bloggang.com mainmenu search


Title : 드라마의 제왕 / The King of Dramas
Director: Hong Sung-Chang Writer: Jang Hang-Jun
Network: SBS Mon & Tues 20:55 Nov 12- Jan 13 Episodes: 18

อย่างแรกเลยคือชอบชื่อเรื่อง "ราชาแห่งละคร"
อย่างที่สองคือชอบนางเอกคนโปรด "จองเรียววอน"
อย่างที่สามคือชอบพลอต "เบื้องหลังละคร"

นับจาก On Air เล่ห์รักโลกมารยา ปี ๒๐๐๘ ที่พระเอกเป็นผู้กำกับ นางเอกเป็นนักเขียน ก็เพิ่งมาเจอละครเบื้องหลังละครอีกเรื่องนี่แหละที่นางเอกเป็นนักเขียน พระเอกเป็นผู้จัดละคร ซึ่งก็สนุกไม่แพ้ On Air แต่จะชอบเรื่องนี้มากกว่าตรงที่มันมีความฮา



ซีรีย์เรื่องไหนที่ต้องรอออนแอร์ดูแบบไม่ต่อเนื่อง ถ้าไม่สนุกจริงก็มีสิทธิ์จะหลุดไปจากความสนใจได้ง่ายๆ เพราะจะมีมาให้ดูแค่สัปดาห์ละ ๒ ตอน แต่The King of dramas คือละครเกี่ยวกับเบื้องหลังการทำละคร มันจึงมีความน่าสนใจอยู่เป็นทุน บวกกับนักแสดงฝีมือดี และการดำเนินเรื่องสนุกแบบมันส์พะย่ะค่ะ ประหนึ่งดูซีรีย์พีเรียดชิงบัลลังก์ รวมแล้วจึงเป็นละครที่สนุก แม้ว่าเรตติ้งจะไม่สูงนัก แค่ประมาณ ๑๐ % เท่านั้น



เรื่องย่อ The King of Dramas

เปิดเรื่องด้วยเนื้อหาของวงการละครเกาหลีที่มีความสำคัญเป็นมูลค่ามหาศาลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมละครโทรทัศน์ และความรุ่งโรจน์ของ "แอนโทนี่ คิม" (คิมมยองมิน) ผู้อำนวยการใหญ่ของเอ็มไพร์-บริษัทผลิตละครที่เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการนี้



ความยิ่งใหญ่ของแอนโทนี่ ไม่ได้ไขว่คว้ามาอย่างใสสะอาดโดยอาศัยเพียงความทะเยอะทะยาน ไหวพริบความฉลาดที่รวมตัวกันเป็นความสามารถในทางบริหารจัดการ แต่เพราะเขาคือมนุษย์ผู้ดิ้นรนต่อสู้มาทุกวิถีทางเพื่อจะไขว่คว้าชัยชนะและยืนหยัดอยู่เหนือใครๆ

" แทนที่จะรอวันตายอย่างช้าๆ เหมือนโอเอซิสที่กำลังแห้งขอด
เราต้องวิ่งไปจนสุดขอบฟ้า ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เรามี"

แม้ว่าจะต้องใช้วิธีการสกปรกทุกรูปแบบ แม้ว่าจะต้องโหดเหี้ยมไร้ปราณี แอนโทนี่ คิม พร้อมจะเลวเพื่อประสบความสำเร็จและพุ่งสู่เป้าหมายที่เรียกว่า "เงิน" ช่วงแรกๆ จึงเห็นว่าเขาเลวมากกก

 



แต่สูงสุดย่อมคืนสู่สามัญ แอนโทนี่จะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าเป็นราชาผู้มีอำนาจในวงการละครสักเท่าใด เพียงหนึ่งครั้งที่พลั้งพลาด ราชาก็พลัดตกจากบัลลังก์

"อีโกอึน" (จองเรียววอน) หญิงสาวหน้าซื่อ ตาใส จิตใจดี ที่ดวงชะตาพาดผ่านเข้ามาในเส้นทางอโคจร ร่วมกับชีวิตอันดิ่งดับของแอนโทนี่ คิม จากผู้ช่วยนักเขียนของนักเขียนบทชื่อดังที่รอเวลาสั่งสมประสบการณ์และสร้างโอกาสผันตัวไปเป็นนักเขียนบทละครมือหนึ่งตามความใฝ่ฝัน พลันต้องกลายเป็นศิษย์คิดล้างครู เป็นนักเขียนที่ยังไม่ทันผุดเกิดก็โดนฝังกลบตายสนิทไปแล้วจากวงการนี้ เพียงเพราะผู้ชายคนเดียวที่เลวร้ายอย่างไ-อ้คุณ ผอ. แอนโทนี่ คิม

