bloggang.com mainmenu search




















ธรรมะนี้เปรียบเหมือนผลไม้ที่เราไปบ้านญาติบ้านเพื่อน แล้วเขาเอาผลไม้ฝากเรา เราหยิบผลไม้ไว้ในมือของเรา แต่เราก็ไม่รู้เปรี้ยว หวาน ฝาดอะไรต่าง ๆ คือจับผลไม้แล้วก็ยังไม่รู้รสผลไม้ จะรู้รสก็ต้องเอามาทานขบเคี้ยว จึงจะรู้ว่ามันเปรี้ยว มันหวาน มีรสชาติต่าง ๆ ตามสัญญาของเรา


ธรรมะนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น ทุกอย่างท่านให้เอาตนเองเป็นพยาน ไม่ต้องเอาคนอื่น เรื่องของคนอื่นตัดสินได้ยากลำบากเพราะเป็นเรื่องของคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้วมันง่ายที่สุดเพราะความจริงมันอยู่กับเรา มีเราเป็นพยาน ธรรมะนี้เมื่อฟังแล้วก็ต้องเอามาภาวนาให้เป็นปริยัติศาสนา ปฏิเวธศาสนา ปริยัติคือการเรียนรู้ รู้แล้วเอามาปฏิบัติตามก็เกิดความรู้ขึ้นมาตามความเป็นจริง ถ้าฟังเฉย ๆ ก็รู้ด้วยสัญญา เอาไปพูดก็ตามสัญญา ไม่ได้พูดตามความจริงให้ฟัง นี่เรายังเข้าไม่ถึงธรรมะ ไม่สอดส่องธรรมะ ใจยังไม่เป็นธรรม แต่พูดเป็นธรรม ได้ทำเป็นธรรมได้ นี่เรียกว่ายังไม่สมบูรณ์แบบตามพุทธศาสนา






จากเทปพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา ม้วนที่ ๒
















Create Date :30 มกราคม 2554 Last Update :30 มกราคม 2554 7:42:30 น. Counter : Pageviews. Comments :5