bloggang.com mainmenu search
นานๆ มาเปิด blog ใน group blog คุยกันเล่นเรื่องการถ่ายภาพและกล้อง สักที

พอดีช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปถ่ายภาพในงานแต่งงานมางานหนึ่ง เลยขอมาเล่าเรื่องประสบการณ์การถ่ายภาพงานแต่งงานให้อ่านกันเล่นนิดหน่อย



และคงต้องบอกกันก่อนว่าไม่ได้มีอาชีพรับ job ถ่ายภาพ
ยังสนุกกับการถ่ายภาพในกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้หัดถ่ายภาพได้ในแต่ละกิจกรรม ส่วนการถ่ายภาพงานแต่งงาน ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาถ่ายภาพบ่อยมากนัก

แต่ก็ตั้งใจเสมอๆ ว่าหากมีโอกาสได้มาถ่ายภาพในงานแต่งงาน ที่เป็นแค่กล้องมือ 2 มือ 3 แล้วได้ตามชมการถ่ายภาพของช่างภาพมืออาชีพ หรือที่รับงานด้านนี้โดยเฉพาะ ก็อยากที่จะเข้ามาเรียนรู้ด้วยเสมอๆ
งานครั้งนี้เช่นกัน มีช่างภาพมือ 1 ที่ทางผู้จัดงานได้จัดหามาไว้เรียบร้อยแล้ว และด้วยการมาเป็นช่างภาพมือ 2 ในงานครั้งนี้ ก็เนื่องจากรู้จักกัน สนิทกันพอสมควรกับผู้จัดงาน ทำให้งานนี้หมดความเกร็งไปได้ แต่เนื่องจากเป็นงานใหญ่ ก่อนถึงวันงาน ก็นั่งหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการถ่ายภาพงานแต่งงานไว้พอสมควร และก็อ่านจนเบลอไปเหมือนกัน



ประเด็นที่มาพูดคุยเล่าเรื่องการถ่ายภาพงานแต่งงาน คงจะพูดรวมๆ กันไป
ไม่ได้วาง concept ไว้มากนัก ว่าจะเล่าเรื่องอะไรบ้าง
แต่คงจะเน้นในเรื่องของการเป็นช่างภาพมือ 2 ของงานให้อ่านกันเป็นส่วนใหญ่
งานแต่งงานในระดับที่มีการจัดเลี้ยงกลางคืนในโรงแรม หรือ สถานที่จัดงานต่างๆ การมีช่างภาพคนเดียว อาจจะดูน้อยเกินไป ช่างภาพคนเดียวไม่สามารถที่จะแบ่งการถ่ายภาพในกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่หน้างาน จนถึงภายในงานได้ ดังนั้นการมีช่างภาพมาช่วย หรือมีผู้ช่วยมาช่วยถ่ายภาพได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ และหากว่ายังได้ไปถ่ายภาพงานแต่งงานเพียงคนเดียวอีกล่ะก็ อย่างน้อยก็น่าจะมีกล้องสำหรับถ่ายภาพ 2 ตัว สำหรับเลนส์ 2 ช่วงที่ควรมีติดไว้ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ไปมา แต่สำหรับงานนี้ของตัวเองแล้ว พอเป็นช่างภาพมือ 2 และแถมยังมีกล้องตัวเดียว แต่ก็ได้ติดเลนส์ไป 2 ช่วง เพราะยังพอมีเวลาเปลี่ยนเลนส์ไปมาได้อยู่



การถ่ายภาพงานแต่งงานเมื่อมีช่างภาพหลายคน อาจจะมากกว่า 2 คน ควรได้พูดคุยกับช่างภาพหลักของงานให้ดีไว้ก่อนเหมือนกัน ไม่งั้นจะถ่ายภาพทับไลน์กัน ถ้าเป็นอย่างเราๆ ที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว อาจจะไปแจมถ่ายภาพในบางจุด บาง shot ก็ควรรอให้ช่างภาพหลักของงานถ่ายภาพให้ได้ก่อนเช่นกัน แล้วค่อยรอไปถ่ายภาพใน shot ต่อไป (แต่ช่างภาพหลักที่ดี เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้ว ก็ไม่ควรยืนขวางทางไว้เช่นกันนะ) เรื่องพวกนี้นำมาเล่าสู่กันฟังให้อ่านกันเล่นๆ จะได้ไม่มีอะไรกระทบกระทั่งกัน หรือมีการพูดคุยทักทายกันไว้ก่อน จะได้รู้ว่ามีการร่วมถ่ายภาพกันอยู่ด้วย



