดการต่อต้านลง และครอบครัวโซทุกคนก็ต้องเริ่มลงมือหยิบจับทำงาน



ฮยุนซูได้รับการติดต่อจากบริษัทโกลบอล มอเตอร์ในเรื่องของงานวิศวกรรมเครื่องยนต์ที่เขาได้ทำการวิจัยพัฒนาเอาไว้เมื่อครั้งศึกษาอยู่ต่างประเทศ และบริษัทโกลบอลมีความสนใจจะนำมาพัฒนาต่อให้ใช้งานได้จริงผลิตเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แต่ฮยุนซูปฏิเสธเพราะเขาไม่อยากร่วมงานกับลีฮันเซ ด้วยถือคติเลือกทำงานกับคนก่อนจะเลือกทำงานกับเงิน ฮยุนซูไม่ชอบฮันเซเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เขาได้กระทำต่อจองอิน ทั้งเรื่องที่ทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน และที่ดูถูกดูแคลนเธอต่อหน้าต่อตาเขาในวันนัดเจรจาเรื่องงานกันครั้งแรก เป็นการพบกันโดยบังเอิญและฮันเซไม่รู้ว่าคังฮยุนซูและโซจองอินรู้จักกัน การกระทำของฮันเซยิ่งทำให้ฮยุนซูปฏิเสธจะร่วมงานกับเขาได้อย่างไม่ลังเลใจกับผลตอบแทนที่ได้รับการเสนอ เพราะถูกฮยุนซูปฏิเสธให้เจ็บใจ ฮันเซจึงตามจิกไปที่มหาวิทยาลัย เสนอโครงการร่วมทุนและเงินสนับสนุนทุนวิจัยต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ฮยุนซูไม่อาจเลี่ยงการผลักดันจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อผลประโยชน์ทางทุนวิจัยที่ทางมหาวิทยาลัยจะได้รับ จึงจำใจต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์ในการวิจัยพัฒนาร่วมสร้างรถยนต์นวัตกรรมใหม่ให้กับบริษัทโกลบอล มอเตอร์



การได้รู้ว่า จองอินรู้จักกับฮยุนซู ทั้งยังอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ฮันเซที่ยังคงรักจองอินอยู่และหวังว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายเขาจะยังเก็บเธอกลับมาคืนดีกันได้ แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคังฮยุนซู ฮันเซเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ จึงเริ่มกลับมาตอแยจองอินเพื่อขอคืนดี แต่เธอกลับไม่มีทีท่าว่าจะเหลือเยื่อใยให้เขาสักนิด ฮันเซยิ่งหวั่นใจ รีบหาทางใกล้ชิดจองอินและตามรังควานเธอหนักขึ้น กระทั่งส่งผลให้จองอินต้องยอมมาทำงานที่บริษัทโกลบอลมอเตอร์ของฮันเซ เพราะเหตุผลจำเป็นบางอย่างทางการเงิน และเหตุผลความจำเป็นอย่างหนึ่งทางจิตใจ (อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ฮยุนซู) แม้จะต้องอดทนต่อเสียงซุบซิบนินทาที่เธอเป็นอดีตเจ้าสาวผู้ถูกทิ้ง และต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จากสายตาคุณหญิงแม่ของฮันเซด้วย แต่ความสุขประการหนึ่งที่ชดเชยความทุกข์ได้คือ พี่ฮยุนซู ทำงานอยู่ที่นั่น



สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อได้อยู่ร่วมบ้านและคุ้นเคยกัน “ ฮยุนซูโอปป้า" หรือ "พี่ฮยุนซู" เป็นคำที่ฟังแล้วรื่นหู ชวนชื่นใจ แต่เวลาโมโหก็ "นาย ๆ !!" อย่างไม่สนใจลำดับอาวุโส ไม่ค่อยเจอซีรีย์เรื่องไหนที่พระเอกนางเอกจะเรียกกันอย่างสนิทว่า "โอปป้า" ส่วนใหญ่ตัวอิจฉา หรือนางรองจะใช้อ้อนพระเอกมากกว่า แต่ว่าเรื่องนี้นางเอกเรียกพระเอกว่าโอปป้าตั้งแต่ตอนแรกๆ เสียงนางเอกเวลาเรียก “โอปป้า” น่ารักมากมาย แต่ที่น่ารักมากกว่าอีกคือเวลาพระเอกแทนตัวเองว่า “โอปป้า” เนียนๆ เป็นธรรมชาติดีจริง แม้ว่าตัวจริง จองคยองโฮจะอายุน้อยกว่าลีมินจองปีนึงก็ตาม



