bloggang.com mainmenu search


ข้อมูลจาก Dramawiki

Title : Hungry!
Genre: Food, romance / Episodes: 11
Broadcast : Fuji TV 10 Jan-20 Mar 2012 Tuesday 22:00
Screenwriter: Omori Mika
Director: Motohashi Keita /Shiraki Keiichiro /Kiuchi Taketo

Omori Mika ผลงานของผู้เขียนบทท่านนี้ที่เคยดูได้แก่ Lunch no Joou ,Long Love Letter , My boss my hero และ Buzzer Beat ซึ่งเป็นเรื่องที่ชอบทุกเรื่อง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจถ้า Hungry จะเป็นซีรีย์ที่เต็มใจอยากบอก

ชอบซีรีย์เรื่องนี้จัง! (^-^)

เพราะดูแล้วชวนเจริญอาหาร
เห็นแต่ละจานแล้วสำราญตา
ดูน่าเอร็ดอร่อยชวนน้ำลายหก

ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะดูตอนหิว
เพราะนั่นอาจเป็นการบิดเกลียวกระเพาะอาหารให้ทรมานจนเกินไป




ที่สำคัญซีรีย์นี้เรื่องอบอวลไปด้วยมิตรภาพอันอบอุ่น ที่ไม่ได้เป็นเรื่องราวของมิตรภาพจ๋า แต่ในความเป็นเพื่อนสนิทตามธรรมดาก็ทำให้รู้สึกดี และแล้ว..ก็ทำให้หลงรักความสัมพันธ์ในครัวของเพื่อนเหล่านี้เสียจริง

มาแนะนำตัวละครกันเลยค่ะ



เริ่มจากร้านอาหาร Le Petit Chou

ยามาเตะ เอย์สึเกะ เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการปรุงอาหารอันน่าทึ่ง มิเสียชาติเกิดที่เกิดมาเป็นลูกชายของเชฟฝีมือลือชื่อ ยามาเตะ ฮานาโกะ ผู้เป็นเจ้าของภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส Le Petit Chou เพราะพรสวรรค์อันเลิศเลอ ใครๆ ต่างคิดว่าเขาจะต้องรักการเป็นเชฟและสืบทอดการทำภัตตาคารตามรอยมือผู้เป็นแม่

**(ไม่ถนัดใช้คำว่าภัตตาคาร ต่อไปนี้ขอเขียนง่ายๆ ว่า “ร้านอาหาร” นะคะ)

แต่ชีวิตไม่แน่ไม่นอน ใครจะไปคิดว่า ณ วันหนึ่งในวัยเด็กน้อยเขาจะได้พบกับพลังของร็อคและตกหลุมรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น การค้นพบตัวเองที่ไม่ได้มีแค่พรสวรรค์ในการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการดนตรีด้วยเช่นกัน และมันได้กลายเป็นความฝันใฝ่

เอย์สึเกะทำอาหารและเล่นดนตรี แต่พอเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่นเขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดในการเลือกร็อคและหันหลังให้ครัว เพื่อมุ่งหน้าล่าฝันบนเส้นทางสายร็อค โดยมีคำสัญญาพ่วงใจ ถ้าอายุ 30 ปีแล้ว ยังไม่ประสบความสำเร็จในร็อค เขาจะกลับมาเพื่อสืบทอดกิจการของแม่

เอย์สึเกะ จึงทิ้งมีดทำครัวหันไปรัวนิ้วใส่เบส ชื่อวงดนตรีที่ร่วมกันฟอร์มวงกับเพื่อนๆ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก คือ ROCKHEAD เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก วัย 30 มันมาเร็วจะตายไป ฝันที่พยายามกันมานานก็ยังไม่กลายเป็นจริง จากวัยรุ่นสู่วัยหนุ่มเต็มตัวและล่วงเข้าจวนเจียน 30 เพิ่งจะได้มีโอกาสสำหรับการพิจารณาเดบิวต์ครั้งแรก แต่แล้ว .. ก็พลาดจนได้

เพื่อนฝูงเริ่มเบื่อหน่าย ที่จะดันทุรังต่อไป วัยที่โตขึ้นทำให้ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ในวัย 30 ยังคงทำงานพาร์ทไทม์ไม่ใช่เรื่องที่จะยังสบายใจได้ พวกเราก็พยายามกันมามากแล้ว พอกันเสียทีเถิด ยอมแพ้ต่อความฝันอันเลื่อนลอยแล้วมองหาความมั่นคงให้ชีวิตกัน ซึ่งนั่นหมายถึงพวกเราต้องเลิกวง แล้วหางานประจำทำกันซะที



ในวันหมองหม่นอะไรจะดีเท่าอาหารรสมือของแม่ รสชาดที่เขารัก จากแม่ที่เขารัก แม่ที่ไม่เคยต่อต้านการหันหลังให้ครัวของเอย์สึเกะ และเมื่อเขาบอกกับแม่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับมาตามคำสัญญาอายุ 30 แม่ก็ยังบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลกับคำสัญญานั่น สำหรับฝันของลูก จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ ไว้เมื่อไหร่ลูกรู้สึกอยากจะเป็นเชฟจริงๆ ลูกค่อยกลับมา

แต่ ณ วันนั้น ที่เขาหันกลับไปมองแผ่นหลังของแม่ผู้กำลังนั่งเขียนบันทึกการทำอาหาร แม่ฟุบลง และหลังจากนั้น แม่ไม่เคยฟื้นขึ้นมาอีกเลย แม้ยังไม่สามสิบเต็ม เอย์สึเกะก็อยากจะเริ่มทำตามคำสัญญา (หรืออาจเป็นไปได้ว่าเพราะหมดทางไป) แต่ภัตตาคารของแม่ถูกพ่อขายไปแล้ว เพราะพ่อไม่ทันรู้ว่าเอย์สึเกะเปลี่ยนใจอยากจะหันหน้ากลับมาเข้าครัวน่ะสิ เจ้าของใหม่ปรับเปลี่ยนร้านใหม่และป้าย le petit chou ถูกปลดลง เอย์สึเกะจึงเก็บป้ายนั้นมาด้วยความเสียใจอันเป็นแรกผลักดันให้เขาคนนี้ตั้งมั่นจะสร้างร้านของแม่ขึ้นมาอีกครั้ง สร้างขึ้นมาและรักษามันไว้ด้วยตัวของเขาเอง