ชอบตอนโกอึนสาปส่ง ผอ.คิม ตอนนี้มากเลย แรง! ฝังใจแอนโทนี่!
แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่แอนโทนี่ได้ทำกับเธอ .. มันยังน้อยไป




ทว่าชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน

๓ ปีต่อมา กับชีวิตสุดตกอับที่ดับไปแล้วจากวงการของแอนโทนี่ เขาได้พบกับแสงรำไรที่อาจจะนำพาชีวิตให้พ้นไปจากความมืดมนได้อีกครั้ง มันคือแสงจาก "อรุณรุ่งแห่งคยองซอง" บทละครของอีโกอึนที่เขาเคยโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี กลายเป็นของล้ำค่าขึ้นมาทันที เมื่อยากูซ่าขาใหญ่จากแดนอทิตย์อุทัยอยากลงทุนทำละครสักเรื่องเป็นที่ระลึกของชีวิตชราก่อนวันตายจะคืบคลานมาถึง



แต่ของฟรีไม่มีในโลก แม้จะถูกใจกับบทละครมากเพียงใด การจะจ่ายเงินทุนออกไปย่อมต้องมีเงื่อนไขที่ไม่ง่ายจะเป็นไปได้ แต่ด้วยแอนโทนี่ คิม คือนักสู้ผู้เลือดเย็น นี่คืออนาคตของเขา นี่คือโอกาสเดียวที่จะใช้พลิกชีวิตของเขาขึ้นมาได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต่อสู้เพื่อฝันฝ่า ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรเขาจะยอมแลกไปเพื่อทุ่มเททำละครเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จ และต้องไม่ใช่ความสำเร็จธรรมดา แต่ต้องเป็นความสำเร็จที่ส่งให้เขาได้ผงาดคืนสู่วงการละครอย่างสวยงามอีกครั้ง

The King of Dramas จึงเป็นเรื่องราวของเบื้องหลังการทำละคร "อรุณรุ่งแห่งคยองซอง" เรื่องนี้เอง




"เวิร์ลโปรดักชั่น" บริษัททำละครเล็กๆ ที่แอนโทนี่จัดตั้งขึ้นมา ไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรที่ยักษ์ใหญ่อย่างเอ็มไพร์จะต้องเหลียวมอง แต่เพราะมันเป็นบริษัทของ "แอนโทนี่ คิม" จึงไม่สำคัญหรอกว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะมีมูลค่าพอให้เสียเวลาใส่ใจหรือไม่ เพราะถ้ามันเป็นของแอนโทนี่ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่ เอ็มไพร์จะต้องเหยียบย่ำมันให้จมดิน ขอแค่ให้ชื่อของเขาตายไปจากวงการนี้ จะทำอย่างไรก็ทำ ไม่จำเป็นต้องสนวิธีการ นั่นจึงเป็น "สงครามแห่งจักรวรรดิ" ดั่งชื่อตอนที่ ๑ ว่าไว้โดยแท้ และก็ชอบการตั้งชื่อตอนแต่ละตอน เพราะมันจุดความน่าสนใจขึ้นมาทุกครั้งที่เปิดซีรีย์เริ่มตอนใหม่



ตอนที่ ๑ สงครามแห่งจักรวรรดิ
ตอนที่ ๒ เมื่อราชาตกกระป๋อง
ตอนที่ ๓ เมื่อราชาคืนสู่บัลลังก์
ตอนที่ ๔ ยุทธพิชัยสงคราม
ตอนที่ ๕ การเอาคืนของผู้แพ้
ตอนที่ ๖ การแตกแยกต่อหน้าศัตรู
ตอนที่ ๗ นักสู้ทาส บนทางยางมะตอย
ตอนที่ ๘ เมื่อผู้ค้ำจุนไม่มา
ตอนที่ ๙ สงครามแห่งผาแดงเดือด
ตอนที่ ๑๐ คู่รักฟ้าประทาน
ตอนที่ ๑๑ เส้นทางชีวิต
ตอนที่ ๑๒ ไม่มีศัตรูใดที่อยู่ถาวร
ตอนที่ ๑๓ ชายในกองเพลิง
ตอนที่ ๑๔ ยามค่ำสู่รุ่งอรุณ
ตอนที่ ๑๕ เราต้องข้ามแม่น้ำรูบิคอนไปให้ได้
ตอนที่ ๑๖ ตามหาช่วงเวลาที่หายไป
ตอนที่ ๑๗ อย่ากลัวความมืด
ตอนที่ ๑๘ ตอนจบของราชา หรือว่า ราชาของตอนจบ




แรกๆ ก็ทำเอาท้อแท้ไปเหมือนกัน เพราะพระเอกนั้นทั้ง..แก่ และ ..ไม่หล่อ (ในสายตาเรา) มิหนำซ้ำนิสัยยังสุดเลว ร่ำๆ จะเลิกดูละ ถ้าไม่ทนพระเอกไปได้จนถึงตอนที่ เวิล์ดโปรดักชั่น กับ เอ็มไพร์ ทำสงครามแห่งจักรวรรดิกันอย่างเมามัน