การอยู่ร่วมบ้านทำให้เริ่มรู้จักน้ำใสใจจริง เรื่องยุ่งเหยิงที่จองอินก่อ ทำให้เธอรู้ว่า พี่ฮยุนซูเขาใจดีกับเธอมากแค่ไหน (แม้ว่าจะโมโหเธอมากด้วยก็ตาม) ความอ่อนโยนมีน้ำใจที่เขามีต่อครอบครัวของเขาและครอบครัวของเธอที่อยู่อาศัยร่วมบ้าน ความมั่นคงที่เขามีต่อรักแรกไม่เปลี่ยนแปลง ความใส่ใจทุ่มเทในรักที่มีให้พี่สาวของเธอตลอดมา แม้ไม่เคยได้อะไรตอบแทน ก็ยังรักอยู่อย่างนั้นเหมือนคนโง่ เขาคือคังฮยุนซูที่จองอินได้ระบุคุณสมบัติติดผนังชัดเจนด้วยอารมณ์เคืองขุ่น "งี่เง่า” แต่ก็เป็นคังฮยุนซู คนงี่เง่าคนนี้ที่จองอินเริ่มมีใจให้ และตกหลุมรักเขาในที่สุด



คังฮยุนซูก็ได้รู้จักโซจองอินมากขึ้นเหมือนกัน จากภาพลักษณ์ร้ายๆ ที่เขาเคยเห็น แท้จริงเธอเป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจ และน่ารักมากแค่ไหน แม้ความขัดแย้งของสองครอบครัวไม่มีท่าทีจะปรองดองกันได้ แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย บ้านก็ยังมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะความแจ่มใสของโซจองอิน

ความรักของสองหนุ่มสาวเริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ ภายในหัวใจ งอกงามและผลิบาน ทนทานผ่านบททดสอบของการเป็นรักแท้ที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเจอทั้งปัญหารักแรกตามรบกวน รักเก่าตามรังควาน ครอบครัวที่ต่อต้านสุดฤทธิ์เพื่อกีดกันไม่ให้รักกัน ฝ่ายหนึ่งไม่เอาเป็นลูกเขย อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอมรับให้เป็นสะใภ้ ปัญหาบานปานปลายเจ็บช้ำน้ำใจกันถ้วนหน้า ไหนจะเรื่องราวความสัมพันธ์และรักเก่าในอดีตของพ่อและแม่ ปัญหามรดก เศรษฐกิจเงินทอง การทะเลาะเบาะแว้งของสองครอบครัวจึงไร้วี่แววสัญญาณสงบศึก



คังฮยุนซูและโซจองอิน จะรักกันไม่หวั่นลมรำเพยของรักเก่า และรักกันมั่นคงฟันฝ่ามรสุมความขัดแย้งของสองครอบครัวไปสู่หนทางการสมานฉันท์ ผนึกความรักของเราสอง แล้วปรองดองเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อมอบความสุขสงบในบั้นปลายชีวิตตอบแทนต่อคุณปู่คังมันบ๊ก เสาหลักของครอบครัวที่กำลังเริ่มผุพังไปตามกาลเวลา