ด้วยเหตุนี้สมาชิก ROCKHEAD ที่ว่างงานจึงถูกลากมารวมตัว



สึมึโยชิ เคนตะ มือกีตาร์ของ ROCKHEAD เขามีแฟนและอยากแต่งงาน ดังนั้น มันจึงจำเป็นที่เขาอยากจะมีงานประจำทำเหมือนที่คนอายุ 30 ทั่วไปควรจะมี หากมัวจมอยู่กับ ROCKHEAD นั่นเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการยอมรับจากครอบครัวแฟนสาว และเรื่องการแต่งงานอาจจะเป็นไปไม่ได้ (แฟนของเคนตะเธอชื่ออะไรไม่รู้ เป็นนักแสดงรับเชิญที่โผล่หน้ามาหลายครั้งกว่าคนอื่น แต่เธอหน้าตาน่ารักมาก โดยเฉพาะตอนแต่งงาน สวมชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากๆ ) เคนตะเป็นคนใจร้อนพอๆ กับเอย์สึเกะ สองคนนี้จึงมักตีกันอยู่เสมอ ประมาณว่า เพื่อนสนิทพูดกันปกติไม่เข้าใจ ต้องคุยกันไปแลกหมัดกันไปถึงจะคุยกันรู้เรื่อง



ฟุจิซาวะ สึโยชิ มือกลองของวง ROCKHEAD กับหัวสีทอง กับรอยสักอันเบ้อเร่อที่โผล่พ้นเสื้อลามออกมาตามแขน ทำให้เขามีบุคลิกภาพไม่เหมาะกับร้านอาหารฝรั่งเศสอย่างแร้งง ไม่ว่าจะหน้าที่อะไรเขาก็ไม่เหมาะทั้งนั้น ต้อนรับแขกเหรอ? อย่าเลย หลบไปไกลๆ ดีกว่า รับออเดอร์เหรอ? ไม่ไหวจะให้พูดกับลูกค้า จะว่าไปแล้ว ด้วยบุคลิกภาพของเขาหน้าที่อะไรก็ไม่เหมาะทั้งนั้นไม่ว่าจะในครัวหรือนอกครัว แค่เดินถือมีดทำครัวออกมาหน้าร้านถูไปมาลับคมมีดฉับๆ คนที่หลงผ่านมาก็พากันกระเจิงเพราะคิดว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของนักเลงโตซะแล้ว

สึโยชิเป็นคนง่ายๆ เพื่อนว่าไงก็ว่างั้น เอาไงเอากัน อะไรก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งความ “เยอะ” ของเพื่อนรักเอย์สึเกะก็เป็นอะไรที่สุดจะทนได้เช่นกัน



ฮิราสึกะ ทาคุ เขาอายุยังน้อยกว่าคนอื่น ( 26 ปี ) ดังนั้น จึงยังคงไม่หมดหวังในเรื่องดนตรี ทาคุเป็นคนมั่นใจในหน้าตาและเสียงร้องของตัวเองสุดๆ เขาเป็นคนแยกตัวไปก่อนที่ ROCKHEAD จะยุบวงเสียอีก แต่ชีวิตก็เจอแต่ปัญหา บางครั้งคนมันจะซวยช่วยไม่ได้ ต้องไปลงเอยที่สถานีตำรวจอย่างหมดทางไป ถึงออกมาได้ สุดท้ายก็ซมซานแบบเลือดโทรมกลับมา



ทาคุรู้จักเพื่อนทั้งสามและเข้ามาร่วมวงทีหลังตอนที่โตเป็นหน่มกันแล้ว เขาจึงดูไม่เป็นที่สนิทใจเหมือนเพื่อนทั้งสาม เอย์สึเกะ สึโยชิ เคนตะ ที่รู้จักและเล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งแต่เด็กมีความสนิทสนมกัน เมื่อทาคุใจร้อนแยกจากวงไปแบบไม่สนใคร เขาจึงไม่เป็นที่ต้อนรับในยามกลับมา แต่ด้วยประสบการณ์การเป็นโฮสต์ชั้นเชิงดี และด้วยความร่าเริงแจ่มใจ คุณสมบัติเหล่านี้เหมาะแก่การเป็นบริกรคอยดูแลลูกค้าให้มีความเบิกบานใจ เช่นที่ลูกค้าคนสำคัญผู้เป็นเพื่อนเก่าของแม่ได้ให้คำตำหนิต่างๆ แก่เอย์สึเกะ และบอกกล่าวด้วยความหวังดี

“วันนี้ที่ร้านรอดตัวไปได้ ก็เพราะมีเด็กคนนั้นหรอกนะ”



อาหารอร่อยจากเชฟฝีมือระดับเทพอย่างเดียวมันไม่เพียงพอกับการเป็นร้านอาหารหรอก ถ้าลูกค้ารู้สึกไม่ชอบใจกับการให้บริการ หรือรู้สึกไม่สบายใจกับบรรยากาศของร้านที่มีแต่เชฟหน้าตาบึ้งตึง พนักงานที่น่าหวาดหวั่นทั้งหน้าตาและการพูดจากระโชกโฮกฮาก แล้วใครจะอยากกลับมาเข้าร้านอีก แต่ทาคุ มีความแตกต่างจากพวกเขา ถึงทาคุจะตั้งตนเองเป็นศูนย์กลางของการมองโลกรอบตัว (แบบน่ารักนะ) แต่ว่าเขาเป็นคนที่รู้วิธีบริการคน ทาคุจึงเป็นคนที่เพื่อนไม่อยากเอาแต่จำเป็นต้องเอา เพราะขาดเขาไม่ได้