อำนาจ อิทธิพล การข่มขู่ เส้นสาย เงินใต้โต๊ะ
แอนโทนี่ คิม พร้อมกระทำเองและพร้อมทั้งต่อสู้



กว่าจะได้มาซึ่งเวลาการออกอากาศจากทางสถานีโทรทัศน์ SBS ใช่ว่าแย่งกันได้แล้วมันจะจบ แต่ได้มาแล้วยิ่งต้องรักษาสิทธิให้ดีในช่วงเวลาที่มันอาจยังเปลี่ยนแปลงได้ก่อนสถานีจะจ่ายงบออกไปช่วยสร้างและเริ่มออกอากาศ แต่ของเขาไม่ถึงขนาดถอดกลางคันแบบ "เหนือเมฆ" หรอกนะ กำลังจะว่าละครมันเว่อร์อยู่เชียว นี่แหละที่เขาว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร



กว่าจะได้มาซึ่งพระเอกคนดังที่โก่งค่าตัวอย่างขูดรีด คังฮยอนมิน (ซอยซีวอน Super Junior ) ที่แม้จะได้ชื่อว่า งี่เง่า หลงตัวเอง ปัญญาอ่อน และขี้งก! ก็ใช่ว่าเงินอย่างเดียวจะซื้อฮยอนมินได้เพราะฝ่ายตรงข้ามก็มีเงินเหมือนกัน ไหนจะการคัดตัวนางเอก ซองมินอา ( โอจีอึน) ที่ก็ค่าตัวแพงลิบด้วยศักดิ์ศรีของนางเอกระดับแถวหน้าของวงการบันเทิง อดีตความหลังของเธอกับแอนโทนี่ และสำคัญคือเธอเป็นนักแสดงสาวเบอร์หนึ่งในสังกัดของ "ศัตรู"



ปัญหาการเมืองในสถานีโทรทัศน์ และประสบการณ์เคยร่วมงานที่ทำให้เกิดการบอยคอตต์จนแอนโทนี่ไม่สามารถหาผู้กำกับละครได้ เพราะไม่มีใครอยากร่วมงานกับเขา เหมือนอย่างนักเขียนคนหนึ่งเคยพูดไว้เมื่อครั้งแอนโทนี่เคยพยายามซื้อตัวให้มาร่วมงานด้วยกัน

"แปดล้านวอนแต่ทำงานเหมือนสุนัขรับใข้
ฉันขอรับแค่หกร้อยล้านวอนแล้วทำงานเหมือนนายกฯดีกว่า"



กว่าจะได้ผู้กำกับที่ก็เป็นหนึ่งใน "ตัวปัญหา" แต่ว่าฝีมือเก๋า กว่าความสัมพันธ์อดีตเคยแตกหักและปัจจุบันยังร้าวฉานของ ผอ.คิม กับนักเขียน อีโกอึน จะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย แล้วไหนจะปัญหาชะตาไม่ต้องกันของนักแสดง พระ-นาง ของอรุณรุ่งแห่งคยองซองที่เป็นปัญหาระหองระแหงส่อเค้าจะล่มตั้งแต่วันแรกของการซ้อมบทและการแถลงข่าว และก็ยังเป็นปัญหาตลอดมาในระหว่างการถ่ายทำด้วย เป็นการเอาชนะคะคานต่อกันอย่างฮาสุดๆ ชอบตอนที่ความอดทนของผู้กำกับถึงขีดสุด และเรียกทั้งสองคนมาด่าอย่างไม่มีไว้หน้ากันอีกต่อไป

"ตั้งแต่ที่ฉันกำกับละครมา ในบรรดานักแสดงที่ฉันเคยร่วมงานด้วย
พวกเธอสองคนน่ะ เป็นนักแสดงที่แย่ที่สุด"

"ค่าตัว 1% ไม่สิ สำหรับค่าตัว 0.1%ของพวกเธอ
นักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงและทีมงาน ตั้งใจทำงานโดยไม่บ่นสักคำ
พวกเธอไม่อายพวกเขาบ้างเลยหรือไง
ถ้าพวกเธอยังพอมียางอายกันอยู่บ้าง ก็กลับไปคิดอีกครั้ง
ทำไมถึงเป็นนักแสดง ทำไมถึงต้องทำการแสดง
จะไม่มีการถ่ายทำ จนกว่าพวกเธอจะคิดได้!"