มีอยู่ไม่กี่เหตุผลที่ทำให้ Smile You กลายเป็นซีรีย์สุดรัก

หลงรักพระเอกหักปักหัวปำ "คังฮยุนซู" แม้จองคยองโฮ ผู้รับบทนี้จะไม่หล่อขั้นเทพแต่ก็ถือว่าหน้าตาดีมากแล้ว คาแร็คเตอร์ในเรื่องก็ไม่ได้เลิศเลอเหมือนพระเอกเกาหลีส่วนใหญ่ (หล่อเว่อร์ รวยเว่อร์ เท่เว่อร์) เพราะเรื่องนี้พระเอกไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้ขับรถหรู ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร แค่มีการศึกษาหาเลี้ยงตัวเองใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือยและใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามรอยวิถีชีวิตของคุณปู่ บทของฮยุนซูให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายธรรมดาเดินดินคนหนึ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถจับต้องได้ ประเภทตื่นนอนลุกขึ้นมา แต่งตัว สะพายกระเป๋า ใส่รองเท้าผ้าใบขึ้นรถเมล์ไปทำงาน ( เว้นก็แต่ความรู้ที่เขาเป็นถึงด๊อกเตอร์ นั่นมันชนกลุ่มน้อยมากเลยนะในโลกของความเป็นจริง) ภายนอกดูเป็นคนหน้าตาซื่อๆ นิสัยขี้อายคล้ายจะเป็นผู้ชายๆ ทึ่มๆ รักและเชื่อฟังพ่อแม่กับคุณปู่ของเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นลูกเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่คอยเอาใจใส่ต่อความรักที่แม่แบ๊กกึมจามีให้เขา ด้วยกริยาอี๋อ๋อ โอบกอดเอาใจ เหมือนเป็นลูกสาวของแม่ก็ไม่ปาน



แต่เวลาทำงาน คังฮยุนซูก็กลายเป็นผู้ชายอีกมุมหนึ่ง เก่ง ฉลาด เป็นผู้นำ และไม่ว่าจะเรื่องความรัก ครอบครัว หรือเรื่องงาน ความเด็ดขาดในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ นั้นเท่โค-ตร มีสติปัญญาไหวพริบรู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (รักความเนียนที่แสนฮาของพระเอกในแง่นี้เป็นพิเศษ) เขาอาจดูเหมือนเป็นลูกแหง่ แต่เวลาที่คังฮยุนซูจริงจังขึ้นมา แบ๊กกึมจาที่ว่าแน่ก็กริ่งเกรงในตัวลูกชายไม่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่พูดจาต่อว่าอะไร แต่แค่สายตาแรงกล้าที่มองมา แม่ก็มีชักหนาวๆ ร้อนๆ กับความรัก คังฮยุนซูก็หนักแน่นมั่นคง ค่อยๆ รัก รักช้าๆ ให้แน่แก่ใจ เพราะรักแล้วรักเลย รักเดียวใจเดียว ไม่มีหวั่นไหว เอาใจใส่ทุกข์สุขคนที่รัก คอยห่วงใยดูแล และเป็นที่พึ่งพาได้

สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่พระเอกเรื่องนี้ได้ทำลงไป นอกจากไม่มีความขัดแย้งใจ ยังชอบใจมากด้วย ถ้าเขาไม่ทำให้หัวเราะเพราะความฮา ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นเพราะความน่ารักใจดี และยังได้ใจอีกหลายครั้งหลายกรณีเพราะพฤติกรรมแอบเท่ที่สุดแมน



หลงรักนางเอกถอนตัวไม่ขึ้น "โซจองอิน" ถึงจะง๊องแง๊งเป็นเด็กๆ แต่เพราะชอบ ลีมินจอง และการแสดงของเธอก็น่ารักเหนือความคาดหมาย ไม่ทำให้รู้สึกว่าแบ๊วเกิน (แต่ถ้าเป็นคนอื่นเล่นก็ไม่แน่ เพราะชอบมินจองเลยค่อนข้างแน่ใจว่าลำเอียง อิอิ) ไม่เคยเห็นมินจองในบทนี้มาก่อน คิดว่าเธอเข้ากับบทสวยสงบเยือกเย็นเหมือนอย่างในเรื่อง Midas แต่พอมาเล่นบทน่ารักอย่างนี้ก็น่ารักโฮก เช่นเดียวกันกับจองคยองโฮที่บทคังฮยุนซูสุดจะแตกต่างคนละขั้วกับองค์ชายโฮดง ในเรื่อง Princess Jamong Go (จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน)