มัตสึโกะจัง เธอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยเชฟฝึกหัดของฮานาโกะ (แม่เอย์สึเกะ) เมื่อรู้ว่าลูกชายของนายเก่าหยิบเอาป้ายชื่อ le petit chou มาเปิดร้านใหม่ แม้สถานที่ในการทำร้านจะต่างกันราวฟ้ากับเหว จากห้องอาหารสวยหรูสไตล์บ้านยุโรปกลายมาเป็นร้านทึมๆ ที่ดัดแปลงสถานที่เอาจากโกดังเก็บของเก่าๆ (เพราะค่าเช่ามันถูก) สถานที่ที่ไม่ได้เหมาะกับชื่อดีๆ อย่าง Le petit chou แม้แต่น้อย (แปลว่าอะไรไม่รู้ แต่ในละครเค้าว่าเป็นชื่อดีที่น่ารัก) แต่เธอก็ยังอยากมาทำงานร่วมกับลูกชายของฮานาโกะจัง แม้ค่าจ้างจะต่ำและไม่รู้จะไปกันรอดหรือเปล่าก็ขอลองเสี่ยง กับ "Young Master" คนนี้ดู

ถ้าหากเคนตะมีข้อเสียที่การพูดจาโหวกเหวกเสียงดังให้ลูกค้าตกใจ สึโยชิมีรูปลักษณ์น่ากลัวและวิธีการพูดจาก็ไม่ได้ต่างจากเคนตะเลย มัตสึโอกะผู้เคยทำงานในร้านเดิมของแม่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก เพราะเธอเพิ่งเคยเป็นแค่พนักงานฝึกหัด แถมเธอยังข้อเสียอันน่าเป็นห่วงคือความประหม่าต่อลูกค้า แล้วเธอจะเริ่มซุ่มซ่ามอย่างก่อความเสียหาย นั่นแหละๆ พวกเขาจึงจำเป็นต้องมีทาคุ ในการรับรองลูกค้า มีทาคุ โฮสต์เก่าซะหนึ่งคน ลูกค้าเข้าร้านแต่ละคนทาคุจัดการเอง ทาคุเอาอยู่



ทาโร่ซัง เขาไม่ใช่ลูกค้า ไม่ใช่พนักงาน ไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เขาเป็นพ่อของเอย์สึเกะ เขาจึงเป็นผู้มาสถิตเป็นปูชนียบุคคลอยู่ที่ร้านเป็นประจำเหมือนเช่นเคยเป็นมาสมัยร้านเดิมตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นศิลปินอิสระและเป็นนักมายากลเสรีที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือมีผลงานอะไรเป็นชื่อเสียง แต่กับทาโร่ซังคนนี้เราสามารถที่จะมองเขาได้ในสองแง่มุมคือคนหลักลอยไร้สาระ หรือถ้าจะมองกันอีกมุมคือคนที่อยู่อย่างพอเพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ใฝ่ฝันสูง ไม่แข่งขันกับอะไร และเขาเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิตในแต่ละวัน แม้ว่าความสำราญบานใจในศิลปะและมายากลของเขานั้น บางครั้งจะนำมาซึ่งความผิดพลาดที่เสียหายแบบมิได้ตั้งใจ แต่ทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขโอโต้ซังไม่จำเป็นต้องเครียด (แต่เอย์สึเกะลูกชายผู้ได้รับความเสียหาย..อย่างเครียด 555)



แม่ตาย ร้านถูกขายเพราะพ่อผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์

พ่อไม่ได้ช่วยอะไรเป็นประโยชน์แถมบังครั้งยังทำลาย (แบบมิตั้งใจนะตัว)

เพื่อนที่เคยจับแต่เครื่องดนตรีรัวร็อคต้องเปลี่ยนมาจับเครื่องครัว
คาดผ้ากันเปื้อนคลุกคลีอยู่กับถ้วยจานจับต้องผักปลาอาหาร

ร้านก็เพียงดัดแปลงเอาจากโกดังเก่า ๆ ทำเลก็อับ ทางเข้าซับซ้อนกว่าที่ใครจะหาเจอง่ายๆ

ลูกค้าไม่มี ค่าใช้จ่ายไม่หยุด น้ำไม่ไหลไฟดับไม่มี
เพราะที่นี่มีแต่น้ำพุ่งกระฉูดไฟลุกโชกโชนเพราะท่อแตกบ้างไฟไหม้บ้าง

มีแต่เสียกับเสีย มีแต่จ่ายกับจ่าย เงินขาด ค่าแรงไม่พอ ขอกู้ไม่ผ่าน ฯลฯ

เหล่านี้ก็สมควรหรอกที่เอย์สึเกะจะหน้าตายุ่งเหยิง จากเดิมที่บุคลิกหน้าตาก็ดูเหมือนคนอารมณ์บูดตลอดเวลาอยู่แล้ว การเริ่มต้น le petit chou จึงเริ่มต้นด้วยความทุลักทุเลขนาดหนัก แล้วไหนจะต้องมาเจอกับคนที่ตั้งตนเป็นศัตรูคู่แข่ง คนเดียวคนนี้ที่ซื้อร้านของแม่ไป ด้วยคำสัญญาจะรักษาร้านไว้ดังเดิมแต่ไม่ได้ทำตามที่สัญญาสักคำ