ผอ. นัมวูนยอง (Kwon Hae-Hyo) แห่งสถานีโทรทัศน์ SBS เขาได้ชื่อว่าเป็นคนรักความถูกต้องยุติธรรม และเกลียดคนเลวอย่างแอนโทนี่ที่สุด เป็นตัวละครที่ชอบมากค่ะ ตอนแกขึ้นรับตำแหน่ง ผอ.สถานีฯ แบบม้ามืด แม้รู้ว่าจะต้องกลายเป็นอุปสรรคของพระเอกชนิดที่เรียกว่ากระดูกชิ้นโต แต่ก็รู้สึกสะใจใช่ย่อย ตัวละครนี้เป็นแบบอย่างของการเป็นผู้บริหารที่ดี มีความรับผิดชอบ และมีจรรยาบรรณในการผลิตรายการโทรทัศน์ออกมาสู่สาธารณชน นักแสดงที่สะกดชื่อเป็นภาษาไทยไม่ถูกท่านนี้ เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงอาวุโสของเกาหลีที่ชอบมาก อย่างที่เล่นเป็นคุณหมอวิสัญญีใน Cain and Abel ก็ชอบบทนั้นมากเหมือนกัน




สิ่งต่างๆ ที่เห็นในเบื้องหลังของการทำละคร "อรุณรุ่งแห่งคยองซอง" ดูแล้วก็เชื่อว่าน่าจะมีความพ้องกับปัญหาเบื้องหลังการทำละครจริงๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ทำให้ดูสนุก เพราะบางอย่างก็ทำให้นึกถึงซีรีย์เรื่องนั้นเรื่องนี้ตามไปด้วย

- การขาดเงินทุน ไม่มีเงินลงทุนสร้าง ก็ไม่มีละคร

- ภาพในหัวของผู้กำกับ ที่ขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงของงบประมาณ ชอบจริงๆ นะ กับประเด็นอลังการงานสร้างเพื่อฉาก ๕ นาที ของผู้กำกับคู ( Koo Young-Mok) ถ้าไม่ได้ภาพดั่งใจตามอารมณ์ ตรงจินตนการ ผู้กำกับก็มีนอยด์เอาเรื่อง

- ความขัดแย้งของนักเขียนบท กับผู้จัดละครที่ต้องคำนึงถึงการโปรโมทแบรนด์สินค้าลงไปในสินค้า นึกถึงที่ซีรีย์ Innocent Man โดนวิจารณ์เรื่องการพยายามโปรโมทโทรศัพท์มือถือมากเกินไป (เห็นด้วยกับข่าว เพราะคิดเหมือนกันว่า ดูจงใจเกินเหตุ)

- ปาปารัซซี่ ข่าวฉาว การวิพากษ์วิจารณ์ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของนักแสดงที่อาจมีผลต่อละคร จึงต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงนักแสดงผู้รับบท นักแสดงเกาหลี กับข่าวเสียหาย กระแสของชาวเน็ต แม้ปัญหาเพียงเล็กน้อยไม่เจตนาในสายตาของเรา ก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นอาจหมดอนาคตได้ในบ้านเขา (กรณีนี้ทำให้นึกถึงข่าวเมาแล้วขับของนิชคุณ 2PM หนุ่มลูกครึ่งไทยของเราที่ไปเอาดีอยู่ที่เกาหลีด้วยนะ)



- การผลิตละครมีสาระเพื่อเด็ก เรตติ้งไม่สูง แต่มันมีประโยชน์ต่อสังคม ขณะเดียวกันในฐานะผู้บริหารช่อง เรตติ้งและค่าโฆษณาก็เป็นเรื่องสำคัญ การรักษาสมดุลเป็นเรื่องยาก แค่ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะฟาดกำไรมาก หรือเอาแค่พอตัวและยอมสละกำไรที่ควรจะได้ส่วนหนึ่งเพื่อคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคมบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องต่อสู้กับความเห็นของคณะผู้บริหารส่วนใหญ่ รับฟังบ้าง ยอมบ้าง เผด็จการบ้างคละเคล้ากันไป

- นักเขียนบทหน้าใหม่ บทละครของโกอึนอาจเป็นที่ต้องการของนายทุน แต่ในการเรียกความสนใจและเรตติ้ง คนส่วนใหญ่ย่อมเชื่อในนักเขียนมีประสบการณ์ ยิ่งมีชื่อเสียงดังด้วยยิ่งดี แม้จะอ้างว่าจ้างมาเป็นผู้ช่วย แต่ที่จริงก็คือการจะกลืนผลงานของนักเขียนหน้าใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน



- การฟ้องร้องเรื่องการคัดลอกผลงานมาจากนักเขียนอื่น

- อำนาจของนักแสดงคนดัง ที่สามารถเล่นตัว หรือเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและบทบาท การต่อสู้ของนักเขียนที่จะต้องรักษาบทละครของตัวเองเอาไว้ ซึ่งมันรวมถึงศักดิ์ศรีของการเป็นผู้เขียนบทละครด้วย