การตั้งค่าการถ่ายภาพ ในงานแต่งงานภายในโรงแรม สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังในการปรับค่า white balance ให้สัมพันธ์กับแสงสีของไฟในโรงแรมด้วย ซึ่งปกติแล้วการถ่ายภาพส่วนใหญ่จะตั้งค่า white balance เป็นแบบ Auto แต่เมื่อเจอกับแสงสีของไฟในโรงแรม ภาพอาจจะได้ออกมาแสงสีแดงส้ม หรือ อมเหลืองออกมาด้วย ซึ่งเป็นแบบนี้อาจจะได้ภาพที่ไม่สวยงาม
ในงานนี้ก็เช่นกัน สองจิตสองใจจะตั้ง white balance แบบไหนดี แต่ก็เลือกตั้งเป็น Auto ไว้มาจากบ้านแล้ว แต่ที่เป็นประเด็นก็คือ งานนี้ตั้งใจจะเลือกถ่ายภาพเป็นไฟล์ Jpeg เพราะยังคิดว่าเป็นช่างภาพมือ 2 ยังไงภาพที่ถ่ายมาอาจจะมีโอกาสได้ใช้น้อยกว่าช่างภาพหลักอยู่แล้ว แต่ที่ไหนได้ เมื่อถ่ายภาพมา 2-3 shot แรก โดยที่ยังปรับการถ่ายภาพไว้แบบ Raw File แล้วดูภาพ ได้ภาพออกมาโทนแสงสีแดงอมส้มทุกๆ ภาพเลย แล้วเมื่อมองดูการจัดไฟภายในงาน ทั้งหน้างาน และภายในงาน มีการจัดแสงที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร สุดท้ายเลยตัดใจไม่ถ่ายภาพเป็น Jpeg แล้ว ใช้ถ่ายภาพด้วยย Raw File ทุกๆ ภาพเลย ดีที่ว่างานนี้เตรียม Mem มาเต็ม Pack ไม่ห่วงว่าจะหมดกลางคัน แล้วเมื่อได้ภาพกลับมาแล้ว สามารถมาแก้แสงสีจาก Raw File ได้ใหม่หมด ได้ภาพใสๆ ที่ไม่ติดแสงสีแดงอมส้มอีกแล้ว



เรื่องการใช้แฟลช ที่จริงก็อยากเล่าเหมือนกัน แต่ตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะได้เรื่องเลย เอาเป็นว่าจากที่อ่านมาตามคำแนะนำ ส่วนใหญ่ก็แนะนำไม่ให้ยิงแฟลชตรงๆ เพราะจะเกิดเงาตกสะท้อนและได้ภาพออกมาแบนๆ ดูไม่สวย หรือบางท่านที่เขียนแนะนำให้อ่านกันว่า ไม่เน้นใช้แฟลช ใช้แต่แสงภายในงาน ตรงนี้ก็คงแล้วแต่สไตล์การถ่ายภาพ บวกกับประสิทธิภาพของเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพด้วย แต่ก็เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยเห็นช่างภาพในงานแต่งงานส่วนใหญ่ก็มักจะใช้แฟลชถ่ายภาพกันทุกๆ งาน



ทั้งหมดที่เขียนให้อ่านกันเล่นนี้ เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่มาเล่าให้อ่านกันเล่นๆ บางเรื่องบางตอนอาจจะต่างความคิดเห็น หรือ ต่างแนวคิด หรือ ต่างทฤษฎี-ปฏิบัติ ในการถ่ายภาพงานแต่งงานนี้ แต่ด้วยความตั้งใจที่จะนำมาเขียนไว้เตือนตัวเองด้วย หากว่ามีโอกาสได้ไปถ่ายภาพงานแต่งงานอีก



รูปภาพประกอบชุดนี้ หลังจากได้ส่งงานให้กับเจ้าของงานไปแล้ว ได้เลือกภาพบางส่วนของงานมาประกอบให้ชมกันนิดหน่อยด้วย และด้วยตามประสาที่เป็นช่างภาพมือ 2 ทำให้พอมีเวลาไปถ่ายภาพในมุมอื่นๆ ได้ด้วย

และขอจบไว้กับ blog คุยกันเล่น #6 กับการเป็นช่างภาพมือ 2 ไว้เพียงเท่านี้
Create Date :18 พฤศจิกายน 2552 Last Update :19 พฤศจิกายน 2552 8:35:56 น. Counter : Pageviews. Comments :8