ตอนแรกที่เห็นท่าทีเอาแต่ใจของโซจองอินยามแสดงออกต่อลีฮันเซในวันแต่งงาน ถามตัวเองว่า นางเอกคาแร็คเตอร์อย่างนี้จะไหวไหมเรา เพราะปกติไม่ชอบแนวนี้ แต่น้ำเสียงและรอยยิ้มแรกของเธอที่เรียกขานคุณปู่คังมันบ๊ก “อาราปูจี” ก็ทำให้ตกหลุมรักโซจองอิน ณ จังงัง มันรู้สึกเหมือนว่าเธนอต้องเป็นคนจิตใจดีและน่ารักมากแน่ๆ ถึงได้แสดงกริยาและน้ำเสียงต่อชายชราที่เป็นแค่อดีตคนขับรถของบ้านในลักษณะเด็กน้อยประจบประแจงญาติผู้ใหญ่ของตัวเช่นนั้น

ซึ่งก็ตามคาด เพราะเธอไม่ใช่คนถือตัว เธอเป็นคนมีน้ำใจ รักและเอาใจใส่ต่อครอบครัว แล้วเธอก็มีความอดทน และรักศักดิ์ศรีของตัวเองในระดับหนึ่ง ถึงจะดูเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่ขี้โมโห แต่นั่นก็เพราะเธอเป็นคนดื้อรั้น ยามโกรธเธอน่ารัก ยามไม่โกรธเธอก็น่ารักสุดๆ เพราะเธอเป็นคนร่าเริงแจ่มใสที่คอยช่วยผ่อนคลายบรรยากาศความตึงเครียดของบ้าน โซจองอินเป็นความสุขที่สร้างรอยยิ้มให้คุณปู่ พี่ฮยุนซูถึงจะวุ่นวายอยู่สักหน่อยแต่เพราะอายุของเธอเป็นน้อง ยังไงเขาก็เอื้อเอ็นดู ไม่ช้าไม่นาน พ่อแม่ของฮยุนซูก็รู้สึกดีกับจองอินเช่นกัน โดยเฉพาะแม่ฮยุนซู ที่รักจองอินนะ แต่แสดงออกตรงกันข้าม



ทว่ารักของแบ๊กกึมจายังเป็นแค่ระดับหนึ่ง ยังรักไม่ถึงขั้นจะยอมให้เป็นลูกสะใภ้ได้ เพราะสำหรับเธอแล้วคังฮยุนซูเป็นลูกชายเพอร์เฟ็คต์ที่คู่ควรกับผู้หญิงเพอร์เฟ็คต์ สวย รวย ความรู้สูงเท่านั้น ขณะที่จองอินมีตำหนิด่างพร้อยจากการผ่านการแต่งงาน (แม้จะแค่วันเดียวและยังไม่ทันเข้าหอลงโรงกับเจ้าบ่าวสักคืนก็เหอะ) อีกหนึ่งปัญหาใหญ่คือครอบครัวล้มเหลวของเธอที่มีพฤติกรรมหน้าเงิน หยิบโหย่ง ไม่เอาการเอางาน เห็นแก่ตัวและก่อแต่ความเดือดร้อนที่น่ารังเกียจ แบ๊กกึมจาไม่ต้องการจะให้ลูกชายของเธอโดนครอบครัวของจองอินคอยเกาะกินไปตลอดทั้งชาติ แต่........



ความรัก ... ช่างงดงาม

จาก คู่กัดสุดฮา ประหนึ่งยัยตัวร้ายกับนายสุภาพบุรุษผู้นุ่มนวลที่ต้องหลุดฟอร์มเป็นประจำเพราะโดนป่วนให้ต้องส่งเสียง ย๊า! ย๊า! จองอินย๊า!