ตอนที่ซองมินอาอ่านบทแล้วขอให้โกอึนเปลี่ยนแปลงบท เพราะเธอคิดว่าในตอนแรกมันได้ปลดปล่อยใจความสำคัญของละครออกมามากเกินไป และบทของตัวละครที่เป็นนางเอกก็ออกมาช้าเกินไป มันไม่ดีกว่าหรือที่นางเอกก็ควรจะมีบทบาทออกมาเรียกความสนใจให้กับละครตั้งแต่ตอนแรกๆ



ทำให้นึกถึง เรื่อง Princess Ja Myung ขึ้นมาทันที เพราะมันใช่เลย คิดแบบนั้นตอนที่ดูตอนที่ ๑ ของเรื่อง มันปลดปล่อยใจความสำคัญออกมาในตอนที่ ๑ มากเกินไป ส่วนเรื่องนางเอก ก็คิดเหมือนกันนะ ถ้าเรื่องไหนนางเอกยังไม่ออกมาในตอนแรก มันเริ่มเซ็ง เหมือนกันกับละครที่เริ่มเรื่องตั้งแต่ตอนเด็ก แล้วถ้าพระเอกนางเอกยังเด็กกันอยู่นั่นนานไป ไม่พากันโตซะที จากที่รอลุ้นก็จะเริ่มเบื่อ ต้องรีบๆ ให้โต ส่วนเรื่องราวอะไรวัยเด็กที่ขาดตกบกพร่องก็ย้อนเอา สลับเอา เราคิดว่ามันดูน่าสนใจกว่า



ชอบในประเด็นนี้ที่มันได้ให้ความเป็นกลาง ทั้งในมุมของนักเขียนและในมุมของนักแสดงมืออาชีพที่มีประสบการณ์พอจะมองลึกเข้าไปในตัวละครที่พวกเขาต้องเล่น อย่างที่ตอนฮยอนมินต้องการให้เป็นเมโลดราม่า สิ่งที่เขาคิดเราว่าก็คิดถูกนะ เมโลดราม่าจะเป็นเครื่องมือแสดงความสามารถในการเร้าอารมณ์และโกยเรตติ้ง แต่ไม่รวมถึงการเรียกร้องให้เปลี่ยนบทอย่างไร้สาระอื่นๆ นะ ฮามากกับการขอเปลี่ยนฉากเปิดตัวพระเอกที่ฮยอนมินมีปัญหากับท้องทะเลน่ะ เห็นเป็นคนอย่างนั้นพระเอกฮยอนมินก็ใช่จะเลิกล้มความพยายามง่ายๆ ไม่ว่าเขาจะดื้อกับเรื่องอะไร "แบรด พิตต์" เท่านั้นที่เอาอยู่



โกอึนบอก ผอ.คิมว่า เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนบทแน่ แต่จะทำอย่างไรหากซองมินอาไม่ยอมแสดง แอนโทนี่บอกว่า ไม่หรอก ซองมินอาเป็นมืออาชีพ ที่สุดแล้วเธอจะแสดงมันแน่นอน และย้อนถามโกอึน

"คุณรู้มั้ย พวกมืออาชีพต่างจากพวกมือสมัครเล่นตรงไหน ?"

และนี่คำตอบที่เขาให้แก่เธอ

"พวกมือสมัครเล่นจะโทษโลกใบนี้ แต่พวกมืออาชีพจะย้อนมองตัวเอง"

ขีดเส้นใต้เลยนะคะ พวกมืออาชีพจะย้อนมองตัวเอง หลังจากนั้น สิ่งที่นักเขียนโกอึนคิดและลงมือทำ คงต้องยอมรับว่าพระเอกเนี่ย ไม่ว่าปัญหาไหน กับใคร เขาเป็นสาลิกาลิ้นทองจริงๆ

แต่ครั้งที่แอนโทนี่ พูดได้ประทับใจที่สุดคือพูดกับ ผอ.นัม เพราะในสถานการณ์นั้น กับคนดีๆ ที่ยอมแพ้แบบท่านผอ. มันไม่แทงใจดำให้รู้ไปสิ

"ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกผมว่า คนแบบผมสมควรหายไปจากวงการนี้
แต่สุดท้ายผมก็ยังอยู่ที่นี่และกลับกลายเป็นคุณที่ต้องเดินจากไป
ก่อนที่คุณจะไปจำใส่ใจไว้ด้วยนะครับ
สุดท้ายแล้ว โลกนี้ก็จะเหลือแต่คนเลวๆ ที่เต็มไปด้วยกลโกง"



