นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ยะลา, ปัตตานี, สงขลา, พัทลุง, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, ตรัง และสตูล เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง มีคลื่นสูง 2-4 เมตร

จึงสั่งการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ให้จังหวัดดำเนินการ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ที่ราบต่ำและริมชายฝั่งทะเล และเน้นย้ำผู้ประกอบการอาชีพประมงควรเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมติดตามประกาศข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง

จังหวัดพัทลุง น้ำท่วมถนนสายหลักเพชรเกษม ช่วงพัทลุง – ตรัง จำนวน 4 จุด ระดับน้ำเฉลี่ยสูงที่ 50 – 70 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ คือ
จุดที่ 1 สามแยกควนดินสอ - จุดยูเทิร์นเยื้องวัดลำกะ ม.7 ต.ชุมพล
จุดที่ 2 สามแยกคลองหมวย ม.1 ต.ลำสินธุ์
จุดที่ 3หน้าป้อมบ้านนา - รพ.ศรีนครินทร์ ม.3 ต.บ้านนา
จุดที่ 4 บริเวณยูเทิร์นอู่ซ่อมรถโกไก่ ม.11 - สามแยกต้นไทร ม.5 ต.บ้านนา

จากสภาพปัญหาน้ำท่วมถนนสายดังกล่าว ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับไปทำงานหลังจากที่หยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยอำนวยความสะดวก

จังหวัดสงขลา ฝนที่ตกหนักติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2559 ถึง 2 มกราคม 2560 สำหรับสถานการณ์ล่าสุด น้ำได้ลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝนหยุดตก 1 คืน แต่น้ำในคลองแก้ว และคลองอู่ตะเภา ปริมาณน้ำยังมากอยู่ เจ้าหน้าที่ยังคงใช้ธงเหลือง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวัง และให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดต่อไป

จังหวัดยะลา ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดยะลา ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2559 โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 998 ครัวเรือน รวม 4,026 คน ถนนได้รับความเสียหาย 10 สาย

นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ลงพื้นที่ เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต.สะเตงนอก ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จำนวน 150 ถุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

จังหวัดนราธิวาส บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงมีฝนตกลงมาแพร่ปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอหนักและเบาบางเป็นช่วงๆ ส่งผลทำให้แม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโกลก สายบุรี และบางนรา มีปริมาณล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่อง และไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ราบลุ่ม

โดยจุดที่วิกฤติที่สุดอยู่ในพื้นที่ 4 ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก คือ ชุมชนหัวสะพาน ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่ากอไผ่ และชุมชนท่าโรงเลื่อย ระดับน้ำสูง 1.50 เมตร ถึง 2 เมตร และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลทำให้บ้านเรือนประชาชนบางส่วนมีปริมาณน้ำท่วมขังจนมิดหลังคา และได้อพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว ที่โรงเรียนเทศบาล 4 แล้วจำนวน 40 ครัวเรือน รวม 214 คน

พ.ต.ท.ปกาสิฐ หนูอิ่ม ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน นำถุงยังชีพพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 30 ชุด ขึ้นเรือท้องแบนตระเวนมาแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน สร้างความปลาบปลื้มแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้