ครั้งหนึ่งจองอินเคยบอกกับฮยุนซูให้เรียนรู้วิธีตั้งมั่นสมาธิสลายความโกรธ ฮยุนซูบอกกับเธอว่า “แค่ไม่มีเธอ ชีวิตพี่ก็ไม่มีความโกรธแล้ว” (ฟังแล้วขำมาก) มันก็จริงของคังฮยุนซู เขาไม่ใช่คนที่จะโกรธใครง่ายๆ ก็มีโซจองอินคนเดียวนี้แหละที่ทำให้อารมณ์มันแบบว่า ขึ้นเลยๆ!! ฉะนั้น แค่ไม่มีเธอ ชีวิตพี่ก็ไม่มีความโกรธใดให้ต้องสลายหรอกนะ



กลาย.. เป็นความรัก จองอินตัดขาดฮันเซ แบบตัดแล้วตัดเลยกับผู้ชายเฮงซวยที่ทิ้งเธอไว้ทั้งชุดเจ้าสาวในวันแต่งงาน ฮันเซจะมาวนเวียนขอคืนดีอย่างไร ก็ไม่เห็นความลังเลใจของจองอินอีกเลยนับจากนั้น ( ถ้าลังเลก็ไม่น่ารักได้ใจน่ะสิ) แม้จะมีบางครั้งคราวที่รู้สึกโกรธพี่ฮยุนซู แต่ก็ไม่เคยคิดใช้ลีฮันเซเป็นเครื่องมือประชดประชัน เวลาที่คนเค้าโกรธกันฮันเซอย่าได้สะเออะแหลมหน้ามาแทรกเดี๋ยวจะเจอสวน (ชอบนางเอกแบบนี้มาก) การได้รู้จักกับฮยุนซูทำให้จองอินได้รู้จักความรักมากขึ้น รักของฮันเซที่เห็นแก่ตัวและบางทีมันอาจไม่ใช่ความรัก เขาถึงทิ้งเธอได้อย่างง่ายดายในวันที่เขาเพิ่งเขียนคำสัญญาการแต่งงานให้เธออยู่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า



ต่างจากกับความรักของผู้ชายอีกคน -คังฮยุนซู ความรักโง่ๆ ที่เขามีให้พี่สาวของเธอ ความรักเดียวใจเดียว (ข้างเดียวด้วย) ที่ทำให้เขาไม่เคยคิดมีใครอื่น ฉายาที่เธอตั้งให้จึงเหมาะจึงควรกับพี่ฮยุนซูอย่างยิ่งแล้ว “คนโง่”



และแล้วฮยุนซูก็ตัดใจจากจองคยองได้ในที่สุด เมื่อรู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก่อนเธอไม่รักไม่เป็นไร ถ้าเธอยังไม่มีใครก็จะตามตื๊อ แต่ถ้าเธอมีคนใครคนหนึ่งอยู่ในใจแล้ว ลูกผู้ชายนายฮยุนซูผู้รักด้วยหัวใจจริงแท้ก็จำต้องยอมตัดใจจากเธอ อยากจะเศร้าเพราะอกหักรักคุดก็ไม่ค่อยมีเวลา เพราะมีจองอินคอยก่อความยุ่งใจอยู่ไม่ห่าง จากที่เคยแค่เป็นห่วง ทำไปทำมาก็เริ่มหวง เริ่มผูกพันชิดใกล้ ทั้งที่อาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แล้วยังได้มาทำงานที่เดียวกันอีกด้วย



ส่วนจองคยองปัญหารักเราไม่ก้าวหน้ากับ ผอ.โรงพยาบาลผู้เป็นคนรักของเธอ ก็เริ่มจะอิ่มตัวบนทางตัน เขาเป็นพ่อหม้ายและมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน เพราะเขารักลูกมาก และลูกสาวก็หวงพ่อมาก กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ความสัมพันธ์ได้คืบหน้าไปทางไหน จองคยองทุกข์ท้อไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครจึงหันไปหาคังฮยุนซู มีเขาคอยปลอบใจบ่อยครั้ง หัวใจก็เริ่มไหวเอน เธอเลิกกับคนรักของตัวเองและเรียกหาคังฮยุนซูมาเป็นศาลาพักใจชั่วคราว ใจอยากจะพักอย่างถาวร แต่ติดที่เคยปฏิเสธเขาเอาไว้มาก ด้วยศักดิ์ศรีและความละอายแก่ใจที่ได้เคยกระทำหยาบคายต่อฮยุนซูเอาไว้ไม่น้อยในอดีต ทำให้เธอไม่อาจกลับลำมาคว้าคังฮยุนซูได้ในทันที ต้องขอเวลาปรับเปลี่ยนท่าทีสักเล็กน้อย