- การถ่ายทำล่าช้าจนจำนวนตอนที่สต๊อกไว้อาจไม่เพียงพอต่อการออกอากาศ ทำให้นึกถึง Myungwal the spy ที่ต้องหยุดออกอากาศแล้วเอารายการอื่นมาคั่น ตามข่าวคือ การเรียกร้องขอให้เปลี่ยนแปลงบทของนางเอกสาว "ฮันเยซึล" (Han Ye Seul) รวมถึงการมาสายหลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อตารางงานในส่วนอื่นๆ ทำให้การถ่ายทำมีความล่าช้า และนางเอกสาวยังทิ้งการถ่ายทำแล้วเดินทางไปต่างประเทศด้วย นั่นคือในมุมที่ผู้ผลิตยื่นฟ้องแพ่งและอาญาแก่ฮันเยซึล แต่ในมุมของนักแสดงเธอยืนยันหลังยอมกลับมาถ่ายละครว่า เธอเชื่อว่าเธอทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากเธอไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นเลย ความจริงเป็นอย่างไร ใครจะไปรู้ และเขายกฟ้องยอมความกันหรือเปล่าก็ไม่เห็นข่าวอีกเหมือนกัน



- การเพิ่มตอนของละคร มุมหนึ่งมันคือสิทธิ์ในการกอบโกยผลประโยชน์ด้านเรตติ้งที่จะส่งผลเป็นเม็ดเงินจากค่าโฆษณา ขณะที่อีกมุมหนึ่ง มันมีความน่าเป็นห่วงว่าคุณค่าของละครกำลังจะลดลง ตอนที่ในละครเรื่องนี้กำลังถกกันเรื่องการเพิ่มจำนวนตอนของอรุณรุ่งแห่งคยองซอง ตัวละคร The King of Dramas เอง ก็มีเพิ่มมา ๒ ตอน จากเดิมที่ดูเหมือนจะวางแผนไว้แค่ ๑๖ เป็นสองตอนที่ไม่ชอบเลย ทุกอย่างมันควรจะลงตัวพอดีแล้ว จะยืดเยื้ออีกทำไมเมื่อราวของละครเองมันก็ค่อยๆ ดรอปความเข้มข้นลงมาอยู่แล้วในครึ่งหลัง แล้วยืดแบบเพิ่มดราม่ามุขเดิมๆ ของละครเกาหลีด้วย ดูแล้วหงุดหงิด แต่ถือว่าดีนะที่จบไปตามดราม่านำทางซึ่งก็แฮปปี้ไปตามความเหมาะสม นึกว่าจะจบแบบมหัศจรรย์-อันตรธานแซดดราม่า แล้วสุขเว่อร์กันถ้วนหน้า ๑๐๐% ซะอีก



ละครเรื่องนี้มันมีอะไรอีกหลายๆ อย่างสะกิดใจที่ทำให้รู้สึกว่า เออ จริงนะ! อย่างตอนที่โกอึนไปได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของแฟนละคร และฉุกใจคิดเกี่ยวกับบทละครของเธอขึ้นมานั้น ก็ทำให้นึกถึงละครบางเรื่อง การที่ตัวละครตัดสินใจทำในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าปูพื้นมาดี จะทำให้เชื่อในตัวละครและเข้าใจการกระทำนั้นได้ แต่ถ้าไม่ ก็จะเกิดการเข้าใจผิด และกว่าจะเปิดเผยเจตนาแอบแฝงที่ล่าช้า คนดูก็ชักเกลียดตัวละครเข้าไปแล้ว อย่างตอนที่แม่ของโกอึนบ่นนางเอกเรื่องอรุณรุ่งแห่งคยองซองว่า ทำไมเธอเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เมื่อโกอึนอธิบายให้แม่ฟังว่าเรื่องต่อไปจะเป็นอย่างไร แม่ของเธอบอกว่า "อ๋อ จะเป็นแบบนั้นเองหรอกเหรอ แม่ก็หลงด่าเธออยู่ตั้งนาน"



The king of dramas เอง ช่วงแรกก็เกลียดพระเอก แต่ไม่รู้ว่าผู้ชมท่านอื่นรู้สึกเหมือนเราหรือเปล่านะ ว่าเช็คที่แอนโทนี่สั่งจ่ายให้ครอบครัวของคนตายใบนั้น เขาทำเราอึ้งนะ มันทำให้รู้สึกยั้งความเกลียดเอาไว้ ยังไม่อยากฟันธงตัดสินพระเอกซะทีเดียว ต้องรอดูกันไปก่อน ดังนั้นแม้ต่อมาเขาจะยังเลวอีกเยอะ ก็ยังคงยั้งใจว่า เขาอาจจะมีมีพื้นเพบางอย่างมา เขาคงไม่เลวร้ายมาจากรากแก่นของจิตใจ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตามสไตล์ซีรีย์เกาหลี ตอนดู Cain and Abel อยู่คืนก่อนโน้น ก็ทำให้นึกถึงประเด็นนี้อยู่เหมือนกัน ความรู้สึกยอมรับและเสียสละของนางเอกที่ควรจะมีให้พระเอกด้วยความเข้าใจมันเกิดขึ้นช้าไปนิดนึง กว่านางเอกจะยอมบอกความจริงกับพระเอก มันก็รู้สึกไปแล้วว่าทำไมนางเอกเห็นแก่ตัวจัง แล้วนั่นมันก็เป็นเพราะเราไม่รู้สึกเชื่อไปด้วยว่าโดยความเป็นมาของนางเอกเธอจำเป็นต้องรั้งพระเอกไว้แบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่ผิดอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าทำแบบนั้นมันไม่เท่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังชอบ Cain and Abel อยู่ดี ไว้ดูจบแล้วจะมาเวิ่นเว้อ