ร้าน Gasterea

อาโซ โทคิโอะ
เขาไม่ใช่เชฟ ไม่ใช่นักชิม แต่เขาเป็น “นักกิน” ที่หลงรักในรสชาดอาหารฝีมือเชฟฮานาโกะ (แม่ของเอย์สึเกะ) และเขาเป็น “นักธุรกิจ” ที่เห็นว่าวิธีการทำร้านอาหารของฮานาโกะเป็นการละทิ้งโอกาสในการทำเงินอย่างน่าเสียดาย ร้านที่หากทำการปรับปรุงจะสามารถเพิ่มโต๊ะอาหารได้อีกมาก และหากปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ทางการตลาดด้วยจะช่วยเพิ่มลูกค้า อัพราคา และเพิ่มผลกำไรได้อีกโข มันเป็นเวลายาวนานที่อาโซพยายามจะขอซื้อร้านมาเป็นของตัวเองแล้วให้แม่ของเอย์สึเกะยังคงเป็นเชฟต่อไป แต่เขายังทำไม่สำเร็จจนกระทั่งเธอเสียชีวิตไป และมันก็ตกเป็นของเขาเพียงเพราะสามีของเธอนั้นเชื่อคนง่ายเกินไป และเขาก็ได้ปรับเปลี่ยนมันสมใจนึก ปรับปรุงสถานที่ ขยายจำนวนที่นั่ง จ้างเชฟมือหนึ่งด้วยราคาแพงลิ่ว เปิดตัวร้านหรูหราด้วยการเชื้อเชิญสื่อมวลชนมาทำข่าวอย่างคึกคัก ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี



ต่อให้ลูกชายของฮานาโกะมาเปิดร้านอาหารฝรั่งเศสในละแวกเดียวกัน (เปิดร้านวันเดียวกันด้วย) โดยใช้ชื่อเดิมจากชื่อร้านของแม่ le petit chou พร้อมป้ายกระดาษเห่ยๆ เป็นลูกศรชี้บอกทางผ่านหน้าร้านเขาไป ซึ่งนั่นอาจทำให้คนหลงเข้าใจผิดคิดเมิน Gasterea ไปหาร้านเดิมที่ติดอกติดใจอย่าง Le petit chou แทน แต่นั่นก็เป็นเพียงเสี้ยนหนามเล็กๆ ที่เล็กเกินกว่าจะทำให้ระคายเคือง แค่สถานที่ที่อาโซแอบเดินตามลูกศรไปย่องดู ก็คนละระดับกันแล้ว ไหนจะเชฟอ่อนหัดที่แม้จะเคยร่ำเรียนวิชาเชฟมา แต่มันก็แค่นั้นเพราะเขาไม่เคยไปฝึกปรือฝีมือในภัตตาคารดีๆที่ไหน แม้ชื่อร้าน le petit chou อาจทำให้คนหลงผิดเดินตามป้ายบอกทางไปบ้าง แต่ที่นั่นก็มีแค่ร้านห่วยๆ เชฟพื้นๆ ลูกชายผู้ไม่เอาไหนของฮานาโกะ กับพวกพ้องของเขาที่เป็นอดีตนักดนตรีกากๆ อาโซจึงตัดสินได้ว่า พวกเขาไม่ควรค่าพอจะถือเป็นคู่แข่งของ Gasterea ให้ต้องกังวล


แต่เชฟมือทองของ Gasteria คาชิวาอิ อิปเป ไม่คิดอย่างนั้น เขาไม่แค่กังวลแต่ถึงขั้นวิตกเมื่อรู้ว่า ยามาเตะ เอย์สึเกะ ได้ทำการเปิดร้านอาหารฝรั่งเศสขึ้นในละแวกนี้ด้วย ไม่สำคัญหรอกว่าร้านนั้นจะหรูหราไฮโซเที่ยบกับ Gasterea ไม่ได้อย่างไร ไม่สำคัญว่าเอย์สึเกะจะร้างมือจากการทำอาหารไปจับเครื่องดนตรีนานแค่ไหน เพราะมันสำคัญอยู่ที่พรสวรรค์ขั้นเทพของเขาเป็นสิ่งที่ใครจะมองข้ามไปไม่ได้ คาชิวาอิรู้เรื่องนี้ดีเพราะเขาเคยอยู่โรงเรียนสอนทำอาหารเดียวกันกับเอย์สึเกะ

แม้อาโซซังจะยังมั่นใจและบอกให้เขามั่นใจในตัวเอง แต่คาชิวาอิ คนที่ร่ำเรียนเป็นเชฟมานานกว่า ฝึกปรือฝีมือมาอย่างโชกโชน เคี่ยวกรำประสบการณ์มาอย่างหนัก ก็ยังคงหวั่นไหวอยู่ภายในใจลึกๆ อาโซซังคิดว่าเอย์สึเกะเป็นแค่นักดนตรีขี้แพ้ที่หมดทางไปจึงหันกลับมาหวังเอาดีกับการเป็นเชฟเพราะเชื่อในพรสวรรค์ที่มี แต่ที่จริงก็แค่เคยมี เพราะเขาได้ทอดทิ้งมันไปแล้ว



คาชิวาอิคิดไม่เหมือนกัน เอย์สึเกะที่แม้จะร่ำเรียนในโรงเรียนเชฟ แต่เขาก็เอาใจออกห่างการทำอาหารไปคลุกคลีอยู่กับดนตรีร็อคตั้งแต่เล็กและเขาก็อยู่กับมันมาตลอดทั้งยี่สิบปีผ่าน ทว่าที่สุดแล้ว..เขาก็ยังกลับมาเข้าครัวอีกจนได้ ที่เขาไม่ประสบความสำเร็จด้านดนตรีอาจไม่ใช่เพราะเขาแพ้ แต่อาจเป็นเพราะพระเจ้าไม่ยอมปล่อยเขาไป เขาอาจถูกมองว่าทิ้งพรสวรรค์ แต่นี่มันก็เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ไม่ยอมทิ้งเขา