I finally started seeing the KangHyunsoo that I did not see before.
ในที่สุดฉันก็เริ่มมองคังฮยุนซู อย่างที่ฉันไม่เคยมองเห็นมาก่อน

Am I too late ?
ฉันสายไปหรือเปล่า ?



อาจจะยังไม่สายเกินไป เพราะฮยุนซูเป็นคนรักมั่นคง เขาอาจจะยังรักเธอ หากตอนที่จองคยองไม่รักเขานั้น จะไม่มีใครอีกคนที่แอบรักเขาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คนที่คังฮยุนซูไม่ใช่แค่เริ่มมองเห็นแต่เขาเห็นอยู่นานแล้ว

ไม่ว่าจองคยอง หรือ ลีฮันเฮ ต่างก็พากันเข้าใจไปเองว่าที่ฮยุนซูใจดีกับจองอินนั้น เป็นเพราะเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวของจองคยอง แต่ใครจะมารู้ดีเท่าคังฮยุนซู เขารู้จักจองอินมาก่อนที่จะรู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของจองคยอง และถึงจะรู้แล้ว เขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อเธอในฐานะน้องสาวของจองคยองด้วย เพราะสำหรับเขา จองอินคือ “จองอิน” คนที่เขากำลังใคร่ครวญหาคำตอบ

“ถ้าฉันเป็นเพื่อน แล้วจองอินเป็นอะไรกับคุณ”



เป็นคำถามที่จองคยองได้คาดคั้นถามคังฮยุนซูเอาไว้
แต่ทั้งที่ใจก็รู้คำตอบอยู่แก่ใจ .. ยัยพี่สาวก็ยัง

Kang Hyun Soo, Can’t you like me again ?
"คังฮยุนซูคุณจะชอบฉันอีกครั้งได้ไหม"

Can’t you ?
"ไม่ได้เหรอ"

I’m being sincere.
ฉันจริงใจนะ

เป็นฉากที่ทำลมแทบจับแบบเกมวัดใจ พี่ฮยุนซู ถ้าพี่หวั่นไหว เราเลิกกันทันที ฉันรับไม่ได้หรอก ฉันเลิกดูซีรีย์เรื่องนี้แน่ อย่าแม้แต่จะแสดงท่าทีลังเล ไม่งั้นจะขอสาปส่งซีรีย์เรื่องนี้ (อิน ประหนึ่งเป็นนางเอกซะเอง) ต้องถือเป็นช่วงเวลาที่เกลียดความเห็นแก่ตัวของจองคยองมากที่สุด เธอช่างกล้า ด้วยเหตุผลที่ว่า

Because you are Kang Hyun soo. I already figure
you would not come to me with someone else in your heart.
But, since the person who like me for 8 years is also Kan Hyun soo. I though may be … perhaps …..”

เพราะคุณคือคังฮยุนซู ฉันคิดอยู่แล้วว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉัน
เพราะว่าใครคนหนึ่งที่อยู่ในหัวใจของคุณ แต่ เพราะคนที่เคยชอบฉัน
มาตลอด 8 ปีก็คือคังฮยุนซูเช่นกัน ฉันเลยคิดว่า คุณอาจจะ ...บางที...



แต่มันก็สายไป เพราะคังฮยุนซูไม่ต้องการรักแรกอีกต่อไป เมื่อเขาแน่ใจ เขาได้พบรักสุดท้ายของเขาแล้ว

“It’s my first time , no matter what mistake I make ,
she laughs and let it slide. She listens to what I say.
Even though I’m lacking. When I’m with her
I feel like i become a good man.
Because that’s how she sees me , that’s who I want to be.