นักเขียนอีโกอึน ตัดสินใจปรับเปลี่ยนการเขียนบทขึ้นมากระทันหัน เพราะเธอเห็นว่ามันจำเป็นที่คนดูต้องเข้าใจการกระทำของตัวละครมากกว่านี้ จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งค่ะ ที่ทำให้ดู The King Of Dramas แล้วรู้สึกสนุก เพราะมันได้คิดตามไปด้วยว่าเคยรู้สึกอย่างนั้น อย่างนี้กับฉากไหนในละครเรื่องใดบ้าง แถมยังได้ฮาเป็นระยะๆ

มันเป็นซีรีย์ที่เต็มไปด้วยปัญหาจริง ๆ ถ้าเราเป็นพระเอก คงถอดใจยอมแพ้แก่ชีวิตเฮงซวยแบบนั้นไปนานแล้ว แต่ว่าเขาคนนี้ไม่ยอมแพ้ เพราะเขาคือแอนโทนี่ คิม "นักสู้ทาส บนทางยางมะตอย" ไม่เข้าใจความหมายนักหรอก แต่น่าจะเป็นสำนวนเปรียบเทียบของคนเกาหลี เพราะเหมือนจะเคยได้ยินใครพูดประโยคนี้ในรายการวาไรตี้ด้วย



นักแสดง

คิมมยองมิน ( ๔๐ ปี ) : ได้ยินว่า เป็นนักแสดงสุดเก๋าของเกาหลีเค้าเลย ก็แสดงดีจริงๆ นะ ขอยอมรับ บทบาทและมาดเหมือนพระเอกนักธุรกิจหนังฮ่องกง แต่ถ้าว่ากันตามตรงคาแรคเตอร์ของ แอนโทนี่ คิม ก็ยังไม่สามารถลบภาพความแก่และไม่หล่อไปจากสายตาตัวเองได้ จึงไม่รู้สึกรักตัวละครตัวนี้ เหมือนอย่างที่รัก "ต๊กกูจิน" ที่รับบทโดยชาซึงวอน (๔๒ ปี) เรื่องนั้นมันลืมไปเลยว่าพระเอกแก่ หรือกรณีอย่าง ชาอินเพียว (๔๕ ปี) ที่เป็นนักแสดงรับเชิญในบท "ท่านพ่อ" ของพระเอกเรื่อง Gye Baek แค่ดูตอนแรกไปตอนเดียวก็นึกอยากให้ท่านพ่อมาเล่นเป็นพระเอกแทนท่านลูก ลีโซจิน (๓๙ ปี) ไปซะจริงๆ เลยเชียว เพราะท่านพ่อเท่มาก

ไม่เกลียด แอนโทนี่ คิม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชอบ แค่เฉยๆ ว่าเป็นพระเอกแนวนี้นะ สาเหตุคงเป็นเพราะ ความเนี๊ยบแบบมาดไฮโซ ทรงผมตั้งกระบัง สูทลายสก๊อต และสร้อยข้อมือวิบวับของเขานั่นล่ะมัง



จองเรียววอน : ไม่ต้องพูดถึง อิอิ คนมันรัก ทำยังไงก็รัก

หากเอ่ยถึงพระ-นาง ก็ต้องประโยคเด็ดใจนี้

" ผมไม่อาจเชื่อใจใครๆ ในโลกใบนี้
บางครั้งผมก็ไม่เชื่อใจตัวเอง แต่ผมเชื่อใจคุณ"

ไม่หวานไม่แหววนัก แต่ก็เป็นความรักในละครที่พอดีๆ ไม่มากไปจนเลี่ยน และไม่น้อยไปจนจืด ชอบให้มีแบบกลางๆ ประมาณนี้