คาชิวาอิอาจคิดถูกแล้ว เพราะเอย์สึเกะกำลังหักเหตัวเองเข้าสู่เส้นทางที่พระเจ้าคงตั้งใจขีดไว้ให้เดินตั้งแต่แรก และต่อมาอาโซซังก็ได้ตระหนักเช่นกันว่าเอย์สึเกะนั้นสำคัญพอจะเป็นคู่แข่งต่างระดับที่น่ากลัว



เชฟฮิกาชิซัง ที่ Gasterea คาชิวาอิเป็นเชฟใหญ่ ฮิกาชิเป็นเชฟรอง เขาเป็นเชฟที่เคยทำงานกับเจ้าของร้านเดิมคือฮานาโกะ ความรู้สึกดีๆ ของลูกน้องที่เคยทำงานร่วมกับหัวหน้าเชฟดีๆ อย่าฮานาโกะผู้เป็นแม่ และฮิกาชิก็เห็นเอย์สึเกะผู้เป็นลูกชายของเธอมาตั้งแต่เด็กๆ การได้รู้ว่าเอย์สึเกะเลิกเล่นดนตรีและหันมาเปิดร้าน ถึงเขาจะได้รับการว่าจ้างให้ทำงานต่อที่ Gasterea ก็ยังรู้สึกเอาใจช่วยลูกชายของเจ้านายเก่าอยู่ลึกๆ ฮิกาชิซังเป็นคนที่เก็บรักษาบันทึกการทำอาหารที่ฮานาโกะเขียนเอาไว้ บันทึกที่เป็นทั้งของขวัญและของต่าง บางทีฮานาโกะซังอาจจะรู้อยู่แล้วว่า เอย์สึเกะจะต้องกลับมาเป็นเชฟไม่วันใดก็วันหนึ่งเธอจึงทำสิ่งนี้เตรียมรอไว้ให้ลูกชายของเธอ

ฮายาชิ
กับ มิยาจิ สองลูกน้องสาวของร้าน Gasterea ที่มักจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ อาโซซัง เพื่อประดับบารมีให้เขาดูมีความเป็น “เจ้านาย” อย่างไฮโซชัด

ส่วนผู้หญิงอีกคนที่เห็นในรูปด้านบน ไม่ใช่สมาชิก Gasterea แต่ใส่รูปยัดๆ มาให้ลงตัว (แบบว่าประหยัดจำนวนรูปไง) ชิรายามะ ยูกิ เธอเป็นคนที่รู้จักกับหนุ่มๆ ROCKHEAD แต่เธอเป็นอะไรก็เรียกไม่ถูก คนที่คอยดูแลศิลปินหน้าใหม่เข้าสู่วงการ คล้ายๆ กับเป็นแมวมองที่คอยแนะนำให้พวกโปรดิวเซอร์มาดูตัวน่ะค่ะ เธอมองเห็นศักยภาพของ ROCKHEAD และพยายามเหลือเกินจะช่วยให้พวกเขาได้เดบิวต์ ยูกิจังไม่เห็นด้วยนักที่หนุ่มๆ จะมาทำร้านอาหารกัน เพราะคิดว่าอย่างไรเสียพวกเขาควรรอโอกาสในทางดนตรี และเธอยังคงพยายามจะหาโอกาสนั้นมาให้ ถ้าเรียกง่ายๆ เธอก็เป็นเพื่อนของพวกเขานี่แหละ เพียงแต่เป็นเพื่อนสาวต่างวัย เธอเป็นคนหนึ่งที่แวะเวียนมาที่ร้านของหนุ่มๆ เสมอ เพราะความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อพวกเขา และเพราะรสชาดอาหารอร่อยๆ จากรสมือเอย์สึเกะที่คุ้นเคย



โอคุสึ ชิเอะ นางเอกของเราเป็นสาวสวนผัก และเป็นสาวเจริญอาหารผู้รักการกินอาหารเอามากๆ เธอมีความฝันใสๆ แบบเด็กสาวทั่วไป หากเมื่อไหร่มีแฟน สักครั้งหนึ่งในการเดท จะต้องพากันไปกินอาหารที่ le petit chou ให้ได้ แต่ยังไม่ทันจะมีแฟนกับเขาสักคน ร้านนั้นก็ปิดตัวลง เปลี่ยนโฉมหน้าและเปลี่ยนป้ายไปเป็นร้านอื่นที่แตกต่างจากร้านในฝันร้านเดิม ทว่า .. ป้ายบอกทางนั้นจุดประกายแห่งความหวังใหม่ไว้รอเดทในฝันขึ้นมาอีกครั้ง (แค่รอให้ฉันมีแฟน) เพียงแต่ เมื่อลองเดินตามป้ายบอกทางไป ที่ๆ เธอพบ นั่นไม่ใช่ Le Petit Chou อย่างเคยฝัน ไม่เหลือเค้าแม้แต่เท่าขี้เล็บด้วยซ้ำ มันแตกต่างกันอย่างไม่รู้จะหาอะไรเปรียบ รวมถึงคนหน้าตาดุดันน่ากลัวที่ท่าทางจะโมโหร้ายขนาดหนัก เพราะจากที่เธอเห็น เขากำลังสูบบุหรี่ แถมยังเหวี่ยงเบสลงพื้น ทุบตั้บๆ แล้วคนอย่างนี้ กับร้านอย่างนี้ จะทำอาหารให้อร่อยได้อย่างไร การใช้ชื่อร้าน Le Petit Chou ช่างเป็นเรื่องไม่คู่ควร เขาไม่สมควรจะใช้ชื้อร้านนั้น