"มันเป็นครั้งแรกของผม ที่ไม่ว่าผมจะทำอะไรผิดพลาด
เธอหัวเราะและปล่อยมันไป เธอฟังในสิ่งที่ผมพูด
แม้ว่าผมจะมีข้อบกพร่อง แต่เมื่ออยู่กับเธอผมรู้สึกว่า
ผมกลายเป็นผู้ชายที่ดี นั่นเป็นเพราะว่าเธอมองผม
อย่างคนที่ผมต้องการจะเป็น "

และนับจากนี้ตลอดไป พี่ฮยุนซูเขาบอกว่า

I want to do everything I possibly can for the person who’s next to me right now.
"ผมอยากทำทุกอย่างที่ผมจะทำได้เพื่อคนที่อยู่กับผม (และผมรักอยู่)ในตอนนี้"



ชอบตอนที่จองคยองสารภาพความรู้สึก ขอให้ฮยุนซูกลับมารักเธออีกครั้ง (ยัยพี่ ช่างกล้า) กรอดูแล้วดูอีก ถ้าคลิปมันพรุนได้มันคงพรุนไปแล้วล่ะ ไม่ได้ดูด้วยความสะใจหรอกนะ แค่ชอบในความซื่อตรง จริงใจ ไม่มีสักถ้อยคำจะซ้ำเติมให้จองคยองรู้สึกแย่หรืออับอายที่เธอเคยปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดีมาก่อนแล้วมากลับท่าทีคืนคำเอาง่ายๆ แบบนี้ สุภาพบุรุษฮยุนซูถนอมน้ำใจ แต่ทุกถ้อยทุกคำก็ยังหนักแน่น ชัดเจน ตรงประเด็น เคลียร์!!!!



พี่ฮยุนซูพิสูจน์หัวใจไม่ใช่คนโลเล แต่โซจองอินก็สัมผัสได้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพี่ฮยุนซูและพี่จองคยอง พวกเขาจึงมีท่าทีอึดอัดต่อกันแปลกไปจากที่เคยเป็น

มันมีเหตุผลที่คังฮยุนซูจะรู้สึกอึดอัดต่อจองคยอง เพราะสายตาต้องคอยลอบมองอาการของจองอินด้วยความเป็นห่วง เธอจะระแวงไหม จะเชื่อใจเขาหรือเปล่า และเพราะสายตานี่แหละก่อเป็นความเข้าใจผิดจนเกิดความวุ่นวายขึ้นเพราความหลังครั้งเก่าเกี่ยวกับรักแรกของคังฮยุนซูถูกเปิดเผย ผู้หญิงที่เขาแอบรักอยู่ข้างเดียวมาตั้ง 8 ปี ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน แต่เป็นจองคยอง ลูกสาวของครอบครัวโซนั่นเอง



ราวกับจองคยองได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงขึ้นในครอบครัว เพราะแบ๊กกึมจา-ไม่พอใจมากที่จองคยองไม่มีตาจะมองเห็นความดีในตัวลูกชายของเธอ พาลพาผู้ใหญ่ทะเลาะกันเพราะต่างเข้าข้างลูกของตัวเอง จริงๆ ฉากนั้นควรจะเครียดมากแต่มันกลับฮามาก แบ๊กกึมจาเมาปลิ้นด่าไฟแลบแล้วร้องไห้โวยวาย จองอินก็ฟูมฟายร้องไห้ผสมโรง ผู้ใหญ่ก็เข้าใจผิดคิดว่าจองอินเสียใจที่เธอเป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานปาร์ตี้วันเกิดให้พี่สาว แล้วกลับกลายเป็นว่าผู้ใหญ่ต้องมาทะเลาะกัน แต่ที่จริงจองอินโกรธทั้งพี่สาว รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอคบกันอยู่กับพี่ฮยุนซูแล้ว โกรธพี่ฮยุนซูก็ด้วยที่ไม่บอกให้รู้ว่าจองคยองหันกลับมารักเขา ส่วนฮยุนซูก็ไม่มีใครทันสังเกตว่าเขาไม่ได้พยายามจะคลี่คลายสถานการณ์ของผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ เพราะเขาแค่กำลังพยายามจะไกล่เกลี่ยกับจองอิน “จองอินนา” “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” “จองอินนา อย่าทำแบบนี้สิ” สุดจะยุ่งเหยิงจนพี่ฮยุนซูถึงขึ้นเอามือลูบหน้าเพราะว่ามันยุ่งยากหัวใจเหลือเกิน (วุ่นวายได้สนุกจริงๆ)