ซีวอน : ที่สุดอ่ะค่ะ ผช. คนนี้ ฮามาก ช่วงแรกๆ ที่ "คิมฮยอนมิน" มีบทบาทออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเค้าแสดงฝืด หรือตัวเราเองที่รู้สึกว่ามันฝืน เพราะหน้าตาและภาพลักษณ์"คุณชาย" ของซีวอน ดูจะไม่เข้าก้นเลยกับคาแรคเตอร์ฮยอนมิน แต่เล่นไปเล่นมา ฮาฮ่าฮ่า ซีวอนนั่นคือตัวของคุณเองใช่มั้ย เพราะถ้าใครเคยดูซีวอนออกรายการวาไรตี้ เขาก็ดูเป็นคนกระตือรือร้น บ้าพลัง อยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะพยายามนิ่งรักษามาดคุณชายอยู่ไม่น้อย แต่ที่บรรดาเพื่อนๆ วง Super Junior จะเผลอหรือตั้งใจเผาซีวอนก็แล้วแต่ มันน่าเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนที่ตลกมากแน่ๆ แถมยังคิดอีกด้วยว่าคาแรคเตอร์ของคิมฮยอนมิน ก็ดูคล้ายคลึงกับซีวอนตอนที่มาออกรายการ Running Man



โอจีอึน : นางเอกของอรุณรุ่งแห่งคยองซอง เป็นคนรักเก่าของ ผอ.แอนโทนี่ คิม นักแสดงคนนี้หน้าสวย ขาวมาก ซองมินอากรีดตามาแต่ละฉาก แต่งตัวมาแต่ละชุดล้วนสวยงาม ถึงจะไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน แต่บทนี้เหมาะกับเธอนะ เป็นคู่จิกกัดกับคิมฮยอนมิน แบบว่า ดุเด็ด เผ็ดมันส์ น่ารักและฮาดี





ถ้าไม่มี คิมฮยอนมิน กับ ซองมินอา นึกไม่ออกเลยว่า บรรยากาศของซีรีย์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เพราะช่วงแรกที่ยังไม่มีบทของคิมฮยอนมิน ยังคิดอยู่เลยว่าที่จัด The king of dramas เป็นประเภท "คอมเมดี้ " มันคือตรงไหนเหรอที่คอมเมดี้ หลังจากการคัดตัวพระเอกอรุณรุ่งแห่งคยองซอง จึงถึงบางอ้อ มันคอมเมดี้จริงๆ นะเอย พ่อประคุณมีบทออกมาทีไร อะไรที่ลุ้นที่ตึงเครียดอยู่ สลายสิ้น บางทีเขาก็เหมือนจะมีความจริงจังให้เห็นเป็นบางครั้ง แต่อย่าพยายามตั้งความหวัง เพราะเขาจะทำให้หงายเงิบกับการหักมุม ขำดีจริงๆ ภาพพจน์เท่ๆ อย่างในซีรีย์ Poseidon กับ Athena: Goddess of War จะเหลือมั้ยเนี่ย แต่โดยหน้าตาของซีวอน ถ้าแค่นิ่งไปนิดเดียวก็จะเข้าสู่โหมดที่ดูเป็น "พระเอก" ไปทันที ความฮาจึงต้องค่อนข้างใช้แอคติ้งบนใบหน้า ถือว่าละครก็แคสติ้งนักแสดงมาดีนะคะ ไม่ใช่ว่าเป็นบทรองแล้วจะคัดใครมากิ๊กก๊อก แต่เอาระดับพระเอกไอดอลจริงๆ มาเล่นเป็นพระเอกคนดัง

แล้วก็ชอบใจจริงๆ เล้ย ที่เอานักแสดงญี่ปุ่น "ฟูจิอิ มินะ" มาเล่นเป็นภรรยาสาวแสนสวยของหัวหน้าแก๊งยากูซ่า นายทุนญี่ปุ่นผู้เริ่มต้นลงขันให้แอนโทนี่ คิม มีโอกาสกลับมาทำละครอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน





"ความยุติธรรมที่ไร้ซึ่งอำนาจเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์
แต่อำนาจที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมก็เป็นเพียงความรุนแรง"

จะว่าไป ซีรีย์เรื่องนี้มีคำพูดดีๆ น่าคิด อยู่เยอะเหมือนกัน ถือว่ามีสาระและให้ข้อคิดได้หลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะออกมาจากปากของพระเอก แอนโทนี่ คิม ที่แก่ประสบการณ์ชีวิตนักสู้ และกร้านต่อโลกที่ปะปนไปด้วยคนเลวและความอยุติธรรม โลกที่คนดีๆ จะไม่มีที่อยู่ แต่การได้พบกับอีโกอึน และการทำละคร อรุณรุ่งแห่งคยองซองครั้งนี้ ทำให้แอนโทนี่ได้พบว่า ความยิ่งใหญ่และความสุขที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร





























แหล่งภาพและข้อมูล Asianwiki / Dramawiki / //www.series8-fc.com/ (ดูซีรีย์ออนไลน์)

Create Date :19 มกราคม 2556 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:57:52 น. Counter : 16793 Pageviews. Comments :4