ว่ากันว่าเชฟที่สูบบุหรี่ไม่มีทางทำให้อาหารอร่อยได้ ดูเหมือนเอย์สึเกะจะรู้ในคำกล่าวนั่นและเขาก็เลิกสูบมัน เขาได้กลายมาเป็นลูกค้าสวนผัก และชิเอะก็เป็นเด็กเข็นผักไปส่งที่ร้าน ได้ลองลิ้มอาหารจากฝีมือเชฟที่ดูบุคลิกหยาบๆ แต่ไหงอาหารมันดันมีรสชาดอร่อยเลิศ เธอตกหลุมรักอาหารฝีมือเอย์สึเกะทันที ต่อมาอาการหลงใหลในรสมือของเอย์สึเกะก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงเธอจะเป็นลูกสาวสวนผัก แต่ก็ยังเป็นนักศึกษายังไม่มีเงินใช้จ่ายมากพอจะไปกินอาหารฝรั่งเศสได้บ่อยๆ อย่างมากก็แค่เดือนละครั้ง แต่เพราะสีหน้าแววตาที่มีความสุขเหลือเกินกับการกินอาหารที่เขาทำ เอย์สึเกะจึงมักเอื้อเฟื้อต่อเธอด้วย การให้อาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำเป็นส่วนประกอบของอาหารจานใหญ่และเหลือเก็บไว้ หรือแม้แต่กระทั่งอนุญาตให้เธอกินอาหารที่เหลือสำหรับมื้อเย็นของพวกเขาเองที่ร้านได้ ทำไปทำมา ชิเอะก็เลยไม่ได้หลงใหลแค่อาหาร แต่หลงรักคนทำอาหารเข้าไปด้วย น่าอนาถที่เธอตกหลุมรักผู้ชายด้วยท้องก่อนจะรักด้วยใจ ( 555 ) แถมยังเป็นการแอบรักเขาข้างเดียวอย่างชีช้ำ เพราะเอย์สึเกะมีแฟนแล้ว แถมยังเป็นสาวสวยที่เด็กสวนผักกะโปโลอย่างเธอเทียบไม่ติด



ทาชิบานะ มาริเอะ แฟนสาวสวยของเอย์สึเกะ เธอเป็นพนักงานธนาคาร ผู้หญิงวัยสามสิบที่เริ่มกังวลถึงอนาคตและมองหาความมั่นคงของชีวิต และเอย์สึเกะดูจะยังห่างไกลจากความมั่นคงที่ว่านั้น แต่เธอก็รักเขา นักดนตรีผู้มีความฝัน ทว่าเมื่อเอย์สึเกะหันมาเปิดร้านอาหารและมันเต็มไปด้วยปัญหาที่ยากจะบอกได้ว่าเขาจะไปได้ดี หรือมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ในหมู่เพื่อนสาวที่มีครอบครัวต่างก็พากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อเสียของผู้ชายเป็นเชฟให้ฟังกรอกหู ไหนจะเพื่อนร่วมงานหนุ่มที่มีทัศนคติด้านลบต่อผู้ชายอายุ 30 แต่ยังไม่มีภาพอนาคตอันชัดเจน

การเป็นเชฟทำให้เอย์สึเกะใช้เวลาทำงานตอนกลางคืนซะมาก และนอนตอนกลางวัน เขายังต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อบรรเทาภาระใช้จ่ายที่ร้านยังไม่อยู่ตัวในช่วงเริ่มตน เวลาว่างตรงกันกับมาริเอะจึงน้อยลงกว่าตอนที่เขาเป็นนักดนตรี พบกันน้อยลงความสัมพันธ์ยิ่งห่างเหิน มาริเอะแอบเห็นบัญชีค่าใช้จ่ายของร้านที่ติดลบ และรู้ว่าเอย์สึเกะมาติดต่อขอกู้เงินที่ธนาคาร เธอยิ่งเริ่มหวั่นไหวกับการหวังจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายที่ยังไม่มีอนาคตอะไรแน่นอน ความกังวลของเธอจึงมักสะท้อนออกมาเป็นคำพูดที่กลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของเอย์สึเกะแบบไม่รู้ตัว




นี่จึงเป็นความแตกต่างของผู้หญิงสองคน

ชิเอะ เด็กสวนผักที่รักการกินอาหาร อาหารอร่อยคือความสุขของผู้คน เธอคือเด็กส่งผักและลูกค้าหน้าใสที่ทำให้เอย์สึเกะรู้สึกดีกับการเป็นเชฟ คำพูดความรู้สึกดีๆ ต่อฝีมือการทำอาหารและการมีอยู่ของร้านเขา ทำให้เอย์สึเกะรู้สึกมีความสุขกับตัวเองที่เขาได้เลือกเป็นเชฟและเธอยังทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจดีๆ ที่จะฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ให้ร้านของเขาผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้

มาริเอะ แฟนของเอย์สึเกะเอง เธอต้องการความมั่นคง เธอเคยรับได้กับการที่เขาเป็นนักดนตรีที่รอความสำเร็จ เพราะเธอชอบที่เขาเป็นนักดนตรี แต่การที่เขามาเป็นเชฟ เธอไม่ชอบใจนัก ร้านอาหารควรเป็นที่สำหรับการออกเดทและมาดินเนอร์กับแฟน ไม่ใช่ที่ๆ แฟนของเธอจะทำงานเป็นเชฟอยู่ก้นครัว และเธอไม่คิดว่ามันจะเป็นหนทางอาชีพที่เอย์สึเกะจะประสบความสำเร็จ เธอชอบรสชาดอาหารที่เขาทำ แต่เธอก็เป็นสาวรักสวยรักงามและต้องคำนึงถึงการไดเอ็ท




ข้อเสียข้อใหญ่ของเอย์สึเกะคือ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาซะเลย เขาจึงไม่เข้าใจความต้องการของสาววัยสามสิบอย่างมาริเอะ และไม่ระมัดระวังต่อความรู้สึกชอบพอของเด็กสาวชิเอะอย่างเหมาะสมด้วย



ฉากที่เอย์สึเกะ ถามชิเอะออกมาทื่อๆ ต่อหน้าสมาชิกในร้านทุกคน

ด้วยเหตุผลนั่น..นี่ บลา บลา บลา สรุปได้ว่า “เธอชอบฉันใช่ไหม”