ช่วงตอนที่ ๑๐-๒๕ ถือเป็นช่วงเวลาของความรักที่ชอบมากที่สุด เป็นช่วงก่อนและหลังที่จะตกลงปลงใจ 'เรารักกัน' เพราะมันค่อนข้างเต็มไปด้วยอารมณ์ ความหึงหวงเล็กๆ ที่น่ารักของโซจองอิน ความรู้สึกที่คังฮยุนซูก็รับรู้ด้วยความใส่ใจ แม้จะยังไม่ได้ตอบคำถามของจองคยอง "ถ้าฉันเป็นเพื่อน แล้วจองอินเป็นอะไรกับคุณ" แต่ฮยุนซูก็ไม่ปฏิเสธการกระเซ้าเย่าแหย่ของพี่ชายโซซองจุนสักคำเหมือนก่อนหน้านั้น

"พี่บอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้ระวัง จองอินขี้อิจฉาจะตายไป"
"ดูสิ เธอทนไม่ได้แม้แต่จะให้พี่อยู่ใกล้นายซะด้วยซ้ำ"
"ใครเดินกระแทกเท้าเสียงดังน่ะ จองอินใช่ไหม ความหึงหวงนี่มันยากจะควบคุมใช่ไหมล่ะ"
"อ๋า ..ไม่ปฏิเสธสักคำแสดงว่ายอมรับ"

พี่ซองจุน สายตาแหลมคมสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของจองอินและฮยุนซูตั้งแต่วันแรกๆ ที่เขากลับมาจากอเมริกา และทึกทักเอาเองว่าสองคนนี้มี something แต่ไม่มีใครสักคนยอมรับ แล้วเป็นไงล่ะ ก็ไม่พ้นพี่ซองจุนนี่แหละที่อยู่ข้างพวกเขามาตลอด คอยเตือนสติและส่งสัญญาณเตือนจองคยองเป็นระยะทำนองว่า..เฮ้ยๆๆ นั่นของจองอินมันนะ ถึงพี่ซองจุนจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การมีใครสักคนสนับสนุนความรักของพวกเขา มันก็ยังดีกว่าการถูกกีดกันไปซะทั้งหมดทุกคนใช่ไหมล่ะ

เวลาที่จองอินโกรธกรุ่นๆ หรือหงอยเหงาไป เมื่อมีจองคยองมาอยู่ใกล้ๆ ฮยุนซูจะรับรู้และสายตาจะหมุนตามรอบทิศทางอย่างเป็นห่วงความรู้สึก สุดจะถนอมน้ำใจด้วยการระมัดระวังการกระทำ คุยโทรศัพท์เรื่องอะไร จะไปไหน ไปทำไม ไม่ได้ถูกถาม แต่พี่ฮยุนซูก็ทำเนียนเคลียร์ตัวเองให้รู้ว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ จึงออกจะชัดเจนว่าพี่ฮยุนซูมีความรักต่อจองอินผู้น่ารักของเราแน่นอน แต่ที่ยังยื้อเวลาชั่งใจเพราะแค่อยากจะให้แน่ใจว่าเขาได้ล้างใจจากรักแรกได้สะอาดเอี่ยมอ่อง ก่อนจะมอบใจดวงนี้ให้เป็นของจองอินคนดีคนเดียวตลอดไป วิ้วววว** (เป็นเอามากนะเนี่ยเรา)


Create Date :13 กันยายน 2555 Last Update :3 ตุลาคม 2555 23:16:50 น. Counter : 44962 Pageviews. Comments :10