แม้แต่ตัวเราเองดูแล้ว ยังอึ้ง ... โห ถามออกมาได้ ถึงมันจะจริง แต่จะให้ชิเอะตอบอย่างไร ต่อหน้าผู้คนที่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเอย์สึเกะมีแฟนแล้ว ก็สมควรที่ทาคุจะอึ้งถึงขั้นแก้วน้ำร่วงจากมือ และคนอื่นๆ จะพากันเบิ่งตา เพราะอึ้งที่เอย์สึเกะพูดเรื่องอย่างนี้ออกมาโต้งๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาพื้นๆ ที่คุยกันได้แบบเปิดอกต่อหน้าคนอื่นๆ แน่นอนว่านั่นเป็นคำถามที่ทำให้ชิเอะของเรา..ช็อค! และปฏิกิริยาตอบสนองของเธอนั้น ..... ไม่บอกหรอก (อิอิ)




ก็จริงอย่างที่ทาคุถาม

“นายต้องการอะไรกันแน่ ถึงต้องถามชิเอะออกไปอย่างนั้น”

ใช่ มันก็น่าสงสัย เขามีแฟน ไม่เลิกกับแฟน แล้วเขาต้องการจะรู้ความรู้สึกของชิเอะเพื่ออะไร เพื่อปฏิเสธเธอหรือ เมื่อผู้หญิงไม่ได้สารภาพนั่นเป็นเรื่องต้องถามเอาความจริงหรือไง หรือถ้าเป็นห่วงไม่อยากให้ชิเอะหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ไปไกล นั่นเป็นเรื่องสมควรที่ต้องหักหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นๆ เหรอ ช่างสมเป็นเอย์สึเกะที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาซะเลย



ส่วนนี่คือคุณพ่อ คุณน้องชาย และคุณเพื่อนของชิเอะจังที่น่ารักกันทุกคน




แม้ว่า ครัว อาหารฝรั่งเศส กับดนตรีร็อค ดูจะไม่ใช่อะไรที่เข้ากั๊น เข้ากัน แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็มีเนื้อเรื่องและจัดบทบาทของตัวละครแต่ละตัวได้พอดี บทบาทที่ชอบสุดคงเป็นบทของอาโซซัง โกโร่เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่ชื่นชอบค่ะ (ชื่ออ่านเสียงอย่างนี้หรือเปล่าไม่รู้นะ โกโระ หรือโกโร่) เขาเป็นคนที่ไม่ได้ดูดีหรือร้ายออกหน้าตามากนัก แต่แสดงออกมาแล้วชอบ เข้าใจได้ เหมือนอย่างเคยพูดถึงไว้ในเรื่อง Nagarebushi เรื่องนี้บทของอาโซซังถือโดดเด่นเป็นสำคัญ ศัตรูคู่แข่งที่คอยขัดแข้งขัดขา เรียกได้ว่าเป็นตัววางยาคอยทำลายขวัญกำลังใจเหมือนผู้ใหญ่จ้องรังแกเด็ก อาโซซังต้องทำเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของเขา แต่ว่าในหัวใจของท่านคู่แข่งผู้นี้ หลังจากได้ลิ้มลองแล้วติดใจ ก็รักฝีมือการทำอาหารของเอย์สึเกะอย่างจริงจังด้วย เช่นเดียวกับในอดีตที่รสมือของฮานาโกะผู้เป็นแม่ ทำให้เขากลายเป็นลูกค้าประจำที่ le petit chou ร้านเดิม และไม่เคยเลิกที่จะทำการเจรจาขอซื้อร้านกับเธออยู่เป็นประจำ เธอไม่เคยยอมขาย และเขาไม่เคยเลิกตื๊อ



อาโซซังไม่อยากให้มีร้านของเอย์สึเกะเป็นคู่แข่ง แต่เขาก็ไม่อยากให้พรสวรรค์ของเอย์สึเกะเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ด้วย อาโซซังจึงต้องคิดหาทางหลายตลบ ทำอย่างไรจะทำลายร้านของเอย์สึเกะลงได้ และทำอย่างไรจะไม่ต้องอดกินอาหารรสมือของเอย์สึเกะและใช้ประโยชน์จากฝีมือนั้นเพื่อการธุรกิจของเขาด้วย



คนน่ารักสุดคือ ทาคุ น่ารักทั้งหน้าตาและนิสัยที่ไม่นิยมคำว่าคิดมากและ...เครียด ทิ้งเพื่อนไป แต่พอเดือดร้อนก็หน้าหนาพอจะโทรเรียกเพื่อนมาช่วยเหลือ เพื่อนไล่ก็ไปแต่ก็หน้าทนพอจะกลับมาแบบไม่รู้ไม่ชี้ เพื่อนไม่ต้อนรับไม่ว่าข้าจะต้อนรับตัวเองเองก็ได้ (บอกแล้วว่า self Center คิดเองเออเอง) เพื่อนไม่มีตังค์ให้ อย่างน้อยก็ขอข้าวกิน เอาเถอะจะเป็นอย่างไรทาคุก็เป็นเพื่อนและพอจะมีคุณสมบัติโฮสต์ที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง เอย์สึเกะจึงให้ทาคุทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้าน ไม่มีค่าจ้างจ่ายให้ในภาวะที่ร้านยังขาดทุน แต่ให้อาหารการกินและที่อยู่อาศัยเป็นเครื่องตอบแทน ทาคุจึงย้ายไปอยู่รวมกันกับเอย์สึเกะและพ่อของเขาในห้องเช่าเล็กๆ ด้วยกัน

และเพื่อให้ได้ซื้อผักในราคาที่ถูกลง เอย์สึเกะจึงส่งทาคุผู้ว่างงานไปช่วยงานที่สวนผักของชิเอะด้วย (นี่ก็ใช้เพื่อนหลายอย่างซะจริง) ทาคุจึงใกล้ชิดกับชิเอะ และประสาคนเข้าใจหญิง เขาจึงรู้ความรู้สึกของเธอได้ง่ายๆ ตอนแรกก็คอยสนับสนุนให้กำลังใจ ทาคุยังอยากมุ่งไปในทางดนตรี และยูกิจังก็ยังคอยช่วยเขาอยู่ เขาจึงหาเหตุไม่ว่างเพราะดนตรี เป็นข้ออ้างให้ชิเอะไปช่วยงานที่ร้านตอนเขาไม่อยู่แทน แต่ช่วยไปช่วยมาทาคุเลยดันตกหลุมรักชิเอะซะเอง








เป็นผู้เขียนล่ะก็มีพระรองหล่อๆ คอยห่วงใยอย่างนี้ รักพระรองให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ว่าชิเอะไม่ใช่ผู้เขียน เรื่องนี้จึงมีคนแอบรักอยู่สองคน ชิเอะแอบรักเอย์สึเกะ และทาคุแอบรักชิเอะ ซึ่งคนไม่ชอบรักสามเส้าไม่ต้องกังวลอื่นใด เพราะนี่ไม่ใช่ซีรีย์เกาหลี ความรักในซีรีย์ญี่ปุ่นลักษณะนี้จะไม่ทำให้รู้สึกเครียดหรืออึดอัดเลย เบาๆ สบายๆ น่ารักแบบใสๆ


แต่คนที่ชอบสุด คือ เจ้าหัวทอง สึโยชิ ที่ตอนแรกเป็นม้านอกสายตา บทอาจไม่เด่นเท่าเคนตะ หรือทาคุ บทพูดก็มีน้อยด้วย เขาไม่ใช่คนตลก แต่เขาเป็นคนหน้ามึนที่มักเป็นเหตุของความตลก

แต่ชอบที่สุดกว่าต้องเธอคนนี้ Katagiri Hairi ผู้รับบท มัตสึโกะจัง มีป้าเรื่องไหน มีฮาที่นั่น เรื่องนี้เธอไม่ได้ฮามากอย่างที่คิด แต่หน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์เอ๋อประหลาดของเธอแค่เห็นก็ชวนยิ้มได้แล้ว

Hungry เป็นเรื่องของอาหารใส่ปากโดยแท้ เสิร์ฟกันมาจานต่อจาน หลากหลายหน้าตาจากตอนแรกยันตอนสุดท้าย ไม่ว่าจะอาหารของ Le Petit chou หรือ Gasteria หรูหราสวยงาม (บางจานงามเว่อร์เกินระดับของร้านอาหารสภาพโกดังของพระเอกเยอะเลยนะ) จับภาพกันทีละจาน ขึ้นชื่อบอกนามแต่ละเมนูพร้อม แล้วยังโคลสกล้องไปแบบไล่ชิ้นอาหารในระยะประชิดทุกจาน แบบผักเป็นผัก กุ้งเป็นกุ้ง ปลาเป็นปลา มีซอสครีมหรืออะไรอาบเยิ้มมา เยิ้มกันให้เห็นระยับ สีสันสดสวยชวนจินตนาการรสชาดแบบจะๆ ตา ซึ่งหากมาวางจานอยู่ตรงหน้า บทพิจารณาอาหารที่ว่า อย่ากินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า ผู้คนเหนื่อยยาก ลำบากหนักหนา สงสารบรรดาคนไม่มีกิน คงไม่มีความจำเป็นต้องนึกถึง เพราะว่าคงกินกันได้ไม่เหลือซาก แม้ว่าผู้เขียนจะเป็นคนกินอาหารยาก คือถนัดแต่อาหารพื้นๆ ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ยิ่งถ้าเป็นอาหารเหนือกับอิสานจะเริ่ดถูกคอมาก อาหารใต้ไม่ถนัดนัก อาหารจีนญี่ปุ่นไม่ถูกปาก อาหารฝรั่งงั้นๆ มันเลี่ยนซะทุกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นเห็นอาหารที่ว่าเป็นเมนูฝรั่งเศสเหล่านี้แล้วยังรู้สึกน้ำลายสอเพราะหน้าตามันสวยงามน่าอร่อยจริงๆ



จึงถูกใจ Hungry ทั้งเนื้อเรื่องสนุกดี ทั้งตัวละครที่กลมกลืนและรับบทโดยนักแสดงผู้มีความชอบอยู่เป็นทุนอย่าง ทาเคชิ / โชเฮ ได้ตัวเสริมอย่างป้าคาตางิริ ไฮริที่ตลก เฮียโกโร่ที่แสดงดี ลุงโอสึกิ เรน ที่คุ้นเคยหน้าตา ลูกค้าผู้มาพร้อมกับเรื่องราวแต่ละคนโดยมีนักแสดงรับเชิญมาแต่ละตอน (ไม่ต้องตื่นเต้นเพราะส่วนใหญ่สูงวัยทั้งนั้น) ความสัมพันธุ์ของเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขแม้บางครั้งจะทนกันและกันไม่ไหว แตกคอ สลัดผ้ากันเปื้อนทิ้งร้านจากไป..บ้าง แต่พวกเขาก็ยังกลับมาอยู่ด้วยกันในครัว เป็นความอบอุ่นดูแล้วสบายใจ บวกกับอาหารหน้าตาสวยงามมากมายที่ชวนจินตนาการรสชาดอันบรรเจิด

Hungry จึงเป็นความสนุกเบาๆ ที่มีความกลมกล่อมอย่างลงตัว
ไม่เจ็บใจ ไม่รู้สึกเสียดายเวลา..ที่ดู








Create Date :13 พฤษภาคม 2555 Last Update :14 พฤษภาคม 2555 13:44:24 น. Counter : Pageviews. Comments :9